ReadyPlanet.com
dot
dot dot
bulletBUDDHISM TO THE NEW WORLD ERA
bullet1 Thai-ไทย
bullet2.English-อังกฤษ
bullet3.China-จีน
bullet4.Hindi-อินเดีย
bullet5.Russia-รัสเซีย
bullet6.Arab-อาหรับ
bullet7.Indonesia-อินโดนีเซีย
bullet8.Japan-ญี่ปุ่น
bullet9.Italy-อิตาลี
bullet10.France-ฝรั่งเศส
bullet11.Germany-เยอรมัน
bullet12.Africa-อาฟริกา
bullet13.Azerbaijan-อาเซอร์ไบจัน
bullet14.Bosnian-บอสเนีย
bullet15.Cambodia-เขมร
bullet16.Finland-ฟินแลนด์
bullet17.Greek-กรีก
bullet18.Hebrew-ฮีบรู
bullet19.Hungary-ฮังการี
bullet20.Iceland-ไอซ์แลนด์
bullet21.Ireland-ไอร์แลนด์
bullet22.Java-ชวา
bullet23.Korea-เกาหลี
bullet24.Latin-ละติน
bullet25.Loa-ลาว
bullet26.Finland-ฟินแลนด์
bullet27.Malaysia-มาเลย์
bullet28.Mongolia-มองโกเลีย
bullet29.Nepal-เนปาล
bullet30.Norway-นอรเวย์
bullet31.persian-เปอร์เซีย
bullet32.โปแลนด์-Poland
bullet33.Portugal- โปตุเกตุ
bullet34.Romania-โรมาเนีย
bullet35.Serbian-เซอร์เบีย
bullet36.Spain-สเปน
bullet37.Srilanga-สิงหล,ศรีลังกา
bullet38.Sweden-สวีเดน
bullet39.Tamil-ทมิฬ
bullet40.Turkey-ตุรกี
bullet41.Ukrain-ยูเครน
bullet42.Uzbekistan-อุสเบกิสถาน
bullet43.Vietnam-เวียดนาม
bullet44.Mynma-พม่า
bullet45.Galicia กาลิเซียน
bullet46.Kazakh คาซัค
bullet47.Kurdish เคิร์ด
bullet48. Croatian โครเอเซีย
bullet49.Czech เช็ก
bullet50.Samoa ซามัว
bullet51.Nederlands ดัตช์
bullet52 Turkmen เติร์กเมน
bullet53.PunJabi ปัญจาบ
bullet54.Hmong ม้ง
bullet55.Macedonian มาซิโดเนีย
bullet56.Malagasy มาลากาซี
bullet57.Latvian ลัตเวีย
bullet58.Lithuanian ลิทัวเนีย
bullet59.Wales เวลล์
bullet60.Sloveniana สโลวัค
bullet61.Sindhi สินธี
bullet62.Estonia เอสโทเนีย
bullet63. Hawaiian ฮาวาย
bullet64.Philippines ฟิลิปปินส์
bullet65.Gongni-กงกนี
bullet66.Guarani-กวารานี
bullet67.Kanada-กันนาดา
bullet68.Gaelic Scots-เกลิกสกอต
bullet69.Crio-คริโอ
bullet70.Corsica-คอร์สิกา
bullet71.คาตาลัน
bullet72.Kinya Rwanda-คินยารวันดา
bullet73.Kirkish-คีร์กิช
bullet74.Gujarat-คุชราด
bullet75.Quesua-เคซัว
bullet76.Kurdish Kurmansi)-เคิร์ด(กุรมันซี)
bullet77.Kosa-โคซา
bullet78.Georgia-จอร์เจีย
bullet79.Chinese(Simplified)-จีน(ตัวย่อ)
bullet80.Chicheva-ชิเชวา
bullet81.Sona-โซนา
bullet82.Tsonga-ซองกา
bullet83.Cebuano-ซีบัวโน
bullet84.Shunda-ชุนดา
bullet85.Zulu-ซูลู
bullet86.Sesotho-เซโซโท
bullet87.NorthernSaizotho-ไซโซโทเหนือ
bullet88.Somali-โซมาลี
bullet89.History-ประวัติศาสตร์
bullet90.Divehi-ดิเวฮิ
bullet91.Denmark-เดนมาร์ก
bullet92.Dogry-โดกรี
bullet93.Telugu-เตลูกู
bullet94.bis-ทวิ
bullet95.Tajik-ทาจิก
bullet96.Tatar-ทาทาร์
bullet97.Tigrinya-ทีกรินยา
bullet98.Check-เชค
bullet99.Mambara-มัมบารา
bullet100.Bulgaria-บัลแกเรีย
bullet101.Basque-บาสก์
bullet102.Bengal-เบงกอล
bullet103.Belarus-เบลารุส
bullet104.Pashto-พาชตู
bullet105.Fritian-ฟริเชียน
bullet106.Bhojpuri-โภชปุรี
bullet107.Manipur(Manifuri)-มณีปุระ(มณิฟูรี)
bullet108.Maltese-มัลทีส
bullet109.Marathi-มาราฐี
bullet110.Malayalum-มาลายาลัม
bullet111.Micho-มิโช
bullet112.Maori-เมารี
bullet113.Maithili-ไมถิลี
bullet114.Yidsdish-ยิดดิช
bullet115.Euroba-ยูโรบา
bullet116.Lingala-ลิงกาลา
bullet118.Slovenia-สโลวีเนีย
bullet119.Swahili-สวาฮิลี
bullet120.Sanskrit-สันสกฤต
bullet121.history107-history107
bullet122.Amharic-อัมฮาริก
bullet123.Assam-อัสสัม
bullet124.Armenia-อาร์เมเนีย
bullet125.Igbo-อิกโบ
bullet126.History115-ประวัติ 115
bullet127.history117-ประวัติ117
bullet128.Ilogano-อีโลกาโน
bullet129.Eve-อีเว
bullet130.Uighur-อุยกูร์
bullet131.Uradu-อูรดู
bullet132.Esperanto-เอสเปอแรนโต
bullet133.Albania-แอลเบเนีย
bullet134.Odia(Oriya)-โอเดีย(โอริยา)
bullet135.Oromo-โอโรโม
bullet136.Omara-โอมารา
bullet137.Huasha-ฮัวซา
bullet138.Haitian Creole-เฮติครีโอล
bulletคำบูชาพระรัตนตรัย ทำวัตรแปล เช้า-เย็น
bulletChart Showing the Process
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พ.ศ.2540 - 2566
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี 1
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี 2
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี บุคคลที่ 1 - 188 ปัจจุบัน
bulletหนังสือพิมพ์ดี
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 1
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 2
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 3
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 4
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 5
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 6
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 7
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 8
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 9
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 10
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 11
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 12
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 13
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 14
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 15
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 16
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 17
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 18
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 19
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 20
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 21
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 22
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 23
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 24
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 25
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 26
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 27
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 28
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 29
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 30
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 31
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 32
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 33
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 34
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 35
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 36
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 37
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 38
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 39
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 40
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 41
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 42
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 43
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 44
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 45
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 46
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 47
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 48
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 49
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 50
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 51
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 52
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 53
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 54
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 55
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที่ 56
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 57
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 58
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 59
bulletTo The World
bulletENGLISH
bulletUSA
bulletChina
bulletIndia
bullet Mynmar
bullet Cambodia
bullet Loas
bulletSri Lanka
bulletMalaysia
bulletKorea
bulletA Sharp Turn of Believes : Iresearch Iwrite Iread
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 1
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 2
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 3
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 4
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 5
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 6
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 7
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 8
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 9
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 10
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 11
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 12
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 13
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 14
bulletMystery Report 15
bulletMystery Report 16
bulletMystery Report 17
bulletMystery Report 18
bulletMystery Report 19
bulletMystery Report 20
bulletMystery Report 21
bulletMystery Report 22
bulletMystery Report 23
bulletMystery Report 24
bulletMystery World Report 25
bulletศึกษาโลกลี้ลับ 26
bulletเฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้ว วิเคราะห์ทุกปัญหาในโลกมนุษย์ด้วยสติปัญญาและเหตุผลวิทยาศาสตร์จากนสพ.ดี
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2536
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2537
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2538
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2539
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2540
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2541
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2542
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2543-2545
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2545-2549
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2549-2550
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2550-ส.ค.2551
bulletเฝ้าดูฯ ส.ค.-ก.ย.2551
bulletเฝ้าดูฯ ก.ย.2551- ธ.ค. 2551
bulletเฝ้าดูฯสำนวนพัชรา กอปรทศธรรม
bulletสำนวนพัชราตอนที่ 16-27
bulletสำนวนพัชราตอนที่ 29
bulletบทความใหม่ เม.ย.-พ.ค.2552
bulletพุทธธรรมเพื่อทางดับทุกข์
bulletทฤษฎีการดับทุกข์ทางจิต วิปัสสนากรรมฐานโดยการทำงาน(สำนวนปรับปรุงใหม่)
bulletประวัติพัชรา กอปรทศธรรม
bulletประวัติการต่อสู้เพื่อการดับทุกข์ ของพัชรา กอปรทศธรรม
bulletอัลบั้มรูป history
bulletนิทานธรรมะประยุกต์ มานุสสาสุระสงคราม 4 ภาค และอื่น ๆ
bulletอัลบั้มรูป ภาพในอดีตและชีวประวัติศาสตร์ที่สวยงาม
bulletจากเวบบอร์ด พูดกันไม่รู้เรื่อง ประชาธิปไตยล้าหลัง
bulletศาสนาสากล การวิเคราะห์ความหมาย
bulletปลอบใจ
dot
รวมบทวิเคราะห์กม.คณะสงฆ์ แนวปฏิรูปคณะสงฆ์อยู่ในบทวิเคราะห์นี้แล้ว
dot
bulletรวมบทวิเคราะห์กม.คณะสงฆ์
dot
สากลจักรวาล สากลศาสนา แนวคิดศาสนาสำหรับคนยุคใหม่ ผู้ก้าวผิดทางไปสู่สิ่งไร้สาระโดยไม่รู้ตัว
dot
bulletสากล...ศาสนา 1
bulletสากล...ศาสนา 2
bulletสากล...ศาสนา 3
bulletสากล...ศาสนา 4
bulletสากล...ศาสนา 5
bulletสากล...ศาสนา 6
bulletสากล...ศาสนา 7
bulletสากล...ศาสนา 9
bulletสากล...ศาสนา 8
bulletสากล...ศาสนา 10
bulletสากล...ศาสนา 11
bulletสากล...ศาสนา 12
bulletสากล...ศาสนา 13
bulletสากล...ศาสนา 14
bulletสากล...ศาสนา 16
dot
ส่วนข้อมูลสำคัญเพื่อการวิจัยการเมืองไทยยุค คมช.-รัฐบาลอภิสิทธิ์
dot
bulletข้อมูลสำคัญยุคคมช.-รัฐบาลอภิสิทธิ์
bulletรายงานสดม็อบสนธิ-จำลอง-ปชป.เป่านกหวีดวันที่1/26ส.ค.2551
bulletรายงานสดม็อบสนธิ-จำลอง-ปชป.เป่านกหวีดวันที่2/27ส.ค.2551
bulletใบปลิว อีเมล์ ในหลวงทรงร้องไห้
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 1
bulletในหลวงเพิ่งทราบข่าวฆ่าประชาชน10เมย.53ทรงร้องไห้
bulletบันทึกลับเสื้อแดงผู้รอดชีวิตจากทำเนียบรัฐบาล
bulletบันทึกลับเสื้อแดงผู้รอดชีวิตจากทำเนียบรัฐบาล
dot
รวมข่าวม็อบการเมืองสนธิ-จำลอง-ปชป.มิ.ย.51-เม.ย.52 นสพ.
dot
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 2
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 3
bulletรวมข่าวม็อบ30มิ.ย.51-23มี.ค.52
bulletเลือดศรีสะเกษบันทึกเรื่องราวรอบด้านเกี่ยวกับเขาพระวิหาร
bulletรายงานการโฆษณาชวนเชื่อในประเทศไทยที่ล้มล้างรัฐบาลทักษิณ
bulletหนังสือพิมพ์ดี ของฟรีให้เปล่ามา20ปีแล้วทั้งเอกสารและอินเทอเนท
bulletหนังสือพิมพ์ดี ( อินเทอเนต ) เล่ม 1 - 44 - ล่าสุด
bulletหน้าที่เก็บไว้
bulletมูลนิธิพระเทพวรมุนี(เสน ปญฺญาวชิโร)
bulletวัดมหาพุทธาราม ศรีสะเกษ บันทึกเหตุการณ์
bulletสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดศรีสะเกษแห่งที่ 1
bulletเกี่ยวกับเวบไซต์ของเรา เราทำเพื่อปัญญาชนโดยแท้
bulletรวมกระทู้เด็ดจากกระดานถามตอบ
bulletคาถาอาคมไสยศาสตร์
bulletกวีนิพนธ์ใหม่
bulletศูนย์ปฏิญญาณละเลิกอบายมุข บัญชีที่ 1- 4


ดี เล่มที่ 54

 

ดี เล่มที่ 54

  

3.  สารบาญ 

สารบาญ  

 

 

1.    ปก

2.    พุทธทำนายเดือน 4 ปีกุน  พร้อมบทวิเคราะห์

3.    สารบาญ                                                                                                                   

4.   บทบรรณาธิการ 

4.1  ส.ค.ส.2562

5.    บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี  พุทธศักราช 2561    

       5.1  บุคคลที่ 133 ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น

       5.2  บุคคลที่ 134 นายจิรพันธ์ เพชรขาว(หมอปลา): มือปราบสัมภเวสี

       5.3  บุคคลที่ 135 Robert Spencer ผู้เขียนเรื่อง The Truth about Muhammad

       5.4  บุคคลที่ 136 วรรรญา วรรณพงษ์ แชมป์โดรนโลก อายุนน้อยที่สุดในโลก อายุ 11 ปี

       5.5  บุคคลที่ 137 ประธานาธิบดีสโลวาเกีย:ไม่มีที่อยู่ให้อิสลามในประเทศนี้ 

6.    เฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้ว 

       6.1   Muslim 1  ไล่ฆ่าครอบครัวพุทธ หมู่บ้านฮุแตยีลอ หมู่6  ต.บาเร๊ะใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส

       6.2   Muslim 2  ทหารพรานไทยสู้กับมุสลิมโจรใต้นราธิวาส จับได้ 7 คน ไว้ชีวิต

       6.3   Muslim 3  What is Science? What is your god's reliabjility?

       6.4   Muslim 4  ฮาลาล

       6.5   Muslim 5  มุสลิมโรฮินยา

       6.6   Muslim 6 ฮามัสประกาศล้างชาวอิสราเอลจนหมดทั้งประเทศ อัลกูรอานสั่งไว้บทสุดท้าย

       6.7   Muslim  โจรใต้เคลื่อนพลโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐบาลพร้อมกัน 11 จุด ตายเจ็บนับร้อย

7.    พุทธศาสนายุคใหม่

       7.1. ประเด็นธรรมะเพื่อมรรคผลนิพพาน อะไรคือเห็นกายในกายและเห็นธรรมในธรรม?

       7.2.  เรื่องจิตใจให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ  ดนตรีสวรรค์ การปฏิบัติทางปราณที่อดน้ำไปเกิน3วันถึง7วันได้สบายไม่ตาย

       7.3.  ศาสนาพุทธยุคใหม่ 25 ส.ค.2561  18 ข้อมรรคผลนิพพาน

       7.4.  เศรษฐศาสตร์ ศาสนาพุทธไม่มีคำสอนเรื่องเศรษฐศาสตร์ประชาชนไม่รู้หลักการทำมาหากินและหลักการแสวงหาความร่ำรวย ลาว       พม่า เป็นประเทศ  โลกที่ 4  ยากจนที่สุดในโลก 1 ใน 10 ประเทศ

8.   โหราศาสตร์ :

       8.1  การพยากรณ์การเมืองไทย ดวงชะตาผู้ชนะการเลือกตั้งวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2502 ใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี?

       8.2  ดวงชะตามุสลิม นายวสันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ  พร้อมทักษิณ ชินวัตร

9.   Muslim  รายงานสดจากไลน์กลุ่มการศฯึกษาไร้พรมแดนอิสลามสอนให้เนรคุณ รวมบทวิจารณ์เรื่องพุทธสาวกระดับอรหันต์เดือน ส.ค.2559 

10.  Muslim บทวิเคราะห์กองทัพนักรบศักดิ์สิทธิ์ จิฮัดส์อิสลามอาหรับ6ประเทศแพ้สงครามอิสลราเอลอย่างไม่ทันนกกระจอกกินน้ำ

11.  OIC.[Organization of the Islamic Cooperation] อิสลามฆ่าครูเผาโรงเรียนทำไม?พระเจ้าอัลเลาะห์ไม่รู้จักวิทยาศาสตรเทกโนโลยีเลย ไม่มีครูเด็กเราก็โง่หากินไม่ทันเขาสิ

 

 

 

 

 **************************************************************************************************************************** 

1.  ปก

ปีที่ 21 เล่มที่ 54
มูลนิธิพระเทพวรมุนี ( เสน ปญฺญาวชิโร )
วัดมหาพุทธาราม ถนนขุขันธ์ ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ 33000

 

 

 

 

หนังสือพิมพ์ดี ( อินเทอเนต)
http://www.newworldbelieve.net
http://www.newworldbelieve.com

 

         

 

 

 

  • เพื่อการนำความคิดไปสู่ความดีงาม
    เพื่อความกลมกลืนแห่งสากลศาสนา
    For all good For all thought

 

เราจะบินบินบินและบินไป                            สู่ขอบฟ้าสดใสในเบื้องหน้า
แม้วันนี้มีเมฆร้ายมหิมา                               ก็ไม่หวาดไม่ผวาคณาภัย

ถึงเขาใหญ่สูงเงื้อมตระหง่านฟ้า                    ก็จะฝ่าฤาพรั่นนึกหวั่นไหว
มหาสมุทรสุดสายลมไกว                            จะเอื้อมไปให้ถึงซึ่งฝั่งดิน
ถึงแห้งเหือดเลือดหมดหยดสุดท้าย              แล้วก็หมายชนหลังยังถวิล
สัจธรรมนี้ไว้ในธรณิน                                 กว่าจะสิ้นกัปกัลป์พุทธันดร

 


ปีที่ 21 เล่มที่ 54
เล่มที่ 54 เดือน ก.ย.-ต.ค.-พ.ย.-ธ.ค. 2560 - ม.ค.-ก.พ.-มี.ค.-เม.ย.-พ.ค.-มิ.ย.–ก.ค.–ส.ค.

-ก.ย.-ต.ค.-พ.ย.-ธ.ค. 2561  

 

 

เรื่องเด่น

1.  พุทธทำนาย เดือน 4 ปีกุน พ.ศ. 2562 ใกล้เข้ามาเต็มที่แล้ว

2. บทบรรณาธิการ บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พุทธศักราช 2561

3. Muslims : เฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้ว เพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ภาค 1 – ภาค 11  

 

 

 

 

2.  พุทธทำนายเดือนสี่ปีกุน 

 พุทธทำนายเดือน๔ปีกุน 

 

เรื่องพุทธทำนายนี้มีปรากฏอยู่ในภาษาบาลีพระไตรปิฎก ฉบับสยามรัฐ เล่มที่ 27 หน้า 24 ขึ้นต้นว่า อุสุภา รุกฺขา คาวิโย ฯลฯ และอธิบายไว้ในอรรถกถาเอกนิบาต ภาค 2 และเคยแปลเป็นภาษาไทยไว้ในชาดก ฉบับหอสมุดวชิรญาณ เล่ม อาจารย์ศิลา วีรวงศ์ ได้แต่งเป็นกลอนลำอีสาน ประมาณ พ.ศ. 2490” 

 มีข้อความตอนสำคัญดังนี้ :- 

๑๑. ข้อสิบเอ็ด 

พระฝันเห็นท่อนไม้แก้วแก่นจันทน์แดง ของมันราคาแพงค่าสูงแสนตื้อ เขาเลยเอาไปซื้อขายกินแลกไก่ เอาจันทน์แดงใส่กระชาน้อยแขวนห้อยเที่ยวขาย อันนี้แล้วเพิ่นว่าภายหน้าพู้นเคิ่งศาสนาพุทธ มนุษย์มีโลภามืดมัวเมากุ้ม ชุมหมู่ถือศีลสร้างเป็นจัวเจ้าหัวบ่าว เห็นผู้สาวแล้วเอิ้นเสินเว้าดั่งสหาย นอกจากนั้นกะซิเป็นผู้ฮ้ายขายศาสนาพุทธ เอาพระธรรมลงมุดจายขายกินจ้าง ตั้งเป็นตึกเป็นห้างขายกินปิ้นไป่ ทังพระสูตรพระวินัยเอาลงใส่กระช้าโซนผ้าเที่ยวขาย นี้จั่งแม่นต่อนฮ้ายขายฮูปพุทธองค์ สงฆ์บ่ถือวินัยไพร่เมืองบ่อยำอย้าน มีแต่คนพาลกล้าโกธาเขี้ยวขุ่น ศาสนาเกิดวุ่นสูญเส้ามุ่นทะลาย สงฆ์ซิเป็นผู้ฮ้ายขายศาสนากู สัพพัญญูเล็งเห็นหน่ายสะอางผางฮ้าย คันแม่นกายไปหน้าศาสนาของเฮาจั่งสิฟื้นขึ้นใหม่ ในปีกุนล่วงแล้วซิแววขึ้นลื่นหลัง ครั้งนั้นแหล้วคนสิอยู่เป็นสุข จั่งสิหายความทุกข์หมู่ภัยไกลเนื้อ ใผผู้ยังเหลือค้างซิเห็นทางฟ้าล่วง คนสิพ้นจากห่วงฝูงหมู่มารบาปฮ้ายเมื่อฟ้าอยู่กะเสิม เริ่มแต่ค้าเดือนสี่ปีกุน ใผมีบุญจั่งสิเห็นหน่อพระธรรมเดอป้า พากันถือศีลห้าภาวนาเดอแม่ หยังกะเห็นเที่ยงแท้บ่มีเว้นหว่างใด๋” 

  • จาก กลอนลำเรื่องพุทธทำนาย ชมรมวรรณกรรมอีสาน จัดพิมพ์ โดย ร.พ.ไพศาลศิริ ท่าพระจันทร์ กทม. 2527 หน้า 7 

 

 

 หมายเหตุ บก.        

เรื่องพุทธทำนายนี้ มีการระบุถึงเดือนสีปีกุน แต่ไม่ได้ระบุแน่ชัดว่าเป็นปีกุนรอบไหน พ.ศ.อะไร ระบุไว้กว้าง ๆ ว่าหลังยุคกึ่งพุทธกาลไปแล้ว คือหลังปีพุทธศักราช 2500 ไปแล้ว   เมื่อมาถึงปีกุน พ.ศ.2502,2514,2526,2538 และ พ.ศ.2550 ตามลำดับมาแล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะมีอะไรเป็นที่น่ายินดีสำหรับพระพุทธศาสนา ก็น่าจะเป็นปีกุนรอบต่อไป ซึ่งก็ได้มาถึงแล้ว คือปีกุน พ.ศ. 2562 จะเป็นปีกุนที่ตรงกับพุทธทำนายอีกครั้งหนึ่ง   และได้มาถึงแล้ว ดี เล่มต่อไปก็จะเป็นดีที่ออกมาตรงกับปีกุน ตามพุทธทำนายอีกครั้งหนึ่ง และจะมีสัญญาณอะไรเกิดขึ้น  อันจะบอกถึงการฟึกฟื้น การเกิดใหม่อย่างเจริญรุ่งเรืองแห่งพระพุทธศาสนาในปี 2562 นั้น    

ข้อพิจารณา ทำความเข้าใจเพิ่มเติมในเรื่องคำทำนาย เดือน สี่  ปีกุนโดยเฉพาะรอบปี พ.ศ. 2562 นี้มีข้อสรุปอย่างชัดเจนอยู่ 2 ประการ คือ เรื่องความเสื่อมของพระพุทธศาสนา ที่มีมาตามลำดับ  จนถึงเดือนสี่ ปีกุนจึงจะเริ่มฉายแววของความเจริญฟื้นฟูพระพุทธศาสนาขึ้นมาใหม่   ดังข้อสรุป 2 ประการนี้

1.   ศาสนาพุทธเสื่อมลงไปถึงสภาพสิ้นศาสนา  ดังคำว่า  “ภายหน้าพู้นเคิ่งศาสนาพุทธ พุทธ มนุษย์มีโลภามืดมัวเมากุ้ม ชุมหมู่ถือศีลสร้างเป็นจัวเจ้าหัวบ่าว เห็นผู้สาวแล้วเอิ้นเสินเว้าดั่งสหาย นอกจากนั้นกะซิเป็นผู้ฮ้ายขายศาสนาพุทธ เอาพระธรรมลงมุดจายขายกินจ้าง ตั้งเป็นตึกเป็นห้างขายกินปิ้นไป่ ทังพระสูตรพระวินัยเอาลงใส่กระช้าโซนผ้าเที่ยวขาย นี้จั่งแม่นต่อนฮ้ายขายฮูปพุทธองค์ สงฆ์บ่ถือวินัยไพร่เมืองบ่อยำอย้าน มีแต่คนพาลกล้าโกธาเขี้ยวขุ่น ศาสนาเกิดวุ่นสูญเส้ามุ่นทะลาย สงฆ์ซิเป็นผู้ฮ้ายขายศาสนากู”     

2.  ครั้นถึงยุคกึ่งพุทธกาลแล้ว  ปีกุน จะมีหน่อพระพุทธเจ้า หรือ คนดี หน่อพระธรรมมาสืบพระพุทธศาสนา ที่ในคำพยากรณ์บอกถึงสิ่งที่ดีมากกับพุทธศาสนาในส่วนรวม  โดยที่    จะมี “หน่อพระธรรม” มาสืบพระพุทธศาสนา   โดยคำว่า "คันแม่นกายไปหน้าศาสนาของเฮาจั่งสิฟื้นขึ้นใหม่ ในปีกุนล่วงแล้วซิแววขึ้นลื่นหลัง ครั้งนั้นแหล้วคนสิอยู่เป็นสุข จั่งสิหายความทุกข์หมู่ภัยไกลเนื้อ ใผผู้ยังเหลือค้างซิเห็นทางฟ้าล่วง คนสิพ้นจากห่วงฝูงหมู่มารบาปฮ้ายเมื่อฟ้าอยู่กะเสิม เริ่มแต่ค้าเดือนสี่ปีกุน ใผมีบุญจั่งสิเห็นหน่อพระธรรมเดอป้า พากันถือศีลห้าภาวนาเดอแม่ หยังกะเห็นเที่ยงแท้บ่มีเว้นหว่างใด๋

เรื่องความเสื่อมของศาสนาพุทธนั้นพอเห็นได้อยู่ชัดเจนแล้ว  โดยเฉพาะเรื่องสงฆ์ไม่มีวินัย เที่ยวขายศาสนากิน  และผิดทางเพศ โดยเฉพาะเหตุการณ์ในวงการสงฆ์ไทยที่ผ่านมาเร็ว ๆนี้และยังคงมีเรื่องราวที่ต่อเนื่องไปอยู่ในทุกวันนี้ 

ทีนี้ ที่เป็นข้อกังขาก็คือ  ผู้ที่จะมาสืบพระศาสนานั้นจะเป็นบุคคลอย่างไร?  เป็นพระพุทธเจ้า หรือพระโพธิสัตว์องค์ใหม่อย่างนั้นหรือ?  แล้วคนจะรู้จักท่านได้อย่างไร?  เพราะในทุกวันนี้  ก็ดูมีเรื่องราวของคนเก่งมากมาย ทั้งพระสงฆ์และฆราวาส  รวมทั้งสำนักต่าง ๆ มากมาย อะไรคือสิ่งที่บอกเหตุถึงความเก่งความดี ความประเสริฐของผู้มาสืบศาสนา?   ซึ่งในประเด็นนี้เราคิดว่า    หน่อพระธรรมที่จะปรากฏขึ้นนั้น  อย่างน้อยท่านก็จะต้องรู้แจ้งเจนจบในหลักธรรมสูงสุดของพระพุทธศาสนา คือเรื่องของมรรคผล นิพพาน  ความเป็นอริยสงฆ์ผู้พ้นทุกข์ และหมายถึงเรื่องศาสนาสากลใดอันเป็นความเชื่อหรือวิถีทางที่ห่างไกลไปจากโลกนิพพาน ที่เป็นเป้าหมายของพระพุทธศาสนา และซึ่งจะเป็นคำสอนที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ทั้งโลก ที่จะนำมนุษย์ผู้มีความดีพอเหมาะสมพอไปสู่ความพ้นทุกข์ พบโลกใหม่ในชีวิตปัจจุบันนี้เอง คือพบความสุขในโลกนิพพานนั้น   อย่างไรก็ดี เรื่องเวลา  ที่ระบุถึงเดือนสี่ปีกุน นั้น ก็อาจจะไม่ตรงเผงนักก็เป็นได้   อาจจะก่อน  หรือตรงปีกุน หรือ เลยปีกุนไปหน่อย  ก็อาจจะเป็นได้  ทั้งนี้มองจากหลักการพยากรณ์แบบโหราศาสตร์  ที่การจรของดวงดาวทั้งหลาย  อาจจะมีเหตุของการล่าช้า หรือเร็วเกินไป ผิดพลาดไปได้บ้าง  จึงมีลักษณะของการเสิรด การพักร ของดวงดาวอยู่เป็นประจำ  ก็คงคอยดูกันต่อไป.   

 

·         บก./25 ธ.ค.2561 20.00 น.

  

 

 

3.  สารบาญ 

สารบาญ  

 

 

1.    ปก

2.    พุทธทำนายเดือน 4 ปีกุน  พร้อมบทวิเคราะห์

3.    สารบาญ                                                                                                                   

4.   บทบรรณาธิการ 

4.1  ส.ค.ส.2562

5.    บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี  พุทธศักราช 2561   

       5.1  บุคคลที่ 133 ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น

       5.2  บุคคลที่ 134 นายจิรพันธ์ เพชรขาว(หมอปลา): มือปราบสัมภเวสี

       5.3  บุคคลที่ 135 Robert Spencer ผู้เขียนเรื่อง The Truth about Muhammad

       5.4  บุคคลที่ 136 วรรรญา วรรณพงษ์ แชมป์โดรนโลก อายุนน้อยที่สุดในโลก อายุ 11 ปี

       5.5  บุคคลที่ 137 ประธานาธิบดีสโลวาเกีย:ไม่มีที่อยู่ให้อิสลามในประเทศนี้ 

6.    เฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้ว 

        6.1   Muslim 1  ไล่ฆ่าครอบครัวพุทธ หมู่บ้านฮุแตยีลอ หมู่6  ต.บาเร๊ะใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส

        6.2   Muslim 2  ทหารพรานไทยสู้กับมุสลิมโจรใต้นราธิวาส จับได้ 7 คน ไว้ชีวิต

        6.3   Muslim 3  What is Science? What is your god's reliabjility?

        6.4   Muslim 4  ฮาลาล

        6.5   Muslim 5  มุสลิมโรฮินยา

        6.6   Muslim 6 ฮามัสประกาศล้างชาวอิสราเอลจนหมดทั้งประเทศ อัลกูรอานสั่งไว้บทสุดท้าย

        6.7   Muslim  โจรใต้เคลื่อนพลโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐบาลพร้อมกัน 11 จุด ตายเจ็บนับร้อย

7.    พุทธศาสนายุคใหม่

       7.1. ประเด็นธรรมะเพื่อมรรคผลนิพพาน อะไรคือเห็นกายในกายและเห็นธรรมในธรรม?

       7.2.  เรื่องจิตใจให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ ดนตรีสวรรค์ การปฏิบัติทางปราณที่อดน้ำเกิน3วันถึง7วันยังสบายปกติไม่ตาย

       7.3.  ศาสนาพุทธยุคใหม่ 25 ส.ค.2561  18 ข้อมรรคผลนิพพาน

       7.4.  เศรษฐศาสตร์ ศาสนาพุทธไม่มีคำสอนเรื่องเศรษฐศาสตร์ประชาชนไม่รู้หลักการทำมาหากินและหลักการแสวงหาความร่ำรวย ลาว  พม่า  เป็นประเทศ  โลกที่ 4  ยากจนที่สุดในโลก 1 ใน 10 ประเทศ

8.   โหราศาสตร์ :

       8.1   การพยากรณ์การเมืองไทย ดวงชะตาผู้ชนะการเลือกตั้งวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2502 ใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี?

        8.2    ดวงชะตามุสลิม นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ พร้อมทักษิณ ชินวัตร

9.   Muslim รายงานสดจากไลน์กลุ่มการศึกษาไร้พรมแดน อิสลามสอนให้เนรคุณ รวมบทวิจารณ์เรื่องพุทธสาวกระดับอรหันต์ยุคใหม่เดือน               ส.ค.2559 

10.  Muslim บทวิเคราะห์กองทัพนักรบศักดิ์สิทธิ์จิฮัดส์ประเทศอิสลามอาหรับ6ประเทศแพ้สงครามอิสราเอลอย่างไม่ทันนกกระจอกกินน้ำ

11. OIC.[Organization of the Islamic Cooperation] อิสลามฆ่าครูเผาโรงเรียนทำไม?พระเจ้าอัลเลาะห์ไม่รู้จักวิทยาศาสตรเทกโนโลยีเลย ไม่มีครูเด็กเราก็โง่หากินไม่ทันเขาสิ1

 

 

 

4.  บทบรรณาธิการ

 

บทบรรณาธิการ

 

 

 

 

4.1  ส.ค.ส. 2562

  ส.ค.ส.2562

 

 HAPPY NEW YEAR  2562 

  To all my friends

 

  

 

If a friend is a blood, my friend is my blood.

When my friend gets trouble,

 any troubles,or any good things,

 I also get the same.

Begin a new life in the new year.

To clean the blood, to clean the life.

Make our blood clean forever.

 Make our life clean forever.

And thus our friendship also clean forever.

 

 

 

สวัสดีปีใหม่ 2562

แด่เพื่อนทุกคนของฉัน

หากว่าเพื่อนเรานั้นเป็นสายเลือด  เลือดของเพื่อนก็คือสายเลือดของฉัน

เมื่อเพื่อนฉันได้ประสบความทุกข์ความสุขประการใดก็ตาม

ฉันก็เป็นเช่นนั้นด้วย

จงมาเริ่มชีวิตใหม่กันในปีใหม่เถิด

การทำความสะอาดเลือด เท่ากับการทำความสะอาดชีวิต

จงทำความสะอาดเลือดของเราให้สะอาดตลอดไปเถิด

ชีวิตเราก็สะอาดตลอดไป

และดังนั้นความเป็นมิตรของเราก็สะอาดตลอดกาลนาน

 

 

 


 

HAPPY NEW YEAR 2017-2560

Give you all dear friends a poem English - Thai

 

To a stillness with a silence of mind. 
ไปสู่ความนิ่งสงัดพร้อมดวงจิตที่สงบเงียบแล้ว

Then reaching of a strong gentle light.
ก็ไปถึงแสงสว่างที่กระจ่างรุ่งโรจน์ขึ้นอย่างนุ่มนวล

And the world opens. And it smiles.
แล้วโลกทั้งโลกก็สว่างไสวเบิกบาน สำหรับเขา และโลกก็ยิ้มแย้ม

The sun smiles. The moon and all the stars in the sky smiles. 
ดวงตะวันก็ยิ้มแย้ม ดวงเดือนและดวงดาวทั้งหมดในท้องฟ้าก็ยิ้มแย้ม

Everything smiles.
ทุกสิ่งสรรพ ทุกอย่างทั้งหลาย ก็ยิ้มแย้มแจ่มใสไปตามกัน

When the day passes, the night has no darkness.
เมื่อกลางวันผ่านไปแล้วถึงกลางคืน กลางคืนกลับไม่มีความมืดอีกเลย

The darkness of the night becomes also bright.
ความมืดของกลางคืนก็สว่างไสวเช่นเดียวกับกลางวัน

And it smiles.
และมันก็ยิ้มแย้ม

Would you like to be the man in the story?
คุณอยากเป็นเช่นคนผู้หนึ่งในเรื่องนี้หรือไม่เล่า?

