บทวิเคราะห์พิเศษ
วันสิ้นชีพตามดวงโหราศาสตร์ พลเอก เปรม ตินสูลานนท์
การวิเคราะห์ดวงสิ้นชีพ ตามสมมติฐานว่าด้วยการปฏิบัติการของดาวฆาฏ แห่งดวงชะตาบุคคล ซึ่งโหรผู้พยากรณ์อย่างมืออาชีพแล้วย่อมจะต้องมั่นใจในการวิเคราะห์ 3 หลักการนี้อย่างเต็มที่ นั่นคือ
1. จะต้องวิเคราะห์ทราบชัดเจนว่า ดาวฆาฏ ของดวงชะตานี้ ได้แก่ดาวอะไร บ้าง มีหนึ่งดวง หรือมีมากกว่า 1 ดวง และได้แก่ดาวอะไร ?
2. ดูน้ำหนัก หรือความร้ายแรงของดาวฆาฏ นั้น ๆ ว่าพอจะทำการได้อย่างแตกหัก เด็ดขาดหรือไม่ อย่างไร
3. ดูการจรมาถึงตำแหน่งสำคัญ ๆ ในดวงชะตาเดิม คือ ดวงชะตากำเนิด
เราจะวิเคราะห์ไปตามลำดับ ด้วยสมมติฐานงานวิจัยดวงชะตา ตามว่ามาข้างต้น เพื่อไปสู่คำตอบว่า วันสิ้นชีพตามดวงโหราศาสตร์ ของพล.อ.เปรม เป็นวันที่เท่าไร เดือน พ.ศ. ?
ดวงที่ 1
การจรของดาวฆาฏดวงที่ 1
ดวงที่ 1
พล.อ.เปรม ตินสูลานนท์
ล.20/277, ล36/104, ล59/264-265,2272-276
วันเกิด : 26 สิงหาคม 2463 วันพฤหัสบดี
ดวงชะตานี้ได้จาก ชิเชโร
ดาวฆาฏดวงที่ 1 ดาวเสาร์(๗) กาลกิณี
จากดวงกำเนิดนี้
ดาวฆาฏแท้จริง = ดาวเสาร์(๗ ) ที่กุมลักคณา และทับกับดาวสำคัญของดวงชะตาคืออาทิตย์(๑) เกษตร, ศรีกำเนิด ที่เป็นดาวปกป้องเจ้าชะตาอย่างทรงอานุภาพ ส่วนดาวฆาฏเป็นเสาร์(๗)นั้นก็เพราะเป็นเจ้าเรือนอริ และเป็นดาวกาลกิณีกำเนิดเดิม มาร่วม ทับลักคณาและทับอาทิตย์เดิม(๑) ซึ่งมีฐานะเป็นเกษตร เป็นศรีตามทักษาระบบไทย และเนื่องจากเป็นดาวคู่ธาตุไฟด้วยกันทั้งดาวเสาร์(๗) และอาทิตย์(๑) จึงหมายถึงวงการเดียวกันนั่นเอง แต่ต่างกันที่ดวงหนึ่งเป็นศรี ดวงหนึ่งเป็นกาลกิณี มาอยู่ด้วยกัน มีแต่หักล้างกัน ก่อกวนกันตลอด
ดาวเสาร์(๗) ที่เป็นเจ้าเรือนอริ มีฐานะเป็นดาวกาลกิณีอีกด้วย เมื่อมาทับลักคณ์ จึงบอกถึงความเป็นหนี้สินทางการเงินเป็นระยะ ๆ ด้วย ชะตานี้จึงเป็นชะตาที่มีการเดินรอบวงจรหนี้อยู่ตลอดมา จึงเป็นดาวฆาฏที่แท้จริง ซึ่งหมายถึงการบ่อนทำลายเศรษฐกิจการเงินของเจ้าชะตานี้ไปด้วย
ดวงที่ 2
การจรของดาวฆาฏดวงที่ 2 ดาวจันทร์(๒)
ดวงที่ 2
จันทร์(๒)+เกตุ(๙) ถึงลัคณา+๗+๑
ดาวฆาฏดวงที่ 2 ดาวจันทร์(๒)
