ReadyPlanet.com
dot
dot dot
bulletBUDDHISM TO THE NEW WORLD ERA
bullet1 Thai-ไทย
bullet2.English-อังกฤษ
bullet3.China-จีน
bullet4.Hindi-อินเดีย
bullet5.Russia-รัสเซีย
bullet6.Arab-อาหรับ
bullet7.Indonesia-อินโดนีเซีย
bullet8.Japan-ญี่ปุ่น
bullet9.Italy-อิตาลี
bullet10.France-ฝรั่งเศส
bullet11.Germany-เยอรมัน
bullet12.Africa-อาฟริกา
bullet13.Azerbaijan-อาเซอร์ไบจัน
bullet14.Bosnian-บอสเนีย
bullet15.Cambodia-เขมร
bullet16.Finland-ฟินแลนด์
bullet17.Greek-กรีก
bullet18.Hebrew-ฮีบรู
bullet19.Hungary-ฮังการี
bullet20.Iceland-ไอซ์แลนด์
bullet21.Ireland-ไอร์แลนด์
bullet22.Java-ชวา
bullet23.Korea-เกาหลี
bullet24.Latin-ละติน
bullet25.Loa-ลาว
bullet26.Finland-ฟินแลนด์
bullet27.Malaysia-มาเลย์
bullet28.Mongolia-มองโกเลีย
bullet29.Nepal-เนปาล
bullet30.Norway-นอรเวย์
bullet31.persian-เปอร์เซีย
bullet32.โปแลนด์-Poland
bullet33.Portugal- โปตุเกตุ
bullet34.Romania-โรมาเนีย
bullet35.Serbian-เซอร์เบีย
bullet36.Spain-สเปน
bullet37.Srilanga-สิงหล,ศรีลังกา
bullet38.Sweden-สวีเดน
bullet39.Tamil-ทมิฬ
bullet40.Turkey-ตุรกี
bullet41.Ukrain-ยูเครน
bullet42.Uzbekistan-อุสเบกิสถาน
bullet43.Vietnam-เวียดนาม
bullet44.Mynma-พม่า
bullet45.Galicia กาลิเซียน
bullet46.Kazakh คาซัค
bullet47.Kurdish เคิร์ด
bullet48. Croatian โครเอเซีย
bullet49.Czech เช็ก
bullet50.Samoa ซามัว
bullet51.Nederlands ดัตช์
bullet52 Turkmen เติร์กเมน
bullet53.PunJabi ปัญจาบ
bullet54.Hmong ม้ง
bullet55.Macedonian มาซิโดเนีย
bullet56.Malagasy มาลากาซี
bullet57.Latvian ลัตเวีย
bullet58.Lithuanian ลิทัวเนีย
bullet59.Wales เวลล์
bullet60.Sloveniana สโลวัค
bullet61.Sindhi สินธี
bullet62.Estonia เอสโทเนีย
bullet63. Hawaiian ฮาวาย
bullet64.Philippines ฟิลิปปินส์
bullet65.Gongni-กงกนี
bullet66.Guarani-กวารานี
bullet67.Kanada-กันนาดา
bullet68.Gaelic Scots-เกลิกสกอต
bullet69.Crio-คริโอ
bullet70.Corsica-คอร์สิกา
bullet71.คาตาลัน
bullet72.Kinya Rwanda-คินยารวันดา
bullet73.Kirkish-คีร์กิช
bullet74.Gujarat-คุชราด
bullet75.Quesua-เคซัว
bullet76.Kurdish Kurmansi)-เคิร์ด(กุรมันซี)
bullet77.Kosa-โคซา
bullet78.Georgia-จอร์เจีย
bullet79.Chinese(Simplified)-จีน(ตัวย่อ)
bullet80.Chicheva-ชิเชวา
bullet81.Sona-โซนา
bullet82.Tsonga-ซองกา
bullet83.Cebuano-ซีบัวโน
bullet84.Shunda-ชุนดา
bullet85.Zulu-ซูลู
bullet86.Sesotho-เซโซโท
bullet87.NorthernSaizotho-ไซโซโทเหนือ
bullet88.Somali-โซมาลี
bullet89.History-ประวัติศาสตร์
bullet90.Divehi-ดิเวฮิ
bullet91.Denmark-เดนมาร์ก
bullet92.Dogry-โดกรี
bullet93.Telugu-เตลูกู
bullet94.bis-ทวิ
bullet95.Tajik-ทาจิก
bullet96.Tatar-ทาทาร์
bullet97.Tigrinya-ทีกรินยา
bullet98.Check-เชค
bullet99.Mambara-มัมบารา
bullet100.Bulgaria-บัลแกเรีย
bullet101.Basque-บาสก์
bullet102.Bengal-เบงกอล
bullet103.Belarus-เบลารุส
bullet104.Pashto-พาชตู
bullet105.Fritian-ฟริเชียน
bullet106.Bhojpuri-โภชปุรี
bullet107.Manipur(Manifuri)-มณีปุระ(มณิฟูรี)
bullet108.Maltese-มัลทีส
bullet109.Marathi-มาราฐี
bullet110.Malayalum-มาลายาลัม
bullet111.Micho-มิโช
bullet112.Maori-เมารี
bullet113.Maithili-ไมถิลี
bullet114.Yidsdish-ยิดดิช
bullet115.Euroba-ยูโรบา
bullet116.Lingala-ลิงกาลา
bullet118.Slovenia-สโลวีเนีย
bullet119.Swahili-สวาฮิลี
bullet120.Sanskrit-สันสกฤต
bullet121.history107-history107
bullet122.Amharic-อัมฮาริก
bullet123.Assam-อัสสัม
bullet124.Armenia-อาร์เมเนีย
bullet125.Igbo-อิกโบ
bullet126.History115-ประวัติ 115
bullet127.history117-ประวัติ117
bullet128.Ilogano-อีโลกาโน
bullet129.Eve-อีเว
bullet130.Uighur-อุยกูร์
bullet131.Uradu-อูรดู
bullet132.Esperanto-เอสเปอแรนโต
bullet133.Albania-แอลเบเนีย
bullet134.Odia(Oriya)-โอเดีย(โอริยา)
bullet135.Oromo-โอโรโม
bullet136.Omara-โอมารา
bullet137.Huasha-ฮัวซา
bullet138.Haitian Creole-เฮติครีโอล
bulletคำบูชาพระรัตนตรัย ทำวัตรแปล เช้า-เย็น
bulletChart Showing the Process
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พ.ศ.2540 - 2566
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี 1
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี 2
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี บุคคลที่ 1 - 188 ปัจจุบัน
bulletหนังสือพิมพ์ดี
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 1
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 2
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 3
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 4
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 5
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 6
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 7
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 8
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 9
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 10
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 11
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 12
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 13
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 14
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 15
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 16
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 17
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 18
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 19
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 20
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 21
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 22
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 23
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 24
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 25
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 26
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 27
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 28
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 29
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 30
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 31
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 32
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 33
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 34
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 35
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 36
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 37
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 38
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 39
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 40
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 41
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 42
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 43
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 44
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 45
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 46
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 47
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 48
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 49
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 50
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 51
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 52
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 53
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 54
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 55
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที่ 56
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 57
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 58
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 59
bulletTo The World
bulletENGLISH
bulletUSA
bulletChina
bulletIndia
bullet Mynmar
bullet Cambodia
bullet Loas
bulletSri Lanka
bulletMalaysia
bulletKorea
bulletA Sharp Turn of Believes : Iresearch Iwrite Iread
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 1
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 2
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 3
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 4
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 5
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 6
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 7
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 8
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 9
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 10
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 11
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 12
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 13
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 14
bulletMystery Report 15
bulletMystery Report 16
bulletMystery Report 17
bulletMystery Report 18
bulletMystery Report 19
bulletMystery Report 20
bulletMystery Report 21
bulletMystery Report 22
bulletMystery Report 23
bulletMystery Report 24
bulletMystery World Report 25
bulletศึกษาโลกลี้ลับ 26
bulletเฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้ว วิเคราะห์ทุกปัญหาในโลกมนุษย์ด้วยสติปัญญาและเหตุผลวิทยาศาสตร์จากนสพ.ดี
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2536
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2537
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2538
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2539
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2540
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2541
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2542
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2543-2545
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2545-2549
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2549-2550
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2550-ส.ค.2551
bulletเฝ้าดูฯ ส.ค.-ก.ย.2551
bulletเฝ้าดูฯ ก.ย.2551- ธ.ค. 2551
bulletเฝ้าดูฯสำนวนพัชรา กอปรทศธรรม
bulletสำนวนพัชราตอนที่ 16-27
bulletสำนวนพัชราตอนที่ 29
bulletบทความใหม่ เม.ย.-พ.ค.2552
bulletพุทธธรรมเพื่อทางดับทุกข์
bulletทฤษฎีการดับทุกข์ทางจิต วิปัสสนากรรมฐานโดยการทำงาน(สำนวนปรับปรุงใหม่)
bulletประวัติพัชรา กอปรทศธรรม
bulletประวัติการต่อสู้เพื่อการดับทุกข์ ของพัชรา กอปรทศธรรม
bulletอัลบั้มรูป history
bulletนิทานธรรมะประยุกต์ มานุสสาสุระสงคราม 4 ภาค และอื่น ๆ
bulletอัลบั้มรูป ภาพในอดีตและชีวประวัติศาสตร์ที่สวยงาม
bulletจากเวบบอร์ด พูดกันไม่รู้เรื่อง ประชาธิปไตยล้าหลัง
bulletศาสนาสากล การวิเคราะห์ความหมาย
bulletปลอบใจ
dot
รวมบทวิเคราะห์กม.คณะสงฆ์ แนวปฏิรูปคณะสงฆ์อยู่ในบทวิเคราะห์นี้แล้ว
dot
bulletรวมบทวิเคราะห์กม.คณะสงฆ์
dot
สากลจักรวาล สากลศาสนา แนวคิดศาสนาสำหรับคนยุคใหม่ ผู้ก้าวผิดทางไปสู่สิ่งไร้สาระโดยไม่รู้ตัว
dot
bulletสากล...ศาสนา 1
bulletสากล...ศาสนา 2
bulletสากล...ศาสนา 3
bulletสากล...ศาสนา 4
bulletสากล...ศาสนา 5
bulletสากล...ศาสนา 6
bulletสากล...ศาสนา 7
bulletสากล...ศาสนา 9
bulletสากล...ศาสนา 8
bulletสากล...ศาสนา 10
bulletสากล...ศาสนา 11
bulletสากล...ศาสนา 12
bulletสากล...ศาสนา 13
bulletสากล...ศาสนา 14
bulletสากล...ศาสนา 16
dot
ส่วนข้อมูลสำคัญเพื่อการวิจัยการเมืองไทยยุค คมช.-รัฐบาลอภิสิทธิ์
dot
bulletข้อมูลสำคัญยุคคมช.-รัฐบาลอภิสิทธิ์
bulletรายงานสดม็อบสนธิ-จำลอง-ปชป.เป่านกหวีดวันที่1/26ส.ค.2551
bulletรายงานสดม็อบสนธิ-จำลอง-ปชป.เป่านกหวีดวันที่2/27ส.ค.2551
bulletใบปลิว อีเมล์ ในหลวงทรงร้องไห้
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 1
bulletในหลวงเพิ่งทราบข่าวฆ่าประชาชน10เมย.53ทรงร้องไห้
bulletบันทึกลับเสื้อแดงผู้รอดชีวิตจากทำเนียบรัฐบาล
bulletบันทึกลับเสื้อแดงผู้รอดชีวิตจากทำเนียบรัฐบาล
dot
รวมข่าวม็อบการเมืองสนธิ-จำลอง-ปชป.มิ.ย.51-เม.ย.52 นสพ.
dot
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 2
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 3
bulletรวมข่าวม็อบ30มิ.ย.51-23มี.ค.52
bulletเลือดศรีสะเกษบันทึกเรื่องราวรอบด้านเกี่ยวกับเขาพระวิหาร
bulletรายงานการโฆษณาชวนเชื่อในประเทศไทยที่ล้มล้างรัฐบาลทักษิณ
bulletหนังสือพิมพ์ดี ของฟรีให้เปล่ามา20ปีแล้วทั้งเอกสารและอินเทอเนท
bulletหนังสือพิมพ์ดี ( อินเทอเนต ) เล่ม 1 - 44 - ล่าสุด
bulletหน้าที่เก็บไว้
bulletมูลนิธิพระเทพวรมุนี(เสน ปญฺญาวชิโร)
bulletวัดมหาพุทธาราม ศรีสะเกษ บันทึกเหตุการณ์
bulletสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดศรีสะเกษแห่งที่ 1
bulletเกี่ยวกับเวบไซต์ของเรา เราทำเพื่อปัญญาชนโดยแท้
bulletรวมกระทู้เด็ดจากกระดานถามตอบ
bulletคาถาอาคมไสยศาสตร์
bulletกวีนิพนธ์ใหม่
bulletศูนย์ปฏิญญาณละเลิกอบายมุข บัญชีที่ 1- 4


ส.ค.ส. 2535 จากหลวงพี่

 

 

 

ส.ค.ส. 2535  จากหลวงพี่

 

 

 

 

 

ผมออกบวช ได้บวชเป็นพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พุทธศักราช 2526  ถ้านับถึงวันนี้  วันที่  23 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2558 ก็เป็นเวลา 32 ปี  6 เดือน

 

ไม่มีคน ๆ ไหน ที่เข้าใจจริง ๆ ว่าผมออกบวชมาทำไม ?  และครั้นผมอยู่ในเพศบรรพชิตมาได้ถึง 32 ปี 6 เดือนแล้ว  บัดนี้ อายุผมก็เข้าไป 73 ปี 3 เดือนเข้าไปแล้ว  มีอะไรเกิดขึ้นกับผม ?   ยากที่คนจะเข้าใจได้ 

 

โดยเฉพาะ เรื่องราวของคืนวันที่ 10 - 11 เมษายน  พุทธศักราช 2558  ปีนี้เอง  ในคืนนั้นมีอะไรเกิดขึ้น ผมก็ไม่ทันได้เล่าให้ใครฟัง  แต่ได้บอกไปแล้วว่า  นั่นเป็นคืนที่งานวิจัยทั้งสิ้นของผม ในเรื่องพุทธศาสนาได้สำเร็จลง ภายหลังจากการเดินทางมาในโลกใบนี้ถึง 72 ปี  8 เดือน  คนที่มีความยินดีกับคืนวันนั้นมากที่สุด ก็คือ ผมเอง   เพราะผมเองเป็นผู้ที่รู้ว่า นั่นมันหมายถึงอะไร  ก็บอกตรง ๆ ได้เลยว่า   นั่นหมายถึงจุดสุดท้ายอันสูงสุด ตามหลักธรรมในศาสนานี้แล้ว   ผมได้ทำงานสำเร็จลงจนได้   ก่อนที่ผมจะตายไปจากโลกนี้  

 

ผมก็คงจะมีงานทำไปอีกหลายปี ก่อนจะจากโลกใบนี้    แต่จะทำอะไร   ก็ยังบอกไม่ถูกหรอกครับ 

 

นี่เป็นสิ่งที่ผมอยากจะบอกก่อน ๆ ที่จะเสนอ  ส.ค.ส.2535  ที่เป็นเรื่องราวของผม ภายหลังที่ได้บวชมาแล้ว 9 ปี   9 ปีที่พี่ ๆ น้อง ๆ ผมไม่ทราบเลยว่าทำไมผมจึงออกบวช  ในขณะที่มีตำแหน่งงานการอาชีพ โดยเป็นนายทหารยศร้อยเอกในกองทัพ แห่งกองบัญชาการทหารสูงสุด 

 

นี่แหละเป็นสิ่งที่พอจะให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับผม ได้ในเบื้องต้น  ผมจึงได้นำเอามาลงไว้  ในวัดของเรา วัดของฉัน ก่อนเรื่องอื่น ๆ 

 

โปรดติดตามต่อไปได้เลยครับ 

 

 

 

 

 

 

ส.ค.ส.

