ReadyPlanet.com
dot
dot dot
bulletBUDDHISM TO THE NEW WORLD ERA
bullet1 Thai-ไทย
bullet2.English-อังกฤษ
bullet3.China-จีน
bullet4.Hindi-อินเดีย
bullet5.Russia-รัสเซีย
bullet6.Arab-อาหรับ
bullet7.Indonesia-อินโดนีเซีย
bullet8.Japan-ญี่ปุ่น
bullet9.Italy-อิตาลี
bullet10.France-ฝรั่งเศส
bullet11.Germany-เยอรมัน
bullet12.Africa-อาฟริกา
bullet13.Azerbaijan-อาเซอร์ไบจัน
bullet14.Bosnian-บอสเนีย
bullet15.Cambodia-เขมร
bullet16.Finland-ฟินแลนด์
bullet17.Greek-กรีก
bullet18.Hebrew-ฮีบรู
bullet19.Hungary-ฮังการี
bullet20.Iceland-ไอซ์แลนด์
bullet21.Ireland-ไอร์แลนด์
bullet22.Java-ชวา
bullet23.Korea-เกาหลี
bullet24.Latin-ละติน
bullet25.Loa-ลาว
bullet26.Finland-ฟินแลนด์
bullet27.Malaysia-มาเลย์
bullet28.Mongolia-มองโกเลีย
bullet29.Nepal-เนปาล
bullet30.Norway-นอรเวย์
bullet31.persian-เปอร์เซีย
bullet32.โปแลนด์-Poland
bullet33.Portugal- โปตุเกตุ
bullet34.Romania-โรมาเนีย
bullet35.Serbian-เซอร์เบีย
bullet36.Spain-สเปน
bullet37.Srilanga-สิงหล,ศรีลังกา
bullet38.Sweden-สวีเดน
bullet39.Tamil-ทมิฬ
bullet40.Turkey-ตุรกี
bullet41.Ukrain-ยูเครน
bullet42.Uzbekistan-อุสเบกิสถาน
bullet43.Vietnam-เวียดนาม
bullet44.Mynma-พม่า
bullet45.Galicia กาลิเซียน
bullet46.Kazakh คาซัค
bullet47.Kurdish เคิร์ด
bullet48. Croatian โครเอเซีย
bullet49.Czech เช็ก
bullet50.Samoa ซามัว
bullet51.Nederlands ดัตช์
bullet52 Turkmen เติร์กเมน
bullet53.PunJabi ปัญจาบ
bullet54.Hmong ม้ง
bullet55.Macedonian มาซิโดเนีย
bullet56.Malagasy มาลากาซี
bullet57.Latvian ลัตเวีย
bullet58.Lithuanian ลิทัวเนีย
bullet59.Wales เวลล์
bullet60.Sloveniana สโลวัค
bullet61.Sindhi สินธี
bullet62.Estonia เอสโทเนีย
bullet63. Hawaiian ฮาวาย
bullet64.Philippines ฟิลิปปินส์
bullet65.Gongni-กงกนี
bullet66.Guarani-กวารานี
bullet67.Kanada-กันนาดา
bullet68.Gaelic Scots-เกลิกสกอต
bullet69.Crio-คริโอ
bullet70.Corsica-คอร์สิกา
bullet71.คาตาลัน
bullet72.Kinya Rwanda-คินยารวันดา
bullet73.Kirkish-คีร์กิช
bullet74.Gujarat-คุชราด
bullet75.Quesua-เคซัว
bullet76.Kurdish Kurmansi)-เคิร์ด(กุรมันซี)
bullet77.Kosa-โคซา
bullet78.Georgia-จอร์เจีย
bullet79.Chinese(Simplified)-จีน(ตัวย่อ)
bullet80.Chicheva-ชิเชวา
bullet81.Sona-โซนา
bullet82.Tsonga-ซองกา
bullet83.Cebuano-ซีบัวโน
bullet84.Shunda-ชุนดา
bullet85.Zulu-ซูลู
bullet86.Sesotho-เซโซโท
bullet87.NorthernSaizotho-ไซโซโทเหนือ
bullet88.Somali-โซมาลี
bullet89.History-ประวัติศาสตร์
bullet90.Divehi-ดิเวฮิ
bullet91.Denmark-เดนมาร์ก
bullet92.Dogry-โดกรี
bullet93.Telugu-เตลูกู
bullet94.bis-ทวิ
bullet95.Tajik-ทาจิก
bullet96.Tatar-ทาทาร์
bullet97.Tigrinya-ทีกรินยา
bullet98.Check-เชค
bullet99.Mambara-มัมบารา
bullet100.Bulgaria-บัลแกเรีย
bullet101.Basque-บาสก์
bullet102.Bengal-เบงกอล
bullet103.Belarus-เบลารุส
bullet104.Pashto-พาชตู
bullet105.Fritian-ฟริเชียน
bullet106.Bhojpuri-โภชปุรี
bullet107.Manipur(Manifuri)-มณีปุระ(มณิฟูรี)
bullet108.Maltese-มัลทีส
bullet109.Marathi-มาราฐี
bullet110.Malayalum-มาลายาลัม
bullet111.Micho-มิโช
bullet112.Maori-เมารี
bullet113.Maithili-ไมถิลี
bullet114.Yidsdish-ยิดดิช
bullet115.Euroba-ยูโรบา
bullet116.Lingala-ลิงกาลา
bullet118.Slovenia-สโลวีเนีย
bullet119.Swahili-สวาฮิลี
bullet120.Sanskrit-สันสกฤต
bullet121.history107-history107
bullet122.Amharic-อัมฮาริก
bullet123.Assam-อัสสัม
bullet124.Armenia-อาร์เมเนีย
bullet125.Igbo-อิกโบ
bullet126.History115-ประวัติ 115
bullet127.history117-ประวัติ117
bullet128.Ilogano-อีโลกาโน
bullet129.Eve-อีเว
bullet130.Uighur-อุยกูร์
bullet131.Uradu-อูรดู
bullet132.Esperanto-เอสเปอแรนโต
bullet133.Albania-แอลเบเนีย
bullet134.Odia(Oriya)-โอเดีย(โอริยา)
bullet135.Oromo-โอโรโม
bullet136.Omara-โอมารา
bullet137.Huasha-ฮัวซา
bullet138.Haitian Creole-เฮติครีโอล
bulletคำบูชาพระรัตนตรัย ทำวัตรแปล เช้า-เย็น
bulletChart Showing the Process
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พ.ศ.2540 - 2566
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี 1
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี 2
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี บุคคลที่ 1 - 188 ปัจจุบัน
bulletหนังสือพิมพ์ดี
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 1
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 2
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 3
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 4
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 5
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 6
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 7
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 8
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 9
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 10
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 11
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 12
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 13
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 14
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 15
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 16
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 17
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 18
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 19
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 20
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 21
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 22
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 23
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 24
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 25
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 26
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 27
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 28
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 29
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 30
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 31
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 32
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 33
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 34
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 35
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 36
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 37
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 38
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 39
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 40
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 41
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 42
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 43
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 44
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 45
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 46
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 47
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 48
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 49
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 50
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 51
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 52
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 53
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 54
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 55
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที่ 56
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 57
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 58
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 59
bulletTo The World
bulletENGLISH
bulletUSA
bulletChina
bulletIndia
bullet Mynmar
bullet Cambodia
bullet Loas
bulletSri Lanka
bulletMalaysia
bulletKorea
bulletA Sharp Turn of Believes : Iresearch Iwrite Iread
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 1
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 2
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 3
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 4
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 5
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 6
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 7
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 8
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 9
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 10
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 11
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 12
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 13
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 14
bulletMystery Report 15
bulletMystery Report 16
bulletMystery Report 17
bulletMystery Report 18
bulletMystery Report 19
bulletMystery Report 20
bulletMystery Report 21
bulletMystery Report 22
bulletMystery Report 23
bulletMystery Report 24
bulletMystery World Report 25
bulletศึกษาโลกลี้ลับ 26
bulletเฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้ว วิเคราะห์ทุกปัญหาในโลกมนุษย์ด้วยสติปัญญาและเหตุผลวิทยาศาสตร์จากนสพ.ดี
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2536
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2537
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2538
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2539
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2540
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2541
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2542
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2543-2545
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2545-2549
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2549-2550
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2550-ส.ค.2551
bulletเฝ้าดูฯ ส.ค.-ก.ย.2551
bulletเฝ้าดูฯ ก.ย.2551- ธ.ค. 2551
bulletเฝ้าดูฯสำนวนพัชรา กอปรทศธรรม
bulletสำนวนพัชราตอนที่ 16-27
bulletสำนวนพัชราตอนที่ 29
bulletบทความใหม่ เม.ย.-พ.ค.2552
bulletพุทธธรรมเพื่อทางดับทุกข์
bulletทฤษฎีการดับทุกข์ทางจิต วิปัสสนากรรมฐานโดยการทำงาน(สำนวนปรับปรุงใหม่)
bulletประวัติพัชรา กอปรทศธรรม
bulletประวัติการต่อสู้เพื่อการดับทุกข์ ของพัชรา กอปรทศธรรม
bulletอัลบั้มรูป history
bulletนิทานธรรมะประยุกต์ มานุสสาสุระสงคราม 4 ภาค และอื่น ๆ
bulletอัลบั้มรูป ภาพในอดีตและชีวประวัติศาสตร์ที่สวยงาม
bulletจากเวบบอร์ด พูดกันไม่รู้เรื่อง ประชาธิปไตยล้าหลัง
bulletศาสนาสากล การวิเคราะห์ความหมาย
bulletปลอบใจ
dot
รวมบทวิเคราะห์กม.คณะสงฆ์ แนวปฏิรูปคณะสงฆ์อยู่ในบทวิเคราะห์นี้แล้ว
dot
bulletรวมบทวิเคราะห์กม.คณะสงฆ์
dot
สากลจักรวาล สากลศาสนา แนวคิดศาสนาสำหรับคนยุคใหม่ ผู้ก้าวผิดทางไปสู่สิ่งไร้สาระโดยไม่รู้ตัว
dot
bulletสากล...ศาสนา 1
bulletสากล...ศาสนา 2
bulletสากล...ศาสนา 3
bulletสากล...ศาสนา 4
bulletสากล...ศาสนา 5
bulletสากล...ศาสนา 6
bulletสากล...ศาสนา 7
bulletสากล...ศาสนา 9
bulletสากล...ศาสนา 8
bulletสากล...ศาสนา 10
bulletสากล...ศาสนา 11
bulletสากล...ศาสนา 12
bulletสากล...ศาสนา 13
bulletสากล...ศาสนา 14
bulletสากล...ศาสนา 16
dot
ส่วนข้อมูลสำคัญเพื่อการวิจัยการเมืองไทยยุค คมช.-รัฐบาลอภิสิทธิ์
dot
bulletข้อมูลสำคัญยุคคมช.-รัฐบาลอภิสิทธิ์
bulletรายงานสดม็อบสนธิ-จำลอง-ปชป.เป่านกหวีดวันที่1/26ส.ค.2551
bulletรายงานสดม็อบสนธิ-จำลอง-ปชป.เป่านกหวีดวันที่2/27ส.ค.2551
bulletใบปลิว อีเมล์ ในหลวงทรงร้องไห้
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 1
bulletในหลวงเพิ่งทราบข่าวฆ่าประชาชน10เมย.53ทรงร้องไห้
bulletบันทึกลับเสื้อแดงผู้รอดชีวิตจากทำเนียบรัฐบาล
bulletบันทึกลับเสื้อแดงผู้รอดชีวิตจากทำเนียบรัฐบาล
dot
รวมข่าวม็อบการเมืองสนธิ-จำลอง-ปชป.มิ.ย.51-เม.ย.52 นสพ.
dot
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 2
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 3
bulletรวมข่าวม็อบ30มิ.ย.51-23มี.ค.52
bulletเลือดศรีสะเกษบันทึกเรื่องราวรอบด้านเกี่ยวกับเขาพระวิหาร
bulletรายงานการโฆษณาชวนเชื่อในประเทศไทยที่ล้มล้างรัฐบาลทักษิณ
bulletหนังสือพิมพ์ดี ของฟรีให้เปล่ามา20ปีแล้วทั้งเอกสารและอินเทอเนท
bulletหนังสือพิมพ์ดี ( อินเทอเนต ) เล่ม 1 - 44 - ล่าสุด
bulletหน้าที่เก็บไว้
bulletมูลนิธิพระเทพวรมุนี(เสน ปญฺญาวชิโร)
bulletวัดมหาพุทธาราม ศรีสะเกษ บันทึกเหตุการณ์
bulletสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดศรีสะเกษแห่งที่ 1
bulletเกี่ยวกับเวบไซต์ของเรา เราทำเพื่อปัญญาชนโดยแท้
bulletรวมกระทู้เด็ดจากกระดานถามตอบ
bulletคาถาอาคมไสยศาสตร์
bulletกวีนิพนธ์ใหม่
bulletศูนย์ปฏิญญาณละเลิกอบายมุข บัญชีที่ 1- 4


ดี เล่มที่ 48

                                                                              

                                                    
 
 
ดี เล่มที่ 48
 
 
 
 
 
 
สารบาญ   
 
 
******************************************************************************************************************************************************************* 
  

 

 00     พุทธทำนายเดือน 4 ปีกุน  

  000   บทบรรณาธิการ     

 

0000  บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พุทธศักราช 2555(บุคคลที่ 108-112)  

 

      L.  ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร  
     
M.  พ.ต.พุทธินารถ  พหลพลพยุหเสนา  
     
N.   บัวขาว  ป. ประมุข  
     
O.   ก้าวไกล  แก่นนรสิงห์  
     
P.   พะเยาว์  อัคฮาด  
     
Q.   คณิน  บุญสุวรรณ  
     
R.    น.ท.ธรรมนูญ  วรรณา  ร.น.  

  00000  เฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้วยุคการเมืองอนารยธรรม  

  1.    คิดอย่างไรกับคดีอากง

  2.    รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะตั้งศ.อุกฤษ มงคลนาวินและคณะมาศึกษาเรื่องกระบวนการยุติธรรมไทย

 3.    กบฏสนามม้า ประเทศไทยเมื่อสิ้นปี2555 บทสรุปทั้งสิ้น     

.    ปัญหามุสลิมโลก  Muslim Rohingya จาก Face Book Phayap Panyatharo  

 5.    ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เยี่ยมเยียนเมียนมาร์

 6.    John Kerry the new US.Secretary of States รมว.ต่างประเทศคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา

 7.    OEC องค์การมุสลิมโลกมาไทย ขณะมีการเผาโรงเรียน ฆ่าครูไทยในสามจังหวัดใต้ มีข้อเสนอที่เฉียบขาดต่อองคก์กรมุสลิมโลก 

  8.    วันเกิดของพระเยซู   

 9.    พระเจ้าองค์อวตารของอินเดียตายเสียแล้ว

10.   ถล่มด้วยระเบิดฆ่าทหาร 5 ศพ

 11.   มุสลิมบุกล้างแค้นหมายฆ่าทั้งฐานทัพ แต่นย.ฉก.32แน่กว่าฆ่าคืนมุสลิม19ศพที่เหลือหนีหัวซุน

12.   ใจดีจัง รีบเยียวยาเชียวเลย เขา-เรา ไม่คิด   

13.  โหราศาสตร์ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ  จะชนะการเลือกตั้ง วันที่ 3 มีนาคม 2556  ได้เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร  

 (มีการพลาดอย่างใหญ่ เพราะพยากรณ์จากข้อมูลวันเกิดที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง ท่านเกิดปี 2498  แต่ไปจับเอาปี 2489ไปพยากรณ์  ก็ผิดหมด)

 

  

 

 

 

  
     
0  ปกดีเล่มที่ 48 
 
ปีที่ 16 เล่มที่ 48

มูลนิธิพระเทพวรมุนี ( เสน ปญฺญาวชิโร )
วัดมหาพุทธาราม ถนนขุขันธ์ ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ 33000
 
 
 
 
 
หนังสือพิมพ์ดี ( อินเทอเนต)

https://www.newworldbelieve.net
http://www.newworldbelieve.com
 
 
 
 
  • -เพื่อการนำความคิดไปสู่ความดีงาม

    -เพื่อความกลมกลืนแห่งสากลศาสนา

    -For all good For all thought

  •  
เราจะบินบินบินและบินไป                            สู่ขอบฟ้าสดใสในเบื้องหน้า
แม้วันนี้มีเมฆร้ายมหิมา                               ก็ไม่หวาดไม่ผวาคณาภัย
ถึงเขาใหญ่สูงเงื้อมตระหง่านฟ้า                    ก็จะฝ่าฤาพรั่นนึกหวั่นไหว
มหาสมุทรสุดสายลมไกว                            จะเอื้อมไปให้ถึงซึ่งฝั่งดิน
ถึงแห้งเหือดเลือดหมดหยดสุดท้าย                แล้วก็หมายชนหลังยังถวิล
สัจธรรมนี้ไว้ในธรณิน                                 กว่าจะสิ้นกัปกัลป์พุทธันดร
 
 
เล่มที่ 48
ก.ค. 2555 – มี.ค.2556----
 
เรื่องเด่น
1. บทบรรณาธิการ บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พุทธศักราช 2555
2. คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จากตุลาการภิวัฒน์ถึงศาลสถิตศรีธนญชัย
3. เรื่องที่น่าเบื่อหน่ายในรัฐสภาไทย (ถึงศาลรัฐธรรมนูญ)
 
 
 
   
 
  
 
 
  
 
 
 00  พุทธทำนายเดือน ๔ ปีกุน
 
 พุทธทำนายเดือน๔ปีกุน
 
เรื่องพุทธทำนายนี้มีปรากฏอยู่ในภาษาบาลีพระไตรปิฎก ฉบับสยามรัฐ เล่มที่ 27 หน้า 24 ขึ้นต้นว่า อุสุภา รุกฺขา คาวิโย ฯลฯ และอธิบายไว้ในอรรถกถาเอกนิบาต ภาค 2 และเคยแปลเป็นภาษาไทยไว้ในชาดก ฉบับหอสมุดวชิรญาณ เล่ม 1 อาจารย์ศิลา วีรวงศ์ ได้แต่งเป็นกลอนลำอีสาน ประมาณ พ.ศ. 2490”    มีข้อความตอนสำคัญดังนี้ :- 

“๑๑. ข้อสิบเอ็ด พระฝันเห็นท่อนไม้แก้วแก่นจันทน์แดง ของมันราคาแพงค่าสูงแสนตื้อ เขาเลยเอาไปซื้อขายกินแลกไก่ เอาจันทน์แดงใส่กระชาน้อยแขวนห้อยเที่ยวขาย อันนี้แล้วเพิ่นว่าภายหน้าพู้นเคิ่งศาสนาพุทธ มนุษย์มีโลภามืดมัวเมากุ้ม ชุมหมู่ถือศีลสร้างเป็นจัวเจ้าหัวบ่าว เห็นผู้สาวแล้วเอิ้นเสินเว้าดั่งสหาย นอกจากนั้นกะซิเป็นผู้ฮ้ายขายศาสนาพุทธ เอาพระธรรมลงมุดจายขายกินจ้าง ตั้งเป็นตึกเป็นห้างขายกินปิ้นไป่ ทังพระสูตรพระวินัยเอาลงใส่กระช้าโซนผ้าเที่ยวขาย นี้จั่งแม่นต่อนฮ้ายขายฮูปพุทธองค์ สงฆ์บ่ถือวินัยไพร่เมืองบ่อยำอย้าน มีแต่คนพาลกล้าโกธาเขี้ยวขุ่น ศาสนาเกิดวุ่นสูญเส้ามุ่นทะลาย สงฆ์ซิเป็นผู้ฮ้ายขายศาสนากู สัพพัญญูเล็งเห็นหน่ายสะอางผางฮ้าย คันแม่นกายไปหน้าศาสนาของเฮาจั่งสิฟื้นขึ้นใหม่ ในปีกุนล่วงแล้วซิแววขึ้นลื่นหลัง ครั้งนั้นแหล้วคนสิอยู่เป็นสุข จั่งสิหายความทุกข์หมู่ภัยไกลเนื้อ ใผผู้ยังเหลือค้างซิเห็นทางฟ้าล่วง คนสิพ้นจากห่วงฝูงหมู่มารบาปฮ้ายเมื่อฟ้าอยู่กะเสิม เริ่มแต่ค้าเดือนสี่ปีกุน ใผมีบุญจั่งสิเห็นหน่อพระธรรมเดอป้า พากันถือศีลห้าภาวนาเดอแม่ หยังกะเห็นเที่ยงแท้บ่มีเว้นหว่างใด๋”
·       จาก กลอนลำเรื่องพุทธทำนาย ชมรมวรรณกรรมอีสาน จัดพิมพ์ โดย ร.พ.ไพศาลศิริ ท่าพระจันทร์ กทม. 2527 หน้า 7   
 หมายเหตุ บก.        
เรื่องพุทธทำนายนี้ มีการระบุถึงเดือนสีปีกุน แต่ไม่ได้ระบุแน่ชัดว่าเป็นปีกุนรอบไหน พ.ศ.อะไร ระบุไว้กว้าง ๆ ว่าหลังยุคกึ่งพุทธกาลไปแล้ว คือหลังปีพุทธศักราช 2500 ไปแล้ว   เมื่อมาถึงปีกุน พ.ศ.2502,2514,2526,2538 และ พ.ศ.2550 ตามลำดับมาแล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะมีอะไรเป็นที่น่ายินดีสำหรับพระพุทธศาสนา ก็น่าจะเป็นปีกุนรอบต่อไปในอีก 12 ปีข้างหน้าคือ พ.ศ. 2562 จะเป็นปีที่ตรงกับพุทธทำนาย อีก 12 ปีข้างหน้าก็ไม่นานเกินรอ และน่าจะเหมาะสมดีมากหากเราจะมานับเวลาเริ่มต้นทำงานเพื่อพระพุทธศาสนากันใหม่ และใน 12 ปีข้างหน้า เมื่อพุทธบริษัททั้งหลายตั้งใจก็ย่อมเป็นผลสำเร็จ และเตรียมการรับความเจริญรุ่งเรืองแห่งพระพุทธศาสนากันในปี 2562 นั้น 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
000  บทบรรณาธิการ 
 
 ดีเล่มที่ 48 ปีที่ 16
 
 
 
บทบรรณาธิการ 
 
 
เราจะบินบินบินและบินไป                              สู่ขอบฟ้าสดใสในเบื้องหน้า
แม้วันนี้มีเมฆร้ายมหิมา                                  ก็ไม่หวาดไม่ผวาคณาภัย

ถึงเขาใหญ่สูงเงื้อมตระหง่านฟ้า                       ก็จะฝ่าฤาพรั่นนึกหวั่นไหว
มหาสมุทรสุดสายลมไกว                               จะเอื้อมไปให้ถึงซึ่งฝั่งดิน

ถึงแห้งเหือดเลือดหมดหยดสุดท้าย                   แล้วก็หมายชนหลังยังถวิล
สัจธรรมนี้ไว้ในธรณิน                                    กว่าจะสิ้นกัปกัลป์พุทธันดร 
 
นี่คือหนังสือพิมพ์ดี(อินเทอเนต) เล่มที่ 48 ประจำเดือน ก.ค.-ส.ค.-ก.ย.-ต.ค.-พ.ย.-ธ.ค. 2555 – ม.ค.-ก.พ.-มี.ค.2556---- เราได้จัดทำหนังสือพิมพ์ดี ในนาม วิเคราะห์ข่าวในวงการเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดภาคอีสาน (แจกจ่ายทุกจังหวัดทั่วประเทศ) จนเปลี่ยนชื่อเป็น หนังสือพิมพ์ดี และ หนังสือพิมพ์ดี(อินเทอเนต) ติดต่อกันมาเป็นเวลาย่างเข้า 16 ปีแล้ว สิ่งที่เราต้องการนั้นก็คือ การประกาศสัจธรรมเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบบของสังคมและการเมืองไปสู่สิ่งที่ดีกว่า โลกที่ดีกว่า และทางการเมืองที่ดีกว่า   เราเห็นว่าวิถีทางทันสมัยของการปกครองระบอบประชาธิปไตยเป้นแนวทางที่ทันสมัยของยุค นั่นคือการปกครองต้องเป็นของประชาชน อำนาจเป็นของประชาชน และประชาชนบริหารไปภายใต้อุดมการณ์ของเสรีชน ที่มีความเสมอภาค  และมีภราดรภาพในการปกครอง และเรามุ่งหมายถึงการสร้างสรรค์กฎของประชาธิปไตยขึ้นให้สมบูรณ์ นั่นคือกฎของศาสนายุคใหม่ นั่นเอง 
 
ซึ่งในการทำงานมุ่งหมายเพื่อประโยชน์ดังกล่าว เราได้อาศัยสือมาตลอด และบัดนี้ งานได้ขยายขอบเขตออกไปอย่างเป็นประเด็นสำคัญและก้าวใหม่อันเป็นย่างก้าวที่ยาว นั่นก็คือการนำ Face Book มาใช้ และทางเราได้ใช้ภาษาสากล คือภาษาอังกฤษซึ่งเราหวังว่าจะอาจ ทำการถ่ายทอดความคิดและอุดมการของเราออกสู่สังคมโลกทั้งโลก  นั่นเป้นเรื่องที่น่าตื่นเต้น  ดังปรากฎในดีเล่มนี้แล้ว ที่ท่านจะสังเกตได้เห็นว่า เราโฉมหน้าไปอย่างไร 
 
ในระยะที่เราออกดีเล่มที่ 48 นี้ เป็นระยะที่สังคมไทยยังคงมีปัญหา อันสืบเนื่องมาจากความสับสนทางแนวคิดประชาธิปไตยอยู่ ซึ่งแน่นอนเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเมือง อันเป็นกลไกใหญ่ เป็นช่วงที่จะมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 3 มีนาคม 2556 ได้เกิดการหวั่นไหวไปด้วยแนวคิดของคนกลุ่มเดิม อันเป็นขบวนการที่ล้าหลัง ที่ยังคงขัดแย้งกับกลไกทางการเมืองประชาธิปไตย นั่นคือพรรคฝ่ายค้านที่ยังคงผนึกการเมืองของตนร่วมอุดมการณ์เก่าคืออมาตยาธิปไตยที่ยังคงไม่รู้หน้าที่ของตนในระบอบประชาธิปไตย ไร้สปิริตของประชาธิปไตยอยู่ต่อไป  จนอาจกล่าวได้ว่าเป็นอันธพาลทางการเมืองไทยยุคนี้จริง ๆ
 
ในดีเล่มนี้ เราจึงได้นำเอาบทวิจารณ์ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ มาลงไว้อย่างละเอียด ตามที่จะได้พบในลำดับต่อไป ซึ่งเป็นที่ปรากฏทั่วไปในเวบบอร์ดของ เวบไซต์ของเรา คือ http//www.newworldbelieve.com  http//www.newworldbelieve.net  นอกจากนี้ ยังมีประเด็นสำคัญ ที่เรามองว่าเป็นประเด็นของปัญหามุสลิมสากล ต่อเนื่องมาถึงปัญหามุสลิม 3 จังหวัดชายแดนใต้ด้วย และเราเห็นว่านี้จะเป็นปัญหาอันยืดเยื้อยาวนานไปในอนาคตของโลกสมัยใหม่  ในดีเล่มนี้จึงได้รวบรวมเอาปัญหา มุสลิม โรฮิงยา ซึ่งมี 800,000 คนในเมียนมาร์ และมุสลิม 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่นำวัฒนธรรมเลวทรามคือวัฒนธรรมการฆ่า ครู และเผาโรงเรียน อย่างไร้เหตุผลที่สุด มาวิเคราะห์ถึงแก่นแท้แห่งความเชื่อของมุสลิม โดยได้นำมาจากเฟสบุ๊ค พยับ ปัญญาธโร แทบทั้งหมด
 
และในหน้าบรรณาธิการนี้ เราก็ได้เวลาอันสำคัญที่จะประกาศบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี ปีพุทธศากราช 2555 โปรดติดตามต่อไป    
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 0000  บุคคลแห่งปีของหนังสนือพิมพ์ดี พ.ศ. 2555
บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี  พุทธศักราช 2555
 
 
 และในลำดับต่อไปนี้ ก็เป็นเรื่องการประกาศบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พุทธศักราช 2555  บัดนี้ เรามีความยินดีที่จะประกาศเกียรติคุณ บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี ประจำปีพุทธศักราช 2555 ดังนี้ 
 
 
 
 
 
 
 L.  น.ส. ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร
1. บุคคลที่ 109   น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร   
 
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีผู้มีอายุน้อยที่สุดของการเมืองโลก เพราะวันที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีอายุเพียง 44 ปี 1 เดือน เท่านั้นเอง   มีบุคลิกภาพที่เด่นดังมาตั้งแต่เริ่มเปิดตัวเป็นนักการเมืองในวันแรกแล้ว โดยทางพรรคเพื่อไทยมอบความไว้วางใจให้เป็นผู้แทนพรรคลงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 26 ซึ่งก็ได้ผ่านการเลือกตั้งวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ไปด้วยคะแนนท่วมท้น ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย สิ่งที่เราได้เห็นในวาระต่อไปก็คือต่างประเทศได้ชื่นชมและให้การสนับสนุนด้านกำลังใจแด่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อย่างมาก ดังจะพบว่าได้มีบุคคลสำคัญต่างประเทศเข้าเยี่ยมเยียนโดยตลอดมา และล่าสุดรวมทั้ง อดีตรมว.ต่างประเทศสหรัฐอเมริกา นางฮิลลารี คลินตั้น และทั้งประธานาธิบดีบารัค โอบามา ด้วย   สิ่งที่ได้เห็นในวาระแรกของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็คือ เป็นคนที่ทุ่มเทให้กับงานอย่างไม่ทอดทิ้ง มีวิสัยทัศน์กว้างขวางและเป็นผู้ที่คำนึงอย่างละเอียดรอบคอบในด้านที่เป้ฯโทษและด้านที่จะเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน  บริหารอย่างรอบคอบ รู้เหตุผลของการบริหารงานชัดเจน โดยเห็นจากการบริหารน้ำท่วมใหญ่ประเทศไทยปี 2554 นั้นเอง ซึ่งเปรียบเสมือนเหตุการณ์ที่มาทดสอบนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย และได้ผ่านการทดสอบไปอย่างสบาย  อย่างไรก็ตามสิ่งที่ได้เห็นจาก น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั้นก็ยังไม่ใช่ประเด็นโดยตรงสำหรับความนิยมของ นสพ.ดี แต่ในกรณีวิสัยทัศน์การมองประชาชนเห็นได้จากเมื่อนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์เดินทางไปกัมพูชา และดำเนินการแก้ไขให้นางราตรี พัฒนาไพบูลย์ อดีตผู้ร่วมมือกับพรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มพธม.ก่อกวนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาและถูกจับตัวไปพร้อมนายพณิช วิกฤตเศรษฐ สส.ปชป. และนาย วีระ สมความคิด[ข้อหาบุกรุกดินแดนเขมร] เป็นผลให้นายวีระ และนางราตรี ถูกพิพากษาจากศาลกัมพูชาให้ติดคุก นายกรัฐมนตรีได้มองถึงความจำเป็นที่ต้องช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ จึงดำเนินการทางการทูต จนนางราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ ได้รับการปลดปล่อยจากคุกกัมพูชา และเดินทางสู่แผ่นดินแม่ เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2556 เวลา 21.35 น.ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเรามองว่า เป็นลักษณะของผู้นำการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ที่ดำรงอุดมการณ์ของประชาธิปไตยไว้อย่างถูกต้อง ตรงความหมายของการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน  โดยนัยะความหมายของประชาชนนี้ หมายถึงคนไทยทุกคนในประเทศนี้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่ถืออุดมการณ์แตกต่างออกไป หรือเป็นฝ่ายค้าน ที่มีนโยบายการบริหารแตกต่างไปอีกด้านหนึ่งก็ตาม  นี่คือความหมายของความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองและประชาชนในระบอบประชาธิปไตย  เป็นความหมายของหลักการ  Majority rule Minority right นั่นเอง  อันเป็นความดีของระบอบประชาธิปไตย ที่ประเทศไทยปรารถนาจากคุณค่าที่สูงส่งนี้ และเราได้เป็นแบบอย่างจากนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่านี่คือประชาธิปไตย เราจึงขอยกย่องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นบุคคลแห่งปีของ น.ส.พ.ดี พุทธศักราช 2555 ณ โอกาสนี้  
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 M.  พ.ต.พุทธินารถ  พหลพลพยุหเสนา
 
2. บุคคลที่ 110   พ.ต.พุทธินารถ พหลพลพยุหเสนา
 
พ.ต.พุทธนารถ พหลพลพยุหเสนา เป็นลูกชายคนที่ 4 ของ พลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา กับท่านผู้หญิงบุญหลง มีน้องสาวผู้ยังมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้อีก 1 คน คือคุณพวงแก้ว สารตปรุง ซึ่งนสพ.ดีได้ยกย่องให้เป็นบุคคลแห่งปีพุทธศักราช 2553 ไปแล้ว โดยนัยะความหมายอย่างเดียวกัน และเราชื่นชม พ.ต. พ.ต.พุทธินารถ ผู้มีคติว่าเป็นลูกผู้เสียสละเช่นเดียวกับคุณพ่อ ผู้มีความเสียสละอย่างยิ่งใหญ่ เพราะถ้าทำงานไม่สำเร็จ ก็ต้องตายเจ็ดชั่วโคตร พร้อมทั้งผู้ก่อการก็ต้องตายแบบเดียวกัน ซึ่งถือเป็นความเสียสละอย่างยิ่งอย่างยากที่จะมีผู้เสียสละได้เท่าเทียม ฉะนั้นจะทำอะไรต้องไม่ทำให้พ่อและแม่เสื่อมเสียเกียรติ จะทำอะไรที่ไม่ดีไม่ได้ ตัวเราเป็นอะไรก็ช่าง แต่จะทำให้เสียหายพ่อ แม่ไม่ได้ นับตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ พ.ต.พุทธนารถ ได้สืบสานมรดกบิดา นั่นคือการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยไทย และได้กลายเป็นนักต่อสู้ผู้สละชีวิตเพื่ออุดมการณ์ มาตลอดชีวิต อันยาวนานตั้งแต่เกิดมาเป็นบุตรชายของนักปฏิวัติระบอบเก่าล้าหลังมาสู่ระบอบทันสมัยก้าวหน้า อันเป็นอารยธรรมใหม่ของมนุษยชาติ  ตราบปัจจุบัน และอาจจะกล่าวได้เลยว่าชีวิตที่เหลืออยู่ของ พ.ต.พุทธนารถ ได้อุทิศให้แด่การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจนหมดสิ้นแล้ว 
 
ในเรื่องการต่อสู้ มีกรณีกบฏบวรเดช ซึ่งคือขบวนการหัวเก่าที่พยายามจะนำนาวาประเทศถอยหลังเข้าคลอง ซึ่งเราเห็นว่าน่าเป็นอุทาหรณ์สำหรับคนหัวเก่าอย่างพรรคประชาธิปัตย์ หรือแนวคิดอย่างนักโฆษณาชวนเชื่อเรื่องราชาธิปไตย ซึ่งพ.ต.พุทธนารถได้เล่าเอาไว้อย่างน่าสนใจ ดังนี้ 
 
