วันอาสาฬหบูชา
.jpg)
ขอเจริญพร ท่านอาจารย์โรงเรียนวัดมหาพุทธารามของเรา มีท่านอาจารย์บุญทัน เที่ยงธรรม อาจารย์ดร.เสรี แสงลัพ อาจารย์ทั้งหลายและนักเรียนของเราทุกคน ๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่การภารโรง ทุกๆคน ที่ได้มาชุมนุมทำบุญตักบาตรในอาสาฬหบูชาวันนี้ สำหรับวันอาสาฬหบูชา ปกติแล้ว พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระราชธรรมสารสุธี ท่านจะมาเป็นประธานสงฆ์ และให้โอวาทแด่ท่านทั้งหลาย แต่สำหรับปีนี้ พระเดชพระคุณท่านได้ติดภาระทางศาสนากิจสำคัญ จึงได้มอบหน้าที่นี้ให้อาตมภาพมาทำการแทน
จึงจะขอให้โอวาทแทนพระเดชพระคุณท่านไปตามกำลังสติปัญญา ที่มีอยู่นิดน้อย จึงขอให้ท่านทั้งหลายได้สละเวลาฟังอาตมภาพอย่างสงบ ๆ สัก 5 นาทีก็คงจะช่วยให้เข้าใจในสิ่งที่อาตมภาพพูดได้
วันอาสาฬหบูชา
วันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 เป็นวันก่อนเข้าพรรษา 1 วัน คำว่า อาสาฬห เป็นภาษาบาลี แปลว่า เดือน 8 อาสาฬหบูชา ก็แปลว่า การบูชาเดือน 8 นั่นเอง
ปีนี้ก็จะตรงกับวันเสาร์ ที่ 8 กรกฎาคม 2560 แล้ววันต่อไป ก็เป็นวันเข้าพรรษา วันแรม 1 ค่ำเดือน 8 ตรงกับวันที่ 9 กรกฎาคม 2560
สำหรับความสำคัญของวันอาสาฬหบูชา จนต้องมีการบูชากันทุกปี ๆ ของชาวพุทธทั้งโลก นี้ก็คือ เป็นวันที่พระพุทธเจ้า เมื่อได้ทรงตรัสรู้ธรรมะเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ก็ทรงเสด็จมาโปรดปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 คือ โกณทัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และ อัสชิ ที่ป่าอิสิปตนะมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี
พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมะ เรื่องแรกคือ ธัมมจักกัปปวัตนสูตร ซึ่งตรัสถึงหลักธรรมสำคัญของพระพุทธศาสนาคือ หลัก อริยสัจสี่ ทุกข์ สมุห์ทัย นิโรธ มรรค แด่ปัญจวัคคีย์ เป็นผลให้ พระฤาษีอัญญาโกณฑัญญะ บรรลุโสดาบัน แล้วกลายเป็นอัครสาวกองค์แรก เป็นพระอริยสงฆ์สาวกขึ้นเป็นองค์แรก และทำให้เกิดครบองค์พระรัตนตรัย หรือแก้ว 3 ดวง ของพระพุทธศาสนาขึ้น แต่ในวันอาสาฬหบูชานี้ ยังเป็นพระสาวกระดับพระโสดาบัน ชั้นต้นแห่งโลกนิพพานอยู่ ซึ่งเป็นระดับต้นของมรรคผลแห่งโลกนิพพานเท่านั้นเอง
ซึ่งโลกนิพพานนั้น มี 9 ชั้น 9 ระดับ คือ
1. โสดาบันมรรค 2. โสดาบันผล 3. สกิทาคามีมรรค 4. สกิทาคามีผล 5. อนาคามีมรรค 6. อนาคามีผล 7. อรหันต์มรรค 8. อรหันตผล และ สูงสุด 9. พุทธภูมิ หรือ พุทธภาวะ
