ReadyPlanet.com
dot
dot dot
bulletBUDDHISM TO THE NEW WORLD ERA
bullet1 Thai-ไทย
bullet2.English-อังกฤษ
bullet3.China-จีน
bullet4.Hindi-อินเดีย
bullet5.Russia-รัสเซีย
bullet6.Arab-อาหรับ
bullet7.Indonesia-อินโดนีเซีย
bullet8.Japan-ญี่ปุ่น
bullet9.Italy-อิตาลี
bullet10.France-ฝรั่งเศส
bullet11.Germany-เยอรมัน
bullet12.Africa-อาฟริกา
bullet13.Azerbaijan-อาเซอร์ไบจัน
bullet14.Bosnian-บอสเนีย
bullet15.Cambodia-เขมร
bullet16.Finland-ฟินแลนด์
bullet17.Greek-กรีก
bullet18.Hebrew-ฮีบรู
bullet19.Hungary-ฮังการี
bullet20.Iceland-ไอซ์แลนด์
bullet21.Ireland-ไอร์แลนด์
bullet22.Java-ชวา
bullet23.Korea-เกาหลี
bullet24.Latin-ละติน
bullet25.Loa-ลาว
bullet26.Finland-ฟินแลนด์
bullet27.Malaysia-มาเลย์
bullet28.Mongolia-มองโกเลีย
bullet29.Nepal-เนปาล
bullet30.Norway-นอรเวย์
bullet31.persian-เปอร์เซีย
bullet32.โปแลนด์-Poland
bullet33.Portugal- โปตุเกตุ
bullet34.Romania-โรมาเนีย
bullet35.Serbian-เซอร์เบีย
bullet36.Spain-สเปน
bullet37.Srilanga-สิงหล,ศรีลังกา
bullet38.Sweden-สวีเดน
bullet39.Tamil-ทมิฬ
bullet40.Turkey-ตุรกี
bullet41.Ukrain-ยูเครน
bullet42.Uzbekistan-อุสเบกิสถาน
bullet43.Vietnam-เวียดนาม
bullet44.Mynma-พม่า
bullet45.Galicia กาลิเซียน
bullet46.Kazakh คาซัค
bullet47.Kurdish เคิร์ด
bullet48. Croatian โครเอเซีย
bullet49.Czech เช็ก
bullet50.Samoa ซามัว
bullet51.Nederlands ดัตช์
bullet52 Turkmen เติร์กเมน
bullet53.PunJabi ปัญจาบ
bullet54.Hmong ม้ง
bullet55.Macedonian มาซิโดเนีย
bullet56.Malagasy มาลากาซี
bullet57.Latvian ลัตเวีย
bullet58.Lithuanian ลิทัวเนีย
bullet59.Wales เวลล์
bullet60.Sloveniana สโลวัค
bullet61.Sindhi สินธี
bullet62.Estonia เอสโทเนีย
bullet63. Hawaiian ฮาวาย
bullet64.Philippines ฟิลิปปินส์
bullet65.Gongni-กงกนี
bullet66.Guarani-กวารานี
bullet67.Kanada-กันนาดา
bullet68.Gaelic Scots-เกลิกสกอต
bullet69.Crio-คริโอ
bullet70.Corsica-คอร์สิกา
bullet71.คาตาลัน
bullet72.Kinya Rwanda-คินยารวันดา
bullet73.Kirkish-คีร์กิช
bullet74.Gujarat-คุชราด
bullet75.Quesua-เคซัว
bullet76.Kurdish Kurmansi)-เคิร์ด(กุรมันซี)
bullet77.Kosa-โคซา
bullet78.Georgia-จอร์เจีย
bullet79.Chinese(Simplified)-จีน(ตัวย่อ)
bullet80.Chicheva-ชิเชวา
bullet81.Sona-โซนา
bullet82.Tsonga-ซองกา
bullet83.Cebuano-ซีบัวโน
bullet84.Shunda-ชุนดา
bullet85.Zulu-ซูลู
bullet86.Sesotho-เซโซโท
bullet87.NorthernSaizotho-ไซโซโทเหนือ
bullet88.Somali-โซมาลี
bullet89.History-ประวัติศาสตร์
bullet90.Divehi-ดิเวฮิ
bullet91.Denmark-เดนมาร์ก
bullet92.Dogry-โดกรี
bullet93.Telugu-เตลูกู
bullet94.bis-ทวิ
bullet95.Tajik-ทาจิก
bullet96.Tatar-ทาทาร์
bullet97.Tigrinya-ทีกรินยา
bullet98.Check-เชค
bullet99.Mambara-มัมบารา
bullet100.Bulgaria-บัลแกเรีย
bullet101.Basque-บาสก์
bullet102.Bengal-เบงกอล
bullet103.Belarus-เบลารุส
bullet104.Pashto-พาชตู
bullet105.Fritian-ฟริเชียน
bullet106.Bhojpuri-โภชปุรี
bullet107.Manipur(Manifuri)-มณีปุระ(มณิฟูรี)
bullet108.Maltese-มัลทีส
bullet109.Marathi-มาราฐี
bullet110.Malayalum-มาลายาลัม
bullet111.Micho-มิโช
bullet112.Maori-เมารี
bullet113.Maithili-ไมถิลี
bullet114.Yidsdish-ยิดดิช
bullet115.Euroba-ยูโรบา
bullet116.Lingala-ลิงกาลา
bullet118.Slovenia-สโลวีเนีย
bullet119.Swahili-สวาฮิลี
bullet120.Sanskrit-สันสกฤต
bullet121.history107-history107
bullet122.Amharic-อัมฮาริก
bullet123.Assam-อัสสัม
bullet124.Armenia-อาร์เมเนีย
bullet125.Igbo-อิกโบ
bullet126.History115-ประวัติ 115
bullet127.history117-ประวัติ117
bullet128.Ilogano-อีโลกาโน
bullet129.Eve-อีเว
bullet130.Uighur-อุยกูร์
bullet131.Uradu-อูรดู
bullet132.Esperanto-เอสเปอแรนโต
bullet133.Albania-แอลเบเนีย
bullet134.Odia(Oriya)-โอเดีย(โอริยา)
bullet135.Oromo-โอโรโม
bullet136.Omara-โอมารา
bullet137.Huasha-ฮัวซา
bullet138.Haitian Creole-เฮติครีโอล
bulletคำบูชาพระรัตนตรัย ทำวัตรแปล เช้า-เย็น
bulletChart Showing the Process
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พ.ศ.2540 - 2566
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี 1
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี 2
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี บุคคลที่ 1 - 188 ปัจจุบัน
bulletหนังสือพิมพ์ดี
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 1
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 2
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 3
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 4
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 5
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 6
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 7
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 8
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 9
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 10
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 11
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 12
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 13
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 14
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 15
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 16
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 17
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 18
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 19
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 20
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 21
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 22
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 23
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 24
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 25
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 26
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 27
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 28
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 29
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 30
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 31
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 32
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 33
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 34
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 35
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 36
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 37
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 38
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 39
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 40
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 41
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 42
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 43
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 44
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 45
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 46
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 47
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 48
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 49
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 50
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 51
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 52
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 53
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 54
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 55
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที่ 56
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 57
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 58
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 59
bulletTo The World
bulletENGLISH
bulletUSA
bulletChina
bulletIndia
bullet Mynmar
bullet Cambodia
bullet Loas
bulletSri Lanka
bulletMalaysia
bulletKorea
bulletA Sharp Turn of Believes : Iresearch Iwrite Iread
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 1
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 2
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 3
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 4
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 5
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 6
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 7
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 8
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 9
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 10
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 11
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 12
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 13
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 14
bulletMystery Report 15
bulletMystery Report 16
bulletMystery Report 17
bulletMystery Report 18
bulletMystery Report 19
bulletMystery Report 20
bulletMystery Report 21
bulletMystery Report 22
bulletMystery Report 23
bulletMystery Report 24
bulletMystery World Report 25
bulletศึกษาโลกลี้ลับ 26
bulletเฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้ว วิเคราะห์ทุกปัญหาในโลกมนุษย์ด้วยสติปัญญาและเหตุผลวิทยาศาสตร์จากนสพ.ดี
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2536
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2537
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2538
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2539
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2540
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2541
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2542
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2543-2545
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2545-2549
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2549-2550
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2550-ส.ค.2551
bulletเฝ้าดูฯ ส.ค.-ก.ย.2551
bulletเฝ้าดูฯ ก.ย.2551- ธ.ค. 2551
bulletเฝ้าดูฯสำนวนพัชรา กอปรทศธรรม
bulletสำนวนพัชราตอนที่ 16-27
bulletสำนวนพัชราตอนที่ 29
bulletบทความใหม่ เม.ย.-พ.ค.2552
bulletพุทธธรรมเพื่อทางดับทุกข์
bulletทฤษฎีการดับทุกข์ทางจิต วิปัสสนากรรมฐานโดยการทำงาน(สำนวนปรับปรุงใหม่)
bulletประวัติพัชรา กอปรทศธรรม
bulletประวัติการต่อสู้เพื่อการดับทุกข์ ของพัชรา กอปรทศธรรม
bulletอัลบั้มรูป history
bulletนิทานธรรมะประยุกต์ มานุสสาสุระสงคราม 4 ภาค และอื่น ๆ
bulletอัลบั้มรูป ภาพในอดีตและชีวประวัติศาสตร์ที่สวยงาม
bulletจากเวบบอร์ด พูดกันไม่รู้เรื่อง ประชาธิปไตยล้าหลัง
bulletศาสนาสากล การวิเคราะห์ความหมาย
bulletปลอบใจ
dot
รวมบทวิเคราะห์กม.คณะสงฆ์ แนวปฏิรูปคณะสงฆ์อยู่ในบทวิเคราะห์นี้แล้ว
dot
bulletรวมบทวิเคราะห์กม.คณะสงฆ์
dot
สากลจักรวาล สากลศาสนา แนวคิดศาสนาสำหรับคนยุคใหม่ ผู้ก้าวผิดทางไปสู่สิ่งไร้สาระโดยไม่รู้ตัว
dot
bulletสากล...ศาสนา 1
bulletสากล...ศาสนา 2
bulletสากล...ศาสนา 3
bulletสากล...ศาสนา 4
bulletสากล...ศาสนา 5
bulletสากล...ศาสนา 6
bulletสากล...ศาสนา 7
bulletสากล...ศาสนา 9
bulletสากล...ศาสนา 8
bulletสากล...ศาสนา 10
bulletสากล...ศาสนา 11
bulletสากล...ศาสนา 12
bulletสากล...ศาสนา 13
bulletสากล...ศาสนา 14
bulletสากล...ศาสนา 16
dot
ส่วนข้อมูลสำคัญเพื่อการวิจัยการเมืองไทยยุค คมช.-รัฐบาลอภิสิทธิ์
dot
bulletข้อมูลสำคัญยุคคมช.-รัฐบาลอภิสิทธิ์
bulletรายงานสดม็อบสนธิ-จำลอง-ปชป.เป่านกหวีดวันที่1/26ส.ค.2551
bulletรายงานสดม็อบสนธิ-จำลอง-ปชป.เป่านกหวีดวันที่2/27ส.ค.2551
bulletใบปลิว อีเมล์ ในหลวงทรงร้องไห้
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 1
bulletในหลวงเพิ่งทราบข่าวฆ่าประชาชน10เมย.53ทรงร้องไห้
bulletบันทึกลับเสื้อแดงผู้รอดชีวิตจากทำเนียบรัฐบาล
bulletบันทึกลับเสื้อแดงผู้รอดชีวิตจากทำเนียบรัฐบาล
dot
รวมข่าวม็อบการเมืองสนธิ-จำลอง-ปชป.มิ.ย.51-เม.ย.52 นสพ.
dot
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 2
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 3
bulletรวมข่าวม็อบ30มิ.ย.51-23มี.ค.52
bulletเลือดศรีสะเกษบันทึกเรื่องราวรอบด้านเกี่ยวกับเขาพระวิหาร
bulletรายงานการโฆษณาชวนเชื่อในประเทศไทยที่ล้มล้างรัฐบาลทักษิณ
bulletหนังสือพิมพ์ดี ของฟรีให้เปล่ามา20ปีแล้วทั้งเอกสารและอินเทอเนท
bulletหนังสือพิมพ์ดี ( อินเทอเนต ) เล่ม 1 - 44 - ล่าสุด
bulletหน้าที่เก็บไว้
bulletมูลนิธิพระเทพวรมุนี(เสน ปญฺญาวชิโร)
bulletวัดมหาพุทธาราม ศรีสะเกษ บันทึกเหตุการณ์
bulletสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดศรีสะเกษแห่งที่ 1
bulletเกี่ยวกับเวบไซต์ของเรา เราทำเพื่อปัญญาชนโดยแท้
bulletรวมกระทู้เด็ดจากกระดานถามตอบ
bulletคาถาอาคมไสยศาสตร์
bulletกวีนิพนธ์ใหม่
bulletศูนย์ปฏิญญาณละเลิกอบายมุข บัญชีที่ 1- 4