Who is to the stillness with a silence of mind.
ผู้ซึ่งไปสู่ความนิ่งสงัดพร้อมดวงจิตที่สงบเงียบแล้ว

Then reaching of a clever-strong gentle light.
ก็ไปถึงแสงสว่างที่ที่เฉลียวฉลาดที่กระจ่างรุ่งโรจน์ขึ้นอย่างนุ่มนวล

And the worlds open for him. And smile.
แล้วโลกทั้งโลกก็สว่างไสวเบิกบาน สำหรับเขา

Take the real rest in the bottom of one’s mind.
จงให้เกิดการพักผ่อนที่แท้จริงในก้นบึ้งแห่งใจของเราเถิด

And see this is a nature of life.
และดูให้เห็นว่ามันเป็นธรรมชาติของชีวิต

No-one and no-god can inspire it.
ซึ่งไม่อาจจะมีใครคนใด หรือพระเจ้าองค์ใดจะสามารถดลบันดาลให้ได้

Except the oneself.
นอกจากตัวเราเอง.

 

 

 

 

 


ถึงแห้งเหือดเลือดหมดหยดสุดท้าย   แล้วก็หมายชนหลังยังถวิล

สัจธรรมนี้ไว้ในธรณิน                     กว่าจะสิ้นกัปกัลป์พุทธันดร


 หนังสือพิมพ์ดี เล่มแรกของเรา ยังไม่ได้ชื่อว่า  ดี  หรือ  ดี(อินเทอเนต)  แต่ชื่อว่า  วิเคราะห์ข่าวในวงการเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดภาคอีสานรายคาบ  ได้ทำการเผยแผ่ไปยังสมาชิกประจำ คือ เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดและ วงการคณะสงฆ์  ทั่วประเทศ ทั้งนี้ก็เพราะบรรณาธิการผู้ริเริ่มงานนี้เป็นเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดที่ได้ร่วมงานสังฆกิจสังฆกรรมของเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดโดยสถาบันเลขานุการนี้ค่อนข้างใกล้ชิดสนิทกันหลายเรื่องหลายกิจกรรมแม้กระทั่งกิจกรรมทางการเมืองเรื่องอิสานเขียวในขณะนั้น โดยที่เล่มแรกเป็นหนังสือจัดพิมพ์โรเนียว ออกในเดือนมีนาคม 2540 โดยมีเรื่องที่เราได้เสนอร่วมกันในนามเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดภาคอีสาน ให้นายอุทัย พิมพ์ใจชน ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.)ปีนั้น ให้นำข้อบัญญัติว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ลงในรัฐธรรมนูญด้วย ต่อมาเพื่อความเหมาะสมจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น หนังสือพิมพ์ดี และ หนังสือพิมพ์ดี(อินเทอเนต)ทุกวันนี้  เราได้ออกหนังสือพิมพ์ดีนี้มาไม่เคยขาด  จนขณะนี้มาถึงเล่มนี้  เป็นเล่มที่ 54 แล้ว เป็นเล่มที่ออกประจำเดือน   มกราคม – กุมภาพันธ์ -  มีนาคม -  เมษายน -  พฤษภาคม – มิถุนายน -  กรกฎาคม – สิงหาคม -  กันยายน – ตุลาคม – พฤศจิกายน – ธันวาคม   พุทธศักราช 2561   

รวมเวลาที่เราออกหนังสือพิมพ์ดีแจกจ่ายมาเข้า 21 ปีแล้ว    และนี่เป็นผลงานที่เราได้กระทำมาไม่เคยขาดการออกหนังสือพิมพ์ดีจึงมีลักณณะเป็นงานในหน้าที่ปกติเป็นธรรมชาติของเรา แม้ว่าในเนื้อหาและเป้าหมายของหนังสือพิมพ์ดี ค่อนข้างจะเป็นไปในแนวปฏิวัติ ปฏิรูปการคณะสงฆ์ ซึ่งดูจะถูกคัดค้านจากระบบเก่ามาตลอดก็ตาม แต่โดยความมุ่งหมายจริงคือในการทำทานด้วยการให้ความรู้วิชา  ตามพุทธคติว่า  สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ  การให้ธรรมเป็นทานชนะการให้ทั้งปวง   และซึ่งเราได้ทำการให้มา อย่างเป็นการให้เปล่าๆ คือเราไม่ได้หวังอะไรตอบแทนแม้ทุนรอนในการจัดทำ  เราก็ไม่ได้ทำการรบกวนญาติโยมญาติธรรมใดเป็นพิเศษ  ไม่ได้ประกาศแจ้งข่าวการผลิต ไม่มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์เป็นพิเศษเฉพาะเลย แต่การลงทุนหรือเงินที่ลงทุนเราได้มาจากการทำบุญทำทานปกติของญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ตามระบบธรรมดา ๆ  จากสถานะของความเป็นสงฆ์ และฆราวาสผู้ใจบุญ ผู้ใฝ่ธรรม ผู้มุ่งตามรอยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  เราจึงสามารถออกหนังสือพิมพ์นี้มาได้เรื่อย ๆ  สบาย ๆ ไม่เคยขาดมาถึงเล่มนี้  เป็นเวลา 21 ปีติดต่อกันแล้ว(จาก พ.ศ.2540 ถึง 2561)    

ถ้าจะมีการแนะนำตัวบ้าง เราก็ได้ระบุ ชื่อผู้ดำเนินการออกหนังสือพิมพ์ดี ไว้ใน เล่มที่1 และเล่มที่ 2 ดังนี้  

ชื่อหนังสือ :  วิเคราะห์ข่าวในวงการเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดภาคอีสาน  รายคาบ

วัตถุประสงค์  : เพื่อการนำความคิดไปสู่ความดีงาม

คณะที่ปรึกษา :  ดร.นันทสาร สีสลับ

บรรณาธิการ พระพยับ ปญฺญาธโร

กองบรรณาธิการ : มหาเก่า เข่าขี้เมี่ยง เซียงบ้านนอก

พิมพ์ที่ : มูลนิธิพระเทพวรมุนี(เสน ปญฺญาวชิโร) วัดมหาพุทธาราม  ถนนขุขันธ์  อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ  33000

             โทร.-โทรสาร  (045) 622455  

แม้ขณะนี้ 21 ปีล่วงมาแล้ว  คณะของเราก็ยังคงอยู่ จะหาย ห่างไปบ้างก็ มหาเก่าเข้าขี้เมี่ยงเซียงบ้านนอก ด้วยเหตุผลทางด้านวิถีชีวิต การงานธุรกิจส่วนตัว แต่ที่ยังอยู่ ก็คือท่าน ดร.นันทสาร สีสลับ ซึ่งดูท่านได้เพิ่มบทบาทของท่านมากขึ้นไปอีก ทั้งในประเทศไทยเราเองและต่างประเทศ ในชนบทบ้านนอกบ้านนา และในเมือง  คลุมไปหมดเลยก็ว่าได้ ดังปรากฏในเฟสบุคซึ่งเฟสบุคเองก็ยังติดตามผลงานท่านนำมาเผยแผ่อยู่เป็นประจำ รวมทั้งดำเนินการไลน์กลุ่มต่าง ๆ อีก อย่างน้อยก็ 2 กลุ่มคือ  กลุ่มการศึกษาไร้พรมแดน กับ กลุ่มเบญจภาคีศรีสะเกษ ซึ่งข้อคิดเห็นจากไลน์กลุ่มเราก็ได้นำมาลงในหนังสือพิมพ์ดีเป็นประจำมาในระยะหลัง ๆ นี้ โปรดดูรายงานสดจากไลน์กลุ่มการศึกษาไร้พรมแดน นำมาลงไว้ในเล่มนี้ และยังมีสมาชิกเพิ่มมาคือ  พัชรา กอปรทศธรรม ซึ่งเป็นผู้มีมีประสบการณ์ชีวิตน่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับคนใดก็ตามผู้ใฝ่ทางมรรคผลนิพพาน ตามรอยพระพุทธเจ้า ซึ่งเรื่องที่เขียนลงหนังสือพิมพ์ดี ที่มีวิสิตเตอร์เข้าชมร่วมแสนเข้าแล้วนั้นก็ได้แก่เรื่อง ทฤษฎีการดับทุกข์ทางจิต วิปัสสนากรรมฐานโดยการทำงาน ....ซึ่งเป็นแนวยคิดการวิปัสนากรรมฐานที่ทันสมัย และมีแนวทางที่ดีต่อการเศรษฐกิจ ที่น่าส่งเสริมต่อไปอย่างยิ่ง .... และมาถึงเล่มสุดท้ายคือเล่มนี้  ซึ่งเป็น  หนังสือพิมพ์ดี(อินเทอเนต)  เล่มที่ 54 ประจำเดือน  ม.ค. – ธ.ค.2561 

นี่คือหนังสือพิมพ์ดี(อินเทอเนต)  เล่มที่ 54 ประจำเดือน ม.ค.-ธ.ค.2561 

ดีเล่มที่ 54 นี้ ก็จะเป็นฉบับอินเทอเนต พิเศษ  ที่เราเริ่มดำเนินการเปลี่ยนแปลงแนวการเสนอเรื่องไปแบบใหม่แต่รวดเร็วและประหยัดด้านเวลาไปมากโดยเริ่มมาแต่เล่มที่ 50 แล้ว ทั้งนี้ก็เนื่องจาก  เราได้ออกเวบไซต้ที่เผยแผ่ธรรมะมา 2 เวบไซต็พร้อมกัน คือ  www.newworldbeive.net และ  .com  อะไรที่เราเสนอไปทางเวบไซต์แล้วนั้นแหละ ได้นำมาออกทางหนังสือพิมพ์ดี  สาระในหนังสือพิมพ์ดีจึงมาจากสาระที่มีอยู่ในเวบไซต์ของเรา คือ  www.newworldbelieve.com  กับ  www//newworldbelieve.net แทบทั้งหมด และเมื่อเอามาจากเวบไซต์ เราจึงสามารถที่จะทำการเชื่อมโยงเรื่องหรือหัวข้อเรื่องทุกหัวข้อในหนังสือพิมพ์ดี(อินเทอเนต) ไปสู่เวบไซต์ของเราทั้ง 2 เวบไซต์นั้นได้ทันที  ท่านผู้อ่านก็เพียงแต่คลิก คลิก  คลิก หัวข้อเรื่องที่ต้องการอ่าน  เท่านั้นเอง  เช่นเดียวกับดู ดีเล่มที่ 50-53 มาแล้ว 

สำหรับดีเล่มนี้  เนื่องจากเป็นดีที่ออกมาในช่วงปีเก่าพุทธศักราช 2561 และปีใหม่พุทธศักราช 2562 เราจึงมีการอวยพรส่งปีเก่าและต้อนรับปีใหม่พอดีกับกาลเวลา จากนั้นก็ได้นำลงข่าวสาร เรื่องราวสำคัญ ๆ หลายเรื่อง  สำหรับบทบรรณาธิการนี้เราขอบันทึก นับแต่เรื่องการเมืองในมาเลเซีย  ที่มีการเลือกตั้งแล้วนายมหาเธ โมฮัมมัด ได้รับบเลือกตั้งกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าอายุเข้าร่วม90 ปีแล้ว การมองการเมืองมาเลเซียนี้ เป็นเรื่องที่เรามองมาตลอดและเห็นว่า นายดร.มหาเธ มุฮัมมัดแห่งมาเลเซียนี้มีแนวคิดเอนเอียงเข้ากับมุสลิมจิฮัดส์ มาตลอด นั่นเองส่งผลต่อการสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไทย  ไม่รู้จบ   มาเร็วๆนี้ มหาเธ โมฮัมมัด ได้ให้ข้อเสนอมาไทยให้สามจังหวัดชายแดนใต้ไทยมีการปกครองตนเอง   ซึ่งเป็นแนวคิดที่มาจากแนวคำสั่งเรื่อง มุอ์มิน - กาฟิร ซึ่งเป็นความคิดแยกประเทศ  โดยสร้างปัตตานีรายานั่นเอง ... และใช้นโยบายแบบ ISIS นั่นคือ  จิฮัดส์ นักรบศักดิ์สิทธิ์ของมุสลิม ใช้ความรุนแรง และสงครามไปจนกว่าจะชนะ  และความรุนแรงจึงเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และวันนี้เองก็เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นที่ปัตตานี ตามข่าวใหญ่ในหนังสือพิมพ์รายงานออกมาว่า  "โจรใต้บุกฆ่า-ปล้นปืน4อส.พลีชีพอุกอาจกลางโรงเรียน สุดทมิฬแฝงตัวเป็นจนท.สลดใจ2นร.ถูกลูกหลงเจ็บ (เดลินิวส์ 12 ม.ค.2562)  ส่วนไทยรัฐลงพาดหัวว่า  "บุกยิงถล่มอส.ดับ4ศพ พลีชีพสลดคาโรงเรียน โจรใต้พรางตัวใส่ชุดดำ สาดอาวุธสงครามสนั่น ล่าปะทะรวบต้องสงสัย1" (ไทยรัฐ 12 ม.ค.2562)  เหตุเกิดวันที่ 10 ม.ค.2562 เวลาประมาณ 11.45 น. ที่โรงเรียนบ้านบูโกะ หมู่ 5 ต.ประจัน อ.ยะรัง จ.ปัตตานี

ซึ่งนี่คือกรณีที่เราได้มองมาตลอดว่าเป็นปัญหาของความเชื่อแบบผิด ๆ ของศาสนาอิสลามนั่นเอง  ซึ่งประเด็นสำคัญก็คือ เป็นผลมาจากการสอนการให้สิ่งที่ผิด ๆ แก่คนผู้นับถืออิสลาม จนเป็นผลให้สังคม ประเทศอิสลามหรือที่เกี่ยวข้อง มีอิสลามมาเกี่ยวข้อง จะมีแต่ความรุนแรงและสงคราม เช่นในปัจจุบันนี้ แกนนำของอิสลามที่ประกาศรวมรัฐอิสลามทั่วโลกขึ้นครองโลก ชื่อว่า ISIS ในซีเรีย ได้มีแต่ความคิดสงคราม จนมีการสู้รบไม่สิ้นสุด จนขณะนี้ 4 ปีครึ่งมาแล้วมีชาวซีเรียเสียชีวิตไปแล้วกว่า สองแสนห้าหมื่นคน  ผู้อพยพกว่า 11 ล้านคนแล้ว มุสลิมจึงมีคำสอนเกี่ยวกับสงครามและการก่อการร้ายเสมอไป  เพราะนี่คือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอิสลาม มุสลิมมีแต่ความรุนแรง ไปทั่วโลกที่นับถืออิสลาม  ...ซึ่งโลกควรจะได้ศึกษาอิสลามให้ทราบความจริงว่า อิสลามนั้นไม่มีการสอนเรื่องความเป็นมนุษย์ จริยธรรม มนุสธรรม เรื่องมนุษยสัมพันธ์ และเรื่องความกตัญญูกตเวทิตาเลย ...อิสลามจึงเป็นเรื่องที่โลกกำลังเพ่งเล็งศึกษาติดตามอย่างใกล้ชิด 

และในดี เล่มนี้ เรามีเรื่องราวของบุคคลผู้เข้าใจอิสลามคือ  Robert Spencer ซึ่งเขาได้ชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญศาสนาอิสลาม(Islam Expert) ได้เขียนหนังสือที่โลกตะลึง คือเปิดเผยความจริงของ มุฮัมมัด  ชื่อหนังสือ The Truth about Muhammad แล้วเขียนเรื่อง The History of JIHAD from MUHAMMAD to ISIS ซึ่งการเปิดเผยความจริงของอิสลามเช่นนี้ นับวันจะมีมากขึ้น  และหนังสือพิมพ์ดีเองนี้ก็ได้ทำการวิเคราะห์ศึกษาอิสลามมาแต่ต้นและรายงานอิสลามมาตลอด ตั้งแต่ปี 2540 แล้ว จนถึงทุกวันนี้  และได้เสนอความจริงเกี่ยวกับอิสลามมาก็เริ่มปรากฎว่าคนทั้งหลายมีความเข้าใจ เห็นจริงในเรื่องอิสลามว่า ที่แท้จริงเป็นการสอนที่ผิด ที่หลอกลวงชาวมุสลิมไปสู่การบาปมาทั้งโลกซึ่งในดีเล่มนี้เราได้ลงเรื่องราวเกี่ยวกับอิสลาม ไว้อย่างค่อนข้างครบถ้วน เพื่อให้เกิดความเข้าใจจริง ๆ เกี่ยวกับอิสลามนั้นเอง

เราขอบันทึกปีสำคัญสำหรับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ที่กำลังจะมีขึ้นพร้อม ๆ กับการเลือกตั้งไทยในต้นปีนี้

เรามีเรื่องพิเศษอีกหลายเรื่องในดีเล่มนี้  มีเรื่องเกี่ยวกับพุทธศาสนายุคใหม่  แนวคิดเรื่องมรรคผลนิพพาน สำหรับคนยุคใหม่ และยังมีเรื่องโหราศาสตร์ ที่เราได้นำลงหนังสือพิมพ์ดีมาเป็นระยะ ๆ นับตั้งแต่ปีการเลือกตั้งที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ที่โหราศาสตร์หนังสือพิมพ์ดีได้พยากรณ์ไว้ไม่ผิดพลาดโดยทฤษฎีโหราศาสตร์ละเอียดอ่อน (โปรดดูดีปีที่ 14 เล่มที่ 46 ปี 2554) และ เนื่องจากมีการเตรียมการเลือกตั้งในประเทศไทย  กำหนดวันที่ 24 ก.พ.2562  เราได้เสนอคำพยากรณ์ในเรื่องโหราศาสตร์ว่าใครจะชนะการเลือกตั้งและใครจะได้เป็นนายกรัญมนตรี  ติดตามนะครับ 

 

และต่อไปนี้  ก็ถึงเวลาที่เราจะประกาศบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี  พ.ศ.2561 โปรดติดตามดังต่อไปนี้    

 

 

5. บุคคลแห่งปี พุทธศักราช 2561 

 บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี   

พุทธศักราช 2561 

 

 

 

 

 5.1  บุคคลที่ 133 ศรีสะเกษนครหลวงโปรโมชั่น

1. บุคคลที่ 133  ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น

 

 

 

           

(ศรีสะเกษ ส.รุ่งวีระ Sisaket Sor Rungvira แชมเปี้ยนโลกมวยรุ่น World Super Flyweight........สภามวยโลก  WBC เป็นชาวศรีสะเกษ  ได้แชมป์สมัยแรก โดยเอาชนะ  TKO โยดะ ซาโตะ  เจ้าของแชมป์โลกจากญี่ปุ่น ในยกที่ 8.   และทำการป้องกันแชมป์เป็นผลสำเร็จ 3 ครั้ง จึงเสียแชมป์ให้ คาร์ลอส  ที่ เมกซิโก  โดยเกิดแตกยก 8 เพราะหัวชนกันโดยไม่เจตนา  แล้วมาได้แชมป์คืนอีกครั้งหนึ่ง ในการชกวันที่ 18 มีนาคม 2560 โดยได้แชมป์คืนจาก โรมัน กอนซาเลซในการชกที่สหรัฐอเมริกา   การที่ ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น สามารถครองแชมป์ได้กลับคืนมาเป็นครั้งที่ 2 คว้าแชมป์มวยโลกยิ่งใหญ่ 115 ปอนด์ ชนะสะใจที่สหรัฐฯ ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น ชนะ โรมัน กอนซาเลซ, แชมป์ไร้พ่าย 46 ไฟต์  นั้นถือเป็นประวัติการณ์ของแชมป์โลกคนหนึ่งของไทย ผู้ที่มีพลังทางกายและจิตใจที่ไม่ยอมท้อถอย สามารถติดตามชิงตำแหน่งแชมป์โลกคืนมาได้สำเร็จอย่างน่าชื่นชม  
ล่าสุด เดือน ตุลาคม 2561 เขาได้ชกป้องกันแชมป์โลกครั้งล่าสุดกับ Iran Diaz  ซุเปอร์สตาร์จากเมกซิโก  12 ยก ชนะแทบทุกยกก็ว่าได้  รวมแล้ว  ศรีสะเกษชนะเป็นเอกฉันท์  การชกของศรีีสะเกษ บ่งบอกถึงจิตใจนักสู้โดยแท้จริง และเนื่องจากวงการมวยสากลนี้ มวยไทยก็ได้ปรากฎมีชื่อเสียงไปทั่วโลกโดยได้ครองแชมป์มวยโลกรุ่นต่าง ๆ มาตามลำดับ ไม่เคยขาด  ทำให้ประเทศไทยมีชื่อเสียงในวงการมวยสากลและมวยไทย ศิลปะมวยไปไปทั้งโลก เพราะในสมัยนี้ ก็ได้ปรากฎว่า มวยไทย ศิลปะมวยไทย  ได้แพร่หลายไปเป็นที่ตื่นตะลึงและเลื่อมใสเป็นที่ต้องการฝึก ร่ำเรียนศิลปมวยไทยของคนทั่วโลก  มีการจัดตั้งเวทีสอนมวยไทย โดยครูมวยไทยในต่างประเทศขึ้นมาตามลำดับ ๆ ในขณะเดียวกัน ศรีสะเกษ ส.โปรโมชั่น ก็ได้แชมป์ มวยสากลมาอย่างเด็ดขาด เสริมสร้างศิลปมวยในประเทศไทยให้เด่นดังไปอีก นี่แหละเหตุผลที่เรายกให้เป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี ปี 2560 
 จึงสมควรยกย่องให้เป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี 2561 และหวังว่า ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น  จะครองตำแหน่งได้ยาวนานเป็นประวัติการณ์ต่อไป 

 

 

 

 

5.2  นายจิรพันธ์ เพชรขาว 

2. บุคคลที่ 134  นายจิรพันธ์ เพชรขาว 
ที่คนรู้จักว่า หมอ
ปลา  มือปราบสัมภเวสี  ในทีวี ไทยรัฐช่อง 032

 

 

 

 

 

 

 

 

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการไสยศาสตร์ ซึ่งในประเทศไทยยุคนี้ การไสยศาสตร์ได้แผ่ออกไปโดยสื่อมวลชนอินเทอเนตอย่างค่อนข้างกว้างขวาง สิ่งที่น่าสังเกตที่เห็นได้จากวงการสื่อทั่วไปก็คือ มีการโฆษณาอ้างอิงอภินิหาริย์เทพเจ้า ต่างๆ มากขึ้น อย่างไม่สอดคล้องหลักสัจธรรมทางวิทยาศาสตร์ ที่พิสูจน์ทดลองได้ อย่างมากมายหลายรูปแบบ  โดยเฉพาะไสยศาสตร์ที่ไปเกี่ยวกับเรื่องเจ้า  การเข้าทรง  การทำนายโดยไม่อิงบนหลักการพยากรณ์ที่มีเหตุผล ทำให้ความเชื่อที่งมงายไร้เหตุผลนี้เข้าครอบความคิดของคนผู้ปัญญาอ่อนครอบสังคมมากขึ้น  แล้วไปมีเบื้องหลังเกี่ยวกับการหวังผลประโยชน์อย่างซ่อนเร้น ยากที่คนทั่วไปจะเข้าใจได้ เช่นมีการทำนายเรื่องร้าย ๆ จนบังเกิดผลทางจิตใจแด่ผู้รับทำนาย แล้วมีการเสนอการรักษาพยาบาลแบบไสยศาสตร์ แล้วครั้นกลับเพิ่มผลร้ายไปกว่าเดิม ก็ต้องหาค่าทำพิธีกรรมมาให้หมอไสยศาสตร์มากขึ้นไปอีก  เสียทรัพย์สินเงินทองให้พวกเจ้าเข้าทรงพวกหมอผี หมอไสยศาสตร์มากขึ้น  พวกที่เผยแผ่อิทธิฤทธิของเทพเจ้า  เช่นเทพในพราหมณ์-ฮินดู เป็นต้น  ก็อวดอ้างอภินิหาริย์เทพเจ้าเกินความเป็นจริง...เช่นอ้างว่าหากมาบูชาเทพองค์นี้แล้ว จะได้ลาภผลอย่างรวดเร็ว ไม่ล่าช้า หรือแท้จริงเป็นการกระทำไปอย่างเอาความเชื่อเป็นหลัก อย่างที่เอาพื้นฐานความเชื่องมงายของคนโง่เขลาเบาปัญญาเป็นหลักการ  ไร้ความจริงโดยสิ้นเชิง  มีเพียงความเชื่อที่ไร้สติงมงายเอามาครอบสังคมให้คนทั้งหลายหลงลืมสติตามไปด้วย  เช่นในการอ้างเทพเจ้า ที่โดยปกติก็จักบันดาลอะไรให้ได้อย่างง่ายอยู่แล้ว กลับไม่ทันใจ  ยิ่งไปอ้างว่าต้องมาบูชาเทพเจ้าองค์นี้ เรียกว่าเทพทันใจ ซึ่งเป็นการหลอกลวงไปมากกว่าเดิมอีก โดยหลอกลวงว่าเทพทันใจนี้แหละบันดาลโชคได้จริงและไม่ล่าช้าเลย เป็นต้น  (ซึ่งหมอผีเช่นนี้แหละที่ได้นำเอาไสยศาสตร์ของตนไปเกี่ยวด้วยกับพระบารมีของพระพุทธเจ้า  ดึงพระพุทธเจ้าให้ตกต่ำลงมาอย่างโง่เขลา ตามหลักการฮินดู ที่อ้างพระพุทธเจ้าเป็นนารายณ์อวตารองค์ที่ 9 ของเขา จึงมีอภินิหารย์ช่วยบันดาลให้ได้โชคลาภ เงินทอง หรือแม้ร่ำรวยจากการเล่นการพะนันได้อย่างมากมายมหาศาล  ซึ่งเป็นการกระทำไปอย่างไม่เข้าใจหลักการของชีวิต และหลักการมรรคผลนิพพานตามหลักการของพระพุทธเจ้านั่นเอง) . 

..สำหรับการณีของนายจิรพันธ์ เพชรขาว หรือที่ได้ชื่อว่า  มือปราบสัมภเวสี นั้น สิ่งที่เราได้ยกเขาเป็นบุคคลแห่งปี เนื่องจากวิถีทางไสยศาสตร์ของเขานั้น  เป็นวิถีทางที่ตรงกันข้ามกับวิถีเจ้า เข้าทรงหมอผี  หมอเทพเจ้า หลวงปู่ หลวงพ่อ หรือวิญญาณเก่าแก่ ที่ได้บรรยายมาแล้วนั้น  โดยมีข้อเท็จจริงที่มีเหตุการณ์ เกิดจากประชาชนที่ได้รับผลคือถูกครอบด้วยความเชื่อความคิดแบบนั้นจากด้านไสยศาสตร์เช่นนี้  ถูกครอบจากความเชื่อที่งมงายเช่นนี้ แล้วส่งผลไปสู่ปัญหาสุขภาพ ทั้งสุขภาพทางกายและทางใจไปอย่างแปลกประหลาด รวมทั้งผลจากโรคเฉพาะ ซึ่งโดยมากเป็นผลจากโรคที่การแพทย์ยังค้นไม่พบ  รักษาไม่หายสนิท  ผู้ป่วยก็ได้ไปขอรับการรักษาทางไสยศาสตร์ จากพวกทรงเจ้า พวกเข้าทรง  แล้วการไสยศาสตร์แบบคนทรง ที่ทรงเจ้าพ่อ เจ้าปู่ เจ้าเขาบอกให้ทำพิธีไสยศาสตร์อย่างนั้นอย่างนี้ ต้องการสิ่งของวิเศษอย่างนั้นอย่างนี้มารักษามาทำพิธี ให้จ่ายเงินเท่านั้นเท่านี้ ..แต่ก็ไม่หาย  เป็นเหตุให้เสียทรัพย์สินเงินทองแบบไม่รู้จบและยังป่วยไข้แบบแปลกประหลาดต่อไปอีก ที่แพทย์พยาบาลตามหลักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่แก้ไม่ได้ คนที่มีปัญหาเหล่านี้จึงได้มีทางออกจากการช่วยเหลือของ หมอปลา  และหมอปลาได้ทำการช่วยเหลือเป็นผลสำเร็จ  ช่วยชีวิตประชาชน  ช่วยประชาชนผู้ได้รับความเจ็บไข้ได้ป่วยทางกายและจิตวิญญาณคนแล้วคนเล่า มีเหตุผลตามหลักการทางไสยศาสตร์  มีความจริงใจได้ผลดี จนทางไทยรัฐได้ตั้งฉายาให้ว่า  มือปราบสัมภเวสี  อันมีผลมาจากการไสยศาสตร์จากพวกทรงเจ้า เข้าทรง พวกหมอผี รวมทั้งพวกที่ถือลัทธิ ศาสนาผี เจ้า  เทพเจ้า  เทวดา  ต่าง ๆ ยอมพลีกายและจิตวิญญาณตนเองเป็นร่างทรงให้   ที่หวังลาภผลประโยชน์จากการใช้ไสยศาสตร์เวทมนต์ฝ่ายผี เจ้าเทพ เทวดาฝ่ายพราหมณ์ ฮินดู ทำร้ายให้บาดเจ็บแล้วได้โอกาสขายของ ใช้เวทมนต์รักษา  แต่ก็ไม่จริงใจรักษา  โดยเลี้ยงไข้ไปเรื่อย ๆ  เพื่อตนเองได้ประโยชน์ไปเรื่อย ๆ (ซึ่งความจริงคนทรง ร่างทรงเหล่านี้ ก็เกิดมาจากการที่ตนเองนั้นเองถูกครอบด้วยความเชื่อ ที่ว่ามีวิญญาณเทพเจ้า เจ้าปู่ เจ้าเขา เจ้าที่ เจ้าทาง มาอยู่กับตน...โดยเกิดความระยอบหวั่นเกรง และกลัวในอำนาจของเทพเจ้าเหล่านี้ ขึ้นมาเองแล้วตนเองศรัทธาเลื่อมใสถึงขนาดมอบกายมอบใจให้เป็นทาส เป็นขี้ข้า ผู้สามารถรับคำสั่งไปทำได้ทุกประการ  แม้กระทั่งให้ฆ่าลูกตนเอง เอาเลือดไปบูชาเจ้า ก็เคยมีมาแล้ว ซึ่งนี้เองเป็นสิ่งที่เป็นเพียงความคิดเพ้อเจ้อของตนเอง  หามีความจริงไม่ ...บทบาทของคนทรง ร่างทรงจึงมาจากการอยากได้ชื่อเสียง อยากให้ปรากฎอำนาจของตนออกไปให้คนทั้งหลายได้รับรู้และพากันมาบูชา...แต่แล้ว เนื่องจากไม่ใช่ความจริง  คนทรงจึงไปได้ไม่นาน ดังแล้วก็เสื่อมลง เสื่อมลงไป  ก็กลายเป็นคนอนาถา ที่น่าอนาถ น่าสงสารในสภาพที่ต่ำต้อยด้อยค่าอย่างไม่ใช่มนุษย์ในคราวที่สิ้นสภาพคนทรงไปแล้ว  นั่นเพราะผลที่เกิดจากเพียงความเชื่อ คิดเอาเอง หลงไปเอง  ฝันไปเองเท่านั้น  การทรงจึงเป็นเรื่องของคนผู้ใฝ่ต่ำและโง่งมงายอย่างแท้จริง เพราะที่สุดแล้วชีวิตทั้งชีวิตก็จะตกต่ำและความเป็นคนก็จะหมดสิ้นไปจนไม่อาจจะมาอยู่กับสังคมมนุษย์ ๆ ได้ ต้องหลบ เก็บตัวอยู่ในโลกของตนเองไปอย่างลำบากอดสู่ใจไปตลอดชีวิต)  ...แต่แล้วเมื่อมาพบหมอปลา  หมอปลาก็ทำการรักษาให้หายได้  

 

...สิ่งที่เราเห็นว่าหมอปลา มีคุณค่าแก่บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี  ก็คือ  มีการต่อสู้ในทางไสยศาสตร์ ระหว่างหมอผี คนทรงเจ้า เข้าทรง คนในลัทธิศาสนาผี เจ้า ศาสนางู นาค  ศาสนาเทพเทวา พราหมณ์ฮินดู  พวกเทพทันใจ  เทพช้างสามหัว ที่ส่งของมาทำร้ายประชาชน กับ หมอปลา   ซึ่งได้พบความจริงว่า  พวกหมอผี  พวกศาสนาผี เจ้า เทพ เทวดา พราหมณ์ฮินดู  นั้น ใช้วิชาไสยศาสตร์มาทำร้ายประชาชน  โดยใช้เวทย์มนต์ คาถา วิชาทางศาสนาผีศาสนาเจ้า ศาสนาพราหมณ์ ฮินดู  มาทำร้ายประชาชน  แต่แล้วสำหรับหมอปลา  ผู้ใช้วิชาช่วยเหลือประชาชน ชนะพวกหมอผี มาได้ทุกรายนั้น  หมอปลาได้ใช้เวทย์มนต์ไสยศาสตร์ทางพุทธเป็นหลักการต่อสู้หมู่มารอธรรมของเขา ในการประกอบพิธีรักษาเยียวยาคนเจ็บไข้คนพิการทางมันสมอง กายและวิญญาณ หรือคนที่ถูกครอบด้วยความเชื่ออันงมงาย ทำให้พิการทางมันสมอง พิการทางความเชื่อ ไปสู่ความไร้สติ  ไปสู่ความงมงาย  จนชนะ เอาชนะเรื่องร้ายต่าง ๆ ที่เกิดกับประชาชนอันเป็นผลมาจากไสยศาสตร์หมอผี เทพเจ้าเข้าทรงดังกล่าว ซึ่งแสดงถึงเวทย์มนต์ที่นักไสยศาสตร์นำไปใช้นั้น  เวทมนต์พุทธ ชนะเวทมนต์ศาสนาผี ศาสนาเจ้า ศาสนาพราหม ฮินดู ...กล่าวคือมีข้อเท็จจริง ว่า  พวกหมอผี  ใช้คาถาอาคม  ที่ไม่ได้มาจากพุทธะ  แต่มาจากเทพเจ้า  อิศวร นารายณ์  พิฆเณศร เทพทันใจ ฯลฯ (พวกเจ้าเข้าทรง หมอผี ผีปอบ  ผีต่างๆล้วนใช้คาถาเทพฮินดูทั้งสิ้น คาถาที่มีมาแต่ดั้งเดิมในพระคัมภีรพระเวทของพรามณ์ฮินดูนั่นเอง) ส่วนหมอปลาใช้ไสยศาสตร์เวทมนต์ที่มาจากพุทธะ  ดังจะเห็นทุกครั้งคราวที่หมอปลาเริ่มต้นการใช้วิชาของเขาด้วยคาถาว่า  นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธธัสสะ (ขอนอบน้อมแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง) เสมอไป และตัวเวทยมนต์ที่ใช้ก็เป็นบาลีพุทธมนต์ล้วน ๆ  ซึ่งหมายความว่าเขาได้เป็นศิษย์พุทธะ  และฝากตัวกับพุทธะ ตลอดเวลาต่อสู้กับพวกหมอผี หมอไสยศาสตร์เทพ เจ้า  พวกเข้าทรงทั้งหลาย  และแม้ตัวคาถาอาคมเองนั้น แท้จริงก็เอามาจากพุทธวาทะ หรือพุทธมนต์ทั้งสิ้น  ชัยชนะของเขา จึงบอกความจริงว่า  เวทย์มนต์ ที่มาจากพุทธะ หรือ พุทธศาสนา ซึ่งแท้จริงก็คือบาลีเวทมนต์พุทธแท้ ๆ นั้นเอง  ที่พิศูจน์ออกมาจากหมอปลาว่า ไม่อาจจะมีไสยศาสตร์เวทมนต์ที่มาจากหมอผี ศาสนาผี ศาสนาเจ้า พราห์มฮินดูเอาชนะได้  นั่นเอง 