 

2535

 

จากหลวงพี่

พระร.อ.พยับ ปญฺญาธโร

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

  

 

ลำดวนบานนานสะท้านถิ่น

------------------------------------------

แม้นลำดวนบานนานสะท้านถิ่น

ชนนีศรีนครินทร์บดินทร์สูร

ถึงท่วมดินกลิ่นตลบอบอาดูร

ไม่หอมปูนธรรมรสหมดอาลัย ฯ

 

  • ป.ธ.ร.
    31 ธันวาคม 2534

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

ส.ค.ส.2535 

จากหลวงพี่

พระร้อยเอกพยับ ปญฺญาธโร

 

--------------------------------

  

อภินันทนาการ

 

1.  เพื่อชีวิตมีความเป็นอยู่สบาย  ไร้ทุกข์กังวล

2.  เพื่อความแจ่มใส ปลอดโปร่ง ในความนึกคิด

3.  เพื่อชีวิตเป็นอิสระ เป็นใหญ่ และเป็นไทแก่ตัวเอง

4.  เพื่อความชำระซึ่งเหตุนำมาแห่งความเศร้าหมอง

5.  เพื่อความปรีดาต่อชีวิต อันมีอยู่ล้วนความสะอาดสะอ้าน

6.  เพื่อชีวิตที่ปราศจากความระย่อ วิตก และคร้ามเกรง

7.  เพื่อจิตใจที่เปี่ยมล้นด้วยความพากเพียร มีวิริยะ บากบั่น และความกล้าหาญ

8.  เพื่อความเย็นใจในระหว่างมิตร และที่ประชุมบริษัททั้งหลาย

9.  เพื่อความเอ็นดูต่อผู้แก่เฒ่าและความชื่นบานต่อยุวชน

10. เพื่อความรู้แจ้งในแก่นแท้ของชีวิต ในโลก และในสากลจักรวาล

11. เพื่อความหวัง ความใฝ่ ความฝัน และทั้งความใฝ่ฝันอันชื่นบานแจ่มใส

12. เพื่อแววตาอันสดหมดจด สายตาชัดแจ่มแจ้ง ดวงตาสะอาด อิ่มเอิบ

13. เพื่อทำให้ความฝันอันสูงสุดบังเกิดขึ้นเป็นความจริง

14.  เพื่อความสมบูรณ์แห่งความปรารถนาทุกอย่าง ทั้งหมดทั้งสิ้น  และ

15.  เพื่อความสิ้นสุดลง แห่งความปรารถนาอันเป็นความใฝ่และความฝันทั้งหมดทั้งสิ้น

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

ใช่รวิวรรณจันทร์กระจ่าง

……………………….

 

ใช่รวิวรรณจันทร์กระจ่าง               ใช่สว่างอัคคีใด 

พระธรรมผ่องอำไพ                                    สว่างในจิตตาทร

สว่างแล้วพลันผ่องแผ้ว                  แม้นนางแก้วชุลีกร 

โอมอ่านพระธรรมสอน                              ทั่วนครได้เคลื่อนคลา

พระธรรมหากแฝงอยู่                      ปราชญ์ผู้รู้ดูลีลา 

ระเบียบแห่งภาษา                                        สะท้อนแสงสว่างใจ

 

 

  •    จาก บทกวีแห่งความสว่าง
     / พยับรวิวรรณ

    2534

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

ไข่กากกเกิดกล้ากลายหงส์

..........................................................

โขงคลาลงลุ่มท้อง                                       ทะเลหลวง 

เพียงหน่อพุทธางตวง                                  สุขแผ้ว 

สู่เขตนิพพานสรวง                                      สวรรค์สว่าง พุ้นฤา 

ผืนแผ่นโสโครกแคล้ว                                เขตเข้า พรหมจรรย์

 

สวรรค์วงศ์ยิ่งน้ำ                                          นวลสาย 

สายห่อนอยู่ขังภาย                                       แผ่นพื้น 

ชลธารรเหจหาย                                           หาวภาค 

แรงย่อมหลากลำฟื้น                                    ฝั่งพู้สมุทรไกล ฯ

 

เวไนยสัตว์สั่งรู้                                             เรียนธรรม 

หมายมรรคคืนผลกำ-                                  เหนิดกล้า 

สมบุญเนื่องหนุนนำ                                    ชัยโชค 

สำเร็จฤทธิ์ลั่นฟ้า                                          โลกกั้นฤาไหว ฯ

 

ไข่กากกเกิดกล้า                                           กลายหงส์ 

หงส์เติบหว่างกลางวงษ์                             โลกใต้ 

รำลึกถิ่นควรคง                                            หงส์ด่วน คืนนา 

สมชาติหงส์ทองไท้                                                 ร่อนฟ้าบนงาม ฯ

 

  • จาก สากลจักรวาล-สากลศาสนา กับ
    กวีนิพนธ์ ฯ/อนาคาริกทั้งสาม 2525

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

แด่พระเดชพระคุณหลวงพ่อ
เจ้าคณะจังหวัดทั่วพื้นภาคอีสาน

……………………………..

 

 ขอกราบเท้าแทนพระคุณการุณจิต 

พร้อมพระพรบวรฤทธิ์เรืองสมัย 

ได้สำเร็จเผด็จธรรมล้ำพระทัย 

เสวยสุขผ่องใสวิไลวรรณ

 

ถึงโลกทิพย์พระนิพพานปานประสงค์ 

ได้ดำรงพงศ์พุทธพิสุทธิสรรพ์ 

เพื่อพระธรรมนำหล้าสุธาบรรณ 

เสนาะสนั่นธรรมสารประทานพร 

 

แล้วลงโปรดโยธาประชาชาติ 

ที่ดื่นดาดได้ลิ้มชิมคำสอน

อันเป็นโลกุตรแท้แผ่นคร 

เวียงบวรถวิลหวังจิรังกาล

 

  •    “แด่พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ฯ”,
  •   ข่าวสารเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดคณะสงฆ์ภาคพื้นอีสาน,
  •   มกราคม 2534 

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

รวมบทกวีนิพนธ์ถวายพระพร......

2 เมษายน, 36 พระพรรษา
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

----------------------------------------------------------------------

พระเพียงหงส์องค์ผ่องละอองฟ้า  มาสู่หล้าลงสรงทรงสนาน  บัดเปรมถิ่นถวิลวนาสาธุการ  เว้นวิมานเมืองสวรรค์อันอาดูร

 

สามนักษัตรพัดพระชนม์พ้นล่วงแล้ว  ทรงผ่องแผ้วพรรษานราสูร  จำเริญราชขัตติยวงศ์พงศ์ประยูร  ชนกนาถชนนีพูนพระทัยงาม

 

บัดนี้ผ่องเพียงตะวันพรรโณภาส  คราส่องสาดอรุณแหนแผ่นสยาม  ทรงพระเมตตาธรรมล้ำพระนาม  สิรินธรหลั่งหลามล้วนความดี

 

พระมาอยู่เพียงดินถิ่นคนยาก  ร่วมลำบากทุกภายฤาหน่ายหนี  ลูกดินถ้วนล้วนหน่อแม่ธรณี  ใครเล่ามีใจหมายพิไรแล

 

ลมธวัชพัดโบกโยกยอดไม้  ดุจกวักไกวเพรียกพระเมตตาแผ่  ดูสรรพสิ่งจริงล้วนแต่ปรวนแปร  ห่อนเที่ยงแท้นิจจังจิรังกาล 

 

พระมาพาสรรค์สร้างทางสัตว์โลก  พ้นวิโยคใยหมองคลองสงสาร  เฉลิมพระชนม์ดลบุญจงบันดาล  สว่างตระการมโนสวรรค์นิรันดร

 

  • จาก  ข่าวสารเลขานุการเจ้าคณะ ฯ, เมษายน 2534

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

12 สิงหาคม, วันพระราชสมภพ
สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ

...................................................................

พระเมื้อมาอาณาประชาราษฎร์  ละอองบาทปกเกศเทศสยาม  เพียงจอมฟ้าสุธารัชขัตติยนาม  มหาราชินีรามอลังการ

 

พระบังเกิดโดยบุญไกรกรุ่นหล้า  ปานลิขิตแห่งฟ้ามหาศาล  ที่โอบอุ้มอรองค์อนงคราญ  สู่สถานถิ่นวิไลไผทธรรม

 

คือแดนพุทธพิสุทธิพระวิโมกข์  ที่สิ้นโศกโลกหมายได้ดื่มด่ำ  สิริกิติมหาราชินีนำ  สยามรัฐราษฎร์ล้ำดำเนินนาน

 

ทรงกอปรคุณปุนปั้นสวรรค์ล่าง  รังสฤษฎิ์สร้างบุรีรมย์อุดมสถาน  อีกฟูมฟื้นหทยชนอันอนธกาล  ให้ผ่องผุดสุดผสานฝันเรืองรอง 

 

พระแม่เมืองเปลื้องผองครรลองโศรก  เยียววิโยคลูกละคนคราหม่นหมอง  ปลอบให้ฟื้นคืนสรวลนวลละออง  มือทั้งสองแม่เลี้ยงค่อยเคียงมา

 

สยามงามนามเสนาะเพราะแม่เจ้า  โลกจึ่งเฝ้าภิรมย์สมสเน่หา  สยามยิ้มพริ้มพรรณเพียงจันทรา  โลมนภาผ่องสวงดำรงไทย    

 

เดชบุญญากฤษฎาภินิหาร  จุ่งสมภารพระสร้างสว่างไสว  จำเริญชนมสวัสดิ์พิพัฒน์ชัย ตราบดินฟ้าสุราลัยมลายลง

 

  • ·       จาก  ข่าวสาร ฯ  2534

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

5 ธันวาคม, มหาราช

................................................................................

ตติยราชสกุลวงศ์พระองค์ใด  อาจชุบสงฆ์ทรงสมัยในศาสนา  ขัตติยราชอาจองทรงวิชชา  พระองค์นั้นย่อมปรากฏยศไกล

 

พระองค์ใดได้วิมุตติสุดวิโมกข์  ชื่อว่าโศรกสิ้นเชื้อไม่เหลือไหล  คือพงศ์พุทธสุดแผ่นในแดนไตร  เป็นธงชัยพุทธศาสน์ราชอาณา

 

ผิว์ทรงธรรมล้ำรัฐกษัตริย์เกษตร  เทียวประเวศน์ฤาหยุดพระอุตส่าห์  ชื่อโพธิสัตว์ทรงองค์กษัตรา  ทั่วโลกหล้าเกริกเกรียงเสียงสดุดี

 

  • ·       จาก  ข่าวสารเลขานุการเจ้าคณะ ฯ, ธันวาคม 2533

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

เพียงหนึ่ง.....