บทบก.: การเมืองอเมริกา การเมืองไทย บุคคลแห่งปี2551ของหนังสือพิมพ์ดี

 

 

 

 

 

หนังสือพิมพ์ดี : วิเคราะห์ข่าวในวงการเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดและสหธรรมิก

วัตถุประสงค์   เพื่อนำความคิดไปสู่ความดีงาม เพื่อความกลมกลืนแห่งสากลศาสนา

เล่มที่ 42   ประจำเดือน ต.ค.-พ.ย.-ธ.ค.2551-ม.ค.-ก.พ.-มี.ค. 2552

 

 

 

 

  บทบรรณาธิการ

 

 

นี่คือหนังสือพิมพ์ดี ( อินเทอเนท ) ฉบับที่ 42  ประจำเดือน ต.ค.-พ.ย.-ธ.ค.2551-ม.ค.-ก.พ.-มี.ค.2552 ซึ่งออกตามหลังเวบไซต์ของเราคือ  https://www.newworldbelieve.net

 

 

 

 

            เราจะบินบินบินและบินไป                            สู่ขอบฟ้าสดใสในเบื้องหน้า
            แม้วันนี้มีเมฆร้ายมหิมา                               ก็ไม่หวาดไม่ผวาคณาภัย

            ถึงเขาใหญ่สูงเงื้อมตระหง่านฟ้า                    ก็จะฝ่าฤาพรั่นนึกหวั่นไหว
            มหาสมุทรสุดสายลมไกว                            จะเอื้อมไปให้ถึงซึ่งฝั่งดิน

            ถึงแห้งเหือดเลือดหมดหยดสุดท้าย              แล้วก็หมายชนหลังยังถวิล
            สัจธรรมนี้ไว้ในธรณิน                                 กว่าจะสิ้นกัปกัลป์พุทธันดร

 

 

 

ในการที่เราออกหนังสือพิมพ์ดี นี้  เรามุ่งหมายให้เป็นสื่อความคิดที่ดี  การกระทำที่ดี  ตามสุภาษิตของเราที่ว่า   เพื่อนำความคิดไปสู่ความดีงาม   เพื่อความกลมกลืนแห่งสากลศาสนา   For All Good  For All Thought : ทุกความดีงาม  ทุกความคิดของมวลมนุษย์โลกนี้    เราได้กล่าวไว้ในดีเล่มก่อน ดีเล่มที่ 41 ว่าอย่างไรเราก็ยืนยันอย่างนั้น   นั่นคือ  สถานการณ์บ้านเมืองในวันนี้ ยังคงเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง และมองไปดูมืด ไม่มีทางออก   แต่เราต้องสู้ และตั้งใจว่าทางออกคือความเป็นธรรม  แม้จะมืดก็ต้องฝ่าฟันออกไปทางความเป็นธรรมนั้น  เพื่อให้แผ่นดินนี้เป็นแผ่นดินสำหรับความเป็นธรรม  และประชาชนข้างหน้า ในอนาคตที่เป็นคนไทยรุ่นใหม่ต่อไปในแผ่นดินนี้ เป็นเครือสกุลเลือดเนื้อของคนเป็นธรรม   ฉะนั้น  เราจึงยังมีความหวังว่าประชาชนไทยทั้งปวง ที่เป็นชนผู้เป็นมนุษย์ ที่ย่อมรักความเป็นธรรมอยู่โดยธรรมชาติอยู่แล้ว จะมารวมกันให้เหนียวแน่น เพื่อต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมในแผ่นดินอย่างถึงที่สุด  จนกว่าจะพบความสำเร็จ และประชาชนทั้งแผ่นดินได้พบความสุขสงบ บรรลุประโยชน์อันดีที่เที่ยงแท้

 

 

หนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 42 ที่ออกมาในช่วงนี้ เป็นช่วงที่มีเหตุการณ์ทางการเมืองที่สำคัญสมควรจารึกไว้ อยู่ 2 ประการ คือ

 

ประการที่ 1  การเมืองอเมริกา  

 

มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่ง ณ เวลาประเทศไทยเมื่อ 19.20 น.วันที่ 4 พฤศจิกายน 2551  ทางประเทศสหรัฐอเมริกาได้เปิดหีบเลือกตั้ง  และประชาชนอเมริกันซึ่งคาดว่ามีประมาณ 130 ล้านคน ได้ทยอยไปลงบัตรเลือกตั้งแล้ว  และหลังจากนี้ก็เป็นกระบวนการเลือกตั้ง  ซึ่งในวาระเดียวกันนี้ ได้มีการเลือกตั้งสภาสูงและสภาล่างไปพร้อมกันด้วย   ครั้นเมื่อวันที่ 5 พ.ย.2551 เวลา ประมาณ  11.00 น.  ปรากฏผลการเลือกตั้งส่วนใหญ่แล้ว นายจอห์น แม็กเคน [ John McCain ]  ได้แถลงต่อประชาชน  ยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง โดยแถลงที่รัฐอาริโซน่า   และยังได้โทรศัพท์ไปแสดงความยินดีต่อนายบารัค โอบามา [ Barack Obama ]  นายยอร์ช ดับเบิลยู บุช [ George W. Bush ] ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ผู้กำลังจะจากไป ก็ได้โทรศัพท์ไปแสดงความยินดีกับนายบารัค โอบามา ด้วย   ในเวลาต่อมานายบารัค โอบามา ก็ได้กล่าวปราศรัยในสวนสาธารณะของนครชิคาโก [ Grand Park Chicago ]  รัฐอิลลินอยส์ ข้อความของเขามีว่า  จะใช้วิธีประชาธิปไตย และความมีเสรี เป็นเครื่องมือของชัยชนะ

 

ข้อสังเกตการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาปีนี้ ดูเหมือนว่ามีหลายสถาบันการเมืองอเมริกา ได้เอาใจใส่สังเกตปัญหาทางการเมืองไทยเป็นพิเศษ  และดูเหมือนจะได้แสดงแบบอย่างให้ประเทศไทย นักการเมืองไทยได้เห็นเป็นตัวอย่าง  ว่าองค์ประกอบของระบอบประชาธิปไตยทุกระบอบนั้นต้องการสปิริตจิตใจที่เข้มข้นอย่างไร  สิ่งที่เรียกว่าจริยธรรม หรือสิ่งที่สะท้อนจริยาแห่งระบอบประชาธิปไตยนั้นเป็นสิ่งที่มีความหมายสำคัญอย่างยิ่งต่อระบอบประชาธิปไตยเพียงไหน  นับตั้งแต่การเมืองในพรรคการเมืองเอง  จะเห็นบทบาทของคู่ที่เป็นตัวแทนพรรค  แสดงแบบอย่างอย่างไร ระหว่างนางฮิลลารี คลินตัน ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ค  อดีตสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา  กับ ส.ว.บารัค โอบามา เห็นได้ว่า ในเวลาที่มีการต่อสู้กัน เขาก็ต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย  แต่พอรู้ผลชัยชนะแล้ว เขาก็แสดงจิตใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย  และเมื่อได้ตัวแทนแล้ว แม้เคยต่อสู้กันมาอย่างเข้มข้น เขาก็กลับมาเป็นมิตรกัน ร่วมต่อสู้เพื่อชิงชัยกับพรรคคู่แข่ง  ดังจะเห็นบทบาทของทั้งอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน  กับนางฮิลลารี คลินตัน ที่เด่นของพรรคดีโมแครต  ในการช่วยคนของพรรคคือนายบารัค โอบามา จนประสบชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ของพรรคดีโมแครต โดยได้เสียงข้างมากทั้งสภาล่างและสภาสูงด้วย  และที่เห็นเป็นปกติในการเมืองระบอบประชาธิปไตยที่ควรเป็นแบบอย่างแด่การเมืองไทยก็คือ การยอมรับในความพ่ายแพ้ต่อประชาชนฝ่ายที่สนับสนุนตน  โดยมุ่งหมายว่าประชาชนก็ยอมรับความพ่ายแพ้นั้นด้วย  ซึ่งหมายถึงประชาชนอเมริกัน ภายหลังการเลือกตั้งทุกครั้งเมื่อกลับมาเป็นตัวเป็นตนแบบเสรี ไม่มีการยึดมั่นในฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โดยเพียงคอยติดตามผลงานของพรรคการเมือง จนกว่าจะถึงวาระการเลือกตั้งครั้งต่อไป

 

และบังเอิญการเลือกตั้งครั้งนี้ เกิดขึ้นในระยะเวลาที่ประเทศไทยมีปัญหาทางการเมืองอยู่พอดี  จึงน่าที่นักการเมืองและประชาชนไทยจะได้มองดูและดูแบบอย่างของประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีความก้าวหน้าในระบอบประชาธิปไตยอย่างสูง  และเป็นเหตุของความเจริญมั่งคั่งเป็นมหาอำนาจของชนชาติอเมริกัน   สิ่งที่คนไทยน่าจะสังเกตให้ดีเป็นกรณีพิเศษในเชิงเปรียบเทียบทางนามธรรมเชิงพุทธรรมก็คือ ประชาชนอเมริกันได้ประพฤติธรรมชั้นสูงโดยความเป็นธรรมชาติ ซึ่งเมื่อวิเคราะห์แล้วพบว่าพวกเขาปฏิบัติธรรมพุทธคือ  มีความวิริยะอดทน ( ดูตั้งแต่บทบาท ในเวลาที่ระดมการหาเสียง จะเห็นความพยายามของพรรคการเมืองและนักการเมืองสูงมากและไม่มีการเหน็ดเหนื่อยท้อแท้เลย )  การไม่จองเวร  การไม่ผูกโกรธ   การให้อภัย  ( ดูภายหลังผลการเลือกตั้งแล้ว ทั้งนักการเมืองและประชาชนทุกฝ่ายต่างก็ให้อภัยไม่ผูกโกรธ  ไม่จองเวร  ต่างก็ทำจิตว่าง พวกเขาเล่นการเมืองด้วยจิตว่างโดยแท้จริง   ทั้ง ๆ ที่พวกเขาอาจจะไม่เคยอ่านหนังสือธรรม อย่างที่คนไทยในประเทศไทยอ่านและท่องจำกัน)  ฯลฯ ซึ่งชาวอเมริกันเขาไม่ได้มองในเชิงศาสนธรรม โดยเฉพาะเขาไม่ได้มองว่าเป็นพุทธธรรมด้วยซ้ำ  แต่เขามองว่าเป็นจริยา หรือ จริยธรรมของระบอบประชาธิปไตยที่จำเป็น เพื่อให้ระบอบเดินไปได้ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับการเมืองไทย พบว่าประชาชนชาวพุทธรู้ธรรมเหล่านั้นดี อธิบาย เทศน์ ขยายความไปได้มากมาย  แต่หาความซื่อสัตย์ต่อพระธรรมคำสั่งสอนนั้นไม่  เพราะเพียงแต่รู้ เพียงแต่เรียนและจดจำเอาไว้เพื่อการโอ้อวดเท่านั้นเอง ไม่ได้มองในเชิงปฏิบัติให้บรรลุผลจริง ๆ จัง ๆ และไม่เข้าใจว่าธรรมะเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างขาดไม่ได้ของระบอบประชาธิปไตย   แต่หมู่ชนอเมริกันที่เขาไม่ได้รู้ธรรมเหล่านี้จากคัมภีร์พุทธเลย แต่ปฏิบัติไปโดยเหตุผลแห่งธรรม-ธรรมชาติอันกระทบสังคมและมีผลโดยธรรมชาติ  เขาจึงได้ปฏิบัติ สร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ และความเจริญ   นี่ควรเป็นข้อคิดเตือนใจพุทธไทยอย่างแท้จริง  โดยเฉพาะความเข้าใจทางการเมืองว่า  การเมืองในระบอบประชาธิปไตย จักต้องยืนอยู่บนความเคร่งครัดแห่งจริยธรรมอย่างสูงระบอบจึงจักก่าวเดินเจริญไปได้

 

 

ประการที่ 2 การเมืองไทย

 