 “กบฏบวรเดช เรื่องข้อเท็จจริงหรือที่เป็นหลักฐานนั้นทราบจากคำบอกเล่าว่าทางฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดช นำทหารต่างจังหวัดล้อมกทม. ยึดสนามบิน โปรยใบปลิว ให้รัฐบาลยอมแพ้ พ่อก็ปรึกษากับจอมพลป. ให้จอมพลป.ตอบโต้ฝ่ายบวรเดช ซึ่งปืนใหญ่สมัยนั้นมีในกทม.อย่างเดียว จอมพลป.ก็สั่งให้ปืนใหญ่ตั้งที่บางซื่อ ตั้งยันกันที่คลองบางเขน รัฐบาลระดมยิงไปที่คลองบางเขน กระสุนปืนใหญ๋ทำให้ฝ่ายบวรเดชล้มตายมาก เมื่อถอยร่นไป รัฐบาลก็นำกำลังบรรทุกรถไฟตามตี จนถูก "ตอร์ปิโดบก" ฝ่ายบวรเดชใช้หัวรถจักรติดเครื่องเปิดไอน้ำ ให้หัวรถจักรเข้าชนกับรถไฟทหารตกราง ฝ่ายรัฐบาลเมื่อกู้รถไฟได้ก็ตามตีไป ฝ่ายกบฏก็ตั้งรับที่อยุธยา ถอยไปที่สระบุรี แม่ทัพฝ่ายบวรเดชตายในที่รบ ฝ่ายรัฐบาลก็ตายในที่รบเช่นกัน ฝ่ายกบฏแตกถอยไป พระองค์เจ้าบวรเดช ก็ขึ้นเครื่องบินหนีไปลงที่ไซง่อน เหตุการณ์ก็เป็นไปตามที่ทุกท่านทราบในตอนต่อมา ว่าฝ่ายกบฏแพ้ไป”
 
เราหมายถึง การต่อสู้ของ พ.ต.พุทธนารถ พลพยุหเสนา ได้ผ่านอุปสรรคศัตรูมา ในระดับถ้าพลาดแล้วก็หัวขาดมาตลอด แต่รอดมาได้จนปัจจุบันนี้ การเอาชีวิตรอดได้ และสามารถดำรงอุดมการอันสูงสุดของชีวิตมาได้ ถือเป็นการต่อสู้ที่ประกอบด้วยธรรม ได้ชัยชนะด้วยธรรมะ จึงขอยกย่องพ.ต.พุทธนารถ ว่าเป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี ปีพุทธศักราช 2555
 
 
 
 
 
 
 
 
N.  บัวขาว ป.ประมุข
 
3. บุคคลที่ 111 บัวขาว ป.ประมุข
 
วันนี้ บัวขาว ป.ประมุข ชื่อจริง สมบัติ บัญชาเมฆ เกิดวันที่ 8 พฤษภาคม 2525 เกิดที่จังหวัดสุรินทร์ วันนี้อายุ 30 ปี ยังมีเวลาสำหรับการสร้างคุณค่าบนสังเวียนนักสู้โดยตรงอีกหลาย ๆ ปี ไปข้างหน้า ส่วนสูง 1.74 ม.(5 ฟุต 9 นิ้ว) น้ำหนัก 69.5กก.(153 ปอนด์) รุ่น เฟเธอเวท ในปี 2554  ใน พ.ศ. 2554 บัวขาวได้เข้าร่วมแข่งขันในรายการไทยไฟท์ ที่ประเทศไทย ในรุ่น 70 กิโลกรัม ซึ่งได้เป็นแชมป์ของการแข่งขันครั้งนี้ บัวขาวเข้าแข่งขันไทยไฟต์อีกครั้งในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ซึ่งจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี โดยครั้งนี้ได้พบกับ เมาโร เซียรา ซึ่งเป็นนักมวยไทยชาวอิตาลี และบัวขาวเป็นฝ่ายชนะน็อค เราให้คะแนนที่เขาเป็นนักมวยไทยคนเดียวคนแรกที่ทำให้โลกกีฬามวยกระเดื่อง  และแสดงฤทธิเดชของมวยไทยได้อย่างจะแจ้ง เริ่มจากการสร้างกีฬามวยไทย K 1 ขึ้นมา เปิดโอกาศให้นักมวยอย่างบัวขาว ผู้พร้อมสรรพด้วยวิทยาการมวยไทยทุกอาวุธครบสมบูรณ์ ได้แผลงฤทธิ์กับนักมวยต่างประเทศ ทุกสาขามวย นับแต่มวยคาราเต้ อย่างฮาราดะของญี่ปุ่น มวยจีนกำลังภายใน ไม่ว่ากังฟู หรือมวยเส้าหลิน  และเขาแสดงให้เห็นว่ามวยไทยเป็นอย่างไร   แต่การชกมวย เค 1 นี้ ได้ตัดอาวุธมวยไทยที่สุดร้ายกาจออกไปถึง 2 อาวุธคือ ศอก และการโน้มคอตีเข่า เขาเห็นว่าเป็นอาวุธที่อันตรายเกินไป เช่นอาวุธศอกนี้ ได้เลือด แน่ ๆ   แต่กระนั้นอาวุธที่เหลือ มีเท้า แทงเข่า หมัด ก็เพียงพอที่จะปราบมวยต่างประเทศ สิ่งที่เราให้คะแนนบัวขาว ป.ประมุขนั้นก็คือ เขาเป็นนักมวยไทยที่มองมวยไทยก้าวหน้าไปกว่าเดิม เขาได้พิศูจน์ว่ามาตรฐานใหม่ของการชกแบบมวยไทยนั้นถูกต้อง เราหมายถึงแผนการชกและเชิงรุกของมวยไทยซึ่งบัวขาว ป.ประมุขได้ทำให้ปรากฏชัดเจนและประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ซึ่งนั่นหมายถึงการฝึกตัวมาอย่างสาหัสฉกรรจ์ ซึ่งเป็นแนวทางการฝึกแบบวิทยาศาสตร์ ทุกวันนี้ในการชกแต่ละไฟต์ของบัวขาว ป.ประมุข มิได้ทำให้แฟนมวยผิดหวังเลยแม้แต่ครั้งเดียว เช่นการชกกับ อับดุลเลาะห์ มาเบล[Abdallah Mabel] ที่บ่งบอกถึงแนวคิดใหม่ของชั้นเชิงรุกของมวยไทย ที่ถูกใจ สะใจแฟนมวยไทยทั้งประเทศ  เขาชกได้อย่างดุเดือดและมีแผนการชก มีแนวการฝึก และการชกแต่ละครั้งได้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาทโดยได้ทำการฝึกซ้อม เตรียมแผนการชกมาอย่างดีเสมอ บัวขาวไฟต์ล่าสุดชกที่เวทีสนามหลวง เฉลิมพระเกียรติ์ เมื่อ 16 ธันวาคม 2555 คู่ต่อสู้เป็นนักชกต่างชาติฝีมือร้ายกาจอีกคนหนึ่ง  คือวิตาลี เฮอกู [Buakaw P.Pramuk vs Vitaly Hurkou] รุ่น 70 กก. จุดไคลแมกซ์อยู่ที่วิตาลีเตะ บัวขาวจับขาได้ดันเข้าเชือก แล้วกระโดดเข่าแทงทรวงอกเต็มหน่วง วิตาลีแทบกระอักเลือด ไฟต์นี้บัวขาวชนะคะแนน ได้รางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน  จึงขอยกย่องให้เป็นบุคคลแห่งปีของเรา ณ โอกาสนี้   
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
O.  ก้าวไกล  แก่นนรสิงห์
 
4. บุคคลที่ 112   ก้าวไกล แก่นนรสิงห์ 
 
 
ก้าวไกล แก่นนรสิงห์ ชื่อจริงคือ อาทิตย์ ดำขำ เกิดเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2526 ที่จังหวัดขอนแก่น ส่วนสูง 1.80 ม (5ฟุต 11 นิ้ว) น้ำหนัก 175 ปอนด์(79 กก.) รุ่น เวลเตอเวท (ซูเปอร์เวลเตอเวทมวยไทย) มีคำนิยมสั้น ๆ ดังนี้  นักมวยไทย แชมป์โลก K-1 ซึ่งสิ่งที่สร้างชื่อให้เขาดังไปทั่วโลกก็คือ เขาเป็นนักมวยไทย ที่อายุน้อย เพียง 21 ปี และถือว่าตัวเล็กที่สุดในรุ่น แต่กล้าไปชกในรุ่นไม่จำกัดน้ำหนัก ซึ่งทุกคนล้วนตัวใหญ่กว่า ก้าวไกล หลายเท่า และเขายังสามารถคว้าเข็มขัด แชมป์โลกมวย K-1 มาได้อย่างเต็มภาคภูมิ  ถือว่าเป็นสุดยอดนักมวยไทย แชมป์โลก ที่โด่งดังไปทั่วโลก เขาเป็นนักมวยที่สายตาดีมาก หลบหลีก หมัดและเตะของคู่ต่อสู้เก่ง ที่เห็นเขาหลบการเตะจนเกือบหงายนั้น ไม่ใช่เขาสู้ไม่ได้ แต่เป็นการแสดงทักษะในการหลบหลีกที่ดีเยี่ยม เพราะถ้าไม่หลบ และไปแลกกับตัวใหญ่กว่า ขนาดนั้น ไม่มีเหลือแน่นอน ฝีมือเยี่ยมมากครับ เราเห็นว่า เขาชกกับยักษ์ทั้งนั้นเลย  แต่ด้วยอาวุธมวยไทย เขาได้ทำให้โลกได้รู้จักว่ามวยไทยเป็นอย่างไร และมวยชาวพุทธ ที่เขาขึ้นป้ายไว้นั้น มีป้ายเล็ก ๆขึ้นที่กรอบว่า Buddhist เป็นอย่างไร  เขาปราบมวยยักษ์เป็นว่าเล่น ที่สุดยอดคือไฟต์ระหว่างก้าวไกล แก่นนรสิงห์ น้ำหนัก 79 กก. ชกกับ ไมตี้ โม [Mighty Mo Les.] นักมวยหมัดหนัก น้ำหนัก 132 กก. เพิ่งขึ้นยกแรกเท่านั้นเอง ก้าวไกลแลกด้วยการเตะก้านคอ ทีเดียว เท่านั้น มวยยักษ์อย่าง โม ก็ลงไปดิ้นกลางสนามมวย เรามองเพียงภาพเดียว ไฟต์เดียวนี้ก็ เพียงพอแล้ว ที่จะยกย่องว่า ก้าวไกล แก่นนรสิงห์ ได้สร้างวีรกรรมพอแก่เหรียญกล้าหาญของทหารในสงครามเลยทีเดียว  จึงขอยกย่องก้าวไกล แก่นนรสิงห์ เป็นบุคคลแห่งปี 2555 ของหนังสือพิมพ์ดี      
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
P.  นางพะเยาว์  อัคฮาด
 
5. บุคคลที่ 113   พะเยาว์ อัคฮาด
 
พะเยาว์ อัคฮาด แม่ผู้ต่อสู้โดยสัญชาตญาณของความเป็นแม่ ผู้รักลูก และรักความเป็นธรรม โดยต้องการให้มีผู้รับผิดชอบในเรื่องราวต้นเหตุของความตายของลูกสาวของเธอ กมนเกด อัคฮาด ผู้ดำเนินชีวิตมาได้ 25 ปีกับอีก 1 เดือน ก็จบชีวิตลง ในขณะที่ทำหน้าที่พยาบาลอาสา ช่วยเหลือคนเจ็บ ป่วย ในการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยของคนเสื้อแดง ผู้ตายในขณะปฏิบัติหน้าที่ในชุดคลุมสัญลักษณ์หน่วยแพทย์ และตายในวัดปทุมวนาราม อันเป็นเขตอภัยทาน สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในพระพุทธศาสนา พร้อมกับเพือนร่วมอุดมการณ์อีก5รวมเป็น 6 ศพในวัดปทุมวนาราม แม่คนนี้เห็นว่าใครก็ตามที่ยิงปืนเข้าไปสังหารชีวิต 6 ชีวิตในวัดปทุมวนารามเมื่อเย็นวันที่ 19 พ.ค. 2553 แสดงถึงจิตใจอันเหี้ยมโหดผิดมนุษย์ซึ่งมีเจตนาโดยตรงในการสังหารคร่าชีวิตคนให้ได้ นั่นเป็นสิ่งที่ไร้เหตุผลป่าเถื่อนอย่างยิ่ง ที่สมควรนำตัวมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมให้จงได้  นี่คือจิตใจของแม่ผู้รักความยุติธรรม
 
พะเยาว์ อัคฮาด พูดถึงลูกสาวของเธอ กมนเกด อัคฮาด ว่า เกดเป็นคนโวยวาย โผงผาง อารมณ์ดี ปากร้าย พูดจาตรงๆ แต่ใครๆ ก็รัก เพื่อนเพียบ สมัยช่วยแม่ขายของที่ตลาดใครก็รู้จักเกดกันทั้งบาง วันไหนไม่ไป น้องๆ นุ่งๆ แถวนั้นเป็นอันหมดสนุก น้องชายของเกดบอกว่า เสียงหัวเราะของเธอได้ยินไกลลั่นทุ่ง ไม่ต้องเห็นตัวก็รู้ว่าเกดมาแล้ว  อันที่จริงแม้ใครไม่เคยได้เห็นเกดตอนมีชีวิต ถ้าได้คุยกับแม่ของเกดก็พอเดาได้ว่าอารมณ์ลุยๆ ห้าวๆ นั้นเธอได้มาจากใคร ก็โบราณเขาว่าดูนางให้ดูแม่ นั่นแหละพะเยาว์ อัคฮาด ผู้ถือคติอย่างเหนียวแน่นว่า อสาธุ สาธุนา ชิเน ธรรมะย่อมชนะอธรรมเสมอ
 
เธอกำลังฝันไปกับความใฝ่ฝันของลูกสาวนั่นก็คือกมนเกดต้องการไปสอบเป็นผู้ช่วยพยาบาลในกองทัพบก และประกาศเจตนาแน่วแน่กับแม่ว่า “ถ้าสอบได้ หนูจะลงใต้”  
 
แม่เล่าว่า หลังจากไปร่วมกับอาสาสมัครอื่นๆ คอยปฐมพยาบาลกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างเต็มตัว เกดก็ไม่ค่อยรับโทรศัพท์ที่บ้านเพราะกลัวโดนตามตัวกลับกระทั่งวันที่เธอเสียชีวิต เธอรับโทรศัพท์แม่ก่อนเสียชีวิตไม่กี่ชั่วโมง มันเป็นเสียงสุดท้ายที่ผู้เป็นแม่ได้ยินขณะทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บคนอื่นๆ เธอถูกยิงขณะทำหน้าที่นั้น ในชุดคลุมสัญลักษณ์หน่วยแพทย์ หมอบอกเพียงว่า เธอโดนยิง 2 นัดกระสุนทำลายสมอง ขณะที่เพื่อนๆ ที่ไปรับศพเธอคาดว่ามีมากกว่าสองนัด มันเหี้ยมโหดจริง ๆ  น้องชายคนกลางเล่าว่า หลังรู้ข่าวบ้านทั้งบ้านมีแต่เสียงร้องไห้ระงม ไม่มีใครได้สติ กระทั่งแม่เริ่มยอมรับสภาพได้ และเริ่มต้นจัดแจงทุกสิ่งทุกอย่างเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อลูกสาว ขณะที่พ่อยังคงไม่กินข้าวกินปลา น้องชายคนเล็กดูคลิปครอบครัวเก่าๆ แล้วร้องไห้ทั้งคืน
 
พะเยาว์ อัคฮาด ได้ต่อสู้เพื่อนำความเป็นธรรมมาสู่ลูกสาว ผู้ไม่มีความผิดของเธอ ทุกวิถีทาง อย่างเป็นรูปธรรมอุกอาจในการต่อสู้เพื่อชนะ เธอฉลาด มีความรอบรู้พอที่จะประมวลหลักฐานการฆาตกรรมครั้งนี้ด้วยตนเองและยืนยันกับตนเองว่า ทหารฆ่าลูกสาวของเธอ และจะต้องดำเนินคดีไปจนถึงที่สุด จนแม้กระทั่งต้องแสวงหาความยุติธรรมจากวงการยุติธรรมทั่วโลกด้วย  ดังจะเห็นว่าเธอได้เดินทางไปถึงกรุงเฮก ที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ เพื่อหารือแนวทางการฟ้องร้องผู้เกี่ยวข้อง และผู้สั่งการสลายการชุมนุมในปี 2553  ซึ่งเป็นเหตุให้มีวาทะโต้เถียงกับทหารใหญ่ คือพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ที่ออกมาตำหนิการไปศาลโลกของเธอเป็นเรื่องไม่เหมาะสม และได้เห็นว่า พะเยาว์ อัคฮาด มีจิตใจนักสู้เพื่อความเป็นธรรมขนาดไหน  ดังจะเห็นแม้การต่อสู้ทางไสยศาสตร์ เธอก็เอามาใช้ เพื่อให้ได้ชัยชนะมาสู่ฝ่ายที่รักความเป็นธรรมให้ได้    
 
ผลทางคดีจะเป็นอย่างไรก็ตาม  มาวันนี้ เราได้เห็นแล้วว่า  พะเยาว์ อัคฮาด มีเลือดการต่อสู้อันเข้มข้นสำหรับความยุติธรรม และเป็นการต่อสู้ไปโดยสัญชาติญาณ คือระบบธรรมชาติ 2 อย่าง คือความเป็นแม่ และ ผู้รักความยุติธรรม และซึ่งเป็นแนวทางการต่อสู้ของประชาชนเพื่อประชาธิปไตยโดยอัตโนมัติ  เราไม่เคยได้พบแม่คนใดได้ต่อสู้เพื่อลูกสาว และเพื่อความเป้นธรรมได้เข้มข้นถึงพริกถึงขิง ในแบบยอมตายถวายชีวิตอย่างไม่เสียดาย เหมือนแม่คนนี้ คนที่ชื่อพะเยาว์ อัคฮาด  จึงขอยกย่องให้เป็นบุคคลแห่งปี พุทธศักราช 2555 ของหนังสือพิมพ์ดี
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
Q.  คณิน  บุญสุวรรณ
 
6.  บุคคลที่ 114 คณิน บุญสุวรรณ
 
 ในช่วงเวลาหลายปีมาแล้ว หลังการปฏิรูปการเมือง 19 ก.ย.2549 คณิน บุญสุวรรณ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) ได้พูดถึงประชาธิปไตยและแนวทางการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาโดยตลอด อย่างมีเหตุผล ฉะนั้นจึงมีแนวทางที่ต้านทางรัฐประหารและเผด็จการอมาตย์มาโดยตลอด ในระยะหลังทีสุด มีประเด็นต่าง ๆ ที่ล้วนพุ่งตรงสู่เป้าหมายทางการเปลี่ยนแปลงจากระบอบเผด็จการไทยสู่ประชาธิปไตยอันสมบูรณ์ โดยมีช่องเอเชียอัพเดท ถ่ายทอดในรายการ ประชาธิปไตยที่ปลายอุโมงค์ หัวข้อเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ทยอยออกมาติดต่อกันตามลำดับ ที่นับว่าคม ตรงเป้าก็มี เช่น พอใกล้ถึงฝั่งก็หยุดเสียดื้อ ๆ ลายแทงรัฐประหาร ได้เวลาถอดถอนตุลาการรัฐธรรมนูญ เป็นต้น
 
กรณีศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรคแรก พร้อมกับมีคำสั่งให้รัฐสภาชะลอการลงมติในวาระสามของร่างรัฐธรรมนูญแห่งราช อาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย ล่าสุด" คณิน บุญสุวรรณ" อดีตส.ส.ร.ปี 40 นำกลุ่มอดีตส.ส.ร.ปี 40 ประมาณ 20 คน ออกจดหมายเปิดผนึกต่อต้านการดำเนินการดังกล่าวของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะถือเป็นการล้มล้างบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเสียเอง ถึงขั้นบัญญัติรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่โดยพลการ ไม่ว่าผลการตัดสินจะเป็นอย่างไรย่อมก่อให้เกิดความเสียหายทั้งขึ้นทั้งล่อง
 
งานนี้ "คณิน" ย้ำว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเท่ากับว่าศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจสูงสุดแต่เพียงผู้เดียว และจากนี้ไปไม่ว่า ครม. ส.ส. ส.ว. หรือแม้แต่ประชาชนที่มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่า 50,000 คน ก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวแตะต้อง หรือแม้แต่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกต่อไป
 
และเท่ากับว่านอกจากศาลรัฐธรรมนูญจะมีอำนาจตีความแล้ว ยังมีอำนาจในการควบคุมรัฐสภา ควบคุม ครม.และควบคุมประชาชนอีกด้วย ซึ่งจะเป็นชนวนนำไปสู่ความขัดแย้งและเกิดวิกฤติครั้งร้ายแรงที่สุด จนมิอาจพยากรณ์ได้ว่าสุดท้ายจะเกิดหายนะต่อบ้านเมืองอย่างไร
 
เมื่อสถาบันนโยบายศึกษา โดยการสนับสนุนจากมูลนิธิคอนราด อาเดนาวร์ ได้จัดการสัมมนาเรื่อง “ขอดเกร็ดรัฐธรรมนูญไทย” ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2548 เวลา 13.30-17.00 น. ที่โรงแรมโฟร์ซีซันส์ ถ.ราชดำริ กรุงเทพฯ มีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิร่วมอภิปรายบนเวที 5 ท่าน คือ ศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช ประธานสถาบันนโยบายศึกษา คุณชุมพล ศิลปอาชา ส.ว. กรุงเทพฯ คุณคณิน บุญสุวรรณ อดีต สสร. คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ปรึกษา บมจ.แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป และดำเนินการอภิปรายโดย คุณคำนูณ สิทธิสมาน บรรณาธิการอาวุโส หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ในงานนี้มีนักวิชาการ นิสิต-นักศึกษา ประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมงานจำนวน 102 คน
 
(จากซ้าย) คุณสนธิ ลิ้มทองกุล คุณชุมพลศิลปอาชา ศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช คุณคำนูณ สิทธิสมาน และคุณคณิน บุญสุวรรณ
 
“ขอดเกล็ดรัฐธรรมนูญไทย” ครั้งนี้ มีประเด็นจากวิทยากรที่มาร่วมอภิปรายแลกเปลี่ยนประเด็นและสาระไว้อย่างน่าสนใจยิ่ง คุณคณิน บุญสุวรรณ คุณคณิน บุญสุวรรณ แสดงให้เห็นถึงเจตจำนงของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันว่า เป็นรัฐธรรมนูญที่ประชาชนให้ความคาดหวังให้มาปฏิรูปทางการเมืองเพื่อออกจากวงจรเดิมๆ แต่ในขณะนี้ความหวังดูจะเลือนรางเต็มทนจนเป็นที่มาของคำพูดอย่าง รัฐธรรมนูญตายแล้ว
 
ในฐานะที่เป็นคนร่างรัฐธรรมนูญ คุณคณิน เลือกใช้รัฐธรรมนูญในการปฏิรูปทางการเมือง โดยวางแนวทางหลักไว้ 3 ประการ คือ
 
การปฏิรูปกระบวนการเข้าสู่อำนาจ
การปฏิรูปกระบวนการทำงานและการใช้อำนาจ
การปฏิรูปกระบวนการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ 
 
แล้วคุณคณิน ก็สรุปว่า ทั้ง 3 แนวทางล้มเหลวหมดในปัจจุบัน เพราะสาเหตุที่สำคัญอย่าง
 
1.      พฤติกรรมการใช้อำนาจของนักการเมือง
2.     มีการตีความกฎหมายเข้าข้างตัวเองและเอาเปรียบผู้อื่น
3.     กระบวนการสรรหา องค์ประกอบ กระบวนการทำงานขององค์กรอิสระ ยังยึดติดกับทฤษฎีอำนาจนิยมและผลประโยชน์ของพวกพ้อง
4.     รัฐสภากลายเป็นเป็ดง่อย (lameduck) กล่าวคือ รัฐสภาไม่สามารถทำหน้าที่สมกับบทบาทที่เป็นตัวแทนของประชาชนได้
5.     การซื้อเสียงและทุจริตยังมีอยู่ทั่วไป
6.     ฝ่ายบริหารและรัฐสภา จงใจ ไม่ตรากฎหมายขึ้นมารองรับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญให้ครบถ้วน
7.     กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญหลายฉบับขัดแย้งและไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
8.     ผู้มีอำนาจรัฐฉวยโอกาสดำเนินคดีฟ้องร้องต่อประชาชน สื่อมวลชน และฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบ ซึ่งประเด็นนี้ คุณคณิน ชี้ว่า เป็นการใช้สิทธิซ้อนสิทธิอย่างไม่สมควร
9.     องค์กรของรัฐไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ
10. ข้อบกพร่องและช่องโหว่ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีมาแต่ต้น 
 
เราเห็นว่าประชาธิปไตยไทยและประเทศไทยตกเป็นหนี้อย่างมากมายต่อบุรุษผู้นี้ เราเชื่อว่าประเทศไทยโชคดีที่มี คุณิน บุลสุวรรณ  ความชัดเจนอย่างปราศจากความสงสัยนั่นก็คือการต่อสู้ของเขาเป็นธรรมชาติและเป็นเสรีชน เราจึงขอยกย่องคณิน บุลสุวรรณว่าเป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี ปีพุทธศักราช 2555
 
 
 
 
 
 
 
 
R.  น.ท.ธรรมนูญ  วรรณา  รน. 
 
7. บุคคลที่ 115 น.ท.ธรรมนูญ วรรณา ร.น. 
 
ชื่อเสียงของธรรมนูญ วรรณา กับเพื่อนทหารหาญของเขา ได้ปรากฏในสื่อมวลชนสมกับวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ที่พวกเขาได้สร้างไว้ในคืนวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2556   ซึ่งเรามองว่าเป็นจุดเปลี่ยนของสถานการณ์ใต้ เพราะฝ่ายทหารไทยชนะในเชิงยุทธศาสตร์และยุทธวิธีทางทหาร เป็นเหตุให้ศัตรูคู่ต่อสู้ยุบตัวลงไปโดยพลันทันที   ทบทวนเหตุการณ์ในคืนวันที่ 13 ก.พ.2555 นั้นก็คือโจรใต้ได้ระดมพลประมาณ 100 คนบุกค่าย ปล.ฉก.32 ซึ่งมี น.ท.ธรรมนูญ วรรณา ร.น. เป็นผู้บังคับบัญชา โดยพวกก่อการร้ายมุสลิม มุ่งหมายฆ่าทิ้งทหารไทยทั้งค่าย แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตร เพราะทางค่าย ฉก.32 ได้การข่าวกรองทันเวลาและเตรียมรับมืออย่างดี เป็นการรู้เขารู้เรา จึงสามารถต้านการบุกของฝ่ายที่มีพลรบเหนือกว่าได้ และยังสังหารมุสลิมก่อการร้ายไปถึง 19 ศพ   เราได้รายงานไว้ในเฟสบุ๊ค ดังต่อไปนี้
 
 
Phayap Panyatharo There ! a fire battle in Narathivas about 01.30 - 03.00 on Feb. 13 , 2013[2556] before the dawn and 14-19 muslim militants killed, 14 people died around the fences, 5 died in the forest nearby that makes 19 deads, while next time they found 2 injured in a hospital. About 60 Thai marines who fought for their lifes, for their brave heart, for their military tactics within their military base32, Bacho district of Narathiwat. Their commander is Commander Thammanoon Wanna who le...d the fight of the winners. I praise them. The 100 fully armed islamic militants came in the night, you know, they meant to kill them all. The muslim warriors have been thought since its origin to kill them all. Thai soldiers know well the kill'em all of muslim culture. So they changed it, not to be killed all but to kill them all. Eventhough 14-19 out of all of them were killed, not all for there left a number ran away in the dark forest. All Thai soldiers saved. Thai medias have kept on reporting the event since the first firing. While I’m posting, all newspapers in Thailand publish a giant headline. But I waited to get a sharp photo about the meaning of Islam killng and reveanging culture. But I can not find the photo and get this one[from The Daily News newspaper] instead.
 
Phayap Panyatharo   ดูเอาสิเห็นไหม ! เปิดฉากการยิงสู้รบกันแล้ว ที่จังหวัดนราธิวาส เมื่อเวลาประมาณ 01.30 ถึง 03.00 น.ก่อนรุ่งอรุณ วันพุธที่ 13 ก.พ.2556[2013] และผู้ก่อการร้ายมุสลิม 14-19 คน ถูกนาวิกโยธินไทยฆ่าตายไป 14 คนตายรอบ ๆ รั้ว อีก 5 คนไปตายในป่าใกล้ ๆ นั่นเอง รวมเป็น 19 ในเวลาต่อมาก็ตามพบพวกบาดเจ็บอีก 2 ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง นาวิกโยธินไทย 60 นายได้ร่วมกันต่อสู้ครั้งนี้ เพื่อชีวิตของพวกเขาเอง เพื่อแสดงจิตใจที่กล้าหาญ เพื่อยุทธวิธีจะได้พิศูจน์ ได้ตั้งรับอยู่ภายในฐานทัพของเขาเอง ฐานที่ 32 อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส ผู้บัญชาการหน่วยนี้คือ น.ท.ธรรมนูญ วรรณา ผู้นำการต่อสู้ไปสู่ชัยชนะซึ่งข้าพเจ้าขอยกย่อง พวกก่อการร้ายอิสลามมีจำนวนประมาณ 100 คน ติดอาวุธครบมือ มาล้อมรอบฐานทัพเวลากลางคืน คุณก็รู้ดี มาแบบนี้พวกเขามุ่งหมายที่จะฆ่าทิ้งให้หมดทั้งฐานทัพเลย นักรบมุสลิมมีคตินี้มาแต่ดั้งเดิมแล้ว จึงมีวัฒนธรรมการรบในแบบฆ่ามันให้หมดของมุสลิม ดังนั้นทหารไทยจึงเปลี่ยนเสีย โดยเปลี่ยนจากการถูกฆ่า ไปเป็นฆ่ามันทิ้งให้หมดแทน ถึงแม้ว่าจะได้ฆ่าพวกก่อการร้ายนี้ไปเสีย 14-19 คน ไม่ได้ฆ่าเสียทั้งหมดเพราะมีพวกหนึ่งกลัวตาย วิ่งหนีไปในป่าที่มืดตื๋อเอาตัวรอดไป ขณะที่ทหารไทยปลอดภัยทุกชีวิต สื่อในประเทศไทยทุกแห่งได้ติดตามรายงานเหตุการณ์นี้มาตั้งแต่เริ่มยิงกันแล้ว ขณะที่ข้าพเจ้าโพสต์เรื่องนี้อยู่หนังสือพิมพ์ทุกฉบับในประเทศไทยได้ตีพิมพ์และพาดหัวข่าวขนาดยักษ์ไปตาม ๆ กันแล้ว แต่ข้าพเจ้าได้คอยที่จะได้ภาพที่คมชัดเกี่ยวกับวัฒนธรรมการฆ่าและการแก้แค้นของมุสลิม แต่ก็หาไม่ได้ จึงได้ภาพนี้แทน(ภาพข่าวเดลินิวส์ 14 ก.พ.2556)
 
Phayap Panyatharo  ก๊อปปี้มา :ความในใจ นย....."ตอนสามทุ่มยี่สิบ พวกมันคลานศอกเข้ามาข้างหลังฐานมาส่องดูพวกเราก่อน เพื่อตรวจสอบว่า พวกผมรู้ตัวหรือเปล่า แต่พวกผมใจเย็นเพราะส่องกล้องดู มันมาแค่ ๘ คน ก็ปล่อย พวกผมรออย่างใจเย็น แต่ในใจก็คิดว่าเดี๋ยวมันมาแน่ แล้วราวๆตีหนึ่งนิดๆ เสียงรถปิคอัพ มอเตอร์ไซค์ มา มันย่ามใจมาก กะจะปิดประตูตีแมวเลยเข้ามาทั้งด้านหน้าด้านหลัง....ผมยอมรับว่า ผมไม่เคยเจอพวกมันแบบนี้ตอนที่เห็นมันกระโดดลงจากรถ เชื่อมั้ย ในใจผมบอกกับตัวเองว่า เฮ้ย พวกมันมาจริงๆพวกมันมีตัวตนจริงๆ มันเป็นคนไทย แต่มันคิดแค้นแบบนี้ แนวคิดแบบนี้ มันจริงโว้ยขนผมลุกซู่เลย ไม่ใช่กลัว แต่พวกผม พร้อมมานานหลายวัน พร้อมมากขนลุกเพราะเศร้าใจว่า ไอ้เงาดำๆที่มันถือปืนกำลังจะวิ่งเข้ามานั่น มันคนไทยแต่กลายเป็นโจรใต้ไปแล้ว ไม่มีใครอยากทำหรอกครับ แต่มันจำเป็นเมื่อมันเปิดฉากเข้าโจมตี ยิงเข้าใส่ทุกทาง พวกผมทั้ง นย.และนสร.ก็เต็มที่ครับเพราะตอนนั้น ก็ไม่รู้ว่า พวกเราจะต้องเจ็บตาย จะพลาดหรือเปล่า เวลานั้นไม่ว่าฝ่ายมัน หรือฝ่ายเรา มีหนึ่งชีวิต เท่ากันครับ มีสิทธิ์เจ็บตาย เท่ากันมีสิทธิ์ที่จะถูกมันจับ มัดมือมันเท้า แบบที่มันเตรียม เชือก ลวดมาพร้อมที่จะถูกมันยิงซ้ำ เมื่อเจ็บ พร้อมที่จะถูกมันเผาทั้งเป็นคาฐานเพราะมันเตรียมอุปกรณ์วางเพลิงมา ถังแก๊ส กะย่างสดพวกเราทั้งเป็นแต่เพราะพวกผมวางแผน เตรียมตัวรับมาดี มั่นใจว่าเราดูแลฐานและอาวุธปืนได้มั่นใจว่า เราจะทำให้ชาวบ้านมั่นใจในทหารมากขึ้น เพราะในเมื่อเขาอุตส่าห์เสี่ยงตายกระซิบข่าวพวกเราก่อน จนเตรียมตัวได้ เราก็ต้องดูแลพวกเขา แม้ว่าจากนี้ การแก้แค้นจะรออยู่เบื้องหน้าก็ตาม เมื่ออยู่ที่นี่แล้ว พวกผม นย.ก็พร้อมครับ ชีวิตแลกชีวิตหากชีวิตพวกผมจะทำให้ ชายแดนใต้สงบ คนไทยพุทธ มุสลิม ผู้บริสุทธิ์ ปลอดภัยพวกผมพร้อม เพราะพวกผมเป็นนาวิกโยธิน พวกผมเป็นทหารเรือ ที่สำคัญ พวกผมเป็นทหารไทยที่จะไม่ให้ใครมาดูหมื่นเกียรติศักดิ์ศรี และต้องรักษาฐาน รักษาแผ่นดินไทยไม่ใช่ปล่อยให้พวกมันทำอะไรก็ได้ ทำให้ชาวบ้านอยู่ในความกลัว ผมเสียใจที่ต้องทำเสียใจที่พวกนั้นต้องตาย แต่ให้นึกถึงเวลาที่พวกมันทำกับทหารเรา ไม่ว่าจะทบ.หรือนย.ที่ตายไป สิบคนแล้ว เมื่อเร็วๆนี้...นี่มันเข้ามาโจมตีฐานเราเอง ท้งเครื่องแบบทั้งอาวุธครบมือ พวกผมไม่มีทางเลือกอื่นครับ... ขอให้เข้าใจพวกผม เถิดครับขอแค่ความเข้าใจและกำลังใจ เท่านั้นจริงๆ ไม่อย่างนั้นศพที่นอนตายหลังปะทะอาจเป็นพวกผม หรือวันใดวันหนึ่ง ก็อาจเป็นพวกผมอีก"....นาวิกโยธิน ๓๒
 
เรามองว่าพวกเขาเป็นวีรบุรุษ  การที่เรายกย่องให้เป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี ปีพุทธศักราช 2555 นั้น ความหมายของเราก็คือการมอบเหรียญกล้าหาญให้เขาและพวกเขาทั้งหมดพวกเขาคือ วีรบุรุษจากค่าย ปล.ฉก. 32 บ้านยือลอ ม.3 ต.ปะนาเระเหนือ อ.บาเจาะนราธิวาส ผู้ได้ประกอบวีรกรรมสุดยอดในคืนวันที่ 13 ก.พ.2556 นั่นเอง  พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ  เราขอติดเหรียญกล้าหาญให้ น.ท.ธรรมนูญ วรรณา ร.น. ในฐานะบุคคลแห่งปีพุทธศักราช 2555 ของหนังสือพิมพ์ดี
 
 
หนังสือพิมพ์ดี จึงขอประกาศบุคคลทั้ง 7 ท่านนี้ ได้แก่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  พ.ต.พุทธินารถ พหลพลพยุหเสนา   บัวขาว ป.ประมุข   ก้าวไกล แก่นนรสิงห์  พะเยาว์ อัคฮาด  คณิน บุลสุวรรณ  น.ท.ธรรมนูญ วรรณา ร.น.  ว่าเป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พุทธศักราช 2555 ขอจงประสบความสุขความเจริญในวีรกรรมนี้ตลอดกาลนานเทอญ
 
ต่อจากนี้ โปรดติดตามอ่านสาระสำคัญเรื่องต่าง ๆ ในนสพ.ดี(อินเทอเนต) เล่มที่ 48 ต่อไป
 
 
 
 
บรรณาธิการ
16 มี.ค. 2556
21.59 น.
 