ดาวฆาฏดวงที่ 2 ดาวจันทร์(๒)ในดวงชะตา อยู่ในตำแหน่งร้ายแรงอีกดวงหนึ่ง เป็นดาวฆาฏดวงที่ 2 เพราะเหตั่ดาวจันทร์(๒) เจ้าเรือนวินาสน์(ภพที่ 12) ที่กุมกับดาวเกตุ(๙) มหาอุจอยู่ในราศีธนู แล้วร่วมทอกระแส(๒+๙) ถึง ลั+๑+๗ หมายถึงรายจ่าย และการสูญเสียแบบสูญเปล่าไปอย่างมากมาย และสม่ำเสมอมาสำหรับชะตาชีวิตนี้ และหมายถึงการหาเงินและลาภอื่น ๆ เป็นเรื่องที่เจ้าชะตานี้อ่อนด้อยไปกลายเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากลำบากสำหรับชะตานี้อยู่ตลอดมา และตลอดไป
จันทร์(๒) เจ้าเรือนภพวินาสน์ ทักษาเป็นมูละ มาพบเสาร์(๗)กาลกิณี ถึงลักคณา+อาทิตย์(๑) ยิ่งหมายถึงรายจ่ายที่สูญเปล่าจำนวนไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว จนอาจจะกล่าวได้ว่า เจ้าชะตานี้ เป็นคนที่ค่อนข้างขัดสนในเงินทอง ข้าวของ เลยไปถึงความยากความจนคนหนึ่งก็ว่าได้ และอิทธิพลนี้ยังให้ผลในด้านความโดดเดี่ยว ไร้ญาติขาดมิตร ทำให้มีความจำเป็นอยู่เองที่จะหันหาทางธรรมปฏิบัติ เช่นสมาธิ วิปัสสนาญาณ อยู่บ้าง แต่กระนั้น เนื่องจากผลของ เสาร์(๗) และจันทร์(๒)ตามดวงชะตานี้ ก็ไม่สามารถจะให้ผลทางธรรมปฏิบัติได้อย่างไร กลับหมายถึงความสิ้นหวังอย่างว้าเหว่ไปอีก
ฉะนั้นเมื่อใดก็ตาม ที่เสาร(๗) กับ จันทร์(๒) จรร่วมหรือเกาะกุมกันมา ถึงลักคณา หรือตกสู่ภพอันตรายอันเกิดจากระบบดาวทั้งสิ้น ชะตานี้ก็จะได้รับผลร้าย คือรับผลของดาวฆาฏที่ตามมาเพื่อก่อการร้ายหมายชีวิต ซึ่งอาจจะเป็น 2 อย่าง ขึ้นไป คือ (1.) จากลูกน้อง บริวาร พันธมิตรจะขัดเคือง แตกหักกับเจ้าชะตา ไป กลายเป็นผู้โดดเดี่ยว อันเนื่องมาจากปัญหาการเงิน การเศรษฐกิจโดยรวม และเมื่อมีเกตุ(๙)มหาอุจเดิมอยู่กุมจันทร์(๒)เดิมอีก ความโดดเดี่ยวเดียวดาย ว้าเหว่อันเป็นอิทธิพลของเกตุ(๙)มหาอุจโดยเฉพาะก็ย่อมลึกชัดเจน ยิ่งขึ้น จนอาจจะกล่าวได้ว่า มีวันหนึ่งที่เจ้าชะตานี้ เมื่อดาวเสาร์(๗) กับดาวจันทร์(๒) จรมาถึง หรือให้อิทธิพลร้ายที่พิฆาฏจากการจรมาสู่ตำแหน่งที่ร้าย ก็จะบังเกิดสถานะที่ต้องอยู่โดดเดี่ยว ว้าเหว่ หาใครแลดูไม่ได้ จะเหลียวหน้าแลหลังหาใครเป็นที่พึ่งอบอุ่นใจได้ยาก และนั่นหมายถึงสติสัมปชัญญะ อ่อนลงไปถึงระบบประสาทที่วิตกกังวล ขรึมซึมซับเศร้าโศรก เปล่าเปลี่ยวเดียวดายไปด้วย
