Mystery World Report 23
ศึกษาโลกลี้ลับ ภาคภาษาไทย ตอนที่ 23
นี่คือการบันทึกข้อมูล เพื่อการวิจัยศาสตร์ลี้ลับ
สงครามไสยศาสตร์ ภาค 2
เดิมผมคิดว่าในพรรษา 2553 นี้เรื่องราวของผมจะเดินไปด้วยดี เกี่ยวกับการฝึกฝนวิชาทั้ง 5 ประการ และภาระที่คั่งค้างคือการเดินทางไปเยี่ยมเยียนแผ่นดิน แผ่นภูมิแห่งนรก พบเทพเจ้าแห่งความตาย หรือยมราชเจ้า แต่แล้วก็ไม่ได้เป็นไปดังคาด และสาเหตุก็มาจากความกังวล หลายอย่าง และเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อไม่จบลง ที่สำคัญ ผมยังคงถูกรบกวนต่อมาจากปัญหา ผีปอบ เพราะภายหลังที่จัดการถอนวิชาของมันแล้ว ต่อมาไม่นาน มันได้ทำการฟื้นวิชาของมันขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ด้วยความพยายามอย่างรุนแรงของมัน แบบถวายชีวิต (แบบที่มันกล้าเอาหัวเข่าโขกกับพื้นดินอย่างแรง ๆ เพื่อปลุกวิชา หรือสภาพจิตอันเดิมของมัน ฯลฯ) โดยมีพี่เขยของมันกับแม่ของมันรวมทั้งสายเชื้อสายตระกูลของมันห้อมล้อมมาช่วยฟึกฟื้นขึ้นมาใหม่ และมันแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม คุยโวโอ้อวดใหญ่โตไปกว่าเดิม ว่ามันสำเร็จวิชากายทิพย์ไปแล้ว ใครทำอันตรายไม่ได้ และยิ่งแสดงถึงจิตใจที่ไร้มนุษยธรรม แต่แสดงถึงความเป็นอมนุษย์ชัดเจนไปเรื่อย นั่นคือมันไม่ละเลิกความอาฆาตพยาบาท จนกระทั่งผมไม่คิดว่าคนเราทั่ว ๆ ไปจะมีแรงอาฆาตพยาบาทแรงอย่างนี้ และนี่เป็นคุณสมบัติเฉพาะของผี ผีปอบ มันทำให้ได้ข้อสรุปว่าตราบใดที่มันยังมีชีวิตอยู่ มันก็ยังคงความอาฆาตพยาบาทเอาไว้ ในที่นี้ก็เป็นที่รู้กันอย่างเปิดเผยว่า ครอบครัวนายกุณฑล คู่อริ จะต้องพินาศล่มจม ถึงแก่ชีวิตไปทั้งครอบครัว ตามที่มันประกาศ และรวมถึงผมเองด้วย จะต้องตาย และนั่นเป็นเรื่องร้ายแรง เพราะการอาฆาตของมันนั้น หมายถึงการพยายามเอาชีวิตของฝ่ายลูกศิษย์ พลเมืองในการดูแลของผม ฉะนั้น สงครามไสยศาสตร์จึงมีภาค 2 เริ่มขึ้นบัดนี้
ทบทวนข้อสรุปจากตอนที่แล้ว
29 ส.ค. 2553 สรุป ตอนที่ 22 นายประเทือง จอมขมังเวทปอบเสื่อมฤทธิ์ลงไปเกลี้ยง ทำอะไรด้วยไสยเวทไม่ได้อีกต่อไป แต่กลายเป็นเรื่องของคนที่คั่งแค้น กลัดอก เขากำลังจะกลายเป็นคนบ้าโรควิกลจริตในเร็ว ๆ วันนี้ ตามคำพยากรณ์หรือไม่ น่าติดตาม
ข้อมูลใหม่
ในเดือนกันยายน 2553 ได้รับรายงานมาเป็นระยะ ๆว่า นายประเทือง ผู้ถูกพระอาจารย์ชำระวิชาปอบ ได้พยายามฟื้นกระบวนวิชาปอบขึ้นมาใหม่ มีคนตายที่บ้านตะดอบบ่อย รายงานมาว่าเมื่อมีคนตายทุกคืนนายประเทืองจะออกจากบ้านพักไปที่บ้านศพ และเฝ้าศพอยู่ตลอดคืน แล้วก็หายไปทั้งคืน แล้วมีพี่เขยกับพี่สาวของมันมาดูแลรักษา หากนายประเทืองมีความเจ็บป่วยหรือโดนคุณไสย จะมีแม่ พี่เขย พี่สาวเขามาช่วยทำพิธีที่บ้าน คราวนี้จะเป็นการทำพิธีกรรมกันเป็นหมู่ ตลอดคืน ซึ่งนายกุณฑล กับนางพิมพา แอบดูและสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด โดยวิธีนี้นายประเทืองก็มีทางที่จะฟื้นวิชามันได้สำเร็จ ครั้นมาปรากฎว่ามีการกระทำแก่เด็กหญิงตัวน้อย อายุ 3 ขวบ หลานสาวของนายกุณฑล กับนางพิมพา บ้านใกล้เรือนเคียงนั่นเอง ในเวลาต้นเดือน ก.ย. 2553 โดยเวลาดึก ปรากฎเด็กหญิงล้มเจ็บลงอย่างกะทันหัน โดยไม่ทราบสาเหตุ แต่อาการเป็นเฃ่นที่เคยเป็น เมื่อนายประเทืองทำพิธีกรรมขึ้น ในคืนวันนั้น จนต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล มีอาการที่หมอค้นไม่พบ แต่ความร้อนขึ้นสูงจัด ตัวอ่อนปวกเปียกอย่างกับไม่มีกระดูก หมดสติลมหายใจอ่อนเหมือนคนใกล้ตาย และที่สุดรายงานมายังพระอาจารย์ ให้ช่วยดูแลแก้ไข ด้วยเชื่อว่าถูกกระทำทางคุณไสยอีกแล้ว พระอาจารย์ รีบประกอบพิธีกรรมแก้ไข แล้วตรวจสอบผลทันที นั่นคือ เพียงไม่กี่นาทีถัดไป โทรศัพท์ไปถามอาการ พบว่าเด็กก็ฟื้นคืน หายจากความป่วยอย่างน่าประหลาดใจ เป็นปกติ
แต่เรื่องที่ปอบฟื้นวิชาได้ตามรายงานนี้ ข้าพเจ้า พระอาจารย์ผู้บันทึกยังมองว่า ชวนให้น่าสงสัย ไม่น่าเชื่อว่านายประเทืองจะสามารถฟื้นคืนอำนาจขึ้นมาได้ แต่วิธีการที่ไปสนิทกับศพนั้นนั่นแหละเป็นวิธีการเบื้องต้น แต่น่าสงสัย ว่ามันจะทำได้หรืออย่างไร ? ใครสอนวิชานี้ให้มัน ? หรือมันเดาสุ่มทำไปจนไปพบหลักวิชาเอาเอง ? และนอกจากนี้ ได้รับรายงานว่า นายประเทืองออกอาการกระตือรือร้น คุยโวโอ้อวดใหญ่โตไปทั่วบ้านว่ามันได้สำดร็จวิชากายทิพย์แล้ว จะไม่มีใครอาจทำอันตรายมันได้อีกต่อไป นั้น ก็จะต้องได้มาจากศพนี่เอง แต่มันทำได้สำเร็จจริงหรือ ? เพราะแนวนี้คือแนววิชากสิณชนิดสลับซับซ้อนบนพื้นฐานของวิชาอื่นอีกผสมผสานกัน มันจะอาจทำได้หรือ ?