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 27  โดยชนะเสียงโหวตในสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่  15 ธ.ค. 2551 โดยชนะ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก แห่งพรรคเพื่อไทย 235 : 198  คะแนน  วันที่ รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี  18 ธ.ค. 2551 ได้กล่าววาทะที่สำคัญ ๆ ต่อประชาชนว่า “จะยุติการเมืองที่ล้มเหลว”  ก็ได้แต่เพียงกล่าวคำพูดเท่านั้น  เพราะมาถึงบัดนี้แล้วก็ยังไม่เห็นพูดต่อว่าจะยุติอย่างไร  และที่สำคัญไม่แสดงให้เห็นว่า จะใช้วิถีทางการเมืองอย่างไร  ถ้าไม่ใช้วิถีทางของระบอบประชาธิปไตยแล้วจะสามารถยุติ การเมืองที่ล้มเหลว ได้อย่างไร   จึงกลับจะยืนยันเพียงว่าแท้ที่จริง การพูดของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และพลพรรคประชาธิปัตย์ ก็เหมือน ๆ กัน คือพูดโดยไม่คำนึงถึงการกระทำ

 

ฉะนั้นที่พูด ๆ ไปแล้วโดยตลอดมาจนถึงวันนี้  จึงเป็นแต่เพียงการพูดเท่านั้นจริง ๆ  เหตุก็เพราะพูดในสิ่งที่ไม่คิดจะทำ  และทำในสิ่งที่ไม่ได้พูด  ซึ่งแสดงถึง การไร้ประสิทธิภาพในการบริหารงานโดยสิ้นเชิง  ตามที่เราได้คาดคะเนไว้แต่ไหนแต่ไรมาแล้ว  และหนังสือพิมพ์ดีก็ได้วิเคราะห์ไว้บ่อย ๆ เป็นเชิงเตือนให้พรรคประชาธิปัตย์เร่งศึกษานโยบายให้ชัดเจน เป็นของตนเอง    แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้ทำการศึกษาทางนโยบายการบริหารแผ่นดินเลย  เมื่อขึ้นเป้นรัฐบาล อย่างไม่สง่างามอย่างยิ่ง  จึงหันไปจับเอานโยบายของพรรคคู่ต่อสู้ของตนเอง  ซึ่งเคยเป็นนโยบายที่พรรคประชาธิปัตย์เคยรังเกียจ เคยต่อต้านคัดค้านมาแล้ว ทั้งในรัฐสภาและนอกรัฐสภา แต่ที่น่าสมเพชก็คือ  เอาของเขามาใช้อย่างไม่เข้าใจ  ทั้งอุดมการณ์และแนวทางการบริหารนโยบายของเขา  แล้วยังได้พบว่ามีสิ่งที่น่าเป็นห่วงไปอีก ก็คือ  พอเริ่มต้นก็กู้หนี้ยืมสินเสียแล้ว   ที่เป็นเครื่องวัดความสามารถของพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคไทยรักไทยเดิม  ที่ทำงบประมาณประจำปีโดยเป็นงบประมาณสมดุล มาอย่างน้อยก็ 2 ปีซ้อน ๆ  นี่กล่าวเพื่อให้เห็นเชิงความสามารถ และความน่ามั่นใจศรัทธา

รัฐบาลนายอภิสิทธิ์จึงคงจะได้รับการต่อต้านอย่างแรงจากประชาชนเสื้อแดงและหมู่เหล่าอื่น ๆ ต่อไป และมองไม่เห็นว่าจะสร้างประโยชน์อย่างไรแก่ประชาชน โดยเฉพาะประชาชนชาวอีสานอันกว้างใหญ่  ที่แต่ไหนแต่ไรไม่เคยได้รับการเหลียวแลอยู่แล้ว เพราะเหตุการณ์ในภาคใต้ทั้งเหตุการณ์จริงและการสร้างสถานการณ์ขึ้นมาได้ดึงดูดงบประมาณและการบริการของรัฐไปทุกปีทุกปี  จนเป็นเหตุให้ประชาชนชาวอีสาณที่กว้างใหญ่ ต้องยอมเป็นฝ่ายเสียสละตลอดมา พวกเขาต้องทนอดทนออมต่อปัญหาต่าง ๆ โดยไม่ปริปากออกมาเลยเป็นเวลานานนับรัฐบาลแล้วรัฐบาลเล่า ล่าสุดที่มีความหวังอันพลุ่งโพลง ก็มีขึ้นในรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช  โดยท่านสมัคร นายกรัฐมนตรีได้เอ่ยโครงการอุโมงค์ผันน้ำ และการชลประทานขนาดให่ญ่ในภาคอีสาน ในวงเงินงบประมาณ 2 แสนล้านบาท   แม้เพียงเอ่ย ก็ยังแสดงถึงความเอื้ออาทร  และเราคิดว่าหากพรรคประชาธิปัตย์จะเพียงลองเอ่ยถ้อยคำหวาน ๆ เกี่ยวกับปัญหาความแห้งแล้งในแตนอีสาน ขึ้นมาบ้าง  จะบอกต่อไปหน่อยตรง ๆ ว่า  เอ่ยเพื่อให้เป็นกำลังใจคนอีสานไม่ได้ตั้งใจทำ เพราะรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ไร้ความสามารถ ทำไม่ได้หรอกเท่านั้น  ชาวอีสานก็คงจะพอใจให้คะแนนพรรคประชาธิปัตย์ไปจำนวนหนึ่งเลยทีเดียว    เราจึงขอเสนอแนะไว้ ณ ที่นี้

 

 

 

บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี
พุทธศักราช 2551

และวาระนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะประกาศ บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี ประจำปี พุทธศักราช 2551  ดังต่อไปนี้

 

1.    วีระ มุสิกพงศ์

วีระ  มุสิกพงศ์  นักต่อสู้ ที่มีอดีตมากมาย หลากประสบการณ์  สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนับแต่ช่วงปลายปี 2551 เป็นต้นมา ที่ควรนับว่าเป็นปรากฎการณ์แปลกพิเศษที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในประเทศไทยก็คือ ปรากฎการณ์สีแดง  และครั้งล่าสุดมี  แดงทั้งแผ่นดิน เพื่อประชาธิปไตย นั้น เป็นฝีมือของเขา และสหายร่วมงานอีก 2 คือ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ จตุพร พรหมพันธ์  ที่ได้รับฉายาจากฝ่ายตรงข้ามเขาว่า  3 เกลอหัวเกรียน การพูดของเขาบนเวทีต่าง ๆ ได้บ่งบอกไปถึงชีวิตและอุดมการณ์ของเขา เราได้พบว่าเขามีความนิ่งสงบสงัด และความเย็นเยือกแห่งภาคภายใน เพราะเหตุที่มีประสบการณ์มาก ชีวิตได้เก็บเกี่ยวเรื่องราวของชีวิต  สังคม ชาติ บ้านเมือง และสัจธรรมมามากพอเอาตัวเองรอดในโลกที่อันตรายได้อย่างสบาย ๆ  ในท่ามกลางความผันผวนปั่นป่วนและไร้ระเบียบวินัย 

ในช่วงเวลาปัจจุบันนี้ เราได้พบว่า วีระ มุสิกพงศ์ ดูเหมือนว่าเขาอยู่ข้างเดียวกับโชคชะตา มีโชคชะตาเป็นเพื่อน  พร้อมนิพพิทาญาณคือความหน่ายในโลกสงสาร   แม้ว่าโดยแท้จริงเป็นเพราะความมีจุดยืนของชีวิตที่ถูกต้อง  นั่นคือ สัจธรรม โดยวาทะพระพุทธภาษิตว่า  สจฺจํเว อมตา วาจา
: วาจาจริงเป็นสิ่งไม่ตาย และวันนี้อุดมการณ์ของชีวิตได้แฝงไว้ในรายการ  ความจริงวันนี้  ก็เป็นสิ่งที่เป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อความสำเร็จในชีวิตของเขา เพื่ออุดมการณ์ประชาธิปไตยที่กว้างใหญ่ ภาพอนาคตข้างหน้าก็ดูชัดเจน มีมาตรฐานความเข้าใจในระดับแห่งศาสนธรรมค่อนข้างสูง ที่มีเส้นแบ่งที่แตกต่างระหว่างวิชชาและอวิชชา  พร้อมวิสัยทัศน์อันกว้างไกล รอบด้าน ที่ครอบคลุมทุกศาสตร์ทุกสถานการณ์ 

ระยะหลังมานี้เขาเก่งกล้าหาญพอที่จะวิพากษ์สันติอโศก และนายรัก รักพงษ์แห่งสันติอโศก ในยุคที่หลงผิดในความเป็นศาสดา  ซึ่งนี่เป็นการเปิดทางสู่ความจริงอีกทางหนึ่ง ทางแห่งโลกเร้นลับ หรือ โลกุตตรภูมิ นั่นคือการเปิดทางภูมิปัญญาไปสู่ระดับธรรมชาติ อันเป็นธรรมดา ที่ปราศจากการยึดมั่นถือมั่น คือความหลุดพ้น  ที่พ้นไปจากกาลเวลา ไม่มีอดีต  ไม่มีอนาคต และทั้ง ไม่มีปัจจุบัน

 

2.    ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เขาได้รับการจารึกประวัติชีวิตตอนต้น ๆ ไว้ว่า  นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์พีทีวี อดีตรองโฆษกพรรคไทยรักไทย  ในปี พ.ศ. 2551 นายณัฐวุฒิได้เป็นหนึ่งในพิธีกรรายการความจริงวันนี้ ทาง NBT โดยร่วมกับนายวีระ มุสิกพงศ์ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ แต่เมื่อรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้มอบหมายให้นายณัฐวุฒิ เข้าดำรงตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายก่อแก้ว พิกุลทอง จึงได้เป็นพิธีกรแทนนายณัฐวุฒิ ประวัติ นายณัฐวุฒิ มีชื่อเล่นว่า “เต้น” เกิดเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2518 ที่อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช จบการศึกษาระดับประถม ที่โรงเรียนวัดพระมหาธาตุ เมื่อปี พ.ศ. 2530 ระดับมัธยม ที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช เมื่อปี พ.ศ. 2536 สร้างชื่อเสียงด้วยการเป็นนักโต้วาทีของโรงเรียน จนได้เป็นแชมป์ รายการโต้คารมมัธยมศึกษา ทางช่อง 3

 เรื่องราวในระยะหลังของบุคคลผู้นี้ เป็นเรื่องที่น่าประทับใจ น่าเลื่อมใส ศรัทธา เขาได้พบกับความอกหักติดต่อกันไปตามรัฐบาลที่ถูกโค่นล้มอย่างไม่เป็นธรรม อย่างน้อยก็ 2 รัฐบาลมาแล้ว  ทั้ง ๆ ที่เขาได้ทุ่มทุกอย่างเพื่อปกป้องรัฐบาลของเขาอย่างสุดฤทธิ์  น่าจะเป็นภาวะที่สุดทนของปุถุชนคนธรรมดาคนหนึ่ง  แต่สิ่งที่ทำร้ายและปิดกั้นทางเดินของเขาเหล่านี้  มิอาจสะกัดกั้นเขาได้  เขายังคงเดินหน้าต่อไปด้วยมาดของนักสู้ ในดวงตาของเขายังคงสดใส มีประกายแห่งความปิติชื่นมื่นเสมอ ไม่เคยปรากฏรอยที่ขุ่นมัว เศร้าโศก และสิ้นหวัง  และริมฝีปากเขาก็ยังมีรอยยิ้มแย้มและอารมณ์ขันดุจไม่รู้จักความเศร้าโศกเสียใจในชีวิต    เรามองว่าเป้นบุคลิกภาพที่สะท้อนความสามารถ เป็นคนที่เก่งจริง กล้าหาญจริง  พร้อมทั้งสุขภาพทั้งทางกายและทางใจสมบูรณ์  ทั้งเป็นนักสู้ผู้เฉลียวฉลาด มีไหวพริบ และความเท่าทันคนเท่าทันสถานการณ์ เขามีบุคลิกภาพที่เชาวน์ปัญญาแล่นเร็ว  สามารถเอี้ยวพลิกตัวหลบหรือใช้เป็นยุทธวิธีในสนามรบแห่งปัญญาได้คล่องแคล่ว และที่สำคัญคือจุดยืนที่อยู่บนความจริงวันนี้  ซึ่งย่อมเป็นต้นทางนำไปสู่สัจธรรมอันเป็นโลกุตตระ อันเป็นอมตะนิรันดร์กาลต่อไป

 

 