สรุปมาถึงตอนนี้ เราได้พบดาวเสาร์(๗)กาลกิณีเดิม ดาวจันทร์(๒) เจ้าเรือนภพวินาสน์ มูละเดิม กับดาวเกตุ (๙)มหาอุจ 3 ดวงนี้เอง จะเป็นดาวฆาฎของชะตานี้ ในระดับ 1 เลยทีเดียว
ดวงที่ 3
การจรของดาวฆาฏราหู(๘)
ดวงที่ 3
ดาวราหู(๘) ปัตนิ เป็นราชาโชค แต่ถึงเสาร์(๗)กาลกิณีเดิม
ดาวราหู(๘) มีศักดิ์เป็นราชาโชค ตำแหน่งเป็นเจ้าเรือนปัตนิ แต่ขณะที่เกิด ราหู(๘)ดวงนี้สถิตราศีตุล ซึ่งในตำแหน่งนี้ได้เชื่อมโยงไปถึงสหายใหญ่คือเสาร์(๗) เข้าพอดี จึงจำเป็นโดยธรรมชาติที่ต้องไปร่วมมือกับมิตรใหญ่ ในงานของเสาร์(๗) นั่นก็คืองานฆาฎ หรือล้มล้างเจ้าชะตานี้ และเนื่องจากเสาร์(๗)มหามิตรนี้ ที่ทรงคุณภาพร้ายแรงโดยเป็นกาลกิณี จึงส่งผลในทางการเป็นดาวฆาฎแรงขึ้นไปอีก และในแบบที่ไร้เหตุผล หรือการคาดคะเนผลได้ยาก และที่แน่นอนก็คือยังบันดาลผลกระทบไปถึงชีวิตรัก – คู่ครอง หรือชีวิตครอบครัว ผัวเมีย ของเจ้าชะตานี้ ที่ต้องเผชิญกับภาวะที่ยากลำบากแสนเข็ญในการมีคู่ หรือความรักที่ยากเย็น จนถึงความผิดหวัง พบเล่ห์กล พบความ พิเรนทร์ ที่ทำให้เจ้าชะตาพบความอกหัก ไร้ความสุขทางด้านนี้ ความรักพังทลายในประเด็นความรัก-คู่รักไปด้วย และนอกจากดาวร้ายคู่นี้แล้ว ยังมีดาวอีกดวงหนึ่งไปส่งผลต่อชีวิตรักเข้าอย่างหนักอีกด้วย นั่นคือมีดาวมฤตยู(๐) เข้าครองภพปัตนิเข้าอีกดวงหนึ่ง บอกได้เลยว่า นี่คือสภาพแห่งความสูญสิ้นคู่ชีวิต ไปเลย ชีวิตไร้คู่ ต้องอยู่เอกา หากินกับความฝัน ความระทมทุกข์ เลยไปถึงความเกลียดชังสตรีเพศ(ถ้าเป็นชะตาหญิง ๆ คนนี้ก็จะเกลียดชังผู้ชาย) ไปโดยตลอดชีวิต
ดวงที่ 4
ดาวกดุมภะ
ดวงที่ 4
ดาวพุธ(๔)ดาวกดุมภะ
ดาวการเงิน ได้แก่ดาวพุธ(๔) ไปอยู่ภพวินาสน์ นั่นคือความหมายเกี่ยวกับเงินโดยเฉพาะ ในที่นี้ก็กลายเป็ฯว่า มีเงินมีทรัพย์ขึ้นมา ไม่มีเหลือเก็บ เอาไปใช้จ่ายสูญหายไปหมดสิ้น เงินที่หามาได้ เอาไปจ่ายหมด ไม่มีเหลือ และยังบอกด้วยว่า มีรายการจ่ายโดยไร้เหตุผลอยู่อีกเป็นจำนวนประมาณไม่ได้
ดูดาวพุธ(๔)ดวงนี้ ยังไปเชื่อมโยงกับดาวดวงอื่น ส่งผลร้ายแด่ความหมายนี้เพิ่มเติมไปอีก