-------------------------------------------

ชมสยามงามหยาดฟ้า  ผลาญดิน  แลฤา  เพียงหนึ่งเหนือธรณินทร์  ต่ำใต้  เกษมสุขทุกไทยริน  รมเยศร  ต่างชาติชมข่าวไข้  ใคร่เมื้อมาเห็น ฯ

 

ดั่งเดือนเพ็ญเด่นด้าว  โพยมหน  เพียงหนึ่งเหนือพิภพบน  ลุ่มหล้า   ดาวพรายเพริศเพียงฝน  ทิพย์เทพ  รินฤา   เมืองอื่นเองอายหน้า  ชื่นชม้ายเมียงชม  ฯ

 

สมบัวบานชื่นช้อย  ชลใส  เพียงหนึ่งเสวยบึงใบ  โอบอ้อม  ภู่ภุมรินใด  ตอมต่าย  ไซ้นา  เสน่ห์สยามโลกค้อม  ราบแพ้เฟือนฝัน ฯ

 

  • ·  จาก  สากลจักรวาล-สากลศาสนา ฯ

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

เทพธิดาประจำใจ

-------------------------------

ขอให้ความสัจจะจงอยู่คู่ฟ้า  ขอให้ความกรุณาอยู่คู่แผ่นดิน  ขอให้ความรักอันบริสุทธิ์อยู่คู่ธรรมชาติอันยิ่งใหญ่

 

  • จาก  เทพธิดาประจำใจ,  เอกสารพิมพ์โรเนียวเย็บเล่ม  พ.ศ. 2516

----------------------------------------------------------------------------------------------------------- 

 

 

 

 

ปรารภบท

------------------------------------------------------

 

 

 

ในกาลกฐิน ปีพุทธศักราช 2534  เป็นเวลาที่ได้บวชมา 9 พรรษาแล้ว  ญาติ ๆ  น้อง ๆ  ที่บ้านโคกกลาง ตำบลอี่หล่ำ  ญาติ ๆ ที่อุทุมพรพิสัย  ศรีสะเกษ   ได้ปรารภขึ้นว่า การที่หลวงพี่อออกบวชนั้น  แม้ในระหว่างพี่น้องร่วมสายโลหิต ก็ยังไม่รู้เหตุผล ต้น – ปลาย ว่าเป็ฯมาอย่างไรเลย    จนกระทั่งเวลาล่วง ๆ หลายปีแล้ว  ก็ยังคลางแคลงใจกันไม่หาย ว่าได้มีอะไรเกิดขึ้นกับหลวงพี่   เหตุใด  อยู่สบายดีแล้ว ถึงได้ลาออกจากราชการทหารอันมีเกียรติ์   และเมื่อมาบวชหลายปีแล้วเช่นนี้  ก็ได้ประโยชน์อะไรเป็นกอบเป็ฯกำขึ้นมาบ้าง ?  อยากให้เล่าให้ฟังถึงเรื่องราวภายในจิตใจลึก ๆ  อย่างตรงไปตรงมา ชนิดที่ให้สิ้นความกังขาสงสัยกันไปเสียที

 

มาระลึกดูแล้ว นอกจากโยมแม่ผู้ล่วงลับไป ก็ดูจะไม่เคยเล่าอะไร ๆ ที่เป็ฯเหตุผลทางธรรมอันซ่อนเร้นล้ำลึก อันเป็นนามธรรมที่เป็นเหตุแห่งการสละโลกียวิสัยออกบวช ให้พี่ ๆ น้อง ๆ  แม้ญาติสนิท มิตรสหาย  ได้รับฟังกันเลย  และแท้จริง บัดนี้ ก็ได้เข้าอยู่ในสมณเพศมาเป็นเวลาเนิ่นนานถึง 8 ปีเศษ ๆ แล้ว  เราก็ยังคงเก็บงำเรื่องราวต่าง ๆ ไว้กับตัวคนเดียวอยู่ล้ำลึก  สมควรได้เวลาที่จะเปิดเผยอะไรออกมาบ้างแล้ว

 

เรื่องต่อไปนี้แหละ ที่พยายามจะชี้แจงให้เข้าใจอะไร ๆ  แต่ก็คงจะไม่ได้ทั้งหมดหรอก

 

ที่ตั้งเป็นคำถาม  ก็เพราะเก็บข้อมูลมา  จากคำพูด คำถาม  และท่าทีสงสัยของญาติพี่น้องนั่นเอง  ถาม – ตอบ  ไปเป็นเรื่อง ๆ ไป  แต่หากยังมีข้อสงสัย ไม่แจ่มแจ้งอยู่อีกก็จะได้ตอบ  ทำเป็นคำถามคำตอบสืบต่อไปอีกเรื่อย ๆ  จนแม้กระทั่งถึงปัญหาธรรมกันแท้ ๆ เลย ก็แล้วแต่จะมีใครคิดสงสัยใคร่จะไต่ถาม

 

แต่ในคราวนี้ อาจจะเห็นว่ามากไป  หรือ น้อยไป ก็แล้วแต่   ขอได้อ่านดูก่อนแล้วจึงค่อยวิพากษ์กัน หรือจะเสนออะไรต่อมาอีก  ก็จะรับฟังเสมอ  และแท้จริง  หากอ่านแล้ว ได้ประโยชน์  ก็เป็น ส.ค.ส.  หากมิเช่นนั้น  ก็คงจะไม่เป็น  แต่ที่ทำมานี้ ด้วยตั้งใจจะให้เป็น ส.ค.ส. จริง   ที่มีให้จริง ๆ  ก็ให้ได้อย่างนี้   อย่างอื่นไม่มีให้

 

จากหลวงพี่

 

  • พระร้อยเอกพยับ ปญฺญาธโร
    วัดมหาพุทธาราม จังหวัดศรีสะเกษ
    31 ธ.ค. 2534

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

ตอบคำถาม 33 ข้อ

.........................................................................................................................................................................

ข้อ 1.  

ก่อนออกบวช มีตำแหน่งราชการครั้งสุดท้ายทำอะไร ?  อยู่ที่ไหน  ?  มีหน้าที่อะไร  ?

-------------------------------------------

เป็นนายทหาร,  ชื่อ-ยศขณะนั้นคือ  ร้อยเอกพยับ เติมใจ  ตำแหน่ง  พันตรี  หน่วยงานคือ  สำนักงานสารนิเทศ สำนักผู้บัญชาการทหารสูงสุด  กองบัญชาการทหารสูงสุด,  อาคาร 604 บริเวณสนามเสือป่า   หน้าที่หลักคือ  การข่าว  จิตวิทยา  ประชาสัมพันธ์  โฆษณา  และบางลักษณะของ  Psychological Operation  หรือ  Psychological warfare  ซึ่งในหน้าที่นี้ ต้องดำเนินโครงการสำรวจและวิจัย ปีละหลายโครงการ  ซึ่งเป็นงานที่เก็บและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับมวลชน  กลุ่มพลังต่าง ๆ  ทั้งฝ่าย  “เขา”  และฝ่าย  “เรา”  โดยเป็นผู้รับผิดชอบในฐานะ”นายทหารโครงการ”  ควบคุมงานชนิดนี้ในวงงบประมาณปีละ  290,000  บาท  ก่อนออกบวชใน พ.ศ. 2526  มีผลงานการสำรวจ ฯ ที่ตีพิมพ์ออกมาเป็ฯรายงานเสนอผู้บัญชาการทหารสูงสุดต่อเนื่องกันมาทุกปี

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

ข้อ 2. 

เหตุที่ได้มาเป็นทหาร ?  งานที่เคยทำมาก่อน ๆ โดยเฉพาะภายหลังสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ?  (สำเร็จการศึกษา ปี 2509  ม.ธ.)

--------------------------------------------------------

 

พ.ศ. 2508 – 09  เป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทย ที่ถนนดินแดง  เหตุที่ออกเพราะ วิถีของงานอาชีพนี้ ไม่อาจเอื้อต่ออุดมการส่วนตัว

 

พ.ศ. 2510 – 11  เป็นพนักงานและ นักวิจัย ในโครงการวิจัยแรงงานชนบทอีสาน ของสำนักวิจัยสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์, ควบการศึกษาชั้นปริญญาโท คณะรัฐประศาสนศาสตร์ที่สถาบันแห่งนี้ด้วย  เหตุที่ออก เพราะ  เสร็จสิ้นโครงการ

 

พ.ศ. 2512 – 18   วังสวนกุหลาบ และ สวนรื่นฤดี  เป็นเวลา 7 ปี โดยเริ่มเป็นพลเรือนในตำแหน่งลูกจ้างชั่วคราว ในสำนักงานปฏิบัติการจิตวิทยาแห่งชาติ วังสวนกุหลาบ   ต่อมาได้ย้ายไปร่วมสายงานเดียวกับ กองอำนวยการป้องกันและปราบปรามคอมมิวนิสต์ (กอ.ปค.ในขณะนั้น)  ณ สวนรื่นฤดี ต่อมาได้ยกฐานะเป็น  สำนักงานสารนิเทศ สำนักผู้บัญชาการทหารสูงสุด กองบัญชาการทหารสูงสุด

 

พ.ศ. 2518 – 19  กลับมารับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ  เลือกตั้งเมื่อ 26 มกราคม 2518  ไม่ได้รับเลือกตั้ง 

 

พ.ศ. 2519 – 26  เป็นเวลา ฃ6 ปีรับราชการทหาร สนามเสือป่า รวมเวลาที่อยู่ในวงงานราชการ ดังนี้

-  อยู่วังสวนกุหลาบ สวนรื่นฤดี เป็ฯเวลา  7 ปี

-  อยู่สนามเสือป่า  เป็นเวลา 6 ปี

รวมเวลาอยู่ในวงราชการ ก่อนสละตำแหน่ง  13  ปี

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

ข้อ 3. 

ไม่เคยสอบแข่งขันเข้ารับราชการเลยหรืออย่างไร ?  เหตุใดจึงพอใจในตำแหน่งที่วังสวยกุหลาบและสวนรื่นฤดี เป้ฯพิเศษ ?

-------------------------------------------

เคยสอบเพียงครั้งเดียวในปี พ.ศ.2512  สอบได้ถึง 2 แห่ง  คือที่ ก.พ.  และ  ก.ป.ส.  แต่สละตำแหน่งทั้ง 2 เสีย  โดยมีเจตนายกให้เป็นการสร้างสมบุญ   ในขณะนั้น ได้มีความรังเกียจการแก่งแย่งแข่งขัน และเห็นว่าเราไม่ควรเป็นหนึ่งในหมู่คนเหล่านั้น  ต่อมาจึงได้ตั้งใจมีอธิษฐานจิตขึ้นว่า จะไม่เข้าสอบแข่งขันหรือสอบคัดเลือกที่ไหนอีกเลยชั่วชีวิต  แม้จักไม่ได้เป็นข้าราชการก็ไม่เป็นไร   เวลาที่สอบได้ขณะนั้น เป็ฯเวลาที่ได้ทำงานที่วังสวนกุหลาบแล้ว และเห็นว่า  งานใดก็ล้วนมีเกียรติยศเสมอกันทั้งสิ้น  หากเป็นงานสุจริต

 

ส่วนความพอใจที่มีอยู่เป็นพิเศษ ก็คืองานที่เป็ฯไปกับการศึกษาความคิดอ่านของคน  เรื่องความเชื่อ  ลัทธิและศาสนาต่าง ๆ ซึ่งรูปงานที่วังสวนกุหลาบและกองอำนวยการป้องกันและปราบปรามคอมมิวนิสต์เปิดโอกาสให้อย่างเต็มที่(ตามฐานะตำแหน่งขณะนั้น   (เพิ่มเติม.....จึงได้ศึกษาพระคัมภีร์อัลกุรอาน ซึ่งทางราชการส่งมาให้วิเคราะห์  ได้ศึกษาลัทธิคอมมิวนิสต์และการโฆษณาชวนเชื่อของวิทยุเถื่อนพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย, มีงานวิจัยคอมมิวนิสต์พัทลุง ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายของการปราบปรามคอมมิวนิสต์อย่างสำคัญต่อมา และยังผลให้เกิด พลังร่วมมือพัฒนาชาติไทยของคนทุกฝ่ายขึ้น จนปัญหาคอมมิวนิสต์จบลงจากประเทศไทยในที่สุด )

........................................................................................................................................................................

 

 

 

ข้อ 4. 

ปริญญาที่สำเร็จ รวมทั้งหลักสูตร หรือ courses ต่าง ๆ ภายหลัง  ?

--------------------------------------------------------

ปริญญาการศึกษา

-                    วารสารศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

-                   ประกาศนียบัตรชั้นสูงทางรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)

หลักสูตร

-                   การรักษาความปลอดภัย รุ่นที่ 1, กรมประมวลข่าวกลาง

-                   หลักสูตรการฝึกอบรมวิชาทหาร ตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยการแต่งตั้งยศทหาร พุทธศักราช 2507, กรมการรักษาดินแดน

-                   หลักสูตรเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการจิตวิทยาและประชาสัมพันธ์, โรงเรียนสงครามจิตวิทยา

-                   หลักสูตรนักวิจัยทางสังคมศาสตร์, สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ

-                   การทดสอบกำลังใจด้วยการกระโดดหอสูง 34 ฟุต,ศูนย์สงครามพิเศษ กองทัพบก (รุ่นที่ 182)

-                   หลักสูตรการรักษาความมั่นคงของชาติ สำหรับนายทหารสัญญาบัตรหรือเทียบเท่า รุ่นที่ 6,กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน

-                   หลักสูตรนักโปรแกรมภาษา cobal รุ่นที่ 3, ศูนย์กรรมวิธีข้อมูล สำนักงานปลัดบัญชีทหาร

--------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

 

 

ข้อ 5. 

ในปี พ.ศ.2518 ได้มีเหตุการณ์อะไร ?  อะไรเป็นจุดที่สนใจในขณะนั้น ?

---------------------------------------------------------------------------------------

เป็นระยะที่  “อุดมการณ์กินตัวเอง”  จนไม่มีตัวเองอยู่เลย มีแต่ “อุดมการณ์” ล้วน ๆ  แต่เป็นอุดมการณ์ที่มิใช่  “บั้นปลาย”  หรือ  “เป้าหมายสูงสุด”  เป็นระยะแห่งความคาบเกี่ยว เนื่องหนุนของ “อุดมการณ์เพื่อนำไปสู่อุดมการณ์”  เพราะฉะนั้น  เมื่อได้เข้ามาสู่การเมือง โดยได้มาสมัครผู้แทนราษฎรในนามพรรค “เกษตรกร” อันเป็นพรรคในอุดมการณ์ขณะนั้น จึงเท่ากับว่าเป็นไปตามกรรมลิขิตมาโดยเฉพาะ เพื่อให้ได้มีโอกาสเรียนรู้ เพื่อพบ พิศูจน์สัจธรรมระดับโลก อันเป็นขั้นสูงสุดของโลก  ครั้นได้พบ พิศูจน์แล้วก็ผ่านเลยไปเสีย  ไม่หลงใหล  หลงเสพอยู่ จึงไม่ได้หยุดอยู่ที่นั่น(คือการเมือง)  หากเลยผ่านไปสู่อีกระดับหนึ่ง อันเป้ฯระดับอุดมการณ์ ที่ “เหนือโลก”  คือ โลกุตตระ  ซึ่งเมื่อถึงระดับนี้แล้ว ก็จักไม่มีวันหวลกลับลงไปอีกเลย  ฉะนั้น จึงมิได้หวลมาเล่นการเมืองอีก  ครั้นผ่านการเลือกตั้งครั้งนั้นไปแล้ว

----------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

ข้อ 6.

ชีวิตในราชการทหาร ความเป็นอยู่ในฐานะ ทหารของชาติ มีความผาสุกสมหวังดีอยู่หรือ ?  กับผู้บังคับบัญชา  เพื่อนร่วมงาน  เป็นอย่างไรบ้าง ?