นั่นเป็นข้อสงสัยของข้าพเจ้า และเป็นหน้าที่ที่จะต้องทำการพิศูจน์เพื่อทราบความจริง จนชัดเจน จนปราศจากความสงสัยอีกต่อไป
10 ก.ย. 2553
03.14 - 04.08 น. ทำพิธีขึ้นบ้านใหม่ให้ตัวเอง ข้าพเจ้าได้รับนิมนต์ให้ย้ายไปอยู่กุฏิอำนวยสุข วันนี้เวลานี้ เป็นฤกษ์เข้าอยู่ ประกอบพิธี มีสงฆ์หมดวัดมาร่วมพิธี (17 รูป) ฤกษ์นี้เป็นฤกษ์ร่ำรวยมีลาภผลมหาศาล
ฟื้นวิชาชั่วร้ายเพื่อการร้ายอีกครั้ง
14 ก.ย. 2553
13.20 น. นายกุณฑลโทรศัพท์มารายงานว่า นางพิมพา ยายของหลานมด (เกศรินทร์) ถูกเป่าหู ทำให้เลอะเลือน งวยงง ไม่ได้สติ พูดเพ้อเจ้อไปต่าง ๆ ซึ่งเป็นอาการเช่นเดียวกับที่นายประเทืองเคยทำกับนางมาก่อนหน้าที่มีเรื่องลามกอนาจารเกิดขึ้นกับหลานมด โดยแต่ก่อนเกิดเรื่องนั้น นายประเทือง ได้ใช้เวทมนต์เป่าให้นางพิมพางวยงง เลอะเลือน ไร้สติ แล้วอุ้มเอาหลานไปเที่ยวทำอนาจารเป็นประจำ จนที่สุดพยายามร่วมเพศกับเด็กหญิง แต่ไม่สำเร็จ เป็นเหตุให้เรื่องราวถึงตำรวจ และถึงพระอาจารย์เป็นครั้งแรกนั้น
ส่วนนายกุณฑลเอง เชื่อโดยปราศจากความสงสัยว่านายประเทืองสามารถฟื้นคืนวิทยายุทธมันอีกหน และเริ่มใช้วิชาเป่าให้นางพิมพาเกิดหูแว่ว และถูกครอบงำด้วยวิชาสกดจิต จึงรายงานให้พระอาจารย์ช่วยด่วน
ฟังแล้วตกใจเหมือนกัน รีบบอกกลับไปว่าไม่ต้องกลัว เดี๋ยวหลวงพ่อจะไปกระทืบมันเดี๋ยวนี้ พูดโทรศัพท์จบ ขณะนั้นมีโยมห้อมล้อมอยู่เต็มกุฎี ..... ขอเวลาโยม 5 นาที เข้าสมาธิ ........ พอได้ 3 นาที ก็โทรไปถามว่า เป็นอย่างไร .... ตอบกลับมาว่า คืนเป็นปกติแล้ว.....นางพิมพาหายฟื้นเป็นปกติอย่างอัศจรรย์ โยมที่แวดล้อมคงไม่เข้าใจอะไร คงนึกว่าพูดเล่น ๆ อะไรทำนองนั้น .....
วิเคราะห์ นี่เป็นสัญญาณของการฟื้นตัวฟื้นวิชาของผีปอบ และนี่เป็นเหตุของความผยองของมันจนกล้าโอ้อวดไปว่า ตนเองได้กายทิพย์ ใครฆ่าไม่ตาย และใครที่ทำกับมันจะต้องตายเรียบเกลี้ยงทั้งบ้าน แต่ครอบครัวนายกุณฑลก็มิได้เกรงกลัวมันอีกต่อไป เพราะได้รับการอบรมจากหลวงพ่อ ๆ ถ่ายทอดคาถาอาคม ให้ไป และที่สำคัญหลวงพ่อเป็นที่พึ่งได้เสมอ ทำให้อุ่นใจ และยังได้รับคำพยากรณ์ ว่าฝ่ายตนกำลังเข้มแข็ง ฝ่ายนายประเทือง ผีปอบเองกำลังเดินไปสู่หายนะ วันพินาศถูกกำหนด เป็นวันที่ 20 ต.ค.2553 นับเวลาไป 1 ปีเต็ม ๆ มันจะอยู่ในนรกหมกไหม้ ไม่ตายก็ไปไหนไม่ได้อีก ทั้งนี้จากการคำนวณตามหลักวิชาโหราศาสตร์ไทยโดยพระอาจารย์มือปราบผีปอบ พบว่าดวงระบบดาวฆาต ของนายประเทือง อยู่ระหว่างวันที่ 20 ต.ค. 2553 ถึง 20 ต.ค. 2554 ระยะอันตรายอยู่ระหว่าง 20 - 30 ต.ค. 2553 เป็นเกณฑ์ฆาตต้น
ทดสอบอาถรรพณ์เวทย์
21 ก.ย. 2553 ออกบิณฑบาต เริ่มวันนี้ เพื่อการฝึกปรือทบทวนวิทยายุทธรับมือศึกไสยศาสตร์
และพร้อมกันนี้เริ่มทำพิธีกรรม เรียกว่าพิธีเย็น มันจะไม่รู้สึกตัว จะยังคงหลงคะนองไป แต่พิธีกรรมเย็นจะค่อยซึมเข้าไปสู่ตัวมัน และแสดงอานุภาพลดทอนอำนาจลงไปอย่างช้า ๆ ที่สำคัญเป็นพิธีใส่อาถรรพณ์แก้ ไม่ได้มุ่งทำอันตรายโดยตรง (ที่จริงเป็นการทดลอง มีโอกาสก็ทดลองดู....)
4 ต.ค. 2553 มอบไม้เท้าประดู่ ตกทอดมาจากเกจิอาจารย์บ้านหนองหมากแซว ศรีสะเกษ ให้นายกุณฑลไปใช้ปราบผีปอบ ไม้เท้าอันนี้นายแพทย์......ท่านได้เป็นของรางวัลจากเกจิอาจารย์บ้านหนองหมากแซว กันทรารมย์ ศรีสะเกษ แล้วมาดำริว่าเป็นไม้เท้าของพระสาวกตนไม่ควรใช้ ควรถวายต่อ จึงนำมาถวาย........... พบว่าเป็นไม้เท้าประดู่กลมเกลี้ยงจนออกมันแผลบ ยาวประมาณ 1 เมตร เรียวลงไปแต่หัวไม้เท้าถึงปลาย มีน้ำหนักตึง ๆ มือน่าเลื่อมใสสมกับเป็นของเกจิอาจารย์ดัง ได้ประจุพระคาถาพิเศษก่อนมอบให้ไป (ก่อนหน้านี้ให้แส้ลงยันต์ไปใช้ตีปอบขนาดเบา บัดนี้ไม้เท้าขนาดหนัก ใช้แล้วถึงตายเลยทีเดียว)
5 ต.ค. 2553
11.10 น. รายงานมาว่าปอบนอนตั้งแต่คืนวานนี้ เช้านี้พี่เขยมันซึ่งเป็นปอบผู้พี่ เรียนวิชามาจากสำนักเดียวกัน (ว่าสำนักบ้านมะกอก ศรีสะเกษ) มาดูแล
ความฝันประหลาด
6 ต.ค. 2553
03.40 น. ฝันประหลาด บันทึกไว้ในสมุดดวงชะตา
...........................................