แต่แม้เพียงชั้นต้น ระดับโสดาบันนี้ก็ตาม ก็เป็นสิ่งที่สูงส่งเหนือโลกทั้งโลกมนุษย์และโลกเทพเทวาพรหมแล้ว เทพเทวาทั้งหลาย ทั้ง 21 ชั้นที่ได้เฝ้ามองอยู่ จึงพากันตื่นเต้นยินดีกันมาก
ในพระธัมมจักกัปปะวัตนะสูตร กล่าวว่า
<<< อิมัสมิญจะ ปะนะ เวยยากะระณัสมิง ภัญญะ มาเน อายัสมะโต โกญฑัญญัสสะ วิระชัง วีตะมะลัง ธัมมะจักขุง อุทะปาทิ ยังกิญจิ สะมุทะยะธัมมัง สัพพันตัง นิโรธะธัมมันติ
ปะวัตติเต จะ ภะคะวะตา ธัมมะจักเก ภุมมา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง >>>
ซึ่งมีคำแปลภาษาไทยเราว่า
<<< ก็แล เมื่อไวยากรณ์นี้ อันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอยู่
จักษุในธรรม อันปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน ได้เกิดขึ้นแล้ว แก่พระผู้มีอายุโกณทัญญะ ว่า " สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดาแล้ว สิ่งนั้นทั้งปวง ก็ต้องดับสลายไปเป็นธรรมดา” ก็เมื่อธรรมจักรอันพระผู้มีพระภาคเจ้า ให้เป็นไปแล้ว เหล่าภูมิเทวดา ก็ส่งเสียงให้บันลือลั่นขึ้น>>>
<<< อิติหะ เตนะ ขะเณนะ เตนะ มุหุตเตนะ ยาวะ พรัหมะโลกา สัทโท อัพภุคคัจฉิฯ อะยันจะ ทะสะสะหัสสี โลกะธาตุ สังกัมปิ สัมปะกัมปิ สัมปะเวธิฯ อัปปะมาโณ จะ โอฬาโร โอภาโส โลเก ปาตุระโหสิ อะติกกัมเมวะ เทวานัง เทวานุภาวัง ฯ…..
ทั้งหมื่นโลกธาตุได้หวั่นไหว สะเทือนสะท้าน เสียงดังสนั่นลั่นไป ทั้งแสงสว่างอันหาประมาณมิได้ ได้ปรากฏขึ้นในโลก เหนือกว่าอานุภาพของเหล่าพรหม >>>
ซึ่งท่านทั้งหลายจะเห็นสัจธรรมว่า พระอัญญาโกญฑัญญะ เมื่อสำเร็จโสดาบัน เป็น ผู้ได้รู้ ซึ่งนั้นมีความหมายว่า พระโสดาบันอัญญาโกณฑัญญะ ไม่ได้เดินทางไปสวรรค์ 21 ชั้นนั้น แต่เดินทางสู่โลกนิพพาน 9 ชั้น คือ โสดาบันมรรค, โสดาบันผล, สกิทาคามีมรรค, สกิทาคามีผล, อนาคามีมรรค, อนาคามีผล, อรหันต์มรรค, อรหันต์ผล และสูงสุด พุทธภูมิ หรือ พุทธภาวะ การที่ได้เห็นพระอัญญาโกณฑัญญะ เดินทางเข้าสู่ทางมรรคผลนี่แหละที่ เทพ พรหม ในสวรรค์ทั้ง 21 ชั้นพากันตื่นเต้น ปิติกันทั้งสวรรค์ เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน
ฉะนั้น วันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมครั้งแรก ด้วยพระสูตรชื่อว่า ธัมมจักกัปปวัตนสูตร นั้นเอง คือวันที่มีความสำคัญในความหมายของมรรคผลนิพพานในพระพุทธศาสนา อันเป็นเป้าหมายสูงสุดของศาสนาพุทธนี้ ไม่ใช่แดนเทวดา พรหม มหาพรหม แต่เป็นแดนที่พ้นทุกข์ คือโลกแห่งมรรคผลนิพพาน ชาวพุทธเราเอามารำลึกถึงพระอริยสาวกองค์แรก พระอริยสงฆ์องค์แรกในพระพุทธศาสนา