3.    จตุพร พรหมพันธ์ 

จตุพร พรหมพันธ์   สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบสัดส่วน พรรคเพื่อไทย  มีประวัติช่วงหลัง ๆ มานี้ว่า  จตุพร พรหมพันธ์ ได้เข้าร่วมเป็น 1 ใน 8 แกนนำกลุ่ม นปก. ที่เคลื่อนไหวต่อต้าน คมช. เคยเข้าสังกัดกับพรรคพลังประชาชน พร้อมกับลงรับสมัคร ส.ส. ในระบบสัดส่วนลำดับที่ 4 ของโซน 6 ที่ประกอบด้วยพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ  ต่อมาในปี พ.ศ. 2551 นายจตุพรเป็นหนึ่งในพิธีกรรายการ ความจริงวันนี้ ทางเอ็นบีที โดยร่วมกับ นายวีระ มุสิกพงศ์ และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ

 ภาพที่เห็นเขาเป็นคนที่มีน้ำหนัก เป็นนักสู้ที่พร้อมทั้งอาวุธทางปัญญาและการกระทำ เขาเป็นคนที่ใช่มีเพียงมีวาทะ  หากแต่มีวาทะพร้อมสติที่ควบคู่ไปกับการกระทำ  ที่รู้ภาษาการพูดจาดี ที่หวังผลต่อความเป็นธรรมอย่างไร อันเป็นลักษณะของจินตนาการที่พรั่งพรู    ออกมาดบทบาทที่มั่นคงกล้าพบกล้าเผชิญความจริงและคนจริง  แน่ละเขากล้าสู้กับสิ่งที่ไม่เป็นธรรมในแผ่นดิน ทั้งในระบบและนอกระบบอย่างไม่ระย่อ    ในขณะเดียวกันมีบุคลิกของนักสู้ผู้เยือกเย็น สุขุม อารมณ์ดี 

ในระยะหลังได้เห็นอารมณ์ขันของจตุพร พรหมพันธ์ แม้ในประเด็นปัญหาการเมืองที่เกรี้ยวกราด ดุดัน แฝงอันตราย  แต่เขามองเป็นเรื่องที่น่าขบขัน   ทำให้สะท้อนถึงจิตใจอันกว้างใหญ่และจริงใจของเขา ที่บ่งถึงความเป็นมิตรก็เป็นมิตรอย่างยิ่งใหญ่ และพร้อมที่จะเป็นมิตรกับทุกคน ที่พร้อมจะมาสู่อุดมการณ์เดียวกัน  เมื่อเป็นศัตรูก็อย่าหวังว่าจะอยู่ร่วมหรือเดินไปเป็นคู่ขนาน แต่ต้องตายจากกันไปข้างหนึ่งชนิดที่ร่วมแผ่นดินกันหาได้ไม่ อันสอดคล้องทฤษฎีสัจธรรม 2 ด้าน  คือสัจธรรมขาว  และสัจธรรมดำ  อันเป็นปรมัตถสัจจะสูงสุดสำหรับปัญญาชนหรือเหล่านักปราชญ์ ผู้รู้ทั้งหลาย มุ่งศึกษาเพื่อการบรรลุแจ้งสัจธรรมอันสมบูรณ์ อันแท้จริงที่ปราศจากความลำเอียงในการมองเหตุการณ์ใดหนึ่ง

เมื่อเร็ว ๆ นี้จตุพร พรหมพันธ์ได้บัญญัติวันที่ 14 ก.พ. ว่าเป็นวันแห่งความรักประชาธิปไตย ซึ่งฟังเป็นหลักการที่ดีมากสำหรับประเทศและวัฒนธรรมไทย น่าจะมีการก้าวหน้าไปตามวัฒนธรรมใหม่นี้ดีกว่าการก้าวไปตามวัฒนธรรมกาม คือ วาเลนไทน์ อันเป็นวัฒนธรรมต่างชาติต่างศาสนาจากเรา
  นี่ก็เป็นเรื่องของความน่าชื่นชมอีกเรื่องหนึ่ง สำหรับบุคคลผู้สมควรยกย่องว่าเป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี

 

4.    ก่อแก้ว พิกุลทอง

ก่อแก้ว พิกุลทอง  เกิดเมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2508 ที่ อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา เป็นบุตรของ นายตี่-นางซิ่น พิกุลทอง จบการศึกษามัธยมปลายจาก โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย เคยสอบได้ที่ 1 ของภาคใต้ ในการสอบแข่งขันของสมาคมคณิตศาสตร์แห่งประเทศไทย ทั้งประเภทบุคคลและประเภททีม เมื่อปี 2526 จบปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (เกียรตินิยม) เมื่อ พ.ศ. 2531 จบปริญญาโท MBA International Program จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (เกียรตินิยม) เมื่อ พ.ศ. 2542 ได้รับเลือกให้เป็นประธานนักศึกษาปริญญาโท ในปี 2541 เคยทำงานที่ บริษัท น้ำมันคาลเท็กซ์(ไทย)จำกัดระหว่างปี2531-2536 ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ  

ภาพที่ปรากฏในปัจจุบัน เมื่อมองบทบาทของบุคคลผู้นี้ พบการต่อสู้ที่ออกมาจากดวงใจของนักสู้ ผู้มีความสุขในการต่อสู้เพื่อมวลชน  เมื่อปรากฏต่อหน้ามวลชน มาดของเขากล้าหาญ เฉียบขาด บ่งถึงความรักในสัจธรรม การกล่าววาทะมีความแหลมคม ที่สะท้อนความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจการเงินและการพานิช รวมทั้งการเมืองเอง  อย่างไม่หยุดรั้งรีรอ  เพราะทุกอย่างออกมาจากสัจธรรมภายในดวงจิต ดวงจิตที่รักความเป็นธรรม ที่มีปกติเกลียดชังอธรรมอย่างเป็นธรรมชาติ  เมื่อวาทะที่ออกมาจากดวงจิตที่ซาบซึ้งในสัจธรรมเต็มเปี่ยมแล้ว  ภาพของเขาก็ดูดี ครั้นเมื่อมาอยู่บนโต๊ะเสวนาเดียวกับ สามเกลอหัวเกรียน แห่งรายการความจริงวันนี้ ( วีระ มุสิกพงศ์ ณัฐวุฒิ ใสเกื้อ จตุพร พรหมพันธุ์ )  รวมเป็น 4 ผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุค  ซึ่งน่าจะได้รับการจารจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอีกหน้าหนึ่ง

 

5.   ใจ  อึ๊งภากรณ์  

ใจ  อึ๊งภากรณ์    วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี บันทึกประวัติช่วงหลังของใจ อึ๊งภากรณ์ เอาไว้ว่า ภายหลังการรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549 และคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ใจประกาศไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร และยกเลิกรัฐธรรมนูญ และเป็นแกนนำนักศึกษามหาวิทยาลัยจัดชุมนุมประท้วง และสวมชุดดำ รวมทั้งให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ว่า นายกฯ ที่ได้รับการแต่งตั้ง เป็นนายกรัฐมนตรีทหาร ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ถือว่าเป็นนายกรัฐมนตรีเถื่อน จนถูกแจ้งความจับในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ   

เรามองว่า  อาจารย์ใจ อึ๊งภากรณ์  ทายาทผู้รับมรดกธรรมจาก ศ.ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์  ในฐานะบุตรชาย ภาพที่เห็นเขาได้ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์สังคมมาอย่างกระปรกกระเปี้ย จนดูประหนึ่งว่าเขาคงอดใจวางมือหลบหน้าหนีสังคมที่อธรรมนี้ เอาตัวรอดไปเสียคนเดียวไปนานแล้ว   แต่แล้ว  ในขณะที่มีความสับสนทางการเมือง อะไรเป็นอะไรของลัทธิทางการเมือง  ใจ อึ๊งภากรณ์ ก็โผล่ออกมายืนยันอุดมการณ์ คือความเป็นธรรมในแผ่นดิน  จึงได้เห็น บทบาท จุดยืนของใจ อึ๊งภากรณ์ที่แน่วแน่ไม่แปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์หรือกระแสสังคมและการเมือง ปรากฎว่ากล้าออกมายืนยันอุดมการณ์ประชาธิปไตยอย่างตรงไปตรงมา น่าเลื่อมใส เขาแสดงหลักวิชา และตรงตามหลักวิชา ไม่มีความลำเอียงไปตามกระแส  หรือแม้กระทั่งบุคคลใดบุคคลหนึ่ง นั่นคือจิตใจของนักวิชาการที่แท้จริง

ในวันนี้ ใจ อึ๊งภากรณ์ ได้พิศูจน์แล้วว่าเป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์ต่ออุดมการณ์อย่างแน่วแน่  อย่างเป็นตัวตนที่แท้จริงของนักต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมและเพื่อประชาธิปไตยโดยแท้จริงคนหนึ่ง และเรามองไปถึงแก่นธรรม คือความเป็นธรรมชาติอันสุจริตแห่งกายกรรม  วจีกรรม และมโนกรรม  ที่ซ่อนแฝงอยู่ล้ำลึกภายในภาคภายในของนักสู้ท่านผู้นี้

 

6.    ปัญญา นิรันดร์กุล 


 

ปัญญา นิรันดร์กุล   วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี บันทึกไว้ว่า ปัญญา นิรันดร์กุล มีชื่อเล่นว่า “ตา” เกิดเมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2497 (อายุ 54 ปี) ในครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีน มารดาชื่อ นางอำพัน นิรันดร์กุล แม่ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2546  

ปัญญาได้รับพระราชทานปริญญาสถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ   สมรสกับ นางวาสนา นิรันดร์กุล  มีบุตร-ธิดารวม 4 คน คือ น้ำตาล-ปานวาด (เกิด: พ.ศ. 2527) , น้ำหอม-ปานตา (เกิด พ.ศ. 2530) , น้ำทอง-ปานฝัน (เกิด: พ.ศ. 2531) และ น้ำมนต์-ปรวัธน์ (เกิด: พ.ศ. 2537) 

 ปัจจุบัน ปัญญา นิรันดร์กุล เป็นพิธีกร และนักแสดงชาวไทย หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง และดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) (อังกฤษ: WorkPoint Entertainment Co., Ltd.)  ปัญญามีบ้านพักอยู่ภายในหมู่บ้านเมืองเอก ย่านรังสิต ใกล้กับ สตูดิโอเวิร์คพอยท์ ที่ทำการใหม่ของ บมจ.เวิร์คพอยท์ฯ มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นสตูดิโอถ่ายทำรายการโทรทัศน์ และละครโทรทัศน์ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย 

ดูรายการต่าง ๆ โดยปัญญา นิรันดร์กุล เป็นพิธีกร ทางช่อง 7 สี แล้ว พบว่า เขาเป็นคนที่มีความจริงใจ ที่มุ่งหมายสร้างงานเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อคนทั้งหลาย แบ่งปันและเอื้อเฟื้อซึ่งผลประโยชน์ที่ทำมาหาได้ร่วมกันอย่างเป็นธรรม  อย่างมีน้ำใจเอื้ออารีตามเหตุผล  เรามองว่านี่คือความเป็นมนุษย์ และบ่งถึงจิตใจที่เมตตา เข้าใจคนอื่น มีความเห็นอกเห็นใจคนอื่น ในขณะเดียวกันกับที่มีความสนใจในธรรมะ ที่ได้คำนึง 2 ด้าน แห่งธรรมะ มีแนวทางวิจัยธรรมะที่มุ่งหมายถึงสาระแห่งธรรมะกับชีวิต-สังคม  ซึ่งตรงกับพุทธองค์ระบุว่า  พหุชนหิตายะ  พหุชนสุขายะ  คือปฏิบัติธรรมไปเพื่อความมุ่งหมาย 2 อย่าง คือ เพื่อให้ได้ประประโยชน์  และ เพื่อให้ได้ความสุข   การมองธรรมะ 2 ด้านเป็นทางของความริเริ่ม  ปัญญา นิรันดร์กุล  จึงสามารถมองธุรกิจโดยธรรมะไปได้ไกล สามารถสร้างตนสร้างงานจนขณะนี้เป็นเจ้าของบริษัทธุรกิจบันเทิงที่ก้าวหน้า ทันยุคทันสมัย เด่นดังเป็นประโยชน์และความสุขในสังคมได้   และเนื่องจาก  เป็นเจ้าของบุคลิกภาพที่สอดคล้องบุคคลในระบอบประชาธิปไตย  นั่นคือการมีความเคารพในมนุษย์  เห็นค่าของความเป็นมนุษย์ในบุคคลอื่น จึงสมควรยกย่องเขาเป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี 

 