08.00 น. นายกุณฑลมารายงานเรื่องราว ว่านายประเทืองดูมันจะเป็นบ้าไปแล้ว วิกลจริต กลางคืนมันไม่นอน และนายกุณฑลก็ไม่นอนเหมือนกัน เฝ้าติดตามดูว่ามันทำอะไร อย่างไร
เมื่อคืน 5 ต.ค.2553 มันทำพิธีกรรมทั้งคืน และตอนดึก ๆ ได้ยินมันกับแม่มันดุด่ากัน แม่มันซึ่งนอนอยู่ชั้นบนว่าทำไมไม่นุ่งผ้า ขึ้นมาทำไม ไปนุ่งผ้านุ่งผ่อนเสีย
นายกุณฑลถามว่าพระอาจารย์ทำอย่างไร บอกว่าวิชาเย็น ไม่ต้องตกใจ ถึงอาการจะไม่ปรากฎแต่มันซึมเข้าไปอย่างไม่รู้ตัว
เราทำการทดลองวิชาเย็น มาตลอด ทุกวัน ตั้งแต่ 21 ก.ย. 2553 มาแล้ว
ล้มอีกครั้งหนึ่งแต่ปิดข่าวเงียบ
7 ต.ค. 2553
รายงานมาว่า วันพุธที่ 6 ต.ค.2553 นายประเทืองป่วย มันล้มอีกครั้งหนึ่งแล้ว เวลา 1830 น. ญาติ ๆ นำมันส่งโรงพยาบาล หมดตรวจไม่พบสาเหตุ แต่ให้พักคืนหนึ่ง แล้วพักตลอดคืน รุ่งเช้ากลับ บอกว่าพวกมันปกปิดไม่ให้ฝ่ายเรารู้ว่ามันป่วย แต่ในที่สุดมันล้มก็ต้องนำเข้าโรงพยาบาล หมอบอกว่าให้พักผ่อนให้พอก่อนจึงให้กลับบ้าน มันกลับตอนเช้า
8 ต.ค.2553
0800 น. นางพิมพารายงานมาว่าเมื่อคืนนี้หลานนอนไม่หลับเลย ตัวฉันเองเจ็บหลัง ทั้งต้องดูแลหลานด้วย หมอผีมันทำพิธีตั้งแต่หัวค่ำมาเลย หลายวันมาแล้ว กลางวันมันนอน กลางคืนมันทำพิธีกรรม มันเจตนาร้ายต่อฉัน ฉันกับหลานเป็นเป้าหมายของมันมาตลอด ให้หลวงพ่อดูด้วย บอกว่าไม่เป็นไรหรอก ปลอดภัย มันทำอะไรไม่ได้หรอก
อานุภาพไม้เท้าของเกจิอาจารย์
ฟันร่วงแล้ว
10 ต.ค. 2553
08.30 น. นายกุณฑลมารายงานเหตุการณ์ต่าง ๆ ว่าพอได้ไม้เท้าหลวงพ่อไป นายประเทืองก็มีอาการแพ้ขึ้นมาทันที มันนอนตลอดวัน แต่ไม่ทราบว่ามันป่วย และมันก็ล้มเลย แต่พวกมันปกปิดอย่างเงียบจนผมไม่ทราบว่ามันป่วยและถูกนำส่งโรงพยาบาลเวลาเย็นของวันพุธที่ 6 ต.ค.2553 เวลา 18.30 น.
มีรายละเอียดว่า มันตาบอดก่อน พอตกเย็นมันมองไม่เห็น มันเดินชนบ้าน แม่มันเอาผ้ามาปิดตาไว้ คล้ายจะแก้......แล้วนำส่งโรงพยาบาล
นายกุณฑลรายงานว่าพฤติกรรมมันแปลก ๆ เหมือนคนบ้า คืนวันที่ 5 ต.ค.2553นั้นราว ๆ หกทุ่มเห็นจะได้ มันขึ้นไปหาแม่มัน ไม่สวมเสื้อผ้า จนแม่มันต้องไล่หนี ได้ยินแม่มันด่าว่าทำไมไม่นุ่งผ้า ขึ้นมาทำไม ไป ไปนุ่งผ้านุ่งผ่อนเสีย
นายกุณฑลถามว่าหลวงพ่อทำอย่างไร ตอบว่าวิชาเย็น ตอบเพียงสั้น ๆ ไม่อยากให้รู้ (นั่นคือทำอาถรรพณ์ ...หลักการมีอยู่ว่า ถึงมีวิชาแก่กล้าสักเพียงไหน ถ้ายังมีกิเลสอยู่ก็แพ้แก่อาถรรพณ์ ....ก็เคยทดลองกับมันมาครั้งก่อนแล้ว ได้ผลดี ก็เอามาทดลองใช้อีกครั้งหนึ่ง) อธิบายให้ฟัง(ขณะนี้อยู่ในฐานะลูกศิษย์) ว่ากำลังทดสอบวิชาใหม่ของมัน ว่ามันได้กายทิพย์อย่างที่ว่าหรือไม่? แต่เชื่อว่ายาก จะต้องมีครูบาอาจารย์บอกให้ก่อน มันจะรู้มาจากไหนได้
รายงานว่าตั้งแต่หลวงพ่อทำอาถรรพณ์มา ฟันมันร่วง ทีละซี่ ๆ หลุดปากไปเรื่อย ๆ ตอนหลังจึงสังเกตว่ามันไม่มีฟันแล้ว ฟันมันหลุดไปหมดปากเลย ต้องตำหมากกินแล้ว นี่เป็นเรื่องจริงเลยทีเดียวที่น่าประหลาด
เสียงทิพย์มากับสายฝน
D;5000:L;10U.