------------------------------------------------------------

-                   เป็นทหารอยู่ 6 ปี ได้เลื่อนจากร้อยตรี ถึง ร้อยเอก ก็พอจะเห็นอยู่ว่ามีความเจริญก้าวหน้าเพียงไหน  ทั้งการงานในตำแหน่งที่รับผิดชอบ ที่อยู่ในระดับ นายทหารโครงการ สามารถบริหารการเงินได้โดยตรง ก็น่าจะพอบอกได้อยู่ว่า ได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชา อยู่ ซึ่งหมายถึงด้านฝีมือ และ ความซื่อสัตย์

-                   พูดตรง ๆ แล้ว สำหรับคน ๆ หนึ่งในสังคมไทย (คนธรรมดาที่มีกิเลส)  ชีวิตนายทหารอย่างเรา เป็นชีวิตที่สง่าผ่าเผย  เต็มไปด้วยเกียรติยศ  และความภาคภูมิใจ  มีสถาบันเป็นที่ชื่นชมของคนทั้งหลาย  หากจะเปรียบเทียบกับสถาบันนักบวชทั่ว ๆ ไปแล้ว ดูจะเป็นที่น่าอบอุ่นใจมากกว่าด้วยซ้ำ

-                   มีความสัมพันธ์กับผู้บังคับบัญชา อยู่ในระดับดีมาก  มีท่านผู้หนึ่งกล่าวเมื่อมาเยี่ยมว่า  “มาเยี่ยมเพื่อนเก่าน่ะซี”  อีกท่านหนึ่งที่สนิทสนมในความรู้สึกเป็นกันเอง กระทั่งเรื่องส่วนตัวเช่น “คู่ครอง” ท่านก็อุตส่าห์เสาะหาให้  แต่เนื่องจากไม่สามารถตกลงกันในเรื่อง % ก็เลยมิได้มี  “แม่หม้ายทรงเครื่อง” มายุ่งเกี่ยวกับชีวิต,  เมื่อสิ้นปีท่านผู้บังคับบัญชาก็เสนอบำเหน็จ 2 ขั้นให้โดยไม่มีการหาเสียงหยั่งความในใจ  ไร้กังวล, จะไปศึกษาอบรมอะไรก็ไปได้เลย ไม่ติดขัด,  เมื่อตั้งสำนักงานใหม่ท่านก็ให้ตำแหน่งเต็มพิกัด พอปรับปรุงอัตราใหม่ ท่านก็เลื่อนไปให้ครองตำแหน่งสูงเต็มพิกัดอีก   แม้ตอนหลังสุด,  เมื่อปรารภเรื่องจะขอลาออกบวชอ ท่านก็พร้อมที่จะโยกย้ายตำแหน่งงานให้ไปอยู่หน่วยงานที่พอใจ  แม้จะขอไปอยู่ศรีสะเกษ บ้านเกิดเมืองนอน ก็ย่อมได้  หากว่าอยู่กับท่านแล้วไม่มีความสุข จนถึงคิดจะลาบวชตลอดชีวิต,  และการที่ได้มีโอกาสศึกษาโลกลี้ลับแห่งโลกีย์ได้ทั่วถึงสมบูรณ์ก็เนื่องจาก ท่านผู้ใหญ่ท่านหนึ่งนั้น  ไว้วางใจ จึงได้ติดสอยห้อยตามไปในฐานะ มือปืน ของท่าน  ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขเผชิญภัยในแดนหลังม่านราตรีกันอยู่ระยะเวลาหนึ่ง ที่นานพอสำหรับการเรียนรู้จนสิ้นความสงสัยเฉพาะเรื่องนั้น  นี่ก็ล้วนเป็นสิ่งที่บอกให้รู้ความสัมพันธ์กับผู้บังคับบัญชา ว่าเป็นไปอย่างได  ส่วนผู้ใต้บังคับบัญชา  ผู้น้อย  และเพื่อนร่วมงานในระดับเดียวกัน  ก็ไม่มีปัญหาทั้งสิ้น

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

ข้อ 7.  

ทำไมจึงไม่แต่งงานเสียที ?  มีความผิดหวังในด้านนี้หรือไม่ ?

-----------------------------------------------

-                    ชิตเต็มไปด้วยความ “ตรอง”   และ  “ตรึก”   มาตลอด  หากปราศจากสิ่งนี้แล้ว ก็คงไม่แคล้วมีอะไร  ๆ อย่างโลลก ๆ ตั้งแต่เริ่มชีวิตวัยรุ่น ๆ อยู่เป็นแน่  เพราะได้พบสตรีล้วนถูกใจ  และทั้งผู้ใหญ่ก็ล้วนเอ็นดู จะให้ง่ายดายไปเสียทุกครั้ง ๆ  แต่หากคิดว่ามีอุปสรรค ๆ กลับเป็นสิ่งนั้น คือเจ้าความ  “ตรอง”  กับเจ้าความ  “ตรึก”  นี้เอง เพราะคอยทำหน้าที่ถามอยู่แต่ว่า  ทำไม ?  และ ทำไม ? อยู่เสมอ

-                   ในปี พ.ศ.2512 ปลายปีนี้ ได้นามสมญาตัวเองว่า “ธรรมสามี” แล้วโชคชะตาได้ลิขิตให้ต้องไปตะลุยโลก โลกีย์ทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะกับหน้าที่ “มือปืน” ของท่านผู้นั้น  แต่เพื่อโอกาสของการพิศูจน์ความเป็น “ธรรมสามี”  ในฐานะ “ธรรมสามี” จึงคุ้มครองตัวเองไม่ให้ตกไปสู่โลกที่ชั่ว ยังคงอยู่ในอุดมการณ์และมั่นในความสัตย์จริง  อยู่เสมอ

-                   เพื่อน ๆ เคยประกอบพิธีหมั้นอาจารย์สาวสวยจากรั้วมหาวิทยาลัยให้คนหนึ่ง ในคราวไปเข้าหลักสูตรอบรมด้วยกัน  แต่ความเป็น “ธรรมสามี” ได้พิฆาตสตรีทุกคนเสียแล้ว  แม้กระทั่งสตรีคนสุดท้าย

-                   แต่โดยแท้จริงแล้ว ได้พบประสบความทุกข์ระทมด้วยสตรีนี้เป้ฯอย่างมาก  แต่เหตุเพราะ มิได้ตามใจ โลกพยายามยื้อยุดฉุดไป แต่พระธรรมพยายามกั้นขวาง  จึงเกิดสภาวะการต่อสู้ขึ้นภายในจิตใจตัวเองในเรื่องนี้มาโดยตลอด แม้ว่าได้ความเป็น  “ธรรมสามี” มาแล้ว  ก็ยังคงไม่รอดพ้นจากสตรีไปได้เลย  การผ่านโลกียวิสัยส่วนนี้ เป็นช่วงที่ยืดเยื้อยาวนานยิ่งกว่าโลกียวิสัยส่วนอื่น ๆ ทั้งสิ้นรวมกัน  แต่ผู้ที่ยืนหยัด ไม่ละทิ้งความอธิษฐาน มีปัญญา สามารถเล็งผลบั้นปลายอันเลิศประเสริฐ ในที่สุดย่อมชนะ สามารถสลายตาข่ายแห่งมารได้

-----------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

ข้อ 8.  

ในความ “ตรอง” และ “ความตรึก”  นั้น เกี่ยวกับเรื่องอะไรบ้าง ?

………………………………………………

 

-  เรื่องชีวิตตัวเราเอง  ว่า  เรานี้คืออะไรหนอ ?  อะไรที่ได้ชื่อว่า  เรา ?

-  เราควรแสวงหาอะไร ?  อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดที่ชีวิตพึงมีพึงได้ ?

-  เรามาอยู่ในที่เช่นไรหนอ ?  ที่เช่นนี้มีสถานะอย่างไรเล่า ?  ที่เช่นนี้เป็นที่พึงปรารถนาแห่งเราหรือ ?

ครั้นเมื่อได้เห็นเหตุผลโดยชัดแจ้งแล้ว  ใจมักศรัทธาฝ่ายข้างคุณงามความดี  และนำไปสู่  “ความอธิษฐาน”

------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ  สยามบรมราชกุมารี เสด็จ ฯ ศรีสะเกษ

ทรงประกอบพิธียกช่อฟ้าอุโบสถ และผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิต

วัดโพธิ์ศรีละทาย

ตำบลละทาย อำเภอกันทรารมย์

ณ วันพฤหัสบดี  แรม 9 ค่ำ  เดือน 7  ปีมะแม

ตรงกับวันที่ 6 เดือนมิถุนายน  พุทธศักราช 2534

------------------------------------------------------------------------------------

พระมาอยู่เพียงดินถิ่นคนยาก  ร่วมลำบากทุกภายฤาหน่ายหนี  ลูกดินถ้วนล้วนหน่อแม่ธรณี  ใครเล่ามีใจหมายพิไรแล

------------------------------------------------------------------------------------

 

ขอต้อนรับสู่

นครลำดวนเกมส์(กีฬาเยาวชนแห่งชาติ)

20 – 26 มีนาคม  2535

ณ   ศรีสะเกษ

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

ข้อ 9.  

ยกตัวอย่าง ?

……………….

 

เช่นตรองตรึกแล้วเห็นว่า  การกระทำอย่างเขาเป็นการกระทำที่ไม่ถูก  เพราะเหตุนั้น ๆ ๆ  ใจก็มักอธิษฐานว่า  “ขอเราอย่าเป็นเช่นเขาเลยหนอ!

 

หรือเมื่อเราทำดีไปแล้ว พบอุปสรรคศัตรู ก็มักอธิษฐานว่า  “เราผู้อยู่ในธรรมแล้ว  จักพ่ายคนชั่วเลวทรามเช่นนั้น ย่อมเป็นได้หรือหนอ ?”

 

“ธรรมะแลย่อมชนะอธรรม เราพึงดำรงธรรมเถิด,  เราคนเดียวแท้พึงดำเนินในทางที่ถูกต้องเถิด !

 

ความตรองตรึกเช่นนี้แหละ จักนำเราไปสู่ความอธิษฐานในบั้นปลาย ก่อนจะลงไปสู่ภาคปฏิบัติอันมั่นในสัจจะอย่างไม่คลอนแคลนเสมอ  เรื่องราวเหล่านี้  เป็นเรื่องราวแห่งจิตวิญญาณ ที่มีความอธิษฐาน เป็นของคู่คอยกำกับอยู่ตลอดเวลา ที่ได้ดำรงอยู่ในแดนแห่งมาร  คือโลก

-------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

ข้อ 10.  

ความเป็น  “ธรรมสามี”  หมายความว่ากระไร ?

-------------------------------------------------------------

 

มีความหมายแต่เพียงว่า จะไม่เป็นคู่อย่างครอบครัวมนุษย์ คือจะไม่มีภริยา นั่นเอง  จะเป็นโสด อยู่กับธรรม  อยู่ในธรรมไปตลอดชีวิต

 

สามี = ผู้ดูแล,  ผู้ปรนิบัติ,  ผู้รักษา,  สามี

ธรรมะ = ธรรม  คำสอนของพระศาสดา, แนวทางแห่งความดี

 

ธรรมสามี หมายเอาความว่า ผู้ดูแล ปรนนิบัติธรรม  หรือ  สามีแห่งธรรม

 

คำว่า ดูแล ปรนนิบัติ  หมายเพ่งเล็งเอาอาการเฝ้าตรวจสอบ ดูแลตนเอง ให้สะอาด ให้อยู่ในธรรมอยู่ตลอดเวลา  ไม่ให้บังเกิดความเสียหายหรือความสูญเสียทางธรรมขึ้นได้  จะต้องควบคุมดูแลให้ตนประพฤติตามคำสั่งและคำสอนในพระธรรมอยู่ตลอดเวลา  อย่างนี้คือความหมายของ ธรรมสามี  มิได้มีความหมายที่นอกไปจากนี้เลย  ตามความรู้สึกในขณะนั้น (มิได้มีความหมายใหญ่ ๆ อยู่ในนั้น)

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

ข้อ 11.  

ถ้าเช่นนั้นอาจกล่าวได้หรือไม่ว่า การได้นาม “ธรรมสามี” ก็เท่ากับเป็นสัญลักษณ์ของการบรรลุธรรม  เป็นการบรรลุธรรมใช่หรือไม่ ?

--------------------------------------------------------

 

ธรรมะชั้นไหน ?  การบรรลุธรรม หมายความว่าอย่างไร ?

-------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

ข้อ 12.  

ตามประวัติที่เล่าว่า ได้ขออนุญาตแม่บวชในราวปลายเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2512 ซึ่งเป็นเวลาที่ตรงกับได้นาม ธรรมสามี  ไม่ใช่หรอกหรือ อยากให้อธิบายเหตุการณ์ที่ปรากฏมาในขณะนั้น ?

------------------------------------------

 

จะขอตอบว่า “เราเชื่อว่าเราได้พบเส้นทางเดินของชีวิตที่ประเสริฐแล้ว”  และทั้ง  “รู้วิธีที่จะดำเนินไปตามเส้นทางนั้นด้วยตนเอง โดยไม่ต้องอาศัยการชี้บอกของผู้หนึ่งผู้ใดต่อไปอีก”  และได้เห็นแล้วว่า เป็นคนละเส้นทางที่ชาวโลกเรา ๆ เดินกันอยู่

 

ขอพูดอย่างนี้แทนคำว่า  “บรรลุธรรม”

--------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

ข้อ 13.  

ขอให้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ?