หมอปลาจึงเป็นผู้ที่ได้พิศูจน์ถึงชัยชนะของเวทมนต์ที่มาจากพุทธะ ที่แสดงว่าพุทธะเป็นฝ่ายชนะมารเสมอไป พวกเทพเจ้าทั้งหลาย มาร  ผี ปีศาจ พระเจ้าหัวช้าง3งวงสามหัว  นาค 7 - 9 เศียร ทั้งหลาย ไม่อาจจะต้านทานพระพุทธเวทได้  นั่นเอง อนึ่ง ในการทำงานช่วยเหลือของหมอปลา ๆ ก็ได้พยายามบอกให้รู้ให้เข้าใจในเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้น  ว่าไม่มีเจ้าปู่ เจ้าเขา ไม่มีอำนาจเทพเจ้า อำนาจใดใด เนื่องมาจากความเชื่ออันงมงายแท้ ๆ ทำให้เกิดเรื่องร้ายขึ้นได้(ดังเช่นมีการฆ่าโดยเกิดจากความคิดงมงายว่ามีเทพเจ้าสั่งการลงมาให้ฆ่า  แม้กระทั่งฆ่าลูกของตนก็เคยมีมาแล้วในสังคมคนเชื่อเจ้า สังคมคนทรง ร่างทรง) เพียงแต่จิตใจเข้มแข็งไม่เชื่อ และใช้สติปัญญาตรึกตรองดูตามเหตุตามผลแบบธรรมชาติเท่านั้นเอง  ก็รอดพ้นจากปัญหาการถูกครอบทางไสยศาสตร์ได้และสังคมเจริญทางสติปัญญาไปได้ ไม่ถูกครอบด้วยความเชื่ออันงมงายล้าหลัง ที่ถ่วงความเจริญของสังคมลงไปจากเรื่องไร้สาระแท้ ๆ   ดังจะเห็นว่าหมอปลา ได้ออกแรงแสดงการทำลายศาลเจ้า ทำลายจอมปลวกอภินิหาริ์ย์ต่าง ๆ ให้ดู รวมทั้งไปค้นหาของดี ของอาถรรพ์ ของที่เจ้าให้มาบูชา ติดต่อเทพเจ้า ที่คนป่วยรับเอามาจากเจ้าปู่ เจ้าพ่อ  คนทรงเจ้า หรือร่างทรง ออกมาทำลายเสียหมดทุก ๆ รายไป ว่านั่นแหละตัวปัญหาความเชื่อ ที่มาครอบเอาได้เพราะเพียงความเชื่อ นอกนั้นหมอปลากระทำไปด้วยประสงค์ช่วยเหลือคนที่ถูกกระทำอย่างโง่เขลา ก็เห็นได้ว่ามิได้เป็นธุรกิจ  มิได้มีการเรียกร้องค่าตอบแทนสินไหมอะไร เหมือนพวกเจ้าเข้าทรงพวกนั้น  อันบอกถึงจิตใจเมตตาช่วยคนเดือดร้อนให้พ้นทุกข์  และการดำเนินวิถีไปทางธรรมมรรคผลนิพพานของพระพุทธเจ้า และในเมื่อเป็นเช่นนี้ คือย่อมกลายเป็นฝ่ายตรงข้าพวกไสยศาสตรเจ้า ทรง เทพงู เทพช้าง เทพทันใจ  ฯลฯ  แน่นอน  เขาย่อมมีศัตรูเป็นจำนวนมาก โดยพวกที่ถูกเปิดเผยความจริงโดยหมอปลาเป็นผู้เปิดเผยนั่นเอง ย่อมเป็นศัตรูของเขาโดยอัตโนมัติ ปรากฏเป็นข่าวมาโดยตลอด  แต่นั่นแหละผู้ทรงธรรมผู้ที่ไม่โลภ  ผู้ที่มีจิตคิดเมตตาคนผู้เดือดร้อนและตนมีวิชาช่วยได้ ย่อมชนะเสมอไป   หมอปลา หรือ นายจิรพันธ์ เพชรขาว จึงเป็นบุคคลที่มีคุณค่าเป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี  2561 อย่างแท้จริง

 

 

5.3  บุคคลที่ 135  Robert spencer 

3. บุคคลที่ 135 ROBERT SPENCER   
ผู้เขียนเรื่อง  The Truth about Muhammad
 

 

เขาเขียนลงในคลิป บีบีซี ว่าดังนี้

เปิดโปงอัปรีย์พาล อภิบาลคุณธรรม   

12 มีนาคม ·

ความจริงของอิสฺสะลาม 

 

ศาสะนาอิสฺสะลามนั้นแท้จริงไม่ได้เป็นศาสะนาที่มุ่งหวังประโยชน์ในสัมปรายภพ หากแต่เป็นลัทธิมอมเมาเพื่อประโยชน์แก่การปกครอง การปกครองของผู้ปกครองประเทศทั่วๆ ไปมักใช้หลักกฎหมายและขู่ด้วยอาญาซึ่งสัมผัสได้ แต่อิสฺสะลามนั้นคือการปกครองด้วยกฎและการครอบงำทางจิตใจ นบีมูฮัมหมัดนั้นอ้างสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถเห็นได้ว่าเป็นผู้สร้างโลก มีนามว่าอัลเลาห์ และเป็นผู้ออกคำสั่งในอัลกุรอานซึ่งแท้จริงเขียนโดยนบีฯเอง โดยนบีฯอ้างว่าอ้สเลาะน์นั้น สั่งให้ฆ่าและให้ลงโทษผู้ไม่ปฏิบัติตาม เช่น ให้ฆ่าผู้ออกจากศาสะนาอิสฺสะลาม ให้ฆ่าหรือให้ข่มขี่หรือให้เก็บส่วยจากผู้ไม่ยอมเข้ารับอิสฺสะลาม เป็นต้น ซึ่งถ้าเราสังเกตดีๆ จะเห็นว่า คำสอนเหล่านี้ไม่น่าจะเป็นคำสอนของสิ่งที่เรียกว่าศาสนา แต่ควรจะเรียกว่ากฎข้อบังคับของกองกำลังทหารมากกว่า หลายประเทศชื่นชอบการปกครองจิตใจด้วยวิธีอย่างนี้ เพราะมันง่ายที่จะปกครองประชาชน ประชาชนไม่กล้าหือ สังเกตได้จากหลายๆ ประเทศที่มีการปกครองแบบอิสฺสะลามเต็มรูปแบบมักเป็นการปกครองแบบเผด็จการถาวร หรือไม่ก็เป็นระบอบสุลต่าน ทั้งๆ ที่ประเทศทั่วไปที่มีศาสะนาอื่นเป็นศาสะนาประจำชาตินั้นเลิกใช้ระบอบเผด็จการหรือระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปนานแล้ว  

ชาวมฺสฺลิมอ้างว่าศาสะนาอิสฺสะลามเป็นศาสะนาแห่งสันติ แต่มักจะไม่พูดให้สุดว่า สันตินั้น เกิดจากคนทุกคนพื้นที่นั้นๆ ต้องเป็นอิสฺสะลาม และมีการปกครองตามกฎของศาสะนาอิสฺสะลาม(ที่เรียกว่า ชารีอะฮ์) ศาสะนาอิสฺสะลามจึงมักมีการพยายามจะเข้าไปแทรกแซงเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมและศาสะนาของประเทศนั้นๆ ให้เป็นไปตามแบบอิสฺสะลาม แล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อทุกคนในโลกนี้ควรจะมีสิทธิเสรีในนับถือศาสะนาต่างๆ ตามบรรพบุรุษและตามความเชื่อของตน และควรจะมีสิทธิ์ที่จะหวงแหนวัฒนธรรมอันเป็นมรดกชาติของตน ซึ่งแม้แต่มฺสฺลิมด้วยกันเองบางคนก็ไม่เคร่งตามคัมภีร์ของอิสฺสะลาม จึงไม่แปลกใจที่เรามักจะเห็นหลายๆ ประเทศทั่วโลกที่มีอิสฺสะลามเป็นประชากรจำนวนมาก มักจะเต็มไปด้วยความไม่สงบ มักมีการจัดตั้งกลุ่มติดอาวุธ มีการก่อการร้าย อยู่ตลอดเวลา แต่ที่น่าแปลกใจคือ ฝรั่งในคลิปนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเทศไทย แต่ก็พูดถึงอันตรายของอิสฺสะลาม ในการที่พยายามจะกดขี่ผู้นับถือศาสะนาอื่น ในการที่พยายามจะทำอิสฺสะลามให้เหมือนเป็นอภิสิทธิ์ชน และในการพยายามจะกำจัดชนต่างศาสะนาที่ไม่ยอมเข้ารับอิสฺสะลาม ซึ่งมันก็ตรงกันกับที่ประเทศไทยก็ประสบอยู่ในหลายๆ ที่. 

 

ขอให้ทุกๆ ท่านดูคลิปนี้ แล้วลองวิเคราะห์เทียบเคียงกับเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศไทยและในข่าวในประเทศต่างๆ ทั่วโลก แล้วทุกท่านจะทราบว่า ฝรั่งสองคนในคลิป พูดจริงหรือไม่ 

@เปิดโปงอัปรีย์พาล อภิบาลคุณธรรม 

 

 

 

เขาคือ โรเบิรต สเปนเซอร์ (Robert Spencer)คนซ้ายมือในภาพนี้  ผู้เขียนหนังสือเรื่องล่าสุดของเขาคือ  The Truth about Muhammad ความจริงเกี่ยวกับมุฮัมมัด  โดยเขียนลงใน  The Newyork Times  และปรากฏว่าแป็นหนังสือที่ขายดีมาก  ฐานะของเขาคือ Islam Expert  (ผู้เชี่ยวชาญเรื่องศาสนาอิสลาม) ผู้ที่ได้ติดตามเรื่องราวของนักรบศักดิ์สิทธิ์ หรือ จิฮัดส์ ของอิสลาม(ซึ่งหมายถึงนักรบผู้ขึ้นตรงต่อพระเจ้าอัลเลาะห์ รับคำสั่งจากอัลเลาะห์...ผ่านนบีมุฮัมมัดโดยตรงและแน่นอนนักรบพวกนี้ถวายชีวิต มอบชีวิตแด่อัลเลาะห์อย่างไม่มีข้อสงสัยใดใด ในคำสั่งทุกประการ และนักรบศักดิ์สิทธินี้ได้เป็นแนวหัวหอกแห่งอิสลามในปัจจุบัน ในนามของ ไอสิส ISIS ผู้ที่โดยหลักการของศาสนาอิสลาม ตามพระคัมภีร์อัล กุรอาน สามารถกระทำการรบ เข่นฆ่าศัตรู ผู้ที่ได้ชื่อว่าทรยศต่อพระเจ้าอัลเลาะห์ของเขาใดใดได้อย่างไม่เป็นบาปกรรมใดเลย) มาตลอด จนได้รู้เรื่องของอิสลามดีว่าแท้จริงเป็นอย่างไร และซึ่งเขาได้นำมาเปิดเผยในหนังสือเล่มนี้  และตามภาพนี้ เป็นภาพที่ BBC.ได้เชิญเขาไปสัมภาษณ์ ถามถึงเรื่องราวที่เขาเขียนออกมา เปิดเผยความจริงของ นบีมุฮำมัดแห่งศาสนาอิสลาม ซึ่งโรเบิร์ต สเปนเซอร์ ระบุว่า มุฮำมัดเป็นคนรุนแรงใฝ่ในอำนาจเหมือนนายทัพนายกองผู้ใฝ่ขยายอำนาจของตนไปแบบโลกาภิวัตน์ นั่นเอง  ไม่ใช่ศาสนาหรือ ศาสดาอะไรเลย  เรื่องที่มุฮำมัดเขียนออกมา คือพระคัมภีร์อัลกูรอาน นั้น มิได้มีลักษณะเป็นคัมภีรศาสนา แต่เป็นอุบายในการรบเท่านั้นเอง มีจุดมุ่งหมายหลอกลวง หลอกใช้คนเข้ามาร่วมรบทำสงครามกับเขา โดยอ้างเอาพระเจ้าเป็นผู้ออกคำสั่งมา  และการจะทำอะไรไปให้ตรงความประสงค์ของตน ก็อ้างเอาพระเจ้า ว่าที่เขาวางแผนอะไรไปคิดทำอะไรล้วนมาจากคำสั่งพระเจ้า  อ้างอำนาจพระเจ้ามาหลอกลวงประชาชนเท่านั้น   และผู้ที่ถูกหลอกลวงก็คือ มุสลิมทั้งโลกนั่นเอง 

 

 

 

โดยสรุป  หนังสือถูกตีพิมพ์เป็นเล่มลงวันที่  15 ก.ย. 2549 ปรากฏว่ารัฐบาลประเทศปากีสถาน สั่งยึดหนังสือทุกเล่ม และแบนหนังสือเขา  ใน 3เดือนต่อมานั่นเอง โดยหาว่าเป็นวัตถุต้องห้าม  คือวันที่ 20 ธ.ค. 2549 ตามข่าวที่รายงานว่า 

The government of Pakistan confiscated all copies of the book and banned it on 20 December 2006 citing "objectionable material" as the cause.[4] Spencer responded that the book does not assert anything that is not readily verifiable in the sunni sources he provides.[5] 

 

แล้วต่อมา  มีนักเขียน วิจารณ์หนัก กล่าวหาว่าสเปนเซอร์ ตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิดเอาข้อมูลมาอย่างละเอียดเพื่อเพาะให้คนเกลียดชังอิสลาม ดังเช่น Deepika Bains กับ  Azizza Ahmed  ที่มีข่าวการวิจารณ์ว่า

 

Two academics from Berkeley, Deepika Bains and Aziza Ahmed, strongly criticized the book, pointing out structural problems, as well as "deep substantive flaws", such as unfounded assertions and conclude that: "With its lack of analysis, absence of historical context, and gaps in information. Robert Spencer's The Truth About Muhammad accomplishes Spencer's goal of vilifying Muslims and misinforming readers about Islam." Furthermore, "Spencer frames his book partly as a testament to the importance of the freedom of speech.' However, Robert Spencer exercises his right to free speech free from responsibility, choosing instead to inspire hatred and encourage intolerance."[6] 

  

นักวิชาการ 2 คนจาก Berkeley คือ Deepika Bains กับ Aziza  Ahmed  วิจารณ์หนังสือเล่มนี้อย่างแรงโดยชี้ว่าขาดพื้นฐานความเข้าใจ พอ ๆ กับผิดพลาดอย่างลึกซึ้งในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอิสลาม ข้อเท็จจริงที่น่าเชื่อถือของอิสลาม  และสรุปว่า มีการบกพร่องของงานเขียน งานวิจารณ์ ขาดตกบกพร่องในฐานะทางประวัติศาสตร์และเรื่องข้อมูลข่าวสารสำคัญเกี่ยวกับอิสลาม  กล่าวว่า สเปนเซอร์ เพียงแต่มีความมุ่งหมายที่จะให้เกิดการดูหมิ่นดูแคลนมุสลิม และมุ่งหมายบอกเรื่องที่ผิด ๆของอิสลามให้ผู้อ่านเข้าใจผิดในอิสลาม  ให้เกิดความเกลียดชังในอิสลาม  นี่เป็นประสงค์อันสูงสุดของผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ 

 

 

 

David Thompson wrote in The Guardian that: "Robert Spencer provides a detailed and timely riposte to common misconceptions, outlining the mismatch between belief and historical reality and documenting the ways in which Muhammad's own deeds and purported revelations are used verbatim to mandate intolerance, xenophobia and homicidal 'martyrdom'." Concluding with "Denial, as they say, is not just a river in Egypt."[7] 

 

David Thompson วิเคราะห์ไว้ใน The Guardian ว่า ทำนองเดียวกันกับนักวิชาการจากเบอร์เลย์  ว่า โรเบิร์ต สเปนเซอร์ หารายละเอียดมามากมายเพื่อให้ได้ความสมบูรณ์ทางความเชื่อ ความเข้าใจที่ผิดพลาดต่ออิสลาม  เป็นต้นว่าเรื่องความเชื่อกับความจริงทางประวัติศาสตร์และชี้ให้เห็นว่า วิธีที่มุฮำมัดดำเนินการกระทำไปและเปิดเผยให้เห็นสิ่งที่มุฮำมัดได้กระทำไปผิดๆ 

 

 

ส่วนนักวิจารณ์อีกฝ่ายหนึ่ง ที่เห็นด้วยอย่างมากกับสเปนเซอร์  มี 2 คน คือ Amndrew C. McCarthy  กับ  Bruce Thornton 

 

Andrew C. McCarthy wrote in National Review that this book is important and that everybody should read it: "Robert Spencer graphically illustrates the depth of our folly in thinking — or, rather, blithely assuming — otherwise. An alarming book, and a necessary one."[9] 

 

โดยที่ Amndrew C. McCarthy เขียนลง National Review ว่าเป็นหนังสือที่มีความสำคัญที่ทุกคนควรจะได้อ่าน และแล้วจะได้พบว่าโรเบิรต สเปนเซอร์ ให้ทำให้พวกเราเองเห็นว่ามีการนึกคิดอย่างที่โง่เขลาในเรื่องอิสลาม อย่างลึกซึ้ง โดยไปเข้าใจว่าอิสลามเป็นหรือมิฉะนั้น หากไม่เช่นนั้นก็เป็นการให้สิ่งสมมติที่เบิกบานแก่เรา   เป็นหนังสือที่เตือนภัยและมีความจำเป็นที่ต้องมีหนังสือเช่นนี้ 

 

 

Bruce Thornton wrote about this book: "Spencer's new book continues this important service of arming us with the facts we need in order to understand an enemy who wants nothing from us other than our conversion, death, or subjection. ... Unless we heed people like Robert Spencer, it seems that only another graphic example of jihadist violence within our borders has a chance of teaching us the history of the enemy."[10]  

ว่า หนังสือของสเปนเซอร์เล่มใหม่นี้ ได้ให้การรับใช้ที่สำคัญในเรื่องการติดอาวุธทางปัญญาให้เรา โดยให้เราเข้าใจศัตรูของเราผู้ซึ่งไม่หวังอะไรตอบแทนจากเรา มากไปกว่าการสนทนากับเรา  ความตายของเรา หรือการตั้งหัวเรื่องขึ้นมาให้ติดตามกันไป หากไม่มีคนอย่างสเปนเซอร์ เสียแล้วดูเหมือนว่า พวกนักรบศักดิ์สิทธิ์ จิฮัดส์ ทางขอบชายแดนเราจะมีโอกาศสอนเรามากขึ้นในเรื่องประวัติศาสตร์ศัตรูของเรา   

 

สิ่งที่เราหนังสือพิมพ์ดี ได้ยกย่อง Robert Spencer เป็นบุคคลแห่งปี ก็เนื่องมาจาก การเขียนหนังสือเล่มนี้  The Truth about Muhammad เป็นการแทงทะลุเข้าไปสู่ความเป็นจริงเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม และ มุฮัมมัด ศาสดา ผู้ประกาศศาสนาอิสลาม โดยเรียกตนเองว่า นะบี (ผู้ที่สื่อสารกับพระเจ้าอัลเลาะห์ได้) คนนี้  ที่โลกควรจะต้องรู้และได้เห็นภัย คือความไม่ถูกต้องของคำสอนของ มุฮัมมัด ซึ่งทำให้โลกส่วนหนึ่งเกิดสงคราม  เกิดการต่อสู้ เกิดความรุนแรงมาโดยตลอดตั้งแต่มีการเคลื่อนไหวในนามพระเจ้าอัลเลาะห์ในโลกนี้ ตามคำสอนนั้นจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันนี้ในซีเรียที่มีการตายเพิ่มไปเรื่อย ๆ  ที่ 4 ปีหลังสุดตั้งแต่เกิด ไอสิสขึ้น มีการตายไปถึงสองแสนห้าหมื่นคน คนอพยพซึ่งล้วนเป็นมุสลิมนั้นเอง 11 ล้านคนไปแล้ว ดังที่กลายเป็นปัญหาของประเทศต่าง ๆ อยู่ทั่วโลก ตามข่าว : 

More than 250,000 Syrians have lost their lives in four-and-a-half years of armed conflict, which began with anti-government protests before escalating into a full-scale civil war. More than 11 million others have been forced from their homes as forces loyal to President Bashar al-Assad and those opposed to his rule battle each other - as well as jihadist militants from so-called Islamic State. This is the story of the civil war so far, in eight short chapters.

เมื่อมีการติดตามศึกษาอิสลามไปมาก ๆ ขึ้น อย่างเช่น Robert Spencer ก็ย่อมจะไปเน้นย้ำถึงสิ่งที่เป็นความจริงเกี่ยวกับอิสลามและโลกได้รู้ความจริงนั้น อย่างถูกต้อง เราจึงขอประกาศ Robert Spencer เป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พุทธศักราช 2561

 

 

 

5.4  บุคคลที่ 136  วรรรญา วรรณพงษ์ 

4.บุคคลที่ 136.... วรรรญา วรรณพงษ์

 

 

 วรรรญา นามพงษ์ เด็กหญิงอายุ 11 ขวบ เกิดวันที่  3 กุมภาพันธ์ 2550 นักเรียนชั้น ป.6 ร.ร.สุวิทย์เสรีนุสรณ์ เขตประเวศ์ กทม.  ได้เข้าแข่งขันใน  1 st FAI DRONE RACING CHAMPIONSHIPS 20้18 ระหว่างวันที่ 1- 4 พฤศจิกายน 2561 ณ เมืองเซิ่นเจิ้น มณฑลกวางตง สาธารณรัฐประชาชนจีน  ได้แชมป์เหรียญทองประเภทบุคคลหญิง กลายเป็นแชมป์บินโดรนที่อายุน้อยที่สุดในโลก  คว้าเงินรางวัล 8000 ดอลลาร์หรือ 254,000 บาท   โดยก่อนหน้านี้ น้องมิลค์ได้เข้าร่วมการแข่งขันโดรน เรซซิง โอเพ่น(2018 China Drone Racing open)จัดขึ้น ณ นครเซิ่นเจิ้น เช่นเดียวกัน วันที่ 13 พฤษภาคม 2561 เธอคว้าแชมป์มาครอง โดยสามารถเอาชนะผู้เข้าแข่งขันจากทั่วโลกมากว่า 70 คน  ในขณะที่เข้าแข่งขันชิงแชมป์โดรนเรซซิง 1-4พ.ย.2561 ที่รับรองโดย FAI นั้นเธอพบคู่แข่งสำคัญเพียง 3 คนคือ จากเกาหลีใต้  ใต้หวัน  และ สหรัฐอเมริกา และเธอเป็นผู้ชนะเป็นแชมป์เหรียญทองประเภทบุคคลหญิง ส่วนแชมป์โลกประเภทชายคือ รูดี้ บราวนิง  วัย 15 ปี จากออสเตรเลีย ที่ชนะคู่แข่ง 129 คนจาก 34 ประเทศทั่วโลก 

การฝึกเล่นโดรนของเธอมีมาแต่อายุ 8 ขวบ  มีบิดาคือนายอาวุธ วรรณพงษ์ เป็นผู้ฝึกให้  และเป็นครูโดยตรง  ที่ได้ติดตามลูกศิษย์ไปอยู่ใกล้ชิดตลอดการแข่งขัน และคว้าชัยชนะมาได้โดยตลอด   และทั้งหลังชัยชนะที่เมืองเซิ่นเจิ้น มณฑลกว่างตง สาธารณรัฐประชาชนจีนจีนแล้ว  ต่อมาไม่นานคือวันที่ 9-11 พ.ย.2561 วรรรญา ยังได้เข้าแข่งขันชิงแชมป์นานาชาติที่ฮ่องกงอีก โดยคว้าแชมป์โดรนรุ่น International Challenge โดยการเชิญนักบินฝีมือดีเยี่ยมจาก 9 ประเทศเข้าร่วมแข่งขัน งาน ALISPORTS WESG Hongkong Exports Festival 2018 International Drone Racing Challenge 9-11 พ.ย.2561 และได้ชัยชนะเป็นแชมป์นานาชาติของฮ่องกงอีกด้วย   กลายเป็นแชมป์ 2 เวทีในปีเดียวกัน 

ฉะนั้น ด้วยความสามารถของเด็กไทยวัยประถมอายุเพียง 11 ปี  เมื่อเป็นแชมป์โดรนโลก พร้อม ๆกันถึง 2 เวที ก็ยังได้ชื่อเสียงไปอีกว่าแชมป์ผู้อายุน้อยที่สุดในโลกอีกด้วย ฉะนั้นจึงถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ดีเด่นยิ่งยอดของเด็กไทย เลยที่ว่าเด็กไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก อนึ่ง มีอีก 2 อย่างสำหรับการให้คะแนนบุคคลแห่งปี หนึ่ง เธอพูดภาษาอังกฤษได้เก่ง ฟังคำตอบของเธอ คำถามของนักข่าวต่างประเทศก่อนออกไปว่า I'm very happy and thank you all sponsors  ฟังน่ารักมากเลย  และ สอง เธอไม่ยิ้ม เป็นคนไทย เด็กไทยที่ไม่ยิ้ม  ซึ่งเรามองว่าเป็นคนเอาจริง ถ้ายิ้มก็จะมักเล่นไม่เอาจริง  และที่จริง  นี่คือสมาธิที่นิ่งแน่วแน่มากเลย  ขณะที่เธอแข่งขันอยู่นั้น ระดับสมาธิของเด็กน้อยอายุ 11 คนนี้คงเข้าถึง  อุปจาระสมาธิ ไปเลยละ จึงสมควรกับตำแหน่งบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พุทธศักราช 2561  และหวังว่าเธอจะต้องสร้างสรรค์กีฬาโดรนของเธอไปอย่างน่าประทับใจคนทั้งโลกต่อไป

 

 

 

 

 

5.5  บุคคลที่  137  ประธานาธิบดีสโลวาเกีย

5.บุคคลที่ 137...... ประธานาธิบดีสโลวาเกีย

ผู้ประกาศคว่ำศาสนาอิสลาม  ตามคลิปที่แผ่ไปทั่วโลก  ดังนี้คือ “ไม่มีที่อยู่ให้อิสลามในประเทศนี้” 

โดยมีข้อสรุปออกมาใต้ภาพนี้ว่า

 

 ไม่มีที่อยู่ให้อิสลามในประเทศนี้

 

.........   ผู้ประกาศอย่างสั้น ๆ ว่า  ไม่มีที่อยู่ให้อิสลามในประเทศนี้”    ผู้สร้างประวัติศาสตร์อีกท่านหนึ่งในฐานะประธานาธิบดีประเทศใหญ่ ที่ต้านศาสนาอิสลาม  เรามองว่า  คนที่ประกาศออกมาเช่นนี้  อย่างเด็ดขาดเช่นนี้  นั้น ย่อมเป็นบุคคลใดก็ตาม  ผู้ที่ได้เข้าใจ ได้รู้แจ้งเรื่องศาสนาอิสลามอย่างแท้จริง ว่าไม่ใช่ศาสนาแต่อย่างไร   คำสอนของอิสลาม  เป็นคำสอนที่ผิดหลักการแห่งศาสนจริยธรรม และหลักการมนุษยธรรมมานานร่วม 1500 ปีแล้ว  เพราะมาพร้อมกับความรุนแรงและสงคราม ตามลำดับ ๆ ถึงปัจจุบันนี้  คำสอนในคัมภีร์อิสลามจึง เป็นเพียงเล่ห์กลอุบายของการหลอกประชาชนไปรบไปสร้างประโยชน์ให้ผู้นำอิสลามเท่านั้น  ประชาชนทั้งปวง หรือ มุสลิมทั้งหลาย  ล้วนเป็นทาสที่ใบ้เบื้อ ที่ถูกหลอกอย่างไร้เมตตาจากผู้ปกครองขององค์การศาสนาอิสลามทั้งสิ้น    เช่นเดียวกับผู้นำประเทศหลายประเทศที่เริ่มเข้าใจบทบาทที่ไม่ชอบธรรมขององค์การอิสลาม หรือศาสนาอิสลาม  ตามที่ปรากฏมาระยะปัจจุบันนี้ เริ่มแต่ ……

………ประธานาธิบดี โชเซ เอดูอาร์โด ดอส ซานโตส  แห่งแองโกลา ประกาศคำสั่งแบนศาสนาอิสลาม  เป็นประเทศแรกของโลก        แองโกลาได้กลายเป็นประเทศแรกของโลกที่ประกาศแบนศาสนาอิสลามอย่างเป็นทางการ โดยประธานาธิบดีโชเซ เอดูอาร์โด ดอส ซานโตส ผู้นำแองโกลา ออกมายืนยันที่กรุงลูอันดา เมืองหลวงของประเทศว่า จุดจบของศาสนาอิสลามในแองโกลาได้มาถึงแล้ว  ......ตามรายงานข่าว เดือนกันยายน พ.ศ. 2558 ..

...........จากนี้ก็มีรายงาน   นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย  จูเลีย กิลลาด กล่าวว่า มุสลิมที่กำลังเรียกร้องกฎหมายอิสลาม หรือ ชะรีอะห์ ได้ถูกขอให้ออกจากประเทศออสเตรเลียภายในวันพุธ เพราะว่าออสเตรเลียมองมุสลิมบ้าคลั่งเป็นผู้ก่อการร้าย สุเหร่าทุกแห่งจะให้ความร่วมมือกับเราในการค้นหามุสลิมกลุ่มนี้ มุสลิมที่อพยพจากประเทศอื่นเข้ามาอาศัยในประเทศออสเตรเลียจะต้องปรับเปลี่ยนตนเองให้เข้ากับประเทศของเราและไม่คาดหวังที่จะเปลี่ยนเราให้เป็นอย่างเขา ถ้าหากทำไม่ได้ เรายินดีเชิญให้ออกจากประเทศของเรา    มีคนออสเตรเลียจำนวนมากที่เป็นกังวลว่าเราอาจกำลังดูหมิ่นศาสนา... แต่ดิฉันขอให้ความมั่นใจกับประชาชนของประเทศออสเตรเลียว่าสิ่งที่ดิฉันดำเนินการอยู่นี้เพื่อสิ่งที่ดีขึ้นสำหรับประเทศและประชาชน

 

....…จากนั้นก็มาถึง วลาดีมีร์ ปูติน   ในฐานะผู้นำประเทศรัสเซียมหาอำนาจ  ได้เจอปัญหาผู้อพยพลี้ภัยมุสลิม  เช่นเดียวกันกับประเทศอื่น ๆ อีกหลายประเทศ เช่นฝรั่งเศส ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา ประเทศตะวันตก และประเทศอื่นอีกหลายประเทศ  และวาทะที่ท่านประธานาธิบดีปูตินกล่าวออกมาสั้น ๆ   แต่บ่งบอกความหมายที่ชัดเจน  เป็นธรรม ดังในภาพที่ประกอบนี้ออกมาสั้น ๆ ที่ว่า......"ถ้าอยากทำมาหากินอยู่ในรัสเซีย ต้องเคารพกฎหมายเคารพวัฒนธรรมของรัสเซีย ถ้าชอบกฎอิสลามหรือ อยากใช้ชีวิตตามวิถีอิสลาม ให้ไปอยู่ประเทศที่เป็นอิสลามด้วยกัน เพราะเราเห็นการฆาตกรรมในยุโรปเกิดจากพวกมุสลิม เราจะไม่ให้สิทธิใดใด"  แต่ก็พอที่เราจะเห็นได้ว่า  ท่านวลาดีมีร์ ปูตินนั้นมีความเด็ดขาดอย่างไร   ต่อสิ่งที่ไม่เป็นธรรมในประเด็นมุสลิมอพยพ ในประเทศรัสเซีย และประเด็นคำสอนของอิสลามที่สอนให้มุสลิมสาวกกระด้างกระเดื่องอกตัญญูต่อผู้มีพระคุณที่คำสอนระบุว่าเป็นกาฟิร์ 

 

........  แล้วมาถึงจอห์น ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา คนปัจจุบัน พอเข้ารับตำแหน่ง เขาก็ประกาศให้ทหารสหรัฐเตรียมทำสงครามโลกครั้งที่ 3 ทันที และประกาศไม่รับผู้อพยพมุสลิมจาก 7 ประเทศ  มี อิหร่าน [Iran], อิรัค [Iraq], ลิเบีย [Libya], โซมาเลีย [Somalia], ซูดาน [Sudan], ซีเรีย [Syria], and เยเมน[Yemen].โดยเหตุผลที่ว่า เพื่อป้องกันประเทศจากผู้ก่อการร้ายต่างประเทศที่เข้ามาในประเทศสหรัฐอเมริกา  [Protecting the Nation From Foreign Terrorist Entry Into the United States]

 

....….แล้วมาถึงประธานาธิบดีสโลวาเกีย ที่ประกาศอย่างเด็ดขาดสั้น ๆ ว่า   ไม่มีที่อยู่ให้อิสลามในประเทศนี้”    ซึ่งเป็นสิ่งที่หนังสือพิมพ์ดี มีความพอใจยกย่องให้ท่านประธานาธิบดีสโลวาเกียเป็นบุคคลแห่งปีพุทธศักราช 2561

 

 

 

 

 

ฉะนั้น ในหนังสือพิมพ์ดีเล่มนี้ เราจึงขอยกย่อง  ศรีสะเกษ โปรโมชั่น แชมป์โลก WBC รุ่น 115 ปอนด์, หมอปลา จิรพันธ์ เพชรขาว มือปราบสัมภเวสี, วรรรญา  วรรณพงษ์  แชมป์โดรนโลกอายุ 11 ปี ,โรเบิรต สเป็นเซอร์,  ประธานาธิบดีสโลวาเกีย   ,      เป็นบุคคลแห่งปี พ.ศ.2561 ของหนังสือพิมพ์ดี  และหวังว่าท่านจะได้จำเริญงอกงามต่อไปทางปัญญา ยิ่งขึ้น  ตลอดกาลนานอนาคต    

และได้โปรดติดตาม ดี เล่มที่ 54 ต่อไป 

 

บรรณาธิการ

15 ธ.ค. 2561

 

 

 

 

 

6.  เฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้ว

 เฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้ว

 

 

 

MUSLIMs

 

6.1  MUSLIM 1  [เดิม พ.ศ.2553]   จากคอลัมน์ถาม ตอบ ของ www.newworldbelieve.net, www.newworldbelieve.com,   

กระทู้ 1.  ปัญหามุสลิมไทย  

คำถาม   ปัญหาที่เป็นแก่นแท้ของมุสลิมไทย  และมีการสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นของฝ่ายรัฐบาลอมาตยาธิปไตยหลังปฏิวัติ 19 ก.ย.2553 เรื่อยมา และเพิ่มพูนเพราะแก้ปัญหาไม่ถูกหลักการใหญ่ หรือหลักแก่นแท้(เพราะความไม่รู้ไม่เข้าใจหลายแง่มุมแห่งอิสลามและมุสลิม) 

  • ผู้ตั้งกระทู้ ประยุกต์ นามเสพ :: วันที่ลงประกาศ 2010-09-22 19:20:10    

ความเห็นที่ 1 (3250579) 

ซาอุฯ อาจเอาประเทศไทยยุคสุเทพเป็นเมืองขึ้นได้ไหมครับ    ????    ....... 

มีสิทธิ์   .....