7.   แอน ทองประสม 

แอน  ทองประสม   ล่าสุดเธอให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เกี่ยวกับชีวิตคู่ของเธอ ว่า “รอให้หนุ่มเอมาขอ”  “จริง ๆ อายุมันก็ได้แล้วล่ะ  จังหวะมันก็ได้แล้ว  แต่ว่าบังเอิญยังไม่ได้คุย  จะจบงานยังไง ชีวิตคู่ยังไง  ก็ขอทำงาน  ปีนี้รับละครตั้ง 3 เรื่อง ยังไม่มีเวลาแม้แต่จะกลับบ้าน  แอนว่าแต่งไปจะเลิกกันซะเปล่า ๆ  กลัวไง   เดี๋ยวเคลียร์อะไรให้ลงตัวก่อนแล้วค่อยว่ากัน  แล้วก็ยังดูด้วยว่าเค้ายังอยากแต่งกับแอนอยู่หรือเปล่า”    ฝ่ายชายอยากแต่งอยู่ใช่มั้ย?  “เค้าก็ไม่ได้ปฏิเสธ แววตาก็ดูไม่ได้ เบื่อแอนหรือเปล่าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็รอถามเค้าเองอีกรอบหนึ่ง แต่ตัวเองก็ไม่ได้ไปมองใคร ก็รอดูแต่งไม่แต่งก็ว่ากัน”  

ปีที่แล้วแอนพูดเหมือนยังไม่คิดเรื่องนี้ แต่ปีนี้เริ่มคิดแล้ว 
“แอนก็เริ่มคิดบ้าง มันเหมือนคนเราจะใช้ชีวิตเหมือนขอนไม้ลอยน้ำไปเรื่อย ๆ  ไม่วางแผนก็ไม่ใช่ ก็มองว่าเมื่อไหร่ดีนะ  ไม่ใช่ไม่มองเลย”   เป็นเพราะหลายคู่แต่งไปเยอะหรือเปล่า เลยเริ่มมอง “ไม่ใช่ค่ะ อันนั้นทำให้คนมาถามเราเยอะมากกว่า มันเหมือนเรียงลำดับไหล่ คนนั้นคนนี้แต่งไปแล้ว คนเลยมาเพ่งเล็งเรา แต่แอนดูความพร้อมของตัวเองและตัวเค้ามากกว่า” ปีนี้ยังไม่มีสิทธิ์ลุ้นใช่ไหม?  “ปีนี้ไม่ได้แต่งแน่ ปีหน้าค่อยมาถามใหม่ละกัน เพราะว่าเรื่องแบบนี้มันตอบยาก  แต่ละปีความรู้สึกมันไม่เหมือนกัน”
 

เรามองว่าชีวิตของ แอน ทองประสม เป็นชีวิตที่สมบูรณ์ มีความสำเร็จ ความสุข และความรอด เราเห็นว่าเธอพบสิ่งที่สมบูรณ์นี้ ด้วยความมีสติดี  รู้พิจารณา ยั้งคิด  และที่สำคัญมีความเฉลียวฉลาดโดยธรรมชาติ  และบรรลุปัญญาว่าด้วยสัจธรรมแห่งชีวิต มั่นใจรอบรู้วิถีทางดำเนินชีวิตยุคใหม่ไปอย่างไร อนาคตเป็นอย่างไร
  และด้วยความเป็นเช่นนี้ มีตัวตนเช่นนี้ เป็นความสุขของชีวิตดีแล้ว และดวงตาสว่างแจ่มใส รู้แจ้งสัจธรรมแห่งชีวิต  น่าเป็นชีวิตตัวอย่างอีกตัวอย่างหนึ่งที่หายากอยู่ทีเดียว

 

8.   ศุภรัตน์ นาคบุญนำ 

นางสาวศุภรัตน์ นาคบุญนำ สตรีกล้าแกร่งอดีตผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขต กทม เขต 8 เบอร์ 17 เกิด 24 พฤษภาคม 2511  ประวัติการศึกษา- มัธยมศึกษาตอนต้น ร.ร.สตรีวัดระฆัง - ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) วิทยาเขตพิตรพิมุขจักรวรรดิ (มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์) - ปริญญาตรี วารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน (เกียรตินิยม) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์- ปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตร์ หลักสูตรการจัดการภาครัฐและเอกชน (MPPM) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)

ประวัติการทำงาน - ผู้สื่อข่าวและผู้ประกาศข่าววิทยุ “ข่าวด่วน พล.1” ทางสถานีวิทยุกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ บริษัท สหศีนิมา จำกัด ในสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์- ผู้สื่อข่าวและผู้ประกาศข่าว สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7- ผู้ดำเนินรายการวิทยุ อาทิ รายการ “ร่วมด้วยช่วยกัน” - พิธีกรรายการโทรทัศน์ อาทิ รายการ “พบผู้แทน”

เมื่อมองบทบาทของ ศุภรัตน์ นาคบุญนำ  พบว่าเธอมีบุคลิกภาพที่มั่นใจ และเผยให้เห็นสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์  กระนั้นแม้ในมาดที่ดูละมุนนิ่มนวล และหวานอย่างสตรีคนหนึ่ง  แต่ก็ซ่อนแฝงจิตใจที่เข้มบ่งถึงความเอาจริง และความเป็นนักสู้  โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักสู้เพื่อประชาธิปไตย เพื่อประชาชน  ที่เดินหน้าไม่มีวันถอยหลังหลบลี้หนีข้าศึก และความเปลี่ยวเปล่าแห่งชีวิตอันลึกล้ำภายในดวงจิต ดูดั่งว่าเป็นทวารชีวิตที่ยังเป็นความลับที่จักเปิดทางไปสู่ความหมายอันยิ่งใหญ่ของสัจธรรมต่อไป

 

9.   กนิษฐ์ สารสิน   

กนิษฐ์ สารสิน   ประวัติย่อ :  กนิษฐ์ สารสิน เป็นลูกชายคนสุดท้องของ พล.ต.อ.เภา และ คุณหญิงถวิกา สารสิน สมรสแล้วกับ อมรา สารสิน มีบุตรชาย 2 คน  ชื่อเล่น : เป๊ะ      วันเกิด : 01/01/2512 อายุ  39 ปี การศึกษา  จบปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ สาขาเครื่องกล จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, จบปริญญาโทสาขา MBA จาก Boston University ผลงานที่ผ่านมา กรรมการผู้จัดการบริษัท ผลิตอุปกรณ์ก่อสร้าง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย กระเบื้องยาง Dynoflex   พิธีกร รายการ 4 ต่อ 4 แฟมิลี่เกม  แก๊งชะนีกับอีแอบ(2006) พิธีกร รายการถ้าคุณแน่อย่าแพ้ ป.4  

ภาพที่เห็นในระยะหลังนี้ก็คือเจ้าของรายการ ถ้าคุณแน่อย่าแพ้เด็กประถม ช่อง 3 ซึ่งเป็นบทบาทที่เราให้คะแนนความเป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี แทบทั้งหมด เพราะเป็นการแฝงแนวคิดที่ดี ที่น่าเตือนสติคนไทย และการศึกษาในระบบการศึกษาไทยปัจจุบันว่า   แท้จริงแล้ว คนเราแม้เติบโตไปแล้ว ก็ใช่ว่าเก่งเกินคนป.4 หรือผู้ที่ได้ประกาศนียบัตรเพียง ป.4  ที่สะท้อนความจริงชนิดหนึ่งในสังคมไทยยุคประชาธิปไตยผันผวนนี้  ถึงแม้ในความจริงจะยังไม่ชัดเจน แต่ก็มีร่องรอยให้เห็นว่า  ผลของระบบการศึกษาไทย แม้ถึงระดับสูงสุดในสาขาวิชาบางสาขา กลับไม่แสดงออกถึงภูมิปัญญาที่สอดคล้องความจริงของประเทศไทย ก็มีอยู่มากมาย  จนที่ทำความเสียหายให้แก่ระบบการเมืองระบอบประชาธิปไตยที่ชาติและประชาชนไทยส่วนรวมประสงค์ ก็มีอยู่อย่างไม่น่าเชื่อ   ผู้จัดรายการนี้ ย่อมมีความรับผิดชอบและรู้ดีในความเป็นจริง  จึงแสดงออกถึงจิตใจที่กล้าหาญพอที่จะชี้สัจธรรมเกี่ยวกับการศึกษาในระบบการศึกษาไทยให้เห็นชัดเจนขึ้น และนั่นหมายถึงการที่ต้องเผชิญกระแสอันเชี่ยวกรากของค่านิยมอวิชชาที่ต่อต้าน ขัดขวางอุดมการณ์การศึกษาอันสูงส่ง ในสังคมการศึกษาไทยอย่างรุนแรงและยากลำบากจะฝ่าฟันข้ามพ้น ด้วยธรรมะ คือด้วยเมตตา และอุเบกขา ในจิตใจ ทำให้การต่อสู้กลายเป็นความสุขความพอใจของชีวิตไปได้ นั่นคือคนมีธรรมะเป็นวิสัยทัศน์

 

10.  น.พ. เหวง โตจิราการ 

วิกิพีเดียสารานุกรมเสรี บันทึกว่า นายแพทย์เหวง โตจิราการ แกนนำสมาพันธ์ประชาธิปไตย สำเร็จการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล,  ยุค 14 ตุลา พ.ศ. 2516 เคยหนีเข้าป่าในยุค "ขวาพิฆาตซ้าย" 6 ตุลา พ.ศ. 2519 มีชื่อจัดตั้งว่า "สหายเข้ม" และมีสายสัมพันธ์อันดีกับกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตเลขาฯ นายกรัฐมนตรี ในฐานะเป็นศิษย์ผู้พี่    นพ.เหวงกลับมามีบทบาทในเวทีการเมืองภาคประชาชนอีกครั้ง ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535 จากการเป็นแกนนำสมาพันธ์ประชาธิปไตย ร่วมกับ นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ และครูประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ, เคยร่วมกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ในการเคลื่อนไหวต่อต้าน พล.อ. สุจินดา คราประยูร พ.ศ. 2535   เมื่อ พ.ศ. 2549 เคยขึ้นเวทีต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย   เป็นผู้ร่วมคัดค้านรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และเคยขึ้นเวทีขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ 

ต่อมาหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน พ.ศ. 2549 น.พ.เหวง ได้ทำการประท้วงต่อต้านคณะทหาร ซึ่งได้ทำการยกเลิกรัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ. 2540 และได้เป็น 1 ใน 8 แกนนำของแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการซึ่งมีคนใกล้ชิดของอดีตนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นแกนนำ อาทิ เช่น นายวีระ มุสิกพงศ์(อดีตรัฐมนตรี และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทยและเป็นอดีตผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ) และ นายจักรภพ เพ็ญแข (อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้ประกาศข่าวและผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอยู่ในขณะนี้) เป็นต้น

ในวันนี้เราเห็นว่า แนวคิดและวิสัยทัศน์ของ นพ.เหวง โตจิราการเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม  ความรู้ความเข้าใจเรื่องประชาธิปไตยของเขาค่อนข้างสอดคล้องทฤษฎีความเป็นมนุษย์ โดยธรรมในพระพุทธศาสนา นั่นหมายถึงพื้นฐานแห่งความพัฒนาการของมนุษยชาติ ไปสู่ทางพ้นทุกข์ที่แท้จริง และ ที่เดินไปบนความเป็นธรรมของมวลหมู่มนุษยชาติในองค์รวม  เขาพูดถึงความรักในมนุษยชาติ ว่านั่นเป็นความรักที่สูงสุดและ ความเป็นมนุษย์เป็นสมบัติของมนุษย์ทุกคน ที่ต้องมีความเท่าเทียมกัน   และอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน   เมื่อไม่มีความเป็นมนุษย์ก็ไม่มีความเป็นประชาธิปไตย  นั่นหมายถึงวิถีทางแห่งปัญญาธรรม ได้บรรลุสู่ความสว่างไสว และเจริญไปตราบกาลนานภายหน้า

 

11.   วิสา คัญธัพ  

วิสา คัญธัพ ชื่อที่โด่งดังเป็นที่รู้จักมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2516 ชื่อของเขามีสำเนียงไพเราะที่สะท้อนไปถึงความสุนทรีย์อันกว้างใหญ่ลุ่มเย็นภายในจิตใจของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่คู่กันไปกับขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของคนหนุ่มคนสาวที่เลื่องชื่อ  ที่ต่อสู้กับเผด็จการทหาร อมาตยาธิปไตยยุคนั้น 