-------------------------------------------------------

กลางวัน ๆ หนึ่ง เมื่อความตรองและความตรึกเป็นไปอย่างละเอียดอ่อนยิ่งแล้ว  ได้เห็นความเกิดแก่เจ็บและตายไปในชีวิตและสรรพสิ่ง  ได้จ้องมองไปรอบ ๆ ตัว ใกล้ และไกล  ด้วยความตื่นตะลึง ในสิ่งที่ได้เห็น   พลางอุทานอยู่ในใจว่า  “โอ  ช่างเป็นไปได้เจียวหนอ!”  ขณะนั้น มีที่พักอยู่ ณ 365 ศรีอยุธยา พญาไท  ได้เข้าไปในห้องนอน นั่งบนเตียง พิจารณาการปรากฏ เกิด แก่ เจ็บ และตาย อย่างลึกซึ้ง  พอหลับตาลงตรองตรึกไปกรุ่น ๆ  ชั่วอึดใจก็เกิดเสียงดัง เปรี๊ยะ ขึ้น แล้วบังเกิดแสงสว่างแตกจ้าขึ้นดังพลุลูกใหญ่   เราได้เห็นพระ  ซึ่งเราคิดเอาเองว่าเป็นพระศาสดาพุทธองค์ เดินช้า ๆ อยู่กลางแสงสว่างนั้น  ในความรู้สึกตัวเอง รู้สึกเองว่าเราได้เกิดใหม่แล้ว มีความระลึกเกิดเองว่า  “ผู้ใดแลเห็นธรรมผู้นั้นเห็นตถาคต”  และเราเป็น  “ธรรมสามี” แล้ว

 

ที่เล่านี้  ก็เพื่อให้ได้ประโยชน์ จึงเล่าให้ฟังในสิ่งที่ปรากฏจริง ๆ ในสิ่งที่เป็น “อารมณ์”  หรือ  “ความรู้สึก”  หรือ  “การเห็นแจ้ง”  หรือ  “เหตุภายในจิต” ขณะนั้น

------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

ข้อ 14.  

ในเวลานั้น มีความมั่นใจว่าได้รู้แจ้งไปทั้งหมดทั้งสิ้นแล้วหรือยัง ?

--------------------------------------------------------------------------------

 

เป็นเพียงได้เห็นทางเท่านั้น  เพิ่งเข้าซุ้มประตูแรกเท่านั้น  ยังเห็นทางที่จะเดินต่อไปอีกยาวมหาศาล  ถ้าพูดถึงชั้นเรียน ก็เพียงชั้น  ป.1  เท่านั้นเอง

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

ข้อ 15.  

การที่ขอแม่บวชในปี 2512  ปีที่ได้นาม ธรรมสามี แล้วไม่ได้บวช ถ้อว่าเป็นอุปสรรคหรือผิดหวัง  อย่างใดหรือไม่ ?

--------------------------------------------------

มารู้สึกภายหลังที่ได้บวชแล้ว  คือหลังปี 2526  เป็นต้นมาว่า  การที่ไม่ได้บวชในปี 2512 นั้น เป็น “โชคอันประเสริฐ”  ด้วยซ้ำไป  การที่แม่มาห้ามไว้ เท่ากับเป็นพระมาโปรดเลยทีเดียว  เพราะหากบวชเข้ามาในต้นปี พ.ศ.2513 ดั่งความตั้งใจแล้ว  น่ากลัวเหลือเกินว่าจะได้ประสบความผิดหวัง  และทั้งจะได้ประสบปัญหาต่าง ๆ เป็นอันมากทีเดียว  เหตุการณ์ครั้งนี้ เท่ากับเป็นกรรมลิขิตไว้โดยเฉพาะ โดยที่ดูจะเป็นความมุ่งหมายแห่งกรรมลิขิตโดยตรง ที่ต้องการให้ฝ่าฟันคืบต่อไปในวิถีของฆราวาสวิสัย  ต้องผ่านการทดสอบอย่างฉกาจฉกรรจ์  ผ่านการเผาผลาญอย่างร้ายแรง  ผ่านสงครามที่ไม่มีวันสิ้นสุด  ฯลฯ  ซึ่งในที่สุดได้ทำให้เกิดความเหมาะสม  พร้อมบริบูรณ์สำหรับการบวชในปี พ.ศ.2526  ซึ่งเป็นการพร้อมทุกอย่างจริง ๆ   เพราะน้อง ๆ ทุก ๆ คน ก็ได้ประสบผลสำเร็จในชีวิตแล้ว  รวมทั้งประสบสิน ที่ได้งานและแต่งงานในปี พ.ศ. 2525

------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

ข้อ 16.  

หมายความว่า ช่วงระยะเวลาระหว่างปี พ.ศ.2512  ที่ได้พบแสงสว่างแล้ว  ตราบจนกระทั่งถึงปี พ.ศ.2526  ปีที่ได้ออกบวช ซึ่งจะรวมเวลาได้ 14  ปี พอดี  นั้น  เป็นช่วงเวลาที่ได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมตลอดมาทั้ง ๆ ที่เป็นฆราวาส  โดยไม่ขาดการต่อเนื่องเลยเป็นเวลาถึง  14  ปี   หยากให้พูดชัด ๆ ว่า  มีอะไรเกิดขึ้นอีกบ้างในระหว่างนั้น ?

--------------------------------------------------------

เหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในชีวิตเกิดขึ้นในระหว่างนั้น  มี  5  ครั้ง ที่สำคัญที่สุดตามที่ได้บันทึกไว้   มีดังนี้

1.   เหตุการณ์ปลายเดือนพฤศจิกายน  พ.ศ. 2512

2.   เหตุการณ์วันที่ 3  มกราคม  พ.ศ. 2514   ต่อมาอีก 7 ปี

3.   เหตุการณ์วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2521

4.   เหตุการณ์วันที่ 23  ธันวาคม พ.ศ. 2522  และ

5.   เหตุการณ์คืนวันที่  31 มีนาคม พ.ศ. 2523

 

แต่ละเหตุการณ์มีความสำคัญไม่แพ้กัน  โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่ 3  และที่  5 

 

รายละเอียดของเหตุการณ์ ยากที่จักอธิบายได้  อยากให้ไปอ่านดูเอานัยความหมายของเหตุการณ์เหล่านี้ในหนังสือที่เขียนขึ้นก่อนออกบวชเล็กน้อย

------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 


ข้อ 17.  

พี่ ๆ  น้อง ๆ  ไม่เคยรู้หรือเห็นเลยว่าเขียนหนังสือธรรมะอะไรไว้บ้าง  ขอให้บอกด้วยว่าได้เขียนหนังสือไว้กี่เล่ม เมื่อไร ?   ทั้งก่อนและหลังออกบวช  แต่อดีต จนถึงปัจจุบัน

--------------------------------------------------------

ก่อนออกบวชได้เขีรยนหนังสือไว้ดังนี้

1.   โรเนียวเย็บเล่มออกในปี พ.ศ. 2523  จำนวน 5 เล่ม  คือ  ธรรมสามี,  ใบโพธิ์,   หย่อมหญ้า,  สวามิภูติ  และ  อนาคาริกทั้งสาม

2.   ข่าวอนาคาริกที่ 1/2524  ธรรมสามี: ธรรมา-ธรรมะสงคราม   สวามิภูตินิทาน : จักรพรรดิในเหล่าช้าง,  ร.พ.ดุสิตสัมพันธ์ กรุงเทพมหานคร  2524

3.   ข่าวอนาคาริกที่  2/2525  ธรรมสามีวิจารณ์ : วิมุติรัตนมาลี   สวามิภูตินิทาน : สงครามสวรรค์ครั้งล่าสุด,  โรเนียว 2525

4.   ธรรมสามีตอบปัญหานายเหตุผล  พุทธสาสนา   เล่มที่ 4  ปีที่ 50  2525  (นิตยสารรายตรีมาสของคณะสวนโมกขพลาราม  ตอบปัญหานี้ ตามความประสงค์ของ  ธรรมทาสพานิช  บก.)

5.   สากลจักรวาล-สากลศาสนา  กับ กวีนิพนธ์เถลิงรัฐรัตนโกสินทร์ศก  200  พุทธศักราช 2525, ร.พ.ศรีอนันต์ กรุงเทพมหานคร  2526

 

หลังออกบวชแล้ว  ได้เขียนหนังสือตือไปนี้

1.   โพธิสีดารามวิปัสสนาบุณยเขต  ปญฺญาธโรภิกฺขุ 2526,  ร.พ.อักษรสาร  ศรีสะเกษ  2526 (เป็นบันทึกแผนงานสร้างวัดตามอุดมการณ)

2.   อาลัยบาป ถึง ธารมโนเพชร,  โรเนียว  2533 (เป็นหนังสือรวมนิทานธรรมะเรื่องสั้น เขียนในป่าช้าโพนเขวาและในป่าช้าจีน สุขาวดี เมื่อไปธุดงค์ในต้นปี 2533)

3.   บทกวีแห่งความสว่างใจ,  โรเนียว 2534

4.   ออกหนังสือพิมพ์จิ๋ว 2 ฉบับคือ  ข่าวสารแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง, รายคาบ เพื่อส่งเสริมโครงการแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง ปี 2530-31   ออกได้ทั้งหมด 57 ฉบับ (มี.ค. 30 – พ.ย. 31)  ขณะเป้ฯเจ้าอาวาสวัดโนนน้อย อุทุมพรพิสัย  จ.ศรีสะเกษ

 

อีกฉบับหนึ่งคือ  ข่าวสารเลขานุการเจ้าคณะจังหวัด 17 จังหวัดคณะสงฆ์ภาคพื้นอีสาน  ในนาม ศูนย์ประสานงานเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ออกแล้ว 14 ฉบับ (5 ธ.ค.33 – 15 พ.ค. 34)  จัดทำในฐานะ เลขานุการศูนย์ประสานงานเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดภาคอีสาน 17 จังหวัด โดยเป็น บก.

 

สำหรับนิยายชุด อาลัยบาปถึงธารมโนเพชร  นั้น  เป็นนิยายที่แฝงเร้นธรรมะชั้นสูงสุด จะเป็นนิยายเฉพาะเนื้อเรื่องเท่านั้น  เรื่องนี้ได้แจกจ่ายญาติ ๆ ไปบ้างบางคน เพราะพิมพ์ออกมาจำนวนจำกัดมาก

 

นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องที่เขียนเป็นบทความบางบท

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

ข้อ 18.  

อยากให้สรุปว่า  เหตุที่ได้มีความคิดนึกอยู่ตลอดเวลา  มีความตรองตรึกในธรรมอยู่เสมอ ๆ นั้นนั่นเอง  ทำให้ตีตัวห่างโลกจนที่สุดสละโลกออกบวช ?

-----------------------------------------------------------

ความตรอง และ ตรึก  เป็นเพียงพื้นฐานแห่งอุปนิสัยของการใฝ่ธรรมะ ใฝ่ในสัจจะ เป็นผืนนาแห่งอุปนิสัยเท่านั้น  ยังต้องไถ คราด  หว่าน ปักดำ  ต่อไปอีกมาก โดยที่ต้องมีความพากเพียร  วิริยะบากบั่น  ไม่ท้อถอย  มีความกล้าหาญในการกระทำความดี  มีความเฉลียวฉลาดในการดำเนินวิถีทางปฏิบัติเฉพาะตน  เป็นต้น  การงานฝ่ายธรรม ก็จำเป็นต้องใช้เวลา  สำหรับการบ่ม การอบรม เป็นเวลาไม่ใช่น้อย  ที่นรุปว่าเราได้ใช้เวลาถึง 14 ปีในการประพฤติธรรม จนได้ผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ ต่อมาอีกรวมแล้วถึง 5 ครั้งนั้น  เป็นเพียงช่วงปลายของเหตุการณ์เท่านั้น  แท้จริงแล้ว ได้ปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่เกิดเลยทีเดียว ในที่นี้เพียงอยากเน้นให้เข้าใจว่า การจะหวังผลในทางธรรมนั้น จะต้องมีเวลาให้แด่การปฏิบัติธรรม เพราะฉะนั้น ในชั่วชีวิตคน ๆ หนึ่ง หากไม่มีเวลาให้การปฏิบัติธรรมเลยนั้น จึงเป็นสิ่งที่น่าเสียดายมาก และชีวิตเช่นนั้นแหละที่ควรเรียกว่า  เปล่าดาย  อย่างแท้จริง  เกิดมา ไร้ค่า   อย่างแท้จริง

 

พราะชีวิตที่ พบธรรมะ  มีธรรมะ  เป็นแก่นสารเท่านั้น ที่นำความสุขความเจริญจริง ๆ มาให้เรา  เป็นที่พึ่งอันเที่ยงแท้ไม่แปรผัน มั่นคง ไปตราบชั่วชีวิตนี้และแม้ชีวิตหน้า  กว่าจะถึงพระนิพพาน

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

ข้อ 19.  

เคยเขียนชีวประวัติของตัวเอง ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติธรรมไว้บ้างหรือไม่ ?

--------------------------------------------------------------------

 เขียนไว้ในนวนิยายธรรมะชุด  อาลัยบาปถึงธารมโนเพชร  เขียนเป็นคำนำว่าด้วยประวัติผู้ประพันธ์  ทั้งนี้เพื่อให้เพื่อนสหธรรมิก ได้ทราบประวัติเพราะเพื่อน ๆ ก็มีความอยากรู้ประวัติและได้ขอร้องให้เล่าเบื้องหลังการออกบวชให้ทราบ  จึงได้ตัดสินใจเขียนในชื่อเรื่องว่า  “คำนำว่าด้วยประวัติย่อของผู้ประพันธ์เล่าถวายสหธรรมิก”  เพราะนวนิยายชุด  อาลัยบาปถึงธารมโนเพชรนั้น  ได้ถวายเพื่อนสหธรรมิกไปมาก โดยเฉพาะเพื่อนเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดภาคอีสาน 17 จังหวัด  ได้ถวายรูปละ 1 เล่ม

 

ประวัติที่เขียนไว้นั้นเป็นเพียงเล่าเรื่องโดยย่อเท่านั้น  จริง ๆ  เรื่องที่ละเอียด พิสดาร เร้นลับ  ยังไม่ได้เปิดเผยออกมา  เท่าที่เล่าให้พี่ ๆ น้อง ๆ ฟังครั้งนี้

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

ข้อ 20.  

การบวชของหลวงพี่ไม่มีใครรู้ใครเห็นด้วยเลย  เท่าที่ทราบ มีเพียงหลวงพี่แต่ตัวคนเดียวหนีไปบวช ในแดนที่ล้วนคนแปลกหน้า  คล้ายคนอนาถายากไร้จริง ๆ   อยากให้เล่าเรื่องหรือเหตุการณ์ในเวลาที่บวชให้ละเอียดสักหน่อย.

......................................................................

