จากกรณี บ่ายวันนี้ (30 มิ.ย.) ศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวตามที่คณะครูและนักเรียนโรงเรียนราชวินิตมัธยมยื่นฟ้อง โดยให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเปิดเส้นทางการจราจรบริเวณ ถ.พระราม 5 และ ถ.พิษณุโลก รวมทั้งให้ระงับการใช้เครื่องขยายเสียงในวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ช่วงเวลา 07.30-16.30 น. โดยให้มีผลทันทีนั้น
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าววันนี้ (30 มิ.ย.) ภายหลังศาลแพ่งมีคำสั่งดังกล่าว ว่า ท่าทีของรัฐบาล คือ ต้องการให้ทุกฝ่ายเคารพในกระบวนการยุติธรรมและการวินิจฉัยของศาลเพื่อแสดงให้เห็นว่า บ้านเมืองเป็นนิติรัฐ คนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมมีสิทธิที่จะได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายเดียวกันอย่างเท่าเทียม
คำวินิจฉัยของศาลครั้งนี้ ไม่ถือเป็นชัยชนะของรัฐบาลและกลุ่มอาจารย์ แต่จะเป็นแบบอย่างให้คนในสังคมที่ถูกละเมิดสิทธิ สามารถต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิของตัวเองได้ ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมก็ยังมีสิทธิที่จะชุมนุมเคลื่อนไหวได้อย่างสงบในที่เหมาะ สม โดยรัฐบาลจะไม่เข้าไปก้าวล่วงและยังย้ำในจุดยืนเดิม คือ ไม่ใช้ความรุนแรงกับกลุ่มพันธมิตรฯ รองโฆษกสำนักนายกฯ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า การที่ศาลสั่งให้กลุ่มพันธมิตรฯ เปิดถนนที่เป็นจุดที่ตั้งเวทีปราศรัยนั้น ควรที่จะพิจารณาว่า ต้องรื้อเวทีหรือไม่ แต่หากกลุ่มพันธมิตรฯ จะคัดค้านคำวินิจฉัยของศาลก็ถือเป็นสิทธิ รัฐบาลจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว โดยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ดำเนินการหากกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่กระทำตามคำสั่งศาล
ด้านนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ในฐานะทนายความกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า แม้คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลจะมีผลในทันที แต่ตอนนี้ ถือว่า คำสั่งของศาลยังไม่มีผลอย่างเป็นทางการ เพราะตัวคำสั่งยังไม่ไปถึงตัวจำเลย คือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง 1 ใน 5 แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ จำเลยที่ 1 และจำเลยคนอื่นๆ ทนายความกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า พรุ่งนี้ (1 ก.ค.) เวลาประมาณ 11.00 น. จะไปยื่นคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉินให้ศาลยกเลิกคำสั่งของศาลแพ่ง โดยจะให้แกนนำของกลุ่มพันธมิตรฯ บางคนมาขึ้นไต่สวนและนำสืบพยานเพื่อให้ศาลเห็นว่า มีความจำเป็นและมีเหตุผลที่จะต้องปิดการจราจรเพื่อความปลอดภัย
|