แล้วกาลเวลาก็ได้ผ่านไป ๆ  และผ่านมาถึงปีนี้ กาลเวลานั้นก็ได้พิศูจน์คนหนุ่มคนสาวยุคนั้นอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง  ว่ามี 2 พวก คือพวกที่ทรยศ กับพวกที่ซื่อสัตย์ต่ออุดมการณ์ 14 ตุลาคม 2516 สมตามสัจธรรมว่า  ระยะทางพิศูจน์ม้า  กาลเวลาพิศูจน์คน  มีคนในยุคนั้นมากมายหลายคนได้ทรยศต่ออุดมการณ์ประชาธิปไตย  เพราะความเห็นแก่ตัว โลภ และเขลา ด้วยโมหะ  ละทิ้งอุดมการณ์แห่งความชอบธรรมไปเป็นทาสแห่งความโลภ โกรธ และหลง  อันเป็นสัญญาณที่บอกไปว่า สังคมไทยวันนี้  คนมีแต่วาทะ โดยไร้จิตใจที่ซื่อสัตย์ต่อวาทะนั้น 

แล้วเมื่อเสียงที่ก้องขึ้นในมวลหมู่ประชาชน  พบว่าเป็นเสียงของคน ๆ หนึ่ง  คือวิสา คัญธัพ : กวีศรีประชา เขายังคงซื่อสัตย์ต่ออุดมการณ์ เมื่อ 35 ปีที่ผ่านมาแล้วอย่างเหนียวแน่น และนั่นเป็นสิ่งที่สะท้อนว่าเขาเป็นคนจริง มีเสรีจริง เพราะมิได้ตกอยู่ใต้อำนาจของโลภะ โทสะ โมหะ  สะท้อนถึงความเป็นมนุษย์ที่เป็นคนจริง  และดวงใจของเขาถูกถ่ายทอดออกมาเป็นบทกวี 

แน่นอนเขาเป็นกวี และเป็นกวีประชาธิปไตย  ที่มีความไพเราะและความหมายที่คมเฉียบ ที่ให้รักประชาธิปไตย   รักสัจจะจริงใจ  รักสิทธิเสรียิ่งชีวิต และ รักความเป็นธรรม นอกจากนี้ยังมีบทเพลงของเขา  ซึ่งบอกถึงความรักชาติ และรักความเป็นธรรมในแผ่นดิน รักมวลชน และรักประชาชนในระบอบประชาธิปไตย รักยิ่งกว่าตนเอง เช่นนี้คือวิถีทางแห่งความดีงาม  แห่งเสรีภาพและความหลุดพ้น

 

12.  จาตุรนต์ ฉายแสง

จาตุรนต์ ฉายแสง  วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี บันทึกไว้ว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง (1 มกราคม พ.ศ. 2499 — ) อดีตรองนายกรัฐมนตรี  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย  ปัจจุบันนายจาตุรนต์ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นระยะเวลา 5 ปี เนื่องจากคดียุบพรรคพรรคไทยรักไทย เคยได้รับการคัดเลือกจากนิตยสารเอเชียวีคให้เป็น 1 ใน 20 ผู้นำชาติเอเชียที่มีบทบาทโดดเด่นในศตวรรษที่ 20 พร้อมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนปัจจุบัน  ในทัศนะของเราเห็นว่าเขาเป็นคนมีความรู้ มีสติ และปัญญา  มีความเยือกเย็น   มีความรู้รอบตัวหลายสาขาวิชาการ  สิ่งที่เราชื่นชมเขาก็คือ ความเยือกเย็น  เขาเย็นจนไม่มีอายที่คุร้อนกรุ่น นั่นหมายถึงการรักษาอารมณ์จิตใจในระดับสมถกรรมฐานได้ดีโดยสงบอย่างเป็นธรรมชาติ  และแน่นอนเขาได้พบทางแห่งความรอดและความสุขที่เป็นอมตะ และกำลังพัฒนาไปสู่อารมณ์ชั้นภูมิปัญญา คือวิปัสสนาญาณ  และเจริญธรรมแห่งอริยมรรคอริยผลอันสูงสุดในลำดับต่อไป

 

 13.   อดิศร  เพียงเกษ

วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรีบันทึกประวัติที่น่าสนใจไว้ว่า  อดิศร เพียงเกษ เกิดเมื่อ 6 กันยายน พ.ศ. 2495 ชื่อเล่น ตุ๊ ลูกชาย ทองปักษ์ เพียงเกษ อดีต ส.ส.ขอนแก่น ภายหลังจบการศึกษาระดับต้นในบ้านเกิด จังหวัดมหาสารคาม แล้วย้ายเข้าเมืองกรุง โดยเป็นศิษย์มัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนวัดเทพศิรินทร์ นักเรียนเก่าเทพศิรินทร์ รุ่น 10-12 เลขประจำตัวนักเรียน ท.ศ.11260  แล้วเข้าอุดมศึกษาโดยจบการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, พุทธศาสตรมหาบัณฑิต (พระพุทธศาสนา) จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ปริญญาเอก Ph.D.,D.Litt. จากมหาวิทยาลัยมคธ ประเทศอินเดีย, ประกาศนียบัตรชั้นสูง หลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง (ปปร.1) จากสถาบันพระปกเกล้า   ปริญญาเอกกิตติมศักดิ์ศิลปศาสตรดุษฏีบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยราชภัฎเลย 

มาถึงเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ได้เข้าร่วมต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในฐานะแนวร่วม พร้อมครอบครัวทั้งหมด อาศัยอยู่ในประเทศประชาธิปไตยประชาชนลาว มีชื่อจัดตั้งว่าสหายศรชัย และ สหายสอง ชีวิตส่วนตัว สมรสกับ ดร.เยาวนิตย์ เพียงเกษ (สกุลเดิม พินสำริด) ชื่อจัดตั้งคือสหายการะเกด ปัจจุบันเป็นอาจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น สาขารัฐศาสตร์ และมีบุตรนอกสมรสจำนวน 3 คน กับ น.ส.นภาพร รักษ์สัจจะ เจ้าหน้าที่สภาผู้แทนราษฎร   

อดิศร เพียงเกษ เริ่มเล่นการเมือง พ.ศ. 2526 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดขอนแก่น สังกัดพรรคมวลชน เมื่อปี พ.ศ. 2531 และต่อมาได้ย้ายมาอยู่พรรคพลังธรรรม พรรคนำไทย และพรรคไทยรักไทย ตามลำดับ ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีดังนี้   รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทราวงศึกษาธิการเมื่อพ.ศ. 2535 เป็นส.ส.สังกัดพรรคพลังธรรม ชนะการเลือกตั้งแบบยกทีมในเขต 1 จังหวัดขอนแก่น ในการเลือกตั้ง 35/2, รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (11 มีนาคม 2548), รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (2 สิงหาคม 2548) 

ในทัศนะของเรา เห็นว่า อดิศร เพียงเกษ นับว่าเป็นคนดีและคนเก่งของอีสานได้คนหนึ่งทีเดียว และที่ได้คะแนนจากเราก็คือเขาเป็น บุคคลผู้แสดงออกถึงอุปนิสัยแห่งอีสาน ผูกพันอย่างลุ่มหลงกับดนตรี เช่นแคนอีสาน อย่างลึกซึ้ง  เขาเป็นสายเลือดอีสานที่กล้าแสดงตนอย่างเปิดเผยแต่ไหนแต่ไรมาว่า เขาคืออีสาน  นั่นคือความมีกตัญญุตาธรรมความมีอุเบกขาธรรม คือการมองโดยความเป็นกลาง สุจริตต่อความเที่ยงธรรม และดำรงตนเป็นกลางตามความสัจจริง เสียงที่เกิดจากการบรรเลงเดี่ยวแคนอิสาณบอกไปถึงคุณลักษณะของอีสานก็คือ ซื่อและกตัญญู  แต่ อดิศร เพียงเกษ  ได้แสดงถึงปัญญาที่รู้เท่าทันเหตุการณ์และสถานการณ์ต่าง ๆ รอบด้านไปอีก อันเป็นส่วนเพิ่มเติมไปจากความเป็นอีสาน  และยังแสดงถึงคุณธรรม  คือความสะเทือนใจและอ่อนไหวในประเด็นแห่งคุณธรรมและจริยธรรมอย่างสูง นั้นหมายถึงความอ่อนโยน มีเมตตาต่อแผ่นดินกำเนิดและมาตุภูมิอย่างแนบแน่น  ย่อมเป็นเอกบุรุษผู้นำในแผ่นดิน อีกผู้หนึ่ง

 

14.   สุนัย  จุลพงศ์ธร 

ข้อเท็จจริงที่น่าชื่นชมสำหรับ สุนัย จุลพงศ์ธรในวันนี้ นั่นก็คือ เขายังคงเป็นคนของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยอย่างเต็มตัว  เขายังคงอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร์  เป็นสมัยที่นับไม่ถ้วน  เท่าที่เห็นมีสภาผู้แทนราษฎรสมัยใดใด ก็ไม่เคยว่างไปจากสุนัย จุลพงศ์ธร  คนนี้  การที่เป็นดาวเด่นแห่งสภาของราษฎรในระบอบประชาธิปไตย นอกจากบอกไปถึงความรักของประชาชนแล้ว  ยังบอกไปถึงความเก่งของเขา ที่เอาตัวรอดไปจากอมิตรหรือศัตรูทางการเมืองของระบอบประชาธิปไตย โดยภูมิปัญญา วิสัยทัศน์ และเชาวน์อันคล่องแคล่วลื่นไหลหลบหลีกศัตรู อย่างไม่หวั่นหวาด   การต่อสู้ของเขาก็ยังคงเด่นอยู่ในสภา   มาตลอด 

ตราบเวลาล่วงมาบัดนี้ ได้เห็นสุนัย จุลพงศ์ธร ในอีกบทบาทหนึ่ง เขาได้เพิ่มภาระการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยไปอีกเวทีหนึ่ง คือ นอกเวทีรัฐสภาแห่งระบอบประชาธิปไตย อันวิ่น ๆ ของยุค คมช.นี้ มาสู่เวที ประชาชนโดยตรง  คือ  ห้องเรียนประชาธิปไตย ของ ดี สเตชั่น  และแน่นอน บทบาทของเขาก็โดดเด่นบนเวทีนี้ เพราะเขาได้นำเอาประสบการณ์ที่ได้มาชั่วชีวิต ออกมาอธิบายให้เป็นแง่คิดสำหรับประชาชนในระบอบประชาธิปไตย เพื่อประชามหาชนผู้รักประชาธิปไตยใช้ประโยชน์  เป็นการแก้ปัญหาและการต่อสู้ที่เป็นการนอกระบอบสภาที่เขาคุ้นเคยมา  เขามีภูมิปัญญาที่จะทำให้ประชาธิปไตยที่ประชาชนควรเรียนรู้ไปอย่างลึกซึ้งอย่างใด  อย่างน่าติดตามไปอย่างยิ่งและไม่น่าผิดหวังในบทบาทของเขา และนั่นคือการสะท้อนจากคนผู้มีความเป็นมนุษย์อันสมบูรณ์ในระบอบประชาธิปไตยคนหนึ่งในยุคนี้ และความหมายก็คือ การมองคนเช่นคน นั่นเป็นความหมายของความเป็นมนุษย์  และนี่คือบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี

 

15.   ปองพล  อดิเรกสาร

ปองพล อดิเรกสาร   มีบันทึกของสารานุกรมเสรีฉบับนั้นว่า ปองพล อดิเรกสาร หันมาเขียนนิยายหลังสอบตกการเลือกตั้ง พ.ศ. 2535 [2] โดยนิยายส่วนมากเป็นภาษาอังกฤษ ตัวเอกเป็นชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย เน้นการผสมระหว่างประวัติศาสตร์และงานข่าวกรอง  มีนิยายภาษาอังกฤษ ดังต่อไปนี้ ตราบจนสิ้นกรรม (Until The Karma Ends),  โจรสลัดแห่งเกาะตะรุเตา (The Pirates of Tarutao), พิษหอยมรณะ (The King Kong Effect), แม่โขง (Mekong)   นิยายภาษาไทย ที่สนุก ๆ ก็มี พ่อ  และ คามีเลี่ยนแมน  นอกจากนี้ยังได้เขียนบทความทางวิชาการ และอื่น ๆ เช่น  เกษตรนำการเมือง,  ภาพชีวิต 60 ปี ปองพล อดิเรกสาร, อัตชีวประวัติ  บันทึกการเดินทางสุดหล้าฟ้าเขียว กาลาปากอส มาดากัสการ์  