ดวงที่ 5
พุธ(๔)จรถึงจันทร์(๒)
ดวงที่ 5
ดาวจันทร์(๒) เจ้าเรือนภพวินาสน์ ไปอยู่ราศีธนูกุมเกตุ(๙)มหาอุจ กระแสจันทร์(๒)ทอถึงเสาร์(๗)กาลกิณี แล้วพุธ(๔) เจ้าเรือนกดุมภะ ไปอยู่ภพที่12 วินาสน์
การที่ในดวงชะตานี้ มีดาวจันทร์(๒) เจ้าเรือนภพที่ 12 วินาสน์ + เกต(๙)มหาอุจ เจอ เสาร์(๗)กาลกิณี สะท้อนรายจ่ายมหิมาที่สูญไปเปล่า ๆ จ่ายบางรายการ บางสถานการณ์จนกระเป๋าเกลี้ยง เงินหมดคลัง(คลังตัวเอง)ไปเลย
น่าหมายความรวมถึง คราวได้เป็นรัฐบาล เป็นนายกรัฐมนตรีไทยอยู่ 8 ปีนั้น ได้มีรายจ่ายสูญไปขนาดนี้ ที่สูญเปล่าโดยสิ้นเชิงเลยทีเดียว และครั้นดาวกดุมภะเองคือดาวพุธ(๔) ไปอยู่ภพ 12 คือตำแหน่งวินาสน์เข้าอีกด้วยแล้ว ก็จะหมายความรวมถึงชีวิตปกติคน ๆ หนึ่งต่อมา จะเผชิญปัญหาการเงินในลักษณะนี้อยู่ตลอดมา และตลอดไปจนชั่วชีวิต จะมีรายการจ่ายจนเงินเกลี้ยงกระเป๋า บอกถึงเป็นคนหาเงินหาทองไม่เป็น ยากแค้นอยู่ตลอดเวลา มีหนี้สินและรายจ่ายที่ต้องจ่ายอยู่ตลอดไป
สรุปก็คือ เป็นคนที่มีปัญหาการเงิน อยู่ตลอดไป ตลอดชีวิต เสมือนคนยากคนจนคนหนึ่งเราดี ๆ นี่เอง
ดวงที่ 6
ดาวอาทิตย์(๑) ตนุลักคณ์เป็นศรีเกษตร
ดวงที่ 6
ดาวอาทิตย์(๑) ตนุลักคณ์เป็นศรีเกษตร
ดาวอาทิตย์(๑) ธาตุไฟ เป็นดาวที่เข้มแข็ง เกิดวันพฤหัสบดีทำให้ดาวดวงนี้เป็น ศรีกำเนิด เกษตรกุมลักคณา และทั้งเป็นดาวตนุลัคณ์ และสถิตในราศีสิงห์ธาตุไฟ เท่านี้ก็พอบอกได้ถึงความมีบารมีสูงส่งและยั่งยืน มีจิตใจเข้มแข็งและมักจะมีทิฏฐิสูงในการที่จะอยู่เหนือคนอื่น ยอมใครยาก แต่ทรงความเป็นธรรม รักลูกน้องบริวาร และเมื่อมีดาว มิตรใหญ่คือ พฤหัสบดี(๕) + ศุกร(๖) กุม บ่งบอกถึงบารมี อำนาจ ภาวะผู้นำ สุขภาพ และอายุยืน และความเหนียว ทนทาน ทรหด เป็นพิเศษ และมีความคงทน ยั่งยืนนาน และยังบอกไปถึงความมีอายุยืนอีกด้วย มีความเหนียว ความเด้ง ความมีสปริงดีดกลับได้แรง สามารถหาทรัพย์สินเงินทองมาจากตำแหน่งที่ทรงอำนาจ ภาวะผู้นำนี้ได้มาก และได้เงินทองมาจากวิถีทางนี้อยู่ตลอดมา นี่เองคือจุดที่ทรงพลัง อำนาจที่ครอบ คุ้มครองดวงชะตานี้ไว้ได้อย่างยิ่งใหญ่ ทรงบารมี อำนาจยั่งยืนไปตลอดชีวิต
ก็จริง !