11 ต.ค.2553
02.40 น. ฝนตก เบา ๆ กลางดึก นอนหลับอยู่ ได้ยินเสียงทิพย์บรรเลงในขณะหลับ มากับสายฝน สดับฟังในความหลับประเดี๋ยว ก็ตื่นขึ้นและสดับเสียงทิพย์ต่อ เสนาะ ไพเราะ ลึกซึ้งเหลือเกิน เป็นเวลานานมาแล้ว ตั้งแต่เข้าพรรษาที่ข้าพเจ้าไม่ได้เอาใจใส่กับเสียงทิพย์เลย แต่ก็รู้ว่าเสียงทิพย์ไม่ได้ไปไกลจากข้าพเจ้า เสียงทิพย์อยู่กับข้าพเจ้า แม้ว่าเสียงทิพย์ครั้งนี้จะเบา มีค่าอยู่ระหว่าง D:5000:L;10U เท่านั้นก็ตาม แต่อยู่เหนือเสียงฝน และเรื่อยมีไม่หยุด ข้าพเจ้ารำลึกถึงพิธีกรรม จึงลุกขึ้น
03.05 น. ข้าพเจ้ากำลังจะทำพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ เป็นการต่อเนื่องมาหลายวันนับสิบกว่าวันแล้ว ข้าพเจ้ายังคงจะทดสอบเฉพาะวิชาเย็นนี้ต่อไป จนกว่าจะหายสงสัย เพราะบัดนี้ได้ข้อสรุปแล้วว่า นายประเทือง ผีปอบ มันไม่อาจจะเรียนวิชาใด ๆ ได้อีกแล้ว ที่มันแสดงอำนาจขึ้นมาชั้นหลัง เป็นเพียงความฮึดของมันเท่านั้น จนแม้กระทั่งสิ่งที่มันไม่เคย ไม่กล้าทำ มันก็ทำ นั่นคือส่งของมาทดสอบกับข้าพเจ้าโดยตรง จับได้ แต่คอยดูอยู่ ไม่ตอบโต้ ภายหลังจึงพบว่ามันต้องการเพียงกันข้าพเจ้าออกไปจากการให้ความคุ้มครองเยื่อของมันคือครอบครัวนายกุณฑล แล้วมันก็จะสำเร็จความอาฆาตของมัน แต่นั่นแหละมันไม่อาจจะทำได้ บัดนี้จึงแน่ใจว่า แท้จริงมันกำลังอยู่ในระยะที่โทรมอย่างเต็มที่แล้ว ดุจดังสิ้นสภาพแล้ว ไม่จำเป้นต้องทำอะไร ไม่ต้องใช้อำนาจ แต่เอาไว้ทดสอบ อาถรรพณ์
03.45 น. ข้าพเจ้าเริ่มทำพิธีกรรมอาถรรพณ์ (นี่คือการบันทึกรายละเอียดข้อมูล เพื่องานวิจัยทางไสยศาสตร์ หวังว่าคงจะเข้าใจ ) เสียงทิพย์ยังคงบรรเลงอยู่ อย่างไพเราะเพราะพริ้ง ดุจดังเสียงสวรรค์ ฝนก็ยังคงตกเปาะแปะ ๆ อยู่ ข้าพเจ้ากำลังจะปล่อย(สิ่งที่ควรจะชื่อว่า) อานุภาพของวิชาเย็นออกไป.......
06.00 น. เสร็จพิธีกรรม ฝนยังตก และมากกว่าเดิม
พิธีกรรมเย็น
12 ต.ค.2553
05.20 น. พิธีกรรมเย็น ต่อไป
08.40 น. นายกุณฑลรายงานมาทางโทรศัพท์ว่า นายประเทืองผีปอบ มันเดี้ยงแล้ว มันเดินกระเผลก ๆ ได้ยินมันบ่นกับแม่มันว่าเจ็บตัว ปวดหัว ตาลายมองไม่เห็น.........
13 ต.ค.2553
14 ต.ค.2553
15 ต.ค.2553
18.30 น. นางพิมพาและนายกุณฑลรายงานทางโทรศัพท์ว่า นายประเทือง ผีปอบ นอนมา 3 วันแล้ว วันนี้มันเพิ่งตื่นนอนเอาชั่วครู่นี้เอง ส่วนพวกเธออยู่ดีมีสุข สำหรับนายประเทือง เมื่อมันตื่นขึ้นก็เริ่มออกเดินเหมือนปกติของมัน เทียวไปบ้านหลังนั้นหลังนี้ แล้วใส่ความกล่าวหาว่านางพิมพา กับ นายกุณฑีเป็นปอบ ฉันเกือบตายถึง 2 ครั้งแล้วเพราะมันใส่ฉัน นางพิมพาว่า เห็นมันพูดอะไรเล่นกับแม่มัน แต่ฟังไม่ชัดเจน แม่มันก็ป่วยเหมือนกัน นอนมาหลายวันเหมือนกัน
16 ต.ค.2553
17 ต.ค.2553
18 ต.ค.2553
19 ต.ค.2553
บันทึกโหราศาสตร์
20 ต.ค.2553
บันทึกดวงชะตานายประเทือง หมอผีไว้ว่า
"ดวงระบบดาวฆาต เริ่ม 20 ต.ค.2553 06.36 น. .......
เรือนลักคณ์ :
1. มฤตยู(๐) เดิมเล็งลั, มฤตยู(๐) จรกุมลั = 0 เล็ง 0
2. เสาร์(๗) เป็นกาลกิณีจรเล็งลั+๗เดิม = ๗ เล็ง ๗
3. สรุปช่วงมีฆาตอยู่ระหว่าง 20 ต.ค.2553 - 20 ต.ค.2554 เวลา 1 ปีเต็ม ๆ
เพราะฉะนั้น จะมีเหตุร้ายขึ้นระหว่าง 20 ต.ค. - 30 ต.ค.2553 คงไม่ถึงตายแต่จะพิการ อาการสาหัสอยู่ระหว่าง 20 ต.ค.2553 - 20 ต.ค.2554 "
ลงโทษให้ฟันเลาะหลุดทั้งปาก
18.00 น. นายกุณฑลมา นัดลูกชายนายสุชาติ..... ที่เดินทางมาจากกรุงเทพที่กุฏิ วันนี้เป็นวันที่รอคอยเพราะมันโดนพยากรณ์ไว้ว่ามันจะตายแล้ว
... แต่ถึงมันจะยังไม่ตาย มันก็ได้ประสบเคราะห์กรรมอันหนักแล้ว คือฟันมันหลุดไปหมดทั้งปาก เหลือแต่เหงือกล้วน ๆ (ไม่ทันสังเกตว่า มันรับผลอันนี้เมื่อไร... มาผิดสังเกตในระยะนี้เอง ... และครั้นตรวจสอบจึงพบว่า ฟันมันร่วงทั้งปาก) และนั่นเป็นการทรมานคนที่มีอายุเพียง 42 ปี ......นายกุณฑลถามว่า ทำไมฟันมันจึงหลุดออกไปหมด ตอบว่า เพราะมันเล่นเวทมนต์คาถาดำ ปาก ลิ้น ฟัน จึงต้องรับผล รับเคราะห์นั้น... เพราะปาก ลิ้น ฟัน เป็นตัวการแห่งเวทมนต์ทั้งหลาย ...