 
 
 
 
 

 

 
 
 

 

 

 00000  เฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้ว
 
เฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้ว
ยุคการเมืองอนารยธรรม
จากเวบบอร์ดและ  FB.Phayap Panyatharo
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
1. คิดอย่างไรกับคดีอากง  
 
คิดอย่างไรกับคดีอากง และบทความชี้แจงของโฆษกศาลยุติธรรม ท่านเห็นอย่างไรโปรดใช้เวทีนี้ในการเสวนาเพื่อความเจริญก้าวหน้าของวิชาการและประชาธิปไตย 
ผู้ตั้งกระทู้ แมงกุดจี่ :: วันที่ลงประกาศ 2011-12-17 04:04:22
 
 
ความเห็นที่ 1 (3320408) 
"อากงปลงไม่ตก" โดยสิทธิศักดิ์ วนะชกิจ โฆษกศาลยุติธรรม
 
หมายเหตุ : สิทธิศักดิ์ วนะชกิจ โฆษกศาลยุติธรรม ได้เขียนและเผยแพร่บทความแสดงความเห็นเกี่ยวกับ "คดีอากงส่งเอสเอ็มเอส" ซึ่งมีเนื้อหาดังนี้
 
อากงปลงไม่ตก
 
พลันสิ้นคำอ่านคำพิพากษาศาลอาญาคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.311/2554 ระหว่างพนักงานอัยการฯ โจทก์ นายอำพล (ขอสงวนนามสกุล) จำเลยอายุ 61 ปี ข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่นแสดง ความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์พระราชินีฯ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14(2)(3) เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2554 หรือที่ผู้คนทั่วไปเรียกว่า "คดีอากง" กระแสสังคมเกือบทุกสาขาอาชีพต่างให้ความสนใจเหมือนกระแสน้ำที่ไหลบ่ามาท่วมศาลและกระบวนยุติธรรมเช่นน้ำท่วมกรุงเทพฯที่ผ่านมารวมทั้งต่างชาติบางประเทศก็ให้ความสนใจแสดงความห่วงใยวิพากษ์วิจารณ์ ศาลยุติธรรมไทยในทางไม่สร้างสรรค์นัก
แต่ไม่ว่าความเห็นของสังคมจะสื่อสารในทางใดก็ตาม ศาลและกระบวนการยุติธรรมไม่เคยขัดขวางการแสดงความคิดเห็นของบุคคลใดๆขอเพียงการแสดงออกตั้งอยู่บนฐานคติที่ปราศจากอคติ ภายใต้หลักวิชาการ หลักกฎหมาย หลักนิติธรรม หลักเหตุผล หรือหลักความเชื่อส่วนตนที่สุจริตมีข้อมูลครบถ้วนสมบูรณ์ แต่ดูเหมือนหลายคนที่วิจารณ์ผลคดีข้างต้นในทางลบยังมิได้รู้เห็นพยานหลักฐานหรือข้อเท็จจริงในสำนวนความอย่างถ่องแท้ ซึ่งการนิ่งเฉยของศาลและกระบวนยุติธรรมมิได้มีค่าเป็นตำลึงทองเสียแล้ว
 
ผู้เขียนจึงขออนุญาตนำความจริงบางประการในท้องสำนวนคดีนี้ ประกอบกับประเด็นที่สังคมตั้งข้อสงสัยมานำเฉลยเอ่ยความ เพื่อเป็นข้อมูลแลกเปลี่ยนกับท่านผู้อ่านที่เคารพ ซึ่งมีประเด็นใหญ่ๆ ที่ผู้คนกล่าวขานกันดังนี้
 
1.  อากงไม่ได้กระทำความผิด เหตุใดศาลจึงพิพากษาลงโทษจำคุก
2.  ศาลลงโทษจำคุก 20 ปี เป็นโทษที่หนักเกินไป
3.  อากงอายุมากแล้วควรได้รับการลดโทษ ปล่อยตัวไป หรือได้รับการประกันตัว
4.  ศาลไทยไม่มีมาตรฐานสากล ควรรับรองเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคล
5.  ควรยกเลิกความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และความผิดว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับกฎหมายคอมพิวเตอร์
 
ในข้อแรก ผู้ที่เห็นว่าอากงมิได้กระทำความผิดนั้น หากเป็นการตัดสินกันเองโดยบุคคลกลุ่มคนนอกศาลและกระบวนการยุติธรรม คงจะหาเหตุผลรองรับความชอบธรรมยากสักหน่อย เพราะเป็นความเชื่อส่วนตนที่ตัวเองไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ขณะที่มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น เป็นอัตวิสัยที่อาจปราศจากพยานหลักฐานสนับสนุน ในขณะที่คดีนี้ผ่านกระบวนการสอบสวน การกลั่นกรองจากอัยการ แล้วเปิดโอกาสให้จำเลยต่อสู้คดีในชั้นศาลอย่างเต็มที่ อันเป็นหลักการสากลและหลักกฎหมายที่เปิดโอกาสให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยต่อสู้คดีอย่างเสมอภาคเท่าเทียมและเป็นธรรม
 
ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า อากงหรือจำเลยมีความผิด เพราะศาลชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้วเชื่อว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดตามฟ้องของอัยการโจทก์จริงแต่ถ้าจำเลยไม่เห็นด้วยไม่พอใจในผลคำพิพากษาก็ยังสามารถใช้สิทธิอุทธรณ์ ฎีกาได้ตามกฎหมาย ซึ่งในอดีตมีคดีที่ศาลสูงเห็นต่างจากศาลชั้นต้นพิพากษากลับ หรือแก้คำพิพากษาศาลล่างก็ไม่น้อย ดังนั้นเมื่อคดียังไม่ถึงที่สุด การจะด่วนสรุปว่าอากงเป็นผู้ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่าเป็นผู้กระทำผิดโดยเสร็จเด็ดขาดนั้น ก็ยังมิใช่เป็นเรื่องที่แน่แท้เสมอไป ดังที่บางคนมีความเชื่อและเข้าใจในทำนองนั้น แท้จริงแล้วอากงยังถูกสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
 
ข้อต่อมาที่ว่าเหตุใดศาลจึงพิพากษาลงโทษถึงจำคุก ปกติการกล่าวถ้อยคำหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นบุคคลธรรมดาที่เป็นการดูหมิ่นใส่ความทำให้ผู้เสียหายเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงเกียรติคุณอย่างร้ายแรงกฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิดมีโทษถึงจำคุก
 
ศาลยุติธรรมก็เคยลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษมาแล้ว
 
สำหรับคดีนี้
 
ข้อหนึ่ง  มีการใช้ถ้อยคำหยาบคายแสดงความอาฆาตมาดร้าย จาบจ้วงล่วงเกินพระมหากษัตริย์และพระราชินีด้วยถ้อยคำภาษาที่ป่าเถื่อนและต่ำทรามอย่างยิ่ง เกินกว่าวิญญูชนคนทั่วไปจะพึงพูดจาดูหมิ่นเหยียดหยามกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้กระทำต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์พระประมุขของประเทศ อันเป็นที่เคารพยกย่องเทิดทูนของปวงชนชาวไทยและทั่วโลก ในหลวงทรงครองสิริราชย์มาเป็นเวลากว่า 65 ปี ทรงครองแผ่นดินด้วยหลักทศพิธราชธรรม ห่วงใยทุกข์เข็ญของอาณาประชาราษฎร์ตลอดเวลา แม้ในยามทรงพระประชวร พระองค์ก็ยังทรงงานเพื่อแก้ไขความทุกข์ยากของประชาชนเช่นอุกทุกภัยน้ำท่วมในครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทุ่มเทพระวรกายตลอดพระชนม์ชีพ ทรงงานเพื่อความผาสุกของประเทศชาติและประชาชนทุกหมู่เหล่า ในกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 8 ก็บัญญัติว่า "องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้" โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมิใช่คู่กรณีที่มีความขัดแย้งสร้างความเดือดร้อนเสียหายแก่จำเลยแม้แต่น้อยนิดรวมทั้งพระองค์ท่านทรงอยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมืองจากมวลชนทุกหมู่เหล่าจึงไม่มีเหตุผลที่จำเลยหรือบางคนจะพยายามบิดเบือนว่า คดีนี้มาจากมูลฐานทางการเมือง ซึ่งเป็นข้ออ้างที่ไม่เป็นธรรมและห่างไกลจากความเป็นจริง
 
ข้อสอง   คดีนี้มีข้อเท็จจริงบางประการที่ผู้วิจารณ์อาจยังรู้ไม่ครบถ้วนและเข้าใจคลาดเคลื่อนคือ นอกเหนือจากพฤติการณ์แห่งคดีหรือข้อความหมิ่นประมาทที่มีความรุนแรงและร้ายแรงอย่างมากแล้ว ข้อเท็จจริงยังปรากฏว่า ผู้กระทำไม่ได้กระทำความผิดแค่ครั้งเดียว แต่มีการกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระ ด้วยถ้อยคำดูหมิ่น หมิ่นประมาท แสดงความอาฆาตมาดร้ายถึง 4 ครั้ง มีถ้อยคำที่แตกต่างกันทุกครั้ง แสดงถึงเจตนาที่จงใจกระทำผิดกฎหมายอย่างท้าทายไม่ยำเกรงอาญาแผ่นดิน ไม่มีจิตสำนึกรู้ผิดชอบชั่วดี เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธมาตลอดจนถึงในชั้นศาลจึงไม่มีเหตุลดโทษบรรเทาโทษตามกฎหมาย ซึ่งความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กฎหมายระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 15 ปี
 
ส่วนความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กฎหมายระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี การที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยในความผิดแต่ละครั้งจำคุกกระทงละ 5 ปี ตามมาตรา 112 ซึ่งเป็นโทษบทหนักนั้น เป็นการลงโทษสูงกว่าโทษขั้นต่ำของกฎหมายเพียง 2 ปี ยังเหลืออัตราโทษอีก 10 ปีที่ศาลมิได้นำมาใช้ เมื่อนำโทษทั้ง 4 กระทงมารวมกันเป็น 20 ปี คนทั่วไปที่ไม่รู้จึงเข้าใจผิดคิดว่าศาลลงโทษครั้งเดียว 20 ปี เห็นว่าโทษหนักไป แต่ถ้าเทียบกับพฤติการณ์ความร้ายแรงแห่งคดีแล้ว หลายคนที่รู้จริงเห็นตรงข้ามว่าโทษเบาไปหรือเหมาะสมแล้วก็มี
 
ข้อสาม แม้สังคมทั่วไปจะเรียกจำเลยว่า "อากง" ฟังดูประหนึ่งว่าจำเลยชราภาพมากแล้ว แต่ตามฟ้องจำเลยอายุ 61 ปี มิได้แก่ชราจนต้องอยู่ในความอนุบาลดูแลของผู้ใด สามารถเข้าใจและใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ได้ แสดงว่าเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์และมิได้แก่เฒ่าคราวปู่ทวด
 
สำหรับบุคคลที่เจนโลก โชกโชน สันดานเป็นโจรผู้ร้าย มีเจตนาทำร้ายสังคมสถาบันหลักของประเทศชาติและองค์พระประมุข อันเป็นที่เคารพสักการะของคนในชาติให้เกิดความหลงผิดก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ผู้เขียนเชื่อว่า ไม่มีใครอยากให้คนเช่นนี้ลอยนวลอยู่ในสังคมเพื่อสร้างความเสียหายต่อเนื่องหรือแก่ผู้อื่นอีก เพราะสักวันคนใกล้ตัวของคนเหล่านี้อาจตกเป็นเหยื่อด้วยก็ได้ มาตรการที่เหมาะสมจึงควรตัดโอกาสในการกระทำผิด ลงโทษให้หลาบจำสาสมไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้ที่กระทำความผิดคิดวางแผนไตร่ตรองในการกระทำความผิดอย่างแยบยลแนบเนียนด้วยแล้ว ก็ยิ่งสมควรใช้วิธีการที่เหมาะสมในการคุ้มครองรักษาความสงบสุขของประเทศชาติและประชาชนด้วย จึงไม่แน่แท้เสมอไปว่าชราชน ที่กระทำความผิดจะต้องได้รับการลดโทษ ลงโทษน้อย หรือปล่อยตัวไปเสมอไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อหาความผิด ความเสียหายและพฤติการณ์การกระทำแต่ละคดีที่ต้องพิจารณาเป็นรายกรณีไป ส่วนการจะได้รับการประกันตัวหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพฤติการณ์ข้อเท็จจริงแห่งคดีเป็นเรื่องๆ ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108, มาตรา 108/1
 
ข้อสี่ ตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองเกี่ยวกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น (International Covenant on Civil and Political Rights) ICCPR ได้บัญญัติรับรองในข้อ 19 ว่า
 
1) บุคคลมีสิทธิที่จะมีความคิดเห็นโดยปราศจากแทรกแซง
 
2) บุคคลมีสิทธิในเสรีภาพที่จะแสดงความคิดเห็น สิทธินี้รวมถึงเสรีภาพที่จะแสวงหา ได้รับและสื่อสารข้อมูลและความคิดทุกชนิด โดยไม่คำนึงถึงพรมแดน ไม่ว่าด้วยวาจา เป็นลายลักษณ์อักษรหรือด้วยการพิมพ์ ในรูปแบบของศิลปะหรือโดยสื่อประการอื่นใดที่บุคคลดังกล่าวเลือก
 
3) การใช้สิทธิตามวรรคสองของข้อนี้ต้องประกอบด้วยหน้าที่และความรับผิดชอบอันเป็นพิเศษ ดังนั้น สิทธิดังกล่าวจึงอาจอยู่ภายใต้ข้อจำกัด บางประการ แต่ข้อจำกัดนั้นต้องเป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติและเท่าที่จำเป็น
 
(ก)   เพื่อเคารพต่อสิทธิหรือชื่อเสียงของบุคคลอื่น
 เพื่อคุ้มครองความมั่นคงแห่งชาติ ความสงบเรียบร้อยของประชาชนสาธารณสุขหรือศีลธรรมอันดี
 นอกจากนั้น กติการะหว่างประเทศฯ ยังได้ให้ความคุ้มครองสิทธิของบุคคลในการที่จะไม่ถูกล่วงละเมิดทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงหรือเกียรติภูมิไว้ด้วยตามข้อ17 ซึ่งกำหนดว่า
 
"1. ไม่มีบุคคลใดที่จะต้องตกอยู่ภายใต้การแทรกแซงตามอำเภอใจหรือโดยมิชอบด้วยกฎหมายต่อความเป็นส่วนตัว ครอบครัวหรือการติดต่อสื่อสาร หรือการโจมตีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายต่อเกียรติภูมิและชื่อเสียง
 
2. บุคคลมีสิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายจากการแทรกแซงหรือการโจมตีเช่นว่านั้น"
 
ฉะนั้นแม้การแสดงความคิดเห็นถือเป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่กติการะหว่างประเทศฯให้การยอมรับแต่ในขณะเดียวกัน กติการะหว่างประเทศฯ ก็ได้กำหนดไว้ด้วยว่าการใช้สิทธิดังกล่าวต้องทำด้วยความสำนึกรับผิดชอบและไม่ล่วงละเมิดสิทธิของบุคคล เนื่องจากบุคคลทุกคนย่อมมีสิทธิในการรักษาชื่อเสียงและเกียรติภูมิของตนและต้องได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายด้วยเช่นกัน
 
กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองหรือICCPR เป็นสนธิสัญญาพหุภาคี ซึ่งสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้ให้การรับรองเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2509 และมีผลใช้บังคับเมื่อ 23 มีนาคม พ.ศ. 2519 สนธิสัญญานี้ให้คำมั่นสัญญาว่าภาคีจะเคารพสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองของบุคคล ซึ่งรวมถึงสิทธิในชีวิต เสรีภาพในศาสนา เสรีภาพในการพูด เสรีภาพ ในการรวมตัว สิทธิเลือกตั้ง และสิทธิในการได้รับการพิจารณาความอย่างยุติธรรม จนถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2552 กติการะหว่างประเทศนี้มีประเทศลงนาม 72 ประเทศและภาคี 167 ประเทศ ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีของสนธิสัญญานี้โดยการภาคยานุวัติเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2539 และมีผลบังคับใช้กับไทย เมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2540 อันสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 45 ที่ว่า "บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การพิมพ์และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น แต่เสรีภาพดังกล่าวก็ยังถูกจำกัดได้โดยกฎหมายหากเป็นไปเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ เพื่อคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ เกียรติยศ ชื่อเสียง สิทธิ หรือความเป็นส่วนตัวของบุคคลอื่นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน..."
 
นอกจากนี้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 5 บัญญัติว่าในการใช้สิทธิแห่งตนก็ดี บุคคลทุกคนต้องกระทำโดยสุจริต และมาตรา 421ก็บัญญัติว่าการใช้สิทธิ ซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นนั้น ท่านว่าเป็นการอันมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมีมาตรฐานเช่นเดียวกับหลักการสากลข้างต้น อันแสดงว่าประเทศไทยให้สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชน มีกฎหมายที่ความก้าวหน้าทันสมัยทัดเทียมอารยประเทศ เพียงแต่ภายใต้ระบอบการปกครองบ้านเมืองที่แตกต่างกัน
 
ทุกประเทศจึงควรที่จะต้องให้เกียรติเคารพในความต่างที่เป็นจุดแข็งทางวัฒนธรรมและสังคมของแต่ละประเทศ หากผู้วิจารณ์คนใดยังศึกษาภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ไม่ลึกซึ้งถึงแก่นแท้หรือมีข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วนเพียงพอไม่เข้าใจในขนบธรรมเนียมประเพณี สังคมประเทศใดแล้ว การแสดงความเห็นว่าศาลหรือกระบวนการยุติธรรมของประเทศอื่นในทำนองห่วงใยว่าจะไม่มีมาตรฐานสากลนั้น เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ลึกซึ้ง และหมิ่นเหม่ต่อการกล่าวหากันอย่างไม่เป็นธรรม อาจทำให้คิดไปว่าผู้วิพากษ์เจือปนด้วยอคติที่ผิดหลงมีวาระซ่อนเร้น ประเทศไทยมีเอกราชทางการปกครองและการศาลมาช้านาน และประชาชนมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
 
ข้อห้า   กฎหมายทุกฉบับออกหรือตราขึ้นโดยฝ่ายนิติบัญญัติที่เป็นผู้แทนมาจากปวงชนชาวไทยสามารถแก้ไขปรับปรุงและยกเลิกได้ ถ้าสภาผู้แทนราษฎรเห็นว่าล้าสมัยไม่เหมาะสม ศาลเป็นเพียงผู้ใช้กฎหมายตามเจตนารมณ์ที่สภานิติบัญญัติตราขึ้น มีกฎหมายหลายฉบับเขียนให้ศาลแทบใช้ดุลพินิจไม่ได้ หรือต้องลงโทษสถานหนักในบางข้อหาเช่น ผลิตนำเข้ายาเสพติดให้โทษประเภท 1 แม้เพียง 1 เม็ดหรือ ข้อหาฆ่าบุพการี ต้องประหารชีวิตสถานเดียว เป็นต้น แม้การแก้ไขยกเลิกกฎหมายจะกระทำได้ก็ตาม แต่ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชน ความสงบเรียบร้อยของสังคมและผลกระทบข้างเคียงอื่นที่อาจตามมาด้วย อย่าให้อารมณ์หรือกระแสแห่งการปลุกปั่นยั่วยุชักจูงไปในทางที่เสียหายได้
 
คดีอากงเป็นแค่ปฐมบทในการพิสูจน์ความผิดหรือความบริสุทธิ์ของจำเลยตามครรลองแห่งเสรีภาพที่กฎหมายเปิดช่องไว้ตราบใดที่คดียังไม่ถึงที่สุด
 
การด่วนรวบรัดตัดความกล่าวโทษบุคคลหรือองค์กรที่ทำหน้าที่รักษากติกาสังคมอาจยังไม่เป็นธรรมนัก อย่างไรก็ตาม คนทุกชาติ ทุกภาษา ต่างหวงแหนรักในแผ่นดินเกิดของตนเองเคารพและศรัทธาในศาสดาที่เป็นผู้นำทางศาสนาของตนเอง ความแตกต่างทางความคิดเชื้อชาติศาสนาการปกครองบ้านเมืองศิลปวัฒนธรรม ประเพณี มิใช่สิ่งผิดปกติในสังคมโลก แต่การกล่าวร้ายใส่ความ แสดงความอาฆาตมาดร้ายศาสดาของศาสนาอื่น เป็นพฤติการณ์ที่ผู้เจริญมิสมควรกระทำอย่างยิ่ง เพราะน้ำผึ้งหยดเดียวอาจกลายเป็นความหายนะของชาติได้
 
ดังนั้น หากท่านผู้อ่านอยากรู้ปัจจุบันและอนาคตของชาติใด ขอจงศึกษาประวัติศาสตร์ของประเทศนั้น
 
สำหรับชาติไทยดำรงคงเอกราชมีเอกลักษณ์ของความเป็นชาติไทย เป็นที่ชื่นชมยกย่องของคนทุกชาติทุกภาษา เพราะผู้คนในสังคมไทยยังมีความรักสามัคคี มีน้ำใจ เอื้ออาทรผ่อนปรนเข้าหากัน ไม่ก้าวร้าวรุนแรง โดยขาดสติไร้เหตุผลรักหวงแหน เทิดทูนในชาติ ศาสนาและสถาบันพระมหากษัตริย์จากรุ่นสู่รุ่น และปลูกฝังถ่ายทอดเป็นมรดกสู่ลูกหลานจนถึงปัจจุบัน หากคนไทยยังรักและภูมิใจในแผ่นดินเกิด ขอได้โปรดช่วยกันรักษาสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ การจะติชมวิพากษ์เป็นเสรีภาพที่กระทำได้ ขอเพียงมีจิตเป็นกลาง ไม่มีอคติ และบนฐานคติที่สร้างสรรค์ พึงอย่าได้ใช้สิทธิส่วนตนเกินส่วนจนเกินขอบเขตก้าวล้ำสิทธิเสรีภาพผู้อื่น อย่าได้แสดงความพยาบาทอาฆาตมาดร้าย ประหัตประหารด้วยอาวุธ ลมปากและความเท็จต่อผู้อื่น โดยอ้างเหตุผลทางการเมืองหรือเหตุอื่นมาสร้างความชอบธรรมแก่ตนเอง
 
อย่าให้ลูกหลานในอนาคตเหลือแค่ความทรงจำแห่งความภาคภูมิในอดีตบนซากปรักหักพังของชาติไทย ที่ผองชนรุ่นปัจจุบันได้ทำลายล้างไปอย่างตั้งใจและมิได้ตั้งใจ
สิทธิศักดิ์ วนะชกิจ
โฆษกศาลยุติธรรม
·       ผู้แสดงความคิดเห็น แมงกุดจี่ วันที่ตอบ 2011-12-17 04:08:36
 
 
ความเห็นที่ 2 (3320728) 
เรื่องราวทั้งหมดเหล่านี้เป็นเรื่องมวลรวมสากลประเด็นกฎหมายที่ล้าหลังของประเทศนี้ แท้ ๆ       กฎหมายไม่ใช่มีไว้เพื่อกฎหมาย แต่กฎหมายเพื่อรับใช้สังคม และประชาธิปไตยหมายถึงกฎหมายที่รับใช้ประชาชน   ไม่ใช่กฎหมายที่รับใช้เผด็จการ หรือ รับใช้อมาตยาธิปไตย นี่คือประเด็น   ในเมื่อวงการกฎหมายเองคุ้นอยู่กับกฎหมายโบราณ   ไม่เข้าใจลักษณะกฎหมายของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน จึงก่อเกิดทิฏฐิอันเหนียวแน่น ที่ติดตรึงความคิดเดิม ๆ เอาไว้ ไม่เข้าใจคนยุคใหม่ ยุคประชาธิปไตย    การต่อสู้ของประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงต้องยืดเยื้อลากยาวต่อไป อย่างไม่ยอมท้อถอย เพราะในที่สุด สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงทิฏฐิของคนได้ก็คือ ตาสว่างขึ้นมา นั่นเอง 
ขณะนี้ วงการนี้ยังมืดบอดครับ...........เราต้องค่อยเบิกเนตรพวกขุนนางเหล่านี้ให้ค่อยสว่าง ๆ ไปตามลำดับ  
·       ผู้แสดงความคิดเห็น สุไหงปาดี ชินะกุล วันที่ตอบ 2011-12-20 19:21:43
 
ความเห็นที่ 3 (3321048) 
เคยถามนักศึกษาที่เรียนกฎหมายว่าทำไมภาษากฎหมายไทยใช้ภาษาที่วกไปวนมาเข้าใจยาก เขาบอกเป็นภาษาโบราณใช้มานานแล้ว ในความเป็นจริงกฎหมายคือกฏระเบียบที่มีไว้ให้คนปฏิบัติตาม ใครฝ่าฝืนจะมีความผิดถูกลงโทษ แต่ทำไมไม่ใช้ภาษาที่คนทั่วไปอ่านแล้วเข้าใจง่ายๆตรงกัน ไม่คลุมเครือ หรือมันเป็นเทคนิคให้ประชาชนไม่อยากรู้กฎหมาย ศาล ตุลาการ นักวิชาการกฎหมายบ้านเราจึงชอบอ้างเสมอว่าคนไม่จบกฎหมายไม่ใช่นักกฎหมายไม่มีวันรู้กำหมายดีเท่าเขา ดังนั้นไม่ว่าศาล ไม่ว่าองค์กรอิสระ จะวินิจฉัยว่าอย่างไรจึงถูกเสมอ ดูจากเสียงเพียง 5 เสียงสามารถกลบเสียงประชาชนทั้งประเทศได้ ยุบพรรคการเมืองเอาดื้อๆ ได้ยินว่าต่างประเทศเขาพัฒนาถึงขั้นทำตำรากฎหมายเป็นเวอร์ชั่นต่างๆวางไว้ตามที่สาธารณะ แม้แต่กฎหมายฉบับการ์ตูนก็มีเพื่อจูงใจให้ประชาชนเรียนรู้กฎหมายด้วยตัวเอง ปฏิรูปด่วนคนไทยต้องการการเปลี่ยนแปลง โล๊ะนักกฎหมายศรีธนญชัยไปเสีย และส่งเสริมให้ประชาชนเป็นนักกฎหมายมืออาชีพ
·       ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2011-12-23 11:15:05
 
ความเห็นที่ 4 (3321053) 
การกล่าวหาอากงว่าเป็นคนเจนโลกโชกโชน มีสันดานเป็นโจรผู้ร้าย มีหลักฐานอะไรก่อนหน้านี้ที่แสดงว่าอากงเคยมีประวัติและพฤติกรรมเป็นโจรผู้ร้าย อยากให้เจ้าของบทความช่วยแถลงไขด้วย เพราะเท่าที่อ่านบทความมันเป็นความคิดเห็นที่สะท้อนมาจากความรู้สึกนึกดคิด แต่การพิจารณาคดีเขาใช้ความจริงมาตัดสิน ผู้เขียนบทความมิได้อธิบายความจริงว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร จึงตัดสินให้อากงทำผิดมีโทษถึงจำคุก 5 กระทงๆละ 5 ปี รวม 20 ปี เพื่อประชาชนจะได้วินิจฉัยว่าคดีมีมูล หรือมีอคติ 4 หรือไม่อย่างไร งานนี้ต้องพิสูจน์ให้แน่ชัด และศาลยุติธรรมต้องพิสูจน์ให้สาธารณชนเห็นว่าคดีที่ตัดสินเกิดจากความบริสุทธิ์ใจ มีมาตรฐานของความยุติธรรม และเหมาะสมกับเหตุ แพะไม่มีในระบอบประชาธิปไตย เพราะมันเป็นความอยุติธรรมที่ละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
·       ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2011-12-23 11:35:43
 
ความเห็นที่ 5 (3321327) 
กระบวนการยุติธรรมก็ต้องถูกตรวจสอบโดยประชาชนถึงความโปร่งใส และควรยึดโยงกับประชาชน การมีอำนาจล้นฟ้าโดยไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา อาจเป็นที่มาของการหลงระเริงและใช้อำนาจไปในทางที่ผิดได้ เพราะสัจธรรมเป็นเช่นนั้น
·       ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2011-12-26 22:57:44
 
ความเห็นที่ 6 (3321407) 
คิดอย่างไรกับคณะนิติราษฎร์รณรงค์แก้ไขเพิ่มเติม ม. 112 และรวบรวมรายชื่อบุคคลเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ตามข้อเสนอคณะนิติราษฎร์ เปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงวิสัยทัศน์เพื่อการพัฒนาความคิดไปสู่สิ่งที่ดีกว่า รอบคอบและรอบด้าน ตามหลักพุทธธรรมการต่อสู้ทางความคิดเพื่อไปสู่อิสรภาพปลอดพ้นจากความทุกข์ความอยุติธรรมทั้งปวง
·       ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2011-12-27 16:56:48
 
ความเห็นที่ 7 (3321496) 
มีข้อมูลว่า ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2549 หลังรัฐประหารเป็นต้นมาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพถูกนำมาใช้กล่าวหากับศัตรูทางการเมืองมากขึ้นๆ และมีบทลงโทษที่รุนแรง โดยเฉพาะผู้ที่ถูกกล่าวหาในฝ่ายประชาธิปไตยจะถูกลงโทษทันที ส่วนแกนนำพันธมิตรโดยเฉพาะนายสนธิ ลิ้มทองกุลขณะปราศัยบนเวทีมีการกล่าวคำพูดพาดพิงถึงสถาบันบ่อยครั้งมาก รวมทั้งการนำคำพูดของดา ตอร์ปิดาไปปราศัยเผยแพร่ทางทีวีผ่านดาวเทียมไปทั่วโลก แต่ไม่มีใครหน้าไหนกล้าเอาผิดในข้อหาเดียวกัน นี่คือ 2 มาตรฐานที่ประชาชนคนธรรมดาไม่มีสีอะไรมองเห็น และยิ่งบุกไปยึดสนามบินนานาชาติ ยึดทำเนียบไม่มีใครกล้าเอาผิด ทุกคดีเงียบหาย ถึงมีความผิดชัดแจ้งเช่นคดีทำร้ายตำรวจอาการสาหัสก็แค่รอลงอาญา นี่มันอะไรกันกระบวนการยุติธรรมไทยช่วยตอบหน่อย
·       ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2011-12-28 13:47:57
 
ความเห็นที่ 8 (3322483) 
ชื่นชมนางพเยาว์แม่ของน้องเกดกมล อัคฮาด วันนี้นำรูปถ่ายคู่ของเสแดงและน้องเกดไปมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้พอเอกประยุทธ จันทร์โอชา เพื่อเป็นการแสดงออกของประชาชนที่ทวงถามจิตสำนึกของนายทหารที่มีส่วนในการสลายการชุมนุม จนเป็นเหตุให้มีประชาชนมือเปล่าๆบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก บางทีครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ประชาชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตยจะต้องเสียเลือดเสียเนื้อเพราะนับแต่นี้เป็นต้นไปประชาชนจะไม่ยอมเงียบหายอีกแล้ว มีแต่จะเดินหน้าทวงความยุติธรรมให้กระหึ่มก้องไปทั้งโลก คุณพเยาว์เธอประกาศว่าจะไม่ยอมถอยจนกว่าจะได้ตัวฆาตกรมาลงโทษ ขอชื่นชมหัวใจของแม่ผู้ยิ่งใหญ่
·       ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2012-01-09 20:11:13
 
ความเห็นที่ 9 (3323002) 
พเยาว์ อัคฮาด เธอมิใช่เป็นแม่ของน้องเกดกมลคนเดียวที่ทวงความเป็นธรรมให้กับลูกที่ตาย แต่การยืนหยัดต่อสู้ของเธอที่ท้าทายอำนาจเผด็จการ จะทวงถามความยุติธรรมให้กับวีรชนทุกคนที่บาดเจ็บล้มตาย ทุกประโยคทุกคำพูดของเธอล้วนบาดลึกไปในจิตใจของผู้ฆ่า ว่าจะไม่มีนักสู้ธุลีดินคนไหนยอมให้ย่ำยีอีกต่อไป นักสู้ทุกคนพร้อมจะเปล่งเสียงอันดังขึ้นพร้อมๆกันทั่วโลกว่ารัฐบาลต้องนำคนผิดมาลงโทษให้ได้ นับจากวันนี้จะไม่มีพ่อแม่คนไหนต้องเจ็บปวดจากการสูญเสียลูกสุดที่รักของตนเพียงเพราะมายืนข้างถนนเพื่อตามหาประชาธิปไตยอีกต่อไป
·       ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2012-01-13 23:17:03
 
 
 
 
 
 
 
2.รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะตั้ง ศ.อุกฤษ มงคลนาวิน 
   และคณะ มาศึกษาเรื่องกระบวนการยุติธรรมไทย 
 
ทราบว่า ดร.อุกฤษวางมือทางการเมืองไปแล้ว แต่ท่านว่าไม่วางมือการช่วยเหลือแผ่นดิน ทำนองนี้ 
 
·       ผู้ตั้งกระทู้ สุไหงปาดี ชินะกุล :: วันที่ลงประกาศ 2011-09-15 11:02:50 
 
ความเห็นที่ 1 (3307033) 
พอดีมีสส.ประชาธิปัตย์ นายวัชระ เพชรทอง เอาเรื่องนี้มาพูดในสภาฯ ดูหมิ่นดูแคลน ท่านอุกฤษ มงคลนาวินไว้ล่วงหน้าโดยกล่าวกลางสภาว่า "นายอุกฤษ มงคลนาวิน เป็นบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือ"      ต่อมานาย ธวัชชัย สส. ปชป. จันทบุรี เติมเสริมไปว่า รัฐบาลคิดทำเรื่องนี้ไม่ดี   ไม่อยากเห็นรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลปูนิ่ม เป๋ไปเป๋มา ......
 