เรามอง ปองพล อดิเรกสาร จากบทบาทในระยะปัจจุบันนี้ว่า เขาเป็นนักประพันธ์ผู้มีจินตนาการแห่งความเป็นธรรม คือเหตุผลแห่งความสมดุลตามธรรมชาติ  และเขามีจุดยืนอยู่ บนความสมดุลแห่งธรรมชาตินั้น  ล่าสุดเขาออกมายืนยันเรื่องปราสาทเขาพระวิหารให้ความเป็นธรรมโดยประกันว่า  สมัคร สุนทรเวช และนภดล ปัทมะ เป็นผู้รักษาแผ่นดิน ไม่ใช่ผู้ทำให้แผ่นดินไทยเสียไปตามที่พรรคการเมืองพรรคหนึ่งกล่าวหาโจมตีมาตลอด  เขาว่ามันมีหลักฐานการประชุมทำสัญญากันแน่นอนอยู่ ดูเอกสารนั้นสิ การเมืองไทยฝ่ายอธรรมเองทำให้สับสนวุ่นวายไปหมด การที่ได้ยินคำพูดเช่นนี้  นั่นบ่งไปถึง ความรักในความเป็นธรรม  อันเป็นธรรมะข้อสำคัญเพื่อการรักษาแผ่นดิน  และความจริงใจสุจริตของปองพล อดิเรกสาร ผู้ที่กล้ายืนยันสัจธรรมเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมขึ้นในแผ่นดินยุคนี้

 

16.   มานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ 

วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรีบันทึกไว้ว่า  นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบสัดส่วน พรรคเพื่อไทย และอดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา 

นายมานิตย์ เกิดวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2481 จบการศึกษาปริญญาตรี นิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ วุฒิเนติบัณฑิตไทย เคยดำรงตำแหน่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา และผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ต่อมาในกรณีวิกฤตตุลาการในปี พ.ศ. 2535 นายมานิตย์ถูกปลดจากตำแหน่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ภายหลังได้รับการอภัยโทษ และกลับเข้ารับราชการ หลังจากเกษียณอายุแล้ว ยังดำรงตำแหน่งเป็นผู้พิพากษาพิเศษ และที่ปรึกษากฎหมายพรรคไทยรักไทย 

ในปี พ.ศ. 2549 นายมานิตย์ ได้มีบทบาทในการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของศาล ในคดีของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุด พล.อ.วาสนา เพิ่มลาภ และในปี พ.ศ. 2550 นายมานิตย์ได้วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตุลาการรัฐธรรมนูญ ในการตัดสินคดียุบพรรคไทยรักไทย หลังจากนั้น นายมานิตย์ ได้เข้าเป็นแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เพื่อต่อต้านการรัฐประหารของ คปค. ประวัติการทำงานอดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรม  

สิ่งที่คนทั้งหลายได้เห็นจากบทบาทของ มานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ในระยะหลังมานี้ที่โดดเด่นก็คือการที่ เขาประกาศก้องสู่มวลชนมหาศาลผู้มาชุมนุมแสดงสปิริตที่รักประชาธิปไตยและยืนยันความถูกต้องเป็นธรรมในแผ่นดิน หมู่ชนเสื้อแดง สนามราชมังคลาสถานนับแสนคน ว่า   รัฐธรรมนูญ  กฎหมายต้องมีประธานรัฐสภาเป็นผู้ลงนาม ไม่ใช่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่ตั้งขึ้นโดย คมช.  อันเป็นบุคลิกภาพแห่งความกล้าหาญตามหลักธรรมคือ เวสารัชชกรณธรรม 5 ประการคือ ศรัทธา  ศีล พาหุสัจจะ วิริยารัมฺภะ และ ปัญญา  เราเห็นว่าในธรรมะหมวดนี้ทั้ง 5 ประการมีครบในตัวมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ และนี่คือความเป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี วันนี้

 

17.   ดร.วิบูลย์  แช่มชื่น

ดร.วิบูลย์  แช่มชื่น  เคยก่อตั้งโครงการเพื่อการศึกษาชื่อว่า โครงการการศึกษาเพื่อสันติภาพ (GEP) ก่อตั้งและดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 โดย ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น อดีตนักเรียนเก่า, อาสาสมัคร AFS และสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดกาฬสินธุ์ ปี พ.ศ. 2544  และอาจารย์สายสุนีย์  ทองรอง(แช่มชื่น) อดีตครูและอาสาสมัคร AFS และ ครูโรงเรียนสตรีราชนูทิศ อุดรธานี และโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนและผู้สนใจมีโอกาสเรียนรู้ภาษาและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างประเทศอันจะก่อให้เกิดองค์ความรู้หลากหลายพร้อมประสบการณ์อันมีค่ายิ่งต่อเยาวชนซึ่งถือเป็นทรัพยากรมนุษย์อันมีค่ายิ่งของประเทศ จากประสบการณ์ของผู้ก่อตั้ง การเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน  เป็นอาสาสมัครและการดำเนินโครงการมาเป็นเวลานานย่อมมีความสามารถ ความชำนาญ ที่จะให้คำปรึกษา แนะนำ และดูแลเยาวชนได้เป็นอย่างดี  

ดร. วิบูลย์  แช่มชื่น เป็นผู้มีการศึกษาดีที่น่าสนใจ  ในแง่ของการศึกษาที่หลายหลาก เป็นบ่อเกิดของความรอบรู้ เพราะได้ผ่านการศึกษาจากสถาบันการศึกษาต่างประเทศหลายสถาบัน  นับแต่ มหาวิทยาลัยฮิโรชิม่าประเทศญี่ปุ่น (ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น), มหาวิทยาลัยปัญจาบ ประเทศอินเดีย (ทุนรัฐบาล),                   วิทยาลัยวิชาการศึกษามหาสารคาม (มหาวิทยาลัยมหาสารคาม) (ทุนรัฐบาล),                                  วิทยาลัยครูมหาสารคาม (มหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม), นักเรียนเก่า AFS  วิกิพีเดียบันทึกต่อว่าเขามีประสบการณ์หลายด้านนับแต่เป็น อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดกาฬสินธุ์, อดีตผู้เข้าร่วมโครงการสภาอเมริกัน ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี,  อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์,   อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยวิชาการศึกษา ประสานมิตร,   อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร,   อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี,   อดีตประธานกรรมการ AFS เขตอุดรธานี – เลย, หนองคาย, สกลนคร, ขอนแก่น,     อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดมหาสารคาม, อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยขอนแก่น,                                                  นักเรียนเก่า AFS   

จากภาพที่เห็นในระยะปัจจุบันนี้  พบการเคลื่อนไหวในบทบาทในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของ ดร.วิบูลย์ มีวิสัยทัศน์  มองกรอบความคิดเหตุผลกว้างขวางครอบคลุมองค์รวมได้ดี และชัดเจน  โดยบุคลิกภาพสะท้อนให้เห็นอารมณ์จิตใจ ความเปล่าเปลี่ยวในดวงจิตที่รักในความสันโดษ  จิตใจมีความหน่าย คลายจางไปจากโลกอันไร้สาระ แต่ดร.วิบูลย์ก็ยังคงอยู่กับโลกและต่อสู้เพื่อโลกได้มีความเป็นธรรม โดยสำนึกว่า ภาระในการสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในแผ่นดินนั้นเป็นมาตรการการแก้ไขความวุ่นวายไม่สงบในแผ่นดินที่ถูกตรงจุดโดยแท้จริง  เพื่อโลกเอง  เพื่อประโยชน์ ด้วยความรู้ ความดี และด้วยความเป็นธรรม เรามองว่าสังคมย่อมได้ประโยชน์อย่างยิ่งใหญ่

 

18.    สุวัฒน์ กลิ่นเกสร 

สุวัฒน์ กลิ่นเกสร  เราหมายถึง  น้าติง   สุดยอดนักพากษ์มวยปล้ำเมืองไทยคนนั้น   เขาพากษ์มวยปล้ำอเมริกันได้ดีมาก ๆ  โดยความหมายที่ว่าเขาเข้าใจแบบวิถีชีวิตอเมริกัน ที่เป็นประชาชนแห่งเสรีชนประชาธิปไตย ผู้มีความรับผิดชอบสูง อย่างเป็นสายเลือดอเมริกัน  นั่นหมายความรวมไปถึงความเข้าใจเรื่องราวประชาธิปไตยในกีฬามวยปล้ำอเมริกันเป็นอย่างดี ในความหมายที่ว่า  มวยปล้ำอเมริกัน ที่มีกติกาในรูปของกติกา  และมีกติกาในรูปของความไร้กติกาโดยที่ขึ้นอยู่กับนักมวยอเมริกันมีจิตสำนึกอย่างสูงเองในความรับผิดชอบต่อตัวเอง และต่อสถาบัน มีความเป็นธรรม โดยจิตใจเป็นธรรมอันเป้นธรรมดาธรรมชาติ มีความเคารพตนเอง เคารพผู้ชม และความเคารพสถาบันเป็นอย่างสูง  จึงทำให้ศึกมวยปล้ำอเมริกัน น่าดูน่าชื่นชมและน่าเลื่อมใสอย่างยิ่ง  

ล่าสุดที่เป็นผลงานการพากษ์อย่างถึงใจถึงสัจธรรมเรื่องมวยปล้ำ ปรากฏทางจอแก้ว ก็คือการปล้ำของ ฮ็อง โฮแกน ผู้มีพลังพิเศษสำรองภายในเป็นชั้น ๆ  จนสามารถพิชิตตำแหน่งแชมเปี้ยนโลกมวยปล้ำและครองเข็มขัดไว้ยาวนานที่สุดคนหนึ่ง   นอกจากนั้นยังมีการท้าทาย โดยโฮแกนได้มีโอกาสวัดฝีมือกับนักมวยปล้ำที่ยิ่งใหญ่ในยุคนั้นทุกคนไปตามลำดับ  ล่าสุดที่เป็นศึกยิ่งใหญ่ หลังความยิ่งใหญ่ในการปล้ำระหว่าง โฮแกน กับ พอลด็อฟ  นักมวยโหดจอมพิฆาต อีกคนหนึ่งในยุคนั้น 

แล้วก็มาถึงจุดสุดยอดเมื่อพบกับ  อังเดร เดอะ ใยแอนท์ ( Andre The Giant ) ในปี คศ. 1987 ( พ.ศ. 2530 ) อังเดร เป็นนักมวยปล้ำที่มีขนาดร่างกายใหญ่ที่สุดในยุคนั้น มีน้ำหนักถึง 500 ปอนด์ สูง 7.5 ฟุต  ในขณะที่ฮ็อง โฮแกน สูงเพียง 6 ฟุต เมื่อมายืนปะทะกันเหมือนเด็กกับผู้ใหญ่ และ อังเดรนั้นสมชื่อคือ ยักษ์ใหญ่โดยแท้จริง แต่ อังเดรนี้แหละที่ฮ็อง โฮแกนอยากพบมากที่สุด เขาให้สัมภาษณ์ว่านักมวยปล้ำที่เขาอยากพบมากที่สุดก็คือ ยักษ์ อังเดร เดอะไยแอนท์ ผู้เหี้ยมโหดผู้นี้   แล้วการต่อสู้ก็แทบช็อคคนดู เมื่ออังเดร เดอะไยแอนท์จับฮ็อง โฮแกน โยนไปโยนมาเหมือนผู้ใหญ่จับเด็ก ๆ  แต่แล้ว ด้วยพลังสำรองที่ซ่อนเร้น ฮ้อง โฮแกนสามารถทำให้ยักษ์ใหญ่ อังเดร เดอะ ไยแอนท์ หลับลงได้ในที่สุด เป็นแชมป์ประวัติศาสตร์โลกที่น่าทึ่งมากในประวัติศาสตร์มวยปล้ำอเมริกัน  และทั้งหมดนี้เป็นผลจากการพากษ์ ของ สุวัฒน์ กลิ่นเกสร  การพากษ์มวยที่สะท้อนเอาภาคภายในอันน่าชื่นชมของชาวมวยปล้ำอเมริกันยุคนี้

 

19.   Angelina Jolie (แองเจลิน่า โจลี่)

 

เราทราบประวัติของ แองเจลิน่า โจลี  จาก ประวัติ อัลบั้มดารา ของ  http://www.nangdee.com  เธอเป็นดาราภาพยนตร์ฮอลลีวู๊ด มีชื่ออื่นอีก 3 ชื่อคือ  แองจี้, บันนี่ กับ เยลลี่บีน  วันเกิด :  04/06/1975   ที่เกิด :  ลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย  United States    ส่วนสูง :  173