21 ต.ค.2553
22 ต.ค.2553
23 ต.ค.2553 วันมหาปวารณา
24 ต.ค.2553 วันออกพรรษา
07.00-08.00 น. ตักบาตรเทโว วัดมหาพุทธาราม ได้ข้าวสาร อาหารแห้งไปช่วยน้ำท่วมมากมายหลายกระสอบ
ประวัติตามหาพระผู้ทรงคุณธรรม
08.30 น. นายกุณฑล นางพิมพา ดญ.เกศรินทร์ มาถวายเพล และรายงานเรื่องราวของผีปอบ ว่ามีการจุดประทัดใส่กัน มันหาเรื่องก่อน จุดโยนเข้ามาในบ้านเรา ๆ ก็โยนเข้าบ้านมันแต่ดอกโตกว่า มันวิ่งหนีออกจากบ้าน
เรื่องที่มันฟันเลาะเหลือแต่เหงือกเป็นเรื่องที่สะใจ แต่โยมว่ายังไม่พอ มันยังกำแหงได้อยู่ โยมเหน็ดเหนื่อยมา 3 ปีแล้ว เพราะก่อนที่จะมาพบหลวงพ่อนั้น โดนมันคุกคามมาร่วมปีแล้ว จนเกิดเรื่องร้ายแรงทนไม่ไหว อดทนต่อไปไม่ได้ จึงได้มาพบหลวงพ่อ รู้จากญาติโยมที่มาออกเหล้ากับหลวงพ่อ จึงพากันมา และตั้งแต่นั้นก็ดีขึ้น จนมันทำอะไรไม่ได้เหมือนแต่ก่อน แต่โยมลำบากเพราะนายกุณฑลต้องอยู่บ้านคอยดูแลครอบครัว หากไปเสียก็จะถูกคุกคามข่มเหงด้วยถ้อยคำพูดและเวทย์มนต์ดำของมัน ทำให้เสียรายได้ไปเป็นแสนบาท เพราะนายกุณฑลเป็นช่างใหญ่ตีเหล็ก ปีหนึ่ง ๆ ตระเวณไปไกลทั่วอีสาน บางปีไปถึงอยุธยา มีรายได้คราวละหลายหมื่น ร่วมแสนก็เคยได้ แต่สองปีมาแล้วเขาไปไม่ได้เพราะครอบครัวไม่ปลอดภัย ข้อสรุปก็คือ ถ้าผีปอบยังอยู่ถึงจะสิ้นฤทธิ์ลงไปก็ยังไม่มีความสุข ไปไหนก็ยังไม่ได้ ทนขมขื่น อยากให้มันสูญหายไปเสีย เพราะคนเช่นนี้ไม่มีประโยชน์มีแต่สร้างความทุกข์ให้คนอื่น และมันไม่ใช่คน มันเป็นผี มีความอาฆาตพยาบาทรุนแรงมาก มีความอำมะหิตจองเวรไม่เลิกรา มันไม่รู้จักยอม มีแต่สู้ตายอย่างเดียว ถ้ามันไม่ตายมันก็จะจองเวรเราต่อไปจนกว่าเอาเราให้ตายลงไปจนได้ในวันหนึ่ง
25 ต.ค.2553
26 ต.ค.2553
27 ต.ค.2553 ละการทำพิธีกรรมมาตั้งแต่วันมหาปวารณา 23 ต.ค.2553 วันนี้เย็นเริ่มอีกครั้ง ยังคงใช้พิธีกรรมเย็น เชื่อว่าขณะนี้เจ้าผีปอบมันใช้วิธีการเดียวคือ มันทนทายาท จะดูว่ามันจะทนได้ขนาดไหน
28 ต.ค.2553 ทำพิธีกรรมต่อ
29 ต.ค.2553 นางพิมพา รายงานมาว่า มันไม่เปลียนสีผิวแล้ว ดำคล้ำทั้งวัน เดิมมันเปลี่ยนสีผิวได้ จากดำคล้ำเป็นอวบอ้วนขาวนวล
30 ต.ค.2553
31 ต.ค.2553
1 พ.ย.2553
ทฤษฎีปอบ
2 พ.ย.2553
นายกุณฑล นางพิมพา มาถวายอาหาร ว่าได้ปลามาจากนา ฝน น้ำ กำลังดี น้ำไม่ท่วม ข้าวงาม ปีนี้คงได้ราคาดี รายงานว่านายประทือง ผีปอบ มันนอนอยู่แต่ในบ้าน ไม่ออกไปไหนมา 7 วันแล้ว วันนี้มันลุกขึ้นมา และอวดเก่งอีก เล่าว่า มันเดินเขยก ๆ ผ่านมาทางนายกุณฑล ๆ ด่ามันว่า ไอ้หมาไม่มีฟัน มันโกรธจัด รีบเขยกหนีไป .... ว่ามันยังคงทำพิธีกรรมทุกคืน ๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อทำร้ายหลานสาว กับนางพิมพา ..........
เดิมก่อนจะมาพบหลวงพ่อ นางพิมพาเป็นเป้าหมายที่มันต้องการให้ถึงตาย โดยวิชาผีปอบของมัน โดยมันทำพิธี กรรมขึ้นแล้วปล่อยของมาเข้านางพิมพา เป็นเหตุให้นางพิมพาล้มลงทั้ง ๆ ที่ไร้เหตุผล เกือยตายถึง 3 ครั้ง (ชาวบ้านมองว่าผีปอบเข้า ล้มทั้งยืน ล้มตึงลงด้วยของ ๆ ผีปอบ... เรียกว่าผีปอบเข้าก็เรียก) แล้วเป็นเหตุให้หวาดกลัว เสียสติ หลง ๆ ลืมๆ และโดนสกดจิตง่าย มันใช้วิชาสกดจิตอย่างได้ผลเต็มที่ ในระยะนั้นแหละโดยสภาพที่กระปรกกระเปลี้ย เสียสติไปได้นั่งรถยนต์เทียวไปหลายวัด เช่นวัดเจียงอี วัดหลวง ฯลฯ เพื่อจะขอให้พระทำพิธีแก้ไขให้ แต่เข้าไปวัดไหนก็ตามความรู้สึกบอกว่าไม่ใช่ จนกระทั่งมาถึงวัดมหาพุทธาราม มีความรู้สึกสว่าง จิตใจดีชุ่มชื้น จึงคิดว่าใช่ ได้เข้ามานมัสการหลวงพ่อ เล่าเรื่องให้ฟัง หลวงพ่อก็ช่วย และตั้งแต่นั้นมาจึงได้ดีขึ้น หากมิฉะนั้นก็คงตายหมดทั้งบ้านแล้ว ...
เป้าหมายต่อมาของหมอผีก็คือ เด็กหญิงเกศรินทร์ หรือ ด.ญ.มด หลานสาว นั่นเอง แต่หลวงพ่อก็แก้ไขให้ได้ทันทุกครั้ง
จนกระทั่งบัดนี้ มันไม่สามารถใช้วิชาผีปอบทำอันตรายครอบครัวนายกุณฑลได้ เริ่มด้วยทำลายอำนาจการสกดจิตของมันลงอย่างราบคาบ ด้วยระฆัง และตะกรุดพระเจ้า 5 พระองค์ ........ ล่าสุด มันทำให้หลานสะดุ้งตื่นแล้วนอนไม่หลับ เดินวนรอบ ๆ มุ้ง แต่ก็ไม่มีอะไรเกินไปกว่านั้น............ อันแสดงถึงวิชาที่เสื่อมทรามลงไป
และมันได้รับผล คือเกือบตายถึง 2 ครั้ง และแล้วมันก็เหมือนถูกลงโทษ ให้ฟันมันร่วงหมดปากเหลือแต่เหงือกล้วน ๆ....เป็นการสะใจของครอบครัวนายกุณฑล .......... แต่นั่นยังไม่หยุดความพยาบาทของมัน
3 พ.ย.2553
4 พ.ย.2553
5 พ.ย.2553
6 พ.ย.2553
7 พ.ย. 2553 ทอดกฐิน
8 พ.ย.2553
มีคนตายแทน
9 พ.ย.2553
นายกุณฑลมาถวายภัตตาหาร รายงานว่า มีญาติของผีปอบตายอีกคน มันไปงานศพทีไร ดูมันอ้วนท้วนสมบูรณ์กลับมา และหายป่วยไข้ ... รายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ ที่ 7 พ.ย.2553 ได้พบของที่มันแอบเอามาวางไว้ในบ้าน เป้นกรวยใบกล้วย ห่อธูป ข้าวเหนียวปั้น และพริกแห้ง พันด้วยฝ้าย........ ทราบว่าเป็นพิธีกรรมโบราณของนักไสยศาสตร์ ใช้ขอชีวิตคนในบ้านที่มันแอบเอาไปวางไว้ ........แต่นายกุณฑลไม่กลัว เอาเผาไฟทิ้งแล้ว ว่าพาหลานไปหาหมอสมศักดิ์ ให้เขาทำการแก้ไขช่องคลอด ที่ถูกนายประทืองพยายามชำเรา จนทำให้ขัด ปัสสาวะไม่คล่อง พอหมอทำให้แล้วก็ปัสสาวะได้ดี และสบายขึ้นกว่าเดิม
ถามถึงพฤติกรรมหมอผี ว่ามันยังทำพิธีอยู่ แต่ไม่เกิดผลอะไร เล่าว่ามันมักตื่นแต่ตี 4 คุยกับแม่ของมัน ต่างคนต่างตำหมากเคี้ยว ปรากฎว่านอกจากนายประเทือง ฟันหลุดหมดกรามแล้ว แม่มันก็ไม่มีฟันจะเคี้ยวหมากเหมือนกัน แม่ลูกต่างมีแต่เหงือก ต่างตำหมากเคี้ยวของใครของมัน ..........
