ผู้สื่อข่าวรายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญวันที่สอง ในวันนี้ (12 มิ.ย.) ที่ประชุมใช้เวลาตลอดทั้งวันในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2551 โดยการอภิปรายสมาชิกส่วนใหญ่ มุ่งเน้นถึงความชัดเจน ในการกำหนดประเด็นที่จะสอบถามความเห็นจากประชาชน เพื่อให้การทำประชามติมีความชัดเจน นำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยไม่มีข้อโต้แย้งหรือประท้วงได้ในภายหลัง รวมทั้งประประเด็นที่ให้คนไทยในต่างประเทศร่วมลงมติด้วย ซึ่งถือเป็นประเด็นที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ความสำคัญและใช้เวลาถกเถียงกันอย่างมาก รวมถึงเกณฑ์การตัดสินว่าการทำประชามติผ่านหรือไม่
โดยนายวรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ควรจะพิจารณาจากเสียงข้างมากของประชาชนทั้งประเทศเกินกึ่งหนึ่ง เพื่อไม่ให้รัฐบาลใช้เป็นช่องว่างในการเอาเปรียบประชาชน ในการทำประชามติเรื่องอื่นๆ เช่น การเปิดบ่อนเสรี ขณะที่สมาชิกบางคนอภิปรายท้วงติงถึงการให้คนไทยในต่างประเทศสามารถลงมติได้ ซึ่งจะทำให้เสียงบประมาณในการดำเนินการจำนวนมหาศาล แม้จะเป็นสิทธิที่ทุกคนต้องการมีส่วนร่วมก็ตาม
ด้านนายชินวรณ์ บุญเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เห็นด้วยกับการทำประชามติ แต่ควรกำหนดประเด็นให้ชัดเจนที่จะสอบถามประชาชนจะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง อย่างไรก็ตาม ในการอภิปรายไม่ได้เรียงตามรายมาตรา โดยส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย และประเด็นที่จะให้ประชาชนได้ลงมติ
ขณะที่นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.พรรคชาติไทย เห็นด้วยกับกฎหมายฉบับนี้ เพราะจะเป็นการยุติความขัดแย้งระหว่างผู้ต้องการแก้ไข และผู้ที่ไม่เห็นด้วย ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่อาจนำไปสู่ความแตกแยกในสังคม แต่ต้องชี้แจงสาระสำคัญของการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ด้วยว่ามีประเด็นใดที่ควรจะแก้ไข ไม่ใช่สอบถามประชาชนเพียงว่าเห็นด้วยหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ประชุมใช้เวลาอภิปรายกว่า 8 ชั่วโมง ในที่สุดได้มีมติเป็นเอกฉันท์ 318 เสียง รับหลักการร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว และได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ จำนวน 36 คน ขึ้นมาพิจารณาแปรญัตติตามข้อบังคับ โดยร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ รัฐธรรมนูญกำหนดจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในกรอบเวลากำหนด คือ ภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้ |