  • ผู้แสดงความคิดเห็น คนนอก วันที่ตอบ 2010-09-22 19:36:52  

ความเห็นที่ 2 (3251254)

ยิ่งนานไปก็ยิ่งเห็นความโง่เขลาของพรรคประชาธิปัตย์ในยุคนายกอภิสิทธิ์  คุณไม่รู้หรือว่าฐานเสียงพรรคประชาธิปัตย์อยู่ใน 14 จังหวัดภาคใต้ และส่วนใหญ่ก็เป็นมุสลิม คนมุสลิมเขาถือว่าการได้ไปประกอบพิธีฮัจจ์เป็นเป้าหมายอันสูงสุดในชีวิตของเขา  มุสลิมทุกคนเชื่อว่าหากเขาพลาดโอกาสที่จะไปประกอบพิธีฮัจจ์อันศักดิ์สิทธิ์เท่ากับจิตวิญญาณของเขาจะต้องทุกข์ทรมานไปตลอดทั้งในโลกนี้และโลกหน้า  ดังนั้นไม่ว่าจะยากดีมีจนขนาดไหนเขาก็ต้องพยายามขวนขวายเพื่อให้ได้เดินทางไปเมืองเมกกะเพื่อเข้าเฝ้าองค์อัลเลาะห์พระเจ้าสูงสุดพระองค์เดียวที่เขานับถือ คนอย่างสุเทพและอภิสิทธิ์คงไม่เข้าใจความรู้สึกของชาวมุสลิม  คิดว่าเขาศรัทธาพรรคประชาธิปัตย์อย่างไรก็เลือกอยู่แล้ว แต่เหตุการณ์ที่นายสุเทพและนายอภิสิทธิ์เฝ้ายืนยันอยู่หลายวันว่าการแต่งตั้งพลตำรวจตรีสมคิด  บุญถนอมชอบด้วยความถูกต้องเหมาะสมของกฎหมายไทยแล้ว  จนสถานทูตซาอุดิอารเบียไม่พอใจเรียกคืนวีซ่าของชาวมุสลิมไม่ให้ไปประกอบพิธีฮัจจ์ คนไทยได้เห็นจากภาพข่าวทีวีปรากฏสีหน้าอันทุกข์ระทมใจและอารมณ์โกรธแค้นของชาวมุสลิมที่ผู้นำรัฐบาลทำลายความฝันของชาวมุสลิมที่เฝ้ารอมาตลอดชีวิต คุณเป็นผู้นำประเทศได้อย่างไรจึงไม่เข้าใจเขา  ไม่เข้าใจคนมุสลิม พวกเขาไม่มีวันรักพรรคการเมืองไหนมากไปกว่าความเชื่อทางจิตวิญญาณที่ผูกพันเขามานานหลายชั่วอายุคน  คอยดูอวสานของพรรคประชาธิปัตย์มิได้เกิดจากใคร  แต่เกิดจากความโง่เขลาที่ทำลายตนเอง หลงระเริงไปกับอำนาจที่เป็นเพียงภาพมายาได้เสพเสวยชั่วครู่ชั่วยามแล้วก็ผ่านไป แต่รัฐบาลในชุดนี้ไม่ได้ผ่านไปเฉยๆ  แต่ได้ผ่านซากศพถึง 91 ศพและผู้บาดเจ็บจำนวนร่วม 2000 คน ผู้สูญหายอีกจำนวนมาก แล้วจะอยู่อย่างไรเมื่อน้ำลด  

  • ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2010-09-23 22:28:43  

ความเห็นที่ 3 (3251987) 

ที่...สุด ๆ ก็คือคนใหญ่โตใกล้ชิดสถาบันกษัตริย์ไทย ประธานองค์มนตรี พล.อ.เปรม ตินสูลานนท์ คิดจะอบรมเยาวชนมุสลิมให้เขาหันจากอิสลาม หันจากพระเจ้าอัลเลาะห์ของพวกเขา ไปนับถือพระเจ้าองค์ใหม่ คือ พระสยามเทวาธิราช  เขาพูดในการเปิดการอบรมเยาวชนตามโครงการสานใจไทยสู่ไทยใต้ ประมาณเดือนมีนาคม  ปี 2552  .......  และมุสลิมทั่วโลกได้ยิน    นี่เป็นความคิดผิดและโง่เขลาอย่างยิ่งใหญ่   และผลของมันก็ระเบิดออกมาเป็นระยะ ๆ  เป็นต้นเหตุ 3 จว.มุสลิมใต้รุนแรงต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน   ซึ่งมีท่าทีว่าประเทศมุสลิมโลกเริ่มจะคุกคามประเทศไทย   ในเซนส์ของประเด็นศาสนา 

รัฐบาลทหาร-เด็ก  จึงไม่รู้จักประชาธิปไตย......... แต่ทางแก้ของ3จว.ใต้คือต้องแก้ด้วยประชาธิปไตย  .... ตราบใดที่ประชาธิปไตยไม่กลับมา  3 จว.และทั้งประเด็นต่างประเทศกับมุสลิมโลกจะแตกกว้างขวางออกไปอีก

วันนี้  ประชาธิปไตยไทย  จึงนอกจากต้องการระบอบแล้ว  ยังต้องการบุคคล   คือนักการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย  รอบรู้หลักการ และนโยบายทางการเมืองประชาธิปไตย   ให้เป็นประชาธิปไตยกินได้     เมื่อประชาชนเป็นเจ้าของประชาธิปไตยจงอย่าให้นักการเมืองหน้าเก่า ๆ  เช่นนายชวน หลีกภัย นายบรรหาร ศิลปอาชา  นายสนั่น ขจรประศาสน์ นายเนวิน ชิดชอบ นายชัย ชิดชอบ นายกรุง ศรีวิลัย นาย....หมากระเป๋า.....นายอภิสิทธิ์  นายกร  นายอนุพงษ์  และพรรคภูมิใจไทยทั้งหมด พรรคการเมืองใหม่ทั้งหมด..... รวมทั้ง เจ๊กลิ้ม  ฯลฯ...  อย่าได้เข้ามาอีกเลย......... นี่เป็นสิทธิของข้าพเจ้าที่จะพูดแสดงความเห็น ตามหลักการประชาธิปไตย  ใช่ไหม???? 

  • ผู้แสดงความคิดเห็น นายประชาธิปไตย วันที่ตอบ 2010-09-25 00:46:58   

ความเห็นที่ 4 (3251988)

ใช่ครับ   แต่ประเด็นซาอุฯ อาจเอาประเทศไทยยุคสุเทพเป็นเมืองขึ้น น่าสนใจจริง ๆ   รัฐบาลทำเรื่องน่าอดสูจริง ๆ  สำหรับคนไทยทั้งประเทศ     โดยการแต่งตั้ง พล.ต.ต.สมคิด บุญถนอม เป็น ผช.ผบ.ตร.  พร้อมคำยืนยันของนายกรัฐมนตรีว่าดีพร้อม เหมาะสม ทุกประการ   แต่แล้ว พอซาอุดีอาระเบีย ว๊ากเพ้ยออกมา  ว่าไม่ยอมให้ตั้งสมคิด   รัฐบาลก็ถอย  ....ให้สมคิดถอนตัว     นีมันหมายความว่ากระไร   ???     รัฐบาลเด็กไทย   ต้องไปฟังคำสั่งของซาอุดีอาระเบีย หรือ  ......????       น่าอดสูแท้    ทีกับเขมรละ  พองดีทีเดียว..... แต่พอซาอุฯละแฟบ ......แสดงความขี้ขลาดออกมาเลยเทียว......... 

  • ผู้แสดงความคิดเห็น คนนก วันที่ตอบ 2010-09-25 00:57:09    

ความเห็นที่ 5 (3252982)  

ก็นั่นแหละรัฐบาลเด็ก  และรัฐบาลสมองลิง 1.8 ล้านปีนู้น

ตั้งแต่ 19 ก.ย.2549 มามีอะไรดีบ้าง   ไม่มีเลย     นี่แหละประชาธิปัตย์  ได้เป้นรัฐบาลทีไรก็มีแต่เรื่องราวอลเวงอยู่รอบ ๆ ตัวอย่างนี้  ไม่ไปไหน  เพราะไม่รู้จะไปทางไหน(บริหารแบบไร้นโยบาย สร้างนโยบายไม่เป็น)   แล้วก็มีเรื่องนั้นเรื่องนี้ขึ้นมา  ก็กลบประเด็นทำงานไม่เป็น ไม่ก้าวหน้า ไปเสีย เอาตัวรอดไปได้    คนได้ดิบได้ดีคือรัฐบาล (ได้เงิน  หากินกับงบประมาณ)   

พอเสียทีเถิดประชาชนไทย   

อย่าเอาคนหน้าแหลม ๆ  กลับมาอีกเลย.......(คนหน้าแหลม สนั่น ขจรประศาสน์  อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  ชวน  หลีกภัย  เนวิน  ชิดชอบ   สุเทพ  เทือกสุบรรณ ประมาณนี้ครับ)         

  • ผู้แสดงความคิดเห็น นายประชาธิปไตย วันที่ตอบ 2010-09-28 14:04:56   

ความเห็นที่ 6 (3253044) 

 อีกคนครับคนหน้าแหลม   อยู่กระทรวงวัฒนธรรม.........อีกคนครับ เจ๊กลิ้ม  ไล่ไปเมืองเจ๊กเสียเลย.. 

  • ผู้แสดงความคิดเห็น คนนก วันที่ตอบ 2010-09-28 20:55:09            

ความเห็นที่ 7 (3253520)

เจ๊กลิ้มหรือ?     ไล่ไปเมืองกุ๊ยเหลียง นู้น   

  • ผู้แสดงความคิดเห็น คนนอก วันที่ตอบ 2010-10-02 09:11:34   

ความเห็นที่ 8 (3253522)

กลับมาประเด็นรัฐบาลเด็กไทย  ฟังคำสั่งรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย  โดยสถานทูตซาอุดีอาระเบียออกมาวาก !!!!!   รัฐบาลเด็กก็หด   ถอนพล.ต.สมคิดทันที    นี่เป็นประเด็นนะครับ...........   ผมว่าสำคัญมาก   รัฐบาลนี้รักษาอธิปไตยชาติไว้ได้อยู่ทหรือ ????      จะให้รัฐบาลเช่นนี้อยู่ไปได้  มิเสี่ยงหรืออย่างไร ?????   พอ ๆ กับยุคเสียกรุงสมัยพระเจ้าเอกทัศน์  ละมัง ........นึก ๆ น่าเป็นห่วงจริง ๆ    ......

ผมอยากให้ประชาชนคิดประเด็นนี้ครับ........  มีคำอธิบายไหม  ช่วยอธิบายหน่อย  ........

  • ผู้แสดงความคิดเห็น ประชา ไทยเสรีชน วันที่ตอบ 2010-10-02 09:27:58    

ความเห็นที่ 9 (3253616)  

เก่งแต่กับเขมรละมั้ง   .....      กรณีเพชรซาอุ   ไม่เห้นจบสิ้นเสียที   มาจนถึงคดี เพชรธาริตุ   เกิดใหม่

  • ผู้แสดงความคิดเห็น คนนอก วันที่ตอบ 2010-10-03 09:37:29  

ความเห็นที่ 10 (3253617) 

ได้ข่าวว่าสุเทพ จะไปแล้วนี่ครับ  ลาออกจากรองนายกฯ    

  • ผู้แสดงความคิดเห็น คนนก วันที่ตอบ 2010-10-03 09:41:37    

ความเห็นที่ 11 (3253619)

ปัญหามุสลิมไทย 3 จว.ใต้ ผมเห็นว่าประเด็นอยู่ที่ ประชาธิปไตย   ไม่ว่ามีความคิดอะไรก็ตาม เช่นจะให้เป็นเขตการปกครองพิเศษ ก็ตาม  ก็ต้องอยู่ใต้หลักการประชาธิปไตย   นั่นคือให้สิทธิทางการปกครองเสมอกับประชาชนอื่น ศาสนิกอื่น  อย่างไม่มีข้อจำกัด  พวกเขาสามารถดำเนินนโยบายทางการเมือง  และนำนโยบายการเมืองเสนอต่อประชาชนได้   และมีสิทธิ์ ขึ้นสู่สถานะผู้บริหารนโยบาย คือระดับสูงสุดของสถาบันได้   และมีสิทธิ์เต็มที่ ๆ จะต่อสู้ทางนโยบายไปจนกว่าประชาชนส่วนใหญ่จะยอมรับเขา    นั่นเป็นความเป็นธรรม ไม่ใช่ไปคิดแย่งอำนาจของเขาด้วยกำลังกองทัพ  เช่นมุสลิมสนธิ บุณยรัตกลิน 

กรณีปฏิวัติ 19 ก.ย. 2549  เป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก  และเป็นประเด็นมุสลิม เหมือนกัน   เพราะหัวหน้าปฏิวัติ คือพล.อ.สนธิ บุณยรัตนกลิน เป็นมุสลิม  และแน่นอนมุสลิมไทยต้องไม่คิดอย่างเขา  เพราะปัญหาจะไม่รูจบสิ้น ถ้าคิดไปนอกกรอบประชาธิปไตย   

สนธิ บุณยรัตนกลิน เป็นผู้ทำลายระบอบประชาธิปไตยไทย  เพราะได้โอกาสจากฐานะตำแหน่งผู้คุมกองกำลัง    และยังมีลักษณะการทรยศต่อรัฐบาลทักษิณ ทรยศต่อประชาชนไทยทั้งชาติ  และทรยศต่อไทยมุสลิมใต้  เพราะรัฐบาลทักษิณตั้งเขาขึ้นสู่ตำแหน่งนั้นเพื่อให้ปรองดองกับมุสลิมด้วยกัน  เพื่อแก้ปัญหาพวกเดียวกัน   แต่สนธิ บังนี้ ทรยศ   ......  และทำลายประชาธิปไตยไทย.... 

มุสลิมชอกช้ำต่อมาอีก เมื่อขุนอมาตย์เปรม ติรศุลานนท์  ประกาศนโยบายจะเกลี้ยกล่อมเยาวชนมุสลิมใต้ให้หันเหความเคารพต่อพระเจ้าองค์เดียวของพวกเขา   ซึ่งไม่ใช่วิถีทางประชาธิปไตย      คน 2 คนนี้ จะต้องได้รับการลงโทษ   อย่างแน่นอน     

จากทั้งประชาชน   และจาก  อัลเลาะห์   

  • ผู้แสดงความคิดเห็น สุไหงปาดี ชินะกุล วันที่ตอบ 2010-10-03 10:02:32   

ความเห็นที่ 12 (3253891)

สถานการณ์ใต้รุนแรงอีกแล้ว เมื่อวานนี้ปะทะทหารพราน ๆ เสียชีวิต 3 คน   ที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา   เป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน  หลังการยึดอำนาจ 19 ก.ย.2549

  • ผู้แสดงความคิดเห็น 001 รายงาน (newworldbelieve-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2010-10-04 20:15:22

ความเห็นที่ 13 (3254023) 

กรณีวิคเตอร์ บู๊ท นักค้าอาวุธ  ก็โดนรัสเซียวากเอา    ก็ระงับ  ไม่ส่งไปอเมริกา      นี่ก็ไม่ได้ความเหมือนกันนะครับ

  • ผู้แสดงความคิดเห็น สุนาย วันที่ตอบ 2010-10-05 19:46:11    

ความเห็นที่ 14 (3254181)  

คุณคนนกหมายถึงสุเทพไหนครับ..... ถ้าสุเทพมนุษย์วานร 1.8 ล้านปี   จะไปไหนก็ไปสิ    ตามประสา    ขออนุโมทนาเลย   และอย่าได้กลับมาอีก

  • ผู้แสดงความคิดเห็น สุนาย วันที่ตอบ 2010-10-06 15:53:12  

ความเห็นที่ 15 (3254495)

ประเด็นสำคัญอีกประเด็นหนึ่งเกี่ยวกับปัญหามุสลิมใต้ก็คือ  ปัญหาของชาวไทยพุทธ ในสามจังหวัดชายแดนใต้   ไทยมุสลิมค่อนข้างเห็นแก่ตัว    หากยอมรับว่าประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย  มุสลิมก็ต้องเคารพในสิทธิของไทยพุทธ  หรือไทยที่นับถือลัทธินิกายศาสนาใดใด   ในประเด็นสิทธิในทรัพย์สิน และสิทธิในการเลือกที่อยู่และการประกอบอาชีพ  

ทุกวันนี้ จากแหล่งข่าวทางฝ่ายสงฆ์  ซึ่งจะชัดเจนมากว่า  ไทยพุทธในสามจังหวัดชายแดนใต้ได้ถูกกระทำและกำลังถูกกระทำให้ขาดความมั่นใจว่าแผ่นดินที่เขาเคยอยู่มาแต่ชั่วปู่ย่าตายาย  สวนยางที่ประกอบอาชีพมาแต่ชั่วปู่ย่าตายาย  ไม่ใช่แผ่นดินของเขา  ไม่ใช่แผ่นดินของคนนับถือพระพุทธศาสนา  วัดวาอารามที่ชาวพุทธใต้นับถือกำลังถูกขับไล่     โดยส่วนหนึ่งแห่งมุสลิม

โดยประสงค์ให้สามจังหวัดชายแดนใต้เป็นแดนของมุสลิมล้วน ๆ  และแยกออกไปเป็นรัฐของมุสลิมอีกรัฐหนึ่งในโลกนี้

ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะเป็นจริงได้เลย   และไม่มีความชอบธรรมที่ใครจะคิดทำเช่นนั้น 

แต่ก็อยากถามพี่น้องมุสลิมใต้ว่า   นี่เป้นความชอบธรรมหรืออย่างไร ????  

แน่นอน  คำตอบคือ   ไม่ชอบธรรมอย่างแน่นอน   ..........   แต่ท่านทำอย่างนั้นทำไม ????  ท่านจะต้องหยุด..... 

เช่นเดียวกับที่ชาวไทยพุทธในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ให้ความยอมรับในสิทธิชาวไทยมุสลิมส่วนนิดน้อยในจังหวัดของชาวพุทธที่เป็นชนส่วนใหญ่   ท่านจะไม่เคยเห็นเลยว่า  มุสลิมส่วนนิดน้อยในต่างจังหวัด ไม่ว่าเหนืออีสาน หรือ กทม.เอง  ถูกรังเกียจเหยียดหยามจากไทยพุทธ   แม้กระทั่งถูกกีดกันในอาชีพใดใดก็ตาม  ไม่ปรากฎเลย   มุสลิมส่วนนิดน้อยในท่ามกลางชาวพุทธส่วนใหญ่มหาศาล  ต่างมีความสุข   และมีสิทธิ์เท่า ๆ กับชาวไทยพุทธทุกประการ  ซึ่งผิดแผกแตกต่างจากดินแดนสามจังหวัดชายแดนใต้ขณะนี้ ที่ชาวไทยพุทธกำลังถูกไล่ล่า  ขับให้หนีไปจากแผ่นดิน ที่เขาคิดว่าควรเป็นแผ่นดินมุสลิมล้วน ๆ  ซึ่งนี่เป็นความเห็นแก่ตัว ๆ สร้างปัญหา  และเป้าหมายอันไม่มีทางจะเป็นจริงขึ้นมาได้เลย     ทำไมไทยมุสลิมใต้ ไม่ทำอย่างเดียวกับชาวพุทธ  เป็นมิตร และให้สิทธิเท่าเทียม และไร้การกีดกัน    แผ่นดินจะได้สงบลง 

มองปัญหานี้ ประเด็นนี้ ให้ถ่องแท้ เข้าใจและรอบคอบ  ตามหลักการประชาธิปไตย   ก็จะค่อยแก้ปัญหาไปได้โดยสันติและเป็นธรรมแก่ชาวไทยพุทธ   และทั้งเป็นธรรมแก่ชาวไทยทุกศาสนิกชนในประเทศไทยใต้พระบรมโพธิสมภาร    

ความเห็นที่ 16 (3254587)

รัฐบาลไทยแทบทุกรัฐบาล ประกอบด้วยนักการเมืองส่วนใหญ่ที่สุด เป็นชาวพุทธ  เรียกได้ว่าประเทศพุทธ  รัฐบาลพุทธ   ได้โอบอุ้มมุสลิม 3 จังหวัดภาคใต้มาอย่างไม่รังเกียจเดียดฉันมาตลอด  และที่สำคัญได้ทุ่มเทงบประมาณลงไปอย่างมากมายมหาศาลมาก   ในแต่ละปี ๆ ทุ่มลงไปนับหมื่น ๆ ล้าน    ขณะที่อิสานทั้งภาค 19 จังหวัด  ยังคงไม่ค่อยได้รับการดูแลเอาใจใส่  พวกเขาก็ไม่ได้เคยนึกอิจฉาสามจังหวัดภาคใต้   

ทำไมมุสลิมใต้ จึงไม่รำลึกความดีของชาวพุทธในแง่นี้บ้าง ? 

และทำไมมุสลิมใต้ไม่คิดถึงหลักการประชาธิปไตย ในการบริหาร 3 จังหวัดชายแดนใต้ของตน   ในประเด็นสิทธิ และเสรีภาพอันเท่าเทียมกัน  และสิทธิในการปกครองที่ได้รับรองจากรัฐธรรมนูญทุกฉบับ  นั่นคือ  1 คน 1 เสียง   

มุสลิมในต่างจังหวัดทั่วประเทศ  มีไทยพุทธไหนรังแกข่มเหง  ให้เจ็บช้ำน้ำใจหรืออย่างไร  ????    แล้วทำไมจึงต้องขับไล่ชาวไทยพุทธออกจากดินแดนสามจังหวัดภาคใต้  

พระเจ้าอัลเลาะห์สั่ง   อย่างนั้นหรือ ??????

ถ้าพระเจ้าไม่สั่ง  ท่านก็ควรระงับแนวทางปฏิบัติอันคุกคามชาวพุทธในสามจังหวัดภาคใต้เสียเถิด   ไม่มีทางใดจะแก้ปัญหาได้นอกจากวิถีทางประชาธิปไตย   เริ่มบนพื้นฐานของสิทธิเสรีภาพของประชาชน  ไม่จำกัด ลัทธิ นิกาย ศาสนาใด   นี้แหละทางแก้ปัญหา   

  • ผู้แสดงความคิดเห็น ชาวพุทธ วันที่ตอบ 2010-10-09 20:18:10

ความเห็นที่ 17 (3254993)

สถานการณ์ทุกวันนี้  มุสลิมใต้ยิ่งทำอย่างเปิดเผย   แสดงตัวว่าแผ่นดินสามจังหวัดใต้  ไม่ต้อนรับชาวพุทธ    จงอพยพออกไป   เขาจะทำให้เป็นแดนอิสลามล้วน ๆ     กระแสข่าวสงฆ์ระบุชัดเจน   แม้กระทั่งสิทธิของนักบวชพุทธ  คือพระสงฆ์องค์เจ้า ที่จะออกบิณฑบาต อันเป็นกิจวัตรตามพระบรมพุทธบัญญัติ   ก็ไม่อาจจะกระทำได้อย่างแต่ก่อน   แม้ว่าจะต้องมีกองกำลังคุ้มครองออกบิณฑบาตร ก็ยังไม่ปลอดภัย   ...............................มุสลิมใต้ ทำเช่นนั้นไปทำไม  ??????   คิดว่าจะจบลงได้ด้วยวิธีการอย่างที่คิดและทำอยู่นั้นหรืออย่างไร  ???? 

จะให้เอาอกเอาใจไปถึงไหน  ?????? 

  • ผู้แสดงความคิดเห็น สุไหงปาดี ชินะกุล วันที่ตอบ 2010-10-12 19:45:41  

ความเห็นที่ 18 (3254994) 

เกลือจิ้มเกลือไปเลย......จะได้รู้สึกเสียบ้าง......

  • ผู้แสดงความคิดเห็น สุนาย วันที่ตอบ 2010-10-12 19:47:42  

ความเห็นที่ 19 (3255175) 

ประการแรก  เลิกล้ม พรบ.มุสลิมที่ออกมาใหม่เสีย   ไล่มุสลิมส่วนน้อยออกไปจากทุกจังหวัดของประเทศไทย   แล้วเคลื่อนพลชาวพุทธมหาศาล  ให้หลั่งไหลลงไปทางใต้   เอาพลอีสานก็ได้  ผมคนแรกเต็มใจไป  เอาไปสัก 3 ล้านคนก็พอ   ดูว่าแผ่นดิน3จว.พอแบ่งกันอยู่หรือไม่ .......  นี่แหละที่ผมว่า   เกลือจิ้มเกลือละ ......กำแหงมานานเหลือเกินแล้ว จะได้รู้สึกกันเสียบ้าง ว่าชาวพุทธใจร้อนเป็นเหมือนกันนะว้อย   .....

  • ผู้แสดงความคิดเห็น สุนาย วันที่ตอบ 2010-10-13 17:40:33    

ความเห็นที่ 20 (3255176)  

ที่จริงคนอีสานก็ไปตายที่นั่นอยู่ทุกวัน ๆ แล้ว   ก็ทหาร ตำรวจระดับล่าง ๆ  ที่คุมดูแล ล้วนเลือดเนื้อพี่น้องอีสานทั้งนั้น    ตายกันไปแล้วไม่รู้เท่าไร    อดจะไม่ได้แล้วนะ... 

  • ผู้แสดงความคิดเห็น อภิชัย ชัยกำภู วันที่ตอบ 2010-10-13 17:44:23  

ความเห็นที่ 21 (3255413)  

ไม่ตายได้อย่างไร  ในเมื่อกองทัพซื้อเครื่องจีที 200  ที่ตรวจวัตถุระเบิดไม่ได้ผล ชีวิตของทหารพวกนี้เจอทั้งผู้ก่อความไม่สงบ  และยังเจอความใจดำของผู้บังคับบัญชาระดับสูงอีก เมื่อไรชีวิตคนไทยถึงจะมีค่าเสียที เลิกยกย่องคนไม่ดีได้แล้ว  ทำไมจนป่านนี้สังคมไม่ตั้งคำถามกับกองทัพว่าใช้งบประมาณปีหนึ่งหลายแสนล้านบาท แต่ทำไมจึงแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ ทหารชั้นผู้น้อยไม่รู้สึกหรือว่าชีวิตคุณเหมือนอยู่บนเส้นด้ายทำอย่างนี้กับรั้วของชาติได้อย่างไร ? 

  • ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2010-10-15 09:06:13    

ความเห็นที่ 22 (3257242) 

     เห็นด้วยกับสุนาย   ........    ความคิดเยี่ยมมาก......   เอาด้วยคน......

  • ผู้แสดงความคิดเห็น ประชา ไทยเสรีชน วันที่ตอบ 2010-10-29 19:59:44   

ความเห็นที่ 23 (3257244)

เรื่องที่เป็นกิจเฉพาะของมุสลิมเอง เช่นการไปแสวงบุญที่เมกกะ   รัฐบาลก็ยังทุ่มงบประมาณช่วยเหลือทุกปี ๆ   โดยที่งบมาจากชาวพุทธทั้งประเทศด้วย  .......   น่าจะรำลึกความดีของชาวพุทธไทยบ้าง   แต่เปล่าเลย......  

  • ผู้แสดงความคิดเห็น ประชา ไทยเสรีชน วันที่ตอบ 2010-10-29 20:14:25

ความเห็นที่ 24 (3257301)

เดี๋ยวนี้ชาวพุทธทั้งหลายก็ยังคงมองมุสลิมว่าเป็นเพื่อนร่วมชาติ  เพื่อนที่รักชาติไทยเช่นเดียวกับชาวพุทธที่รักชาติ รักไทย  รักในหลวง............. และพร้อมที่จะให้อภัย  และพร้อมที่จะเข้าโอบอุ้ม   ทั้ง ๆ ที่ตนเอง ชาวพุทธถูกเอารัดเอาเปรียบทุกประการ   และที่สำคัญ มุสลิม 3 จังหวัดชายแดนใต้แสดงให้เห็นชัดเจนไปทุกที ว่าคิดไม่ซื่อตรง   แสดงออกถึงการเอารัดเอาเปรียบ  เห็นแก่ตัว  เห็นแก่ศาสนามุสลิมของตนฝ่ายเดียว    อาการว่าจะแยกตนเองเป็นแดนอิสระ  โดยวิธีที่ไม่เป็นธรรม  ไร้เหตุผล  และ ไม่เป็นประชาธิปไตย  ไม่สอดคล้องหลักการของสิทธิเสรีภาพของมนุษย์สากล บนโลกนี้   นั่นคือ ขับไล่ชาวพุทธออกไปจากถิ่นที่เคยอยู่เคยกินในดินแดนสามจังหวัดชายแดนใต้ ......

นี่คือแนวคิดที่สอดคล้องแนวคิดอาฟกานิสถาน  ตอนที่ถล่มพระพุทธรูปขนาดสูงใหญ่ที่สุดในโลก ที่หน้าผาบาบียัน ปีนั้น   เรียกว่าแนวคิดมุสลิมบริสุทธิ์    ให้มีแต่คนมุสลิมล้วน ๆ  เป็น   มุสลิมบริสุทธิ์......  แล้วจะนำแนวคิดนี้มาใช้ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้  ซึ่งเป็นดินแดนไทย  เป็นประเทศไทย   .......และประเทศไทยนี้ได้รับรองการมีสิทธิเสมอกันของพลเมืองเอาไว้ถ้วนหน้า  ไม่จำกัดศาสนา    ...........   อันเป็นเยี่ยงอย่างเดียวกับประเทศที่เจริญแล้วทั้งหลายในโลก       ฉะนั้น  ชาวไทยชาวพุทธจึงมิได้มีความรังเกียจคน  ชนส่วนน้อย  หรือศาสนิกชนคนส่วนน้อยในประเทศนี้    จึงได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ  อันมีผลคุ้มครองคนไทยทุกศาสนา   ไม่มีเงื่อนไขเกี่ยวกับจำนวน  คนส่วนน้อยส่วนใหญ่ต่างได้รับการคุ้มครองซึ่งสิทธิและเสรีภาพ เสมอเท่าเทียมกันหมด   และศาสนิกแห่งศาสนาอื่น  รวมทั้งมุสลิม จึงมีโอกาสเผยแผ่ศาสนาของตน  คริส  อิสลาม  ฯลฯ ไปยังจังหวัดต่าง ๆ  ท่ามกลางชาวพุทธส่วนใหญ่ของจังหวัดและประเทศนี้    ได้อย่างเสรี และทั้งมีสิทธิ์ทุกประการเท่า ๆ กับชาวพุทธซึ่งมีจำนวนกว่า 90 %  ของคนในประเทศนี้  

นั่นคือสิทธิตามแนวทางของระบอบการปกครองโดยประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย   ซึ่งโดยระบอบนี้ เรื่องสิทธิเสรีภาพรัฐธรรมนูญต้องรับรองไว้    และรัฐธรรมนูญไทยทุกฉบับได้รับรองเอาไว้    และนั่นหมายถึงมุสลิมไทยก็มีสิทธิ์ทุกอย่างโดยสมบูรณ์  เท่าเทียมกับสิทธิของประชาชนชาวพุทธที่เป็นชนส่วนใหญ่ของประเทศ

ที่สำคัญ .....  สิทธิเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย..........  สิทธิเสรีภาพในการเดินทาง การเลือกถิ่นที่อยู่ภายในราชอาณาจักร   ........   สิทธิเสรีภาพในเคหะสถานของตน  ทรัพย์สินของตนที่หามาได้   ........     ฯลฯ      ซึ่งด้วยเหตุนี้    จึงมีมุสลิมแทรกไปอยู่ยังแผ่นดินไทยทั่วทุกหัวระแหง    แม้ว่ามีอยู่เพียง 2-3 คน หรือครอบครัว  ท่ามกลางชาวพุทธที่หนาแน่น  ก็อยู่ได้อย่างมีความสุข   ไม่มีชาวพุทธคนใดรังแกชาวมุสลิมเลย    ............

มีหลายแห่งที่มุสลิมในบางจังหวัด   มีความเป็นอยู่ร่ำรวย ท่ามกลางความยากจนของชาวพุทธ ๆ  ก็ไม่ได้อิจฉาริษยาโกรธแค้น   ......   มีบางจังหวัด  มีมุสลิมอยู่เพียงครอบครัวเดียว   แต่สามารถเปิดเสียงสวดอ้อนวอนพระเจ้าของตนได้ทุกเช้าดึกดื่น  ........   น่าหนวกหู   แต่ชาวพุทธก็ไม่ว่าอะไร    ..........     ชาวพุทธประชาธิปไตยรับได้  และเคารพในสิทธิของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย  ถึงแม้ว่าจะละเมิดสิทธิของศาสนิกอืนไปบ้างเขาก็ให้อภัยแด่มุสลิมส่วนน้อยนั้น ..........  นั่นคือความรักในมนุษย์ด้วยกัน

แต่ทำไม   มุสลิม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้   จึงไม่เคารพสิทธิของชาวพุทธ  ........   เช่นเดียวกับที่ชาวพุทธเคารพในสิทธิของมุสลิม......  ท่านจะอ้างว่า เพราะมุสลิมย่อมบริสุทธิ์  .....   ในแผ่นดินมุสลิม  ย่อมไม่มีศาสนิกอื่นเจือปน....  และยกตนว่าเป็นเชื้อสายของพระเจ้าผู้สูงสุด  ชนเผ่าอื่นเป็นเผ่าอัปปรีย์จัญไร  เป็นผู้ทรยศต่อพระเจ้า  เป็น มุนาฟิกส์  .....ต้องขจัด ล้างเสียอย่าให้ปนในแผ่นดินชาวมุสลิม.....  อย่างนั้นหรือ......     นั่นเป็นความเห็นแก่ตัวอย่างที่สุด     และเป็นความคิดล้าหลังอย่างที่สุดเช่นเดียวกัน 

การไล่ชาวพุทธออกไปจากแผ่นดินใต้  ล่าสุด  มีรายงานในหนังสือพิมพ์กรณีที่ชัดเจนก็คือ  เหตุเกิดที่ หมู่บ้านฮุแตยืลอ  หมู่ 6 ต.บาเร๊ะใต้  อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส   มีผู้ร้ายไม่ต่ำกว่า 10 คน บุกเข้าไปใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 จ่อยิงชาวบ้านไทยพุทธ  ซึ่งเป้นกลุ่มที่เหลืออยู่กลุ่มสุดท้าย เพราะตั้งมั่นไม่ยอมอพยพไปจากถิ่นที่อยู่ที่เคยทำมาหากินมาแต่บรรพบุรุษพุทธของเขา  เป็นผลให้ไทยพุทธเสียชีวิตไป ศพ  ดังนี้

1.   นายชื่น  คงเพชร  อายุ 83  ปี  บิดา
2.    นางห้อง คงเพชร  อายุ 76 ปี  มารดา
3.    นางสมศรี  บุญทอง  บุตรสาว อายุ 58 ปี
4.    นายเจริญศิลป์  บุญทอง   ลูกเขย  อายุ 47 ปี   

เสียชีวิตพร้อมกัน ด้วยอำนาจปืนของคนมุสลิมใต้     เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2553    แล้ววางเพลิงเผาบ้าน 3 หลังเหลือแต่เสาเรือน และเถ้าถ่าน  ยังเหลือคนไทยพุทธในครอบครัวนี้ 3 ชีวิต ที่ยังอยู่ ไม่ยอมอพยพ คือ

1.   น.ส.ศิริลักษณ์  ระเบียบธรรม  ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ศาลจังหวัดเบตง
2.   น.ส.สินีนาถ ระเบียบธรรม อายุ 28 ปี เป็นครูอัตราจ้าง ในโรงเรียนนราธิวาส
3.    นายวงศ์ศักดิ์ บุญทอง  อายุ 17 ปี  ยังอยู่ ม.5 รร.นราธิวาส

(ข่าวมติชนรายวัน 24 ก.ย. 2553 หน้า 15)

ถามมุสลิมใต้ว่า  ยังมีชาวพุทธเหลืออยู่ 3 คน ในหมู่บ้านนั้น   มุสลิมจะทำอะไรต่อไป  ????. 

  • ผู้แสดงความคิดเห็น สุไหงปาดี ชินะกุล วันที่ตอบ 2010-10-30 14:01:53    

ความเห็นที่ 25 (3257396) 

ถ้าคุณต้องการอิสลามบริสุทธิ์โดยต้องไม่มีศาสนิกอื่นเจือปนเลย   คุณก็ต้องฆ่าอีก 3 คนให้ตายไป  หมู่บ้านนั้นก็จะปลอดจากชนเผ่าอัปรีย์นอกศาสนาอิสลาม   เป็นหมู่บ้าน  อิสลามบริสุทธิ์     อย่างนั้นหรือ  ????    