บอกนายกุณฑลว่า เอามันไว้ก่อน ไว้เป็นตัวอย่างทดลอง........... ถึงอย่างไร ๆ มันก็สิ้นฤทธิ์แล้ว ไม่ช้าไม่นานมันก็จะได้รับกรรมของมัน
แมงป่องช้างมาระหว่างทำพิธีกรรม
22.00 น. ถูกแมงป่องช้างตัวเขื่อง ดำเมี่ยมทั้งตัว ต่อยเข้าให้ที่บริเวณสันข้างเท้าขวา ขณะนั้นเพิ่งทำพิธีกรรมเสร็จ แล้วไม่ทันสังเกตอะไร เหยียบมันเข้า มันก็ต่อยฉับเข้าให้จนสะดุ้ง ต่อยแล้วมันก็ยังถอยหน้าถอยหลัง ทำท่าสู้ อวดก้ามมัน ไม่ไปไหน ให้พระไปเอายาหม่องมาทา เจ็บแปลบ ๆ เข้านอนยังปวดอยู่นิดหน่อย ให้เอาไม้กวาด ๆ แมงป่องออกประตูไป
10 พ.ย.2553
11 พ.ย.2553 รายงานมาว่ามันนอนตั้งแต่เช้า ไปทั้งวัน เพิ่งลุกขึ้นเมื่อบ่าย 3 โมงเศษ ๆ แล้วจูงจักรยานไป ไม่นานกลับมาบ้านนอนต่อ มันยังคุยว่า มันสำเร็จวิชากายทิพย์แล้ว เป้นอมตะ ไม่ตายแล้ว
เวลาเย็นพวก ๆ มันจากบ้านน้อยทะยอยมาบ้านมัน เพื่อดูแลอะไรบางอย่าง อันแสดงถึงอันตรายของมัน
บทสรุปศึกไสยศาสตร์ 2
ได้สรุปไว้ก่อนแล้วว่า มาพบโลกไสยศาสตร์แล้ว น่าตื่นใจเพราะเป็นโลกที่กว้างใหญ่ไพศาลมาก คนกับไสยศาสตร์เป็นของคู่กัน แต่ไสยศาสตร์เป็นวิชาทำร้าย เข่นฆ่ากันด้วยเวทย์มนต์ พิธีกรรมมืด และอาถรรพณ์ ไม่มีความเมตตาหรือประนีประนอมในวงการไสยศาสตร์ มีแต่การจ้องทำลาย กดข่ม ล้างผลาญ โดยใช้อำนาจจิตและวิชามืด ใครพ่ายก็ตายไป ใครดีก็อยู่ครองอำนาจ อันเป็นที่ครั่นคร้ามในวงการไสยศาสตร์ ได้พบว่าคนที่สนใจฝึกฝนร่ำเรียนทางไสยศาสตร์มีมากมาย และต่างก็ใช้วิชาไสยศาสตร์ทำร้ายคนอื่น ไม่มีเว้น นับแต่เด็กอ่อนมาจนถึงผู้แก่เฒ่า แม้ญาติพี่น้องตนเองก็ไม่ละเว้น
ข้าพเจ้ามองไม่เห็นว่าสังคมจะได้ประโยชน์อะไรเลย มีแต่ทำให้สังคมล้าหลังถอยลงไปสู่ยุคมืด หรือถอยหลังลงคลองไป จึงตั้งใจว่าเมื่อพบคนเล่นไสยศาสตร์แล้วก็จะพยายามกำจัด คือชำระเสีย ให้วิชาอาถรรพณ์นั้นไร้อำนาจไร้ผลที่จะกระทำแก่ผู้อื่น ด้วยกำลังความรู้ของข้าพเจ้า เช่นที่ได้ศึกษามาแล้วในรายการศึกษาโลกลี้ลับมาแต่ต้นแล้ว โดยเฉพาะได้พบทฤษฎีหลายทฤษฎีเกี่ยวกับไสยศาสตร์ จากการพิศูจน์ทดลองกับนายประเทือง ผู้ใช้วิชาปอบตามรายงานระยะหลังมาแล้วนี้ ในขณะนี้ก็มีบัญชีรายชื่ออยู่ร่วม 20 รายแล้ว เพื่อที่จะทำการชำระเสีย.......และโดยวิธีนี้จักเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยตรง....... ในขณะเดียวกันก็ทำการวิจัยปัญหานี้ต่อไปในรายละเอียดแง่มุมต่าง ๆ ...... นั่นหมายถึง ข้าพเจ้า เข้าไปอยู่ระหว่างท่ามกลางสงครามไสยศาสตร์อย่างเต็มตัวเลยทีเดียว และแน่นอน ใช่ว่าข้าพเจ้าจะปลอด หรือปราศจากอันตราย..... เพราะโลกไสยศาสตร์ไม่มีเทวดา ไม่มีอมนุษย์ และไม่มีพระสงฆ์องค์เจ้า(ข้าพเจ้ายังคงต้องทดสอบพิสูจน์สมมติฐานที่ว่า วิชาไสยศาสตร์สามารถทำอันตรายคนทุกชนิด ไม่ว่ามนุษย์ อมนุษย์ เทพ แม้กระทั่งพระสงฆ์องค์เจ้าก็ไม่ละเว้น ฯลฯ) และนี่เป็นการรายงานอย่างตรงความจริง เป็นการตรงไปตามข้อมูลจริงเพื่อประโยชน์ทางการวิจัยอย่างเต็มที่
และคำถามก็คือ ข้าพเจ้าทำอย่างไร ? ผลเป็นอย่างไร ? ก็ได้รายงานมาแล้ว และ ก็คอยติดตามต่อไป......
และขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการติดตามเก็บข้อมูลและพิศูจน์ทดลองอำนาจที่ชัดเจน ขมังของไสยศาสตร์ อย่างไร ? แต่ปัญหาก็คือการขาดแคลนกลุ่มตัวอย่าง.....ในกาลต่อไปคงจำเป็นต้องทดลอง(ลองของ) กับคนธรรมดา ๆ โดยเลือกคนให้ถูก เลือกจังหวะและโอกาสอันเหมาะสมก็ได้ ..... เอาพอให้ได้ข้อพิศูจน์ง่าย ๆ ก็พอ.......
