โอวาทธรรม พิธีรับประกาศนียบัตรการศึกษา วิทยาลัยอาชีวะ เอสแบค ศรีสะเกษ
18 มีรนาคม 2561 13.00 น.
วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ
คนเราล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร
ขอเจริญพร ท่านอาจารย์ ดร.เดชา ทองสุวรรณ ประธานคณะกรรมการ และ คณะกรรมการบริหาร รวมทั้งคณะครูอาจารย์ แขกผู้มีเกียรติ์ ที่ได้รับเชิญมาในงานวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักศึกษาผู้สำเร็จการศึกษาระดับ ปวช. และ ปวส. ร่วม 500 คน ทั้งคณะญาติโยม ผู้ปกครองที่ได้มาจากทั่วประเทศก็ว่าได้ ที่มาร่วมในพิธีมอบประกาศนียบัตรของวิทยาลัยอาชีวศึกษา เอสแบค ศรีสะเกษ ณ หอประชุมใหญ่ แห่งนี้ในวันนี้
การที่อาตมภาพและคณะสงฆ์วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง ศรีสะเกษ 9 รูป ได้รับนิมนต์มามีส่วนร่วม ในหน้าที่วันนี้ ก็เนื่องมาจากหลักธรรม หนึ่งข้อ ในมงคลสูตร 38 ข้อ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ข้อที่ 29: "สมณานญฺจ ทสฺสนํ" การได้เห็นสมณะ ซึ่งได้แก่การได้เห็นด้วยตาได้สัมผัสรูปร่าง หน้าตา การนุ่งห่มของท่าน เห็นผ้ากาสายะของท่านผ้านุ่งห่มของท่านก็นับว่าเป็นมงคลสูงสุดของชีวิตข้อหนึ่งในมงคล 38 ข้อแล้ว ซึ่งพวกท่านทั้งหลายในที่นี้ โดยปกติวิถีทางชีวิตพวกเรานั้น ไม่ค่อยจะได้เห็นอะไรภายนอกกำแพงวิทยาลัย การได้พบเห็นสมณะ ก็ยากที่จะได้พบเห็น ในวันนี้ การที่ได้พบเห็นสมณะ จึงถือเป็นมงคลแก่ชีวิตอย่างหนึ่งจริง ๆ สมณานัญฺจ ทัศฺนํ การเห็นสมณะเป็นมงคลอันสูงสุด ฉะนั้น การที่ได้มีพระภิกษุสงฆ์มาปรากฎ มาเจริญชัยมงคลคาถา อำนวยชัยให้พรในพิธีรับประกาศนียบัตรวันนี้ จึงถือว่าเป็นสิ่งที่เป็นมงคลอันสูงสุดของชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิถีชีวิตของชาวพุทธทั้งหลาย ที่ได้มีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา พระรัตนตรัยแก้วทั้งสามดวงพระพุทธ พระธรรม และ พระสงฆ์ อย่างสูงสุด
และเนื่องจากการที่อาตมภาพและคณะสงฆ์รับนิมนต์มา ณ ที่ประชุมใหญ่แห่งนี้แล้ว ได้เห็นได้ยินอะไรในขณะนี้แล้วแหละทำให้ได้รับความปิติยินดีอันสูงสุด อันเนื่องมาจากการรับประกาศนียบัตรของวิทยาลัยเอสแบคของเรานั้นเอง ที่ได้พิศูจน์ความจริงของพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยที่นักศึกษาผู้ที่ได้รับประกาศนียบัตร ปวช. และ ปวส. ร่วม 500 คนนี้ แหละ ซึ่งจำนวนผู้รับปีนี้ ก็มากกว่าปีที่แล้วไปอีก มากขึ้นไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่รุ่นที่ 1 มาจนถึงรุ่นปัจจุบัน ซึ่งเป็นรุ่นที่ 9 และ 10 เข้าแล้วนับแต่ปีที่จัดตั้งวิทยาลัย เอสแบคมาปี พ.