ความเห็นที่ 26 (3257400)

มุสลิมมีสิทธิในการฆ่าคนหรือ????    

มุสลิมได้สิทธินั้นมาจากไหน  ????   

  • ผู้แสดงความคิดเห็น นายประชาธิปไตย วันที่ตอบ 2010-10-31 20:21:21

ความเห็นที่ 27 (3258273)

เดินเรื่องเลยครับ  แผนการมีอะไรบอกมาเลย 

  • ผู้แสดงความคิดเห็น สุพร อ่อนราย วันที่ตอบ 2010-11-07 20:16:19    

ความเห็นที่ 28 (3274642)

ตามหลักประชาธิปไตยแล้ว   สามจังหวัดชายแดนใต้เป็นแผ่นดินไทย  ที่พลเมืองไทยทุกคนมีสิทธิที่จะเข้าไปอยู่อาศัยได้   

เช่นเดียวกับจังหวัดอื่น หรือ  ผืนแผ่นดินไทยทั้งสิ้นนี้  ประชาชนพลเมืองไทย ไม่จำกัดศาสนา   แม้มุสลิม  ก็มีสิทธิเข้าไปอยู่ได้..........................นี่เป็นสิทธิของพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย 

เราจงมุ่งลงใต้กันเถอะ....................................... สามจังหวัดภาคใต้กำลังเป็นแผ่นดินร้าง   นาไม่มีคนทำ  สวนยางไม่มีคนกรีด     เหนือและอีสานค่อนข้างยัดเยียดและคับคั่งแล้ว      เราจงมุ่งแดนใต้สุดกันเถิด     ตามสิทธิของระบอบการปกครองที่โลกยอมรับกัน  และประเทศไทยยอมรับหลักการประชาธิปไตยข้อนี้อยู่แล้ว   

  • ผู้แสดงความคิดเห็น สุไหงปาดี ชินะกุล วันที่ตอบ 2010-11-25 19:00:50   

ความเห็นที่ 29 (3286494) 

ทุกวันนี้คนไทยเป็นเหมือนประชาชนชั้นสองไม่ใช่เจ้าของประเทศแล้ว คนพุทธทำผิดติดคุก คนมุสลิมทำผิดไม่กล้าจับ สถานที่ต่างๆทำไมต้องทำห้องละมาสให้มุสลิม ประเทศมุสลิมไม่เห็นทำอะไรพิเศษให้ศาสนาอื่นๆเลย เพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงหนังก็ต้องแยกฉากพิเศษให้มุสลิม ทำไม หากมุสลิมต้องการเสมอภาคก็ทำตัวให้เสมือนคนไทยเชื้อสายจีน ลาว ฮินดู ที่เขาไม่ได้เรียกร้องอะไรพิเศษนอกบ้านของตัวเอง 

  • ผู้แสดงความคิดเห็น คนไร้พรมแดน วันที่ตอบ 2011-03-02 19:28:14    

ความเห็นที่ 30 (3286495)  

คนไทยควรรักความเป็นไทย ไม่ใช้เชื้อชาติศาสนามาแบ่งแยก มุสลิมควรเลิกคิดว่าพวกตัวเหนือกว่าเผ่าพันธ์อื่น ไม่งั้นจะเหมือนฮิตเล่อร์ที่คิดว่าอารยันเหนือกว่าทุกเผ่าในโลก ยิ่งพยายามให้อภิสิทธิ์มุสลิมมากเท่าไรคนไทยเชื้อสายอื่นก็ยิ่งหมั่นไส้มุสลิม ควรหันมาทำกับมุสลิมไทยเหมือนไทยเชื้อสายอื่น ผิดก็ติดคุก แต่ไม่กินหมูเราก็ไม่ว่า ใช้ห้องน้ำห้องท่าร้านอาหารเดียวกับคนไทยทั่วไป ไม่กีดกันคนไทยเชื้อสายอื่นด้วยการทำตัวผิดแผกแบ่งแยก ขนบธรรมเนียมประเพณีดีๆก็เก็บไว้ในบ้านอย่ามาเรียกร้องให้สังคมต้องจัดหาอะไรให้เป็นพิเศษ 

  • ผู้แสดงความคิดเห็น คนไทยไร้พรมแดน วันที่ตอบ 2011-03-02 19:41:16    

ความเห็นที่ 31 (3286559) 

ผมเห็นด้วยกลับคุณคนไทยไร้พรมแดนจากคนไทยพรัดถิ่นสวรรค์ในอกนรกอยู่ในใจครับผิดชอบชั่วดีอยู่ที่คน 

  • ผู้แสดงความคิดเห็น คนไทยพรัดถิ่น วันที่ตอบ 2011-03-03 09:55:29    

ความเห็นที่ 32 (3286590)  

มีข่าววงในหรือวงนอกไม่ทราบได้ว่า ชาวมุสลิมได้รับการบอกกล่าวให้สวมหมวกสวมผ้าคลุมเพื่อหลีกเลี่ยงลูกหลงเวลามีการใช้ความรุนแรง เราจึงเห็นคนมุสลิมสวมใส่กันมากขึนตั้งแต่ปี 2545-46 ในขณะที่หลายประเทศทั้งยุโรปและอเมริกาไม่อนุญาตให้มุสลิมคลุมหน้าแล้วเพื่อป้องกันการก่อจรากรรม แต่ประเทศไทยยังเห็นแก่ได้ กลัวอาหรับมุสลิมไม่มาเที่ยว ยอมให้คนไทยทั้งประเทศต้องเสี่ยงกับการไม่รู้ว่าภายใต้ผ้าคลุมนั้นเป็นโจรหรือไม่ คนไทยไปธนาคารก็สวมหมวกกันนอกสวมหน้ากากมอเตอร์ไซด์ไม่ได้ แต่มุสลิมคลุมทั้งหน้าไม่มีใครว่า หรือต้องรอให้พวกนี้หยิบระเบิดหยิบปืนขึ้นมาปล้นก่อน หรือโจรอาจนำไปใช้เป็นเทคนิคการปลอมตัวแบบหนึ่งก็ได้ ข่าววงรอบอีกเหมือนกันที่ชี้แจงว่าเป็นเช่นนี้ได้เพราะมุสลิมเข้าไปแฝงตัวในทุกชนชั้น ทุกวงการ มีนักธุรกิจ นักการเมือง นักแสดง ข้าราชการ แม้แต่ผู้บัญชาการทหารสูงสุดก็เคยเป็น หากดูสถิติจะพบว่า ข้าราชการและผู้บริหารตลอดจน สส ในสภามีมุสลิมเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าเสื้อแดงเสื้อเหลืองต่างรุมกันแย่งฐานเสียงภาคใต้ทั้งนั้น คนอีสานเองก็แต่งกับมุสลิมมากขึ้น ว่ากันว่าเป็นแผนแปลงศาสนา เหมือนที่เคยทำกับคนผิวดำในอเมริกาสำเร็จมาแล้ว ทั่วโลกและหลายคนในไทยเล็งเห็นแต่ไม่กล้าพูดเพราะนโยบาย สมานฉันท์ มาปิดปากไว้  

  • ผู้แสดงความคิดเห็น คนไทยไร้พรมแดน วันที่ตอบ 2011-03-03 12:25:30

 

 

 

 

 

   

6.2  MUSLIM 2 จากเฟสบุ๊ค 
www.facebook.com phayap panyatharo
 

 กรณีที่ 1 ทหารพรานไทยยิงต่อสู้โจรมุสลิมนราธิวาส จับโจรมุสลิมได้ 7 คนไว้ชีวิต 

28 มิถุนายน 2013 · (2556)   

Thai Thahan Prans [The hunters] in Narathivas [1 of the 3 muslim provinces in Thailand] fired with a muslim guerilla group in a village morning of July 28,2013[2556]. One of Thai soldier hurted with a little wound in his shouldier. But they could seized 7 muslim guerillas with weapons in hand. No-one died. There were the other guerillas escaped, one of them was the most wanted. Thai soldiers have had mercy on those muslim guerillas for forgiving their lives not to kill them all by the right to kill in the battle. It is a great noble heart that I myself never see from the side of muslims. I have seen the muslims bombed and then with their gun touching the head of Thai soldiers who had been wounded by the bomb and fired to be sure of death. Those cruel muslims. So these Thai soldiers are the real heroes. The real fighters for the world peace. Give your hands for them. 



ทหารพรานไทย(หน่วยล่าสังหาร)ในนราธิวาส (จังหวัดมุสลิม 1 ใน 3 ของไทย) ได้เปิดการยิงขึ้นกับกองโจรมุสลิมในหมู่บ้านหนึ่งของจังหวัดนราธิวาส ในเช้าวันที่ 28 มิถุนายน 2556 ทหารไทยได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่บ่าไหล่ 1 คน แต่สามารถจับกุมโจรมุสลิมก่อการร้ายได้ถึง 7 คนพร้อมอาวุธในมือ ไม่มีคนตายแม้แต่คนเดียว มีพวกโจรหลายคนได้หลบหนีไปได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นคนที่ทางรัฐบาลต้องการตัวที่สุด ทหารไทยได้แสดงให้เห็นถึงความเมตตาปรานีต่อโจรก่อการร้ายมุสลิม ด้วยการไว้ชีวิต ให้อภัยไม่เอาชีวิตพวกเขา ทั้ง ๆ ที่พวกเขามีสิทธิที่จะฆ่าทิ้งเสียทุกคนในขณะที่มีการต่อสู้กันด้วยอาวุธสงคราม มันเป็นจิตใจที่สูงส่งและยิ่งใหญ่มากที่ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นจากฝ่ายโจรมุสลิม ข้าพเจ้าเคยเห็นแต่ความเหี้ยมโหดของโจรมุสลิม ที่พวกเขาเข้ามายิงซ้ำจ่อหัวทหารไทยที่บาดเจ็บอยู่เพราะแรงระเบิดเพื่อฆ่าให้ตายอย่างสนิท ฉะนั้น นี่คือทหารไทย พวกเขาคือวีรบุรุษตัวจริง นักสู้ที่แท้จริงเพื่อสันติภาพของโลก จงปรบมือให้พวกเขาซี.  

 The muslim guerilla is coward because they kill the old women who was weak. They kill the teachers and burned the schools leaving the children uneducated. They kill the buddhist monks. Muslim ever killed so many buddhist monks in India at Nalanta University 1,000 years ago. It seems muslim knows not of modern education. I mean muslim lacks sciense and technology. Because in the Book of God[AlKurra-an] has not written of science and technology. Their God does not know science and technology so He does not teach science and technology in the Book. That is againse modern age. It has gone backwards.  

ผู้ก่อการร้ายมุสลิมล้วนขี้ขลาด เพราะพวกมันฆ่าหญิงแก่ผู้อ่อนแอ พวกมันฆ่าครูไปหลาย ๆ คนและเผาโรงเรียนหลาย ๆ โรงเรียน ทิ้งให้เด็ก ๆ ไร้การศึกษา พวกมันฆ่าพระภิกษุในศาสนาพุทธไปมากมายหลายรูป มุสลิมเคยฆ่าภิกษุในพระพุทธศาสนาไปมากมายในประเทศอินเดีย ที่มหาวิทยาลัยนาลันทา เมื่อ 1000 ปีก่อน มันดูเหมือนว่ามุสลิมไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการศึกษาสมัยใหม่ ข้าพเจ้าหมายถึง มุสลิมขาดการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก็เพราะในพระมหาคัมภีร์ อัลกุร-อาน ไม่ได้เขียนเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเอาไว้ พระเจ้าของพวกเขาไม่มีความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉะนั้นพระเจ้าจึงไม่ได้สอนเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี่เอาไว้ในพระคัมภีร์ สิ่งนี้ทำให้ต้านทานกับยุคใหม่ ทำให้ประชาชนล้าหลัง

 

 

6.3  MUSLIM 3  What is science? God's reliability?  

29 มิถุนายน 2013 เวลา 0:54 น.    

Phayap Panyatharo What is science I mean it could be proved. What is not able to be proved it is unreliable. For example god built the world in 6 days, the seventh day god rested. Could you prove the words.  

อะไรเป็นวิทยาศาสตร์ ข้าพเจ้าหมายถึงว่า มันสามารถพิศูจน์ได้ อะไรที่ไม่สามารถพิศูจน์ได้ มันย่อมเชื่อถือไม่ได้อยู่ดี ตัวอย่างนะครับ พระเจ้าสร้างโลกของเราขึ้นภายใน 6 วัน วันที่ 7 พระองค์ทรงพักผ่อน คุณสามารถพิศูจน์ถ้อยคำเหล่านี้ได้หรือ?   

9 กรกฎาคม 2013 เวลา 17:21 น. · มีการแก้ไข ·ถูกใจ · 1 

Phayap Panyatharo And when god tell you to kill a child who know nothing of his own destiny, to kill an old woman who was so weak to escape from a cruel death, to kill many buddhist monks who were hearted with merciness, could you prove god's reliability? 

 เมื่อพระเจ้าสั่งคุณให้ไปฆ่าเด็กเล็ก ๆ ผู้ยังไม่รู้อะไรในชะตากรรมตัวเองเลย  ให้ไปฆ่าหญิงชราผู้อ่อนแอเกินกว่าจะแล่นหนีไปจากความตายอันเหี้ยมโหด ให้ไปฆ่าพระภิกษุในพุทธศาสนาหลายรูปผู้ซึ่งในหัวใจมีแต่ความเมตตาล้วน ๆ คุณได้พิศูจน์แล้วหรือยังว่าพระเจ้าเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ? 

 

 

 

 

6.4  MUSLIM 4  จากไลน์กลุ่มการศึกษาไร้พรมแดน 

 

ฮาลาล   

ตอบมาแล้ว เรื่องฮาลาล ที่กลุ่มพุทธพลังแผ่นดิน นำโดยท่าน ดร.จรูญ วรรณกสิณานนท์ ขอความร่วมมือไป ยังองค์การชาติใหญ่ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ.......คำตอบมาโดยนางภิรมย์ ศรีประเสริฐ เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  ตอบมาว่า  มีมติให้ยุติเรื่อง................นั่นแหละ  คือคำตอบ  มองได้ว่า  คนพวกนี้ไม่มีความเข้าใจอะไรทั้งนั้น   เหตุผลที่อ้างมา ก็เป็นเรื่องสมมติเอา ทั้งนั้น โดยว่าไปให้ถูกตรรกะ    และน่าจะเห็นได้ว่า   พวกเขาให้คนอิสลามเขียนเรื่อง ที่ตอบกลุ่มพุทธพลังแผ่นดินมา ....แล้วก็เซนต์ชื่อลงไป   แล้วส่งมาให้ทางกลุ่มพุทธพลังแผ่นดิน  ..........    เท่านั้นเองจริง ๆ   ..............  เอาละ   เหตุผลที่ว่าด้วย   การบัญญัติว่าพวกพระมุสลิม ไม่ใช่นักบวช  นั้น ขัดรัฐธรรมนูญ   คนพวกนี้เข้าใจหรือไม่ ?   ไม่เข้าใจ   ..............    และไม่คิดฟัง  ไม่คิด มองดูความเป็ฯธรรมให้แม้แก่ชาวพุทธของประเทศนี้   เพราะอะไร ?   นี่แหละที่จะต้องช่วยกันติดตามดูว่าคณะกรรมการเหล่านี้ เขาทำอะไร ?  แม้แต่จะส่งคนมาประสานงาน ขอข้อมูล  ปรึกษาเชิงธรรมะกับชาวพุทธ  ก็ไม่ทำ      เพราะอะไร ?   เพราะขี้เกียจ และไม่เห็นว่าเรื่องที่เราเสนอไปจะมีความหมายอะไร   นั้นเอง    จะเป็นเหมือน คริสต์ ที่ปกครองเวียดนามยุคนั้น  ยุคโงดินห์เดียม หรือไม่ ?   เพราะพวกบน ๆ ที่มีอำนาจทางการปกครอง นั้น  เป็นทาสผู้รับใช้ต่างศาสนา ไม่เห็นความเดือดร้อนของชาวพุทธ   เลยเกิดจลาจลกันขึ้นครั้งใหญ่  ที่เกิดประวัติศาสตร์อันโหดเหี้ยม เลวร้ายของศาสนาคริสต์(โดยการสั่งการลงมาแต่วาติกันโดยตรง) ต่อชนชาวพุทธเวียดนาม  ที่จารึกให้เห็นภาพจริง ๆ มาจนถึงทุกวันนี้(โดยคลิปวีดิโอ บันทึกเหตุการณ์อันเหี้ยมโหดคราวนั้น)    ที่สุด  ฝ่ายปกครองทาสของคริสต์ศาสนา วาติกัน  พ่ายแพ้แก่ปวงชนชาวพุทธ  ล้มหายตายไปอย่างน่าอน็จอนาถ  และศาสนาคริสต์หายไปจากเวียดนาม  จนน่าจะ  ชั่วนิรันดรไปเลย   .....ไทย  ก็ผ่านเหตุการณ์มาหลายครั้ง  โดยเฉพาะยุคพระนารายณ์มหาราช อยุธยา และล่าสุด  ยุค ค.ศ. 2000(พ.ศ.2543) ที่วาติกันสั่งลงมาให้เอาไทยเป็นเมืองขึ้นของคริสต์ฺให้ได้   ก็ผ่านไปแล้ว  ที่วาติกันสั่งลงมาแบบสั่งการในเวียดนามนั่นเอง  มาเวลานี้ ก็มีอิสลาม นี่แหละ  สั่งการลงมาจากเบื้องบนของเขา  ...และใช้เล่ห์ ชั้นเชิงทางกฎหมาย และเศรษฐกิจมาประกอบ   จะให้ออกกฎหมายอิสลาม  ให้คนอิสลามในประเทศไทย ไม่ต้องขึ้นต่อกฎหมายไทย  แต่เมื่อมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับคนมุสลิม อิสลาม ให้ใช้กฎหมายอิสลาม  ... อาจจะเป็นเช่นนี้ก็ได้  เพราะคนฝ่ายปกครองไทย ไม่เข้าใจ นั่นเอง....เช่นกรณีปัจจุบันนี้ ....แต่เอาละ  ตอบมาเหมือนกันหมดทุกสถาบัน  ก็ตาม   ชาวพุทธต้องไม่หยุด   ไม่หยุดเลย ......เพราะเราไม่มีเหตุผลอะไรที่จะหยุด  มีแต่พวกที่ผิดไป  จะต้องมาถึงวันหยุดลงเองจนได้วันหนึ่ง   และวันนั้น  ไทย   ไม่มีมุสลิมแบบนี้  อีกต่อไป  มีแต่พุทธล้วน ๆ .........พระครูพุทธิพงศานุวัตรตอบมาแล้ว เรื่องฮาลาล ที่กลุ่มพุทธพลังแผ่นดิน นำโดยท่าน ดร.จรูญ วรรณกสิณานนท์ ขอความร่วมมือไป ยังองค์การชาติใหญ่ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ.......คำตอบมาโดยนางภิรมย์ ศรีประเสริฐ เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  ตอบมาว่า  มีมติให้ยุติเรื่อง................นั่นแหละ  คือคำตอบ  มองได้ว่า  คนพวกนี้ไม่มีความเข้าใจอะไรทั้งนั้น   เหตุผลที่อ้างมา ก็เป็นเรื่องสมมติเอา ทั้งนั้น โดยว่าไปให้ถูกตรรกะ    และน่าจะเห็นได้ว่า   พวกเขาให้คนอิสลามเขียนเรื่อง ที่ตอบกลุ่มพุทธพลังแผ่นดินมา ....แล้วก็เซนต์ชื่อลงไป   แล้วส่งมาให้ทางกลุ่มพุทธพลังแผ่นดิน  ..........    เท่านั้นเองจริง ๆ   ..............  เอาละ   เหตุผลที่ว่าด้วย   การบัญญัติว่าพวกพระมุสลิม ไม่ใช่นักบวช  นั้น ขัดรัฐธรรมนูญ   คนพวกนี้เข้าใจหรือไม่ ?   ไม่เข้าใจ   ..............    และไม่คิดฟัง  ไม่คด มองดูความเป็ฯธรรมให้แม้แก่ชาวพุทธของประเทศนี้   เพราะอะไร ?   นี่แหละที่จะต้องช่วยกันติดตามดูว่าคณะกรรมการเหล่านี้ เขาทำอะไร ?  แม้แต่จะสน่งคนมาประสานงาน ขอข้อมูล  ปรึกษาเชิงธรรมะกับชาวพุทธ  ก็ไม่ทำ      เพราะอะไร ?   เพราะขี้เกียจ และไม่เห็ฯว่าเรื่องที่เราเสนอไปจะมีความหมายอะไร   นั้นเอง    จะเป็นเหมือน คริสต์ ที่ปกครองเวียดนามยุคนั้น  ยุคโงดินห์เดียม หรือไม่   เพราะพวกบน ๆ นั้นไม่เห็นความเดือดร้อนของชาวพุทธ   เลยเกิดจลาจลกันขึ้นครั้งใหญ่  ที่สุด  ฝ่ายปกครองล้มหายตายไปอย่างน่าอน็จอนาถ   .....ไทย   อาจจะเป้ฯเช่นนี้ก็ได้  ........แต่เอาละ  ตอบมาเหมือนกันหมดทุกสถาบัน  ก็ตาม   ชาวพุทธต้องไม่หยุด   ไม่หยุดเลย ......เพราะเราไม่มีเหตุผลอะไรที่จะหยุด  มีแต่พวกที่ผิดไป  จะต้องมาถึงวันหยุดลงเองจนได้วันหนึ่ง   และวันนั้น  ไทย   ไม่มีมุสลิมแบบนี้  อีกต่อไป  มีแต่พุทธล้วน ๆ .........พระครูพุทธิพงศานุวัตรตอบมาแล้ว เรื่องฮาลาล ที่กลุ่มพุทธพลังแผ่นดิน นำโดยท่าน ดร.จรูญ วรรณกสิณานนท์ ขอความร่วมมือไป ยังองค์การชาติใหญ่ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ.......คำตอบมาโดยนางภิรมย์ ศรีประเสริฐ เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  ตอบมาว่า  มีมติให้ยุติเรื่อง................นั่นแหละ  คือคำตอบ  มองได้ว่า  คนพวกนี้ไม่มีความเข้าใจอะไรทั้งนั้น   เหตุผลที่อ้างมา ก็เป็นเรื่องสมมติเอา ทั้งนั้น โดยว่าไปให้ถูกตรรกะ    และน่าจะเห็นได้ว่า   พวกเขาให้คนอิสลามเขียนเรื่อง ที่ตอบกลุ่มพุทธพลังแผ่นดินมา ....แล้วก็เซนต์ชื่อลงไป   แล้วส่งมาให้ทางกลุ่มพุทธพลังแผ่นดิน  ..........    เท่านั้นเองจริง ๆ   ..............  เอาละ   เหตุผลที่ว่าด้วย   การบัญญัติว่าพวกพระมุสลิม ไม่ใช่นักบวช  นั้น ขัดรัฐธรรมนูญ   คนพวกนี้เข้าใจหรือไม่ ?   ไม่เข้าใจ   ..............    และไม่คิดฟัง  ไม่คด มองดูความเป็ฯธรรมให้แม้แก่ชาวพุทธของประเทศนี้   เพราะอะไร ?   นี่แหละที่จะต้องช่วยกันติดตามดูว่าคณะกรรมการเหล่านี้ เขาทำอะไร ?  แม้แต่จะสน่งคนมาประสานงาน ขอข้อมูล  ปรึกษาเชิงธรรมะกับชาวพุทธ  ก็ไม่ทำ      เพราะอะไร ?   เพราะขี้เกียจ และไม่เห็ฯว่าเรื่องที่เราเสนอไปจะมีความหมายอะไร   นั้นเอง    จะเป็นเหมือน คริสต์ ที่ปกครองเวียดนามยุคนั้น  ยุคโงดินห์เดียม หรือไม่   เพราะพวกบน ๆ นั้นไม่เห็นความเดือดร้อนของชาวพุทธ   เลยเกิดจลาจลกันขึ้นครั้งใหญ่  ที่สุด  ฝ่ายปกครองล้มหายตายไปอย่างน่าอน็จอนาถ   .....ไทย   อาจจะเป้ฯเช่นนี้ก็ได้  ........แต่เอาละ  ตอบมาเหมือนกันหมดทุกสถาบัน  ก็ตาม   ชาวพุทธต้องไม่หยุด   ไม่หยุดเลย ......เพราะเราไม่มีเหตุผลอะไรที่จะหยุด  มีแต่พวกที่ผิดไป  จะต้องมาถึงวันหยุดลงเองจนได้วันหนึ่ง   และวันนั้น  ไทย   ไม่มีมุสลิมแบบนี้  อีกต่อไป  มีแต่พุทธล้วน ๆ .........พระครูพุทธิพงศานุวัตรตอบมาแล้ว เรื่องฮาลาล ที่กลุ่มพุทธพลังแผ่นดิน นำโดยท่าน ดร.จรูญ วรรณกสิณานนท์ ขอความร่วมมือไป ยังองค์การชาติใหญ่ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ.......คำตอบมาโดยนางภิรมย์ ศรีประเสริฐ เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  ตอบมาว่า  มีมติให้ยุติเรื่อง................นั่นแหละ  คือคำตอบ  มองได้ว่า  คนพวกนี้ไม่มีความเข้าใจอะไรทั้งนั้น   เหตุผลที่อ้างมา ก็เป็นเรื่องสมมติเอา ทั้งนั้น โดยว่าไปให้ถูกตรรกะ    และน่าจะเห็นได้ว่า   พวกเขาให้คนอิสลามเขียนเรื่อง ที่ตอบกลุ่มพุทธพลังแผ่นดินมา ....แล้วก็เซนต์ชื่อลงไป   แล้วส่งมาให้ทางกลุ่มพุทธพลังแผ่นดิน  ..........    เท่านั้นเองจริง ๆ   ..............  เอาละ   เหตุผลที่ว่าด้วย   การบัญญัติว่าพวกพระมุสลิม ไม่ใช่นักบวช  นั้น ขัดรัฐธรรมนูญ   คนพวกนี้เข้าใจหรือไม่ ?   ไม่เข้าใจ   ..............    และไม่คิดฟัง  ไม่คด มองดูความเป็ฯธรรมให้แม้แก่ชาวพุทธของประเทศนี้   เพราะอะไร ?   นี่แหละที่จะต้องช่วยกันติดตามดูว่าคณะกรรมการเหล่านี้ เขาทำอะไร ?  แม้แต่จะสน่งคนมาประสานงาน ขอข้อมูล  ปรึกษาเชิงธรรมะกับชาวพุทธ  ก็ไม่ทำ      เพราะอะไร ?   เพราะขี้เกียจ และไม่เห็ฯว่าเรื่องที่เราเสนอไปจะมีความหมายอะไร   นั้นเอง    จะเป็นเหมือน คริสต์ ที่ปกครองเวียดนามยุคนั้น  ยุคโงดินห์เดียม หรือไม่   เพราะพวกบน ๆ นั้นไม่เห็นความเดือดร้อนของชาวพุทธ   เลยเกิดจลาจลกันขึ้นครั้งใหญ่  ที่สุด  ฝ่ายปกครองล้มหายตายไปอย่างน่าอน็จอนาถ   .....ไทย   อาจจะเป้ฯเช่นนี้ก็ได้  ........แต่เอาละ  ตอบมาเหมือนกันหมดทุกสถาบัน  ก็ตาม   ชาวพุทธต้องไม่หยุด   ไม่หยุดเลย ......เพราะเราไม่มีเหตุผลอะไรที่จะหยุด  มีแต่พวกที่ผิดไป  จะต้องมาถึงวันหยุดลงเองจนได้วันหนึ่ง   และวันนั้น  ไทย   ไม่มีมุสลิมแบบนี้  อีกต่อไป  มีแต่พุทธล้วน ๆ .........พระครูพุทธิพงศานุวัตรตอบมาแล้ว เรื่องฮาลาล ที่กลุ่มพุทธพลังแผ่นดิน นำโดยท่าน ดร.จรูญ วรรณกสิณานนท์ ขอความร่วมมือไป ยังองค์การชาติใหญ่ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ.......คำตอบมาโดยนางภิรมย์ ศรีประเสริฐ เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  ตอบมาว่า  มีมติให้ยุติเรื่อง................นั่นแหละ  คือคำตอบ  มองได้ว่า  คนพวกนี้ไม่มีความเข้าใจอะไรทั้งนั้น   เหตุผลที่อ้างมา ก็เป็นเรื่องสมมติเอา ทั้งนั้น โดยว่าไปให้ถูกตรรกะ    และน่าจะเห็นได้ว่า   พวกเขาให้คนอิสลามเขียนเรื่อง ที่ตอบกลุ่มพุทธพลังแผ่นดินมา ....แล้วก็เซนต์ชื่อลงไป   แล้วส่งมาให้ทางกลุ่มพุทธพลังแผ่นดิน  ..........    เท่านั้นเองจริง ๆ   ..............  เอาละ   เหตุผลที่ว่าด้วย   การบัญญัติว่าพวกพระมุสลิม ไม่ใช่นักบวช  นั้น ขัดรัฐธรรมนูญ   คนพวกนี้เข้าใจหรือไม่ ?   ไม่เข้าใจ   ..............    และไม่คิดฟัง  ไม่คด มองดูความเป็ฯธรรมให้แม้แก่ชาวพุทธของประเทศนี้   เพราะอะไร ?   นี่แหละที่จะต้องช่วยกันติดตามดูว่าคณะกรรมการเหล่านี้ เขาทำอะไร ?  แม้แต่จะสน่งคนมาประสานงาน ขอข้อมูล  ปรึกษาเชิงธรรมะกับชาวพุทธ  ก็ไม่ทำ      เพราะอะไร ?   เพราะขี้เกียจ และไม่เห็ฯว่าเรื่องที่เราเสนอไปจะมีความหมายอะไร   นั้นเอง    จะเป็นเหมือน คริสต์ ที่ปกครองเวียดนามยุคนั้น  ยุคโงดินห์เดียม หรือไม่   เพราะพวกบน ๆ นั้นไม่เห็นความเดือดร้อนของชาวพุทธ   เลยเกิดจลาจลกันขึ้นครั้งใหญ่  ที่สุด  ฝ่ายปกครองล้มหายตายไปอย่างน่าอน็จอนาถ   .....ไทย   อาจจะเป้ฯเช่นนี้ก็ได้  ........แต่เอาละ  ตอบมาเหมือนกันหมดทุกสถาบัน  ก็ตาม   ชาวพุทธต้องไม่หยุด   ไม่หยุดเลย ......เพราะเราไม่มีเหตุผลอะไรที่จะหยุด  มีแต่พวกที่ผิดไป  จะต้องมาถึงวันหยุดลงเองจนได้วันหนึ่ง   และวันนั้น  ไทย   ไม่มีมุสลิมแบบนี้  อีกต่อไป  มีแต่พุทธล้วน ๆ .........พระครูพุทธิพงศานุวัตร

 

 

 

 

6.5  MUSLIM 5 

           เรื่องมุสลิมที่เราบันทึกไว้เกี่ยวกับปัญหามุสลิมสุดโต่ง รวมถึงเบื้องหลังการเคลื่อนไหวของมุสลิมอพยพโรฮินยา จากพม่า (จากดีเล่มที่ 53)

6.6  MUSLIM 6 

โปรดทบทวน มุสลิม ประเด็นพิเศษ อัลกุรอานสั่งไว้ บทสุดท้าย ให้ล่าล้างคน3ประเภทให้หมดโลก คือ กาฟีร์ นัสรอนี และ ยะฮูดี ที่เคยลงไว้ก่อนแล้ว ใน ดี 53 โดยเพียงติดตามมไป โปรดคลิก

6.7  MUSLIM 7  โจรใต้ เคลื่อนพลโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐบาลพร้อมกัน 11 จุด ตายเจ็บนับร้อย  

 

 

 

 

7.  พุทธศาสนายุคใหม่

 พุทธศาสนายุคใหม่   

 

7.1.  ประเด็นธรรมะเพื่อมรรคผล นิพพาน จาก กลุ่มไลน์ กลุ่มการศึกษาไร้พรมแดน   

คำถาม  อะไรคือเห็นกายในกาย และ เห็นธรรมในธรรม ? 

คำตอบ  Phayap Panyatharo

2 ก.พ. 2561,10.00 น.