บวชที่วัดบ้านถ้ำ ต.เขาน้อย อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี, พระอาจารย์มหาปราโมท ปโมทิโต  ป.ธ.7  เจ้าอาวาส ได้กรุณาจัดการบวชให้  อย่างตามใจ คือตามที่เล่าให้ท่านฟังว่า  ขอให้ได้บวชโดยถูกต้องตามพระธรรมวินัย ก็เพียงพอ

 

จึงเป็นการบวชง่าย ๆ  ด้วยความซื่อตรงไปตรงมา  และแท้จริงในขณะนั้น ก็ไม่ได้รู้ว่าจะต้องมีพิธีการ หรือประเพณีอย่างไรบ้าง  เพียงคิดเอาง่าย ๆ ว่า การบวชคือการสละโลก  จึงมิได้คิดอะไรอื่น เช่นการศาสนพิธี  หรือ การฉลองสมโภช  สู่ขวัญนาคหรือสู่ขวัญพระ(แบบที่บ้านนอกเราทำกัน)  ทั้งการตระเตรียมงานให้เอิกเกริกมโหฬาร  ขณะนั้น เห็นว่าเป็นของที่น่าหน่ายเป็นอย่างยิ่งเสียด้วยซ้ำไป  คิดด้วยว่า หากบวชได้เองแล้ว  จะปลีกไปอย่างลับที่สุด และไม่ให้คนใดคนหนึ่งได้รู้เห็นเลย   ประชาชนที่บ้านถ้ำจะคิดอย่างไรก็ไม่แน่ใจ แต่พวกเขาก็ได้แสดงน้ำจิตน้ำใจ มาช่วยตั้งแต่ไปถึงในวันแรก  เย็นพอดี   พักสักครู่เท่านั้นก็โกน(ปลงผม)  แล้วก็หาชุดนาคมาสวม แต่ไม่ได้เตรียมไปด้วย บอกเขาว่า เอาผ้าขาวมานุ่งห่มเป็นนาคก็ได้  เขาก็ไปค้นเอามาจากห้องเก็บข้าวของ ๆ ท่านเจ้าอาวาส  เขาช่วยแต่งตัวนาคให้แล้วมาปรึกษากันว่าเข็มขัดนาคไม่มี  เราก็บอกว่าอย่าไปกังวลใจ  เอาปอฟางรัดเอาก็ได้ ไม่มีใครเห็นหรอก  เขาจึงไปทำตามบอก  มีครูคนหนึ่งเขาคงนึกอย่างไร  รีบกลับไปในบ้าน ไปหาผ้าเบี่ยงดี ๆ มาให้สวมใส่ผืนหนึ่ง แล้วเขาก็พาไปที่บ้านเพื่อให้ร่วมสู่ขวัญนาคกับเขา

 

เหตุที่ได้ไปบวชที่วัดบ้านถ้ำ ใช่ว่าเรารู้จักใครที่นั่นก็หาไม่  หากแต่เป็นวัดที่ได้คัดเลือกเอาจากหนังสือรวมรายชื่อวัดทั่วราชอาณาจักร์  เห็นว่าเป็นวัดที่มีประวัติถูกใจที่ประสงค์ทุกอย่าง มีแม่น้ำ(แม่น้ำแคว หรือบางปะกง ?) อยู่หน้าวัด  มีแนวเทือกเขาพร้อมถ้ำมากมาย (ล้วนเป็นถ้ำที่เกี่ยวกับวรรณคดีขุนช้างขุนแผน เช่นมีถ้ำหมื่นหาญ  ถ้ำนางบัวคลี่  ถ้ำขุนแผน  เป็นต้น)  ในประวัติยังเล่าเรื่องราวนางยักขินีตนหนึ่งในอุโมงค์อีกด้วย   เริ่มด้วยการเขียนจดหมายไปหากำนันตำบลเขาน้อยก่อน  ให้เขาไปติดต่อเจ้าอาวาสให้  บวชวันที่ 23 พฤษภาคม 2526  เวลา  10.10 น.  สำเร็จเป็นพระภิกษุ

 

ได้ร่วมงานบวชกับนาคเขา 4 นาค   ในคืนวันสู่ขวัญนาคนั้น  มีเจริญพระพุทธมนต์ คนเขาไปแห่เข้ามาที่บ้านจะให้ร่วมพิธีด้วยกันกับนาคเจ้าบ้าน  ก็เกิดเหตุประหลาดขึ้น พอขึ้นไปนั่งบนบ้านเขาได้ไม่นาน ก็มีเสียงลั่นครืด แล้วบ้านเขาก็พังลงซีกหนึ่ง  เป็นห้องที่นาคเจ้าบ้าน 4 รูปแต่งตัวกันอยู่  ทั้งนาคทั้งคนตกลงไปคลุกฝุ่นอยู่ใต้ถุนบ้าน  เกิดเสียงดังโครมครามจนคนตกใจไปหมด  เกิดการจ้าละหวั่นใจหายไปหมด บางคนก็กล่าวโทษว่าไม่ไปจุดธูปเทียนบอกเจ้าที่เจ้าทางเสียก่อนก็เลยเกิดเรื่อง   แล้วช่วยกันอุ้มเอานาคทั้ง 4 ขึ้นมาปัดฝุ่นแต่งเนื้อแต่งตัวกันใหม่  เคราะห์ดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ  อยู่ตั้งนานจึงได้เริ่มพิธีเจริญพระพุทธมนต์  

 

พอบวชเสร็จคืนแรก ก็มีแมงอะไรไม่รู้ตัวเล็ก ๆ ดำ ๆ มาเป็นร่างแหในเวลาดึก ได้ยินมิต่างจากฝนตกปรอย ๆ ลงบนหลังคา   พอรุ่งเช้าดูดำเต็มห้องไปหมด  ตามซอกเสา ซอกผนัง  เพดาล  ไต้ผ้าแพรต่าง ๆ  จับกันเป็นกระจุก ๆ  กวาดรวม ๆ แล้วได้เป็นถัง ๆ   คืนที่ 2 พากันมามากกว่าคืนแรก จนพื้นห้องเต็มไม่มีที่วางเท้า   พอคืนที่ 3 พระเณรในกุฏิเดียวกันนั้น ต่างพากันหนีไปหมด เหลือเราอยู่รูปเดียว  เพราะแมงพวกนั้นมันจะต่ายเข้าไปซุกใต้ที่นอน  ตามเนื้อตามตัว อาจจะเข้าหู เข้าตา เข้าปาก  หากกั้นมันไว้ไม่อยู่  แต่เราอยู่ได้เพราะเราไม่ได้นอนหลับเหมือนคนธรรมดา  แต่นั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ (นั่งหลับเช่นนี้มาแต่เป็นฆราวาสแล้ว นับแต่เหตุการณ์ในคืนวันที่ 31 มีนาคม 2523) ซึ่งโดยวิธีนี้ ครั้นกางกลดออก เก็บชายมุ้งอย่างดีแล้ว พวกแมงนั้นก็เข้าไม่ได้   จนถึงเช้า ก่อนจะออกจากกลดก็ค่อยกวาดพวกมันแหวกเป็นทางเดินออกไปได้  พวกแมงประหลาดนี้มาอยู่ 4 – 5 คืน ก็หายไป ชาวบ้านต่างมาดูแล้ววิจารณ์กันไปต่าง ๆ ว่าไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน บ้างว่าพวกเขามารับผลบุญการบวชคราวนี้ บางคนว่าอาเพทอะไรนะ  

 

ในช่วงนั้น  ต่อมา ได้มีบุคคลสำคัญมาบวชที่วัดบ้านถ้ำ ก็คือ ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี บวชพร้อมกับน้องชายอีก 2 คน รวมเป็นสามพี่น้อง  จึงได้เห็นงานบวชที่ใหญ่โตมโหฬารมาก เพราะมีทั้งเครื่องบิน ฮ. หลายคันมาลงที่ลานวัด  รถเก๋งคันใหญ่งาม  มากันเต็มไปหมด  ซึ่งแตกต่างจากเราบวชเป็ฯอันมาก   แต่ก็ไม่รู้สึกอะไร

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

ข้อ 21.  

เดิมทีนั้น  ตั้งใจบวชแล้วมีแผนการอะไรบ้าง ?

....................................................................................

ต้องการเร้น หนีหายไปจากโลก  จากคน  ขึ้นชื่อว่าคนไม่ต้องการพบย  แต่มิใช่เพราะรังเกียจ เพียงแต่ไม่ต้องการพูดกับคน  เรื่อง คน ๆ  ต้องการปลีกไปคนเดียว ด้วยความเชื่อมั่นในสมรรถภาพภายในตัวตน  ที่จะเร้น หนีหายไปอยู่โดดเดี่ยว  ที่จะท่องเที่ยวไปในแดนสนธยาที่ไร้ผู้คนได้   อย่างน้อยก็ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

 

ทำเช่นนั้นทำไม ?   ก็เพราะเป็นวิธีการเสวยอารมณ์ส่วนตัวชนิดหนึ่ง ที่พิเศษเฉพาะตัว  อีกทั้งต้องการฝึกฝนทดสอบอะไรบางอย่าง  อาจเรียกว่า  “วิชา”  ซึ่งเป้ฯเรื่องของจิต ก็ได้  หลายวิชาที่ได้รู้อยู่ก่อนแต่ในฆราวาสวิสัยไม่อาจทดสอบได้อย่างสมบูรณ์

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

ข้อ 22.  

บัดนี้แผนการเดิมนั้นคงจะได้เปลี่ยนแปลงไป อะไรคือสาเหตุของการเปลี่ยนแปลง และได้มีความพอใจในการเปลี่ยนแปลงนั้นหรือไม่ ?

.................................................................................

 

ชีวิตนี้มีพ่อเป็นผู้ให้พลัง  มีแม่เป็นผู้อุปถัมภ์โอบเลี้ยงบำรุง  เหตุทั้งหลายที่มาเกี่ยวข้องกับชีวิตช่วงนี้  ล้วนมาจากโยมแม่ทั้งนั้น  เช่นเดียวกับเรื่องนี้ ที่ต้องเปลี่ยนแผนไปทั้งสิ้นก็เนื่องมาจากโยมแม่อีกเช่นเคย  บวชมาได้ 17 วัน  ยังศึกษาเหตุการณ์ภายในถ้ำไม่แล้วเสร็จ  ก็ได้รับโทรเลขว่าแม่ป่วยหนัก(เป็นใบโทรเลข มีข้อความสั้น ๆ ว่า  “แม่ป่วยหนัก กลับบ้านด่วน”)  จึงได้บอกลาเจ้าอาวาสและเดินทางกลับมาศรีสะเกษ  จึงเป็นเหตุให้ต้องอยู่ที่นี่สืบมาตราบเท่าทุกวันนี้  และเมื่อความพยายามอีกครั้งล้มเหลวไป ในที่สุดก็เห็นจะต้องยอมรับแล้วว่าชะตากรรมได้กำหนดให้เช่นนี้  และก็ได้เคยมีความฝันอันพิสดารต่อเนื่องกันไปเหมือนละครทีวี  ครั้งยังเป็นฆราวาส ก่อนบวชไม่นานนัก หลายครั้ง ที่เกี่ยวกับองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตรง   บัดนี้จึงได้ระลึกถึงความฝันครั้งสุดท้าย ที่คล้ายจะบอกความหมายตรงกับความรู้สึกว่า  “เราเป็นผู้ที่จะต้องอยู่ มิใช่ผู้ที่จะต้องไป”

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

ข้อ 23.  

อยากให้สรุปเนื้อความทั้งหมดของหนังสือที่ได้เขียนขึ้นก่อนจะออกบวช ?

.........................................................................................................................

 

เป็นหนังสือที่ได้บอกแจ้งให้ผู้อ่านได้ทราบว่า เรื่อง จิตวิญญาณ นั้น  เป็นเรื่องที่มีความหมายที่สำคัญที่สุดของมนุษย์  ในการพัฒนาคุณภาพของชีวิตนั้น  การพัฒนาจิตวิญญาณจะเป็ฯเรื่องที่ประเสริฐที่สุด  และจะละเลยเสียไม่ได้  ผลของการพัฒนาจิตวิญญาณนั้น  ก็คือ  วิถีปัจเจกบุคคลประเสริฐ  ครอบครัวประเสริฐ  สังคมประเสริฐ  ประเทศชาติประเสริฐ  การพัฒนาจิตวิญญาณถึงระดับสูงสุด นั่นคือ  จิตวิญญาณปลอด  พ้นจากความหม่นหมอง  ทำชีวิตให้หมดทุกข์

 

แนวการพัฒนาจิตวิญญาณนั้นก็คือการต่อสู้กับกิเลส ซึ่งต้องใช้ความพากเพียร ความมานะพยายาม สติปัญญากล้าหาญ  และใช้เวลาไปตลอดชีวิต  เพราะการพัฒนาจิตวิญญาณ จะต้องกระทำควบคู่กันไปกับการพัฒนาความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน  ปกติมนุษย์จะมีความใฝ่ฝันต่าง ๆ มากมาย  แต่เขาจะไม่สามารถบรรลุผลที่ใฝ่ฝันได้เลยทั้งหมดทั้งสิ้น  เพราะความใฝ่ฝันของมนุษย์นั้น  ไม่มีวันสิ้นสุด  แต่หากพัฒนาจิตวิญญาณไปถึงจุดสุดท้ายแล้ว  ความฝัน ความใฝ่ หรือความใฝ่ฝันอันสูงสุดทุกอย่างจะสิ้นสุดลง  แล้วชีวิตจักบรรลุความอุดมสมบูรณ์ที่สามารถสนองความปรารถนาอันสูงสุดทุกสิ่งทุกอย่าง  ชีวิตที่ประเสริฐเลอเลิศเช่นนี้  มนุษย์สามารถจะบรรลุได้ในโลกปัจจุบัน

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

ข้อ 24.  

อยากให้สรุปเหตุการณ์ที่ปรากฏภายในจิต 5 ครั้ง ดังกล่าวมาในคราวก่อน(ข้อ 16)  พอจะอธิบายได้หรือไม่ว่า เหตุการณ์ทั้ง 5 ครั้งนั้นหมายถึงอะไร ?  นี่คือการบรรลุธรรม  พุทธธรรม   ใช่หรือไม่ ?

..................................................................................