นายวัชระ เอาภาพมาประกอบในบางเรื่อง และเลยไปถึงบุคคลนอกสภา
 
แต่ ดร.รตอ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้ตอบโต้ไปแล้ว ดี    เป็นการให้ความรู้ทางกฎหมาย และประชาสัมพันธ์ไปพร้อมกัน 
·       ผู้แสดงความคิดเห็น คนอ่าน วันที่ตอบ 2011-09-15 11:37:03
 
 
ความเห็นที่ 2 (3307418) 
ประชาธิปัตย์ยิ่งทำยิ่งพูดก็ยิ่งขาดทุน ไปว่าคนอื่นทำอะไรไม่น่าเชื่อถือ เขายังไม่ได้ทำอะไรเลย แต่พรรคของตัวเองบริหารประเทศไม่น่าเชื่อถือประชาชนเขารู้กันทั้งประเทศ เขาเลยไม่เลือกมาเป็นรัฐบาล ยังไม่รู้ตัว และยังขืนเล่นการเมืองน้ำเน่าแบบเดิมๆอีก น่าสงสารพรรคการเมืองพรรคนี้จังที่ยังหลงโลกเป็นศูนย์รวมของนักการเมืองน้ำเน่าพ่นน้ำลายทุกวัน จนประชาชนเขาเอือมระอา สื่อกระแสหลักก็ตีข่าวเชียร์พรรคนี้มากๆเข้าไว้  ประชาชนเขาจะได้รู้สักทีว่าการเมืองไทยถอยหลังเข้าคลองเพราะนักการเมืองน้ำเน่ากับสื่อน้ำเน่านี่แหละ  
·       ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2011-09-19 16:03:23
 
ความเห็นที่ 3 (3310482) 
ขอชื่นชมกลุ่มนิติราษฎรที่มีความกล้าหาญทางจริยธรรมกล้าสู้กับอธรรม เป็นนักกฎหมายมืออาชีพที่มีจรรยาบรรณเข้าใจกฎหมายและเข้าใจชีวิตจิตใจของประชาชน กฎหมายอยุติธรรมที่สร้างขึ้นมาเป็นเครื่องมือปกป้องนักกฎหมายที่ขาดจริยธรรม และผลของการบังคับใช้กฎหมายอย่างอยุติธรรม 2 มาตรฐานยังทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์หลายคนต้องตกเป็นเหยื่ออธรรม ถึงเวลาที่จะต้องปฏิรูปกฎหมายที่ล้าหลังไร้ประโยชน์ ประชาชนคนไทยต้องการการเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีกว่า เราในฐานะคนไทยผู้รักความเป็นธรรมขอสนับสนุนกลุ่มนิติราษฎร และขอชักชวนคนไทยทั้งประเทศได้ร่วมกันผนึกกำลังความคิดเปิดหูเปิดตาใช้สติปัญญาของท่านช่วยกันพิจารณาว่ากฎหมายมาตราใดเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมให้คงไว้ มาตราใดเป็นโทษ ล้าสมัยขัดขวางความเจริญรุ่งเรืองของชาติก็ควรสังคายนาได้แล้ว เราทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของประเทศชาติกฎหมายที่ออกมาให้ประชาชนปฏิบัติย่อมมีผลต่อเราไม่มากก็น้อย ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ที่ต้องให้ความเอาใจใส่ อย่าปล่อยให้กฎกติกาใดๆที่อยุติธรรมครอบงำสังคมไทยให้มืดมัวเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนต่อไป
·       ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2011-09-24 23:31:49
 
ความเห็นที่ 4 (3310483) 
พรรคแมงสาปไปกล่าวหาว่ากลุ่มนิติราษฎรเป็นองครักษ์ฟอกขาวแม้ว แต่พอกลุ่มนิติราษฎรเขาท้าให้ซักถามในเวทีเสวนาอย่างเปิดเผยต่อหน้าสื่อมวลชน พรรคแมลงสาปกับไม่กล้ารับคำท้า นี่ล่ะหนาคนชอบพูดเท็จพอเจอคนจริงเข้าก็กลัวหัวหด คนในพรรคนี้จะเอาอะไรไปสู้ล่ะ ในเมื่อสัจธรรมมีอยู่ว่า ธรรมมะย่อมชนะอธรรมเสมอไปความจริงก็ย่อมพิสูจน์ความเท็จ ประชาชนเขารู้ไส้หมดแล้ว มีแต่คนในพรรคนี้แหละที่กลัวทักษิณจนขวัญหนีดีฝ่อ พอๆกับประยุทธ จันทร์โอชา ที่ไปว่ากลุ่มนิติราษฎรเขาพูดให้สังคมไทยแตกแยก ที่ถูกกลุ่มนิติราษฎรนี่แหละที่เขารักความเป็นธรรม เขาทนปล่อยให้ความอยุติธรรมครอบงำสังคมไทยต่อไปไม่ได้ เขามองเห็นทะลุปรุโปร่งว่ารัฐธรรมนูญฉบับ 50 เป็นของคณะรัฐประหารตั้งขึ้นมาเพื่อปกป้องคณะรัฐประหารจากการทำผิดทั้งปวง คอยดูสัจธรรมก็แล้วกันว่า การทำความชั่ว อยู่ร่วมกับคนชั่วมีแต่ทุกข์จะจริงดังที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนหรือไม่ หรือขณะนี้บาปกำลังสนองตอบผู้ทำชั่วให้วิตกทุกข์ร้อนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ยิ่งโทษจากการฆ่าผู้บริสุทธิ์ 92 ศพ บาดเจ็บ 2000 ถือเป็นครุกรรมจะเผาไหม้จิตใจบุคคลผู้ก่อกรรมทำเข็ญกับเพื่อนมนุษย์เหมือนตกนรกทั้งเป็นทั้งในชาตินี้และชาติหน้า ในไม่ช้ากระบวนการยุติธรรมทั้งในประเทศและศาลโลกก็จะทำหน้าที่ตามครรลองของธรรม และฝากไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐทุกหน่วยงาน อย่าปฏิบัติตามคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ชอบด้วยศีลธรรม เพราะไม่มีใครที่ทำกรรมชั่วแล้วจะไม่ได้รับผล ยิ่งก่อความทุกข์ให้คนจำนวนมากผลที่จะสนองกลับก็มากเช่นกัน
·       ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2011-09-24 23:55:55
 
ความเห็นที่ 5 (3310484) 
พรรคแมงสาปไปกล่าวหาว่ากลุ่มนิติราษฎรเป็นองครักษ์ฟอกขาวแม้ว แต่พอกลุ่มนิติราษฎรเขาท้าให้ซักถามในเวทีเสวนาอย่างเปิดเผยต่อหน้าสื่อมวลชน พรรคแมลงสาปกับไม่กล้ารับคำท้า นี่ล่ะหนาคนชอบพูดเท็จพอเจอคนจริงเข้าก็กลัวหัวหด คนในพรรคนี้จะเอาอะไรไปสู้ล่ะ ในเมื่อสัจธรรมมีอยู่ว่า ธรรมมะย่อมชนะอธรรมเสมอไปความจริงก็ย่อมพิสูจน์ความเท็จ ประชาชนเขารู้ไส้หมดแล้ว มีแต่คนในพรรคนี้แหละที่กลัวทักษิณจนขวัญหนีดีฝ่อ พอๆกับประยุทธ จันทร์โอชา ที่ไปว่ากลุ่มนิติราษฎรเขาพูดให้สังคมไทยแตกแยก ที่ถูกกลุ่มนิติราษฎรนี่แหละที่เขารักความเป็นธรรม เขาทนปล่อยให้ความอยุติธรรมครอบงำสังคมไทยต่อไปไม่ได้ เขามองเห็นทะลุปรุโปร่งว่ารัฐธรรมนูญฉบับ 50 เป็นของคณะรัฐประหารตั้งขึ้นมาเพื่อปกป้องคณะรัฐประหารจากการทำผิดทั้งปวง คอยดูสัจธรรมก็แล้วกันว่า การทำความชั่ว อยู่ร่วมกับคนชั่วมีแต่ทุกข์จะจริงดังที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนหรือไม่ หรือขณะนี้บาปกำลังสนองตอบผู้ทำชั่วให้วิตกทุกข์ร้อนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ยิ่งโทษจากการฆ่าผู้บริสุทธิ์ 92 ศพ บาดเจ็บ 2000 ถือเป็นครุกรรมจะเผาไหม้จิตใจบุคคลผู้ก่อกรรมทำเข็ญกับเพื่อนมนุษย์เหมือนตกนรกทั้งเป็นทั้งในชาตินี้และชาติหน้า ในไม่ช้ากระบวนการยุติธรรมทั้งในประเทศและศาลโลกก็จะทำหน้าที่ตามครรลองของธรรม และฝากไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐทุกหน่วยงาน อย่าปฏิบัติตามคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ชอบด้วยศีลธรรม เพราะไม่มีใครที่ทำกรรมชั่วแล้วจะไม่ได้รับผล ยิ่งก่อความทุกข์ให้คนจำนวนมากผลที่จะสนองกลับก็มากเช่นกัน
 
·       ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2011-09-24 23:56:10
 
 
ความเห็นที่ 6 (3310485) 
สิ่งหนึ่งที่อยากให้รัฐบาลทำมากๆเลยคือการส่งเสริมการศึกษาด้านพระธรรมวินัยในแบบที่เป็นสัจธรรม เป็นวิทยาศาสตร์ ควรส่งเสริมทั้งการศึกษาของพระสงฆ์และฆราวาส พระแบบที่สอนให้พึ่งไสยศาสตร์ โชคลาภเครื่องลางไม่เอา จุดบอดของการสอนพระพุทธศาสนาในบ้านเราก็คือเราปล่อยให้พระสงฆ์องคเจ้าที่สอนผิดๆชอบสอนให้ชาวบ้านพึ่งสิ่งอื่น มากกว่าการพึ่งตนเอง พึ่งปัญญาของเกจิอาจารย์มากกว่าคิดด้วยปัญญาของตนเอง ซึ่งผิดจากหลักการของพระพุทธศาสนาที่แท้จริง การที่คนไทยเข้าใจศาสนาอย่างถูกต้องและปฏิบัติได้ถูกต้องจะทำให้สังคมเป็นสุข ประชาชนมีทักษะในการแก้ปัญหาชีวิตได้จริง และมนุษย์จะค้นพบคุณค่าที่แท้จริงของคำสอนในศาสนา
 
·       ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2011-09-25 00:08:18
 
 
ความเห็นที่ 7 (3314163) 
เห็นด้วยกับกระจกเงา และขอชื่นชมว่า เป็นแนวคิดที่ล้ำหน้าทันสมัยมาก ในเชิงธรรมะ 
 
แต่ปัญหาในสังคมไทยทุกวันนี้มีปัญหาด้านการศึกษาอยู่หลายอย่าง มีประเด็นที่ควรพูดถึงอยู่หลายประการ คือ
 
1.     พระสงฆ์ไม่เข้าใจธรรมะของพระพุทธเจ้าว่าเป็นวิทยาศาสตร์ ก็ไม่เข้าใจว่าจะสอนอย่างไรในแบบวิทยาศาสตร์ จะให้ปฏิบัติธรรมอย่างไร เป็นการปฏิบัติธรรมแบบวิทยาศาสตร์   ......   ประชาชนก็ยิ่งไม่เข้าใจกันใหญ่ 
 
2.     พระสงฆ์ไม่เข้าใจธรนรมะของพระพุทธเจ้าว่าเป็นประชาธิปไตย ก็ไม่เข้าใจว่าจะสอนอย่างไร ...... จะบอกอย่างไร เพราะตนเองก็ไม่เข้าใจ ....แต่ในด้านประชาชน พวกเขาไปไกลกว่าแล้ว  
 
3.    วิทยาศาสตร์ มาพร้อมกับ Research Methodology ครับ   สังคมไทยทุกวันนี้ ในฝ่ายวิทยาศาสตร์เขาไปไกลมากแล้ว แต่ฝ่ายสังคมศาสตร์ รวมทั้งฝ่ายสงฆ์องค์เจ้านี่ โดยเฉพาะฝ่ายกฎหมาย ระบบยุติธรรมไทยทั้งระบบกฎหมายนี่ล้าหลัง แทบไม่รู้จักเรื่องนี้เลย   เพราะฉะนั้น ถึง คอป. ของคณิต ณ นคร จะระดมฝรั่งมาให้การปรึกษา ก็ช่วยอะไรได้ไม่มาก เพราะไม่เข้าใจการค้นติดตามจับเอาตัวปัญหาที่แท้จริงออกมา นั่นคือ ไม่รู้จักใช้ search engine คือ วิทยาการรีเสิช นี่แหละครับ   ผลก็คือ ลังเล ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ   ต่อไป   ไม่สามารถ ตัดสินใจได้อยู่ดี (โง่ต่อไป)   และเสี่ยงต่อการตัดสินใจผิดพลาดไปเรื่อย ๆ
จึงต้องทำเป็นนโยบายเร่งด่วนของทุกระดับ ครับ  
 
·       ผู้แสดงความคิดเห็น ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆิน วันที่ตอบ 2011-10-05 11:22:03
 
ความเห็นที่ 8 (3314165) 
เอา ศ. อุกฤษ มงคลนาวิน มาก็ช่วยไม่ได้มากหรอกครับ          เพราะระบบทั้งระบบกฎหมายไทยล้าหลังมาก ๆ      อันเป็นการสะสมมาเรื่อย ๆ   เนื่องมาจากวงการนี้ไม่เคยรู้จัก   research   สิ่งที่สะสมมาล้วนสะสมความโบราณ ๆ ความคิดโบราณ ๆ มาเรื่อย ๆ เท่านั้นเอง
พอ ๆ กับ นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ ในมหาวิทยาลัย ที่ไม่รู้จักประชาธิปไตย นั่นแหละครับ   ขนาดเป็นศาสตราจารย์ สอนการเมืองเอง ยังไม่เข้าใจประชาธิปไตย    เร็ว ๆ นี้ก็โผล่มาอีกราย   ใหม่สุด 
 
อยู่ธรรมศาสตร์ สอนการเมือง แต่ไม่รู้จักประชาธิปไตย   ไม่รู้จักธรรมศาสตร์    ในวลีที่ว่า   ธรรมศาสตร์สอนฉันให้รักประชาชน (แต่อธิการบดีคนที่เล่นเฟสบุ๊ค คือ ศ.สมคิด เลิศไพฑูรย์ สอนให้รักรัฐประหาร เป็นยังงั้นไป น่าจะรีบลาออกไป ก่อนจะโดนไล่   พวกเดียวกับ อมรา พงศาพิศ, สมบัติ ธำรงค์ธัญญวงษ์ นั่นแหละ)
 
เพราะไม่เข้าใจว่าประชาธิปไตยคือประชาชน   และประชาชนคือประชาธิปไตย   ความเข้มแข็งของประชาชน คือทางเจริญของประชาธิปไตย ตามที่ท่านปรีดี พนมยงค์ ผู้ประศาสนการ มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ตั้งวัตถุประสงค์เอาไว้     
·       ผู้แสดงความคิดเห็น ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆิน วันที่ตอบ 2011-10-05 11:35:56
 
ความเห็นที่ 9 (3314168) 
เมื่อมีคณะราษฎร์    พ.ศ.2475      นั่นหมายถึง ความคิดใหม่   ที่ได้ค้นพบเอามาเพื่อสร้างสังคมใหม่
เมื่อมีคณะนิติราษฎร์   ความหมายก็ทำนองเดียวกันเลย พอ ๆ กับ คณะราษฎร์ คือ    มุ่งสลัดตนเองออกจากระบบล้าหลังของกฎหมายไทยเสียที ........... แต่   คนหัวเก่ามีมาก เป็นกำแพงทึบ   ต้องค่อย ๆ เจาะชอนไปครับ......
·       ผู้แสดงความคิดเห็น ดร.ฆิกเมฆ สุวรรณเมฆิน วันที่ตอบ 2011-10-05 11:45:13
 
 
ความเห็นที่ 10 (3324068) 
แล้วนักกฎหมายไทยจะมีโอกาสรู้ไหมว่ายังใช้ระบบล้าหลังตามไม่ทันโลก แล้วยังมาชี้เป็นชี้ตายประชาชนอีก เช่นไม่อนุญาตให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ยังไม่ชี้มูลความผิดติดคุกเป็นปีๆโดยไม่ให้ประกันตัว เขาจะรู้ไหมว่าได้ทำบาปกับผู้บริสุทธิ์ไว้มากมาย คงเป็นหน้าที่ของประชาชนที่ต้องตะโกนกันดังๆว่า เขาทนไม่ไหวแล้ว
·       ผู้แสดงความคิดเห็น หิ่งห้อย วันที่ตอบ 2012-01-24 18:42:34 
 
 
 
 
 
 
·        
 
 
 
3. กบฏสนามม้า,ประเทศไทยเมื่อสิ้นปี 2555:
    บทสรุปทั้งสิ้น
 
 
1.   ภายหลังฝ่ายที่คิดก่อการณ์ล้มล้างรัฐบาลโดยวิธีการที่ไม่ชอบด้วยกฎกติกาของระบอบประชาธิปไตยซึ่งมีความหมายถึงการก่อการทรยศเป็นกบฏ ตามนัยความหมายที่คนทั่วไปเข้าใจดีอยู่แล้วนั่นเอง   ครั้นทำไม่สำเร็จเพราะแผนพินาศย่อยยับลงไม่อาจจะเดินแผนยุทธศาสตร์ม้วนเดียวจบต่อไปได้ ก็จำเป็นต้องประกาศเลิกชุมนุมลงเอง และเนื่องจากการดำเนินการล้มล้างรัฐบาลครั้งนี้ ฝ่ายอมาตย์ที่นำโดยใครก็เป็นที่รู้จักกันดีขึ้นแล้ว ได้กำหนดแผนการไว้เป็นยุทธศาสตร์ 2 ด้าน ควบคู่กันไป 2 แผนใหญ่ ๆ ก็คือ  
 
(1)  ใช้วิธีการนอกรัฐสภา โดยอ้างหลักการประชาธิปไตยที่ตนเข้าใจเอาเองแบบงู ๆ ปลา ๆ ว่าประชาธิปไตยให้สิทธิในการชุมนุม แต่ไม่เข้าใจโดยตลอดว่า สิทธิใดใดในระบอบเสรีชนนั้น มีขอบเขตอยู่ที่การไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น หากละเมิดสิทธิของผู้อื่น ย่อมมีโทษตามความรุนแรงของการละเมิด  เช่นคิดล้มล้างรัฐบาลแบบโจร  ตามความคิดของอมาตย์ครั้งนี้  นั่นคือวางแผนยกพวกเข้าขับไล่รัฐบาลในทำเนียบรัฐบาล คือคิดยกพวกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาล ยึดรัฐสภา ยึดสนามบิน รวมทั้งการคิดสร้างสถานการณ์ร้ายขึ้น ให้เห็นว่ารัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาได้แล้ว ย่อมมีความชอบธรรมที่ทหารจะออกมาควบคุมสถานการณ์อยู่ดี..... เช่นนี้ เป็นการเข้าใจผิดในระบอบประชาธิปไตย เพราะสิทธิและหน้าที่ของรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยนั้น ย่อมอยู่เหนือกองทัพและกองกำลังทั้งสิ้น หากมาตรการป้องกันของฝ่ายรัฐบาลอันเป็นแผนที่ 1 ไม่สามารถเอาสถานการณ์อยู่ รัฐบาลก็สามารถใช้แผนการอันดับต่อไปได้ เพราะรัฐบาลมีหน้าที่ที่จะต้องปราบปรามกบฏอยู่โดยตรงแล้ว จึงมีทั้งสิทธิและหน้าที่อย่างสมบูรณ์ตามระบอบประชาธิปไตย ที่จะสั่งการกองทัพหรือกองกำลังใดใดออกมาได้   ไม่ใช่กองทัพหรือกองกำลังใดใดจะเคลื่อนไหวได้เป้นอิสระ ฉะนั้น เมื่อฝ่ายกบฏกระทำไปด้วยความเข้าใจผิดเช่นนี้ การกระทำจึงเป็นการละเมิดสิทธิผู้อื่นในระดับรุนแรง  เพราะฉะนั้นประเทศที่เจริญด้วยประชาธิปไตยแล้วในยุโรป และประเทศที่เจริญทั้งหลาย การละเมิดเช่นนี้จึงถูกกำหนดไว้เป็นกติกาในกฎหมายว่าต้องมีโทษหนักระดับเป็นกบฏ ......โทษถึงประหารชีวิต หรือโทษถึงปลดออกจากราชการ.... ตัวอย่างเช่น ในการทำนโยบายถอนถอนทหารออกจากตะวันออกกลางของประธานาธิบดีโอบามา อันเป็นนโยบายที่ชนะในการเลือกตั้งมา ได้มีผู้บัญชาการทหารภาคตะวันออกกลาง ทำการวิจารณ์นโยบายนี้ ภายหลังการเลือกตั้งว่าเป็นนโยบายที่ทำขึ้นอย่างไม่สอดคล้องกับสถานการณ์สู้รบในตะวันออกกลาง ไม่คำนึงความคิดเห็นของฝ่ายทหารที่ทำการอยู่ในตะวันออกกลาง   เพียงความคิดที่วิพากษ์วิจารณ์ของผู้บัญชาการทหารคนนี้เอง ไม่ได้มีการกระทำใดเกิดขึ้นในทางขัดขวางนโยบายของรัฐบาลโอบามา ประธานาธิบดีโอบามาก็สามารถปลดออกจากตำแหน่งได้.... ฐานทำผิดหน้าที่   และแสดงถึงท่าทีที่ขัดขวางนโยบายที่ผ่านการอนุมัติของประชาชนส่วนใหญ่ของอเมริกามาแล้ว นี่คือหลักของ Majority rule minority right  ที่ได้เป็นสิทธิอันชอบธรรมของประธานาธิบดีปลดผู้บัญชาการทหารนี้ออกจากตำแหน่งได้ทันที  และคนทั่วโลกก็ได้เห็นแล้วว่า อเมริกันมีสปิริตของประชาธิปไตยสูงมาก โดยทหารอเมริกันทั้งกองทัพก็ยอมรับในสิทธิของประธานาธิบดีและยอมรับในหลักการประชาธิปไตย เราจึงไม่เคยเห็นทหารในประเทศที่เจริญด้วยประชาธิปไตยออกมาทำอะไรอย่างเช่น สนธิ บุณยรัตนกลิน หัวหน้ารัฐประหาร 19 ก.ย.2549 และคนอื่น ๆ ในอดีต รวมทั้ง กรณีม็อบอดีตทหารกบฏโดยอมาตย์หนุนหลังครั้งนี้ ...แตกต่างกันมากกับทหารสหรัฐ ...เพราะม็อบโง่เขลา ไม่เข้าใจหลักการประชาธิปไตย ทำไปโดยตนเองยังไม่รู้ถึงโทษอันร้ายแรงแก่ชีวิตตนเองด้วยซ้ำ   ถ้าเพียงมีจิตใจรักความเป็นธรรมสักหน่อย คนทั้งหลายก็ย่อมยอมรับ  และการบัญญัติกติกาข้อนี้จึงมีอยู่ในกฎหมายของทุก ๆ ประทศ เพราะกระทำได้ง่าย ไม่มีคนใจเป็นธรรมที่ไหนจะคัดค้าน ทุกคนใจเป็นธรรมมีความเห็นตรงกันอย่างแท้จริง ....  นั่นก็คือ  เป็นการสมควรที่พวกที่ยึดทำเนียบรัฐบาล  ยึดสนามบินนานาชาติ ยึดสถานีโทรทัศน์ และคิดล้มล้างรัฐธรรมนูญ สมควรได้รับโทษอันร้ายแรง ถึงระดับกบฏ โทษถึงประหารชีวิต   ทั้งนี้เพื่อให้สังคมเสรีชนเป็นสังคมที่ปราศจากคนเห็นแก่ตัว มีแต่คนทั้งหลายที่ล้วนเข้าใจกันและกันในอำนาจของสิทธิและหน้าที่ที่ตนมีอยู่   เห็นในความทุกข์ ความสุขของคนอื่น  เห็นคนอื่นเสมอกับเรา มั่นใจในความเป็นธรรมตามหลัก equlity คือมีความเสมอภาค ไม่เหลื่อมล้ำในสิทธิที่จะปกครองตนเอง เป็นการให้คุณค่าของความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน   และมีภราดรภาพ อันเป็นทางแห่งความปรองดอง ความมี humanity คือมนุษยสัมพันธ์อันดี นำไปสู่ความสงบสันติสุขของสังคมโดยรวม  
 
(2)   แผนการล้มล้างรัฐบาลในสภาผู้แทนราษฎร  ซึ่งฝ่ายอำมาตย์วางแผนไว้ให้โจมตีรัฐบาลทั้งทางนอกและทางใน  ทางนอกมีสิ่งที่เรียกว่าองค์การพิทักษ์สยาม  ทางในมีสิ่งที่เรียกว่าพรรคประชาธิปัตย์  อันเป็นฝ่ายค้านในระบอบรัฐสภาตามหลักการประชาธิปไตย       โดยกำหนดเวลาให้รับรองกันให้กองทัพภายนอกเข้าโจมตีก่อนโดยเริ่มก่อนในวันที่ 24 พ.ย.2555 แล้วการโจมตีภายในรัฐสภาจึงตามขย่มต่อกระทบเป็นศึกสองด้าน ในวันที่ 25-26-27-และลงคะแนนวันที่ 28 ซึ่งนับว่าเป็นแผนการที่แยบยล และมีการซ่อนเก็บแผนการณ์ไว้เป็นความลับจนวินาทีสุดท้าย นั่นคือไม่ยอมส่งคำขออภิปรายให้ฝ่ายรัฐบาล จนถึงกับเป็นประเด็นสำคัญ ที่โต้เถียง ทั้งนี้ เราก็ต้องถือว่าฝ่ายรัฐบาลทำถูก และเหตุเกิดเพราะฝ่ายค้านที่ซ่อนแผนอันร้ายไว้ในการอภิปรายครั้งนี้นั่นเอง เป็นเหตุให้เสียเวลารัฐสภาไปเป็นอันมาก จนที่สุดเมื่อตนคิดว่าฝ่ายรัฐบาลเตรียมตัวไม่ทัน จึงแจ้งรายการที่จะอภิปรายให้ฝ่ายรัฐบาลทราบ   (ในเรื่องนี้ ปรากฏว่าประธานสภากลับมีท่าทีเข้าข้างคนผิด ฝ่ายผิด โดยเห็นดีเห็นงามกับฝ่ายค้าน ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ โดยพยายามแก้ตัวให้ฝ่ายค้านอยู่ตลอด ....อันเป็นสิ่งที่ส่อแสดงถึงความไม่เข้าใจระบอบประชาธิปไตยของคนระดับผู้นำของอำนาจนิติบัญญัติอีกด้วย และส่อถึงการทำหน้าที่ไม่ถูกต้องตามหลักการปกครอง ....... มีเหตุผลหลายประการที่ผู้นำด้านรัฐสภาไทยมีพฤติกรรมที่ไม่เอื้อแด่ระบอบประชาธิปไตยเสียเอง อันเนื่องมาจากความไม่เข้าใจประชาธิปไตย นับแต่เรื่องตลกรัฐธรรมนูญ เรียกไปให้การ กรณีวาระที่ 3 ของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 เป็นต้นไปถึงด้านการปกครองในรัฐสภา ทั้ง ๆ ที่ประธานรัฐสภาได้ถูกกระทำเสียเองอย่างเสียหาย นั่นคือเหตุการณ์ ที่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ฝ่ายค้านกระทำการก่อกวนการประชุมสนสภา อย่างป่าเถื่อน มีการรวมหมู่ปฏิบัติการร้าย ตั้งแต่ขึ้นไปบนบัลลังก์ประธานสภา ทำการลากดึงประธานสภาออกจากเก้าอี้ ลากมือถือแขนให้ลุกจากเก้าอี้ เป็นเชิงให้สัญลักษณ์ว่าท่านไม่เหมาะที่จะนั่งตรงนี้แล้ว เชิญออกไปได้ อะไรประมาณนี้  แล้วมีสส.หญิง นางรังสิมา รอดรัศมี วิ่งขึ้นไปลากเก้าอี้ประธานสภา ดึงออกไปจากห้องประชุมอย่างไร้สติความคิดถูกผิดและสมสถานะสส.อย่างไร   แล้วนายวรงค์ เดชกิจวิดกรม สส.ปชป.พิษณุโลก ผู้อยู่เบื้องล่างก็โยนแฟ้มเอกสารปึกใหญ่ หลายแฟ้มใส่ประธานสภา จนตำรวจสภาเข้ามากันไว้  อย่างที่แสดงอารมณ์อันโกรธแค้น เกลียดชัง ผิดวิสัยของคนที่มาสู่ตำแหน่งชั้นสูงของประเทศ แล้วมีสส.กทม.นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ทำเหมือนเด็กปัญญาอ่อน ทำท่าฮิตเลอร์ใส่ประธานสภา.....และมีการบีบคอสส.ฝ่ายรัฐบาลตรงข้ามตนแทบตายเพราะหายใจไม่ออก..แล้วนายนิพิธ อินทรสมบัติ ปชป.พัทลุงก็กล่าวบริภาษณ์ประธานสภาอย่างหยาบคาย ไม่สมกับเคยเป็นอดีตรมว.วัฒนธรรม .....อันเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อนของพรรคประชาธิปัตย์ นำโดย ร.ต.อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ........ แต่ปรากฏว่าประธานรัฐสภา ไม่คำนึงถึงสถาบัน เอาสถานะส่วนตัวไปตัดสินว่าให้อภัย อย่าเอาเรื่องเอาราวกันเลยเพื่อนเอ๋ย ให้แล้ว ๆ กันไป .......ที่จริงถ้าจะแสดงความใจกว้างก็ลองลาออกจากตำแหน่งดู นั่นจะแสดงความใจกว้างจริง...อันที่ง่าย ๆ เช่นมาพูดคำว่าเลิกแล้วต่อกันเถอะเพื่อนเอ๋ย นี่ง่าย ใคร ๆ ก็ทำได้ อันทำยากเช่นลาออกนี่ทำได้ไหม ...ถ้าทำได้ก็ลาออกไปดู....แต่ที่สำคัญไม่ชอบด้วยหลักการปกครอง. ... คุณต้องใช้หลักการทางศาสนาเข้าประกอบ ไม่ว่าหลักคริสต์ อิสลาม ที่จะต้องมีการให้รางวัลและการลงโทษ มีนรกสำหรับการลงโทษคนทำชั่ว มีสวรรค์สำหรับให้รางวัล  ในกรณีการปกครองในรัฐสภานี้ ต้องถือหลักว่า พึงข่มบุคคลที่ควรข่ม พึงชมบุคคลที่ควรชม(นิคฺคณฺเห นิคฺหารหํ ปคฺคณฺเห ปคฺคห่ารหํ)   จึงจะถูกต้อง .(ถ้าคุณไปให้ท้ายคนหน้าด้าน มันก็จะด้านไปกว่าเดิมอีก).... หรือถ้าจะดีก็เอาหลักทศกัณฐ์มาเพิ่มอีกเป็นหลักที่ 3 คือหากไม่เห็นพอจะทำอะไรได้ก็ถืออุเบกขาเสีย แต่อันนี้ให้เป็นทางเลือกจริง ๆ เดี่ยวจะเหมือนขี้เกียจละเลยหน้าที่ไป    ในด้านศึกภายในนี้ ฝ่ายค้านประชาธิปัตย์ ใช้วิธีการปั้นแต่งเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้นมาให้เห็นว่าทางฝ่ายรัฐบาลนั้นเป็นรัฐบาลที่มีแผนหลอกลวงตบตาประชาชนอย่างแยบยลลึกซึ้ง  หวังโกงชาติโกงประเทศอย่างมโหฬารชนิดคาดถึงโดยยาก อันเกินสายตาประชาชน   .....ดูได้จากการอภิปรายของนายวรงค์ เดชกิจวิกรม สส.ปชป.พิษณุโลก กรณีนโยบายจำนำข้าว ซึ่งตั้งใจสร้างเรื่องเท็จขึ้นทั้งเรื่อง....มีคลิปมาประกอบ ... และบังเอิญคนสร้างเรื่อง ทำให้เห็นว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์นี้เลวเกินไป เกินจากความเป็นมนุษย์  คนก็เลยได้คิดว่าคน ๆ หนึ่งจะเลวได้ขนาดอย่างที่นายวรงค์พูดมาหรือ  ควรรอฟังฝ่ายรัฐบาลแก้ตัวเสียก่อน จึงค่อยโกรธเคืองเอากับรัฐบาลขี้โกง ที่ตบตาประชาชนอย่างมโหฬาร  และครั้นฟังนาย บุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิช อภิปรายแก้  จึงเข้าใจอะไรเป็นอะไร สว่าง . .... และเพิ่มความเกลียดชังพรรคการเมืองฝ่ายค้านพรรคนี้ไปอีกหลายเท่า….. นั่นแหละแผน 2 ของฝ่ายอำมาตย์ก็พังพินาศอีก   ดูคะแนนไว้วางใจนายกรัฐมนตรีก็แล้วกัน ได้ถึง 308 เสียง เกินคะแนนเสียงฝ่ายรัฐบาลในสภาไปเสียอีก นั่นแสดงว่าพรรคฝ่ายค้าน ประชาธิปัตย์เองก็ยอมรับ ลงคะแนนให้นายกรัฐมนตรี
 
2.   สิ่งที่น่าเป็นห่วง ในการเจริญทางประชาธิปไตยไทยก็คือ การเจริญไปฝ่ายเดียวคือฝ่ายรัฐบาล หรือพรรคเพื่อไทยพรรคเดียว ซึ่งตามสถานการณ์ปัจจุบัน เมื่อคำนึงว่าประชาธิปไตยต้องมั่นคงแล้วก็เป็นการดี แต่แท้จริงแล้ว จะเป็นการดีกว่านี้อีก หากมีฝ่ายค้าน เพราะฝ่ายค้านย่อมทำหน้าที่การตรวจสอบรัฐบาล แทนหูตาประชาชน (ประชาชนจะได้มีเวลาไปทำมาหากิน ขืนมาเฝ้าอยู่อย่างแดงเพื่อประชาธิปไตยทุกวันนี้ ก็ไม่มีเวลาทำมาหากินกันละ)   หากแต่พรรคฝ่ายค้านคือพรรคประชาธิปัตย์ปัจจุบัน ทำหน้าที่มาแล้วนี้มีความบกพร่องอย่างยิ่งใหญ่ และไม่เป็นที่ไว้วางใจของประชาชนได้เลย สถานะจริงของพรรคประชาธิปัตย์วันนี้คืออันธพาลในระบอบประชาธิปไตยเราดี ๆ นี่เอง และทั้งหมายถึงระดับชาติ และระดับ กทม.ด้วย .... ที่สำคัญคือเป็นพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ที่ไม่เข้าใจประชาธิปไตยเลย นับตั้งแต่พรรคนี้ทำความผิดอันยิ่งใหญ่เอาไว้ในรัฐบาลทักษิณ รัฐบาลสมัคร รัฐบาลสมชาย ที่ล้วนบ่งบอกว่าพรรคฝ่ายค้านพรรคประชาธิปัตย์ทำหน้าที่ไปอย่างไม่เข้าใจประชาธิปไตย มีการบอยค๊อตการเลือกตั้งครั้งปลายรัฐบาลทักษิณ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าละอายชาวโลกที่เจริญ เพราะครั้งนั้นพรรคประชาธิปัตย์ไม่ส่งผู้แทนลงสมัครรับเลือกตั้ง อันหมายความถึงไม่ยอมใช้สิทธิของตนแล้ว ซึ่งทางที่ถูกพรรคนี้ก็ควรจะต้องอยู่เฉย ๆ  แต่พรรคนี้ไม่อยู่เฉย ๆ จัดตั้งขบวนการต่อต้าน ทำตนเป็นศัตรูของฝ่ายที่ลงเลือกตั้ง อันเป็นคู่แข่งกับตนคือพรรคไทยรักไทย มีการวางแผนปฏิบัติยุทธศาสตร์ดาวกระจาย ส่งขบวนการดิสเครดิตถ์โฆษณาชวนเชื่อไปต่อต้านฝ่ายรัฐบาลทักษิณ ทั้ง ๆ ที่ตนเองไม่มีสิทธิ์ดังกล่าว เพราะตนสละไม่ส่งผู้แทนลงเลือกตั้งแล้ว..... เช่นนี้ ..... มีแต่จะเป็นผลให้พรรคต่ำเสื่อมทรามลงไป .....พฤติกรรมถัด ๆ มา ซึ่งเพิ่งปรากฏความจริงมาในระยะหลัง ๆ มาตามลำดับ ก็คือการก่อตั้งขบวนการโฆษณาชวนเชื่อ มีกลุ่มพธม. หรือสนธิ-จำลอง-ประชาธิปัตย์ ......ขึ้นดำเนินการดิสเครดิตถ์รัฐบาลทักษิณ และดำเนินการก่อกวนจนเป็นเหตุอ้างได้ว่ารัฐบาลคุมสถานการณ์ไว้ไม่ได้แล้ว  มีความชอบธรรมที่ทหารต้องออกมาก่อการรัฐประหาร .....แล้วขบวนการนี้ก็คงดำเนินการดิสเครดิตถ์ รัฐบาลสมัคร รัฐบาลสมชาย ......จนฝ่ายตนได้เป็นรัฐบาล ที่มีกลโกงจนสามารถตั้งรัฐบาลในค่ายทหารได้สำเร็จ .....ตราบมาถึงเหตุการณ์ที่ร้ายแรงถึงเลือดถึงเนื้อ...ก็คือเป็นรัฐบาลอมาตย์อยู่เบื้องหลัง รัฐบาลที่ไม่เข้าใจในสิทธิของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย เป็นเหตุให้ลุอำนาจ ทำการปิดล้อมเข่นฆ่าประชาชนกรณี 10 เม.ย.-19 พ.ค.2553 ...และล่าสุดมีเหตุการณ์หลายอย่างทั้งของพรรคเองและหัวหน้าพรรค ในปัจจุบัน เหตุการณ์ตาม 1 นั่นเอง     นี่คือแนวโน้มของพรรคการเมืองฝ่ายค้านในระบอบประชาธิปไตยไทย คือพรรคประชาธิปัตย์นับวันจะตกต่ำลง อันเป็นเหตุให้ประชาธิปไตยไทยไม่สมบูรณ์ เนื่องจากฝ่ายตรวจสอบรัฐบาลอ่อนแอ ไร้ความเป็นพรรคการเมืองที่แท้จริง ผลก็คือจะเป็นเหตุให้ประชาชนเหน็ดเหนื่อยต่อไปอีกยาวนาน ในเมื่อไม่มีตัวแทนฝ่ายตรวจสอบคอยทำหน้าที่......... พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นพรรคเก่าแก่ น่าจะมองการเมืองสิงคโปร์เป็นตัวอย่าง นักการเมืองสิงคโปร์มีเงินเดือนเมื่อเทียบกับประเทศไทยแล้วถึง 10 เท่า นรม.ไทยปัจจุบันได้ประมาณ 1 ล้านบาท สิงคโปร์ ได้ถึง 10 ล้านบาทต่อเดือน รมต. สส. ไทยทุกวันนี้ ยังอยู่ในฐานะที่ต่ำต้อย แต่หากจะคิดขึ้นเงินเดือนให้ในขณะนี้แล้ว ใครเขาจะเห็นใจพวกคุณ รับรองว่าประชาชนไทยเขาเบือนหน้าหนีแน่ แม้กระทั่งที่คิดขึ้นเงินเดือนให้ตนเอง ก็ยังถูกฟ้องร้องต้องหลุดจากตำแหน่งไปเลย(กรณีประธานวุฒิสภาคนก่อน คงจำได้)   ฉะนั้นการทำชั่วไว้อย่างร้ายแรงในการประชุมสภามันเสียหายแด่สถาบัน เห็นไหม?   
 