พบคำขอของคุณแม่ผ่องศรีแต่คืนวานนี้ ยังไม่ทันตอบ  คำถามที่เป็นเรื่องธรรมะโดยตรงและเป็นคำถามที่ไม่ค่อยมีเห็นใครถามใครเท่าไร  ทั้ง ๆ ที่เป็นประเด็นเรื่องสำคัญ เพราะอะไร ก็ทราบ ๆ อยู่   คำถามมีอย่างนี้............................................... ขอความเมตตาท่านพระอาจารย์พยับ โปรดอธิบาย เห็นกายในกาย เห็นธรรมในธรรม ให้เป็นธรรมทานด้วยค่ะ...............................ก็จะขอเข้าเรื่องเลย   มี 2  เรื่อง  คือ   1. เห็นกายในกาย  2.   เห็นธรรมในธรรม   จะขอสั้น ๆ ก่อนนะ     ข้อ 1  คำว่าเห็นกายในกาย   ......ทำความเข้าใจศัพท์คำว่า กาย ก่อน  ก็ง่าย ๆ  กาย นี้ ก็ตรงกับคำว่า สังขาร   ในบทธรรมบทแรกขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธัมมจักกัปปวัฒนะสูตร นั้นเอง  ที่ทรงเทศน์ครั้งแรกโปรดปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 รูป นั้นเอง......ตามนั้น   กายก็จะตรงกับความหมายของคำไทยว่า สังขาร  นั้นเอง  การเห็นกายในกาย  จะหมายถึงเห็นองค์ประกอบของกาย หรือองค์ประกอบของสังขาร นั้นเอง  ซึ่งโดยธัมมจักกัปปวัตนสูตร จะมีองค์ประกอบ 5 อย่าง  ก็ที่เรารู้กันว่า  ปัญจักขันธา หรือ ขันธ์ 5 นั้นเอง   เมื่อเรารู้ เราเห็นว่ากายเรามีองค์ประกอบด้วยปัญจักขันธา กอง5กอง ก็นั่นแหละ   เห็นกายในกายละ  ก็ท่านเห็นแล้วหรือยังล่ะ?   ปัญจักขันธา มีอะไรบ้าง ?    ก็มี  1. รูปักขันธา คือรูป2. เวทนากขันธา คือ เวทนา3. สัญญากขันธา สัญญา4. สังขารักขันธา การปรุงแต่งของกายและใจ,    และ5.  วิญญาณักขันธา  วิญญาณ หมายถึง ความรู้สึกทางฝ่ายประสาทสัมผัสต่าง ๆ (ไมใช่เป็นดวงวิญญาณล่องลอยไปนั้นไปนี้  ตายแล้วก็ออกจากกายไป อะไรนั้นแบบพวกพรามณ์คิด)   นี่แหละรวมกันเป็น กาย   และนอกจากนี้ยังมีการมองในเรื่อง ธาตุด้วย  กาย ประกอบขึ้นด้วยธาตุ 4  คือ  มี 1. ธาตุดิน, 2.  ธาตุน้ำ, 3.  ธาตุลม, และ 4. ธาตุไฟ   รวมทั้งหมด ที่เรา ผู้ศึกษาใฝ่ในมรรคผลขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จักพึงเข้าใจเรื่อง  เห็นกายในกาย  ก็มีสิ่งที่ควรเห็นเท่านี้ก็พอ  คือ  เห็น ขันธ์5 ธาตุ 4  เท่านี้ก็พอ (ไม่ต้องเห็นไปเยอะแยะแบบนายแพทย์ผ่าตัดท่านเห็นปานนั้น  ก็ได้ หรือจะเห็นไปขนาดนั้นก็ไม่เสียหายอะไร  นั่นแหละความหมายของคำว่า เห็นกายในกาย)  ต่อไป ข้อ 2  เห็นธรรมในธรรม คือเห็นอะไร ?    คำตอบก็คือ  เห็นธรรม นั้นเองละ   ไม่ใช่เห็นอะไรเลย.    ในที่นี้จะขออธิบายเรื่องเบื้องต้น เพื่อประโยชน์ในการศึกษาทำความเข้าใจพื้นฐานกันก่อน ก่อนจะไปเบื้องสูงต่อไปว่า   คำว่าธรรม ในที่นี้ มีความหมาย 2 อย่าง  1.  ธรรมหมายถึงธรรมชาติ,   และ  2.  ธรรมหมายถึงคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าส่วนที่เป็นบทธรรม (ไม่ไปคิดถึงเรื่อง พระวินัย  เพราะพระวินัยนั้น  เป็นกฎหมายพระ  ไม่ใช่คำสอนเพื่อบรรลุมรรคผลนิพพาน ในที่นี้เอาพระธรรมสถานเดียว)  การเห็นธรรมในธรรม นั้นก็คือ  เห็นธรรมชาติว่าเป็นธรรมชาติ  เห็นธรรมว่าเป็นธรรม นั้นเอง ...............ในเรื่องธรรมชาติ นั้น  ความหมายก็คือ  ธรรมชาติ แปลว่า  สรรพสิ่ง  คนเรายังไม่เห็นหรอกว่า  ธรรมชาติ นั้นเป็นสรรพสิ่งอย่างไร  ต่อเมื่อเห็นจึงจะเข้าใจ  และเป็นความเข้าใจสรรพสิ่ง คือ สิ่งทั้งหลายทั้งปวง เป็นเหตุเป็นผล   หรือ มีเหตุ มีผล มาจากธรรมชาติ  มีเหตุ หรือการเป็นไปเป็นมาจากธรรมชาติ ทั้งสิ้น (นี้เป็นสัมมาทิฏฐิที่รู้ ตามหลักมรรคแปดของพระพุทธองค์นั้นเอง  ไม่ใช่ไปเห็นอย่างอื่น  เช่นเห็นแบบมิจฉาทิฏฐิไปตามคำสอนมิจฉาทิฏฐิที่ว่าโลกเราและสรรพสิ่งในโลกเป็นผลมาจากความเมตตาของพระเจ้าอัลเลาะห์(ความเชื่อที่มิจฉาของพวกมุสลิม), หรือ พระเจ้ายะโฮวา(ความเชื่อที่มิจฉาของพวกคริสต(), ผู้ทรงเมตตาแด่มนุษย์, ผู้ทรงสร้างโลกและสรรพสิ่งให้มนุษย์อยู่แม้มนุษย์คนแรกพระองค์ก็ทรงสร้างขึ้นอันเป็นผลให้ พระเจ้าเป็นนายมนุษย์ มีบุญคุณที่มนุษย์ใช้ทดแทนไม่รู้จักจบสิ้นซึ่งทรงทวงบุญคุณมา ทรงสั่งอะไรมนุษย์ก็ต้องทำตามอย่างไม่ขัดขืนเช่นพระเจ้าอัลเลาะห์สั่งไว้ในบทสุดท้ายของพระคัมภีร์เขา ให้มุสลิม-อิสลาม ฆ่า ชาติพันธ์คนที่ชื่อ  ยะวาฮู (อิสราเอล)  ก็ต้องฆ่า, อะไรนั้นไม่เรียกว่า  เห็นธรรมในธรรม)  นี่คือข้อที่ 1 เห็นธรรมชาติ ว่าเป็นธรรมชาติ, นี่แหละที่ท่านเรียกว่าการเห็นธรรมในธรรม,   ส่วนความหมายอีกอย่าง, ข้อที่ 2  เห็นธรรมในธรรม, นั้นก็คือ การรู้แจ้งธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตรงเลย,   ใครรู้แจ้งธรรม, หรือ ใครบรรลุมรรคผลนิพพาน,ได้  นั่นแหละเรียกได้เลยว่า  เห็นธรรมในธรรม, (ตัวอย่างเช่น  พระองค์ทรงแสดงพระธรรมเทศนากัณฑ์ถัดไป คือ  อาทิตปริยายสูตร แด่พระสาวก 1008 รูป พอทรงเทศน์จบ เรื่อง ความร้อน นั้น  ว่าโลกเรามีแต่ความร้อน   ความเย็นในโลกเราไม่มีหรอก, อยากได้ความเย็นเป็นนิรันดร ต้องไปโลกนิพพานแห่งเดียวทรงแสดงจบ ทั้ง 1008 รูป ก็สำเร็จอรหันต์พร้อมกันหมดเลยทั้ง 1008 รูป,   นั่นแหละเรียกว่า  เห็นธรรมในธรรม),    แต่โดยหลักทั่วไป สำหรับคนเราทั่วไปแล้ว   การเห็นธรรมในธรรม  เริ่มมาจากการเห็นเรื่องง่าย ๆ  ธรรมดา  ธรรมดา   หรือเรื่องธรรมที่เป็นธรรมชาติกันก่อน ง่าย ๆ  ก็คือ เรื่อง ทุกข์   ดังที่ปัญจวัคคีย์ ท่านอัญญาโกณฑัญญะ ท่านได้ฟังองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศน์ให้ฟังครั้งแรกเรื่องทุกข์ว่า................................................... ชาติปิ ทุกขา (แม้ความเกิดก็เป็นทุกข์)   

 

ชะราปิ ทุกขา (แม้ความแก่ก็เป็นทุกข์) 

 

มะระณัมปิ ทุกขัง, (แม้ความตายก็เป็นทุกข์)

 

โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสาปิ ทุกขา, (แม้ความแห้งใจ ความพิไรรำพัน ความไม่สบายกาย ความเสียใจและคับแค้นใจก็เป็นทุกข์)

อัปปิเยหิ สัมปะโยโค ทุกโข (ความประสบความเห็นสิ่งอันไม่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์

ปิเยหิ วิปปะโยโค ทุกโข  ความพลัดพรากจากสิ่งที่รักก็เป็นทุกข์)   

ยัมปิจฉัง นะ ละภะติ ตัมปิ ทุกขัง  (ปรารถนาสิ่งใด ไม่ได้สิ่งนั้นสมหวังก็เป็นทุกข์)   

สังขิตเตนะ ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา (ว่าโดยย่ออุปาทานขันธ์ทั้งห้าเป็นตัวทุกข์...... การยึดขันธ์ห้าว่าเป็นเราก็เป็นทุกข์) .............................   ท่านอัญญาโกณฑัญญะ และ อีก 3 ท่าน  ก็บรรลุโสดาบัน ............  อย่างนี้แหละ เรียกว่าเห็นธรรมในธรรม  ...ซึ่งหมายถึง   ความเข้าใจในธรรม  นั้นเอง    .............   คงจะพอเข้าใจนะ     แต่จะบอกก่อนว่าที่ยกมาให้ฟังนี้เป็นเรื่องธรรมะง่าย ๆ   แต่มีประโยชน์อย่างลึกซึ้งสูงส่ง  ทำให้ลุมรรคผลนิพพานได้ พอ ๆ กับธรรมะชั้นลึก ๆ  ในพระคัมภีร์อื่น ๆ   เช่น   ใน สติปัฏฐานสูตรหรือ บ้างก็ว่า  มหาสติปัฏฐาน 4ที่ท่านเอาธรรมะมาให้มอง,   ให้เห็นธรรมในธรรม ตั้งหลายข้อ  ล้วนแต่ชั้นสูง ๆ เลอเลิศ ๆ ลึก ๆ  ทั้งนั้น,   นับแต่เรื่อง อาณาปานะ  หรือ   เรื่อง ลมหายใจเข้าออก  ให้เห็นลมหายนใจเข้าออกลมเข้าก็รู้ว่าลมเข้า,   ลมออกก็รู้ว่าลมออก,   ลมสั้นก็รู้ว่าลมสั้นลมยาวก็รู้ว่า  ลมยาว,    นี่แหละ ให้เห็นอย่างนี้เรียกว่า  เห็นธรรมในธรรมละ (เรื่องลมนี้ เอาไปทำแทนบริกรรมพุทโธ,หรือยุบหนอพองหนอ, ในการฝึกสมาธิได้เลย)    จากนี้ก็มีเรื่องที่เราควรจะเห็นอีกเรื่องหนึ่งคือ เรื่อง  นิวรณ์   ใน สติปัฏฐานสูตร นี้บอกไว้ในเรื่อง  นีวรณบรรพ  เรื่องนี้  ควรที่เราจะทราบไว้ก่อนเห็นก่อนเข้าใจไว้เป็นเรื่องเบื้องต้นเลย   ว่า   นีวรณ์นี้แหละควรมองให้เห็นแบบเห็นธรรมในธรรมไว้เห็นนีวรณ์ไว้,   เพราะมันคือตัวความกังวล  ตัวประเด็นปัญหาหลัก, ที่ทำให้เราปฏิบัติธรรมไปไม่สำเร็จหรือปฏิบัติไปได้โดยยากแม้กระทั่ง ผู้เก่งทางสมาธิแล้ว  สามารถเข้าถึงได้ 3 ระดับขั้นสมาธิทะลุปรุโปร่งในสมาธิ ฌาน  นับแต่  คณิกะสมาธิอุปจาระสมาธิถึง  อัปปนาสมาธิ, แล้วก็ตาม   มาเจอนิวรณ์เข้า   ก็เกิดตันเป็นปัญหาได้,    ฉะนั้น นีวรณ์เป็น ธรรมที่ควร เห็นก่อน ๆ ไปสู่การเริ่มปฏิบัติธรรมแบบใดใดเห็นธรรมในธรรมเรื่องนีวรณ์นี้ คือ  มี 1. กาม2. พยาบาท3. ถีนมิทธะ4.  อุธัจจกุกกุจจะ, และ 5. วิจิกิจฉา.........นี่แหละ  ที่ขออธิบายแบบย่อ ตรงประเด็นสั้น ๆ ให้ทราบก่อน   ขอให้คุณแม่ผ่องศรี ไปให้เห็นธรรมในธรรมตัวทั้ง 5 นี้ก่อนนะ     แล้วก็จะได้ง่ายขึ้นเมื่อไปเจริญวิปัสสนาว่าด้วยเรื่อง   อนิจจังทุกขังและ  อนัตตา   ตัวธรรมหลัก, ธรรมชาติหลัก, ที่เมื่อเราทั้งหลายได้เข้าถึง   หรือ   เห็นธรรม 3 หมวด 3 ประการนี้ ในลักษณะที่ว่า เห็นธรรมในธรรมจริง ๆ  เข้าใจเหตุและผลของธรรมจริง ๆ  แบบธรรมชาติ แล้ว  ก็จะบรรลุมรรคผลได้........... ก็ขอตอบคำถามเรื่อง, อะไรคือเห็นกายในกาย?,  อะไรคือเห็นธรรมในธรรม?, เพียงนี้ก่อนนะ  ขอให้เจริญไปเถอะ สู่ทางขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วย  การเห็นกายในกาย และ เห็นธรรมในธรรม กันนี้เอง ขอเจริญพร.   

 

 

 19:27 พยับ ปัญญาธโร 21:04 ผ่องศรี กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ พยับ เป็นอย่างสูงค่ะ ขะน่อย กำลัง พากเพียร ธรรมมีองค์ 8 คะ อ่านมาก บางทีสับสน  จะพยายามให้ศีล 5 บริสุทธิ์ มากๆ ทำความเข้าใจกับ มรรค มีองค์แปดให้ชัดเจน  

 

 

21:06 ผ่องศรี แล้วปฏิบัตื ให้บริสุทธิ์ขี้น ขอโสดาบันก่อนค่ะ แต่จะพยายามระวังเรื่องอยากมากๆจะเป็นกิเลศ...........................อาตมภาพก็จะขอต่อเรื่องให้อีกหน่อยนะ......... 

 

 

19:28 พยับ ปัญญาธโร คือ เรื่องมรรคผล นั้น โดยสัมมาทิฏฐิ นั้นคือทิฏฐิว่า คนยุคนี้ ไม่จำกัดว่าเป็นชาย หรือ หญิง  หรือ พระ สามเณร  ก็มีสิทธิที่จะบรรลุได้ ไม่แพ้คนยุคพุทธองค์เลย  และแท้จริง น่าจะได้ดีกว่า ด้วยซ้ำ อันเนื่องจากมีความฉลาด มีปัญญา  ........แต่เรื่องนี้  มีข้อที่ควรเข้าใจให้ดีว่า  มรรคผล  ไม่ใช่เรื่องที่จะบรรลุได้ด้วย ความหยาก .....(เพราะความอยากเป็นตัณหา เป็นกิเลส)   เราจึงต้องระวังให้มาก ว่า ความหยาก(อยากที่จะบรรลุ) จะเป็นตัวหลอกเราก็ได้ คือด้วยความหยากมาก  ทำไป ปฏิบัติไปจริง  ทำดีจริง  แต่ความหยากอาจจะหลอกให้เข้าใจผิดว่าเราทำเต็มที่แล้ว  เราควรจะบรรลุแล้ว เราบรรลุแล้ว ได้    ซึ่งมีมาก ที่ถูกความหยากหลอกเอา  แล้วเข้าใจว่าตนบรรลุ 

 

 

19:28 พยับ ปัญญาธโร ซึ่ง......  หลักเหตุผลในเรื่องนี้ก็คือ  มรรคผลนิพพานนั้น เป็นสิ่งที่ประเสริฐล้ำเลิศเกินที่คนไม่ถึง เข้าไม่ถึง  จะเข้าใจได้ .... เพราะมรรคผล เป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย   ต่อเมื่อเข้าถึง หรือได้กลิ่น  ได้ลิ้มรสบ้าง จึงจะรู้ในความประเสริฐล้ำเลิศนั้น .....  แต่เมื่อมี ความหยากบรรลุ ก็ อาจจะทำให้เกิดมารตัวหลอกเรา    แม้ว่าเราจะมีความตั้งใจจริงที่จะบรรลุให้ได้  พยายามอย่างที่สุด ๆ  สุดชีวิต  แต่ก็อาจจะบรรลุไม่ได้ เพราะยังเผลอไปสนับสนุนมารกิเลสอยู่  และยังสร้างเหตุยังไม่ถูก หรือยังไม่ครบถ้วน   หรือหากจะอาจจะบรรลุได้แน่ ๆ  ก็ด้วยการสร้างเหตุแห่งการบรรลุได้ครบถ้วนจริง ๆ  ตามระดับชั้น  ............  หมายความว่า  เราทำดีได้ครบถ้วน ทำได้ถูกเหตุผลของการบรรลุ   ก็บรรลุ   แต่ถ้าเราอยากบรรลุแล้วทำเหตุผลของการบรรลุ ไม่ได้ครบ ก็ไม่บรรลุ ....ซึ่งอาจจะมาจาก  การวิเคราะห์มาร   หรือ กิเลส เราวิเคราะห์ไม่ถูกต้อง  ทำให้การมุ่งเป้าหมายไม่ตรง เต็มเป้า.....   

19:29 พยับ ปัญญาธโร ซึ่ง ตรงนี้มีข้อน่าคิด 2 ประการ คือ   1.  เราอยากบรรลุแล้วทำเหตุผลของการบรรลุไม่ได้ครบถ้วน ไม่ได้เต็ม 100%  ก็ไม่อาจจะบรรลุได้เลย.....แม้จะได้  99.9999999 % ขาดอยู่นิดเดียวเท่าเม็ดฝุ่น  ก็ไม่บรรลุ  และขาดอยู่เท่านั้น 10 ปี ก็ไม่บรรลุอยู่ 10 ปี  ขาดอยู่ 100 ปี  1000 ปี  ก็ไม่บรรลุอยู่ถึง 100  ถึง 1000 ปี  ก็เพราะทำไม่เต็ม 100 % นั่นเอง    2.  ไม่บรรลุแล้ว  ก็อาจจะเข้าใจผิดได้ว่า บรรลุ  นี่แหละ มีมากเลย โดยเฉพาะที่เกิดขึ้นมา ลำดับ ๆ มาในเมืองพุทธไทยเรา ตลอดมาระยะหลัง ๆ นี้  

19:29 พยับ ปัญญาธโร .............   แต่ ที่เป็นสิ่งที่ดีที่ตรงก็คือ   ความไม่หยากบรรลุ  หมายถึงความที่ไม่อยากเป็นนั่นเป็นนี้ อย่างโลก ๆ คือ  เป็นเพื่อความใหญ่   เพื่อได้ระดับเหนือคนอื่นเขา      นั้นต้องมีในใจ  ให้มีแต่ว่าจะสังหารกิเลสให้เกลี้ยง ....เกลี้ยงแล้วยัง   เหลืออยู่ไหม ?  ถามตัวเองอย่างนี้ไปตลอด  ทำเหตุดี ที่ให้ผลการบรรลุไปตลอดเรื่อย ๆ   ไม่อยากบรรลุเลย  หรือไม่มีความคิดในเรื่องการบรรลุเลย  แต่กลับบรรลุได้  นี้แหละ  เป็นสิ่งที่ดี ที่น่าเชื่อถือ  และมักจะเป็นของจริง  ไม่ถูกหลอกลวง  ..............  เพราะเรื่องมรรคผล  เป็นเรื่องของการไม่มีอัตตา  เป้าหมายการบรรลุ จึงต้องเป็นเป้าหมายที่ไม่มีอัตตา  ที่ปรากฎกับตัวเราเอง  เฉพาะเราเอง  เมื่อเราทำดี เราก็รู้ว่าดี  เมื่อเราบรรลุ เราก็จะรู้เองเสมอไป........และสำหรับคุณแม่ผ่องศรีนั้นแหละ  น่าจะตรงกับกรณีที่ 2 คือ ไม่อยากมีกิเลสการบรรลุ ไม่อยากบรรลุ  แต่ก็กลับได้บรรลุ  .......  

 

 

19:31 พยับ ปัญญาธโร มีเรื่องจะแถมอีกนิดหนึ่ง  คือมี กรณีของ  ดร.ฬิฏา สมนา   เป็นนักวิจัย และเอาความรู้งานวิจัยนี้มาทำการวิจัยพระอรหันต์ยุคปัจจุบันอยู่ โดยมุ่งศึกษาหาสัจธรรมเพื่อทราบว่า พระอรหันต์นั้น  เป็นพระอย่างไรแน่  โดยได้ตามศึกษาตัวอย่างมาตั้งแต่ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และ อีก 11 ท่าน คือ   

1. หลวงปู่บุญตา ถาวโร วัดป่าสิริจันโท บ้านหนองไหล อ.เมือง จ.อุบลราชธานี,   

2. หลวงปู่วิริยังค์  สิรินธโร วัดธรรมมงคล เขตพระโขนง  กรุงเทพฯ,   

3. หลวงปู่สุธัมม์  ธัมมปาโล วัดเทพกัญญาราม อ.เมือง จ.สกลนคร,   

4. หลวงปู่สมภาร  ปัญญาวโร วัดป่าวิเวกพัฒนาราม อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ,   

5. หลวงปู่ก้าน ฐิตธัมโม  วัดราชายตนบรรพต(เขาต้นเกด) อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์,   

6. หลวงปู่บุญมี  ปริปุณโณ วัดป่าศิลาพร อ.เมือง จ.ยโสธร,   

7. หลวงปู่แสง  ญาณวโร วัดป่าอรัญญาวิเวก อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ,  

 

19:31 พยับ ปัญญาธโร   

8. หลวงปู่ลี  กุสลธโร วัดภูผาแดง อ.หนองวัวซอ  จ.อุดรธานี,   

9. หลวงปู่แสวง  อมโร  วัดป่าชัยวารินทร์  อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น,   

10. หลวงปู่ท่อน  ญาณธโร  วัดศรีอภัยวัน อ.เมือง จ.เลย,   

11. หลวงปู่สังข์  สังกิจโจ  วัดป่าอาจารย์ตื้อ  อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่,   

12. หลวงปู่ประสาร  สุมโน  วัดป่าหนองไคร้ อ.เมือง จ.ยโสธร,   

13. หลวงปู่อว้าน  เขมโก  วัดป่านาคนิมิตต์ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร.    

.........  เรื่องที่จะเอามาให้ทราบก็คือเรื่องคำถามสำคัญเรื่องหนึ่ง  ถามมา ก็ตอบไป และเคยเอาลงในไลน์กลุ่มเราไปแล้ว จะเอามาลงให้ดูอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ได้เป็นข้อสังเกต ข้อที่เป็นประเด็นสำคัญของเรื่องมรรคผล ระดับสูงสุด .........แต่ยังค้นเรื่องเดิมไม่พบ  พบแล้วจะเอามาให้ดู   เอาไว้แค่นี้ก่อน. 

 

 

 

 

 

7.2.  เรื่องจิตใจให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ  ดนตรีสวรรค์  การอดน้ำได้เกิน 3 วันไม่ตายได้อย่างไร?

ยังไม่ทันตอบคำถามนี้ ของ อ.พัชรา   ..........จะตอบอยู่คำถามที่ตอบยากแต่เดี๋ยวก่อนนะ........

 

20:38 พัชรา กอปรทศธรรม วันนี้ดิฉันขายขนมเพิ่งเสร็จปกติจะเหนื่อยและนอนพักผ่อนแต่ก็ไม่ชุ่มชื่นใจเท่าไหร่แต่พอมาใช้จินตนาการเขียนหนังสือดิฉันกลับสดชื่นอย่างประหลาด หรือนี่คือการพักผ่อนของดิฉันคะ         

 

 20:40 พัชรา กอปรทศธรรม ถ้าเป็นไปได้อยากรบกวนอาจารย์ช่วยขยายความก็ดีค่ะ ทำไมดิฉันจึงรู้สึกดีเช่นนี้ทั้งๆที่เหนื่อยมาตั้งแต่ตี 5 จนห้าโมงเย็นไม่ได้หยุดพัก....     

ตอบ  เรื่องกายเหน็ดเหนื่อย  แล้ว ใจดี  ช่วยได้นะ  ใจช่วยให้หายเหนื่อย,   แต่ใจนั้นต้องไม่เหนื่อยด้วย,  ใจต้องดี, ใจต้องมีความพิเศษ, บางอย่าง โดยเฉพาะใจมาสู่สมาธิ,  และ วิปัสนาญาณ, ใจมาสู่ความสด, กายก็สดได้ด้วย,  .........นี้ก็แทบว่าเป็นทฤษฎีหนึ่ง ทฤษฎีหลักของแพทย์ท่านแนะนำคนป่วย คนมีปัญหาทางสุขภาพเสมอ, ให้ทำใจให้สบาย ...... ในทางธรรมะ,  เรื่องจิตใจที่รักษากาย หรือ ควบคุมกาย,ได้นี้  ก็จะเกี่ยวไปถึงเรื่องสมาธิ, และ วิชาภายใน,อีกหลายวิชา,   เรื่องสมาธินั้น....มีระดับแห่งความสำเร็จ,  ระดับคณิกะ, ยังใช้ไม่ได้  ต้องระดับอุปจาระสมาธิ, ไปถึง อัปนาสมาธิ, ....ใครก็ตามเมื่อฝึกสมาธิได้ระดับที่ว่า  ก็เอาไปใช้กัน ตามที่ตนต้องการ   ในทางร้าย เป็นพวกมาร, พวกผี, ปีศาจ, เอาไปใช้อย่างพวกเขา   เช่นเอาไปสะกดจิต,ได้ สะกดจิตได้ทั้งคนและสัตว์ (เช่นผีปอบ สะกดจิตเรียกไก่ชาวนาที่เขาเลี้ยงไว้ในท้องนา เวลากลางคืนปล่อยให้ไก่นอนบนต้นไม้ แล้วผีปอบออกไปสะกดเรียกไก่ให้ลงมาจากต้นไม้ ตนกางกระสอบรับ ไก่ก็กระโจนเข้ากระสอบไปทีละตัว ๆ จนหมดบนต้นไม้ ผี ก็ได้ไก่เขาไปหมดเต็มกระสอบ)  สกดจิตให้เขาทำอะไรที่เราต้องการได้, อันนี้เป็นพวกมาร เอาไปทำ(เช่นสะกดจิตเรียกหญิงสาวมาหาตนเวลาวิกาลเพื่อกามสุขของตน  เป็นต้น) .....อย่างนี้แหละคือ มิจฉาสมาธิ  ไม่ใช่ สัมมาสมาธิ ....       

สำหรับอาตมภาพเองได้พิศูจน์ทดลองมาแล้วหลายอย่าง ที่เห็นชัดเจนนั้น มีเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับจิตและกายนี่แหละ  ที่ตั้งใจไว้ก่อนบวชแล้วว่าจะทดลองเป็นเรื่องแรก ๆ   นั่นคือทดลองวิชาที่สามารถจะอดข้าวและอดน้ำ ได้อย่างที่ท่านกล่าวไว้ในนิทาน ในคัมภีร์พุทธ  นั่นคือการอดข้าวและน้ำ, ในถ้ำได้เป็นเวลานานวัน, เป็น เดือน ๆ  ซึ่ง ให้ได้นาน  เกิน7 วัน  โดยสมมติฐานว่า  หากทำได้ครบ 7 วัน ก็จะสามารถใช้ได้, ใช้อดข้าวและอดน้ำ ได้เกินกว่า 7วัน,  เป็นเดือนเป็นปีก็ได้,  มีประวัติตอนอาตมาขึ้นเพดานโบสถ์วัดโนนน้อย, งดข้าวและงดน้ำ 7 วัน  ......   ทำได้อย่างไร........  แต่ก็ได้พิศูจน์ทดลอง เป็นผลสำเร็จมาแล้ว 2 ครั้ง ใน 2 ปีต่อกัน  จนตั้งเป็นทฤษฎีได้  ..........    ซึ่งอาตมาก็เคยตอบคำถามนี้ไปแล้วว่าทำได้อย่างไร มีทฤษฎีว่าอย่างไร   เพราะปกติมีทฤษฎีแพทย์เขาจะบอกว่า  อดน้ำได้ไม่เกิน 3 วัน มิฉะนั้นจะเสียชีวิต   แต่อาตมภาพพิศูจน์ ทดลองผ่านไปแล้ว จนได้หลักทฤษฎีมา ว่า ทำได้ด้วยด้วยทฤษฎีอะไร จึงสามารถอยู่โดยไม่กินน้ำได้เกิน 3 วัน แล้ว อดได้ถึง 7 วัน  ถึง 2 ครั้ง(ปีแรกสำเร็จแล้วปีที่2 ทดสอบอีกครั้ง)...ซึ่งในการทดลองพิศูจน์ปฏิบัติจริง  อาตมภาพพยายามอยู่ถึง 4 ปีจึงสำเร็จ  เพราะกว่าจะสำเร็จ ต้องพบปัญหา ซึ่งมีหลายระดับปัญหา  ต้องแก้ให้ได้ไปทุกปัญหา และก็แก้ได้  จึงสำเร็จ (ตอนสุดท้าย บังเอิญ ผช.ผญบ.ตายมาเผาในลานป่าช้าวัด เลยนึกถึงอศุภกัมมฐานขึ้นได้ จึงไปกางกลดที่กองฟอน ทำ อศุภกัมมฐานอยู่ถึง 8 วัน 8 คืน สำเร็จอศุภกรรมฐานแล้วจึงขึ้นเพดาลโบสถ์ ทดลองวิชาอดข้าวอดน้ำ 7 วัน 7 คืนได้สำเร็จ)  แก้ปัญหา  ต้องแก้ปัญหาเบื้องต้นนั้นให้ผ่านได้เสียก่อน  จึงจะไปสู้รับกับปัญหาใหญ่นี้ ........นี่แหละแสดงว่า  การทำจิตได้นั้นแหละ เป็นเรื่องที่นำไปสู่การบำรุงร่างกาย มีผลดีต่อสุขภาพด้วย.... ...ก็เคยมีพระสูตร ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสบอกพระอานนท์ว่า  หากเจริญอิทธิบาท 4  คือ ฉันทะ,  วิริยะ,  จิตตะ,  และ  วิมังสา, แล้ว พุทธองค์ก็จะทรงยืนพระชนม์ไปอีกได้ถึงศตวรรษ  ก็จะอายุยืนไปได้   ฉะนั้น  ที่อาจารย์พัชราเหน็ดเหนื่อยแทบล้มตัวลงนอนแต่แล้วเกิดได้พบเรื่อง  ที่จิตโสมนัสเข้า  จิตเข้าสู่ร่องแห่งสมาธิที่เคยเข้าอยู่  สบาย  หรือเข้าหลักอิทธิบาทขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ได้  ก็เลยหายเหนื่อย  และสบาย   สำหรับอาตมภาพเองนั้น ในเรื่องสมาธิจิตนี้  เป็นสิ่งที่ให้อาตมภาพเยอะมาก  ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง  แลไม่เหมือนใคร ก็คือ  การพักผ่อน โดยมีดนตรีสวรรค์มาบรรเลงให้ฟัง (อาตมภาพเรียกดนตรีนี้ว่า The Divine Concert ดนตรีเทพเจ้า) มีมาให้ฟัง ได้จากสมาธิจิต  อาตมภาพอยากจะฟังดนตรีสวรรค์นี้เมื่อไร เวลาใด(แม้กำลังนั่งประชุมกับพวกท่านทั้งหลาย ที่ไหน เมื่อไรก็ได้)  เพียงเข้าสมาธิ  แล้วเพ่งสมาธิไป(ทำฌาน) ที่ดนตรีสวรรค์  สวรรค์ หรือ เทพเจ้าก็มาบรรเลงเพลงสวรรค์ให้อาตมภาพรับฟัง   เวลาที่เขาเล่นแรง เสียงก็ท่วมกุฏิ สนั่นหวั่นไหวไปในพระวิหารวัดมหาพุทธารามไปเลยก็มี(เพียงแต่คนอื่นไม่ได้ยินด้วย อาตมภาพได้ยิน ได้ฟังคนเดียว)   เลยเป็นเรื่องที่ทำให้สบายกาย สบายใจอย่างวิเศษ มีการพักผ่อนอย่างวิเศษไปเลยมาร่วม 10 ปีมาแล้วถึงทุกวันนี้  ก็คงให้ผลดีในเรื่องสุขภาพกายด้วย  คงจะพอใจในคำตอบนะ และขอให้ได้ความดีในเรื่องนี้ไปตลอด    

 

      

 

7.3   ศาสนาพุทธยุคใหม่ 25ส.ค.2561   18 ข้อ มรรคผล นิพพาน

1. ท่าน ดร.เดชา ทองสุวรรณ ได้ไปถวายเพล เมื่อวันพระ ถวายเสร็จท่านก็กลับไป ..... อาตมภาพ เข้ามาดูไลน์เวลานี้วันนี้เอง จึง พบคำถามท่านถามว่า ที่ศรีสะเกษ เรียนวิธีนั่งสมาธิได้ที่วัดไหนครับ คนที่ตอบเป็นอาจารย์พัชรา ว่า วัดพระโตสิคะ ......คืออาตมภาพคิดว่า แนวความคิดของเรา ชาวพุทธในเรื่องธรรมปฏิบัติ ไม่ว่าในวัด ฝ่ายบ้าน ก็ตาม ฝ่ายป่าอรัญวาสี นั้น ก็ตาม เป็นแบบเดิม ๆ เกินไป ไม่มีการพัฒนาเทกนิค ทำให้ยาก(บรรลุยาก) ...และที่จะเป็นปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนไปด้วย ....คือการปฏิบัติแบบเดิม ๆ คนผู้ปฏิบัติธรรม อย่างที่ว่าจริง ๆ จัง ๆ หวังอุทิศตนจริง ๆ นั้น ต้องสละ......ต้องเข้าวัด เข้าป่า เลิกการทำมาหากินไปเลยนั้น(มีญาติโยมเข้าวัด อยู่วัดรับใช้ศาสนา นั่งสมาธิภาวนา นับร้อย-พันคน ทิ้งบ้านทิ้งเรือน 6-7วันไป แต่ก็ไม่ได้บรรลุอะไรเลย) นั่นแหละ แบบเก่า และอาตมภาพว่า จะสร้างปัญหา ทั้งทางธรรมะเอง และทางชีวิตความเป็นอยู่ รวมทั้งทางเศรษฐกิจ ที่จะเสียเปรียบญี่ปุ่นและประเทศวัตถุนิยมไปมากขึ้น ...   

 

2. ในเมื่อ จริง ๆ แล้ว การปฏิบัติธรรมเพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุด คือระดับสำเร็จมรรคผล นิพพาน ลุถึงอรหันภาวะเลยก็ได้จากชีวิตฆราวาส ที่ปฏิบัติไป ๆ อย่างที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตวัน ๆ ๆ ๆ ๆ นี่เองได้  คือ ใครเป็นครู อาจารย์ มีหน้าที่อย่างครู อาจารย์ ก็ทำไป ใครทำอาชีพอะไร ทำมาหากินอะไร ก็ทำไป อย่างเต็มที่.......ไม่ต้องไปเสียเวลาออกไปนอกการทำมาหากิน นอกหน้าที่พ่อ แม่ ครูบาอาจารย์ หรือ ทำกิจการค้าการขาย ฯลฯ เพียงแต่ มีการปฏิบัติธรรมไปพร้อมกันกับการปฏิบัติหน้าที่นั้น ทำด้วยตนเอง สามารถปฏิบัติธรรมไปพร้อม ทำการงานอาชีพนั้นไปได้ด้วย อย่างที่จะสามารถบรรลุมรรค ผล นิพพานได้ จริง และโดยไม่ต้องไปคิดถึงวัดวาอารามป่าเขาลำเนาไพรเท่าไรเลย เพียงแต่........ต้องรู้วิธีการ แล้วเอาไปทำเอง ที่บ้านตัวเอง ที่ทำงานตัวเองนั่นแหละ ไม่ต้องไปฝากตัวกับใครว่าเป็นศิษย์ หรือใครเป็นครูบาอาจารย์ แบบที่ทำกันมาแบบเดิม   

 

3. ที่เราจะสามารถทำอย่างนี้ได้ ก็เพราะคนเรายุคนี้ เป็นคนยุคใหม่ นั่นเอง ไม่เหมือนคนยุคพระพุทธเจ้า ............แต่ที่พูดอย่างนี้ เราต้องเข้าใจนะว่า การปฏิบัตินั้นจะเป็นไปตามหลักการที่พระพุทธเจ้าทรงสอนนั้นตรงเผงเลยละ เพียงแต่ เปลี่ยน ยุทธวิธีใหม่ เท่านั้นเอง .........อาตมภาพได้บอกไปแล้ว ที่อาจจะเรียกว่า ยุทธศาสตร์ ก็คือ หลักการ 3 ข้อ (ยุทธศาสตร์ 3 ข้อว่าด้วยการบรรลุมรรคผลนิพพาน) ที่ว่า 1. เรื่อง จิต หรือ คำสากลว่า mind หรือ spirit 2. เรื่อง ปัญญา (หรือ สติปัญญา) หรือ คำสากลว่า intelligence และ 3. 1+2...... นี่เป็นยุทธศาสตร์ ที่อย่างไร ๆ ก็จะอยู่ใน 3 ข้อนี้ ไม่เปลี่ยนแปลงไป ไม่คลาดเคลื่อนไป(หากคลาดเคลื่อนไป ก็จะไม่สำเร็จมรรคผล จะออกนอกทางมรรคผลไปเลย) และยุทธศาสตร์ 3 ข้อนี้เป็นสากล คือคนทั้งหลายในโลก คนต่างศาสนาโดยเฉพาะพี่น้องไทยมุสลิม คริสต์ ฮินดู ก็สามารถปฏิบัติบรรลุได้เช่นเดียวกัน   

 

4. ส่วนที่มีหลายหลากก็คือยุทธวิธี มีหลายข้อ หลายสูตร ส่วนที่บอกไป สูตรแรก 6 ข้อก่อนนั้นก็เป็น ยุทธวิธี ที่ว่าไปก็ 1. ทำใจให้สงบลง 2. ให้ความร้อนในกายและใจสลายหายไป 3. นิ่งอยูในสภาวะของ 1 และ 2 ถ้าสมาธิเข้มแข็งจะเห็นกายในกาย 4. ให้เย็น 5. กายในกายจะหายไป 6. เข้าสู่โลกแห่งความเย็น (ถึงนิพพาน).......................ที่ว่าในข้อ 3 และข้อ 5 นั้นแหละ จะตรงกับที่ท่านพุทธทาสว่าไว้ เรื่องธรรมกำมือเดียว เรื่องตัวกู ของกู หรือ เรื่อง จิตว่าง และในความว่างนั้น มีแต่สติปัญญาเต็มไปหมด หรือที่ คุณสมศักดิ์ ท่านเอาคลิปท่านพุทธทาสมาให้ศึกษา.........   