 

หมายถึงการพัฒนาทางจิตวิญญาณ ที่ค่อยพัฒนาไปเป็นลำดับ มีขั้นตอนเป้นขั้นเป็นตอนไป  และทั้งหมายถึงอำนาจทางจิตที่บังเกิดควบคู่ไปในบางขั้นตอนด้วย

 

หากหมายถึงการดับกิเลส ก็คงใช่อันเดียวกับ การบรรลุธรรม  และหากการบรรลุธรรมหมายถึง  การพ้นจากความใฝ่ฝัน  สามารถทำความฝันอันสูงสุดให้เป็นจริงได้  และรู้อยู่จบพรหมจรรย์

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

ข้อ 25.  

เท่าที่บวชมาแล้ว 9 พรรษา  ได้พำนักจำพรรษาที่วัดไหนบ้าง ?

------------------------------------------------------------------------------

พรรษาที่ 1 พ.ศ. 2526  วัดโคกกลาง ต.อี่หล่ำ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ ณ บ้านเกิด

พรรษาที่ 2 พ.ศ.2527  วัดบ้านแสงน้อย ต.โคกหล่าม อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ บ้านติดกัน  เป็นวัดป่า

พรรษาที่ 3 – 6 รวม 4 พรรษา  พ.ศ. 2528 – 2531  วัดโนนน้อย ต.โคกหล่าม อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ

พรรษาที่ 7 – 9  พ.ศ. 2532 – 2534  วัดมหาพุทธาราม  ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ (วัดเก่าแก่คู่เมืองศรีสะเกษ  เป็นวัดเจ้าคณะจังหวัด)

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

ข้อ 26.  

ปัจจุบันนี้อยู่ในฐานะหรือตำแหน่งอะไรในวงการคณะสงฆ์ไทย ?

----------------------------------------------

1.   เจ้าอาวาสวัดโนนน้อย ต.โคกหล่าม อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ

2.   รักษาการณ์เจ้าอาวาสวัดโคกกลาง ต.อี่หล่ำ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ

3.   เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ  วัดมหาพุทธาราม ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

ข้อ 27.  

ได้สร้างผลงานอะไรบ้าง ?  และมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นที่วัดโนนน้อย ?

..........................................................................................................

 

สร้างอุโบสถ ขอพระราชทานวิสุงคามสีมา และผูกพัทธสีมาวัดโนนน้อย  จัดทำโฉนดที่ดินวัดโนนน้อย จนเป็นวัดที่สมบูรณ์  การสร้างอุโบสถ ได้แล้วเสร็จลงแล้ว ขณะเดินทางไปจำพรรษา ณ วัดมหาพุทธาราม ยังเป็นเจ้าอาวาสวัดโนนน้อยอยู่  และได้เตรียมวางแผนยกช่อฟ้าพระอุโบสถไว้แล้ว แต่ภิกษุที่ครองต่อมาได้ยุยงปลุกปั่นประชาชนให้ฝ่าฝืนแผนการไป เกิดความเสียหาย  ต่อมาจึงได้เกิดเหตุอาเพท  โดยพระภิกษุที่ปกครองวัดสืบต่อมา ได้เกิดล้มหายตายจากไปตาม ๆ กัน จนเกลี้ยงวัด รวมทั้งสิ้น 7 รูป ในเวลาไล่เลี่ยกัน (2 รูปแรกหลับแล้วไม่ตื่น 4 รูปต่อมา เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ  อีกรูปที่เหลือป่วยตาย  จนเกิดปรากฎการณ์ตายล้างวัดขึ้นที่นี่) ซ้ำต่อมาเร็ว ๆ นี้ เจ้าคณะตำบลได้เกิดอุบัติเหตุจนขาหักไปอีกรูปหนึ่ง  ทำให้มีปัญหาทางด้านการปกครองของฝ่ายคณะสงฆ์และชาวบ้านเป็นอันมาก    สำหรับวัดโนนน้อย ยังหาภิกษุมาเป็นเจ้าอาวาสแทนไม่ได้

 

ที่วัดโคกกลาง กำลังก่อสร้างอุโบสถ วางศิลาฤกษ์เมื่อ 4 พ.ค.2533  ขณะนี้กำหนดยกช่อฟ้า  15 มี.ค. 2535

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

ข้อ 28.  

อยากทราบความจริงเกี่ยวกับการขึ้นไปอยู่บนเพดาลอุโบสถวัดโนนน้อย ซึ่งน้อง ๆ ได้ทราบแต่เพียงว่า ขึ้นไปแล้วจะไม่ลงมาจนกว่าจะครบกำหนด 7 วัน  ทำให้เป็นห่วงกันมาก เพราะทราบว่าตั้งใจอดข้าวและทั้งอดน้ำตลอด 7 วันเลยทีเดียว   ไม่ทราบว่าเป็นความจริงเพียงใด  การอดน้ำนั้นทางแพทย์บอกว่าไม่ได้เกิน 3 วัน หากเกินไปจะเสียชีวิต การที่หลวงพี่อยู่ได้ครบ 7 วันนั้น หมายถึงการปฏิบัติธรรมอย่างไร ? อะไรทำให้บรรลุผลอดน้ำได้ถึง 7 วัน  ?

................................................................................

 

เป็นเรื่องที่พยายามทดสอบ พิศูจน์อะไรที่เป็นประเด็นสำคัญและตั้งใจไว้แต่ก่อนบวชด้วยซ้ำ  จึงได้เริ่มเลยเป็นครั้งแรกที่วัดโคกกลาง ปีแรก  แต่อยู่ไปได้เพียง 3 วัน  ปีที่ 2  ทดลองที่วัดบ้านแสงน้อย   ได้แค่ 3 วันเหมือนกัน  พอมาอยู่วัดโนนน้อย  จึงประสบความสำเร็จ  ผ่าน 3 วัน  7 วันไปได้ ถึง 4 ครั้ง คราวนั้นได้โอกาสเพราะมีสถานที่ คืออุโบสถใหม่  มีเพดาลอยู่เร้นสูงขึ้นไป  ป้องกันคนได้  เป็ฯการงดอาหารทุกชนิด  งดดื่มน้ำตลอด 7 วัน จริง    ได้จริง  ทำให้ได้ทราบทฤษฎีเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเชื่อเลยว่า อย่าว่าแต่ 7 วันเลย  จะอยู่ไปกี่วัน  กี่เดือน ก็ได้  (แบบที่อยู่จนปลวกมาสร้างรังท่วมตัว   ก็ได้)   .....    แต่ปรัชญาในเรื่องนี้ มิใช่การอดข้าว หรืออดน้ำ   แต่เป็ฯ  การหยุด  เพราะการอดนั้นจะสามารถทำได้ในเวลาจำกัด  แต่การหยุดจะสามารถทำได้โดยไม่จำกัดกาลเวลา   กล่าวคืออาจจะอยู่ต่อไปเช่นนั้นได้มากกว่า 7 วัน คือ 14 วัน  28 วัน  นับเดือน หรือตลอดพรรษาก็ได้    ขณะอยู่วัดโนนน้อย ได้ขึ้นไปจำศีลชนิดนี้ถึง 4 ครั้ง  ในปี พ.ศ.2530 ครั้งแรก 3 วัน 3 คืน  ครั้งที่ 2  7 วัน 7 คืน   ในปีต่อมา คือ พ.ศ. 2531 ก็ 2 ครั้ง  ครั้งแรก 3 วัน 3 คืน  ครั้งที่ 2  7 วัน 7 คืน เหมือนกัน  แต่ในครั้งหลังสุดนี้  มีข้อจำกัดทับทวีไปกว่าเดิมมาก คือเรื่องอากาศหายใจ   ผลการพิศูจน์ เป็นที่น่าพอใจมาก  และยืนยันว่า การเดินทางเข้าป่าใหญ่ อยู่ในป่าใหญ่ ตามแผนการออกบวชเดิมนั้น จะสามารถเป็นไปได้อย่างสบาย ด้วยการบรรลุวิชานี้  ทำให้กระตือรือร้น ที่จะออกสู่ป่าใหญ่ ไปตามแนวชายแดนเขาตะนาวศรี  เข้าพม่า  อยู่บำเพ็ญธรรมในป่าที่ซึ่งไม่มีมนุษย์ให้เห็น จนกว่าจะสำเร็จธรรมชั้นสูงสุด

 

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความหมายคาบเกี่ยวไปถึงธรรมะชั้นสูง  ผู้ที่มีคุณธรรมสูงฟังแล้วจึงจะเข้าใจในคุณประโยชน์  แต่เป็นคุณประโยชน์ส่วนที่ มิใช่มรรคผล  เป็นส่วนที่พิเศษจริง ๆ  และมีคุณประโยชน์จริงในความสัมพันธ์กับ มรรคผล

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

ข้อ 29.  

ให้เล่าเรื่องราวที่ไปอยู่ป่าช้าในปี พ.ศ. 2533 โดยอยู่ป่าช้าโพนเขวา 15 วัน 15 คืน  อยู่ป่าช้าจีนแดนสุขาวดี 20 คืน 21 วัน   การเขียนพินัยกรรม ทำให้ตกอกตกใจกันมาก  ทำให้พี่น้องมีความรู้สึกใจหายไม่สบายใจ คล้ายเป็นลางร้าย

.........................................................................................

 

ที่เขียนพินัยกรรมก็เพราะสูตรหรือทฤษฎีกำหนดไว้เช่นนั้น  แต่เหตุผลที่แท้ก็คือต้องการปลดภาระกังวลใจให้หมดสิ้นจริง ๆ  เพราะหากมิเช่นนั้น  ภาคปฏิบัติธรรมจะไร้ผล  แต่ในความจริงไม่อาจจะมีอะไรมาทำอันตรายได้หรอก แม้จะอยู่คนเดียวแท้กลางป่าช้า 15 คืน  16 วันที่บ้านโพนเขวา ป่าช้าไทย  หรือกลางป่าช้าจีน แดนสุขาวดี ถึง 20 คืน  อยู่คนเดียว  มีบิณฑบาตเตรียมไปพร้อม เพราะต้องการแฝงเร้นอยู่เฉพาะผู้เดียวจริง ๆ  ไม่ต้องการเห็นคน ชื่อว่าคนไม่ต้องการพบ  จุดประสงค์เพื่อฝึกวิชาภายในบางอย่าง เพื่อเสริม เพิ่มเติม  กับทั้งชำระจิตใจ  เพราะภาระหน้าที่ในฐานะเลขานุการเจ้าคณะจังหวัด ทำให้ต้องติดต่อเกี่ยวข้องกับคนชนิดต่าง ๆ  กับงานทั้งภายในวัดและนอกวัดอยู่ตลอดเวลา  ขาดความวิเวก แต่ล้วนความวุ่นวาย  หากจิตใจไม่สงบสงัดพอแล้ว  ก็อาจฟุ้งซ่านได้  ซึ่งนั่นคือทุกข์และภัย  การปลีกไปอยู่ป่าช้าเช่นนี้ หลวงพ่อท่านก็เห็นดีด้วยและเข่าใจเหตุผล  จึงอนุญาต

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

ข้อ 30.   

อยากทราบว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง ?  มีปากฎการณ์ของภูตผีปีศาจอย่างไรบ้างหรือไม่ ?  ที่ได้ยินว่าพวกปีศาจมาเล่นดนตรีให้ฟังในป่าช้าโพนเขวาเป็ฯความจริงเพียงใด ?

......................................................................................

 

 เหตุการณ์ที่คนได้พบนั้นส่วนมากจะเป็นการปรากฏภายในดวงจิต  แต่เรื่องดนตรีในป่าช้านั้น  เป็นรูปธรรมที่ปรากฏทางอายตนะด้านการรับฟังปกติจริง  ดูดุจเป็นดนตรีของเหล่าแมลงและนกต่าง ๆ ที่บินมาจับกลุ่มตามใบไม้ กิ่งไม้  มีการเตรียมเชคเครื่องดนตรี  เสียงปี่  เสียง ซอ ดังเป็นอัน ๆ ไป  แล้วร่วมมือประสานเสียงอย่างเป็นระเบียบระบบ แต่ที่น่าประหลาดอัศจรรย์จริง ๆ ก็เพราะความดังสนั่นของเสียง เกินที่จะเป็นเพียงพวกนกพวกแมลง  เพราะดังสนั่นปานแก้วหูแทบแตกระเบิด  เฉพาะเสียงกลองก็เหมือนกลองเพลใบใหญ่ที่ถูกตีอย่างสุดแรงและเนิ่นนานหลายชั่วโมง(จากสองทุ่มไปถึงตีสองจึงหยุดลง) ราวกับภูตผีปีศาจเสกแสร้งบรรเลงด้วยอภินิหารเร้นลับก็ไม่ปาน  ทั้งนี้ก็เพราะว่าบรรเลงเป็นเพลงมาตรฐานจริง ๆ  คือเพลงแห่ศพ ที่เป็นประเพณีของการศพเวลาหามศพออกออกจากหมู่บ้าน เดินทางไปสู่ป่าช้า  มีเสียงปี่  กลอง  ขลุ่ย  ระนาด และอะไรอีกก็แยกไม่ออก  แต่แน่นอนเป็นวงดนตรีวงใหญ่ของพวกเขาละ กล่าวถึงเสียงที่ดัง ก็ดังสนั่นหวั่นไหว อื้ออึงอลไปหมดทั้งป่าช้า และยังบรรเลงไปนานไม่หยุดหย่อน  จนเราหลับไปแล้วตื่นราวตี 2 ก็คงบรรเลงอยู่  พอจะจบ มีเสียงเรียกร้องว่า  “พระอาจารย์”  จนเราสะดุ้งตื่นจากหลับ ตอบขอบใจเขาไป ที่ให้การสมโภชต้องรับในคืนนั้น

 

จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ก็ยังคงหวลคิดถึงดนตรีคราครั้งนั้นอยู่  รำลึกความไพเราะอย่างธรรมชาติ  และเพลงบรรเลงอย่างเป็นต้นแบบของเพลงแห่ศพในปัจจุบันนี้ ในงานศพที่ไหนก็ตามแต่   ยิ่งไปกว่านั้น เรารู้สึกว่าทำความขอบใจแด่พวกเขายังไม่เพียงพอ  นี่กล่าวถึงที่โพนเขวา  ส่วนที่ป่าช้าจีนแดนสุขาวดี มาบรรเลงดนตรีในทำนองเดียวกันนี้ให้ฟัง 2 คืนสุดท้าย (คืนที่ 19 และ 20) ที่อยู่ป่าช้าจีนที่สุขาวดี  คืนแรกได้ตะโกนบอกไปว่า สู้โพนเขวาไม่ได้เว้ย   จึงมีการบรรเลงอีกเป็นคืนที่ 2 ซึ่งคืนที่ 2 นี้ ดีกว่า  สนั่นหวั่นไหวกว่าคืนแรก  แต่ก็ยังด้อยกว่าที่บรรเลงในโพนเขวา  ทั้งนี้เพราะสถานที่ของโพนเขวาได้เปรียบกว่า  มีต้นไม้ล้อมรอบ  แมลงมากันได้รอบด้าน ส่วนป่าช้าจีนกลับโล่งเตียน เสียงจึงกระจายออกไปไม่รวมกัน   เกี่ยวกับดนตรีในป่าช้านี้ มีความยินดีที่จะเล่าให้ฟัง เพราะเป็นเรื่องธรรมชาติ  เรื่องที่มีพวกนกและแมลงต่าง ๆ มาจับกลุ่มรวมกันร่ำร้องแล้วถูกจังหวะพอเหมาะพอดี  กลายเป็นเพลงแห่ศพขึ้นมาได้  แต่เสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหว จนแก้วหูแทบแตกระเบิดนั้น  ดังกับว่าเป็นการบันดาลของเหล่าภูตผีปีศาจก็ไม่ปาน และครั้นคุ้นหูแล้วก็มีความไพเราะ เพราะยิ่งกว่าดนตรีใด ๆ เสียอีก

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

ข้อ 31.  