ที่ได้มีดวงตาเห็นธรรมะมรรคผลนิพพานได้ ในวันที่ทรงแสดงปฐมเทศนา จึง เรียกว่าวันอสาฬหบูชา หรือวันบูชาเดือน 8 ซึ่งเป็นวันที่มนุษย์และเทพเทวดาทุกราศีตื่นเต้นยินดีกันทั้งสวรรค์ที่ได้เห็นพระอริยสาวกองค์แรกเกิดขึ้นและเกิดเป็นองค์3 คือ พระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ เป็นไตรรัตนะ หรือดวงแก้วอันประเสริฐ 3 ดวงเกิดขึ้นแล้ว ในพระพุทธศาสนา และได้เห็นว่า คำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นำไปสู่โลกนิพพานได้จริง มีพระอริยบุคคล ได้รู้ตามพระพุทธองค์ได้จริง ยืนยันต่อมาจนถึงทุกวันนี้
ซึ่งข้อเท็จจริงที่พวกเราควรจะทราบ ก็คือ เทพ พรหม มหาพรหม ในสวรรค์ชั้นเทพ โลกพรหม มหาพรหมกี่ชั้นก็ตาม 7 ชั้น หรือ 21 ชั้นก็ตาม เป็นโลกที่ยังไม่หมดสิ้นกิเลส แต่โลกนิพพานเป็นโลกที่สิ้นไปจากกิเลสทุกชนิด เมื่อเห็นว่ามีผู้รู้ตาม เดินตามพุทธองค์สู่โลกนิพพาน ที่มีความดับสนิทแห่งกิเลส และกองทุกข์ ไปสู่ความสุขอันนิรันดร จึงบันดาลให้ เกิดปัญญาแด่เทพ เทวา พรหม ทุกเหล่า รวมทั้งมนุษย์ทั้งหลาย รวมทั้งพวกเราเองที่มาชุมนุมทำบุญรำลึกถึงเหตุการณ์วันนั้น ทำให้ได้สติในเรื่องกรรม กิเลส กาม ต่างก็บำเพ็ญเพื่อบรรลุอรหันตธรรม อรหันตโลก โลกนิพพาน นี้เช่นเดียวกันกับพระอริยสาวก และชาวพุทธในโลกมนุษย์สืบมาตราบปัจจุบันและอนาคต
จึงตรงพุทธดำรัสว่า
นิพพานํ ปรมํ สุขํ นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง ผู้สร้างบุญ บารมีมาสูงสุด สิ้นกิเลส จึงจะสามารถเข้าสู่โลกนิพพานได้.
อระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ
พระผู้มีพระภาคเจ้า, เป็นพระอรหันต์, ดับเพลิงกิเลส (ขจัดกิเลสทุกชาติพันธ์แห่งกิเลสสิ้นไปจากใจ ไกลกิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งหลาย) เพลิงทุกข์ทั้งมวลสิ้นสุดลงแล้ว, ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
ฉะนั้น การที่ชาวพุทธทั่วโลก และพวกเราทั้งหลาย โรงเรียนวัดมหาพุทธาราม โรงเรียนการกุศลของวัด ของเรา มารำลึกบูชาถึงวันนั้น ที่ต่อมาพวกเราเรียกว่าวันอาสาฬหบูชา วันบูชาในเดือน 8 นี้ จะได้นำมาพิจารณาเนือง ๆ ถึงธรรมะที่พระพุทธองค์ทรงสอน คือธัมมจักกัปปวัตนะสูตร โดยย่อคือธรรมะที่พระอัญญาโกญฑัญญะ ได้รู้ ได้สำเร็จธรรม
เพื่อการรู้แจ้งธรรมะ ปัญจักขันธา สังขารทั้งหลาย ว่าเป็นสิ่งที่เป็น อนิจจัง ทุกขัง และ อนัตตา ตามรอยบาทพระองค์เข้าสู่โลกที่หมดทุกข์ คือ นิพพาน ภายในชาติมนุษย์เรานี้ ให้จงได้