......   แต่สิ่งที่น่ามองมีมากกว่าประเด็นนี้ นั่นคือสิงคโปร์แทบไม่มีบทบาทของพรรคฝ่ายค้านเลย เหตุหนึ่งเป็นเพราะประเทศเล็กมีประชาชนน้อยแต่ประชาชนทุกคนล้วนมีฐานะดี มีความเสมอกันทางเศรษฐกิจ สามารถตรวจสอบรัฐบาลได้เอง ได้ง่าย   และที่สำคัญพรรคฝ่ายค้าน ได้กระทำตัวเอง....เหมือนพรรคประชาธิปัตย์นี่แหละ จึงประสบความตกต่ำมาตามลำดับ   ล่าสุดพรรคฝ่ายค้านสิงคโปร์ ได้รับบทเรียนอันสาหัสฉกรรจ์มาก จากการโฆษณาใสร้ายรัฐบาล โดยมีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งร่วมมือ เหมือนกับที่หมอวรงค์ใส่ร้ายรัฐบาลคราวอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้เลย ..... แต่สิงคโปร์เขาเอาผิดร้ายแรงมาก ...น่าไปศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองฝ่ายค้านของสิงคโปร์ว่าตกต่ำมาอย่างไรโดยสรุปก็คล้ายพรรคประชาธิปัตย์นี่แหละไม่มีผิดเลย   ประกอบกับเป็นเจ้าสำนวนโวหาร ดีแต่พูด ศึกษากฎหมายมาแบบนกแก้วนกขุนทอง ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ทางเศรษฐกิจเพราะนักกฎหมาย ประกอบกับกฎหมายไทยที่ล้าหลังมาก ๆ แต่ไม่มีคนเข้าใจว่าล้าหลังอย่างไร ก็เลยมีแต่ใช้กฎหมายเป็นช่องทางดิสเครดิตให้ร้าย ฝ่ายตรงข้ามตน  เพื่อตนได้ประโยชน์  นักการเมืองประชาธิปัตย์ก็อาศัยช่องทางนี้มาตลอด เมื่อตนมีโอกาสมาบริหารประเทศ จึงบริหารไม่เป็น ทำนโยบายอะไรไม่เป็น ต้องลอกพรรคไทยรักไทยมา(แล้วไม่นึกละอายใจที่ไปด่าทักษิณ)  เห็นได้แต่การเลือกตั้งคราวที่แล้ว พรรคการเมืองไทยทุกพรรค เว้นพรรคเพื่อไทยพรรคเดียวที่หาเสียงโดยนโยบายและรอบรู้นโยบาย จึงถึงใจประชาชน  บางพรรคเช่นภูมิใจไทยยังไม่รู้นโยบายด้วยซ้ำ ว่านโยบายคืออะไร ทำมาหามาได้อย่างไร ขึ้นป้ายประกาศว่าเราจะจงรักภักดีต่อในหลวง ซึ่งมันไม่ใช่นโยบาย ....กกต.ก็เลยให้ปลดลง คงเห็นกันมาแล้ว  ซึ่งประชาชนสิงคโปร์ไม่เห็นว่าพฤติกรรมฝ่ายค้านและสำนวนเช่นนี้จะมีการสร้างสรรค์อย่างไร ....ประชาชนเขาไม่ชอบพรรคเจ้าเล่แบบนี้ ... จนมาถึงคดีฝ่ายค้านกล่าวหาว่ารัฐบาลโกงประชาชน(เหมือนนายวรงค์กล่าวหารัฐบาลยิ่งลักษณ์คราวนี้เลย) ผ่านสื่อหนังสือพิมพ์ดังกล่าว โดนรัฐบาลสิงคโปร์ฟ้องร้อง ปรากฏว่าทั้งหนังสือพิมพ์และหัวหน้าฝ่ายค้านแพ้คดี ต้องถูกลงโทษจำคุก และปรับด้วยจำนวนเงินมหาศาลมาก (กฎหมายเขากำหนดโทษไว้สูง เพราะเขาเกลียดคนดีแต่พูด ไม่ต้องการพันธุกรรมนี้ในประเทศเขา)  ปรากฏว่าฝ่ายค้านไม่มีเงินเสียค่าปรับ หัวหน้าพรรคต้องเข้าคุกแทนเงินค่าปรับ .....อายไปทั่วโลกเลย   นี่เป็นกรณีที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยสิงคโปร์ที่ฝ่ายค้านอย่างประชาธิปัตย์น่าจะศึกษาดู อันเป็นเหตุให้การเมืองสิงคโปร์ไปปราศจากฝ่ายค้านอยู่ในทุกวันนี้ .............และน่าเป็นห่วงสำหรับประเทศไทย ที่ประชาชนคงจะต้องเหนื่อยต่อไปในการทำหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบรัฐบาลเอง (แต่ขณะนี้รัฐบาลของเขาเองเขาไว้ใจอยู่แล้ว แต่กลับต้องตรวจสอบฝ่ายค้านอย่างหนัก) เพราะฝ่ายค้านโง่เขลาไม่เข้าใจการต่อสู้ตามกฎกติกาประชาธิปไตยในยุคสมัย กลับไปยอมตนเป็นเครื่องมือระบอบขุนนาง อมาตย์ เผด็จการเต่าล้านปีไปเสีย อันเป็นเหตุให้ขาดความไว้วางใจจากประชาชน....และเป็นเหตุให้เพลี่ยงพล้ำแก่ฝ่ายรัฐบาลที่นับวันเข้มแข็งขึ้นไปทุกที และนั่นเป็นเพราะพรรครัฐบาลได้กระทำสิ่งที่ถูกต้องและสร้างสรรค์นโยบายเป็นที่ถูกใจของประชาชน ...และรอบรู้ชั้นเชิงที่จะกำจัดอธรรมในระบอบประชาธิปไตยดีขึ้นไปทุกวัน ๆ    จนกว่าเราจะได้มีฝ่ายค้านที่เข้าใจประชาธิปไตย....  หมายถึงเข้าใจหน้าที่ของตนเองในระบอบประชาธิปไตย....รู้กติกาประชาธิปไตย   มีสปิริตจิตใจเป็นประชาธิปไตย ....... นั่นแหละประเทศจึงจะเป็นประชาธิปไตยอันสมบูรณ์ และประชาชนสบายใจได้
 
3.   เรื่องอำนาจตุลาการ ความจริงประเทศเราจะไม่มีปัญหา หากฝ่ายตุลาการ ศาล จะเข้าใจหลักการประชาธิปไตยให้ดีขึ้นกว่านี้ และถึงคราวที่จะต้องมองแนวโน้มของสถานการณ์  ฉะนั้นก็ขอให้ดูเมียนมาร์ เป็นตัวอย่าง เมียนมาร์เมื่อเข้าใจประชาธิปไตย เขาก็เข้าใจในเรื่องฝ่ายค้าน และเข้าใจการตัดสินใจแบบ Majority rule minority right เขาจึงปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยควบคุมกักขังนางอ่องซาน ซูจี กับพวก ผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย...แบบที่ไม่มีร่องรอยเก่าอันเป็นขวากหนามประชาธิปไตยเหลืออยู่  เรื่องราวของประชาธิปไตยในเมียนมาร์จึงเดินมาอย่างดีและ อย่างเร็วถึงปัจจุบันนี้  ล่าสุด เมียนมาร์ได้ปลดปล่อยนักโทษการเมือง ก่อนหน้าโอบามามาเยือนจำนวน 452 คน เป็นรุ่นสุดท้าย โดยเหตุผลง่าย ๆ ว่าเมียนมาร์เป็นประชาธิปไตยแล้ว และนั่นเป็นเหตุให้ทั้งรมว.ต่างประเทศและทั้งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาพอใจ (ที่เมียนมาร์จะมาเป็นประชาธิปไตยเช่นเดียวกัน) นั่นคือเหตุผลอย่างธรรมดา ๆ มากสำหรับประเทศที่ตั้งใจจะเป็นประชาธิปไตย  แต่ศาลไทยเป็นอย่างไร ?   ตามข้อเท็จจริงที่ยอมรับกันแล้ว  แท้จริงประชาชนได้เห็นมาว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายอมาตย์ …….  ส่วนหนึ่งของพรรคฝ่ายค้าน .....   เป็นระบบที่วางไว้เพื่อการใช้อำนาจนอกระบบ..........แต่สถานการณ์วันนี้ ไม่มีอะไรดีแด่วงการศาลไทย โดยเฉพาะองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ 2550 (รัฐธรรมนูญโจร) ...ในเรื่องการเป็นศาลสองมาตรฐาน ศาลสถิตศรีธนญชัย นั้นเห็นชัดเจนมาตามลำดับแล้ว .ล่าสุดจะมีการถอนประกันประชาชนผู้ต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยอีกแล้ว.............แน่นอน บทบาทของศาลไทยยุคอมาตย์ที่ชัด ก็คือเป็นที่ร้องเรียนของพรรคฝ่ายอมาตย์ เพื่อตัดสินลงโทษประชาชนฝ่ายประชาธิปไตย .....ไม่คำนึงพื้นฐานงานฝ่ายตุลาการว่า เป็นงานที่สำคัญเพียงใดในการทำนุบำรุงรักษาไว้ซึ่งเกียรติของความเป็นมนุษย์  ...บัดนี้ก็ยังมีประเด็น  สิทธิในการประกันตัวของผู้ต้องหามีอย่างไร...........หากเป็นศาลสถิตยุติธรรมจริงก็น่าจะทบทวน ให้เกิดความเป็นธรรมในเนื้อหาของงานที่รับผิดชอบ ที่อยู่ในหน้าที่ของตน   จะดีกว่า ................อย่างไรก็ตาม  ทั้งหมดนี้กำลังจะได้รับการเปลี่ยนแปลงแก้ไขไปอย่างขนาดใหญ่ โดยวิถีทางที่ประชาธิปไตยไทยกำลังถึงคราวเปลี่ยนแปลงไปขนาดใหญ่ คำพูดที่ว่า ช่วงเปลี่ยนผ่าน เผด็จการสู่ประชาธิปไตย ....เป็นวาทะที่ชอบธรรม และเป็นธรรมในหมู่ประชาชนผู้รักความเป็นธรรม ไม่อาจมีอธรรมใดขัดขวางได้  
 
·       สุไหงปาดี ชินะกุล
29 พ.ย.2555/09.00 น.
 
 
 
 
4. ปัญหามุสลิมโลก 
 4.   Muslim Rohingyas
 มุสลิม โรฮิงยา
 
  
จากเฟสบุ๊ค Phayap Panyatharo
 
 
 
Buddhists In Thailand protests Muslims in Bangladhesh.
 
 
 
Rady Gang    Muslims in the world must prove that there like calmness and hate violence.
·       October 5, 2012 at 12:57am • Like..
 
Phayap Panyatharo  I suspect that muslims in Bangladesh is not the same with muslims Rohigya refugee from Mynmar. Why don't they help each other from danger? I know that Rohigyas are in the plight now and need an urgent help.
 
ผมค่อนข้างสงสัยว่ามุสลิมในบังคลาเทศ ไม่ใช่มุสลิมพวกเดียวกันกับมุสลิมโรฮินยาอพยพจากเมียนมาร์ ทำไมพวกเขาไม่ช่วยเหลือกันในยามที่เพื่อนมุสลิมมีภัยอันตราย ผมทราบว่ามุสลิมโรฮินยากำลังอยู่ระหว่างอันตรายยิ่งและกำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
  • October 5, 2012 at 1:00pm • Like  
Phayap Panyatharo  It concerns a long time history in the past for Muslim and Buddhist. Now a day it has been accused that Muslim rohingyas sneaked from Bangladesh to Mynmar. It has been regarded illegal immigrant from Bangladesh until at present there stay about 800,000 rohingyas in Mynmar. They have not been accepted 1 of 130 old tribes in Mynmar. Buddhists in Mynmars say they try to take possition of some part of the land of Mynmars. In 1982[2545] law of Mynmar denied them citizenship of Mynmar with no access to education and healthcare. A rohingya refugee in America said the situation has been alike Bosnia and Rawanda and Rohingyas in Mynmar have to evacuate. It has been now 17 years of supression.At the present there have been thousands of rohingyas in the sea as the boat people who have no land to live begging for their lives from the whole world.
  • October 5, 2012 at 3:16pm • Like
 
Phayap Panyatharo  เรื่องนี้ ได้มีความเกี่ยวข้องกันมาในประวัติศาสตร์อันยาวนานระหว่างชาวมุสลิมกับชาวพุทธ ในปัจจุบันนี้ ได้มีข้อกล่าวหาว่ามุสลิมโรฮินยาในบังคลาเทศได้ทำการแทรกซึมเข้ามาในประเทศเมียนมาร์ มันถูกเพ่งเล็งว่าเป็นกลุ่มชนอพยพที่ไม่ถูกกฎหมายจากบังคลาเทศ จนกระทั่งในระยะปัจจุบันได้มีมุสลิมโรฮินยาอยู่ในประเทศเมียนมาร์ประมาณ 800,000 คน ชาวโรฮินยานี้ไม่ได้รับการรับรองว่าเป็นเผ่าชนกลุ่มน้อย 1 ใน 130 เผ่าในเมียนมาร์ ชาวพุทธในเมียนมาร์กล่าวว่าพวกเขาพยายามที่จะเข้ายึดครองแผ่นดินส่วนหนึ่งของประเทศเมียนมาร์ ในปีพ.ศ.2545(1982) ได้มีกฎหมายเมียนมาร์ออกมาปฏิเสธความเป็นประชาชนเมียนมาร์ของโรฮินยาและทั้งตัดขาดการสนับสนุนในเรื่องการศึกษาและการสาธารณสุข โรฮินยาคนหนึ่งในอเมริกาได้เปิดเผยต่อสื่อว่า สถานการณ์ในเมียนมาร์มีความละม้ายคล้ายคลึงสถานการณ์บอสเนียและรวันดาเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นเหตุให้มุสลิมโรฮินยาต้องอพยพ จนผ่านมา ๆ ใต้การกดดันอย่างหนักถึง 17 ปีแล้ว ขณะนี้ได้มีโรฮินยาจำนวนหลายพันคนล่องเรืออยู่กลางทะเล เป็นประชาชนคนเรือ เอาทะเลเป็นบ้านเพราะไม่มีแผ่นดินอยู่ พวกเขามีแต่คำอ้อนวอนต่อชาวโลกว่า ได้โปรดช่วยชีวิตเราด้วย
·       October 8, 2012 at 6:32pm • Edited • Like  
 
Phayap Panyatharo   Human groups describe them as "one of the most persecuted people in the world"
 
กลุ่มสิทธิมนุษยชนได้ให้คำอธิบายว่า พวกเขาเป็นกลุ่มชนที่ถูกกระทำทารุณลงโทษอย่างที่สุดกลุ่มหนึ่งในโลกนี้
·       October 8, 2012 at 11:09am •
 
Phayap Panyatharo  But who persecutes them? What they believed is still in their believes. What they prayed, they still pray. What they hoped is still in their hopes. The old believes of the old world have been in their new believes of the new world.
 
แต่ใครล่ะลงโทษพวกเขา ? สิ่งที่พวกเขาเชื่อ พวกเขาก็ยังคงเชื่อ สิ่งที่พวกเขาสวดอ้อนวอนพวกเขาก็ยังคงสวดอ้อนวอน สิ่งที่พวกเขาหวัง พวกเขาก็ยังมีความหวัง ความเชื่อเก่า ๆแต่ดั้งเดิมของโลกเก่าของพวกเขา ก็ยังคงเป็นความเชื่อเก่า ๆอยู่ในท่ามกลางความเชื่อใหม่ๆในยุคใหม่ของโลกใหม่
·       October 8, 2012 at 11:48am · Edited · Like  
 
Phayap Panyatharo What they prayed they still pray with all faith in all their heart for their God. They still beg "My Lord do not leave me alone and you are the best of inheritors"
 
สิ่งที่พวกเขาได้สวดอ้อนวอนต่อพระเจ้ามาแต่อดีตก็ยังคงสวดอ้อนวอนต่อไปอย่างเต็มใจศรัทธาล้นปรี่ท่วมใจของพวกเขา พวกเขาก็ยังคงร้องขอวิงวอนว่า ข้าแต่พระองค์ ได้โปรดอย่าละทิ้งพวกข้าน้อยให้อยู่เดียวดายเลย เพราะพระองค์ทรงเป็นเจ้ามรดกที่ดีล้ำเลิศโดยแท้
·       October 8, 2012 at 11:41am • Edited • Like  
 
Phayap Panyatharo  My Lord build for me a home with you in paradise.
 
ข้าแต่พระองค์ ขอได้โปรดสร้างบ้านให้ข้าน้อยสักหนึ่งหลังให้อยู่กับพระองค์ในสวรรค์ด้วยเถิด
·       October 8, 2012 at 11:40am • Like      
        
Phayap Panyatharo  Have them been punished for their god hear them not ? 
พวกเขาถูกลงโทษหรือเปล่า ในเมื่อพระเจ้าไม่ได้ยินพวกเขาเลย ?
October 8, 2012 at 11:54am • Like 
 
 
 
 
 
 
 
5. ประธานาธิบดีโอบามาเยี่ยมเมียนมาร์
 
 Phayap Panyatharo President Barack Obama’s visit is so much impressive in Mynmar. It has been written of as Obama fever in many medias abroad. The picture is one of a lot of pictures reflecting Obama fever that was painted by a young artist of Mynma whose name is Arkar Kyar. And Mynmar government itself has freed 452 prisoners ahead of Obama visit. Yes Barack Obama has had his important role in bringing democracy to new Mynmar. Democratic Mynmar.
·        November 18, 2012
 
การมาเยี่ยมเยียนของประธานาธิบดีบารัค โอบามาเป็นเรื่องที่ประทับใจอย่างมากของประชาชนเมียนมาร์ มีสื่อต่างประเทศมากมายหลายแห่งเขียนถึงเรื่องนี้ว่าเป็นโอบามาฟีเวอร์ในพม่า ภาพที่เห็นนี้ เป็นเพียง 1 ภาพในหลาย ๆ ภาพ ที่สะท้อนถึงการตื่นชื่นชมโอบามา ผู้ที่วาดมันขึ้นมาเป็นศิลปินหนุ่มชื่อว่า อาร์เข่อ จอว์ และแม้กระทั่งรัฐบาลเมียนมาร์เอง ก็ได้ปลดปล่อยนักโทษออกจากเรือนจำจำนวน 452 คนก่อนที่โอบามาไปถึง ถูกละครับ บารัค โอบามา ได้มีบทบาทสำคัญในการนำประชาธิปไตยมาสู่เมียนมาร์ใหม่ คือเมียนมาร์ประชาธิปไตย
 
 
See MoreTag PhotoDone TaggingAdd LocationEdit
Like · ·Unfollow PostFollow Post · Share · EditEdit
Waraporn Kukkong and Ubon Chandachat like this..1 share.View all 13 comments..  
 
ubon  Chandachat      ขอแชร์นะขอรับ พระคุณเจ้า ^^
·       November 18, 2012 at 11:59pm · Like  
 
Phayap Panyatharo I think Mynmar has no other way. It has to accept the muslim 800,000 stateless rohingyas citizens of Mynmar. I think this is the only way, the best way out of its problem. Not just for the sake of mankind only but also for the sake of political democracy and it will go well with democratic mean. Let's forget the 1,000 years history of Muslim creating a great damage to Buddhism in India. And I myself forget the Taliban agression at Babiyam cliff of Pakistan 10 years ago just for the sake of mandkind.
 
ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า เมียนมาร์ไม่มีทางเลือก เมียนมาร์ต้องยอมรับมุสลิมโรฮินยา 800,000 คนเป็นประชาชนของเมียนมาร์ ข้าพเจ้าคิดว่า นี่เป็นเพียงวิธีเดียว วิธีที่ดีที่สุดที่เป็นทางออกของปัญหานี้ ไม่ใช่เพื่อเห็นแก่ความเป็นมนุษย์อย่างเดียว แต่เพื่อประโยชน์ของการเมืองระบอบประชาธิปไตยด้วย และมันจะเดินไปได้อย่างดีด้วยวิถีทางของประชาธิปไตย ขอให้เราลืมประวัติศาสตร์ 1,000 ปีที่มุสลิมได้ทำความเสียหายอย่างยิ่งใหญ่แก่พุทธศาสนาในอินเดียเสีย และข้าพเจ้าเองก็จะลืมเรื่องราวความก้าวร้าวของพวกตาลีบัน ที่กระทำต่อผาบาบียันเมื่อ10ปีก่อนเสีย เพื่อเห็นแก่ความเป็นมนุษย์
·    November 20, 2012 at 11.46 am  Edited  Like  2     
 
Ubon Chandachat     สาธุ ครับ ศาสนา อันมีพระศาสดาผู้ประเสริฐ เป็นเลิศในธรรมมะ ได้สั่งสอนไว้อย่างไร คงจะไม่ผิดที่เราจะน้อมนำมา พากเพียรเรียนรู้ เพื่อปฎิบัติยกตนให้พ้นจากวัฎฎะภัยทั้งปวง กระผมก็คงจะคงเพียงได้ศึกษาประวัติศาสตร์ เพื่อรับรู้ และเป็นหนทางปฎิบัติต่อไป แต่ในอนาคตกระผมก็คงไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ อันเลวร้ายที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต ย้อนกลับมาเกิดขึ้นมาอีกในปัจจุบัน เพราะชาวพุทธที่มีจิตใจพุทธแท้ ย่อมรู้ว่าอันใหนควรไม่ควรทำ ไม่รู้จะมีวิธีไหน พอจะหยุดยั้งความชั่วร้ายของความโลภ โกรธ หลง ในจิตใจของมนุษย์ ที่ไม่ได้นับถือ ศาสนา และศาสดาองค์เดียวกัน คงได้แต่ภาวนาให้เขาเหล่านั้นรู้แจ้งเห็นจริงในคำสอนของศาสนาของแต่ละคน..จะได้มีจิตใจลดละเลิก ไม่อิจฉา ริษยา ไม่เบียดเบียนกัน น่ะขอรับพระคุณเจ้า
·    November 19, 2012 at 7.43pm.  Like 1   
 
Phayap Panyatharo  Thank you very much Ubon Chandachat for your idea.  
ขอบคุณมาก คุณอุบล คันธชาติ สำหรับความคิดเห็นของคุณ
·       November 19, 2012 at 7:56pm · Like · 1  
 
Ubon Chandachat      กระผมก็ขอขอบคุณพระคุณเจ้าขอรับ ที่นำความรู้มาเผยแผ่ ให้ได้รู้รับทราบกันขอรับ สาธุ
·       November 19, 2012 at 8:06pm · Like  
 
 
Phayap Panyatharo      The facts about muslim rohingyas in Rakine state of Mynmar
 
[1]  They are not 1 in 130 old tribes of Mynmar. They sneaked from muslim countries mostly Bangladesh into Mynmar one by one till 800,000 today. They tried to occupy some land in Rakine state to build a new pure muslim country.
 
[2]  Mynmar has issued a law since 1982 that makes 130 years ago not accept muslim rohinyas to be Mynmar citizens. Their children could get no primary education from Mynmar government and Mynmar began a suppressed measure to push rohingyas out of the country. So war created between minority muslim rohingyas and buddhist citizens majority group in Rakine state of Mynmar and many of both side have been killed.
 
[3]  Some parts of rohingyas were forced to get out by boats but could not land any shore because any counties would push them back to the sea so they have lived as boat people in the sea and travelled in the sea of Andaman between India to Indonesia for long time. They always pray and beg their highest god to give them homes with a land emerging from the sea of andaman but the god save them not. They have been all time starving and many died of starving. They died of other dangers and the sea is their tombs. Their poor lifes have been so much under standard of mankind.
 
[4]  I saw in The International News,Sat,November 12,2012 saying " Rakhine's 800,000 Rohingyas are considered by the UN to be one of the most persecuted minority in the world". which does not bring good things to Buddhist Mynmar in recent future.
·      
 
Phayap Panyatharo   ต่อไปนี้คือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับมุสลิมโรฮิงยาในรัฐคะฉิ่นของเมียนมาร์ครับ 
(1) พวกเขาไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์ 1 ใน 130 เผ่าพ้นธ์ดั้งเดิมของเมียนมาร์ พวกเขาแทรกซึมเข้ามาจากประเทศมุสลิมมากที่สุดจากบังคลาเทศ ทีละคน จนได้จำนวนถึง 800,000 คนในปัจจุบันนี้ พวกเขาพยายามที่จะยึดครองแผ่นดินส่วนหนึ่งของเมียนมาร์เพื่อตั้งเป็นประเทศมุสลิมบริสุทธิ์ของพวกเขาเอง
 
(2) เมียนมาร์ได้ออกกฎหมายฉบับหนึ่งในปีพ.ศ. 2425 นั่นคือเมื่อ 130 ปีมาแล้ว ไม่ยอมรับว่ามุสลิมโรฮินยาเป็นประชากรของเมียนมาร์ เด็ก ๆ โรฮินยาจะไม่ได้รับการจัดสนับสนุนการศึกษาระดับพื้นฐานจากรัฐบาลพม่า และเมียนมาร์ก็ได้เริ่มใช้มาตรการกดดัน เพื่อผลักดันโรฮินยาออกนอกประเทศ ฉะนั้น จึงเกิดสงครามขึ้นระหว่างชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮินยา กับชาวพุทธเมียนมาร์อันเป็นชนกลุ่มใหญ่ในรัฐคะฉิ่นของพม่า และคนทั้งสองพวกถูกฆ่าตายไปจำนวนมากแล้ว
 
(3) โรฮินยาบางส่วนถูกบังคับให้ออกนอกประเทศโดยทางเรือแต่พวกเขาไม่สามารถจะขึ้นฝั่งที่ประเทศใดได้ เพราะประเทศทั้งหลายจะผลักพวกเขาคืนกลับลงทะเล ฉะนั้น พวกเขาจึงมีชีวิตอยู่แบบชาวเรือที่อาศัยทะเลเป็นบ้านอยู่และท่องเที่ยวไปมาในทะเลอันดามัน ระหว่างอินเดีย กับ อินโดเนเซีย มานานหลายปีแล้ว พวกเขาได้แต่อ้อนวอนขอความกรุณาจากพระเจ้าผู้สูงสุดของเขา ให้ประทานบ้านและแผ่นดินให้พวกเขา ให้แผ่นดินนั้นโผล่พ้นผิวน้ำทะเลอันดามันขึ้นมา แต่ พระเจ้าของพวกเขาได้ช่วยชีวิตพวกเขาบ้างหรือเปล่า? เปล่าเลย พวกเขาล้วนแต่ประสบความอดอยากหิวโหยอยู่ตลอดเวลา และมีจำนวนมากที่ตายลงเพราะความอดอยาก พวกเขาตายด้วยอันตรายอย่างอื่นด้วย และเมื่อตายลงก็เอาท้องทะเลเป็นหลุมฝังศพพวกเขา ชีวิตที่น่าสงสารของพวกเขานั้นอยู่ในระดับที่ต่ำกว่ามาตรฐานของความเป็นมนุษย์มากเหลือเกิน  
 
(4) ข้าพเจ้าได้พบในเดอะอินเตอแนชั่นแนลนิวส์ วันเสารที่ 12 พฤศจิกายน 2555 นี่เอง รายงานว่า “โรฮินยาจำนวน 800,000 คนในรัฐคะฉิ่นของเมียนมาร์ ได้รับการพิจารณาจากองค์การสหประชาชาติว่าเป็นชนกลุ่มน้อยที่ถูกกดขี่ข่มเหงอย่างหนักมาเป็นเวลานานที่สุดในโลก” ซึ่งไม่เป็นการดีแก่ประเทศพุทธศาสนาอย่างเมียนมาร์ในอนาคตอันใกล้นี้เลย
·       November 22, 2012 at 1:52am · Edited · Like · 2  
 
Ubon Chandachat     สาธุขอรับ พระคุณเจ้า กระผมขอบพระคุณครับ ได้อ่านแล้วทั้งเวทนาและสงสารเป็นอย่างยิ่งเลยครับ สำหรับความทุกข์เวทนา ที่พวกเขาเหล่านั้นได้รับ ช่างแสนทรมานเหลือเกินครับ แล้วปัญหาที่จะตามมา มันจะมีลักษณะเหมือนอดีตที่พระคุณเจ้าเล่า หรือปล่าวครับ
·       November 22, 2012 at 1:45am · Like..   
 
Phayap Panyatharo It has been Known so well to all Buddhists in the world how muslims created a great damage to Buddhism in India more than 1,000 years ago. In time India was under the rule of England the English ruler found that many Buddhist memorial places had been overwelmed under the ground including Nalandha Buddhist University. He ordered to dig it out and found what Muslim had done the great damage to Buddhism over India land.The early muslim damage to Buddhism has been done in 2002[2545]10 years ago in Afghanistan at Babiyam cliff.They destroyed world Buddhist heritage, you know? I think Mynmar has not forgotten the history. So do I.
 
มันเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีมาก ในบรรดาชาวพุทธทั่วโลกว่ามุสลิมได้ก่อความเสียหายอย่างยิ่งใหญ่แด่พระพุทธศาสนาในอินเดีย เมื่อกว่า 1,000 ปีมาแล้ว ในสมัยที่อินเดียอยู่ใต้การปกครองของประเทศอังกฤษ ผู้ปกครองชาวอังกฤษได้พบว่ามีสถานที่สำคัญ ๆ ของชาวพุทธ รวมทั้งมหาวิทยาลัยนาลันทา มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาถูกถมเอาไว้ใต้ดิน ท่านจึงได้สั่งให้ขุดดินขึ้นมาแล้วได้พบสิ่งที่มุสลิมทำความเสียหายเอาไว้แด้พุทธศาสนาดังกล่าวมากมาย ทั่วแผ่นดินอินเดีย ในระยะล่าสุดที่มุสลิมทำความเสียหายแด่พุทธศาสนาก็คือเหตุการณ์เมื่อพ.ศ.2545 เมื่อ10 ปีก่อน ที่ประเทศอาฟกานิสถาน ทำลายมรดกทางพระพุทธศาสนาของโลกที่ผาบาบิยัม ท่านก็รู้ใช่ไหม? ข้าพเจ้าคิดว่าเมียนมาร์ยังไม่ลืมประวัติศาสตร์นี้ ข้าพเจ้าก็เช่นเดียวกัน
·       November 22, 2012 at 12:04pm · Like · 2..  
 
Ubon Chandachat  ขอรับ รู้ และก็ รู้สึกถึงความไม่เข้าใจคนในศาสนาเขา ว่าทำไมถึงต้องทำอย่างนั้น ตอนนั้นยอมรับว่าโกรธอยู่เหมือนกัน เพราะรู้ทั้งรู้ว่าเขาจะทำแต่ไม่มีอะไรจะไปหยุดยั้ง ความคิดพวกเขาเหล่านั้นได้เลย องค์กรใหญ่ๆของศาสนาเขาก็มิได้ยับยั้งอะไร ปล่อยให้พวกตาลีบันย่ำยีจิตใจชาวพุทธอย่างมากเลย พออเมริกาเข้าไปถล่ม ผมก็ยังสงสารประชนเขาด้วยซ้ำ ที่พลอยรับกรรม ไปกับรัฐบาลของเขา โดยไม่รู้อิโหน่อเหน่เลย กระผมคิดว่านในโลกนี้น่าจะมีองค์ใดองค์กรหนึ่ง ที่ทำหน้าที่ยับยั้งกระกระทำที่รุนแรงต่อศาสนา และคนต่างศานา เพื่อความสงบสุขของมวลมนุษย์ นะขอรับพระคุณเจ้า แต่มันคงเป็นเพียงแค่จินตนาการเล็กๆของกระผมเท่านั้นขอรับ แต่ถึงยังไงชาวพุทธคงไม่ยอมปล่อยให้ใครมาล้มล้างสถาบันศาสนา อันเป็นที่พึ่งพิงทางจิตใจหรอกขอรับ กระผมคนนึงแหล่ะที่ไม่ยอมแน่ๆ
·       November 22, 2012 at 7:59pm · Like · 1..  
 