เอาละคราวนี้  ขอให้เล่าความเป็นมาที่ได้มาอยู่กับหลวงพ่อเทพวรมุนี เจ้าคณะจังหวัด ในฐานะเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ

..........................................................................

เดิมเริ่มต้นในปีที่บวช แล้วกลับมาบ้านนั้น  หนังสือพิมพ์ “เสียงศรีสะเกษ” ได้นำประวัติเราลงพิมพ์ หลวงพ่อท่านอ่านพบ ท่านชอบใจคนที่มีวิชาความรู้ กับทั้งเชื้อสายเหล่ากอก็อยู่ในเครือญาติอีกด้วย  ต่อมาแม่ได้นิมนต์ท่านไปเทศน์งานศพของยายที่บ้านโคกกลาง  จึงได้รู้จักท่าน

 

ในปีต่อมา พ.ศ. 2527  ท่านได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็น พราราชาคณะชั้นเทพ  ได้ติดตามท่านรับสมณศักดิ์ ณ พระที่นั่งอมรินทร์วินิจฉัย ภายในพระบรมมหาราชวัง  แล้วติดตามท่านไปทุกหนทุกแห่งที่จัดฉลองแสดงมุทิตาสักการะในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียงกรุงเทพฯ  จนกระทั่งนำขบวนแห่แหนเครื่องพระราชทาน พัดยศ  กลับศรีสะเกษ ถึงวัดมหาพุทธาราม จัดฉลองแล้ว  จึงกลับไปบ้านนอก(ขณะนั้นอยู่วัดบ้านแสงน้อย)

 

ต้นปี พ.ศ. 2531 พระครูศรีวรปรีชา เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดมรณะลงโดยกะทันหัน  ท่านได้เรียกเข้าไป,  ขณะนั้นขึ้นไปจำศีลอยู่ในเพดาลอุโบสถที่เพิ่งสร้างเสร็จที่วัดโนนน้อย  กำลังวางแผนจะออกเดินทางกลับไปกาญจนบุรีและเข้าป่าตามเจตนาดั้งเดิม  พอครบ 7 วัน 7 คืน ลงมาก็พบคำสั่งของท่าน  ให้เดินทางเข้าไปหาท่าน ๆ ก็ยกย่องให้เป็น เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษตั้งแต่นั้นมา ต่อมาเดือนพฤศจิกายน ก็ออกจากวัดโนนน้อย ทิ้งให้หลวงปู่เอ๋  หลวงปู่พันธ์  หลวงปู่ล้วน  กับพวกเฝ้ารักษาแทน  แต่ท่านเหล่านี้กลับพากันล้มหายตายจากไปหมด ในเวลาไม่ถึง 2 ปีต่อมา  หลังจากนั้นก็ล้วนแต่เหตุอาเพศเกิดขึ้นที่วัดโนนน้อย  จนแทบร้างอยู่ทุกวันนี้

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

ข้อ 32.  

ได้ทราบว่าวัดมหาพุทธาราม วัดเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ รูปปัจจุบัน  พระรูปใดไปเป็นใหญ่อยืที่นั่น จะต้องประสบเคราะห์กรรม ถึงสิ้นชีพ มรณะไปหมด  จริงหรือไม่เพียงใด ?  หลวงพี่อยู่กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ  มีความสบายใจ พอใจในสถานะตัวเองอยู่หรือ ?

..........................................................................................................

 

เรื่องพระไปเป็นใหญ่เป็นโตที่วัดมหาพุทธาราม ก็ปรากฏเป็นความจริงน่าฉงนอยู่  เพราะตั้งแต่ท่านพ่อ เป็นเจ้าเคณะจังหวัดและเป็นเจ้าอาวาสวัดมหาพุทธาราม พระที่มาเป็นใหญ่คือเป็นรองเจ้าคณะจังหวัดและรองเจ้าอาวาส กับเลขานุการเจ้าคณะจังหวัด ได้ประสบเคราะห์กรรมไปแล้วขณะนี้ถึง 4 รูป ล้วนแต่เป็นพระผู้ทรงคุณวุฒิเป็นเปรียญทั้งสิ้น  สำหรับ 2 รูปแรก มรณะ   ในตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัดและควบรองเจ้าอาวาส  ในขณะที่ยังหนุ่มอยู่ทั้งคู่  รูปที่ 3 ก็คืออดีตเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดรูปก่อน ที่ได้มาแทนที่ท่าน  กับสุดท้ายรูปที่ 4 ก็เท่ากับมรณะในตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัดกับรองเจ้าอาวาสวัดมหาพุทธาราม ซึ่งเป็ฯเรื่องที่น่าเสียดาย มากที่ได้มีเหตุสูญเสียพระผู้ทรงคุณวุฒิไปโดยไม่สมควรแก่วัยของท่าน  เพราะหากท่านเหล่านั้นยังมีชีวิตอยู่  ก็คงจะได้ร่วมมือกันทำนุบำรุงการศาสนาที่เมืองนี้ ให้เจริญก้าวหน้าไปได้มาก  และเป็นหลักของบ้านเมืองเราให้อบอุ่นใจยิ่งกว่านี้

 

ความเป็นอยู่ในฐานะพระ  ย่อมพอใจเสมอ  อยู่ที่นี่ ที่วัดมหาพุทธารามกับหลวงพ่อ อาจกล่าวว่าเป็นเรื่องประหลาดอีกเรื่องหนึ่งก็ได้

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

 

 

ข้อ 33.  

ให้กล่าวถึงอนาคตว่าจะเป็นไปในรูปใด ?

-----------------------------------------------------------

 

อนาคต    ไม่กังวล

ปัจจุบัน    ไม่ใฝ่ใจ

อดีต          ไม่อาลัย

 

สำหรับอนาคต ที่ไม่กังวล  ก็เพราะ ทางเดินย่อมมีอยู่เพียง 3  และ  ไม่ว่าจะเป็นทางใด ย่อมพอใจทั้งสิ้น   นั่นก็คือ

1.  เพียงแต่รอ  เพราะอะไร ๆ ก็คงจะเป็นไปเอง  หรือ

2.  พักผ่อน  หากว่าไม่มีเหตุการณ์ตามข้อ 1 ปรากฏ

3.  สาบสูญ  หรือ อยู่อย่างสาบสูญ  ไม่ปรากฏชื่อเสียงอันใด  ต่อเมื่อจะอำลาโลกจึงค่อยปรากฏออกมา ทำหน้าที่ผู้ปิดม่านของโรงละครโรงใหญ่  ที่นจบเสร็จการแสดงลงแล้ว

 

เพราะชะตาใดก็ไม่พ้นกรรมลิขิต

ย่อมเป็นไปตามกรรมลิขิตนั้นเที่ยงแท้

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

****************************************************************************************

 

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

ศรีสะเกษ : มหาอาณาจักรป่าดงแดนลำดวน

 

แด่เพื่อนรักผู้สลักฤทัยชิด                         สนมสนิทพุทธศาสน์ดั่งมาดหมาย 

เพื่อนผู้รักสลักจิตไม่คิดคลาย                   น้อมถวายธงชัยจะใฝ่ธรรม           ฯ 

 

ธงชนะฉะนั้นพลิ้วพิไรอยู่..................................................... 

 

------------------------------------------------------------------------------------------------------------

**************************************************************************************************

 

 

    

 

 

 

 

 

 

 




My Temple : วัดของฉัน

MY TEMPLE
ข่าวดีจาก MY TEMPLE
บันทึก การตรวจสอบเหตุการณ์ คืนวันที่ 10-11 เม.ย.2558
บันทึกความฝันของผม ก่อนบวชฝันถึงพระพุทธเจ้า 5 ครั้ง
เห็นภาพพราหมณ์เฒ่า นาม สวามิภูติ พบเผชิญพุทธองค์ ขณะทรงตรัสรู้ใหม่ ๆ
พุทธทำนายเดือน4 ปีกุน
พุทธทำนายจาก หนังเรื่อง พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก ของดร.โมดี
ประวัติของผม ตอนที่ 14 จากหนังสือพิมพ์ดี ล.26
พระพยับ ปัญญาธโร กับ สถาบัน พุทธศาสนาระดับโลก ประวัติตอนหนึ่งที่น่าสนใจ



แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.
----- ***** ----- โปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate นี่คือเวบไซต์คู่ www.newworldbelieve.com กับ www.newworldbelieve.net เราให้เป็นเวบไซต์ที่เสนอธรรมะหรือ ความจริง หรือ ความคิดเห็นในเรื่องราวของชีวิต ตั้งใจให้ธัมมะเป็นทาน ให้สิ่งที่เป็นประโยชน์แด่คนทั้งหลาย ทั้งโลก ให้ได้รู้ความจริงของศาสนาต่าง ๆในโลกวันนี้ และได้รู้ศาสนาที่ประเสริฐเพียงศาสนาเดียวสำหรับโลกยุคใหม่ จักรวาลใหม่ เรามีผู้รู้ ผู้ตรัสรู้ ผู้วินิจฉัยสรรพธรรมสรรพวิชชา สรรพศาสน์ และสรรพศาสตร์ พอชี้ทางสู่โลกใหม่ ให้ความสุข ความสบายใจความมีชีวิตที่หลุดพ้นไปสู่โลกใหม่ เราได้อุทิศเนื้อที่ทั้งหมดเป็นเนื้อที่สำหรับธรรมะทั้งหมด ไม่มีการโฆษณาสินค้า มาแต่ต้น นับถึงวันนี้ร่วม 14 ปีแล้ว มาวันนี้ เราได้สร้างได้ทำเวบไซต์คู่นี้จนได้กลายเป็นแดนโลกแห่งความสว่างไสว เบิกบานใจ ไร้พิษภัย เป็นแดนประตูวิเศษ เปิดเข้าไปแล้ว เจริญดวงตาปัญญาละเอียดอ่อน เห็นแต่สิ่งที่น่าสบายใจ ที่ผสานความคิดจิตใจคนทั้งหลายด้วยไมตรีจิตมิตรภาพล้วน ๆ ไปสู่ความเป็นมิตรกันและกันล้วน ๆ วันนี้เวบไซต์นี้ ได้กลายเป็นโลกท่องเที่ยวอีกโลกหนึ่ง ที่กว้างใหญ่ไพศาล เข้าไปแล้วได้พบแต่สิ่งที่สบายใจมีความสุข ให้ความคิดสติปัญญา และได้พบเรื่องราวหลายหลากมากมาย ที่อาจจะท่องเที่ยวไปได้ตลอดชีวิต หรือท่านอาจจะอยากอยู่ณโลกนี้ไปชั่วนิรันดร ไม่กลับออกไปอีกก็ได้ เพียงแต่ท่านเข้าใจว่านี่เป็นแดนต้นเรื่องเป็นด่านข้ามจากแดนโลกเข้าไปสู่อีกโลกหนึ่ง และซึ่งเป็นโลกหรือบ้านของท่านทั้งหลายได้เลยทีเดียว ซึ่งสำหรับคนต่างชาติ ต่างภาษาต่างศาสนา ได้โปรดใช้การแปลของ กูเกิล หรือ Google Translate แปลเป็นภาษาของท่านก่อน ที่เขาเพิ่งประสบความสำเร็จการแปลให้ได้แทบทุกภาษาในโลกมนุษย์นี้แล้ว ตั้งแต่ต้นปีนี้เอง นั้นแหละเท่ากับท่านจะเป็นที่ไหนของโลกก็ตาม ทั้งหมดโลกประมาณ 7.6 พันล้านคนวันนี้ สามารถเข้ามาท่องเที่ยวในโลกของเราได้เลย เราไม่ได้นำท่านไปเที่ยวแบบธรรมดาๆ แต่การนำไปสู่ความจริง ความรู้เรื่องชีวิตใหม่ การอุบัติใหม่สู่ภาวะอริยบุคคล ไปสู่การเปลี่ยนแปลงไปพ้นจากทุกข์ ทั้งหลายไปสู่โลกแห่งความสุขแท้นิรันดร คือโลกนิพพานขององค์บรมศาสดาพุทธศาสนา พระบรมครูพุทธะ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพียงแต่ท่านโปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate ท่านก็จะเข้าสู่โลกนี้ได้ทันทีพร้อมกับคน7.6พันล้านคนทั้งโลกนี้. ----- ***** ----- • หมายเหตุ เอาขึ้นเวบไซต์ แทนของเดิม ทั้ง 2 เวบ .net .com วันที่ 21 เม.ย. 2565 เวลา 07.00 น. -----*****-----