 

5. แต่เรื่องเหล่านี้ สำหรับคนสมัยใหม่อย่างพวกเรา นั้นน่าจะมีอีกทางหนึ่ง ที่น่าจะง่ายกว่านี้.........น่าจะเป็นแบบที่ สุภัทปริพาชก อรหันต์องค์สุดท้ายของพระพุทธองค์ ก่อนเสด็จสู่ปรินิพพาน ท่านได้เข้าใจ ได้ความรู้ .....พระสุภัททะ ที่ได้เฝ้าพระพุทธเจ้าขณะทรงพระอาพาธหนัก จวนเข้าปรินพพานอยู่นั้นเอง พุทธองค์ทรงโปรดให้อานนท์นำเข้าเฝ้า สุภัททะจึงมีโอกาสถามข้อสงสัยในใจตนมานาน ได้ถามพระพุทธเจ้า 3 ข้อ คือ 1. มีรอยเท้าบนท้องฟ้าหรือไม่? 2. ผู้ที่ไม่มีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย มีหรือไม่? 3. ในศาสนาอื่นมีอริยบุคคล 4 คือ โสดาบัน สกิทาคมี อนาคามี และ อรหันต์ หรือไม่ ?....... พุทธองค์ทรงตอบ ข้อ 1 มีรอยเท้าบนท้องฟ้าหรือไม่ ทรงตอบ ไม่มี ข้อ 2 ผู้ที่ไม่มีการเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย มีหรือไม่ ทรงตอบว่า ไม่มี และ ข้อ 3. ทรงตอบว่า ในศาสนาอื่นไม่มีอริยบุคคล 4 มีเฉพาะในศาสนาพุทธที่เดียว สุภัททะ ฟังแล้ว ก็บรรลุอรหันต์ และได้บวชเป็นพระอริยสาวก เป็นพระอรหันต์องค์สุดท้ายของพระองค์ ..... .........   

 

6. ข้อ 1 สุภัททะสงสัยมาแต่เดิมว่ามีเทพเจ้า หรือพระเจ้า อิศวร นารายณ์ แบบความเชื่อสุด ๆ ของพวกพราหมณ์ ที่สามารถเหาะเหินเดินไปในอากาศ...ฝากรอยไว้ในอากาศ หรือไม่ .... เมื่อพุทธองค์ตอบ ไม่ ก็เป็นเหตุให้สุภัททะพ้นไปจากความสงสัยเรื่องเทพเจ้า เรื่องอิศวน นารายณ์ ก็เข้าใจขึ้นมาว่า เทพเจ้าเป็นเรื่องโกหกหลอกลวง .....ข้อ 2 สุภัททะก็คงสงสัยเรื่องเทพเจ้าอยู่นั่นแหละ ...คิดว่าเทพเจ้าอย่างอิศวร นารายณ์ พรหม เป็นอมตะ ไม่ตาย ... แต่พุทธองค์ตอบว่า ไม่มีอีก ก็เลยได้สติ ได้รู้ว่าเทพเจ้าเป็นเรื่องโกหกพกลม หลอกลวงมนุษย์ และครั้นถามข้อ 3 ที่เขาเองสงสัยเรื่องมรรคผล เรื่องพระอริยบุคคล 4 คือ โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี ไปถึง อรหันต์ เขาเองคิดว่า อริยบุคคลคือคนดี และคนดีๆ ก็มีในศาสนาอื่นทุก ๆ ศาสนา พอพุทธองค์ตอบว่า บุคคล 4 ไม่มีในศาสนาอื่น มีแต่ในศาสนาพุทธเท่านั้น เขาก็ตื่นเต้น แล้วเกิดสติปัญญารุ่งโรจน์ไปตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็สำเร็จอรหันต์   

 

 

7. ประเด็นคือ สุภัททะได้เกิดความเข้าใจเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เรื่องเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ผู้สร้างโลก อย่างอิศวร นารายณ์ พรหมของพราหมณ์ นั้นเอง เกิดบรรลุรู้แจ้งขึ้นมาว่าเรื่องเทพเจ้าเป็นเรื่องหลอกลวง เรื่องของอวิชชา ...แล้วเข้าใจความเป็นมนุษย์ของตัวเอง สติปัญญาของตัวเองต่างหาก .... ตัวเองเป็นอิสระ และเมื่อได้พบความอิสระ เสรีภาพ พ้นจากความกลัว พ้นจากความเป็นทาส ปราศจากความยำเกรง ความหวาดกลัวในเทพเจ้าแล้ว ก็บรรลุอรหันต์ และ แบบที่ท่าน ดร.อัมเบดกา แห่งอินเดีย ที่ท่านรู้เรื่องราวที่โกหกหลอกลวง(เรื่องพระเจ้าสร้างโลก........รู้เรื่องราวที่ลัทธิอื่นสอนหลอกลวงให้เข้าใจผิด และเราเข้าใจได้ว่าเขาสอนผิดอย่างไร......เท่านั้นเองก็รู้แจ้งในเรื่องมรรคผลนิพพานตามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทันที ......  

 

 

8. อาตมภาพเองจึงพยายามที่จะให้เราเรียนรู้เรื่อง อิสลาม เรื่อง คริสต์ ...(โดยอยากให้รู้จริง ๆ ว่า มุฮำมัด หลอกลวงพวกมุสลิม และคนในโลกอย่างไร ..โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มุฮำมัด พอเริ่มเทศนา ตั้งตนเป็นศาสดาก็เริ่มด้วยการโจมตีศาสนาคริสต์ ไปดูหมิ่นดูแคลนพระเจ้าของศาสนาคริสต์เขาว่าพระยะโฮวาไม่ใช่พระเจ้า ไปบิดเบือนเรื่องประวัติของคริสต์ศาสดา คือพระเยซู ให้ดูต่ำต้อยไปตลอดทั้งคัมภีร์อัลกูรอาน ...พร้อมกับยกตนสูงเหนือลัทธิศาสนาอื่น ๆ จนเป็นเหตุให้ 2ศาสนานี้โกรธแค้นกันจนกลายเป็นสงครามขึ้นมา เป็รนสงครามศาสนา ครูเสด 300 ปี ที่รบกันชั่วลูกชั่วหลาน มาจนถึงวันนี้ ก็ยังคุกรุ่น อันเนื่องมาจากการเผยแผ่ศาสนาแบบไปหยามเหยียดศาสนาอื่นเขา และยกตนเหนือศาสดาองค์อื่นอย่างไร้เหตุผล   

 

9. ในขณะเดียวกันยกคนมุสลิมว่าเป็นคนประเสริฐ คนนอกศาสนาอิสลามเป็นคนป่าเถื่อน หรือที่ใช้คำว่า กาฟิร ที่พระเจ้าไม่ให้อภัยเลย(พอฆ่าทิ้งก็ฆ่าทิ้งให้หมดโลกไปเลย...ตรงนี้มีคริสต์ กับอิสราเอล อีก2พวก ที่พระเจ้าอัลเลาะห์ผู้ประเสริฐไม่ให้อภัย ให้ฆ่าทิ้งหมดโลก) นั่นเอง ..ซึ่งคนในโลก ยังไม่รู้ มุสลิมทั้งโลกก็ไม่รู้ แต่ เมื่อรู้ก็จะบังเกิดความรู้จริงขึ้นมา เกลียดชังความเท็จ และย่อมจะหันมาสู่สัจธรรมแบบมีเหตุมีผล อย่างพุทธ และเข้าสู่มรรคผลนิพพาน ได้ง่าย ....อย่างท่านสุภัทปริพาชก อรหันต์องค์สุดท้ายของพระพุทธองค์นั่นแหละ....   

 

10. และนั่นคืออิสลาม(+คริสต์+) ก็จะหายไปจากโลกยุคนี้ ...ฉะนั้น ก็มีโอกาสพอดี ที่ดูมีเหตุการณ์ ที่ทำให้ชาวพุทธเรา พากันมองดูอิสลามกันอย่างเคลือบแคลงสงสัย น่าระวังระแวง ไปจนถึงเริ่มเข้าใจความไม่ชอบมาพากลของศาสนานี้ นั่นแหละ ถูกต้องแล้ว ขอให้ศึกษาจากความเคลื่อนไหวของ อิสลามกันอย่างละเอียด แล้ว ก็จะเข้าสู่สัจธรรมพุทธ คือสู่ความอิสรภาพ สู่ความไร้ตัวตน(ไม่มีตัวกูของกู) ได้เองในที่สุด ซึ่งเมื่อเข้าถึงตรงนั้นได้ นั่นแหละความเป็นอมตะ คือ ได้พบว่า ความเป็นกับความตายนั้นมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และ ความที่ไร้กาลเวลาอีกต่อไป ผู้บรรลุมรรคผล หรือธรรมะของศาสนาพุทธอันสูงสุด จึงเป็นคนที่อยู่เหนือโลก (ไม่ว่าโลกเทพ โลกพรหม มหาพรหม ) เหนือความเป็น เหนือความตาย เหนือทุกข์ และสุข ชีวิตปราศจากความกลัวอะไรอีกต่อไป แม้กระทั่งความตายก็ไม่มี ไม่กลัวอีกแล้ว เพราะเป็นชีวิตที่ไร้ตัวตนอย่างสมบูรณ์(มีความเป็นอนัตตา ตามพระธรรมเทศนา อนัตตลักขณสูตร นั่นเอง)   

 

11. เรื่องของ โกเล้ง ที่ท่านสมศักดิ์ เอามาบอกให้ฟัง เรื่องสุรา และนารี ก็ดูเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยาก สำหรับชาวพุทธแท้ ในประเด็นที่ว่า นั่นแหละ เป็นตัวเหตุที่ขัดขวางทางสู่มรรคผล เป็นสิ่งหลอกลวง ให้คนมองความร้ายของมันยาก คือมองไม่เห็นว่ามันร้ายอย่างไร มันเอาความสุข สนุกสนานมาหลอกเรา เราก็หลงไปกับความสุขสนุกสนานนั้น โดยตอนนั้นเราก็ไม่เห็นว่ามันร้าย มันทำร้ายเราอย่างไร มันให้ความสุขด้วยซ้ำ  โกเล้งนี้ แหละ ก็คล้าย ๆ หรือประเภทเดียวกับกวีเลื่องชื่อโบราณ ทางฝ่ายกรีก-อาหรับคนหนึ่งที่คนไทย กวีไทยรู้ดี นั่นคือ โอมาคัยยาม ยังไง (อาตมภาพรู้จักเขาตั้งแต่เรียนปริญญามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพราะเคยเอาบทกวีเขามาลงหนังสือพิมพ์มหาวิทยาลัย ซึ่งขณะนั้นอาตมภาพเป็น หัวหน้ากองบรรณาธิการอยู่) เขาเขียนบทกวีที่ชื่นชมยินดีกับพวกเหล้า นารี แบบเดียวกับ โกเล้ง นี่แหละ มันก็นำไปสู่โลก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ  ต่อไปจนตายไป และแน่นอนตายไปโดยไม่รู้จักนิพพาน ไปไม่ถึงนิพพาน ...... . แต่สิ่งที่เราได้พบก็คือ ชีวิตพวกเขาแบบนั้น ก็ถือว่าเป็นชีวิตที่มีความสุข มีความน่าเอาอย่าง........ ได้เท่าเขา ได้อย่างเขา ก็น่าจะเพียงพอ ถมไปในโลกนี้ ในชีวิตหนึ่งนี้......และก็เป็นจริงอย่างนั้นด้วย พวกเราทั้งหลาย ให้ได้อย่าง โกเล้ง หรือ โอมาคัย ยาม นี่ก็ถือว่า ตอนตายก็คงตายไปอย่างพอสมควรแก่ชีวิต ในโลกแล้วละ............   

 

12. อย่างคุณสมศักดิ์ นี่ หากท่านได้พบ สุรา นารี หรือ ดนตรี บทกวี อย่างโอมาคัยยาม ก็น่าจะถือว่า พอสมควรแก่ชีวิตมนุษย์คนหนึ่งแล้วเลยทีเดียว  พอหลับตาตายไปได้อย่างมีความสุข.......... แต่ในทีนี้ มันก็มาเกี่ยวกับเรื่องของพระพุทธเจ้าของเรา....ท่านได้พบสิ่งที่เรียกว่า มรรคผล นิพพาน .......ท่านได้พบว่ามันเป็นสิ่งที่ดีกว่าสิ่งที่โกเล้ง หรือ โอมาคัยยาม ได้พบ หรือใคร ๆ ที่ว่าประเสริฐ ฉลาดมีปัญญามาก่อนได้พบ เป็นโลก ๆ หนึ่งที่ดีกว่าโลกทั้งหลายทั้งปวง  ไม่ว่าโลกระดับ โลกสวรรค์ โลกเทพ มหาเทพ มหาพรหม ..............  อย่างที่อาตมภาพเพิ่งบอกไปนี่แหละที่ว่า......... แล้ว ก็จะเข้าสู่สัจธรรมพุทธ คือสู่ความอิสรภาพ สู่ความไร้ตัวตน(ไม่มีตัวกูของกู) ได้เองในที่สุด ซึ่งเมื่อเข้าถึงตรงนั้นได้ นั่นแหละความเป็นอมตะ คือ ได้พบว่า ความเป็นกับความตายนั้นมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และ ความที่ไร้กาลเวลาอีกต่อไป ผู้บรรลุมรรคผล หรือธรรมะของศาสนาพุทธอันสูงสุด จึงเป็นคนที่อยู่เหนือโลก (ไม่ว่าโลกเทพ โลกพรหม มหาพรหม ) เหนือความเป็น เหนือความตาย เหนือทุกข์ และสุข ชีวิตปราศจากความกลัวอะไรอีกต่อไป แม้กระทั่งความตายก็ไม่มี ไม่กลัวอีกแล้ว เพราะเป็นชีวิตที่ไร้ตัวตนอย่างสมบูรณ์ (มีความเป็นอนัตตา ตามพระธรรมเทศนา อนัตตลักขณสูตร นั่นเอง) ..........   

 

13.    ทีนี้ สิ่งนี้ คนฉลาด ซึ่งคนฉลาดนี้ มักอยู่ที่โลกตะวันตก โลกอเมริกา ผู้ที่ได้สร้างสังคมเสรีภาพขึ้นมา  เป็นสังคมวิทยาศาสตร์ สังคมวิชาการ(หมายถึง มีเหตุมีผลเป็นหลักการคิดหลักการตัดสินใจ) เป็นสังคมการเมืองประชาธิปไตยขึ้นมา  ไม่เหมือนสังคมเรา ที่ถูกกดขี่ เป็นสังคมทาส มาเนิ่นนาน ขาดความคิดอิสรภาพของตน ขาดการวิจัย การศึกษาอย่างมีเหตุ มีผลคือมีการพิศูจน์ ทดลอง  ขาดเสรีภาพของตน คอยฟังแต่เจ้านายจะสั่งอะไร คิดไปนอกความคิดเจ้านายก็ไม่ได้ (เพราะเจ้านาย หรือ เผด็จการเขาไม่ให้คิดไปต่างจากเขา ทั้ง ๆ ที่เขาเองโง่สุดโง่นั่นแหละ) อย่างนี้สังคมทาสเรา จึงยากที่จะเจริญทางวิทยาศาสตร์ และนั่นหมายถึงขาดความคิดแบบเสรี ให้รู้มรรค รู้ผลของพระพุทธเจ้า ....  ฝรั่งเขาก็ค้นพบสิ่งที่ดีมีเหตุผลดีกว่าเรา.....แม้ในเรื่องศาสนา ......ก็ดูที่อาจารย์พัชรา เอามาให้ดูนะครับ นั่นแหละ เห็นแล้วก็รู้เลยว่าพวกฝรั่งนี่เขาไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ  สมตามที่พุทธองค์ตรัสในกาลามสูตร ไม่ให้เชื่อ 10 อย่างจริง ๆ  แต่นั่น คนพุทธไทย ๆ กลับไม่เข้าใจว่า เป็นหลักการวิทยาศาสตร์  ที่นักวิทยาศาสตร์เขาพอใจ  และด้านธรรมะเองนั่นแหละ ทรงหมายถึง ต้องเอาคำสอนของพระองค์ไปวิจัยดูก่อนนั่นเอง ทรงตรัสธรรมะบทนี้ สำหรับคนยุคใหม่นี้โดยตรงเลยก็ว่าได้     จนมีนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งไปสนใจศาสนาพุทธ ได้พบพระสูตร(กาลามสูตรนี้)  ก็ถึงกับอุทานว่า เออนะ!  ศาสนาพุทธนี่ ไม่เหมือนศาสนาที่เราได้พบ ได้สัมผัส  สอนแบบตรงข้ามอิสลาม คริสต์ไปเลย   

 

14. คือ เป็นศาสนาอะไร  ที่ไม่สอนให้คนเชื่อ  กลับสอนไม่ให้คนเชื่อ  ไม่บังคับให้เชื่อเหมือนคริสต์  อิสลาม ที่ทั้ง 2 ลัทธินี้ บังคับให้เชื่อแบบเดียวกันหมดเลย  นับแต่ให้เชื่อเรื่องการสร้างโลก  จนเอามาอ้างได้ว่าพระเจ้ามีบุญคุณอันมหาศาลต่อมนุษย์ทั้งเผ่าพันธุ์ทั้งโลก เพราะ พระเจ้าเป็นเจ้าของ  เพราะพระเจ้าเป็นผู้สร้างโลกให้มนุษย์อยู่ หากพระเจ้าไม่เมตตา มนุษย์เราก็ไม่มีที่อยู่  เขาจึงบังคับให้เชื่ออย่างนี้ได้  คนโบราณจึงจำต้องเชื่อ  มนุษย์จึงต้องทดแทนพระคุณ   แบบที่เขาบอก คือต้องทำตามคำสั่งพระเจ้าทุกถ้อยคำ (แบบที่มุฮำมัดสอน หลอกลวงคนมุสลิม ให้เชื่อทุกถ้อยคำทุกตัวอักษรในคัมภีร์อัลกูรอาน เพราะเป็นคำของพระเจ้าอัลเลาะห์  มุฮำมัดเป็นเพียงผู้รับคำสั่งมาเท่านั้น ฉะนั้น เขาจึงห้ามไม่ให้แก้ไขคัมภีร์อัลกุรอาน  ใครไม่เชื่อพระคัมภีร์ ก็เท่ากับทรยศต่อพระเจ้า  ต้องได้รับโทษหนักเท่า  ผู้ทรยศต่อพระเจ้า คือถึงประหารชีวิตไปเลยทีเดียว  นั่นเอง ผู้ที่ไม่นับถือศาสนาอิสลามเขาจึงบัญญัติเป็นกาฟิร ที่จะต้องลงโทษล้างผลาญไปจนหมดโลกให้เหลือแต่ มุอ์มิน คือผู้ประเสริฐ คือ มุสลิมนั่นเอง)  และเมื่อต้องเชื่อฟังพระเจ้า  อย่างบิดพลิ้วไม่ได้   อย่างที่ไม่ต้องมีคำถาม  พระองค์ตรัสอะไร ให้ทำทันที ไม่ต้องถาม ไม่ให้มีความสงสัยใดใดเลย(เขาระบุในคัมภีร์เลย ห้ามสงสัย) อันเป็นหลักในลัทธิอิสลาม   พอเขาสั่งให้ไปรบไปฆ่าผู้ทรยศต่อพระเจ้า  ก็ต้องไปรบโดยไม่ต้องถาม จนเกิดสงครามศาสนาขึ้น และรบกันนานถึง 300ปี....โหดขนาดนั้นแล้วจะนับถือไปทำไม ไม่คิด )     

 

15.  ซึ่งตรงนี้แหละ แท้จริงคำสอนในอัลกูรอาน  ล้วนเป็นคำที่เท็จ  ไร้ข้อเท็จจริงไปทั้งหมด  คัมภีร์ เป็นเพียงหลักสงคราม ยุทธศาสตร์การรบเพื่อเอาชนะสงครามของมุสลิมเท่านั้นเอง   แต่พุทธศาสนา กลับสอนไม่ให้เชื่อ  อันตรงกับหลักวิทยาศาสตร์   หรือ  แท้จริงนักวิทยาศาสตร์ หรือคนฉลาดและมีอิสระในการคิดนั่นเองที่ได้พบคำสอนพระพุทธเจ้า  ที่ทรงสอนเรื่องเหตุ และ ผล ไว้ตั้งแต่ปฐมกัณฑ์เทศน์ของพระองค์ คือ ธัมมจักกัปปวัตนสูตร (ที่พระอัสชิสรุปลงว่า  เย ธมฺมา เหตุ ปพฺพวา  เตสํ เหตุง  ตถาคโต  เต สญฺจ  โย   นิโรโธ  จ  เอวํ วาทีมหาสมโณ....คำแปล  คิดว่าที่แปลเอาไว้ โดยนักบาลีไทยนั้น คิดว่ายังแปลไม่ตรงนัก  ที่แปลว่า ..... ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะมีปกติทรงสั่งสอนอย่างนี้.......เพราะอ่านคำแปลไทยแล้วให้ความหมายยังไม่ชัด ไม่ตรงเหตุ ตรงผลนัก ทำให้คนไทยอ่านไม่เข้าใจแจ่มแจ้ง ตามหลักวิทยาศาสตร์..... จะนำมาให้ดูทีหลัง ) และ นั่นเอง ทำให้เชื่อได้ว่า   แท้จริงนักวิทยาศาสตร์ ได้อ่านพบคำสอนของพระพุทธเจ้า จึงมั่นใจในเรื่องเหตุ และ ผล  กล้าคิดกล้าทดลอง สร้างวิทยาการใดใด ใหม่ ๆ ทันสมัยขึ้นมาได้  ด้วยหลักเหตุ และผลมาจนถึงทุกวันนี้ เทกโนโลยี่ จึงล้ำยุคไปอย่างเป็นหลัก เหตุและผลเต็มที่   และสำหรับด้านศาสนา ก็ปรากฎว่าฝรั่งเขาสนใจในเชิงเหตุและผลมากขึ้น   จึงค่อย ๆ ถอนตัวห่างไปจากคริสต์ และ อิสลาม  และมาสนใจพุทธมากขึ้น   แต่สนใจแบบวิทยาศาสตร์  ........   

 

16. อย่างเรื่องที่ อ.พัชรา เอามา เป็นคลิปที่ฝรั่งเขาไปพิศูจน์   ได้พบลักษณะ นามธรรม   ซึ่งอ.พัชราอธิบายไปว่า......... ทางพุทธศาสนากล่าวไว้ว่าคนเราหากศีลเสมอกันถึงจะอยู่ด้วยกันและทำงานด้วยกันได้ดี...ฝรั่งสงสัยว่าเป็นจริงดังนั้นรึเปล่าจึงได้ทำการทดลอง..................และครั้นทดลองไปเห็นจริง เขาก็จึงเชื่อ และเมื่อเชื่อโดยเห็นจริงแบบนี้แหละเขาก็กลายเป็นคนจริงขึ้นมาจริง ๆ ไม่ใช่เพียงฟังใครแล้วเชื่อไปตามเฉย ๆ แบบสังคมทาส .....    ทีนี้ ประเด็นของอาตมภาพ ก็คือ สูตรที่ให้ไปนั้น(ยุทธศาสตร์ตายตัว  3 ข้อ  ยุทธวิธีที่ 1,  6 ข้อ) ที่บอกว่าใช้ได้กับคนทุกคน ทุกศาสนา แม้พี่น้องมุสลิมเรา คริสต์เราก็ตาม สามารถจะศึกษาไปสู่โลกมรรคผล ของพระพุทธเจ้าได้ .......และ หมายความถึง คนอย่างโกเล้ง ที่ชอบสุรา ผสมกับนารี มีความสุขกับมันไปตลอดชีพ(?) หรือ กวีโอมาคัย ยาม ผู้เขียนบทกวีโลกสรรเสริญเหล้า สุรานารีไว้อย่างยิ่งใหญ่..........  มีคนอย่างนี้ในโลกปัจจุบันนี้หรือไม่   และคนอื่น ๆ ไม่ว่าเศรษฐี มหาเศรษฐี(เช่นท่านประธานาธิบดีจอห์น ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา เป็นต้น)  หรือ กระยาจก  ผู้สูงศักดิ์ หรือต้อยต่ำติดดิน ซึ่งแน่นอน ท่านเหล่านั้นมีความสุขอย่างเศรษฐี มหาเศรษฐี หาใครเท่าเทียมไม่ได้อยู่แล้ว   แต่ ก็จะสามารถปฏิบัติ ทดลองเอาสูตรธรรม ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่อาตมภาพสรุปลงเป็นยุทธศาสตร และ ได้มา 1 ยุทธวิธี(ซึ่งจะมีมาอีกหลาย ๆ ยุทธวิธี) ไปทดลองดู ท่านจะพบโลกที่........ท่านจะตกตะลึง .......   

 

17.  ในความที่เป็นโลกที่ ไม่เหมือนโลกที่ท่านได้พบมาเลย ได้พบโลกที่เราผู้ได้พบก็จะเข้าสู่สัจธรรมพุทธ คือสู่ความอิสรภาพ สู่ความไร้ตัวตน(ไม่มีตัวกูของกู) ได้เองในที่สุด ซึ่งเมื่อเข้าถึงตรงนั้นได้ นั่นแหละความเป็นอมตะ คือ ได้พบว่า ความเป็นกับความตายนั้นมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และ ความที่ไร้กาลเวลาอีกต่อไป  ผู้บรรลุมรรคผล หรือธรรมะของศาสนาพุทธอันสูงสุด จึงเป็นคนที่อยู่เหนือโลก (ไม่ว่าโลกเทพ โลกพรหม มหาพรหม ) เหนือความเป็น เหนือความตาย เหนือทุกข์ และสุข ชีวิตปราศจากความกลัวอะไรอีกต่อไป แม้กระทั่งความตายก็ไม่มี ไม่กลัวอีกแล้ว เพราะเป็นชีวิตที่ไร้ตัวตนอย่างสมบูรณ์(มีความเป็นอนัตตา ตามพระธรรมเทศนา อนัตตลักขณสูตร นั่นเอง) จะ ตายก่อนตาย (อย่างที่ท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านพูดมาก่อนแล้ว) เป็นโลกที่เหนือ ทุกข์ และ ยังเหนือสุข (ซึ่งมันบอกไม่ได้ว่า มันดีกว่าสุขไปอีกอย่างไร) จึงจะต้องไปพบเอง.........ด้วยตนเอง  ที่ซึ่งจะได้พบพระอรหันต์ และ พระพุทธเจ้าแน่นขนัดไปหมด  เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เนื้อเดียวกันตลอด(แน่นขนัดแบบว่างไปหมด.......อย่างไร ต้องไปเจอเอง)   

 

 

 

 

 

 

18.ที่ว่าแล้ว 17 ข้อ ว่าด้วยหลักการหรือยุทธศาสตร์การบรรลุมรรคผลนิพพาน ของคนยุคใหม่โดยเฉพาะฆราวาส  ที่อาจนำหลักการไปปฏิบัติในรูปฆราวาสนี่เอง ที่เป็นฆราวาสยุคไฮเทคนี้ สามารถปฏิบัติธรรมเพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุด คือระดับสำเร็จมรรคผล นิพพาน ลุถึงอรหันต์ภาวะเลยก็ได้จากชีวิตฆราวาส ที่ปฏิบัติไป ๆ อย่างที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตวัน ๆ ๆ ๆ ๆ นี่เองได้  คือ ใครเป็นครู อาจารย์ มีหน้าที่อย่างครู อาจารย์ ก็ทำไป ใครทำอาชีพอะไร ทำมาหากินอะไร ก็ทำไป อย่างเต็มที่.......ไม่ต้องไปเสียเวลาออกไปนอกการทำมาหากิน นอกหน้าที่พ่อ แม่ ครูบาอาจารย์ หรือ ทำกิจการค้าการขาย ฯลฯ เพียงแต่ มีการปฏิบัติธรรมไปพร้อมกันกับการปฏิบัติหน้าที่นั้น ทำด้วยตนเอง สามารถปฏิบัติธรรมไปพร้อม ทำการงานอาชีพนั้นไปได้ด้วย อย่างที่จะสามารถบรรลุมรรค ผล นิพพานได้ จริง และโดยไม่ต้องไปคิดถึงวัดวาอารามป่าเขาลำเนาไพรเท่าไรเลย เพียงแต่........ต้องรู้วิธีการ แล้วเอาไปทำเอง ที่บ้านตัวเอง ที่ทำงานตัวเองนั่นแหละ ไม่ต้องไปฝากตัวกับใครว่าเป็นศิษย์ หรือใครเป็นครูบาอาจารย์ แบบที่ทำกันมาแบบเดิม  ยุทธศาสตร์ 3 ข้อ ว่าด้วยการบรรลุมรรคผลนิพพาน ที่เสนอไปแล้ว  ว่าคนยุคนี้ จะสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองตามวิสัยคนยุคใหม่  โดยมองจากการปฏิบัติ 3 เรื่อง  คือ  1. เรื่อง จิต หรือ คำสากลว่า mind หรือ spirit  2. เรื่อง ปัญญา (หรือ สติปัญญา) หรือ คำสากลว่า intelligence  และ  3.  1+2...... และทั้งยุทธวิธี 6 ข้อที่ว่าไปก็   1. ทำใจให้สงบลง   2. ให้ความร้อนในกายและใจสลายหายไป   3. นิ่งอยูในสภาวะของ 1 และ 2 ถ้าสมาธิเข้มแข็งจะเห็นกายในกาย   4. ให้เย็น   5. กายในกายจะหายไป   6. เข้าสู่โลกแห่งความเย็น (ถึงนิพพาน).......... ก็ยังไม่มีคำอธิบายเช่นเดียวกัน   แต่ เรื่องมรรคผล นิพพานที่เราพูดกันอยู่เวลานี้  คนทั่วไปจะมองอย่างไร  หากมองว่าเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ หรือไร้ความสำคัญต่อชีวิต  และทั้งยังยากแก่การปฏิบัติอีกแล้ว  ก็น่าจะยากในการได้ประโยชน์  ฉะนั้น  มาวันนี้จะขอต่อเพิ่มเติมไปจาก  ยุทธศาสตร์  3 ข้อ ที่ว่าง่าย  สั้น ๆ แล้ว คือ    1.  จิต,  2.  ปัญญา,   3.  จิต+ปัญญา   แม้จะง่าย(คือทำความเข้าใจได้อย่างง่าย ๆ จากตัวอักษร ตัวหนังสือไทยนี่เอง)  แต่  ก็ยังจะไม่เกิดผลบรรลุมรรคผลนิพพาน   จนกว่าจะเกิดภาวะอย่างหนึ่งขึ้นเสมอไป  นั่นคือ  คำว่า  รู้   จะต้องนำไปสู่ คำว่า รู้    ที่จริงเพียง คำเดียวเท่านั้นเอง คือคำว่า  รู้  หรือภาษาสากลว่า   know  คำเดียวนี้เท่านั้นเอง  นั่นก็หมายความว่าในการศึกษาศาสนาพุทธ เพื่อประโยชน์อันสูงสุดแบบพุทธ คือมรรคผล นิพพาน  การบรรลุธรรมเป็นอริยบุคคล 4 ซึ่งไม่มีในศาสนาอื่นนอกจากศาสนาพุทธแล้ว  ท่านเพียงแต่จะต้องรู้อะไรให้ได้   รู้ให้ถูกสัจธรรมของสิ่งนั้น ให้ได้ เท่านั้นเองก็บรรลุมรรคผล  นิพพาน (ง่ายไหม?)  และ คำว่ารู้นี้ เป็นตัวแปรสำคัญไปทุกระดับของมรรคผลนิพพาน  หากว่าปฏิบัติไปแล้ว หรือศึกษา  วิปัสนาไปแล้วไม่ส่งผลให้ รู้ ก็ไม่สามารถบรรลุมรรคผลนิพพานได้   การที่  รู้  จึงเป็นประเด็นหลัก  ประเด็นสำคัญของการบรรลุมรรคผลนิพพาน หรือ เรื่องของพระพุทธศาสนาโดยตรง  ฉะนั้น แท้จริง  คำว่า  พุทธะ หรือ  พระพุทธเจ้า   นี่เอง ที่บอกความหมายตรงตัวอยู่แล้วคือ  พุทธะ  นี้แปลว่า  ผู้รู้    เรื่อง   รู้   จึงเป็นประเด็นหลักที่แท้จริง  การที่รู้  รู้อะไร  นั้นแหละเป็นสิ่งที่คนยุคใหม่ควรแสวงหา  แล้วก็จะสามารถบรรลุมรรคผลนิพพาน ได้อย่างง่าย ๆ   จึงขอเสนอคำว่า  รู้  ให้เป็นทั้งเป้าหมายและวิธีการไปสู่ปลายทาง มรรคผลของพุทธศาสนา   ...เอาละ ก็ขอเสนอไว้เช่นนี้ก่อน  ถึงจะยังไม่มีการอธิบาย  ท่านย่อมพยายามทำความเข้าใจเอาเองได้  เข้าใจได้เองนี่แหละ เป็นสิ่งบอกเหตุของความรู้จริง  ก็คิดว่าท่านผู้ใฝ่ใจในพระพุทธศาสนา   มุ่ง มรรค ผล นิพพาน จริง จะได้รับฟัง และนำคำว่า  รู้   ไปพิจารณาเองต่อไป  โดยเฉพาะในประเด็นว่า  รู้อะไร ?   มีอะไรที่จะต้องรู้บ้าง?  และ  รู้แบบลึกซึ้งขนาดไหน?  อย่างไร ?   นั่นแหละ   รู้ครบ  รู้จนแจ่มแจ้งแล้ว   นั่นแหละ   การได้รู้ หรือ  แสงสว่างทางปัญญาเกิดขึ้น ถึงมรรคผลนิพพาน  ทันที

 

 

 

 

 

 

 

 

7.4  เศรษฐศาสตร์

 ศาสนาพุทธ ไม่มีคำสอนเรื่องเศรษฐศาสตร์  ประชาชนไม่รู้หลักการทำมาหากินและหลักการแสวงหาความร่ำรวย  ดูลาว พม่า ถูกประเมินว่าเป็นประเทศยากจนที่สุดในโลก 1 ใน 10 [Loas is one of the ten poorest countries in the world]มาตรฐานเป็นโลกที่ 4 : โลกที่ 1 Developped Country ประเทศที่พัฒนาแล้ว,  โลกที่ 2  Devellopping Country  ประเทศที่กำลังพัฒนา,  โลกที่ 3 Underdevellopped Country ประเทศที่ล้าหลังในการพัฒนา ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุด ด้อยพัมนาที่สุด,  แต่ลาว, พม่า ถูกประเมินว่าต่ำกว่าระดับที่ 3 ที่ล้าหลังด้อยพัฒนา เป็นระดับ The Fourth World โลกที่ 4 ซึ่งหมายถึงประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก  โปรดคลิกไปดูข้อมูลการประเมินเรื่องนี้ในเรื่อง ประชาธิปไตยเท่านั้น 

  ความเห็นที่ 74

 

 เรื่องการเมืองของประเทศในวัฒนธรรมพุทธ คือพม่า ลาว ไทย  นี่ ค่อนข้างจะยาก ในการทำความเข้าใจเรื่อง ประชาธิปไตย  เพราะอะไรครับ ?