Phayap Panyatharo   The people of Thailand ever heard of muslim rohingyas the boat people came to the shore south of Thailand early year on February 2552[2009] at time government of Apisit Vejchachiva was rising. No one knew the truth but some source said about 1,000 rohingyas came by boats to the shore of PrajuabKirikanth at night while the sea was stormy and the Apisit government pushed them out of Thai sea. But in a few days they had to return to Thai shore again but a half of them had lost in the stormy sea. It was known to the people when a Hollywood movie star Angelina Jolie said to the media begging Thailand to give help to rohinya. But Apisit government rejected and pushed the rest rohinyas back to the sea once more. Poor rohingyas have disappeared with the wide sea since then.
 
คนไทยเคยได้ยินเรื่องราวของโรฮินยา ในฐานะคนเรือว่า ได้เคยมาถึงฝั่งทะเลไทยใต้ในต้นปี เดือนกุมภาพันธ์ 2552 ในเวลานั้นเป็นระยะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะกำลังขึ้นสู่อำนาจ ไม่มีใครรู้ความจริง แต่มีข่าวบางกระแสรายงานว่ามีโรฮินยาจำนวน 1,000 คน มากับเรือพายหลายลำถึงฝั่งทะเลด้านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นเวลากลางคืน และทะเลมีพายุ แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ออกคำสั่งให้ผลักดันพวกเขาออกนอกทะเลไทย แต่แล้วไม่กี่วันพวกเขาก็พากันกลับเข้ามายังฝั่งทะเลไทยอีกครั้ง แต่ปรากฏว่าพวกของเขาได้สูญหายไปกว่าครึ่งหนึ่ง หายไปในทะเลที่ปั่นป่วนด้วยพายุร้าย มันเปิดเผยขึ้นจนประชาชนรู้ข่าวกันทั่วไป เมื่อดาราภาพยนตร์ฮอลลีวูดคนสวยคนนั้นคือ แองเจลินา โจลี่ ได้ให้ข่าวแก่สื่อมวลชนเกี่ยวกับชาวโรฮินยา และขอร้องรัฐบาลไทยให้ความช่วยเหลือแด่ชาวโรฮินยา แต่รัฐบาลอภิสิทธิปฏิเสธ และทำการผลักดันโรฮินยาที่เหลือนั้นกลับคืนสู่ทะเลอีกครั้งหนึ่ง. ชาวโรฮินยาที่น่าสงสารกลุ่มนั้นจึงสูญหายไปในทะเลตั้งแต่บัดนั้น
·       November 23, 2012 at 3:04pm · Edited · Like · 1.. 
 
Phayap Panyatharo  At the present I myself would like to see some facts about rohinyas. All the burden of this problem has been placed on the back of Mynmar eventhough the rohingyas have not got a citizenzip of Mynmar and more serious they are not any tribe of old Mynmar. They're just a strange muslim group walking around a strange land. This is unjust for Mynmar. Why the muslim countries in the world help their own suffering muslims in Buddhist land. Why the wealthy muslim countries especially the Kingdom of Saudiarabia most riches in the muslim world give its hands to the poor rohingyas the poor stateless citizenless rohingya in Mynmar. Because God says to all muslim in the world that muslims are all children of the same Father. I also found this similar verdict in a scripture of the christ ; the Holy Bible. So God's orders must be respected.
 
ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ ขอให้มาดูความจริงเกี่ยวกับโรฮินยาในบางประเด็น ภาระหนักในการดูแลแก้ปัญหานี้ขณะนี้อยู่กับเมียนมาทั้งหมดประเทศเดียว แม้ว่าโรฮินยาเหล่านี้ไม่ใช่ประชาชนของเมียนมาร์ และทั้งยังไม่ใช่เผ่าพันธ์ดั้งเดิมในเมียนมาร์ด้วย โรฮินยาเป็นเพียงกลุ่มมุสลิมแปลกหน้ากลุ่มหนึ่งที่เดินวนไปมาในแผ่นดินแปลกถิ่น นี่เป็นความไม่เป็นธรรมแด่ประเทศเมียนมาร์ ทำไมประเทศมุสลิมที่ร่ำรวยทั้งหลายโดยเฉพาะอย่างยิ่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ที่เป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศมุสลิมโลก ไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือชาวโรฮินยาที่น่าสงสาร โรฮินยาที่ไม่มีความเป็นพลเมืองของประเทศใด ไม่มีประเทศของตนเองอยู่ในเมียนมาร์ เพราะเหตุที่ว่า พระเจ้าทรงตรัสแด่มุสลิมทั้งหมดทั้งสิ้นในโลกว่า มุสลิมทั้งหลายล้วนเป็นเด็กๆของพระบิดาองค์เดียวกัน ข้าพเจ้าเองได้พบว่าพระดำรัสนี้ก็ยังมีความคล้ายคลึงกับพระดำรัสในคัมภีร์ของชาวคริสต์ คือโฮลี่ไบเบิลด้วย. ฉะนั้น คำสั่งใดใดของพระเจ้า ต้องได้รับการเคารพ. 
  • November 23, 2012 at 3:21pm · Edited · Like · 1..   

Ubon Chandachat     ขอบพระคุณครับ พระคุณเจ้า สำหรับบทวิเคราะห์ เชิงวิชาการ ผมยินดีมากครับที่พระคุณเจ้าได้นำมาเล่าให้ฟัง กระผมจะคอยดูและติดตาม และใคร่ขอคำชี้แนะจากพระคุณเจ้าอยู่สม่ำเสมอนะครับ สาธุ
November 23, 2012 at 11:22pm · Like.

·        
 
 

 

6.  John Kerry the new us.Secretary of States

Washington (CNN) -- Sen. John Kerry, the former presidential candidate who chairs the Senate Foreign Relations Committee, is Barack Obama's choice to be the next secretary of state, the president announced Friday.
 
ข่าวซีเอนเอน วอชิงตัน วุฒิสมาชิก จอห์น เคอรี อดีตคู่แข่งประธานาธิบดีสหรัฐคนก่อน ในคณะกรรมการสัมพันธ์ระหว่างประเทศของวุฒิสภาสหรัฐ ได้รับเลือกให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศคนต่อไป จากการประกาศของประธานาธิบดีเองเมื่อวันศุกร์
 
 
 
Ubon Chandachat and Waraporn Kukkong like this..
 
Phayap Panyatharo 12-14-12 John Kerry [D] of Massachusetts meets Nobel Peace Prize Winner Aung San
 
ภาพวุฒิสมาชิก พรรคเดโมแครต แห่งรัฐแมสสาจูเซต จอห์น เคอรี พบเจ้าของรางวัลโนเบิล เพื่อสันติภาพ อ่องซาน ซูจี เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2012(2555)
·       February 7 at 10:53am · Edited · Like · 2..
 
Phayap Panyatharo  Is he thinking of 800,000 muslim rohinyas in Mynmar and those boat peoples in Andaman sea?
 
เขาจะคิดอย่างไรกับมุสลิมโรฮินยา 800,000 คนในเมียนมาร์ และมุสลิมชาวเรือในท้องทะเลอันดามัน?
·       February 8 at 8:16pm · Like · 1
 
Phayap Panyatharo Would you come and see radical muslims kill all teachers in the3 muslim areas in Thai southern part country. I know the United States of America has been long time studying of muslim culture, the killing teacher culture of Islam will help you to do more observations in order to learn more Islam.
 
คุณจะมาดูเรื่องมุสลิมหัวรุนแรงที่ตั้งหน้าตั้งตาฆ่าครูในจังหวัดภาคใต้ของประเทศไทยหน่อยได้ไหม ผมรู้ว่าสหรัฐอเมริกาได้ทำการศึกษาเรื่องวัฒนธรรมอิสลามมาเนิ่นนานจนถึงปัจจุบัน วัฒนธรรมฆ่าครูของอิสลามนี้อาจจะช่วยให้ได้ข้อสังเกตศึกษาเพิ่มเติมไปจากเดิมอีก ในการเรียนรู้อิสลาม
·       Sunday at 11:23am · Like · 1..
 
Phayap Panyatharo Thanks Ubon Chandachat to keep on my messages.
 
ขอบคุณคุณอุบล คันธชาติที่ได้ติดตามข่าวสารจากผมตลอดมา
·       Sunday at 11:27am · Like · 1..
 
Ubon Chandachat ผมไม่ อยากพลาด ข่าวสารดีๆ จากท่านครับ ขอบคุณครับ วันนี้ก็ตายไป ห้า นาย อีกแล้วครับ เศร้าครับ
·       Sunday at 11:30am · Like..
 
Phayap Panyatharo Thanks Ubon Chandachat to tell 5 more Thai teachers killed in the south by muslims. What a culture of Islam to kill the sicere people? It's all unjust anyone could touch by himself. And this would cause unpleased and would slightly raise the world protest to Islam.
 
ขอบคุณคุณอุบล คันธชาติ ที่แจ้งว่า บัดนี้ก็มีการฆ่าครูไปอีกแล้ว 5 คนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยพวกมุสลิม นี่เป็นวัฒนธรรมอย่างไรของอิสลาม ? ทำไมอิสลามจึงฆ่าคนบริสุทธิ์ ? ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรมเลย ใคร ๆ ก็อาจจะสัมผัสได้เองอยู่แล้ว และจะสร้างความไม่พอใจและค่อย ๆ ยกระดับการต่อต้านศาสนาอิสลามของโลกไปยิ่งขึ้น
·       Sunday at 11:55am · Like · 1..
 
Ubon Chandachat   อ๋อ เปนทหารครับผม ที่ไปรับชาวบ้าน ไปทำงาน ที่โครงการในพระราชดำริ ครับ
·       Sunday at 11:58am · Like · 1..
 
Phayap Panyatharo Xcuse me not the 5 teachers but 5 soldiers who work within helping the people at a royal project, Ubon reported. Whoevere they were ......why you killed them? Do your god tell you to do so?
 
ขออภัยครับ ไม่ใช่ครู 5 คนนั้นครับแต่เป็นทหาร 5 นาย ที่ไปรับชาวบ้านไปทำงานในโครงการตามพระราชดำริ คุณอุบลรายงานมาครับ .......... นั่นแหละ ใครก็ตาม คุณฆ่าเขาทำไม ? พระเจ้าคุณสั่งให้ทำหรือ ?
·       Sunday at 12:11pm · Edited · Like · 2..
 
Ubon Chandachat   คนจะบริสุทธิ์ ได้เพราะคำสอน ของศาสนา จะสงบได้ สันติสุขได้ เพราะศาสนา แต่คนเหล่านี้ คงฆ่าๆๆ ชีวิตคนอื่น เพราะความหลงผิด อย่างมหันต์ คนจะโกรธแค้นกันมันต้องหาวิธีแก้ด้วยวิธีนี้หรือ ถ้างั้นก็อยู่ร่วมกันไม่ได้แล้ว คงไม่มีใครยอมให้ทำอย่างนี้ไปได้ตลอด พระเจ้าอยู่ที่ไหน? โปรดลงมาห้ามคนในศาสนาของตนเองด่วนเลย เพื่อมิให้รุกรานชีวิตหรือเบียดเบียนกัน หรือเพื่อยุติ ความบาดหมางความรุนแรงทั้งปวง ?
·       Sunday at 12:23pm · Like · 1
 
Phayap Panyatharo  As the world knows Islam religion comes after Christ religion but Islam goes diferent from Christ not the same way. Do you know about this point? Jesus comes with love. He gives the world only one thing that is love for example Bible says : For God so loved the world that He gave His only-begotten Son, so that whoever believes in Him should not perish. But have everlasting life. [John 3:16] ..... But when Muhammad comes he comes with an army. By this way Muslims fight and kill. Their God also support their fight by sending heaven army to help them. ..... You know it's Al-Kuraan's MalaIga that means God's Army.
 
ตามที่โลกรู้ ศาสนาอิสลามมาสู่โลกหลังศาสนาคริสต์ แต่ศาสนาอิสลามเดินไปคนละทางจากศาสนาคริสต์ ไม่ได้เดินทางเดียวกัน คุณพอจะเข้าใจในประเด็นสำคัญนี้หรือไม่? พระเยซูนั้นทรงมาพร้อมกับความรัก ทรงนำสิ่งเดียวเท่านั้นมามอบแด่โลก นั่นคือความรัก ตามที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิลว่า : เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร [ยอห์น 3 : 16] ....... แต่เมื่อมุห์ฮำมัดมา พระองค์มาพร้อมกับกองทัพ ด้วยวิถีทางนี้ มุสลิมจึงมีแต่การต่อสู้และฆ่า พระเจ้าของพวกเขาก็ยังสนับสนุนการรบของมุสลิม ด้วยการที่ทรงส่งกองทัพฟ้ามาช่วยพวกเขา.....คุณรู้หรือเปล่า ในพระคัมภีร์อัลกุระอานเรียกชื่อกองทัพนี้ว่า กองทัพฟ้ามะลาอิกะ ซึ่งแปลว่ากองทัพพระเจ้า นั่นเอง
·       22 hours ago · Edited · Like · 1..
 
Phayap Panyatharo   At first muslim army kill only garfix or unbelieved people. But now...you see in Middle East area, they kill all, both garfix and muslim munafix[the traitor]. Because they can not classify who is who. Who is muhminh? ... Who is garfix ?....Who is munafix ? In Thailand the hardcore muslims have kept kill many Thai muslims in the south unrationally. Are world muslim...they are turning mad.
 
ในระยะแรก ๆ มุสลิมฆ่าเฉพาะพวกกาฟีร์ หรือพวกนอกศาสนาอิสลาม แต่บัดนี้....คุณจะเห็นในบริเวณตะวันออกกลาง มุสลิมฆ่าหมดไม่ว่ากาฟีร์ หรือมุสลิมมุนาฟิกส์[คนทรยศต่ออิสลาม] เพราะเหตุที่มุสลิมแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร ใครเป็นมุห์มิน ? ใครเป็นการฺฟีร์ ? ใครเป็นมุนาฟิกส์ ? ในประเทศไทย มุสลิมอาร์ดคอร์ก็ยังคงตามฆ่าคนไทยมุสลิมด้วยกันต่อไป อย่างไร้เหตุผล มุสลิมกำลังกลายเป็นพวกคนบ้าเข้าไปทุกที
·       about an hour ago · Edited · Like · 1..
 
Ubon Chandachat   ขอบคุณ ครับ ท่านผมยังไม่รู้ ลึกเลย ขอบคุณที่ท่านนำบทวิจารณ์ นำความรู้มาให้อ่านศึกษาครับ ผมจะคอยอ่านศึกษาประวัติศาสตร์ ที่ท่านนำมากล่าวนะครับ ^^
·       21 hours ago · Like..
 
Phayap Panyatharo The world muslim has classed into two classes...the rich and the poor. The rich rules, the poor whose enormous number is obedient. The poor is not mankind according to democratic politic. This is why the west dissatisfy Islam regime. They want muslims to be free and more equality.
 
โลกมุสลิมมีการแบ่งชนชั้นเป็น 2 ชนชั้นใหญ่ ๆ คือ คนร่ำรวย กับ คนยากจน คนรวยเป็นผู้ปกครอง ส่วนคนจนที่มีจำนวนมหาศาลนั้น เป็นผู้ที่คอยฟังคำสั่งสถานเดียว มุสลิมคนยากจนไม่ใช่มนุษย์ตามความหมายของการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย นี่คือเหตุผลที่ว่า ทำไมประเทศตะวันตกจึงไม่ค่อยพอใจระบอบอิสลาม ตะวันตกต้องการให้มุสลิมเป็นเสรีชน และมีความเสมอภาคมากขึ้น
·       9 hours ago · Edited · Like
 
 
 
 
 
 
7. OEC องค์การมุสลิมโลก
 
 
OIC [Organization of the Islamic Cooperation] came to Thailand yesterday. I don't know for what matter they came but it is while southern Thai seems get more trouble with muslim guerrillas. Could they help talking with muslim not to kill ? For example not to kill the teachers as in the picture happening lately yesterday in Narathivas and two teachers dead. Do OIC know they often want Thai people-officials to take care of their muslim culture but they never speak of admiring ...buddhist culture of the majority people of the country. I think Thailand has to get on with the muslim organization more closely and more rationally than the past just for the sake of peace of Thai muslim-buddhist in the south with help from OIC.
 
โอเอซี [องค์การความร่วมมือมุสลิมโลก] มาไทยเมื่อวานนี้ ผมไม่ทราบว่ามาเรื่องอะไร ซึ่งเป็นเวลาที่ไทยใต้มีปัญหาเกี่ยวกับมุสลิมก่อการร้ายมากขึ้น พวกเขาจะช่วยบอกพวกมุสลิมไม่ให้ฆ่าได้ไหม ? ตัวอย่าง อย่าฆ่าครูได้ไหม อย่างในภาพเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เองที่นราธิวาส ครูตายไป 2 คน พวกองค์การมุสลิมมักจะเรียกร้องให้คนอื่นเคารพวัฒนธรรมมุสลิม แต่ไม่เคยพูดเรื่องที่มุสลิมควรเคารพวัฒนธรรมพุทธ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมคนส่วนใหญ่ของประเทศ ผมมีความเห็นว่า ต่อไปนี้ประเทศไทย ควรจะได้ติดตามองค์การมุสลิมอย่างใกล้ชิดและอย่างมีเหตุผลยิ่งกว่าที่เคยมีมาในอดีตเพื่อให้เกิดสันติแก่ไทยมุสลิมและไทยพุทธใต้ยิ่งขึ้นด้วยความร่วมมือของโอไอซี
 
 
·       Ubon Chandachat likes this..
 
Phayap Panyatharo Buddhist culture worships teachers but muslim culture kill teachers. They set fire on schools and kill student's parents. You know OIC.?
 
วัฒนธรรมพุทธ เคารพบูชาครู แต่วัฒนธรรมมุสลิมฆ่าครู พวกมุสลิมเผาโรงเรียนและฆ่าพ่อแม่เด็ก ๆ คุณรู้ไหม โอไอซี.?
·       February 1 at 8:07pm · Like · 1..
 
Phayap Panyatharo  If you kill all teachers, who will teach your children. Who will teach you yourself. If you burn all school, where could your children get a place for their education. Where could you yourself get a place for educated. Then who will win? The educated win. The uneducated loss. It has been prooved to be true since the beginning of the world. Is it a truth?
 
ถ้าท่านฆ่าครูเสียหมด ใครจะสอนเด็ก ๆ ของท่าน ใครจะสอนตัวท่านเอง ถ้าท่านเผาโรงเรียนเสียหมดทุกแห่ง เด็ก ๆ ของท่านจะได้ที่ที่ไหนทำการศึกษาเล่าเรียน ท่านเองจะจะได้ที่ที่ไหนให้การศึกษาแก่ตัวเอง ที่กล่าวนี้เป็นความจริงไหม?
·       February 2 at 9:24am · Like · 1..
 
Phayap Panyatharo  To believe in teacher [the one who gives education] is the world culture. In the modern age it emphasizes The Culture of the Winner of the Modern World. Then would you think a little about this question : Who will win in the moderrn world.
 
ความเชื่อต่อครู(ครูหมายถึงผู้ให้ความรู้) เป็นวัฒนธรรมสากล ในโลกยุคใหม่มันยิ่งเน้นไปอีกว่า วัฒนธรรมครูผู้ให้ความรู้ความจริงเป็นวัฒนธรรมของผู้ชนะในโลกยุคเจริญแล้ว แล้วมาคิดดูกันสักนิดเดียวครับว่า ในโลกยุคใหม่นี้ ใครจะเป็นผู้ชนะ?
·       February 2 at 9:52am · Edited · Like · 1
 
Phayap Panyatharo How could Islam win with the muslim culture? I mean the teacher killing culture of Islam.
ศาสนาอิสลามจะสามารถเอาชนะได้อย่างไรด้วยวัฒนธรรมมุสลิม ผมหมายถึงวัฒนธรรมฆ่าครูของอิสลาม ?
·       February 2 at 10:02am · Like · 2..
 
Phayap Panyatharo Muslims seem ungrateful to teacher. They seem ungrateful to the land they live.
มุสลิมดูเหมือนว่าเป็นคนอกตัญญูต่อครูบาอาจารย์ พวกเขาดูเหมือนจะอกตัญญูต่อแผ่นดินที่อาศัยเลี้ยงชีพด้วย
·       February 3 at 9:28pm · Like · 1..
 
Phayap Panyatharo  It's been already proved known to all the world.
มันได้รับการพิศูจน์แล้วและเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก
·       February 6 at 3:59am · Edited · Like..
 
Phayap Panyatharo  According to the Book of Islam, it has been known from the origin that it has not allowed the people to read but to worship without knowing its essence. Muslim bow and bow without reading. But the world of age of globalization no secret books left so we can read Al-Kuraan. So do I. But in the Book of Islam there can hardly find the word : teacher and education. It has been speaking of God education but no earth education that is the lack of the Book, I find out. I also find out from the Christ Bible. They called Jesus Rabbi, the same with Teacher, when Thomas one of his followers warned Him not to return to Yerusalem : Rabbi, the Jews were just now seekink to stone You, and You are going back there? [John 11: 8 ]. While in Buddhism they know Buddha as their Sattha Deva Mnussanam that mean Buddha has been teacher for both god and human. So may it be the way the Book of Islam has not yet finished. It has to be fulfil by the essence of teacher and educations. God education is for after death, yes it is true for muslim. But earth education is for a living mankind on earth, for to born to live man has to earn their living. Mankind needs both educations and they need teachers. And when Muslim kill all the teachers who will teach you to earn your living. And you’re backward in living standard on earth. So I think that Islam has to return to the two educations [1.] A complete believe of god [2.] Earth education for you to live with a might to earn your living and get happiness both on earth and in the heaven. That means to worship teachers. Am I correct ?
·       February 6 at 5:33am · Edited · Like..
 
Phayap Panyatharo ตามพระคัมภีร์ศาสนาอิสลาม ได้เป็นที่รู้จักกันมาแต่เดิมว่าเป็นพระคัมภีร์ที่ต้องห้ามมิให้คนอ่าน เพียงแต่มีไว้ให้คนเคารพบูชาอย่างเดียว โดยไม่ให้ทราบเนื้อความของพระคัมภีร์นั้น ชาวมุสลิมจึงมีแต่ก้มกราบและก้มกราบ โดยไม่มีสิทธิ์อ่าน แต่ยุคโลกาภิวัตน์ ไม่มีหนังสือเล่มใดจะอาจเก็บเอาไว้เป็นความลับได้ คนทั่วโลกจึงได้อ่าน อัลกุรอาน ข้าพเจ้าก็เหมือนกัน แต่ในพระคัมภีร์อิสลามนั้นไม่ปรากฏว่ามีคำว่า ครู หรือ การศึกษา จริง พูดถึงเรื่องการศึกษาของพระเจ้าแต่ไม่ได้พูดถึงการศึกษาทางโลกเลย นั่นเป็นข้อบกพร่องของพระคัมภีร์อิสลามที่ข้าพเจ้าค้นพบ ข้าพเจ้าได้ค้นพบจากพระคัมภีร์ไบเบิลของชาวคริสต์ พวกเขาเรียกพระเยซูว่า พระอาจารย์เจ้าค่ะ ซึ่งเป็นคำ ๆ เดียวกันกับคำว่า ครู เมื่อโธมัส สานุศิษย์คนหนึ่งในสานุศิษย์ทั้งหลายของพระเยซู ได้เตือนพระองค์ไม่ให้หวนกลับไปกรุงเยรูซาเล็มว่า : พระอาจารย์เจ้าข้า เมื่อเร็ว ๆ นี้พวกยิวหาโอกาสเอาหินขว้างพระองค์ ให้ตายแล้วพระองค์ยังจะเสด็จไปที่นั่นอีกหรือ ?[ยอห์น 11:8] ในขณะเดียวกัน ศาสนาพุทธ ประชาชนรู้จักพระพุทธเจ้าว่าเป็น สตฺถาเทวมนุสสานํ ซึ่งหมายถึงพระพุทธเจ้าเป็นครูของทั้งเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ดังนั้น อาจจะเป็นไปได้หรือไม่ว่าพระคัมภีร์อิสลามยังไม่จบ จะต้องเพิ่มเติมไปในเนื้อหาที่ว่าด้วย ครู และ การศึกษาไปอีก ในความสำคัญที่ว่า การศึกษาของพระเจ้าเป็นสาระสำหรับหลังการตายไปแล้ว ซึ่งเป็นความจริงอยู่ในชาวมุสลิมอยู่แล้ว แต่การศึกษาทางโลกเป็นการศึกษาสำหรับคนผู้มีชีวิตบนโลกนี้ เพราะเหตุที่ว่าเกิดมาแล้วต้องมีชีวิตอยู่และต้องทำมาหาเลี้ยงชีพ มนุษย์จึงจำเป็นต้องได้การศึกษาทั้ง 2 อย่าง และจำเป็นที่จะต้องมีครู และเมื่อมุสลิมฆ่าครูจนหมดแล้วใครจะสอนวิชาทางการทำมาหาเลี้ยงชีพบนโลกมนุษย์ให้ ก็จะทำให้ท่านเป็นกลุ่มชนที่ล้าหลังในการทำมาหากินในโลกมนุษย์ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงคิดว่าชาวมุสลิมควรกลับมาทำการศึกษาให้ครบทั้ง2อย่างคือ(1) การศึกษาของพระเจ้า ทำความเชื่อของท่านให้สมบูรณ์ (2) การศึกษาทางโลกเพื่อการอยู่มีชีวิตไปอย่างมีพลังในการทำมาหาเลี้ยงชีพและได้รับความสุขทั้งบนโลกนี้และโลกสวรรค์ นั่นหมายถึงท่านควรเคารพครู ข้าพเจ้าพูดถูกไหม?
·       57 minutes ago · Edited · Like · 1..
 
Phayap Panyatharo  What god knows is heavenly things. He teaches us of noble birth of noble heart to forget and to forgive. But god knows nothing about earthly things. He can not teach you educations of sciences. So in the old Books of gods you can not find a teaching of both natural sciences and other sciences. The Books do not teach sciences of technology. Not a research and explorer education been taught by the Books of gods. Anything like a high technique of communication in the modern world has not been written in the Books of gods. God is not able to build atomic bomb but man science can, you see. But in our true life on earth earthly educations are in need. Mankind on earth needs earthly education. In the modern world of high technology you have to keep up with sciences and technology. Your children have to learn science and technology. But the Books of god does not teach you this education. How could you keep on the education? You’ve to get teachers, don’t you? God urges man to do a heroic deed, ofcourse. But the true heroic deed is to love, not to kill. If you forget and forgive you reduce enemies. But if you kill you add enemies. If you are god’s servants learn to love not to kill. That’s the way to the world peace.
·       February 8 at 10:17am · Like · 1..
 
Phayap Panyatharo  สิ่งที่พระเจ้ารู้นั้นเป็นความรู้เรื่องราวของสวรรค์ พระองค์สอนพวกเราในเรื่องการกำเนิดอันสูงส่ง เรื่องจิตใจอันสูงส่ง เรื่องการรู้จักลืม และรู้จักการให้อภัย แต่พระเจ้าไม่ทรงรู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องโลก ๆ พระองค์ไม่สามารถสอนใครได้ในเรื่องวิทยาศาสตร์ ดังนั้นในพระคัมภีร์เก่าแก่ของพระเจ้า ไม่ว่าพระคัมภีร์ใด ท่านจะไม่สามารถพบคำสอนของพระเจ้าในเรื่องวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ หรือวิทยาศาสตร์สาขาอื่น ๆ พระคัมภีร์ของพระเจ้าไม่ได้สอนวิทยาศาสตร์ด้านเทคโนโลยี่เลย ไม่มีการศึกษาเรื่องการวิจัยและการสำรวจนอกโลกในหนังสือของพระเจ้าเลย วิชาการคล้าย ๆ การสื่อสารที่ใช้เทคนิคอย่างสูงในโลกยุคใหม่ไม่ได้มีเขียนเอาไว้เลยในพระคัมภีร์ของพระเจ้า พระเจ้าไม่มีความสามารถที่จะสร้างระเบิดปรมาณูได้ แต่คนธรรมดาที่รู้วิทยาศาสตร์ทำได้ ท่านก็รู้นี่ แต่ในชีวิตจริงของเราทั้งหลายบนโลกมนุษย์นี้ เรามีความจำเป็นจริงที่ต้องมีการศึกษาอย่างโลก ๆ มนุษยชาติบนโลกจำเป็นต้องศึกษาเรื่องโลก ๆ ในโลกที่เจริญด้วยเทคโนโลยีอย่างสูงเช่นในปัจจุบันนี้ ท่านจำเป็นต้องก้าวตามให้ทันในด้านการศึกษาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ลูกหลานของท่านทั้งหลาย จำเป็นต้องได้รับการศึกษาในเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แต่หนังสือของพระเจ้าก็ไม่อาจจะให้การศึกษาเช่นนี้ได้เลย แล้วท่านจะสามารถสร้างการศึกษาด้านนี้ขึ้นมาได้อย่างไร? ท่านจะต้องหาครูมาสอนท่าน ใช่ไหมล่ะ? แน่นอน พระเจ้านั้นทรงส่งเสริมให้มนุษย์ประกอบวีรกรรม สร้างความกล้าหาญ แต่ความกล้าหาญที่แท้จริงนั้นคือความรัก ไม่ใช่การฆ่า ถ้าท่านเรียนรู้ที่จะลืม เรียนรู้ที่จะให้อภัย ท่านจะคลี่คลายศัตรูให้ลดน้อยลงไปได้ แต่ถ้าท่านฆ่า ท่านจะเพิ่มพูนศัตรูไปมากขึ้น ๆ ถ้าท่านซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าจงเรียนรู้ที่จะรัก จงอย่าเรียนรู้ที่จะฆ่า นั่นเป็นวิถีทางไปสู่ความสันติภาพของโลก
·       February 8 at 10:18am · Like · 1
 
 
 
 
8. วันเกิดของพระเยซู
 
Phayap Panyatharo  December 26, 2012 .
Time has gone so fast that I feel myself slow and am unable to catch many things passed. Just reaching Christmas Day, the day of the world christs. What I remember about Jesus of Nazareth which I thinks he went so fast that His life was short for He was only 33 years of age. It seems sweet in my heart for a long time are several words from the Bible. It says : For God so loved the world that He g...ave His only begotten Son, that whoever believes in Him should not perish but have everlasting life. [John 3:16] This word ensured me He to be a Son of God descending from heaven. What Jesus told His disciples 7 days before He died : A little while, and you will not see Me ; and again alittle while, and you will see Me, because I go to the Father.[John 16:16] But at the end of His life on a great cross He said "It is finished" And bowing His head. He gave up His spirit. [John 19:30] What He said to Caiaphas the high priest : hereafter you will see the Son of Man sitting at the right hand of the power, and coming on the clouds of heaven. [Matthew 26:64] It was told 3 days after His death about His resurrection. And He flew above with the clouds to heaven before His disciples. That a short story I found about Jesus. The picture which I get from a tale of the Christmas day. It tells Jesus was born in a cave.
 
เวลาได้ล่วงไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน จนกระทั่งข้าพเจ้ารู้สึกว่าตัวเองช้าเหลือเกิน และทำให้ไม่สามารถติดตามเรื่องราวหลายเรื่องที่ปล่อยให้ผ่านเลยไป จนกระทั่งมาถึงวันคริสต์มาส วันของชาวคริสต์โลก สิ่งที่ข้าพเจ้ารำลึกเกี่ยวกับ เยซูแห่งนาซาเรธ ผู้ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าท่านได้จากไปรวดเร็วเหลือเกิน ซึ่งทรงมีพระชนมายุสั้น เพราะทรงมีพระชนมายุเพียง 33 ปีเท่านั้นเอง มีถ้อยคำในพระคัมภีร์ไบเบิล ที่เป็นที่ชื่นใจของข้าพเจ้ามาเป็นเวลานานหลายคำ คำหนึ่งก็คือคำว่า: เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่ไว้วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์ (ยอห์น 3:16) ถ้อยคำนี้ ให้ความยืนยันแก่ข้าพเจ้าว่าพระเยซูทรงเป็นบุตรพระเจ้าลงมาจากสวรรค์ อีกคำหนึ่งคือที่พระเยซูได้บอกสานุศิษย์ของพระองค์ 7 วันก่อนสิ้นพระชนม์ ว่า : อีกหน่อยท่านทั้งหลายก็จะไม่เห็นเรา และต่อไปอีกหน่อยท่านก็จะเห็นเรา เพราะเราไปถึงพระบิดา(ยอห์น 16:16) แต่ในจุดสุดท้ายของพระองค์ บนไม้กางเขนอันใหญ่พระองค์ทรงตรัสว่า : “สำเร็จแล้ว” และทรงก้มพระเศียรลงสิ้นพระชนม์(ยอห์น 19:30) ถ้อยคำที่พระเยซูตรัสแด่คายาฟัส มหาปุโรหิต ที่ว่า : ในเวลาเบื้องหน้านั้น ท่านทั้งหลายจะได้เห็นบุตรมนุษย์นั่งข้างขวาของผู้ทรงฤทธานุภาพ และเสด็จมาบนเมฆแห่งฟ้าสวรรค์(แมธธิว 26:64)  มีเรื่องราวทีบอกเล่ากันต่อมาว่า ภายหลังทรงสิ้นพระชนม์แล้ว 3 วันก็ทรงฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นมาใหม่ และได้ทรงเหินฟ้าเบื้องบนไปกับเมฆสู่สวรรค์ ต่อหน้าสาวกตั้งหลายคน นั่นคือเรื่องราวสั้น ๆ ที่ข้าพเจ้าได้ค้นพบเกี่ยวกับพระเยซู ภาพข้างล่างนี้ ข้าพเจ้าได้มาจากเรื่องเล่าเกี่ยวกับวันคริสต์มาส เป็นภาพการประสูติของพระเยซูในถ้ำแห่งหนึ่ง
 
 
See MoreTag PhotoDone TaggingAdd LocationEdit
Like · ·Unfollow PostFollow Post · Share · EditEdit
Waraporn Kukkong and Ubon Chandachat like this..
 
Phayap Panyatharo   According to the Book, It describes the followings; Now the birth of Jesus was as follows: after His mother Mary was betrothed to Joseph, before they came together, she was found with child of the Holy Spirit.[Matthew 1:18] And an angel came to Joseph telling him not afraid to take Mary his wife and she would give him a son. “And you will call Him His name Jesus, for He will save the people from their sins” [Mattew 1:21] And the prophet had foretold : “Behold, the virgin shall be with child, and bear a Son, and they shall call His name Immanuel,” which is translated, “God with us.”[Matthew 1:23]
 
ตามที่พระคัมภีร์เขียนเอาไว้  เรื่องพระกำเนิดของพระเยซูคริสต์เป็นดังนี้ คือมารีย์ผู้เป็นมารดาของพระเยซูนั้น เดิมโยเซฟได้สู่ขอหมั้นกันไว้แล้ว ก่อนที่จะได้อยู่กินด้วยกัน ก็ปรากฏว่า มารีย์มีครรภ์แล้ว ด้วยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์ (มัทธิว 1: 18) และมีนางฟ้านางหนึ่งมาหาโยเซฟ บอกโยเซฟว่าอย่ากลัว ให้รับมารีย์มาเป็นภรรยาซึ่งต่อมาเธอจะประสูติบุตรชายหนึ่งคน “และเจ้าจงเรียกนามท่านว่า เยซู เพราะว่าท่านเป็นผู้ที่จะโปรดช่วยชนชาติของท่านให้รอดจากความผิดบาปของเขา”(มัทธิว 1: 21) ซึ่งได้มีศาสดาพยากรณ์ได้ให้คำพยากรณ์ล่วงหน้าไว้แล้วว่า “ดูเถิด หญิงพรหมจารีคนหนึ่งจะตั้งครรภ็และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง และเขาจะเรียกนามของท่านว่า อิมมานูเอล แปลว่าพระเจ้าอยู่กับเรา (มัทธิว 1: 23)
December 26, 2012 at 2:28pm · Like
 
Phayap Panyatharo  You know about 600 years later the story of Jesus birth had been found written in a Book of Islam, Al-Kuraan in name of EESA. His father was Zakareeya whose age was 120. His mother was Malyam whose age was 98. For God wanted Malyam to get a son. Malyam and her husband asked God that she was 98 years of age how could she bear a child. God said it was a desire of God what God desired it must accomplish for God had unlimitted power. I see in Al-kura-an the 39th commandment : Eesa was born by the order of God. God gave Eesa leadership of the world in side of education and praise of ALLAH. Nabee Eesa had to keep the truth and Himself from female. God ordered Him to be the prophet one of several prophets with highest rightiousness. [Al-kuraan,Thaiversion, translated by me, the commandment 39 page 225] And He was sent back to heaven at age 33.[ibid p. 229] The story of Jesus in the name of Eesa in various aspects has been written in the great Al-Gura-an.
 