จึงควรที่พวกเราทั้งหลาย ผู้ที่นับถือศาสนาพุทธ จะหมั่นคิดตีความหมาย ทำการวิปัสสนา ทำการพิจารณาเนือง ๆ ตลอด ที่มีชีวิตอยู่ตามท่านอัญญาโกญฑัญญะว่า
<<< ยังกิญจิ สะมุทะยะธัมมัง สัพพันตัง นิโรธะธัมมันติ สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดาแล้ว สิ่งนั้นทั้งปวง ก็ต้องดับสลายไปเป็นธรรมดา >>>
สัพเพ สังขารา อนิจจา สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ มีการเปลี่ยนสภาพไปตลอดเวลา ไม่คงอยู่ในสภาพเดิมได้เลย
สัพเพ สังขารา ทุกขา สังขารทั้งหลายเป็นทุกข์หนอ มีแต่ค่อยเสื่อมสลายลงไปตามลำดับ ๆ ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ มีเกิดแล้ว มีแก่ มีเจ็บ และมีตาย มีตายแล้วเกิดใหม่ ไม่อยู่คงที่ได้เลย
สัพเพ ธัมมา อนัตตา สรรพสิ่งทั้งหลายไม่ใช่ของเราหนอ ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตนเลย อย่าพึงไปหลงยึดมั่นว่า นั่นของเรา นั่นของเขาเลย เพราะแท้จริงคือ อนัตตา ไม่ใช่สิ่งที่จะยึดมั่นว่าเป็นของเรา ของเขาได้
ซึ่ง นี่แหละที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสว่า เป็นสิ่งที่คนทั้งหลายไม่เคยรู้มาก่อน
ซึ่งเมื่อนำไปวิปัสสนา หรือพิจารณาไปบ่อย ๆ เนือง ๆ ก็ย่อมจะเข้าใจ รู้ความจริงและเมื่อได้รู้ความจริงแล้ว รู้ละเอียดทั่วถึง แล้วก็ จะนำไปสู่ความหน่ายในสังขารทั้งหลาย เป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้คนละคลายไปจากกิเลส ตัณหา อุปาทาน หน่ายไปจากกามารมณ์และความดีดดิ้นแห่งจิตใฝ่ในกามารมณ์ลงไป แล้วจุดประกายปัญญาธรรมแห่งมรรคผลนิพพานขึ้นได้ นั่นคือไปสู่โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล อย่างที่ท่านอัญญาโกญฑัญญะ สำเร็จในวันอาสาฬหบูชายุคพระพุทธองค์ เป็นเบื้องต้นไป ถึง อรหัตมรรค อรหัตตผล เลยสู่พุทธภาวะ หรือ พุทธภูมิอันสูงสุดต่อไป แม้ในชาตินี้ ปีนี้ เดือนนี้ วันนี้ ที่นี่และเดี๋ยวนี้เอง ภพนี้เองเลย ก็ย่อมอยู่ในครรลองของเหตุและผลที่จะเป็นไปได้
ก็ขอจบการให้โอวาททางธรรมะแด่ท่านครู อาจารย์ และนักเรียน ของเรา รร.วัดมหาพุทธารามลงแต่เพียงนี้ หวังว่าสิ่งที่ได้ฟัง จะเป็นประโยชน์ต่อชีวิตของพวกเราต่อไป ตามสติปัญญา ตามความเอาใจใส่ พิจารณาเรื่องราวของวันอาสาฬหบูชาที่เล่ามาให้ฟังนี้อยู่เนือง ๆ ไปตลอดกาลข้างหน้า
เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้.
******************
แฟ้ม : ปัญจักขันธา16 แบบพิมพ์ยาว(ขวาง) บทเทศนาสั้นสำหรับเทศน์หรือให้โอวาทในงานทำบุญตักบาตรวันอาสาฬหบูชาของรร.วัดมหาพุทธาราม – Microsoft Word