แต่โดนเสาร์(๗) กาลกิณี + ราหู(๘)คู่มิตรใหญ่ เจ้าเรือนภพอริและทั้งจันทร์(๒) เจ้าเรือนวินาสน์ ล้อมรอบด้าน มีดาวฆาฎมตยู(๐) เล็งตรงมายังลั+๑ เช่นนี้ วันหนึ่งจะต้องเพลี่ยงพล้ำลงจนได้ ด้วยเหตุที่ดวงดาวที่กล่าวมา ล้วนเป็นดาวฆาฏที่ร้ายแรง ส่งผลตรงเป้า ทั้งสิ้น หากแต่อำนาจของดาวอาทิตย์(๑)ศรีเกษตร อันเป็นดาวตนุลักคณ์ ทรงอำนาจดังกล่าว และครั้นมีดาวพฤหัสบดี(๕)มาร่วมกุมกับอาทิตย์(๑)อีกด้วย มีดาวศุกร(๖)มาร่วมกุมอีกด้วย จึงส่งผลให้ทรงฐานะการนำอันยั่งยืน แทบกล่าวว่าดวงชะตาที่ไม่มีวันตก และมีความหวังใฝ่ทะเยอทะยานอันสูงส่ง แต่เนื่องจากมีดาวฆาฏ เสาร์(๗)กาลกิณี ซึ่งเป็นดาวสั่ง มีอำนาจหน้าที่โดยตรง(เพราะได้ตำแหน่งดาวกาลกิณีมากุมศรี คืออาทิตย์ ตนุลักคณ์เกษตรโดยตรง) ที่จักทำการโค่นล้มหรือเอาชีวิตเจ้าชะตานี้โดยตรง แม้ว่าจะเป็นดาวคู่ธาตุไฟด้วยกัน แต่ดวงชะตาให้เป็นฝ่ายตรงกันข้ามเสียแล้ว คือ ศรี อยู่ตรงข้ามกับ กาลกิณี นั่นเอง
ดวงที่ 7
ดาวอังคาร(๓)
ดวงที่ 7
ดาวอังคาร(๓) เป็นเกษตร เข้มแข็ง แต่ห่างไกล
ดวงชะตานี้มีดาวอังคาร(๓) เป็นเกษตร ทักษาดีไม่เสียหาย(เป็นอุตสาหะ) ก็จริง แต่กระแสห่างเหินไป เพราะเป็นเกษตรภพที่ 4 จึงได้ในความหมาย ว่ามีทรัพย์สมบัติ ในด้านที่ดิน ที่อยู่อาศัยอันอุดมสมบูรณ์ โดยมีคนในเครื่องแบบคอยดูแลรับใช้ตลอดไป ซึ่งชะตานี้ก็จะมีที่ดินอยู่จำนวนหนึ่งพอสมควรเลยทีเดียว ให้ความหมายโดยทั่วไปถึง ทรัพย์สมบัติด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน นา ไร่ มีพอสมควรทีเดียว แต่โดยเหตุที่ดาวอังคาร(๓)ดวงนี้อยู่ไกล อยู่เอกเทศเกินไป ไม่สัมพันธ์กับดาวอื่น โดยเฉพาะดาวอาทิตย์(๑)ตนุลักคณ์ในดวงชะตา ที่นับเป็นคู่ศัตรูเสียอีก จึงให้ความหมายส่วนหนึ่งว่า แท้จริงสถาบันทหารเอง ก็ใช่ว่าจะมารับใช้ หรือหนุนเจ้าชะตานี้แต่อย่างใด ระหว่างสถาบันทหาร กับ พล.อ.เปรม มีลักษณะต่างคนต่างอยู่ด้วยซ้ำไป และลักษณะดาวอาทิตย์(๑)เกษตร –ศรี และอังคาร(๓) อุตสาหะ-พันธ์+ศุภะ) ยังเป็นดาวคู่ศัตรูกันอีก ซึ่งย่อมแสดงความหมายอย่างที่กล่าวมาชัดเจนขึ้น
ดวงที่ 8
การจรของดาวฆาฏมฤตยู(๐) ผู้มาบัญชาการเรื่องร้ายแรงโดยตรง
ดวงที่ 8
ดาวมฤตยู(๐) กับดาวเสาร์(๗) ดาวคู่ฆาฏร้าย
ดาวมฤตยู(๐) กำลังจะจรมาสู่ราศีเมษ และอยู่ ณ ราศีนี้ ครอบครองชะตาชีวิตนี้นานถึง 7 ปี ระหว่างวันที่ 6 มีนาคม 2559 ถึง วันที่ 8 มีนาคม 2566 นี่แหละเป็นประเด็นความหมายของชะตาชีวิตนี้ที่จักได้เผชิญอันตรายต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ นับแต่เรื่องเล็กไปถึงเรื่องใหญ่ที่ร้ายแรงถึงการสิ้นชีวิตไป และการจรของดาวมฤตยู(๐) นี้เอง สำหรับดวงชะตานี้ ที่เตือนให้โหรเอาใจใส่ติดตามดาวฆาฏของชะตานี้ไปอย่างเป็นประเด็นสำคัญเลยทีเดียว