เพราะวัฒนธรรมที่ล้าหลัง คร่ำครึ โดยที่ประชาชน คนพุทธไม่เข้าใจว่าเป็นเช่นนั้น  จึงยึดมั่นถือมั่นอย่างแนบแน่นไป ไม่กล้าเปลี่ยนแปลง นั่นเอง 

โดยตัวหลักธรรมแห่งพระพุทธศาสนาเอง  คนพุทธ แม้กระทั่งผู้รู้ ผู้ร่ำเรียนเชิงศาสนธรรมพุทธ ถึงขั้นสูงสุด  ก็ไม่เข้าใจสัจธรรม หรือ ข้อเท็จจริงว่าศาสนาพุทธ  ไม่ได้สอนประชาชนเลย ในเรื่องเศรษฐศาสตร์  

 

ไม่มีหลักธรรมแห่งเศรษฐศาสตร์ในศาสนาพุทธ   โดยความจริงในสังคมพุทธ ผู้รู้ หรือพระสงฆ์ ในพระพุทธศาสนาจึงสอนแต่เรื่อง ชีวิตสันโดษ ให้รักสงบ และยังเน้นหนักไปเรื่องการทำบุญทำทาน ทำให้ได้อย่างพระเวสสันดร เลยทีเดียว คือมีอะไรให้ทานไปให้หมด ซึ่งไม่สอดคล้องตามหลักเศรษฐศาสตร์เลย  โดยสอนว่า ถ้ารักสันโดษ ทำชีวิตไปอย่างสันโดษได้ ทำบุญทำทานได้ คือทรัพย์มหาศาล   และเมื่อเข้าใจไปเช่นนั้น ก็ประพฤติตนไม่ถูกหลักเศรษฐศาสตร์  หมายความว่า สอนไปไม่ช่วยให้เกิดความร่ำรวย  เกิดวิถีทางสำหรับประชาชนที่จะนำไปทำมาหากินได้อย่างมั่นใจ ทันสมัย  ทันคนอื่น  ทันเมืองอื่นเขา  เมื่อเราไม่ได้สอนเศรษฐศาสตร์ให้ประชาชนเรา   ประชาชนชาติอื่นเมืองอื่น เขาก็เข้ามาแทรกแซงและกอบโกยเอาสินทรัพย์บ้านเราไปโดยหลักเศรษฐศาสตร์ที่เขาเรียนรู้มา   ลาวที่เคร่งครัดในวัฒนธรรม ก็เลยกลายเป็นประเทศที่ยากจนที่สุด 1ใน10ของโลก  พม่าก็ตามไป   ไทยก็พอ ๆ กัน 

 

ก็คิดดูก็ได้ครับ  หลักเศรษฐศาสตร์ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์คิดขึ้นเพื่อช่วยให้ประชาชนรู้จักทำมาหากินดีขึ้น  มีดังนี้ครับ  1.  ทรัพยากร  2. การผลิต  3.  การตลาด  4.  การค้าขาย  5.  เรื่องดีมาน ซัพพลาย  6. เรื่องหนี้  7. การลงทุน  ไม่มีในพระคัมภีร์พุทธเลย  เพราะอะไร ?  เพราะยุคกำเนิดพุทธศาสนานั้น  สังคมไม่เหมือนทุกวันนี้  ทุกวันนี้มีวิทยาศาสตร์ หรือ ศาสตร์[Science]  ...แต่นักวิทยาศาสตร์ยุคนี้ หรือยุคไหน ล้วนเป็นคนพุทธทั้งนั้นแหละครับ  รู้ไหม ? 

แต่เรื่องนี้เป็นสิ่งที่สลับซับซ้อนครับ  มาดูภาพต่อไปนี้ก่อน  แล้วดูว่าเป็นอะไรนะครับ 

 

  

  •  

     

 

 

 

 

8.  โหราศาสตร์ ใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี? 

โหราศาสตร์

 

 

 

การพยากรณ์การเมืองไทย

ดวงชะตาผู้ชนะการเลือกตั้งวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562

ใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี?

 

1.  พรรคเพื่อไทย

ตามดวงชะตาพรรคเพื่อไทย ปรากฏอยู่แล้วในเรื่องความเปราะ คือ เปราะอยู่แล้วเรื่องความสามัคคีร่วมหมู่หรือร่วมเป็นร่วมตายของสมาชิกพรรค  ครั้นมาระยะเลือกตั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2560 วันที่ดาวเสาร์(๗)จรยกย้ายเข้าราศีธนู  จากนี้เองยิ่งไปเน้นเรื่องความเปราะนี้เข้าเต็มที่  ทำให้พรรคเพื่อไทยแตกกันกระจัดกระจายไปหมด ไม่มีชิ้นดี  และด้วยอำนาจดาวร้ายประสานกัน(เสาร์จรทับจันทร์เดิม)  พรรคนี้จะไม่สามารถรวมกันได้เป็นปึกแผ่นได้เลย  เห็นได้ถึงความกระจัดกระจาย แตกแยก  เหินห่างของสมาชิกไปตลอด จนถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2563  จึงจะสุดสิ้นภาวะกระจัดกระจายนี้ลง   มองจากสถานการณ์นี้ ถามว่ามาจากเหตุอะไร  ก็น่าจะบอกได้ว่า ส่วนหนึ่งน่าเป็นผลมาจากการเลือกตั้งครั้งนี้นั่นเอง  หากผลการเลือกตั้งออกมาดี สำหรับพรรคเพื่อไทย หรือการที่พรรคเพื่อไทยได้ประสบผลสำเร็จได้เป็นรัฐบาลแล้ว ก็น่าจะไม่ส่งผลให้ต้องกระจัดกระจายกันไป ตามผลของดาว เช่นความหมายของดาวที่ว่านี้  ซึ่งจะกินเวลาถึง 3 ปี จึงจะมาสู่ความราบเรียบ โดยกินเวลาตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.2560 ไปถึง 5 ธ.ค.2563

 

ดวงที่ 1 ดวงกำเนิด

 

 

 

ดวงที่ 1 ดวงกำเนิด
ดวงพรรคเพื่อไทย

 

2.  การย้ายราศีของดาวพฤหัสบดี(๕) จากราศีตุลสู่ราศีพิจิกนับแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2561 เป็นต้นมา บ่งบอกถึงการลดฐานะลดศักดิ์ศรีของพรรคเพื่อไทยลงไปจากเดิม และเป็นเช่นนี้ไปใน 2 ปีข้างหน้า   นี่ก็เป็นสิ่งบอกเหตุ ที่ส่อถึงผลการเลือกตั้ง 24ก.พ.2562นี้ ว่า  พรรคเพื่อไทยคงจะผิดหวัง คงไม่ได้ประสบผลสำเร็จตามที่ต้องการแน่

 

3.  มองจากวันที่เลือกตั้ง วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 โดยตรง  ปรากฏว่าระบบดาวในจักราศี   มีดาวร้ายราหู(๘) ได้แปรทักษาเป็นดาวกาลกิณีจรสำหรับพรรคเพื่อไทย แล้วโคจร ยกย้ายราศีมาสู่ราศีเมถุน  และเป็นการบังเอิญเหลือเกิน ที่มาร่วมธาตุกับราหู(๘)เดิมในราศีกุมภ์(จึงเท่ากับมีราหูร้าย 2 ดวงร่วมกันทำร้ายพรรคเพื่อไทย พลังร้ายจึงเป็น 2 เท่า) แล้วบังเอิญดาวพุธ(๔)จรเข้าทับราหู(๘)เดิมในราศีกุมภ์  ทอกระแสถึงลักคณาที่กุมกับพุธ(๔)เดิมในราศีตุลอย่างเต็มที่ ซึ่งบอกความหมายว่า  พบคู่แข่งมากมายหลายพรรคการเมืองหลายนักการเมืองอุตลุตไปหมด มีการโฆษณาด่าทอ หาเรื่องร้ายใส่ความเอากับพรรคเพื่อไทยอย่างมากมาย  และถูกเปิดเผยเบื้องหลังที่มีมาอย่างไม่ขาดสายและทั้งมีการกล่าวหาใส่ความเป็นการฟ้องร้องคดีไปอีกอย่างอุตลุต นี่แหละบอกถึงความยากลำบาก อุปสรรค ปัญหานานาประการ จากคู่แข่ง คู่ศัตรูในการเลือกตั้งครั้งนี  นอกจากนี้ก็คือความหมายที่เห็นได้ว่า พรรคเพื่อไทยในระยะเลือกตั้ง 24 ก.พ.2562  นั้นได้ห่างไกลไปจากภาระการงานของประเทศไทย จนเห็นได้ว่า พรรคเพื่อไทย น่าจะไม่ได้เข้ามามีส่วนอะไรกับการบริหารประเทศเลยในผลการเลือกตั้งครั้งนี้และต่อไปอีกราว 2 ปีข้างหน้า

 

ดวงที่ 2 ดวงกำเนิด

 

 

 

ดวงที่ 2 ดวงกำเนิด

ดวงชะตาคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์

 

4.  ผู้ทำหน้าที่ผู้นำของพรรคเพื่อไทยขณะนี้ คือคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์  ผู้มีดวงชะตากำเนิดวันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม 2504  นั้น....  แม้ว่าในดวงชะตาจะได้มีดาวใหญ่ทรงอำนาจคือดาวอาทิตย์(๑) เป็นมหาอุจ ก็ตาม แต่บังเอิญสภาวะทักษากำเนิด วันจันทร์ ทำให้ดาวอาทิตย์มหาอุจกลายเป็นดาวร้าย เป็นกาลกิณีไปเสียอย่างน่าเสียดาย(หากเกิดวันพฤหัสบดีหรือวันอังคารจะได้เป็นใหญ่เป็นโตยั่งยืนนานชั่วชีวิต) และใช่แต่เท่านี้ ดาวอาทิตย์(๑)กาลกิณีเดิมมหาอุจยังกุมกับดาวพุธ(๔) แล้วโดนกระแสอย่างแรงโดยการร่วมธาตุจากดาวราหู(๘)เดิมในราศีสิงห์อีกด้วย และ ครั้นมาถึงวันเลือกตั้ง 24 ก.พ.2562 ก็ปรากฏว่าพุธ(๔)จรกลายเป็นดาวร้ายคือเป็นกาลกิณีจร จรมาถึงราศีกุมภ์พอดี และจากจุดนี้กระแสกาลกิณีจรของพุธทอกระแสไปปะทะราหู(๘)ทั้ง 2 ดวง  โดยเล็งราหูเดิมในราศีสิงห์ และร่วมธาตุกับราหูจรในราศีเมถุนอย่างเต็มที่ โดยมีกระแสกาลกิณีจรจากพุธ(๔)จร คือกระแสความเหน็ดเหนื่อย ยากลำบาก เชื่องช้าถดถอย การขาดความร่วมมือในกิจการงาน การกลั่นแกล้งไม่เต็มใจสนับสนุน และยังอาจเป็นเรื่องราวคดีความต่าง ๆ แทรกแซงอานุภาพไปตลอดดวงชะตา  อย่างไรก็ตาม  ในช่วงเวลาต่อจากวันเลือกตั้ง 24 ก.พ.2562 ไปเล็กน้อย  ครั้นดาวพฤหัสบดีเสิร์ดสู่ราศีธนู ในวันที่ 3 มีนาคม 2562 และอยู่ในราศีธนูต่อไปถึง25 พ.ค.2562 จึงพักร ทำให้สถานะของคุณหญิงสุดารัตน์ กระเตื้องขึ้นมาสู่จุดสำคัญของการนำอีกครั้งหนึ่ง  ซึ่งน่าเป็นความหมายของการเข้ารับตำแหน่งทางการเมือง ของประเทศไทย ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง  ซึ่งน่าจะอยู่ในส่วนของตำแหน่ง หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน หรือ ตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยโดยตรงก็ได้ 

 

 

5.  มาดูดวงชะตา พรรคประชาธิปัตย์ 
และนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  

ค่อนข้างจะเห็น ได้พบความจริงว่า พรรคประชาธิปัตย์นี้ ตราบที่มีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะอยู่แล้ว เขาเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดกับการเป็นหัวหน้าพรรคนี้ตลอดไป คงไม่มีใครอื่นที่เหมาะสมกับการเป็นหัวหน้าพรรคเท่าเขา  

 

ดวงที่ 3 ดวงกำเนิด

 

 

ดวงที่ 3 ดวงกำเนิด
ดวงชะตาพรรคประชาธิปัตย์

 

 ทั้งนี้ก็เป็นเพราะพรรคและหัวหน้าพรรคคนนี้ มีดาวใหญ่ร่วมชะตากันดวงสำคัญถึง2ดวงคือ จันทร์(๒)มหาอุจ ทับกันในราศีพฤษภ  พรรคมีจันทร์มหาอุจ หัวหน้าพรรคก็มีจันทร์มหาอุจที่ทับกันสนิท พอดี    ยังไม่แค่นี้  ยังมีดาวอาทิตย์(๑)ของพรรคประชาธิปัตย์ และดาวอาทิตย์(๑)ของหัวหน้าพรรคร่วมธาตุกันอีกด้วย  นี่แหละคือความผูกพันกันแน่นสนิทระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ   และความผูกพันนี้ ก็ปรากฏในวันเลือกตั้งครั้งนี้ 24 ก.พ.2562 อย่างชัดเจนไปด้วย ปรากฏจากกระแสดาววันเลือกตั้ง 24 ก.พ.2562 ว่า ทั้งพรรคประชาธิปัตย์และหัวหน้าพรรคคนนี้ ต่างได้ประสบสิ่งที่เรียกโดยภาษาโหราศาสตร์ว่า ความสำเร็จ ด้วยกัน อย่างที่เป็นที่พอใจของพรรคและหัวหน้าพรรคเลยทีเดียว  อันเนื่องมาจากทั้งพรรคและหัวหน้าพรรคคนนี้ ได้รับกระแสอย่างแรงจากดาวพฤหัสบดี (๕)จรมหาจักรในราศีพิจิก  พร้อมกันอย่างเต็มกระแสแรงเลยนั่นเอง .

ดวงที่ 4 ดวงกำเนิด

 

 

ดวงที่ 4 ดวงกำเนิด

ดวงชะตานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

...แล้วนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งหรือไม่เล่า?   พิจารณาผิวเผินก็เห็นว่ามีสิทธิ์  แต่ยังตอบตามนี้ไม่ได้  ต้องไปดูดาวตนุลักคณ์หรือดาวพุธ(๔)ดาวประจำตัวชะตานายอภิสิทธิก่อนว่าอยู่ในสถานะอะไร เพื่อดูก่อนว่ามีวาสนาบารมีถึงหรือไม่ และมีตัวลดทอนอำนาจตรงนี้ลงไปเพียงไรหรือไม่  ..ไปดูดาวประจำตัวของเขาก่อน และก็ได้พบว่า ดาวประจำตัวของเขา คือดาวพุธ(๔) ในวันเลือกตั้งสถิตอยู่ในราศีกุมภ์ ภพที่ 6 จากลักคณา แสงดาวไม่ถึงลักคณาในราศีกันย์ ปรากฏว่าอยู่ท่ามกลางอริ หมู่อมิตร มีดาวมิตรคือจันทร์จรอยู่ราศีตุลร่วมธาตุ  ซึ่งบอกความหมายว่าอยู่ท่ามกลางอริหรือหมู่ศัตรูภพที่ 6 นั่นก็แปลว่าเรามีเสียงสนับสนุนน้อยหรือแทบไม่มี น่าเป็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้รับเลือกตั้งเข้ามาน้อยนั่นเอง ดวงชะตาจึงบอกว่ามาอยู่กลางพรรคอื่นเขา  เรามาอยู่ค่อนข้างโดดเดี่ยว นั่นเอง   และณราศีกุมภ์นี้เอง ยังมีเรื่องที่ร้ายแก่ดวงชะตาอภิสิทธิ เวชชาชีวะไปอีกหลายเรื่อง  โดย เป็นที่รวมกระแสร้ายของดวงดาวหลายคู่ ที่ล้วนส่งผลร้ายแก่นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ นับตั้งแต่  มีดาวอาทิตย์(๑)ซึ่งจรมาเป็นกาลกิณีจร มาทับดาวพุธ(๔)ตนุลัคณ์จรเข้าไปอีก  นี่บอกถึงบารมีทางอำนาจวาสนาว่าตกต่ำลง โอกาสที่จะได้เป็นใหญ่ถูกบดบัง เพราะสภาวะกาลกิณีคุมอยู่  ประการที่ 2 ดาวอาทิตย์(๑)กาลกิณีจร เปล่งกระแสถึงดาวอังคาร(๓)เดิมในราศีเมถุน แสดงถึงศัตรูคู่แข่งแรงกล้าไม่ประนีประนอมเลย อาจสร้างความเจ็บปวด เจ็บแสบให้เจ้าชะตาอย่างแรงในการเลือกตั้งครั้งนี้  ประการที่ 3 ดาวพุธ(๔) ตนุลักคณ์ในราศีกุมภ์นี้พบกับกระแสแรงของดาวราหู(๘)ถึง2ดวงคือทั้งดวงเดิมและดวงจรทับกันในราศีเมถุน  ซึ่งราศีเมถุนนี้เอง ใช้พิจารณาถึงตำแหน่ง อันเป็นตำแหน่งกัมมะ ภพที่ 10 ของชะตาอภิสิทธิ์ ซึ่งหมายถึงงานการอาชีพ หรือตำแหน่งรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีนั่นเอง ซึ่งได้พบว่าได้เกิดปัญหาอย่างยากที่จะแก้ไขหรือเอาชนะได้จากผลของดาวดังกล่าวมา  อันเกิดจากคู่แข่งขันแรงมาก ศัตรูแรงมาก จนเราน่าจะขยับเขยื้อนไม่ออกเลย จนน่าจะชวดตำแหน่งการงานการเมืองที่สำคัญไปหมด  นี่คือประเด็นสำคัญ 3 ประการ ที่ลดทอนอำนาจ บารมีของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ลง  และ  ครั้นเข้าวันที่ 3 มีนาคม 2562  เมื่อดาวพฤหัสบดีเคลื่อนออกไปจากราศีพิจิก ... ความหวังทุกอย่างของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และทั้งพรรคประชาธิปัตย์ อันเกี่ยวกับตำแหน่งทางการเมืองก็หมดลง..ฉะนั้น ชะตานี้จะชวดตำแหน่งทางการเมืองไปหมดในระหว่างวันที่ 3 มีนาคม – 25 พ.ค. 2562 ชะตาหาค่ามิได้  อย่างไรก็ตามชะตาพรรคประชาธิปัตย์และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระยะนี้ไป จะมีลักษณะขึ้น ๆ ลง ๆ ไปจนถึงเดือนตุลาคม 2562 จึงจะเข้าสู่เสถียรภาพ อันเป็นผลจากการห่างเหินไปจากบทบาทหน้าที่โดยตรงทางการเมืองไปแล้ว

 

 

6.  ดวงชะตาพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา  

ปรากฏว่า ตั้งแต่อายุครบ 64 ปีเต็มวันที่ 21 มีนาคม 2561 เป็นต้นมาถึงวันเลือกตั้ง 24 กุมภาพันธ์ 2562   ดาวประจำตัวคือดาวเสาร์(๗)เดิมมหาอุจ ได้โคจรลงสู่ภพที่ 12 ของดวงชะตาที่ได้ชื่อว่าภพวินาสน์ เท่านี้ก็ถือว่าร้ายแรงตกต่ำอยู่แล้ว  แต่ดาวเสาร์(๗)ดวงจรนี้ก็ยังได้แปรสภาพทักษาร้ายไปอีกด้วย คือเป็นกาลกิณีจร   มองณจุดนี้ แค่นี้ ก็เห็นได้ว่าร้ายและยากที่จะประสบความสำเร็จในทางการเมืองไปได้  วันเลือกตั้ง 24 ก.พ.2562 น่าเป็นวันที่เจ้าชะตานี้ประสบความปราชัยไปแบบหมดประตูสู้ไปเลย    นี่น่าเป็นไปตามความหมายของดาวประจำตัวที่ตกต่ำและทั้งยังสภาพร้ายแรงโดยเป็นกาลกิณีจรอีกด้วย 

 

ดวงที่ 5 ดวงกำเนิด 

 

 

ดวงที่ 5 ดวงกำเนิด

ดวงชะตาพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา

 

 

ดวงที่ 6 ดวงจร

 

ดวงที่ 6 ดวงจร

ดวงชะตาดาวจร วันเลือกตั้งไทย 24 ก.พ.2562 

......แต่เราจะดูเฉพาะตรงนี้ก็จะไม่รอบคอบพอ สำหรับชะตาพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชานี้..... แม้ดาวประจำตัวจะตกต่ำขนาดนี้ก็ตาม  ...เห็นดาวตกเหวไปก็ตาม..จะคิดว่าตาย อันตรายร้ายแรงถึงชีวิต ก็น่าคิดจริง.....  แต่สำหรับชะตานี้เมื่อมองตามดาวตกไป  กลับได้พบว่าที่ภพวินาสน์อันเป็นเหวลึกอันตรายนั้น ได้มีดาวมหามิตรคือราหู(๘)เดิมรอรับอยู่ที่ก้นเหวนั้น เป็นราหู(๘)เดิมธาตุลม ในราศีธนูธาตุไฟ  เมื่อเสาร์(๗)ตนุลัคณ์ ธาตุไฟหล่นลงมาก็จึงมีมหามิตรรับเอาไว้ได้และยังเป็นระบบธาตุที่ผสานเกื้อกูลกันดีอีกด้วย คือ ราหูธาตุลม บวกเสาร์ธาตุไฟในราศีธนูธาตุไฟ จึงนอกจากไม่เป็นอันตรายก็ยังมีการเยียวยากันอย่างดีอีกด้วย  ซึ่งเมื่อแปลความหมายทางการเมืองต่อไป  ก็คือ มีการซุ่มตัว คบคิดแผนการเมืองต่อไปแบบลับ ๆ มีแผนลับลึกซึ้งที่คิดเอาชนะต่อไปอีก  ...และแล้ว มีมากไปกว่านั้นคือมีดาวราหู(๘)จรมาสมทบอีกดวงหนึ่ง คือราหู(๘)จรยกย้ายราศีจากราศีกรกฎเข้าสู่เข้าสู่ราศีเมถุนก่อนวันเลือกตั้ง 2 วัน คือวันที่ 22ก.พ.2562 ราหู(๘)จรยกย้ายราศีเข้าสู่ราศีเมถุน ผลก็คือมีมหามิตรมาช่วยอีกแรงหนึ่งเป็น2เท่าไปเลย  เป็นราหู(๘)ธาตุลม 2 ดวง ดวงเดิมกับดวงจร ก็ส่งผลแรงกว่าเดิมไปอีกเป็น2เท่า...ซึ่งในกรณีการช่วยของมหามิตรใหญ่รวมตัวกันมาช่วยนี้ มองในประเด็นตนุลักคณ์เป็นกาลกิณีจร ก็แปลได้ว่าเจ้าชะตาอาจจะไม่ได้รู้ในแผนงานที่มหามิตรทำให้เลยก็ได้  รูปธรรมก็อาจจะเป็นว่าพล.อ.ประยุทธ จะไม่รู้แผนการเมือง หรือไม่ได้คิดแผนเองเลย  ไม่ได้คิดที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีเองเลย  แต่มีพรรคอื่น เพื่อนอื่นผู้มีอำนาจอื่นคิดให้ทั้งสิ้น  ก็เป็นได้ส่วนความหมายหนึ่งเหมือนกัน    นี่คือการช่วยของดาวมหามิตร 2 ดวง ราหู(๘)เดิม  ราหู(๘)จร   ซึ่งไม่เท่านั้นในวันเลือกตั้ง 24 ก.พ.2562  ยังมีดาวพฤหัสบดี(๕)จร โดยพลังมหาจักร ในราศีพิจิก ซึ่งอยู่ในตำแหน่งภพที่ 11 ของดวงชะตาราศีมังกร  แล้วประสานอย่างแรงกับอาทิตย์(๑)ในราศีมีน  นี่แหละ หนุนอย่างเต็มที่อีกด้วยและพลังนี้เองบ่งบอกถึงชัยชนะ น่าส่งผลแด่ชัยชนะและตำแหน่งสูงสุดทางการเมือง คือนายกรัฐมนตรีคนต่อไป  ....อย่างไรก็ดี ตามดวงชะตาพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา  ได้สร้างปัญหามาร่วมปีแล้ว  แม้ขณะนี้เองและในวันเลือกตั้งเอง  แต่มาบัดนี้จวนหมดลงอันเนื่องมาจากสภาพดาวกาลกิณีของตนุลักคณ์จะหมดลงแล้ว กลายเป็นมนตรีจรแทนในวันเกิด 21 มี.ค.2562 นั้นแหละพ้นปัญหาทุกประการ

 

7. ดวงชะตาประเทศไทย 

ดวงที่ 7 ดวงกำเนิด

 

 

ดวงที่ 7 ดวงกำเนิด
ดวงชะตาประเทศไทย

 

 ...และครั้นมองดูดวงชะตาประเทศไทยประกอบกับดวงชะตานักการเมืองและการเลือกตั้ง 24 ก.พ.2562   จะได้พบว่าชะตาประเทศอยู่ในสถานะของความไม่แน่นอน สถานการณ์ของประเทศไทยจะปั่นป่วนมาตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม 2561 มาแล้ว ..แต่ไม่อันตราย  และบัดนี้ ก็กำลังจะมาสู่สถานการณ์ความสงบลง  โดยเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2562  เป็นต้นไปถึงวันที่ 25 พฤษภาคม 2562 ซึ่งในระหว่าง 3 เดือนนี้แหละที่น่าจะได้มีคณะรัฐบาลชุดใหม่ขึ้นมาบริหารประเทศ  และจากนี้ไปก็จะสงบ เจริญและก้าวหน้า  เข้า 5 ธ.ค.2563 แล้ว นั้นจะเป็นวาระที่จักได้สถาปนาความมีเสถียรภาพยั่งยืนมั่นคงของประเทศนี้ มีความก้าวหน้าอย่างมีหลักการต่อเนื่องไปไม่ขาดเป็นเวลาถึง 5 ปี  ระหว่าง  5 ธ.ค.2563 ถึง 13 ก.พ.2569  เป็นระยะที่หวังจากดวงชะตาประเทศไทยว่าเป็นระยะแห่งเศรษฐกิจ ความสุข สงบ มั่นคง ก้าวหน้าสู่อารยธรรมโลกเลยทีเดียว

 

หมายเหตุ  การที่มีผลทางการพยากรออกมาอย่างนี้ ที่ควรจะได้พบจากคำพยากรณ์ก็คือ  เป็นระยะที่ประเทศไทยขาดนักการเมืองคนเก่ง  ผู้นำทางการเมืองที่มาเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง 24 ก.พ.2562  ล้วนแต่มีข้อบกพร่องหรือได้รับผลร้าย เสียหายแก่ชะตาตนเอง จากระบบดาวช่วงนี้พอ ๆ กันตามระบบจักรราศีดาวแห่งโหราศาสตร์ระยะมีการเลือกตั้งครั้งนี้  ต่างมีข้อตกต่ำไปพอ ๆ กัน  จนไม่คิดว่าจะมีผู้ใดเก่งมีความสามารถมากกว่าใครเลย แม้ในดวงชะตาก็ไม่มีใครเด่น จนอาจพยากรณ์ได้เลยว่าจะเป็นผู้ชนะ  มีแต่ผู้แพ้ทั้งนั้น  อย่างเช่นพรรคเพื่อไทย และผู้นำพรรคเพื่อไทย  ก็พบอยู่ว่าไม่เหมาะกับจังหวะนี้  พรรคประชาธิปัตย์ กับหัวหน้าพรรคก็พบว่ามีความเก่งอยู่ไม่น้อย หากแต่เก่งไปไม่ตลอด  เพราะตามระบบดาว ดวงชะตาเกิดห่างหายไปหลังการเลือกตั้ง  ส่วนพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ตามผลจากดาวในชะตา ก็อยู่ในระยะที่สร้างผลงานมาอย่างตกต่ำ ทำความเสียหายแด่การเงินของประเทศอย่างสูง จนประชาชนเมินเฉยไปจนไม่น่าจะประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง มองเฉพาะตรงนี้ก็อาจเห็นว่าไม่ชนะมีแต่แพ้  หากสำหรับดวงชะตาพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา กลับมีพลังดาวมาทดแทนให้ โดยการจรของดาวมหามิตรราหู(๘) นั้นเองถึง 2 ดวง ที่แสดงถึงการมีคณะบุคคล หรือกลุ่มคนรัก หรือมิตรสหาย หรือพรรคการเมืองนั่นเองหลายพรรคช่วยกันสนับสนุนโอบอุ้ม  จึงตีตัวพ้นปัญหามาได้  และได้รับการสนับสนุนจนทำให้ดวงชะตามีสง่าราศีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับนักการเมืองคนอื่น ก็ดีกว่า มีความหมายกว่าดวงชะตานักการเมืองคนอื่นไปได้  จึงทายได้ว่าน่าเป็นผู้ชนะ  และได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีกสมัยหนึ่ง

 

นี่คือการพยากรณ์โดยย่อตรงประเด็นตามหลักการโหราศาสตร์ไทย เราถือว่าเป็นงานวิจัยทางโหราศาสตร์อีกผลงานหนึ่ง   ซึ่งก็อาจจะมีผิดมีถูก  อย่างไร ก็จักได้เป็นความรู้ไปทั้งนั้น และนี่ก็คือการเปิดเผยทฤษฎีโหราศาสตร์ออกมาอีกหลายทฤษฎีที่ละเอียดอ่อนลึกซึ้ง ที่ทางเราผู้พยากรณ์หวังให้เกิดประโยชน์แด่วิชาการทางโหราศาสตร์ต่อไปโดยเฉพาะ  ที่ผู้ศึกษาโหราศาสตร์น่าจะได้ประโยชน์ในการศึกษาวิจัยต่อไป ขอขอบคุณที่ให้ความสนใจและให้เกียรติแด่วิชาโหราศาสตร์  สวัสดีครับ. 

 

 

               ชลัมพุช โหรชนบท 

              (พระครูพุทธิพงศานุวัตร)

3 ม.ค.2562 02.30 น.

 

 

 

 

 

 

 

 ติดตามเรื่องราวทั้งหมดของหนังสือพิมพ์ดี

ได้ทางเวบไซต์ของเรา คือ 

www.newworldbelieve.net
www.newworldbelieve.com

 

และ
www.facebook.com phayap panyatharo

 

 

จบดีเล่มที่ 54

 

 

 

 




ดี เล่มที่ 45 - 53 + 54 + 55+56+57+58+59+ 60

หนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 28
หนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 29
หนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 30
ดี เล่มที่ 45
ดี เล่มที่ 46
ดี เล่มที่ 47
ดี เล่มที่ 48
ดี เล่มที่ 49
ดี เล่มที่ 50
ดี เล่มที่ 51
ดี เล่มที่ 52
ดี เล่มที่ 53
ดีเล่มที่ 55
ดีเล่มที่ 56
ดีเล่มที่ 57 BUDDHISM toTHE NEWWORLD ERA
ดีเล่่มที่ 58 Buddhism to the New world Era
ดีเล่มที่ 59
การเมืองเสนอให้คิด คนไทยไปสู่ประชาธิปไตยจริงๆ ชุดที่ 1-5 18เรื่องต้นฉบับไทยสมบูรณ์



Copyright © 2010 All Rights Reserved.
----- ***** ----- โปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate นี่คือเวบไซต์คู่ www.newworldbelieve.com กับ www.newworldbelieve.net เราให้เป็นเวบไซต์ที่เสนอธรรมะหรือ ความจริง หรือ ความคิดเห็นในเรื่องราวของชีวิต ตั้งใจให้ธัมมะเป็นทาน ให้สิ่งที่เป็นประโยชน์แด่คนทั้งหลาย ทั้งโลก ให้ได้รู้ความจริงของศาสนาต่าง ๆในโลกวันนี้ และได้รู้ศาสนาที่ประเสริฐเพียงศาสนาเดียวสำหรับโลกยุคใหม่ จักรวาลใหม่ เรามีผู้รู้ ผู้ตรัสรู้ ผู้วินิจฉัยสรรพธรรมสรรพวิชชา สรรพศาสน์ และสรรพศาสตร์ พอชี้ทางสู่โลกใหม่ ให้ความสุข ความสบายใจความมีชีวิตที่หลุดพ้นไปสู่โลกใหม่ เราได้อุทิศเนื้อที่ทั้งหมดเป็นเนื้อที่สำหรับธรรมะทั้งหมด ไม่มีการโฆษณาสินค้า มาแต่ต้น นับถึงวันนี้ร่วม 14 ปีแล้ว มาวันนี้ เราได้สร้างได้ทำเวบไซต์คู่นี้จนได้กลายเป็นแดนโลกแห่งความสว่างไสว เบิกบานใจ ไร้พิษภัย เป็นแดนประตูวิเศษ เปิดเข้าไปแล้ว เจริญดวงตาปัญญาละเอียดอ่อน เห็นแต่สิ่งที่น่าสบายใจ ที่ผสานความคิดจิตใจคนทั้งหลายด้วยไมตรีจิตมิตรภาพล้วน ๆ ไปสู่ความเป็นมิตรกันและกันล้วน ๆ วันนี้เวบไซต์นี้ ได้กลายเป็นโลกท่องเที่ยวอีกโลกหนึ่ง ที่กว้างใหญ่ไพศาล เข้าไปแล้วได้พบแต่สิ่งที่สบายใจมีความสุข ให้ความคิดสติปัญญา และได้พบเรื่องราวหลายหลากมากมาย ที่อาจจะท่องเที่ยวไปได้ตลอดชีวิต หรือท่านอาจจะอยากอยู่ณโลกนี้ไปชั่วนิรันดร ไม่กลับออกไปอีกก็ได้ เพียงแต่ท่านเข้าใจว่านี่เป็นแดนต้นเรื่องเป็นด่านข้ามจากแดนโลกเข้าไปสู่อีกโลกหนึ่ง และซึ่งเป็นโลกหรือบ้านของท่านทั้งหลายได้เลยทีเดียว ซึ่งสำหรับคนต่างชาติ ต่างภาษาต่างศาสนา ได้โปรดใช้การแปลของ กูเกิล หรือ Google Translate แปลเป็นภาษาของท่านก่อน ที่เขาเพิ่งประสบความสำเร็จการแปลให้ได้แทบทุกภาษาในโลกมนุษย์นี้แล้ว ตั้งแต่ต้นปีนี้เอง นั้นแหละเท่ากับท่านจะเป็นที่ไหนของโลกก็ตาม ทั้งหมดโลกประมาณ 7.6 พันล้านคนวันนี้ สามารถเข้ามาท่องเที่ยวในโลกของเราได้เลย เราไม่ได้นำท่านไปเที่ยวแบบธรรมดาๆ แต่การนำไปสู่ความจริง ความรู้เรื่องชีวิตใหม่ การอุบัติใหม่สู่ภาวะอริยบุคคล ไปสู่การเปลี่ยนแปลงไปพ้นจากทุกข์ ทั้งหลายไปสู่โลกแห่งความสุขแท้นิรันดร คือโลกนิพพานขององค์บรมศาสดาพุทธศาสนา พระบรมครูพุทธะ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพียงแต่ท่านโปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate ท่านก็จะเข้าสู่โลกนี้ได้ทันทีพร้อมกับคน7.6พันล้านคนทั้งโลกนี้. ----- ***** ----- • หมายเหตุ เอาขึ้นเวบไซต์ แทนของเดิม ทั้ง 2 เวบ .net .com วันที่ 21 เม.ย. 2565 เวลา 07.00 น. -----*****-----