ท่านผู้อ่านก็คงจะทราบดี เมื่อ 600 ปีต่อมา ได้พบว่ามีการเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับชาติกำเนิดของพระเยซูไว้ในพระคัมภีร์ของศาสนาอิสลาม อัล-กุรอาน ในนามของ อีซา บิดาของพระองค์คือ ซะกะรียา อายุ 120 ปี พระมารดาของพระองค์คือ มัรยัม อายุ 98 ปี และพระเจ้าทรงมีประสงค์ให้มัรยัมมีบุตร มัรยัมและสามีของเธอจึงถามพระเจ้าว่าเธออายุ 98 ปีแล้วจะมีบุตรได้อย่างไร พระเจ้าตรัสว่านั้นเป็นความประสงค์ของพระเจ้า และความประสงค์ใดใดของพระเจ้าย่อมสำเร็จเสมอ เพราะว่าพระเจ้าทรงมีพลังอำนาจอย่างไม่จำกัด ข้าพเจ้าได้พบในพระมหาคัมภีร์ อัล-กุรอาน โองการที่ 39 ว่าดังนี้ นะบีอีซาถูกอัลเลาะห์ให้กำเนิดมาโดยไม่มีบิดา แต่โดยประกาศิตจากอัลเลาะห์ในฐานะผู้นำทั้งในวิชาการในด้านความเคารพสักการะต่ออัลเลาะห์ และด้านรักษาธรรม เป็นผู้สงวนตัวให้พ้นจากสตรีเพศ และเป็นพระศาสดาหนึ่งที่สืบเทือกเถามาจากพระศาสดาผู้ชอบธรรมทั้งหลาย(อัลกุรอาน ภาษาไทย โองการที่ 39 หน้า 225) และพระองค์ได้ถูกส่งตัวขึ้นยังเบื้องฟ้าเมื่ออายุ 33 ปี (โองการเดิมหน้า 229) เรื่องราวของพระเยซูในนามอีซาได้ถูกเขียนไว้มากมายหลายแง่มุมในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน.
December 27, 2012 at 10:19am · Like
 
Phayap Panyatharo For example a man named Lazarus had died and been buried in a tomb in a cave for 4 days and having a stench. Jesus went to the cave and He cried with a loud voice." Lazarus, come forth!" And he who had died came out bound hand and foot with grave-clothes, and his face was wrapped with a cloth. Jesus said to them,"Loose him, and let him go. [John 11:43-44].... In the Book of Islam it says about Lazarus in the name of Charm son of Nooh that …Eesa helped Charm son of Nooh to recover from death but Charm alived for a little while he then died again. [the commandment 49 p.230] Al-Kuraan says Easa got the power from Allah He prayed a praying of God that is for the desire of God Lazarus come forth. It says the telling would prevent misunderstanding of the people from miss understand Jesus a God Himself for the reality of Jesus He was a servant of God, a prophet of God but Jesus was not Son of God.[the commandment 60 p.235]
 
ตัวอย่าง มีชายนามว่าลาซารัส ได้ตายไป ถูกฝังไว้ในหลุมฝังศพ ในถ้ำแห่งหนึ่งเป็นเวลา 4 วันแล้วและมีกลิ่นแรงแล้ว พระเยซูเสด็จไปสู่ถ้ำนั้น ทรงเปล่งพระสุรเสียงดังว่า "ลาซารัสเอ๋ยออกมาเถิด" "ผู้ตายนั้นก็ออกมา มีผ้าพันมือและเท้า และที่หน้าก็มีผ้าพันอยู่ด้วย พระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า "จงแก้ผ้าที่พันออกเสีย แล้วปล่อยเขาเถิด" (ยอห์น 11: 43-44) .....ในพระคัมภีร์ของอิสลาม มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับลาซารัสในนามของชามบุตรของนูห์ว่า..... อีซาได้ให้ชายคนหนึ่งชื่อชามบุตรของนูห์เป็นขึ้นมาได้ครู่หนึ่งจึงตายกลับไปอีก (โองการที่ 49 หน้า 230) อัล-กุรอานกล่าวว่า อีซาได้อำนาจนี้จากพระอัลเลาะห์ โดยบริกรรมคาถาว่า ด้วยความประสงค์ของพระเจ้า ขอให้ลาซารัสฟื้นขึ้นมา การที่บอกเล่าเรื่องนี้ไว้ก็เพื่อขจัดความเคลือบแคลงของมนุษย์ ที่อาจจะเข้าใจว่าอีซาเป็นพระเจ้าเสียเอง(โองการที่ 49 หน้า 230)เพราะในความจริง อีซา(เยซู) เป็นข้าของอัลเลาะห์ เป็นศาสนทูตของพระองค์แต่ไม่ใช่บุตรของพระองค์(โองการที่ 60 หน้า 235)
December 27, 2012 at 9:49pm · Like
 
 
 
 
 
 
9. พระเจ้าองค์อวตารล่าสุดของอินเดียตายเสียแล้ว
 
Sathya Sai Baba. I just heard of a man in India whom I've been so much dislike since my first reading about him 19 years ago[I print it in my book in 2536{1993}]. I regard he was a great dangerous deceiver from India because he claimed himself God. He descended from the highest God of the Hindus. He was KrisanaDhev himself who wore KrisanaDhev's holy ring. He died on April 24, 2011 at age 85 at his Super Specialities Hospital in his hometown Puttaparthi Andra Pradesh India....... I read the first news from ;- Sathya Sai Baba: The Man Who Was God Is Dead By Jyoti Thottam Tuesday, Apr. 26, 2011. Every corners of the world eye on his story. More than 145 people write about him in internets. You see the face of the lastest God of the Indians of India taken in 1999[2533] while his face was completed of God's Dignity who was accused by BBC and other medias to be untrusted people but the hindus Indains hear not. Do you really believe he was god....in the modern world ?
 
ผมเพิ่งได้ข่าวนายคนหนึ่งในประเทศอินเดียผู้ซึ่งผมมีความรังเกียจเขาอย่างมาก ๆ ตั้งแต่ได้อ่านเรื่องราวของเขาครั้งแรกเมื่อ 19 ปีก่อน [ผมพิมพ์ลงในหนังสือของผมในปี พ.ศ. 2536(1993)] ผมมองคน ๆ นี้ว่าเป็นนักหลอกลวงอันตรายผู้ยิ่งใหญ่จากประเทศอินเดีย ผู้ประกาศตนเองว่าเป็นพระเจ้า จุติลงมาจากพระเจ้าสูงสุดของศาสนาฮินดู เขาเป็นองค์กฤษณเทพผู้สูงสุด ผู้สวมแหวนอันศักดิ์สิทธิ์ขององค์กฤษณเทพ เขาตายแล้วเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2555(2011) เมื่ออายุ 85 ปี ตายในซูเปอร์มหาโรงแรมมหาปราสาทของเขา ที่บ้านเกิดเมืองนอนของเขา ปุตตปาตี แคว้นอันธาระประเทศ อินเดีย ผมได้ทราบข่าวแรกนี้มาจากเรื่อง สัตยา ไสย บาบา : คนที่อ้างว่าตนเป็นพระเจ้า ตายเสียแล้ว ซึ่งเขียนโดย โจโยตี ด๊อตแธม เมื่อ วันอังคาร ที่ 26 เมษายน 2555(2011) ทุก ๆ มุมโลกกำลังจับตามองดูเรื่องราวของชายคนนี้ มีคนเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเขามากกว่า 145 เรื่อง ในอินเทอเนต ขอให้ท่านดูใบหน้าพระเจ้าคนล่าสุดของชาวอินเดียแห่งประเทศอินเดียคน ๆ นี้สิ ภาพถ่ายขณะรุ่งเรืองด้วยราศีของพระเจ้า ปี 2533(1999) ผู้ที่ถูกกล่าวหาจาก บีบีซี และสื่ออื่นอีกมากว่าเป็นคนที่ไว้วางใจไม่ได้ แต่พวกฮินดูในอินเดียก็ไม่ฟัง คุณเชื่อจริง ๆ หรือว่านายคนนี้เป็นพระเจ้า .....ในยุคเจริญแล้วนี้?
 
 
·       Ubon Chandachat likes this..
 
Phayap Panyatharo The face of God? A mop hair ! Sadism !
ใบหน้าของพระเจ้า ใช่หรือเปล่า? หัวฟู ! ซาดิสม์ !
·       January 24 at 5:38pm · Like · 2..
 
Sawang Chandachat  ถ้าเชื่อก็ทั้งโง่ทั้งบ้าแล้วคับ
·       January 24 at 7:09pm · Like · 1.
 
Ubon Chandachat  พระเจ้า สมมุติ เหมือนเทวดาสมมุติของบ้านเรา หรือไม่ ?
·       January 24 at 7:24pm · Like..
 
Phayap Panyatharo  My last comment has been cut.. or censored.... I don't know by whom and why ? Would you please tell who are you? I've got many things to say about this man for the sake of the people, this man has named himself Bhagavant Si Sattaya Sai Ba Ba that hurt buddhists over the world. You know the word Bhagavant means Buddha and the man said he was a new Buddha of the world Buddhists.
 
บทวิจารณ์บทสุดท้ายของผมถูกตัด หรือถูกเซนเซอร์ .... ผมไม่ทราบโดยใครและทำไม? ได้โปรดบอกผมหน่อยว่าคุณผู้ตัดผมคือใคร? ผมมีอีกหลายเรื่องราวที่จะพูดถึงผู้ชายคนนี้ เพื่อประโยชน์ของประชาชน เขาได้ตั้งสมญาเขาเองว่า องค์ภควันต์ ศรีสัตยา ไสย บาบา ซึ่งสร้างความไม่สบายใจแด่ชาวพุทธทั้งโลก คุณรู้ไหมคำว่า ภควันต์ หมายถึงพระพุทธเจ้า และชายคนนี้พูดว่าเขาคือพระพุทธเจ้าคนใหม่ของชาวพุทธทั่วโลก
·       January 25 at 10:38pm · Like · 2.
 
Ubon Chandachat ผมก็เปิดเข้ามาดูอยู่เมื่อช่วงค่ำ ก็ งงว่าไม่เห็นอะไร ทั้งที่ชื่อท่านมันขึ้นมา ขอบคุณครับที่เขียนบทวิจารณ์มาให้อ่าน
·       January 25 at 10:45pm · Like · 1.
 
Sawang Chandachat ได้อ่านบทความของพระคุณเจ้าแล้ว ชายแก่ผมฟูเขาช่างไม่มีความยี่หระ ละอายต่อใจตนเอง เลยนะคับพระคุณเจ้า
·       January 26 at 10:16am · Like..
 
Phayap Panyatharo Thank you very much Kun Ubon Chandachat. If you heard of him from the beginning perhaps you would not think what you thought. Sattaya Sai Baba has been more than Maharatch of India. He is the real God of the whole India. He is the greatest man of India. But what the world outside India is thinking about him now, after his death when the truth of his life has been revealed is rather the same with what I mysels am thinking. The great god of the fools. God of the fools. Because the truth is : Where there is the fools there is God and ghost. I just want to link the old world to the new world. If the people thinks of old believe gods and ghosts it is rather difficult to lead the country to real democracy of the modern world.
·       January 26 at 11:28am · Like..
 
Phayap Panyatharo ขอบคุณมากเลยสำหรับคุณอุบล คันธชาติ ถ้าคุณได้ฟังเรื่องราวของเขามาตั้งแต่เริ่มต้น ๆ แล้ว บางทีคุณอาจจะไม่ได้คิดอย่างที่คุณคิดอยู่ขณะนี้ก็ได้ สัตยา ไสย บาบา เป็นยิ่งกว่ามหาราชของอินเดียเสียอีก เขาเป็นพระเจ้าที่แท้จริงของชาวอินเดียทั้งประเทศ เขาเป็นมหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของอินเดีย แต่โลกภายนอกประเทศอินเดียขณะนี้ดูเหมือนจะกำลังคิดอย่างเดียวกับที่ผมคิดถึงเขาอยู่นี่แหละ หลังจากความจริงของชีวิตของเขาถูกเปิดเผยออกมาภายหลังความตายของเขา นั่นคือ เทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ของคนโง่ทั้งปวง เทพเจ้าของคนโง่ทั้งปวง เนื่องจากมีสัจธรรมว่า มีคนโง่อยู่ที่ไหนก็มีเทพเจ้าและปีศาจมาพร้อม ๆ กันเสมอ ผมเองมีความปรารถนาเพียงเพื่อเชื่อมโยงโลกเก่ากับโลกใหม่ เท่านั้นเอง ถ้าประชาชนยังคิดในเรื่องความเชื่อเก่า ๆ อยู่ คิดเรื่องเทพเจ้าและปีศาจอยู่ มันก็เป็นการยากที่จะนำประเทศไปสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริงของโลกใหม่ได้
·       January 26 at 11:28am · Like · 2..
 
Phayap Panyatharo  His famous came from the truth this way : Newspaper can make man King propaganda makes man God. The man is from propaganda. And propaganda goes well among the fools.
ขอให้คุณรู้ว่า ชื่อเสียงเกียรติคุณของเขาคนนี้มาได้โดยความจริงนี้ครับ หนังสือพิมพ์สามารถทำคน ๆ หนึ่งให้เป็นพระราชาได้ แต่การโฆษณาชวนเชื่อสามารถสร้างคนธรรมดา ๆ ให้เป็นถึงพระเจ้าได้ คน ๆ นี้เป็นขึ้นจากการโฆษณาชวนเชื่อ และการโฆษณาชวนเชื่อนั้นเจริญงอกงามดีในระหว่างคนโง่ทั้งหลาย
·       February 2 at 10:30am · Edited · Like · 2
 
Phayap Panyatharo To summarize Buddha's teaching. Buddha said the trouble world begins with fool or ignorance. I think Buddha studied the truth of life from such the old Indian soceity that lead to the summarize fool or ignorance causes the suffering of mankind. Ignorances mean to believe in gods and ghosts.
 
ทำให้ได้ข้อสรุปคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ทรงตรัสไว้ว่า โลกที่เป็นทุกข์มีสาเหตุเริ่มต้นมาจาก ความโง่เขลา หรือ อวิชชา ผมคิดว่าพระพุทธเจ้าได้ทรงศึกษาความจริงของชีวิตจากสังคมเก่าแก่ของอินเดียเช่นนี่เอง จึงนำไปสู่ข้อสรุปที่ว่า ความโง่ หรือ อวิชชาเป็นเหตุของทุกข์ของประชาชน ซึ่งในที่นี้ อวิชชา หมายถึงความเชื่อในเทพเจ้าและปีศาจนั่นเอง
·       January 26 at 1:11pm · Like · 1..
 
Phayap Panyatharo  Many clipvdos have been issued online now for anyone to see the truth about Sai Baba for example: After the Death of Sattaya Sai Baba his Tricts completely exposed. TV9 Bala Sai Baba plays tricks again on his birth day. Sai Baba is he cheating? 
 
มีคลิปวีดิโอที่ออกออนไลน์ขณะนี้จำนวนมากเพื่อให้ใครก็ตามเข้าไปศึกษาหาความจริงเกี่ยวกับไสย บาบา ตัวอย่างเช่น : หลังการตายของสัตยา ไสยบาบา กลโกงของสัตยา ไสยบาบา ก็ได้รับการเปิดเผยอย่างล่อนจ้อน, ทีวี 9 บาลา ไสยบาบาเล่นกลโกงอีกแล้ว ในวันเกิดของตนเอง, ไสยบาบาขี้โกงใช่ไหม?
·       January 26 at 5:04pm · Like · 1 
 
 
 
 
·        
10. ถล่มด้วยระเบิดฆ่าทหาร 5 ศพ
 
Phayap Panyatharo  Bomb on a road 10 feb.2013[2556] in Yala Province southern Thailand where muslim guerrillas operating their hatred over Thai people. They killed 5 soldiers. If I were a muslim when I see men gathering as seen in the picture I would think hard with hope to find a way how to bomb you all on the road. It is possible indeed to kill these careless people.
 
ระเบิดบนถนนสายหนึ่งในจังหวัดยะลาเมื่อวันที่ 10 ก.พ.2556 จังหวัดที่มีผู้ก่อการร้ายมุสลิมปฏิบัติการถ่ายทอดความเกลียดชังของพวกเขาสู่ประชาชนไทย พวกเขาฆ่าทหารไป 5 นาย ถ้าผมเป็นมุสลิม เมื่อผมได้เห็นคนมารวมกันมาก ๆ บนท้องถนนเช่นนี้ ในภาพซึ่งได้มาจากสื่อท้องถิ่น นี้ ผมจะใช้ความคิดอย่างหนักพร้อมได้ความหวังเลยทีเดียวว่า มันน่าจะหาทางระเบิดฆ่าทุกคนบนถนนนี้ให้ได้ มันน่าเป็นไปได้จริง ๆ สำหรับการจะวางแผนฆ่าคนที่แคเลสที่สุดกลุ่มนี้
 
 
·       Ubon Chandachat and Sawang Chandachat like this..
 
Phayap Panyatharo
1. There should be special guards or commandos ready to protect and reveange standing in duty both sides of the road.
2. There should be some officers in the forest both side of the road to find out the thieves.
3. The officers rush to the nearest villages to find out the suspicious.
4. Get the map to fight with head.
5. Be angry.
1. ควรมีการ์ดพิเศษหรือหน่วยคอมมานโด พร้อมที่จะระวังรักษาและตอบโต้ ยืนเฝ้าระวังสองฝั่งถนน
2. ควรมีเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งเข้าไปในป่าสองข้างทาง เพื่อค้นหาพวกโจร
3. ควรมีเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งรีบรุดไปสู่หมู่บ้านที่ใกล้ที่สุดเพื่อค้นหาตัวผู้ต้องสงสัย
4. เอาแผนที่ท้องที่มาวางแผนสู้ด้วยหัว
5. จงโกรธ
·       February 12 at 10:55am · Like · 1
 
 
 
 
 
 
 
11. มุสลิมบุกล้างแค้นหมายฆ่าทั้งฐานทัพ แต่นย.ฉก.32 แน่กว่าฆ่าคืนมุสลิม19 ศพ ที่เหลือหนีหัวซุกหัวซุน
 
 
Phayap Panyatharo  There ! a fire battle in Narathivas about 01.30 - 03.00 on Feb. 13 , 2013[2556] before the dawn and 14-19 muslim militants killed, 14 people died around the fences, 5 died in the forest nearby that makes 19 deads, while next time they found 2 injured in a hospital. About 60 Thai marines who fought for their lifes, for their brave heart, for their military tactics within their military base32, Bacho district of Narathiwat. Their commander is Commander Thammanoon Wanna who led the fight of the winners. I praise them. The 100 fully armed islamic militants came in the night, you know, they meant to kill them all. The muslim warriors have been thought since its origin to kill them all. Thai soldiers know well the kill'em all of muslim culture. So they changed it, not to be killed all  but to kill them all. Eventhough 14-19 out of all of them were killed, not all,  for there left a number ran away in the dark forest. All Thai soldiers saved. Thai medias have kept on reporting the event since the first firing. While I’m posting, all newspapers in Thailand publish a giant headline. But I waited to get a sharp photo about the meaning of Islam killng and reveanging culture. But I can not find the photo and get this one[from The Daily News newspaper] instead.
 
 
Phayap Panyatharo  ดูเอาสิเห็นไหม ! เปิดฉากการยิงสู้รบกันแล้ว ที่จังหวัดนราธิวาส เมื่อเวลาประมาณ 01.30 ถึง 03.00 น.ก่อนรุ่งอรุณ วันพุธที่ 13 ก.พ.2556[2013] และผู้ก่อการร้ายมุสลิม 14-19 คน ถูกนาวิกโยธินไทยฆ่าตายไป 14 คนตายรอบ ๆ รั้ว อีก 5 คนไปตายในป่าใกล้ ๆ นั่นเอง รวมเป็น 19 ในเวลาต่อมาก็ตามพบพวกบาดเจ็บอีก 2 ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง นาวิกโยธินไทย 60 นายได้ร่วมกันต่อสู้ครั้งนี้ เพื่อชีวิตของพวกเขาเอง เพื่อแสดงจิตใจที่กล้าหาญ เพื่อยุทธวิธีจะได้พิศูจน์ ได้ตั้งรับอยู่ภายในฐานทัพของเขาเอง ฐานที่ 32 อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส ผู้บัญชาการหน่วยนี้คือ น.ท.ธรรมนูญ วรรณา ผู้นำการต่อสู้ไปสู่ชัยชนะซึ่งข้าพเจ้าขอยกย่อง พวกก่อการร้ายอิสลามมีจำนวนประมาณ 100 คน ติดอาวุธครบมือ มาล้อมรอบฐานทัพเวลากลางคืน คุณก็รู้ดี มาแบบนี้พวกเขามุ่งหมายที่จะฆ่าทิ้งให้หมดทั้งฐานทัพเลย นักรบมุสลิมมีคตินี้มาแต่ดั้งเดิมแล้ว จึงมีวัฒนธรรมการรบในแบบฆ่ามันให้หมดของมุสลิม ดังนั้นทหารไทยจึงเปลี่ยนเสีย โดยเปลี่ยนจากการถูกฆ่า ไปเป็นฆ่ามันทิ้งให้หมดแทน ถึงแม้ว่าจะได้ฆ่าพวกก่อการร้ายนี้ไปเสีย 14-19 คน ไม่ได้ฆ่าเสียทั้งหมดเพราะมีพวกหนึ่งกลัวตาย วิ่งหนีไปในป่าที่มืดตื๋อเอาตัวรอดไป ขณะที่ทหารไทยปลอดภัยทุกชีวิต สื่อในประเทศไทยทุกแห่งได้ติดตามรายงานเหตุการณ์นี้มาตั้งแต่เริ่มยิงกันแล้ว ขณะที่ข้าพเจ้าโพสต์เรื่องนี้อยู่หนังสือพิมพ์ทุกฉบับในประเทศไทยได้ตีพิมพ์และพาดหัวข่าวขนาดยักษ์ไปตาม ๆ กันแล้ว แต่ข้าพเจ้าได้คอยที่จะได้ภาพที่คมชัดเกี่ยวกับวัฒนธรรมการฆ่าและการแก้แค้นของมุสลิม แต่ก็หาไม่ได้ จึงได้ภาพนี้แทน(ภาพข่าวเดลินิวส์ 14 ก.พ.2556) 
 
Phayap Panyatharo  They'll return to reveange. And they manage to kill you all. So prepare your plan and your plan is to kill them all. When you fight with muslims you have to think muslim. That is the way to conquer. The country has to co-operate. The government has to loosen your strategy for the soldier's tactics be free and fluently and unlimitted flexibly. In this special case strategy must not tie the tactic but to let off it. Leave the soldiers exercise their full tactics. Able to do this in 3 months see success. 
 
Phayap Panyatharo   พวกเขาจะกลับมาเพื่อการแก้แค้น และพวกเขาจะตั้งเข็มเพื่อฆ่าพวกคุณทั้งหมด ฉะนั้น จะต้องตระเตรียมแผนเอาไว้ให้ดี และซึ่งแผนนั้นจะต้องเป็นแผนฆ่าพวกมันให้เรียบเกลี้ยง เมื่อคุณสู้รบกับพวกมุสลิม คุณจะต้องคิดแบบมุสลิม นั่นเป็นวิธีเอาชนะพวกเขา ประเทศไทยจะต้องร่วมมือกันทั้งประเทศ รัฐบาลจะต้องผ่อนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลให้อ่อนลงไป เพื่อให้ยุทธวิธีทางทหารนั้นเป็นอิสระ มีความคล่องตัวสูง และมีความยืดหยุ่นได้อย่างไม่จำกัด กรณีนี้เป็นกรณีพิเศษ ในแง่ที่ยุทธศาสตร์ใดใด ต้องไม่จำกัดยุทธวิธี แต่ต้องปลดปล่อยให้ยุทธวิธีเป็นอิสระ ให้คล่องตัว และยืดหยุ่นอย่างไม่จำกัด ดังกล่าว ปล่อยให้ทหารบริหารยุทธวิธีของพวกเขาเองอย่างเต็มที่ หากทำได้เช่นนี้ ใน 3 เดือน เราก็มองเห็นทางชนะ 
 
Phayap Panyatharo    See the truth, these muslims have been brain washed. They think god is with them. God will punish with a severe punishment for their defeat. Buddhists is all the garfix whose blood is bad and dirty but muslim blood is clean and worthier 10 times to buddhists. To kill them all that's the please of god.  
 
Phayap Panyatharo  จงดูความจริง คนพวกนี้ได้รับการล้างสมองมา พวกเขาคิดว่าพระเจ้าอยู่กับพวกเขา พระเจ้าจะลงโทษพวกเขาอย่างไม่ปรานีหากพวกเขารบแพ้. ชาวพุทธนั้นเป็นคนนอกศาสนาป่าเถื่อน มีเลือดชั่วและสกปรก ส่วนมุสลิมมีเลือดสะอาดและมีคุณค่ามากกว่าเลือดของชาวพุทธถึง 10 เท่า ฆ่าพวกมันให้หมดเสีย นั่นแหละเป็นการโปรดปรานของพระเจ้า 
 
Phayap PanyatharoThis is a thought of a vergin islam in the dream of old time.
นี่คือแนวคิดอิสลามบริสุทธ์ของศาสนาอิสลามดั้งเดิม.
 
Sawang Chandachatขอบคุณที่ท่าน ชี้ทางสวางให้
 
Phayap Panyatharo ก๊อปปี้มา :ความในใจ นย....."ตอนสามทุ่มยี่สิบ พวกมันคลานศอกเข้ามาข้างหลังฐานมาส่องดูพวกเราก่อน เพื่อตรวจสอบว่า พวกผมรู้ตัวหรือเปล่า แต่พวกผมใจเย็นเพราะส่องกล้องดู มันมาแค่ ๘ คน ก็ปล่อย พวกผมรออย่างใจเย็น แต่ในใจก็คิดว่าเดี๋ยวมันมาแน่ แล้วราวๆตีหนึ่งนิดๆ เสียงรถปิคอัพ มอเตอร์ไซค์ มา มันย่ามใจมาก กะจะปิดประตูตีแมวเลยเข้ามาทั้งด้านหน้าด้านหลัง....ผมยอมรับว่า ผมไม่เคยเจอพวกมันแบบนี้ตอนที่เห็นมันกระโดดลงจากรถ เชื่อมั้ย ในใจผมบอกกับตัวเองว่า เฮ้ย พวกมันมาจริงๆพวกมันมีตัวตนจริงๆ มันเป็นคนไทย แต่มันคิดแค้นแบบนี้ แนวคิดแบบนี้ มันจริงโว้ยขนผมลุกซู่เลย ไม่ใช่กลัว แต่พวกผม พร้อมมานานหลายวัน พร้อมมากขนลุกเพราะเศร้าใจว่า ไอ้เงาดำๆที่มันถือปืนกำลังจะวิ่งเข้ามานั่น มันคนไทยแต่กลายเป็นโจรใต้ไปแล้ว ไม่มีใครอยากทำหรอกครับ แต่มันจำเป็นเมื่อมันเปิดฉากเข้าโจมตี ยิงเข้าใส่ทุกทาง พวกผมทั้ง นย.และนสร.ก็เต็มที่ครับเพราะตอนนั้น ก็ไม่รู้ว่า พวกเราจะต้องเจ็บตาย จะพลาดหรือเปล่า เวลานั้นไม่ว่าฝ่ายมัน หรือฝ่ายเรา มีหนึ่งชีวิต เท่ากันครับ มีสิทธิ์เจ็บตาย เท่ากันมีสิทธิ์ที่จะถูกมันจับ มัดมือมันเท้า แบบที่มันเตรียม เชือก ลวดมาพร้อมที่จะถูกมันยิงซ้ำ เมื่อเจ็บ พร้อมที่จะถูกมันเผาทั้งเป็นคาฐานเพราะมันเตรียมอุปกรณ์วางเพลิงมา ถังแก๊ส กะย่างสดพวกเราทั้งเป็นแต่เพราะพวกผมวางแผน เตรียมตัวรับมาดี มั่นใจว่าเราดูแลฐานและอาวุธปืนได้มั่นใจว่า เราจะทำให้ชาวบ้านมั่นใจในทหารมากขึ้น เพราะในเมื่อเขาอุตส่าห์เสี่ยงตายกระซิบข่าวพวกเราก่อน จนเตรียมตัวได้ เราก็ต้องดูแลพวกเขา แม้ว่าจากนี้ การแก้แค้นจะรออยู่เบื้องหน้าก็ตาม เมื่ออยู่ที่นี่แล้ว พวกผม นย.ก็พร้อมครับ ชีวิตแลกชีวิตหากชีวิตพวกผมจะทำให้ ชายแดนใต้สงบ คนไทยพุทธ มุสลิม ผู้บริสุทธิ์ ปลอดภัยพวกผมพร้อม เพราะพวกผมเป็นนาวิกโยธิน พวกผมเป็นทหารเรือ ที่สำคัญ พวกผมเป็นทหารไทยที่จะไม่ให้ใครมาดูหมื่นเกียรติศักดิ์ศรี และต้องรักษาฐาน รักษาแผ่นดินไทยไม่ใช่ปล่อยให้พวกมันทำอะไรก็ได้ ทำให้ชาวบ้านอยู่ในความกลัว ผมเสียใจที่ต้องทำเสียใจที่พวกนั้นต้องตาย แต่ให้นึกถึงเวลาที่พวกมันทำกับทหารเรา ไม่ว่าจะทบ.หรือนย.ที่ตายไป สิบคนแล้ว เมื่อเร็วๆนี้...นี่มันเข้ามาโจมตีฐานเราเอง ท้งเครื่องแบบทั้งอาวุธครบมือ พวกผมไม่มีทางเลือกอื่นครับ... ขอให้เข้าใจพวกผม เถิดครับขอแค่ความเข้าใจและกำลังใจ เท่านั้นจริงๆ ไม่อย่างนั้นศพที่นอนตายหลังปะทะอาจเป็นพวกผม หรือวันใดวันหนึ่ง ก็อาจเป็นพวกผมอีก"....นาวิกโยธิน ๓๒
 
 
 Phayap Panyatharo It is unlike communists several decades ago and rather too old now. Communists were buddhists...mostly, yes. You could talk with buddhists but it's too hard to talk with muslims...especially radical muslim militants. For example in year 2,000[2543], the Christ proposed a religion strategy for a concession between world religions. It's dialogue strategy. There is only muslim that couldn’t understand what a dialogue is. While in Thailand Buddhism reguarded it as a cunning device of the Christ. We speak mankind muslims speak divinity. So when the governments have put a heavy money, a heavy development aids into the three muslim provinces they tasted nothing but they still kill buddhists, monks, teachers Thai muslims and soldiers. What you say politic leads, military’s support policy, it has been used for more than 10 years but it has been unavailable. This policy has been very far from success. Being a democatic state, why don't think of democratic methods that means what I am saying law strategy. The principle of law equality should be sacred. The muslim criminals must be punished as well as the other religion criminals. I have got two more examples. There happened eight bombasts in 8 places of London,at the same time in Tony Blair period. What did they do? They,all English including English media BBC. etc. were most unsatisfied. They hunted for the criminals whom they titled radical muslim militants. They could fetch all by the help of all English. They just thought those people had done illegal deed according to English law and that is why England had to search for them and take them all to the judicial procedure. This is a real democracy with a law strategy. It must be a new culture for a new democratic country like Thailand or Mynmar. The second example is France. It does not allow muslim students to cover their faces to school. They think muslim students have to be equal with other students in dressing. Muslim shouldn't get special right in the democratic country. Because in democracy regime the people is equal ... equal in what to get and what to give… by the principle of equality. It’s meaning is there is no religion in a democracy country, there have no Buddhist, no Islam, no Christ and no Hindus etc. They are all Thai. Each people has a power of one man one vote. In democratic Thailand the people are all equal Thais. In the law strategy there mustn’t be the reds or the yellows . It must move on democratic politic with one standard.
10 minutes ago · Edited · Like..
 
Phayap Panyatharo มันไม่เหมือนปัญหาคอมมิวนิสต์ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว และค่อนข้างล้าหลังไปแล้ว คุณก็รู้ คอมมิวนิสต์ส่วนมากเป็นคนไทยพุทธ คุณสามารถจะพูดคุยกับชาวพุทธได้ แต่เป็นการยากเหลือเกินที่จะพูดคุยกับมุสลิม โดยเฉพาะพวกผู้ก่อการร้ายมุสลิมหัวรุนแรง ตัวอย่างนะครับ ปี 2000(2543) ศาสนาคริสต์เสนอยุทธศาสมตร์เพื่อการประนีประนอมระหว่างศาสนาโลก เรียกว่า ไดอาล็อก มีแต่พวกมุสลิมเท่านั้นที่ไม่เข้าใจอะไรเลยเกี่ยวกับคำว่า ไดอาล็อก ในขณะที่พุทธศาสนาในประเทศไทยมองว่าเป็นเล่เหลี่ยมกลโกงของฝ่ายศาสนาคริสต์ เพราะพวกเราพูดภาษามนุษย์แต่พวกมุสลิมพูดภาษาพระเจ้า ดังนั้นเมื่อรัฐบาลไทยหลายรัฐบาลที่ผ่านมาได้ทุ่มงบประมาณลงไปมหาศาล ทุ่มความช่วยเหลือด้านการพัฒนาลงไปอย่างมหาศาลในสามจังหวัดมุสลิมใต้ แต่พวกเขาก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไร ก็ยังคงฆ่าชาวพุทธ ฆ่าพระสงฆ์ ฆ่าครู ฆ่าไทยมุสลิม และฆ่าทหารต่อไป อะไรที่ท่านพูดถึงนโยบายการเมืองนำการทหารนั้น ก็ได้ใช้มากว่า 10 ปีแล้วแต่ไม่ประสบผลสำเร็จเลย นโยบายนี้ยังคงอยู่ห่างไกลมากจากความสำเร็จตามเป้าหมาย  ในเมื่อเราเป็นประเทศประชาธิปไตยแล้ว ทำไมไม่คิดถึงวิธีการของประชาธิปไตย นั่นคือสิ่งที่ข้าพเจ้าพูดอยู่ ในเรื่อง ยุทธศาสตร์กฎหมาย หลักการที่ว่าด้วยความเสมอภาคตามกฎหมายจะต้องดำรงไว้อย่างศักดิ์สิทธิ์ อาชญากรมุสลิมทั้งหลายจะต้องถูกลงโทษ เช่นเดียวกับอาชญากรผู้นับถือศาสนาอื่น ๆ ข้าพเจ้ายังมีตัวอย่างอีก 2 ตัวอย่าง ได้มีการระเบิดขึ้น 8 ครั้ง ในกรุงลอนดอน 8 แห่งในเวลาเดียวกัน สมัยนายโทนี แบล เป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษ คนอังกฤษทำอย่างไร? พวกอังกฤษทั้งประเทศ ได้แก่รัฐบาลอังกฤษ รวมทั้งสื่ออังกฤษ เช่น บีบีซี เป็นต้น ไม่พอใจเป็นอย่างมาก พวกเขาได้ตามล่าอาชญากร ที่พวกเขาตั้งชื่อว่า ผู้ก่อการร้ายมุสลิมหัวรุนแรง และสามารถเอาตัวมาได้ทั้งหมด โดยประชาชนอังกฤษให้ความช่วยเหลืออย่างดี คนอังกฤษเหล่านี้ พวกเขาเพียงคิดว่านี่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอังกฤษ จึงจำเป็นต้องตามค้นหาเอาตัวอาชญากรมาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมให้จงได้ นี่คือประชาธิปไตยที่แท้จริงที่มาพร้อมยุทธศาสตร์กฎหมาย มันจะต้องถูกสร้างเป็นวัฒนธรรมใหม่สำหรับประเทศประชาธิปไตยใหม่เช่นไทยหรือเมียนมาร์ ตัวอย่างที่สอง เป็นฝรั่งเศส ฝรั่งเศสไม่อนุญาตให้นักเรียนมุสลิมใช้ผ้าปิดคลุมใบหน้า เพราะเหตุที่ว่านักเรียนมุสลิมก็จำเป็นต้องมีความเสมอภาคในการแต่งกายเท่ากับนักเรียนคนอื่น มุสลิมไม่ควรมีสิทธิพิเศษในประเทศที่เป็นประชาธิปไตย นั่นก็เป็นเพราะว่าในระบอบประชาธิปไตยนั้นประชาชนทุกคนต้องมีความเสมอกัน...เสมอภาคกันในการที่จะเอา เสมอภาคกันในการที่จะให้.. ตามหลักการว่าด้วยความเสมอภาค นั่นก็คือความหมายที่ว่าในระบอบประชาธิปไตยไม่มีศาสนา ไม่มีชาวพุทธ ไม่มีชาวอิสลาม ไม่มีชาวคริสต์ และไม่มีชาวฮินดู ประชาชนทั้งหมดล้วนเป็นคนไทย คนไทยแต่ละคนมีอำนาจทางการเมืองเท่ากัน นั่นคือหนึ่งคนหนึ่งเสียง ในประเทศไทยประชาชนไทยทุกคนต่างก็เป็นคนไทยเสมอกันหมด ตามยุทธศาสตร์กฎหมายนี้ จะต้องไม่มีสีแดงหรือสีเหลือง ประเทศจะต้องเคลื่อนไปด้วยมาตรฐานอันหนึ่งอันเดียว.
 