ขี้เกียจไปต่างประเทศแล้ว
12 พ.ย.2553 โทรศัพท์จากโยมน้าเลี่ยม ธรรมบุตร (น้องคนเดียวของแม่ที่ยังมีชีวิตอยู่ และห่างเหินไปนานหลายปีแล้ว) จากจว.สุรินทร์ ถามว่าเคยไปอินเดียแล้วหรือยัง จะไปไหม จะทำพาสปอร์ตให้ ไปกับคณะครูอาจารย์โยมผู้ใหญ่......ในอีกไม่กี่วันนี้.............. ตอบว่าไม่ไปหรอก ขี้เกียจไป.......
13 พ.ย.2553
กรณีล่าสุดด่วน
พระภิกษุถูกกระทำหรือเปล่า?
ให้ช่วยด้วย
มีข้อมูลมาเช้าวันนี้(13พ.ย.2553)ว่าพระภิกษุป่วยมา 2 เดือนด้วยโรคประหลาด ตอนดึกจะทุรนทุรายพร่ำเพ้อ และจะลุกเดินออกไป ณ ที่แห่งใดไม่ทราบ ผู้ให้ข้อมูลบอกว่ามีเสียงเรียกให้ไปหา....แต่ภิกษุไม่ปรารถนาไป...... ก็มักจะลืมตัวจะไป...... รู้ตัว พยายามแข็งขืนเอาไว้ ตอนหลังสู้ไม่ได้ ต้องให้ญาติโยมผู้เฝ้าดูแลเอาโซ่ร้อยข้อเท้าไว้ในห้องนอน ...... ใน 2 เดือนที่ผ่านมาเทียวไปรักษาตามโรงพยาบาลต่าง ๆ กระทั่งโรงพยาบาลจิตเวชแต่หมอไม่พบสาเหตุ.....
เป็นพระบวชนาน 34 พรรษาแล้ว อยู่เมืองใหญ่ไกล เป็นพระนักเทศน์เสียง สร้างโบสถ์ วิหาร สร้างวัดมากจนมีประชาชนรัก ศรัทธา มาก อายุ 64 ปี ขอข้อมูลเพื่อโหราศาสตร์ ก็ไม่ได้สมบูรณ์ รู้แต่เพียงว่า อายุ 64 เกิดเดือนมีนาคม วันจันทร์ .......... อาจวางลักคณาได้โดยการคำนวณอย่างหยาบ ๆ ซึ่งก็หาเป้นที่พอใจของโหรไม่ แต่ก็พอคาดคะเนเรื่องราวได้บ้าง
โยมบอกว่าคำพยากรณ์ของพระอาจารย์ไม่สอดคล้อง คำพยากรณ์อื่น ๆ ทั้งสิ้น เพราะคำพยากรณ์อื่น ๆ 5-6 รายตรงกันหมดว่าถูกคุณไสยอย่างแน่นอน......(คำพยากรณ์ที่โยมว่านั้นคือพวกหมอดูพื้น ๆ เท่านั้นเอง ....มีความรู้แค่ ป.4 เมื่อเทียบกับอาจารย์โหราศาสตร์ระดับปริญญาเอก) ได้อธิบายให้ทราบว่าเพราะได้รับทราบข้อมูลทางโหราศาสตร์ไม่สมบูรณ์และยังเชื่อไม่ได้....... แต่เท่าที่ปรากฎในดวงชะตาโดยข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์นั้น พระรูปนี้จะต้องป่วยอยู่อีกนาน.......และไม่น่าจะเกี่ยวกับคุณไสยใดใด แต่เป็นโรคทางจิตเวชมากกว่า .........
โยมไม่พอใจ ....... จึงบอกว่าถ้าถูกคุณไสย ก็จะสามารถพิศูจน์ได้ง่าย ....... และการแก้ไขก็ไม่ยากเย็นนัก............ โยมขอให้กระทำการแก้ไขให้ด่วน.......... ได้รับปากกับโยมไว้
เวลาเย็นได้ตระเตรียมเครื่องไม้เครื่องมือเพื่อกระทำพิธีกรรม.......................กะว่าจะทำพิธีกรรมกลางดึกของคืนวันนี้.....
14 พ.ย.2553
นี่คือพิธีกรรมไสยศาสตร์
04.30 น. กระทำพิธีกรรม..........................................
05.30 น. โยมโทรศัพท์มา ขณะนั้นได้ประกอบพิธีกรรมส่วนสำคัญไปหมดแล้ว รอการหยาดน้ำ .......... บอกโยมว่าทำพิธีกรรมมาแต่ตีสี่ครึ่ง ยังไม่เสร็จให้โยมรอก่อนประเดี๋ยว.........แล้วประกอบพิธีกรรมส่วนสุดท้ายเสร็จลง.........
05.40 น. โยมโทร.มาบอกด้วยความตื่นเต้นว่า พระภิกษุรูปนั้นหายป่วยแล้ว ........ ญาติโยมที่เฝ้าอยู่ฟังท่านบอกว่าคืนนี้หลับสบาย ไม่ทุรนทุรายเหมือนเดิม และไม่มีเสียงเรียก กดดัน บังคับให้ไปหาอีก...... ท่านยิ้มหัวได้แล้ว....... ไม่เหมือนวันก่อน ๆ ที่ดูหม่นหมอง ซูบซีด...........
บอกโยมว่า จะทำพิธีกรรมซ้ำให้อีก.................นี่อาจเป็นสิ่งบอกเหตุของการถูกคุณไสย เมื่อทำพิธีแก้ไปจึงเกิดผลดีขึ้นได้ ................. (กระนั้นเรื่องสุขภาพทางกายของท่านก็อาจจะมีปัญหาอยู๋....ตามทฤษฎีโหราศาสตร์..... แต่นั่นแหละอยู่ที่ข้อมูล สำหรับภิกษุรูปนี้ ข้อมูลอยู่ระหว่างการตรวจสอบและทดสอบอยู่ ยังเชื่อไม่ได้)
23.02 น. ไม่มีโทรศัพท์มาอุทธรณ์อย่างใด คงสบายแล้ว จะทำพิธีซ้ำให้อีกเวลาเดียวกับเมื่อคืนนี้
15 พ.ย.2553
04.50 น........... กระทำพิธีกรรม.............................
19.40 น. โทรศัพท์จากนครราชสีมาสั้น ๆว่า พระภิกษุรูปนั้นมีอาการดีขึ้นมาก จนแทบว่าเป็นปกติ พูดคุยกับญาติโยมได้ ยิ้มหัวเหมือนไม่มีอะไร บอกว่าทางของหลวงพ่อถูกแล้ว ถูกทางแล้ว ขอให้ทำพิธีให้อีก.....
ทราบประวัติเพิ่มเติมว่า ไม่มีญาติพี่น้อง ตั้งใจอยู่ในพระศาสนาจนสิ้นชีพ ได้อุปการะเงินทุนการศึกษาพระสามเณรมาก ทั้งการเรียนนักธรรมและบาลี มีเงินให้ทาน อุปการะผู้เดือดร้อน และสร้างโบสถ์ วิหาร อยู่ตลอดมา นับแต่ป่วยมา ญาติโยมไม่พบว่ามีเงินฝากในบัญชีธนาคารเลย
16 พ.ย.2553
04.50 น........... กระทำพิธีกรรม.............................