ศ.2542 นั้นแหละที่พิศูจน์หลักธรรม อันเป็นพุทธสุภาษิตของวิทยาลัยเอสแบคของเราโดยตรง นั่นคือ พุทธสุภาษิตที่ว่า วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ นั่นคือความหมายที่ว่า หากว่าพวกเราไม่ได้เห็นสัจธรรมในพุทธภาษิตข้อนี้แล้ว เราก็คงไม่มีวันนี้ขึ้นมา ไม่มีวันแห่งความสำเร็จของนักศึกษา ไม่มีการแจกประกาศนียบัตร หรือ ปริญญาใดใดขึ้นมาได้ ฉะนั้นการได้มาและได้เห็นเรื่องราวในวันนี้ ที่นี่ ในฐานะที่อาตมภาพเป็นศิษย์ผู้สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงบังเกิดความปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง ในแง่ที่ว่า พวกท่านทั้งหลายนี้เอง ที่เป็นผู้ที่ได้พิศูจน์สัจธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ ซึ่งพวกเราย่อมรู้ความหมายโดยได้รับคำสอนมาตลอด โดยที่เป็นพุทธสุภาษิตประจำวิทยาลัยของเราโดยตรง ซึ่งโดยคำแปลนั้นที่ว่า วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ คนเราล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร ซึ่งในคำสอนนี้ สิ่งที่พวกเราจะต้องทำความเข้าใจ มีอยู่ 2 คำ คือคำว่า ทุกข์ คำหนึ่ง กับคำว่า วิริเยนะ อีกคำหนึ่ง โดยคำว่าทุกข์นั้น หมายถึงปัญหาต่าง ๆ ที่มีสัจธรรมว่า เป็นสิ่งที่มีอยู่ประจำโลก ที่เกิดขึ้นกับพวกเราหรือชีวิตทุกชีวิต และแม้สรรพสิ่ง นับตั้งแต่เกิดจนตายลงไป ตั้งแต่คลอดออกมาจากท้องมารดา ก็จะเผชิญสิ่งที่เรียกว่าทุกข์นี้ทุกคนๆไปไม่มีว่างเว้น ซึ่งความหมายสมัยใหม่นี้ ทุกข์ก็จะหมายถึงปัญหาต่าง ๆ ของชีวิตนั้นเอง คนเราตั้งแต่เกิดเมาแต่ละคน จะต้องพบเผชิญปัญหาของชีวิตไปทุกคน ๆ ไปจนตายไปนั้นแหละจึงจะพ้นปัญหาไปได้
ฉะนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ที่ทรงรู้แจ้งเรื่องทุกข์ เรื่องปัญหาของคนทั้งหลาย จึงทรงพระกรุณา พระเมตตาบอกวิธีแก้ปัญหาให้คนพ้นทุกข์ ว่ามีทางนี้เท่านั้น คือ ทางความเพียร ความพยายาม ของเราเอง(ไม่ใช่ไปอ้อนวอนพระเจ้า หรือเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์นอกการพึ่งพากระทำด้วยตนเอง) ดังทรงตรัสสอนเอาไว้ว่า วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ คนเราล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร นั้นเอง เราทั้งหลายจึงจำเป็นเมื่อเกิดมาแล้ว ต้องมีสิ่งนี้เป็นของคู่กับตนคือ คำที่ 2 ที่ว่า วิริเยนะ นั้นเอง ซึ่งหมายถึง ความขยัน ความพากเพียร เอาใจใส่ในการแก้ปัญหาของชีวิต ความที่ไม่นิ่งดูดาย ที่ปล่อยให้ปัญหามันพอกพูน ทับถมท่วมตัวตน เพราะหากเป็นเช่นนั้น คนผู้ปล่อยปละละเลย ไร้ความเพียรพยายาม มีแต่ความเกียจคร้านไปวันหนึ่ง ๆ ก็จะถูกท่วมทับด้วยปัญหาชีวิตตนเอง ที่นับวันจะพอกพูนยิ่งขึ้น จนต้องตายลงไปอย่างทรมาน ในที่สุด ฉะนั้น เราทั้งหลาย จึงต้องทำความเข้าใจให้แจ่มแจ้ง เห็นสัจธรรมจริง ๆ ว่า เรื่องความทุกข์นั้น เป็นสิ่งที่เราจะหลีกเลี่ยงไปไม่ได้เลย ทุกคน ทุกชีวิต ทุกชาติ ทุกภาษา หรือแม้บรรดาสัตว์จตุ-ทวิบาททั้งหลายอื่นก็ตาม จักต้องเผชิญกับปัญหานี้ไปตลอดชีวิต แต่สิ่งที่จะช่วยให้เราเอาชนะทุกข์ เอาชนะปัญหาแต่ละขั้นตอนของชีวิตไปได้นั้น มีอยู่สิ่งเดียว นั่นคือ ความเพียร ของเราเอง มือทั้งสอง สมองของเราเองเท่านั้น นั่นคือ วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ
และสิ่งที่อาตมภาพจะขอเน้นเตือนก็คือ พุทธสุภาษิตบทนี้ ซึ่งทางเอสแบคของเราได้นำมาเป็นหลักปัญญาของวิทยาลัยและลูกศิษย์ทั้งหลายนั้น เป็นสิ่งที่ไม่เพียงแต่จะช่วยเราให้สำเร็จการศึกษาในวิทยาลัย เท่านั้น เพราะนับจากวันนี้ไปแล้ว พวกเราก็จะได้ออกไปเผชิญโลกนอกกำแพงวิทยาลัยต่อไป และสิ่งที่พวกเราจะได้พบก็คือปัญหาประการต่าง ๆ ของชีวิตนั้นเอง ซึ่งจะมีมากมายมหาศาลมากกว่าที่พวกเราได้พบเผชิญมาแล้ว หรือนั้นแหละทุกข์ที่รอเราอยู่ อีกมากมายหลายชนิด ของปัญหาไปตราบที่เรายังมีชีวิต มีลมหายใจ แต่สิ่งเดียวที่จะช่วยเราให้เอาชนะทุกข์ เอาชนะปัญหาแต่ละปัญหา ทั้งปวงไปได้นั้นก็จะต้องเป็นสิ่งนี้เท่านั้น นั่นคือ วิริเยนะ ด้วยความเพียร เท่านั้นเอง ฉะนั้น แม้วันนี้ พวกลูกศิษ ๆ ทั้งหลาย 500 คนนี้ จะได้สำเร็จการศึกษา ได้ชัยชนะแล้ว ได้ประกาศนียบัตร ได้ความรู้ไปอย่างเต็มภาคภูมิแล้วก็ตาม แต่เมื่อก้าวออกนอกรั้วหรือกำแพงของวิทยาลัยที่รักของเราไปแล้ว ก็จะต้องเผชิญปัญหาต่าง ๆ อีกมากมายไป ตราบที่มีชีวิตอยู่ ตามสัจธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า การเกิดเป็นทุกข์ ซึ่งหมายถึงตราบมีชีวิตอยู่ ก็ต้องเผชิญทุกข์เผชิญปัญหาต่าง ๆ ไปตลอดไม่สิ้นสุดเลยนั้นเอง ฉะนั้นในวันนี้ อาตมภาพ ผู้เป็นศิษย์สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงขอเตือนว่า สุภาษิตข้อนี้ ที่ใช้เป็นสุภาษิตประจำวิทยาลัยเอสแบคของเรานั้น ไมใช่เอาไว้ใช้เฉพาะภายในรั้วมหาวิทยาลัยของเราเอสแบคเองเท่านั้น ครู อาจารย์ ผู้เป็นห่วงลูกศิษย์ทั้งหลาย ยังหวังว่าพุทธภาษิตนี้ จะได้ติดตามนักศึกษาผู้ได้ประสบชัยชนะ ได้ประกาศนียบัตร ได้ความรู้อย่างเต็มภาคภูมิของการงานอาชีวะ ออกไป ช่วยเผชิญปัญหาในโลกกว้างนอกกำแพง นอกรั้วกำแพงเก่าของเรา นอกมหาวิทยาลัยต่อไปอีก และด้วยความเพียรเท่านั้นจะช่วยแก้ทุกข์แก้ปัญหาของชีวิตให้ได้ ไม่มีทางอื่นเลย
ที่สุดนี้ อาตมภาพก็ขอแสดงความยินดี ชื่นชมกับความสำเร็จของนักศึกษา และความสำเร็จของสถาบัน วิทยาลัยเอสแบคของเรา และขอฝากเตือนว่า พุทธสุภาษิตอันล้ำค่านี้ วิรเยน ทุกฺขมจฺเจติ จะได้ติดตามพวกเราไปให้เอาชนะทุกข์ของชีวิต นอกกำแพงมหาวิทยาลัย ซึ่งนั่นแหละเราจะได้พบปัญหาของชีวิตอีกมากมายมหาศาลกว่าที่ได้พบมาในรั้วมหาวิทยาลัยเก่าของเรา ทั้งนี้ก็เพราะโลกมีทุกข์ เป็นทุกข์เช่นนี้เอง และวิธีที่จะเอาชนะนั้นก็มีโดยพระคาถา วิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ คนเราล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร นี้เอง
ก็ขออำนวยพร ขอเจริญพรฝากข้อเตือนใจเอาไว้แต่เพียงเท่านี้
เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้
พระครูพุทธิพงศานุวัตร
ผจล.วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง
18 มีนาคม 2561 13.00 น.