แองเจลิน่า โจลี่  จบการศึกษาจากมัธยมที่ Beverly Hills High School จากนั้นไป Lee Strasberg Theater Institute และมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก เป็นนักศึกษาภาคค่ำสาขาภาพยนตร์ เป็นลูกสาวของพ่อแม่ดาราใหญ่ จอน วอยต์ กับ มาร์เชลีน เบอร์ทรานด์ ซึ่งหย่ากันตั้งแต่เธอแบเบาะ ครอบครัวแตกแยกผลักดันให้โจลี่มีปัญหา วัยเด็กเธอมีแต่พี่ชาย เจมส์ เฮเวน วอยต์ สายสัมพันธ์พี่น้องสนิทแนบแน่น ปัจจุบันเขาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์  เมื่อเร็วๆ นี้ เธอเพิ่งเสร็จสิ้นจากการถ่ายทำภาพยนตร์ของคลินท์ อีสต์วู้ดเรื่อง “The Changeling” ,ภาพยนตร์ของทิเมอร์ เบคแมมเบทอฟเรื่อง “Wanted”

 

ในวันที่ 27 สิงหาคม ปี 2544 (2001) เธอได้รับแต่งตั้งให้เป็นทูตสันถวไมตรีองค์กรข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ (UNHCR) และยอมรับหน้าที่ในการดำเนินการเพื่อคุ้มครองผู้อพยพในทวีปทั้งห้า

 

สิ่งที่เราให้คะแนนเธอนั้น มาจากข่าวทั่วไปในประเทศไทย สื่อไทยนี่เอง  เกี่ยวกับข่าว  โรฮิงญา  ผู้อพยพชาวพม่า (ที่เป็นมุสลิมชนส่วนน้อยในพม่า)  ผู้พลัดถิ่น จำนวนประมาณ 1,000 คน ในปลายปี 2551 ซึ่งเมื่อสาวสาเหตุที่แท้จริงแล้ว ก็น่าจะมาจากต้นตอที่ประเทศพม่าเอง คือระบอบเผด็จการทหารพม่า นั่นคือการปกครองที่มิอยู่ในระบอบประชาธิปไตย อันเป็นลัทธิของมนุษย์ ที่ทุกคนแชร์อำนาจการปกครองประเทศด้วยกันคนละ 1 เสียง  ผู้มีความเท่าเทียมกันและมีความเสมอภาค  และเป็นเจ้าของแผ่นดินร่วมกัน และแองเจลิน่า โจลี่ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น ที่แกมเป็นข้อเสนอแนะว่ารัฐบาลไทยควรจะรับโรฮิงญาอพยพเอาไว้   โดยมองในแง่ความเป็นมนุษย์ ผู้มีสิทธิอันสมบูรณ์ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปตราบอายุไข    เธอมองว่าการที่ประเทศไทยขับไล่หรือเอาโรฮิงญาอพยพ 1,000 คนนั้นไปปล่อยให้เคว้งคว้างกลางทะเล จนเสียชีวิตเป็นก่ายเป็นกองถึงร่วม 500 ศพนั้น  เป็นการไร้มนุษยธรรมเกินไป  

 

เรามิได้มองว่าความคิด ข้อเสนอของเธอเป็นสิ่งผิดหรือถูก  แต่เรามองที่จินตนาการของเธอว่าเป็นจินตนาการพุทธ ที่สอดคล้องแนวคิดของชาวพุทธโดยทั่วไป  ที่ตั้งอยู่บนความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพราะเห็นสัจธรรมว่ามนุษย์ด้วยกันต่างก็เป็นทุกข์  ชาวพุทธจึงมีเมตตา  และรู้จักธรรมปฏิบัติทางสังคม การเมืองระบอบประชาธิปไตยเบื้องต้น นั่นคือ รู้จักเอาใจเขาไปใส่ใจเรา  และนั่นคือความเข้าใจในทุกข์และสุขของคนอื่นเสมอเหมือนกับเรา   ความเคารพในสิทธิของผู้อื่นเท่า ๆ กับความเคารพในสิทธิของเรา  อันเป็นหลักการของประชาธิปไตยขั้นพื้นฐาน     เรามองว่าเธอมีความใจอ่อน ที่สะเทือนใจในการที่เห็นคน ผู้มีชีวิตเหมือนคนทั้งหลาย  ต้องได้รับการปฏิบัติอย่างกับไม่ใช่มนุษย์ ทั้งจากรัฐบาลพม่าเอง และบัดนั้นจากรัฐบาลไทย ซึ่งทั้งสองรัฐบาลต่างก็มีชาวพุทธเป็นประชาชนแทบทั้งหมดที่นับถือศาสนาพุทธ   ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นวิถีความคิดและจิตใจของชาวพุทธโดยแท้จริง แม้ว่าเธออาจจะไม่ได้เรียนรู้พุทธธรรมจากพระคัมภีร์พุทธ แต่เรียนรู้จากธรรมชาติ และจากข้อสรุปประสบการณ์ในเรื่องราวของมนุษย์  เราจึงเห็นสมควรยกย่อง ในน้ำใจที่สะท้อนความเป็นพุทธโดยธรรมชาติที่แท้จริง   และมองว่าเธอเป็นบุคคลสำคัญเป็นตัวแทนแนวคิดของพระพุทธศาสนา ควรแก่ความเป็นบุคคลแห่งปี ของหนังสือพิมพ์ดี พุทธศักราช 2551  

 

หนังสือพิมพ์ดี จึงขอยกย่องบุคคลต่อไปนี้คือ  วีระ มุสิกพงศ์  ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ  จตุพร พรหมพันธ์  ก่อแก้ว พิกุลทอง  ใจ อึ้งภากรณ์ ปัญญา นิรันดร์กุล  แอน ทองประสม  ศุภรัตน์ นาคบุญนำ  กนิษฐ์ สารสิน  เหวง โตจิราการ  วิสา คัญธัพ จาตุรนต์ ฉายแสง  อดิศร เพียงเกษ สุนัย จุลพงศ์ธร  ปองพล  อดิเรกสาร มานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ  ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น  สุวัฒน์ กลิ่นเกสร  Angellina Jolie (แองเจลิน่า โจลี่) ว่าเป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี ปี พุทธศักราช 2551 และหวังว่าจักประสบความสุขความเจริญในธรรมะ-ประชาธิปไตยยิ่ง ๆ ขึ้นไป ตลอดกาลนาน

โปรดติดตามหนังสือพิมพ์ดี ต่อไป

 

·         บรรณาธิการ
19 ก.พ. 2552

 

 

 

 

 




หนังสือพิมพ์ดีเล่มที่ 42

หน้าปก : หนังสือพิมพ์ดีเล่มที่ 42 ปีที่ 13
พุทธทำนายเดือน4ปีกุน
สดุดีมหาราชา 5 ธันวามหาราช
เฝ้าดู : การพ้นจากตำแหน่งนรม.สมชาย วงษ์สวัสดิ์เป็นวิถีประชาธิปไตย การยุบพรรคการเมือง3พรรคก็เป็นวิถีประชาธิปไตย
เฝ้าดู : ประชาธิปไตยเป็นระบอบของความเป็นธรรม
เฝ้าดู : ประชาธิปไตยเป็นระบอบของความเป็นธรรม 2 ว่าด้วยนักการเมือง
เฝ้าดู : สนับสนุนรัฐบาลแห่งชาติ (ความคิดเห็นจากประชาชน)
เฝ้าดู : ประเทศไทยน่าสงสารและไร้เกียรติ์ในสายตาต่างประเทศแต่คนในประเทศไม่รู้สึก
เฝ้าดู : หลักการตัดสินใจในระบอบประชาธิปไตยไทยวันนี้
เฝ้าดู : ถึงพลเสื้อแดง
เฝ้าดู : อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 27
เฝ้าดู : ประเทศไทยมีอะไรเกิดขึ้นในวันที่ 31 มกราคม 2552
เฝ้าดู : โรฮิงญาสะท้อนระบอบเผด็จการทหารพม่าและสะท้อนถึงรัฐบาลไทยในปัจจุบัน
สถิติเวบไซต์ของเรา น่าสนใจ Mystery World Report 1-19



Copyright © 2010 All Rights Reserved.
----- ***** ----- โปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate นี่คือเวบไซต์คู่ www.newworldbelieve.com กับ www.newworldbelieve.net เราให้เป็นเวบไซต์ที่เสนอธรรมะหรือ ความจริง หรือ ความคิดเห็นในเรื่องราวของชีวิต ตั้งใจให้ธัมมะเป็นทาน ให้สิ่งที่เป็นประโยชน์แด่คนทั้งหลาย ทั้งโลก ให้ได้รู้ความจริงของศาสนาต่าง ๆในโลกวันนี้ และได้รู้ศาสนาที่ประเสริฐเพียงศาสนาเดียวสำหรับโลกยุคใหม่ จักรวาลใหม่ เรามีผู้รู้ ผู้ตรัสรู้ ผู้วินิจฉัยสรรพธรรมสรรพวิชชา สรรพศาสน์ และสรรพศาสตร์ พอชี้ทางสู่โลกใหม่ ให้ความสุข ความสบายใจความมีชีวิตที่หลุดพ้นไปสู่โลกใหม่ เราได้อุทิศเนื้อที่ทั้งหมดเป็นเนื้อที่สำหรับธรรมะทั้งหมด ไม่มีการโฆษณาสินค้า มาแต่ต้น นับถึงวันนี้ร่วม 14 ปีแล้ว มาวันนี้ เราได้สร้างได้ทำเวบไซต์คู่นี้จนได้กลายเป็นแดนโลกแห่งความสว่างไสว เบิกบานใจ ไร้พิษภัย เป็นแดนประตูวิเศษ เปิดเข้าไปแล้ว เจริญดวงตาปัญญาละเอียดอ่อน เห็นแต่สิ่งที่น่าสบายใจ ที่ผสานความคิดจิตใจคนทั้งหลายด้วยไมตรีจิตมิตรภาพล้วน ๆ ไปสู่ความเป็นมิตรกันและกันล้วน ๆ วันนี้เวบไซต์นี้ ได้กลายเป็นโลกท่องเที่ยวอีกโลกหนึ่ง ที่กว้างใหญ่ไพศาล เข้าไปแล้วได้พบแต่สิ่งที่สบายใจมีความสุข ให้ความคิดสติปัญญา และได้พบเรื่องราวหลายหลากมากมาย ที่อาจจะท่องเที่ยวไปได้ตลอดชีวิต หรือท่านอาจจะอยากอยู่ณโลกนี้ไปชั่วนิรันดร ไม่กลับออกไปอีกก็ได้ เพียงแต่ท่านเข้าใจว่านี่เป็นแดนต้นเรื่องเป็นด่านข้ามจากแดนโลกเข้าไปสู่อีกโลกหนึ่ง และซึ่งเป็นโลกหรือบ้านของท่านทั้งหลายได้เลยทีเดียว ซึ่งสำหรับคนต่างชาติ ต่างภาษาต่างศาสนา ได้โปรดใช้การแปลของ กูเกิล หรือ Google Translate แปลเป็นภาษาของท่านก่อน ที่เขาเพิ่งประสบความสำเร็จการแปลให้ได้แทบทุกภาษาในโลกมนุษย์นี้แล้ว ตั้งแต่ต้นปีนี้เอง นั้นแหละเท่ากับท่านจะเป็นที่ไหนของโลกก็ตาม ทั้งหมดโลกประมาณ 7.6 พันล้านคนวันนี้ สามารถเข้ามาท่องเที่ยวในโลกของเราได้เลย เราไม่ได้นำท่านไปเที่ยวแบบธรรมดาๆ แต่การนำไปสู่ความจริง ความรู้เรื่องชีวิตใหม่ การอุบัติใหม่สู่ภาวะอริยบุคคล ไปสู่การเปลี่ยนแปลงไปพ้นจากทุกข์ ทั้งหลายไปสู่โลกแห่งความสุขแท้นิรันดร คือโลกนิพพานขององค์บรมศาสดาพุทธศาสนา พระบรมครูพุทธะ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพียงแต่ท่านโปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate ท่านก็จะเข้าสู่โลกนี้ได้ทันทีพร้อมกับคน7.6พันล้านคนทั้งโลกนี้. ----- ***** ----- • หมายเหตุ เอาขึ้นเวบไซต์ แทนของเดิม ทั้ง 2 เวบ .net .com วันที่ 21 เม.ย. 2565 เวลา 07.00 น. -----*****-----