 
 
  
 
12. ใจดีจัง รีบเยียวยาเชียวเลย เขา-เรา ไม่คิด
 
ขอสักนิดนะครับ เหลือทนจริงๆ
 
Ubon Chandachat likes this.
 
Phayap Panyatharo They came with full arms in the midnight. They meant to kill all the soldiers in the base. If they won they must have killed them all in the base. Don't you see they're committing a heavy deed a heavy sin. Then why you reward the devils and their bloods. In a justice way they and their bloods should have been judged to a heavy punishment. And they should take an oath to return to the right.
 
พวกเขามาในเวลาเที่ยงคืนสนิท พร้อมติดอาวุธเต็มรูปแบบ พวกเขาตั้งใจที่จะฆ่าทหารทุกคนในฐานทัพ ถ้าพวกเขาชนะ พวกเขาคงได้ฆ่าทหารตายไปเกลี้ยงค่ายแล้ว คุณไม่เห็นหรือว่าพวกเขาได้ประกอบกรรมอันหนัก ได้กระทำบาปอันหนัก แล้วคุณไปให้รางวัลแก่ปีศาจทำไม? ให้รางวัลแด่สายเลือดปีศาจทำไม ? หากมองด้วยความเป็นธรรมแล้ว พวกเขาและสายเลือดพวกเขาควรที่จะได้รับการตัดสินให้ถูกลงโทษสถานหนัก และควรให้รับสัตย์ปฏิญญาณที่จะกลับคืนกลับใจสู่ฝ่ายที่ถูกต้อง
 
Yesterday at 7:55pm · Edited · Like · 2..
 
Phayap Panyatharo Thank Burirum'Sanka-Secretary for your comment.
ขอบคุณนะครับสำหรับท่านเลขานุการสงฆ์บุรีรัมย์ ที่ออกความเห็นถูกใจ
23 hours ago · Like · 1
 
 
 
 
 
 
 
 
 
13. โหราศาสตร์
มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร VS พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ - หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม
 
ความเห็นที่ 43 (3353710) 
ตอบคุณอิทธิกร คห.42
 
 
 
 
 
 
 
 
สุขุมพันธ์ มีสิทธิได้เป็นผู้ว่า กทม.อีกสมัยไหมครับ?
 
  
กำลังตรวจสอบอยู่ครับ .... ในการเลือกตั้ง ผู้ว่า กทม.ครั้งนี้ เราจะพยายามรวบรวมชื่อผู้สมัครมาพิจารณาพร้อมกันเลยครับ เพราะบางทีก็มีความจำเป็นต้องมีการเปรียบเทียบด้วย เพื่อให้ชัดเจน
 
 
ดวงที่ 1 มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร
 
 
 
ดวงที่ 1 มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร
เกิด วันจันทร์ที่ 22 กันยายน 2495

ลักคณา โดยการคำนวณน่าจะอยู่ราศีเมถุน โดยเหตุผล (1) ด้านสกุลชาติ ที่สูงส่ง เป็นเชื้อพระวงศ์ (2) ด้านพื้นฐานการเศรษฐกิจที่ดี มีความอุดมสมบูรณ์ (3) ชีวิตสมรสที่ดี มีเกียรติและความสุข แต่มีบุตรธิดายาก มีน้อยคน 
สำหรับมรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร นั้น วิกิพีเดียบอกวันเกิดว่าเป็นวันจันทร์ที่ 22 กันยายน 2495...... เห็นได้ว่า มีกลุ่มประชาชนกทม. ชนชั้นสูงและผู้ดีจำนวนไม่น้อยให้การสนับสนุนอยู่ ถ้ามีการเลือกตั้งในวันที่ 17 ก.พ.2556 ตามข่าว ชาตานี้ก็คงประสบความสำเร็จแบบไม่ขายหน้า คือชนะใจชนกลุ่มดังกล่าว... ไปจนถึงอาจจะชนะก็ได้ ........   อย่างไรก็ตาม ดวงชะตานี้ได้บอกถึงการแตกสลายของพรรค และพวก อย่างแรง และบางทีอาจจะมีกรณีทางกฎหมายเกิดขึ้นก่อนก็ได้ .......อันเป็นจุดอ่อนที่เสี่ยงต่อการพ่ายแพ้ของชะตานี้ ............ เรากำลังคำนวณหาที่ตั้งลักคณาอยู่ ..........ในชั้นต้นนี้ เราพบว่าลักคณาของท่านน่าจะอยู่ราศีเมถุน จึงจะบอกไปถึงสกุลรุนชาติ หรือมีเชื้อสกุลกษัตริย์ ถึงชั้นหม่อมราชวงศ์ได้ .....   แต่ถ้าลักคณาอยู่ราศีเมถุนจริง   ก็จะสามารถสรุปได้เลยนะครับว่า ท่านจะผิดหวังอย่างแรงในการเลือกตั้งครั้งนี้ ....แพ้แน่ ๆ ...... แต่เรายังไม่สรุปนะครับ จะรอตรวจสอบอย่างละเอียดอีกทีหนึ่ง   จะตัดสินอีกทีหนึ่งนะครับ เมื่อรวบรวมชื่อผู้สมัครสำคัญ ๆ มาครบแล้ว และเมื่อมีการกำหนดวันเลือกตั้งแน่นอนแล้ว......... 
 
ช. โหรชนบท
19 ธ.ค.2555/22.15 น.
 
 
 
 [บทแทรกพิเศษภายหลังการพยากรณ์ไปแล้ว ของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ  เราได้ข้อมูลมาผิด โดยได้วันที่เกิดของท่านเป็นวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2489 แต่ความจริงท่านเกิดวันที่เดือน  เดียวกันนี้ แต่เป็น พ.ศ.2498  จึงได้ผลการคำนวณผิดความจริงไปถึง 9 ปี จึงย่อมทำให้การพยากรณ์ผิดไปหมด  จึงขอแจ้ง แทรกลงไว้ที่นี้ เพื่อท่านผู้อ่านได้กรุณาทราบความจริง จากการพยากรณ์ พง.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ขอขอบคุณครับ   บก./ม.ค.2561]
 
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ 
 
ดวงที่ 2 พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ
   
 
ดวงที่ 2 พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ
เกิดเมื่อวันจันทร์ ที่ 9 ธันวาคม 2489 
 
ดวงชะตาพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ โดยมุมดาวจรขณะนี้นับว่าดีมาก เป็นระยะที่จะได้เลื่อนตำแหน่ง เลื่อนฐานะทางราชการ ในด้านตำแหน่งลักคณา ก็ค่อนข้างจะจำกัดว่านอกจากราศีพิจิกแล้ว ก็ไม่มีราศีอื่นที่จะนำเจ้าชะตามาได้เป็นนายตำรวจใหญ่ได้ขนาด พลตำรวจเอกได้  ลักคณาของเจ้าชะตานี้จึงต้องอยู่ราศีพิจิก จึงจะมีสิทธิ์เป็นตำรวจระดับนายพลตำรวจเอกได้   และเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เมื่อราหู(๘)จรเข้าสู่ราศีตุล วันที่ 10 ธ.ค.2555 ก็บอกถึงโชคขนาดใหญ่แก่เจ้าชะตานี้ หากมีการเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ในระยะนี้ไปจนถึงเดือน พ.ค.2556 ก็บอกได้เลยว่ามีโอกาสจะชนะการเลือกตั้ง และหากวันเลือกตั้งเป็นวันที่ 17 ก.พ.2556 ก็จะเน้นชัดเจนไปว่าจะชนะการเลือกตั้งอย่างแน่นอน   
 
 
 
ดวงที่ 3 วันที่คาดว่าจะมีการเลือกตั้ง ผู้ว่า กทม. 
 
 
 
ดวงที่ 3 วันที่คาดว่าจะมีการเลือกตั้ง ผู้ว่า กทม.

วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2556 จะเห็นจันทร์(๒)จรเป็นมหาอุจ กุมกับพฤหัสบดี(๕)จรในราศีพฤษภ เล็งตรงไปยังราศีพิจิก ที่ตั้งลักคณา +อาทิตย์(๑)เดิม+พุธ(๔)+ศุกร(๖) นี่คือความหมายของความสำเร็จในเกียรติยศ ชื่อเสียง ฐานะการงาน การเลื่อนชั้นตำแหน่งงานไปอีกระดับหนึ่ง   พยากรณ์ได้ว่าจะชนะการเลือกตั้ง ผู้ว่ากทม.
 
 
 
 
 
 
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์
 เป็นที่น่าประหลาดใจว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ เกิดวันเดียวกันกับคุณหมอวรงค์ เดชกิจวิกรม สส.ปชป. จ.พิษณุโลก คือวันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม 2504  ดวงชะตาจึงมีระบบดาวทั้งสิ้นตรงกันหมด  ดังปรากฎในดวงที่ 4-ดวงที่ 5
 
 
ดวงที่ 4 ดวงชะตาคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์
ดวงที่ 5 ดวงชะตานายวรงค์ เดชกิจวิกรม

  
 
ดวงที่ 4 ดวงชะตาคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์
ดวงที่ 5 ดวงชะตานายวรงค์ เดชกิจวิกรม
 
คนคู่นี้เกิดวัน วันที่ เดือน และ พ.ศ.เดียวกัน  รูปดวงชะตาระบบดาวจึงเหมือนกัน อันเดียวกัน  และย่อมได้ผลของดวงดาวแบบเดียวกัน  ตามที่ได้ทำนายหมอวรงค์ไว้แล้ว   ข้อแตกต่างอยู่ที่ตัวแปรเดียวคือ เวลาเกิดที่แตกต่างกันเท่านั้น ซึ่งจะได้ตำแหน่งที่ตั้งลักคณาแตกต่างกัน   เมื่อดูความจริง ชีวิตจริง  โดยบุคลิกภาพ หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม  ค่อนข้างก้าวร้าว  ส่วนคุณหญิงสุดารัตน์ ค่อนข้างนุ่มนวล อ่อนหวาน ละมุน  นี่น่าจะบอกถึงเวลาเกิดที่แตกต่าง  และพอประมาณที่ตั้งลักคณาได้ ว่าอยู่คนละราศีแน่นอน  เมื่อพิจารณาตามประเด็นนี้แล้ว หมอวรงค์น่าจะอยู่ราศีมังกร  คุณหญิงสุดารัตน์ อยู่ราศีตุล  ตามนี้ผลของชะตาของคุณหญิงสุดารัตน์ ก็จะเบาบางลงไปในด้านอุบัติเหตุ
 
ช.โหรชนบท
3 ม.ค.2556/23.20 น.
 
 
หมายเหตุ   ภาพดวงชะตานับแต่ดวงที่ 1 ถึงดวงที่ 4-ดวงที่ 5  พร้อมคำอธิบายใต้ภาพ ถือเป็นคำพยากรณ์เพิ่มเติม ได้นำลงเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2556 เวลา 23.20 น. 
ช.โหรชนบท
4 ม.ค.2556/10.15 น.
  
 
 
 
 
 
 
ข้อมูลเพิ่มเติมและข้อพิจารณาเพิ่มเติม

รวมดวงชะตาผู้สมัครและคาดว่าจะสมัครรับเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ดวงชะตา :-
1. มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร
2.  พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ
3.  พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส
4.  นายปลอดประสพ สุรัสวดี
5.  คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ 
 
 
 
 
 
 
มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร

ดวงที่ 6 มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร
 
 
ดวงที่ 6 มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ดวงกำเนิด วันจันทร์ที่ 22 กันยายน 2495
 
ดวงชะตาของ มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ยังมีปัญหาเบื้องต้นที่จำเป็นต้องศึกษาหาข้อยุติที่ชอบด้วยเหตุผลของโหราศาสตร์ นั่นคือที่ตั้งลักคณา(หรือเวลาเกิด) เพราะจะเป็นประเด็นสำคัญในการชิงชัยจากการเลือกตั้งครั้งนี้อยู่อย่างเป็นประเด้นสำคัญ  

ตามคำอธิบาย ดวงที่ 1 มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร
เรามีสมมติฐานว่า ลักคณา น่าจะอยู่ราศีเมถุน โดยเหตุผล 3 ประการคือ 
(1) ด้านสกุลชาติ ที่สูงส่ง เป็นเชื้อพระวงศ์
(2) ด้านพื้นฐานการเศรษฐกิจที่ดี มีความอุดมสมบูรณ์
(3) ชีวิตสมรสที่ดี มีเกียรติและความสุข แต่มีบุตรธิดายาก มีน้อยคน

แต่ครั้นศึกษาจากประวัติ ได้พบว่าไม่สอดคล้องกับข้อ(3) ท่านมีการแต่งงาน 2 ครั้ง ไม่น่าจะตรงกับเหตุผลข้อ(3) และที่สำคัญ จนทำให้มั่นใจได้ว่าลักคณาของท่านไม่ใช่ราศีเมถุน ตามมติเดิม  เพราะเราได้พบว่าในการดำรงตำแหน่ง รมช.กต. รัฐบาลชวน วันที่ 14 พ.ย. 2540 ตามดวงที่ 7 และในการชนะการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกทม.เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2552 ตามดวงที่ 8 ซึ่ง 2 เหตุการณ์นี้ ไม่มีความสอดคล้องกับลักคณาราศีเมถุนเลยแม้แต่น้อย นั่นคือ  เจ้าชะตานี้ไม่น่าจะเกิดในช่วงเวลาของราศีเมถุนอย่างค่อนข้างแน่นอน
จึงต้องมาวิเคราะห์กันใหม่ว่า ในเมื่อลักคณาในราศีเมถุนไม่อาจจะสอดคล้องเหตุการณ์จริงแล้วลักคณาอยู่ราศีอะไร จึงจะมีผลให้เจ้าชะตาได้รับชัยชนะได้ตำแหน่ง รมช.กต. และได้ตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร    มาลองพิจารณาจากดวงที่ 7 และดวงที่ 8 ตามลำดับ  
 
 
 
ดวงที่ 7 มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร  
 
 
 
ดวงที่ 7 มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร แสดงถึงความสำเร็จ โดยได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐบาลนายชวน หลีกภัย วันที่ 14 พฤศจิการยน 2540
 
ในดวงที่ 7 นี้ จะเห็นว่าดวงดาวในจักรราศี มีเพียงดาวจันทร์(๒)เพียงดวงเดียวที่เด่นที่สุด เพราะเป็นมหาจักร และดาวดวงนี้ตั้งอยู่ ณ ราศีเมษ  จากนี้.... โปรดสังเกตดาวใหญ่ จะพบว่า ทั้ง 2 เหตุการณ์ ตามดวงที่ 7 และดวงที่ 8 มีดาวพฤหัสบดี(๕) จรในราศีมังกร ทั้ง 2 เหตุการณ์ ซึ่งเป็นตำแหน่งดาวดับแสงสนิทของพฤหัสบดี(๕)  แต่การที่ดาวพฤหัสบดี(๕)จรมายังตำแหน่งเดียวกันทั้ง 2 เหตุการณ์ ที่ห่างกันถึง 11 ปี  แล้วบันดาลให้เจ้าชะตาได้พบความสำเร็จถึง 2 ครั้ง นั้นแสดงว่าดวงชะตาได้รับอานุภาพจากดาวพฤหัสบดี(๕) ทั้ง 2 ครั้งจนได้ชัยชนะ และครั้นเมื่อมองว่ามีอานุภาพดาวพฤหัสบดี มีต่อชัยชนะของเหตุการณ์ทั้ง 2 ครั้งนั้น ลักคณาจะต้องอยู่ราศีเมษเท่านั้น   
 
 
ดวงที่ 8 มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร
 
 
ดวงที่ 8 มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร แสดงถึงความสำเร็จ โดยได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในการเลือกตั้งวันที่ 11 มกราคม 2552
 
ดวงที่ 8 นี้ก็เช่นเดียวกับดวงที่ 7 หากลักคณาอยู่ราศีเมถุน ก็ไม่น่าจะชนะได้เป็น รมช.กต. และไม่ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกทม.เลย แต่การที่มีดาวพฤหัสบดี(๕)ดับแสงสนิทในราศีมังกร เหมือนคราวที่ได้เป็น รมช.กห.  ทำให้เห็นได้ว่า ชัยชนะทั้ง 2 ครั้งนั้น มาจากอิทธิพลของดาวพฤหัสบดีจรในราศีมังกรเหมือนกัน  ทำให้ตัดสินใจง่ายขึ้น นั่นคือลักคณาจะต้องอยู่ที่ราศีเมษแห่งเดียวเท่านั้น จึงจะประสบความสำเร็จโดยอำนาจของดาวพฤหัสบดี(๕)จรในราศีมังกร
จึงสรุปได้อย่างค่อนข้างมั่นใจว่าตำแหน่งลักคณาของดวงชะตาท่าน มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ตั้งอยู่ ณ ราศีเมษ และน่าจะเป็นช่วง มหัทธโนฤกษ์ เวลาเกิดอยู่ระหว่าง 21.04 - 21.57 น. (ตามล็อคของท่านอาจารย์ญาณโชติ; ชัยมงคล อุดมทรัพย์)  อนึ่ง เมื่อลักคณาอยู่ราศีเมษ ก็ยังคงความหมาย ของเหตุผล  สำหรับลักคณาอยู่ราศีเมถุนอยู่ ถึง 2 ข้อแรก ส่วนข้อ (3)-(4) ดูเหมือนจะตรงความจริงยิ่งกว่า  นั่นคือ
(1) ด้านสกุลชาติ ที่สูงส่ง เป็นเชื้อพระวงศ์
(2) ด้านพื้นฐานการเศรษฐกิจที่ดี มีความอุดมสมบูรณ์
(3) มีสติปัญญาทางการเรียนรู้การศึกษาดีมากและอยู่ระดับปริญญาโท ถึงปริญญาเอก สบาย  
(4) ชีวิตสมรสที่ดี มีเกียรติและความสุข แต่ดูเหมือนจะมีปัญหาของชีวิตครอบครัว มีมนทิล มีการพลัดพราก (ในความจริงท่านมีการสมรส 2 ครั้ง)  มีบุตรธิดายาก มีน้อยคน 
 
 
ดวงที่ 9 มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร
 
 
 
ดวงที่ 9 มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร แสดงถึงการตกของดวงชะตา เพราะเป็นวันพ้นจากตำแหน่ง รมช.กต. ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2543
 
วันที่พ้นจากตำแหน่ง รมช.กต.รัฐบาลชวน จะเห็นว่าขณะนั้นดาวเสาร์(๗)จรเป็นนิจอยู่ราศีเมษ ทับลักคณาในราศีเมษ และมีดาวพุธ(๔)กาลกิณีจร เล็งราศีเมษ ดาวอังคาร(๓)เจ้าเรือนราศีเมษจรอยู่ภพอริ  นี่เป็นการเน้นย้ำว่าลักคณาอยู่ราศีเมษ ธาตุไฟ
 
 
ดวงที่ 10  วันเลือกตั้งผู้ว่ากทม. ตามที่ กกต.กำหนด
 
 
 
ดวงที่ 10   วันที่คาดว่าจะเลือกตั้งผู้ว่ากทม. ตามที่กกต.กำหนด
               วันที่
3 มีนาคม 2556
 
หากมีการกำหนดให้วันที่ 3 มีนาคม 2556 เป็นวันเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจริง ก็จะพบว่า เป็นวันที่ดีที่สุดสำหรับ มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร  ผู้มีลักคณาอยู่ราศีเมษ โดยเฉพาะ ..... จนดูเหมือนว่าวันเลือกตั้งครั้งนี้เป็นยุทธศาสตร์อันสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์....ยุทธศาสตร์แห่งดวงดาวโดยเฉพาะ  ที่ถูกกำหนดโดยผู้เชี่ยวชาญฝ่ายโหราศาสตร์  โดยหวังว่าจะต้องนำชัยชนะมาสู่ มรว.สุขุมพันธ์ ด้วยระบบดาวจรวันเลือกตั้งนี้อย่างแน่นอน  และทำให้การต่อสู้ชิงตำแหน่งผู้ว่ากทม.เข้มจัดขึ้น และ มรว.สุขุมพันธ์ มีแนวโน้มสูงจริงที่จะชนะการเลือกตั้ง   ดวงชะตาวันนี้ ราวกับถูกกำหนดโดยโหราจารย์เลยทีเดียว เพื่อที่จะเอื้อให้ มรว.สุขุมพันธ์ ชนะโดยแท้จริง
 
แต่จะชนะจริงหรือไม่ ?   มีข้อพิจารณา ดังนี้คือ
 
1.   การที่หวังว่าดาวจรในราศีกุมภ์ทั้ง 5 ดวง คือ ศุกร(๖)+อังคาร(๓)+เกต(๙) + พุธ(๔) + อาทิตย์(๑) จะส่งพลังแรงจัดจนได้ชนะการเลือกตั้งนั้น นับว่ามีเหตุผลตามหลักการโหราศาสตร์อย่างแท้จริง ถ้ามองเพียงจุดนี้ ก็น่าตกตื่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเข้มข้นอย่างยิ่ง และ มรว.สุขุมพันธ์มีสิทธิ์ ขึ้นแป้นชัยชนะแน่นอน ....
 
2.  แต่ในดวงชะตานี้ ได้มีดาวมฤตยู(๐)เดิมอยู่ที่ราศีเมถุน (โปรดตรวจเช็คข้อเท็จจริงนี้ให้แน่นอน เพราะตรงนี้จะให้ความหมายอันยิ่งใหญ่....นี่ก็เป็นทฤษฎีหนึ่งแห่งโหราศาสตร์)  การที่มีดาวขนาดใหญ่อย่างมฤตยู(๐) เป็น 60 องศาด้านหน้าแก่ลักคณา และมีดาวจรอีก 5 ดวงเป็น 60 องศาด้านหลังแก่ลักคณา นั่นคือสภาวะที่ถูกตรึง ไม่ให้เคลื่อนไหว...... 
 
3.  แต่เท่านี้ยังไม่พอ ยังมีอีกจุดยุทธศาสตร์หนึ่ง ที่ราศีตุล [(จะต้องตรวจเช็คข้อเท็จจริงให้แน่นอนว่า มีดาวจันทร์(๒)เดิมอยู่ ณ ราศีนี้]...ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ ตรงนี้จึงกลายเป็นจุดพ่ายแพ้อย่างแหลกราญอีกจุดหนึ่งของดวงชะตา มรว.สุขุมพันธ์  บริพัตร เพราะพลังเสาร์(๗)+ราหู(๘)กาลกิณีจร เข้าทับจันทร์(๒)เดิม และเล็งตรงไปยังลักคณาที่ราศีเมษ [เข้าทฤษฎีเสาร์เพ่งเล็งลักคณ์...ลักษณะดวงแตก...เพราะราหู(๘)จรเป็นกาลกิณีจร]
 
4.  ดาวพฤหัสบดี(๕)จร  ซึ่งเป็นดาวอำนวยโชคและความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่มา 2 ครั้ง ตามดวงที่ 7 และ ดวงที่ 8 บัดนี้จรเป็นมนตรีจรอยู่ ณ ราศีพฤษภ แต่คราวนี้ดาวดวงนี้ให้คุณแบบปกติ มีฐานะดาวปกติธรรมดา ไม่พิเศษแต่อย่างใด  แต่แสดงถึงคู่แข่งหรือปฏิบัติการของคู่แข่งที่แรงและหนาแน่น ยากที่จะฝ่าฟันไปได้
 
5.  สรุปจาก 1+2+3+4 ท่านมรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร แพ้เลือกตั้งครั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว
 
 
 
 
พล.ต.อ.พงศ์พัศ พงษ์เจริญ

ดวงที่ 11 พล.ต.อ.พงศ์พัศ พงษ์เจริญ
 
 
 
ดวงที่ 11 พล.ต.อ.พงศ์พัศ พงษ์เจริญ  ยืนยันตำแหน่งที่ตั้งลักคณาคือ ราศีพิจิก
 
ทั้งนี้ก็เพราะ จากประวัติเจ้าชะตา ได้พบว่าเคยถูกคดีความ เป็นโขมย   นั่นก็ถูกต้องกับลักคณาในราศีพิจิก  จึงยืนยันได้ว่า ลักคณาของดวงชะตา พล.ต.อ. พงศพัศ พงษ์เจริญ อยู่ ณ ราศีพิจิกและยืนยันว่า จะชนะการเลือกตั้ง ได้เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ไม่ว่าจะมีการเลือกตั้งวันเดิม คือวันอาทิตย์ที่ 17 ก.พ.2556 หรือมีการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม 2556  
 
 
 
 
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวศ

ดวงที่ 12   พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวศ
 

ดวงที่ 12 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวศ
 
ชะตาวันเลือกตั้ง 3 มี.ค.2556 บอกไปถึงอุปสรรค+คู่แข่ง+ความขัดแย้งถกเถียงกันในพวกตนเองมากเกินไป ทำให้แก้ปัญหาได้ยาก และไม่ปรากฎว่ามีสัญลักษณ์แห่งดาวชัดเจนพอที่จะได้ตำแหน่งสำคัญอะไร  น่าจะยังไม่ใช่เวลาของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส
 
 
 
 
 
นายปลอดประสพ สุรัสวดี
 

ดวงที่ 13
นายปลอดประสพ สุรัสวดี
 
 
ดวงที่ 13   นายปลอดประสพ สุรัสวดี
 
เป็นระยะที่ต้องระมัดระวังในการทำงานการขนาดใหญ่ อาจจะพลาด หรือสะเพร่าได้  
 
 
 
 
 
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์

ดวงที่ 14 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์
 
 
ดวงที่ 14 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์
 
ดวงชะตาอยู่ในระยะที่ไม่ใช่การบ้าน การเมือง  แต่อยู่ระหว่างอันตรายจากอุบัติเหตุ  และการหยุดสดุดลง โปรดดูคำอธิบายใต้ ดวงที่ 4-ดวงที่ 5
 
 
 
 
 
ดวงชะตาพรรคประชาธิปัตย์
 
ดวงที่ 15 ดวงชะตาพรรคประชาธิปัตย์
 
 
ดวงที่ 15 ดวงชะตาพรรคประชาธิปัตย์
 
ตามเหตุผลทางโหราศาสตร์ล้วน ๆ ดวงชะตาพรรคประชาธิปัตย์อยู่ในระหว่างจนมุมและตกอับ เหมือนถูกตรึง เป็นอัมพาต และเสื่อมทรามลงไปตามลำดับ  และจะอยู่ในสถานะนี้ไปอีกเนิ่นนานถึง 2 ปีครึ่งข้างหน้า  ในวันเลือกตั้งที่ 3 มีนาคม 2556 นั้น ดาวจร 5 ดวงในราศีกุมภ์ คือศุกร(๖)+อังคาร(๓)+เกต(๙) + พุธ(๔) + อาทิตย์(๑) + ดาวเดิมอีก 2 ดวงคือ พุธ(๔)กาลกิณีเดิม + เกต(๙)เดิม  รวมเป้นพลังดาวถึง 7 ดวงเล็งตรงไปยังลักคณาในราศีสิงห์  ความหมายคือ พรรคประชาธิปัตย์ตกที่นั่งลำบากไปกว่าเดิมอีกหลายเท่า บอกถึงการพังของพรรคประชาธิปัตย์ครั้งใหญ่  นั่นก็คือความหมายของการพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ในกทม. นั่นเองจะเป็นอีกปัจจัยเหตุให้พรรคนี้เสื่อมทรามลงไปกว่าเดิม  
 
 
 
ดวงชะตาพรรคเพื่อไทย
 
ดวงที่ 16 ดวงชะตาพรรคเพื่อไทย 
 
 
 
 ดวงที่ 16 ดวงชะตาพรรคเพื่อไทย 
 
ในช่วงเวลาระหว่างนี้ไปถึงเดือนกันยายน 2556 เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดปลอดภัยที่สุดของพรรคเพื่อไทย จะประกอบด้วยพลังอันสุขุมรอบคอบหนักแน่น และความสำเร็จ  ในวันเลือกตั้งที่ 3 มีนาคม 2556 น่าเป็นวันที่มีการฉลองของพรรคเพื่อไทย  หมายความว่าชนะในสนามเลือกตั้งกทม.
 
 
บทสรุป  
 
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ  จะชนะการเลือกตั้ง วันที่ 3 มีนาคม 2556  ได้เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร  
 
ช.โหรชนบท
9 ม.ค. 2556/ 21.50 น.
 
 
 
 
 
                                                                            
 
 
 
                                                         
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ติดตามเรื่องราวทั้งหมดของหนังสือพิมพ์ดี
ได้ทางเวบไซต์ของเรา คือ
 
และ
www.facebook.com phayap panyatharo
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 




ดี เล่มที่ 45 - 53 + 54 + 55+56+57+58+59+ 60

หนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 28
หนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 29
หนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 30
ดี เล่มที่ 45
ดี เล่มที่ 46
ดี เล่มที่ 47
ดี เล่มที่ 49
ดี เล่มที่ 50
ดี เล่มที่ 51
ดี เล่มที่ 52
ดี เล่มที่ 53
ดี เล่มที่ 54
ดีเล่มที่ 55
ดีเล่มที่ 56
ดีเล่มที่ 57 BUDDHISM toTHE NEWWORLD ERA
ดีเล่่มที่ 58 Buddhism to the New world Era
ดีเล่มที่ 59
การเมืองเสนอให้คิด คนไทยไปสู่ประชาธิปไตยจริงๆ ชุดที่ 1-5 18เรื่องต้นฉบับไทยสมบูรณ์



แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.
----- ***** ----- โปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate นี่คือเวบไซต์คู่ www.newworldbelieve.com กับ www.newworldbelieve.net เราให้เป็นเวบไซต์ที่เสนอธรรมะหรือ ความจริง หรือ ความคิดเห็นในเรื่องราวของชีวิต ตั้งใจให้ธัมมะเป็นทาน ให้สิ่งที่เป็นประโยชน์แด่คนทั้งหลาย ทั้งโลก ให้ได้รู้ความจริงของศาสนาต่าง ๆในโลกวันนี้ และได้รู้ศาสนาที่ประเสริฐเพียงศาสนาเดียวสำหรับโลกยุคใหม่ จักรวาลใหม่ เรามีผู้รู้ ผู้ตรัสรู้ ผู้วินิจฉัยสรรพธรรมสรรพวิชชา สรรพศาสน์ และสรรพศาสตร์ พอชี้ทางสู่โลกใหม่ ให้ความสุข ความสบายใจความมีชีวิตที่หลุดพ้นไปสู่โลกใหม่ เราได้อุทิศเนื้อที่ทั้งหมดเป็นเนื้อที่สำหรับธรรมะทั้งหมด ไม่มีการโฆษณาสินค้า มาแต่ต้น นับถึงวันนี้ร่วม 14 ปีแล้ว มาวันนี้ เราได้สร้างได้ทำเวบไซต์คู่นี้จนได้กลายเป็นแดนโลกแห่งความสว่างไสว เบิกบานใจ ไร้พิษภัย เป็นแดนประตูวิเศษ เปิดเข้าไปแล้ว เจริญดวงตาปัญญาละเอียดอ่อน เห็นแต่สิ่งที่น่าสบายใจ ที่ผสานความคิดจิตใจคนทั้งหลายด้วยไมตรีจิตมิตรภาพล้วน ๆ ไปสู่ความเป็นมิตรกันและกันล้วน ๆ วันนี้เวบไซต์นี้ ได้กลายเป็นโลกท่องเที่ยวอีกโลกหนึ่ง ที่กว้างใหญ่ไพศาล เข้าไปแล้วได้พบแต่สิ่งที่สบายใจมีความสุข ให้ความคิดสติปัญญา และได้พบเรื่องราวหลายหลากมากมาย ที่อาจจะท่องเที่ยวไปได้ตลอดชีวิต หรือท่านอาจจะอยากอยู่ณโลกนี้ไปชั่วนิรันดร ไม่กลับออกไปอีกก็ได้ เพียงแต่ท่านเข้าใจว่านี่เป็นแดนต้นเรื่องเป็นด่านข้ามจากแดนโลกเข้าไปสู่อีกโลกหนึ่ง และซึ่งเป็นโลกหรือบ้านของท่านทั้งหลายได้เลยทีเดียว ซึ่งสำหรับคนต่างชาติ ต่างภาษาต่างศาสนา ได้โปรดใช้การแปลของ กูเกิล หรือ Google Translate แปลเป็นภาษาของท่านก่อน ที่เขาเพิ่งประสบความสำเร็จการแปลให้ได้แทบทุกภาษาในโลกมนุษย์นี้แล้ว ตั้งแต่ต้นปีนี้เอง นั้นแหละเท่ากับท่านจะเป็นที่ไหนของโลกก็ตาม ทั้งหมดโลกประมาณ 7.6 พันล้านคนวันนี้ สามารถเข้ามาท่องเที่ยวในโลกของเราได้เลย เราไม่ได้นำท่านไปเที่ยวแบบธรรมดาๆ แต่การนำไปสู่ความจริง ความรู้เรื่องชีวิตใหม่ การอุบัติใหม่สู่ภาวะอริยบุคคล ไปสู่การเปลี่ยนแปลงไปพ้นจากทุกข์ ทั้งหลายไปสู่โลกแห่งความสุขแท้นิรันดร คือโลกนิพพานขององค์บรมศาสดาพุทธศาสนา พระบรมครูพุทธะ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพียงแต่ท่านโปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate ท่านก็จะเข้าสู่โลกนี้ได้ทันทีพร้อมกับคน7.6พันล้านคนทั้งโลกนี้. ----- ***** ----- • หมายเหตุ เอาขึ้นเวบไซต์ แทนของเดิม ทั้ง 2 เวบ .net .com วันที่ 21 เม.ย. 2565 เวลา 07.00 น. -----*****-----