และก็ได้พบ ดาวเสาร์(๗)จรสู่ราศีธนูและอยู่ธนู ระหว่าง 1 ธ.ค. 2560 – 5 ธ.ค. 2563 เป็นดาวฆาฏ(คือดาวที่มาฆ่า หรือประหารชีวิต)ของชะตานี้ตามพื้นดวงกำเนิด เมื่อจรมาทับจันทร์(๒) และเกตุ(๙)เดิมในราศีธนู ในราศีธาตุไฟ ก็ได้พบดาวมฤตยู(๐)จรในราศีเมษ ธาตุไฟ ที่มาก่อนหน้านี้แล้ว รออยู่ พบอาทิตย์(๑)เดิมและเสาร์(๗)เดิมในราศีสิงห์ ธาตุไฟ นั่นเป็นเหตุผลในด้านร้ายแรงมาก ด้านชะตาถึงฆาฏใหญ่
วันที่ 26 ส.ค.2562 ถึงวันที่ 26 ส.ค. 2563 ดาวเสาร์(๗)จรดวงนี้ ซึ่งเป็นดาวมีฐานะเป็นเจ้าเรือนอริ และมีตำแหน่งประจำเป็นกาลกิณีกำเนิด ได้แปรสภาพเป็นกาลกิณีจร (กาลกิณีเดิมแปรสภาพเป็นกาลกิณีจร) เดินทางมาถึงราศีธนู ทำให้เกิดภาวะที่มี ดาวกาลกิณี 2 ดวง มาพบกัน นั่นคือเสาร์(๗) ทั้งดาวกาลกิณีเดิม และ ดาวกาลกิณีจร มาพบ สมทบกันก่อการร้าย โดยจะร่วมมือกันก่อการร้าย คือ การฆาฏ แด่เจ้าชะตานี้ อยู่ 1 ปีเต็ม ๆ ระหว่างวันที่ 26 ส.ค.2562-วันที่ 26 ส.ค.2563 และเนื่องด้วยชะตานี้ มีดาวฆาฏอีกดวงคือดาวมฤตยวู(๐) จรมาอยู่ราศีเมษอยู่ก่อนแล้ว และอยู่นานถึง 7 ปี โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค.2559 – 30 มี.ค.2566 มฤตยู(๐) ซึ่งโดยสันดารดาวดวงนี้คือการกวาดล้าง ทำลายให้สิ้นไปอย่างเรียบเกลี้ยง(ตามจังหวะที่มีให้ ถ้าไม่มีจังหวะให้ดาวดวงนี้จะนิ่งสงบเหมือนไร้พิษสงใดใด) เท่ากับเป็นผู้บัญชาการฝ่ายดาวร้ายโดยตรง
ดวงที่ 9
ดาวฆาฏอื่นจรมาสมทบ
ดวงที่ 9
ดาวจันทร์(๒) มาสมทบดาวมฤตยู(๐) จรมาสู่มุมฆาฏ
ดาวมฤตยู(๐) ดาวฆาฏ มาสู่ราศีเมษ
ดาวเสาร์(๗) ดาวอริเดิม จรสู่ราศีธนู ทับจันทร์(๒)เดิม และ จันทร์(๒)จร
ดาวจันทร์(๒) ดาวฆาฏ มาสู่ราศีเมษและอยู่เมษระหว่างวันที่ 31 ม.ค.-1,2 ก.พ.2563
ดวงที่ 10
ดาวกาลกิณีเดิมประสานงานก่อการร้ายกับดาวกาลกิณีจร
ดวงที่ 10
ก่อน 23.39 น.,วันที่ 2 ก.พ.2563 จันทร์(๒) อยู่ใน 20 – 30 องศา
เสาร์(๗)จรได้ 26.46 – 29.51 องศา
ราหู(๘) อายุเดิม เจอดาวคู่มิตรจรกาลกิณี กาลกิณีเดิม-กาลกิณีจร
ดวงที่ 11
วันที่ดาวฆาฏหมายทำการสำเร็จ
ดวงที่ 11
วันสิ้นชีวิตของ พล.อ.เปรม ตินสูลานนท์
วันอาทิตย์(เสาร์) ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563
ก่อนเวลา 23.39 น.
วันสิ้นชีวิตของ พล.อ.เปรม ตินสูลานนท์
วันอาทิตย์(เสาร์)ที่ 2 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2563
ก่อนเวลา 23.39 น.
31 ตุลาคม 2558
เวลา 08.30 น.