0730 น. รายงานมาว่าภิกษุรูปนั้นอาการดีขึ้นมาก ท่านไม่มีอาการผวา เพ้อเหมือนเดิม คืนที่แล้วนอนหลับ ไม่กระสับกระส่าย กังวล และไม่มีเสียงเรียกมา และภิกษุไม่เพ้อเรียกหาอีก
ตื่นไสยศาสตร์
13.00 น. เกิดการตื่นเต้น และมีรายการขอบริการไสยศาสตร์เข้ามา....................................ว่าแก้ไขปัญหาภิกษุได้ชงัด ขอให้ช่วย..............(แต่เรากำลังคิดว่า น่าจะไม่ใช่กิจของสงฆ์.....?)
หมายเหตุ คนเห็นว่าแก้ไขได้ชงัด ก็เกิดตื่น อยากให้แก้ปัญหาให้บ้าง กรณีที่ขอมาทันทีรายการหนึ่ง เป็นปัญหาผัวเมีย อ้างว่าหญิงเมียน้อยถูกคุณไสย ทำให้หลงไหล ลืมตัว ลืมญาติฝ่ายตนไปหมด เอาแต่เอาใจสามี ๆ สั่งอะไรก็ทำตามหมด ทั้ง ๆ ที่ตัวเป็นเมียน้อยเขา เขาสั่งให้ขายทรัพย์สินต่าง ๆ เอาเงินไปบำเรอสามีก็ทำได้จนหมด ขณะนี้กำลังจะขายห้องแถว เพื่อเอาเงินไปให้สามีตามที่เขาเรียกร้อง ขอให้จัดการช่วยเหลือทางไสยศาสตร์ด่วน ........... ซึ่งปัญหาเช่นนี้ ไม่น่าจะเหมาเอาว่าเป็นปัญหาไสยศาสตร์ เพราะธรรมดาเรื่องผัว ๆ เมีย ๆ กับเมียน้อย ก็ยุ่งยากแปลกประหลาดโดยไม่จำเป็นต้องมีไสยเวทเข้ามาเกี่ยวข้องก็แปลกประหลาดเสมือนถูกคุณไสยได้อยู่แล้ว......... ความต้องการของเขาคือให้จัดการให้ผัวกับเมียน้อย แตกกัน ให้ออกห่างจากกัน ให้รังเกียจกัน.......... แล้วจะทำได้อย่างไร ?? ....... ในฝ่ายผู้ทำพิธีกรรม ก็ยังนึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไร ????.......... ถอนคุณไสยออกจากนางเมียน้อยหรือ ???? และพร้อมกันก็ฆ่าสามีเขาเสีย อย่างนั้นหรืออย่างไร ????....... เรา...จะทำอย่างนั้นได้อย่างไร ในเมื่อยังไม่แน่ใจอะไรสักอย่าง ????? เพราะเจ้าของปัญหาก็ไม่สามารถบอกได้ว่าใครเป้นตัวหมอผีผู้กระทำการนั้น สามีเขาเองเป็นหมอผีหรือ ก็......ไม่ใช่ แล้วจะฆ่าเขาทิ้งก็เสีย....บาปกรรมถึงขั้นตัดมรรคผลนิพพาน......
ก็คงต้องลองดู.....คนที่ขอร้องว่าเป็นหลานเถ้าแก่โรงงาน ดูจะเชื่ออย่างเต็มที่ว่าหลวงพ่อจะทำได้...................... ใช้วิธีถอนคุณไสย แบบเดียวกับทำกับพระภิกษุรูปนั้น....!!!!!!
ชื่อเข้าบัญชีดำไสยศาสตร์
17 พ.ย.2553
00.10 - 01.10 ทำพิธีกรรม ทำแยกเป็น 2 คน เป็นการทดลองดูก่อน
1030 น. โทรศัพท์มารายงานว่า ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น...... เข้าใจผิดนิดหน่อย ที่จริงเจ้าตัวปัญหาไม่ได้อยู่นครราชสีมา แต่อยู่พัทยา ชลบุรี ..... รายงานว่า พวกเขาพากันไปหาภิกษุผู้พยากรณ์รูปหนึ่ง ภิกษุพยากรณ์ว่าเมียน้อยนางนั้นถูกคุณไสยอย่างแน่นอน รับประกันได้ แต่ภิกษุไม่มีความรู้ในการถอนคุณไสย ขอให้ผู้รู้ในเรื่องนี้ช่วยแก้ไขให้...... จึงต้องขอให้พระอาจารย์ช่วยเหลือต่อไป.......บอกข้อมูลเพิ่มเติมไปว่า ผัวคนนั้นเป็นคนเลว ชอบเล่นการพะนัน ดื่ม คบเพื่อน เงินทองได้มาก็เอาไปใช้จ่ายหมด ส่วนที่ได้จากเมียน้อยคนนี้ก็คือขายรถไถนาที่บ้านใช้งานอยู่เอาเงินไปให้ เอาที่นาไปจำนำธนาคารเอาเงินไปให้ผัว และกำลังจะเอาบ้านอาศัยของพ่อแม่ผู้แก่เฒ่าไปเข้าธนาคารตามคำสั่งของผัว....... ถามว่าเขาทำคุณไสยเองหรือเปล่า...... ตอบว่า ไม่ได้ทำเอง..... แล้วเล่าความว่าเท่าที่พูด ๆ กัน เขาไปว่าจ้างให้หมอไสยศาสตร์สุรินทร์ทำให้ ....... มีหมอไสยศาสตร์สุรินทร์คนหนึ่งเก่งในทางทำเสน่ห์ จะทำให้หญิงรักหลงอย่างงมงาย หรือจะทำทางตรงข้ามคือทำให้ผัวเมียแตกกันก็ได้ ...... ผู้ให้ข้อมูลอ้างว่ามีตัวอย่าง......... แล้วคนให้ข้อมูลก็สงสัยเหมือนกันว่าเขาทำอย่างนั้นได้จริง ๆ หรือเปล่า ... ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเล่า.....มีข้อเท็จจริงเพียงไรก็ยังไม่ยืนยัน.....
ก็ตอบไปว่า จะเอาเข้าบัญชีดำ....รายการชำระหมอไสยศาสตร์........อีกรายการหนึ่ง..... แล้วผลงานก็คงจะช้าหน่อย เพราะเล็งเป้าหมายไม่ชัดเจน.......(เป้าหมายชัดเจนคือ ได้ตัวคนทำไสยศาสตร์มา ชื่อ และที่อยู่ วันเดือนปีเกิดเวลาเกิด ฯลฯ)
ในทางปฎิบัติ เป็นเพียงสมมติฐาน 1. ทำการแยกนางเมียน้อยออกมา อยู่ในบัญชีดี และถอนคุณไสย 2. แยกผัวตัวเลวทรามออกมา ลงโทษ.....ทรมานให้สำนึกตัว.....ก่อน......
เพราะไม่น่าจะทำอะไรได้มากไปกว่านี้ และถือเป็นตัวอย่างการวิจัยต่อไป
18 พ.ย.2553
รายงานด่วนจากแนวรบศึกผีปอบ
ปอบล้มอีกครั้งหนึ่งแล้ว
09.20 น. นายกุณฑล กับนางพิมพา ผลัดกันรายงาน..... จากทุ่งนาที่เตรียมเก็บเกี่ยว .....
ว่าเมื่อคืนนที่แล้ว เวลาดึกประมาณตี 1 นายประเทืองผีปอบล้ม สิ้นสติสัมปชัญญะไป ร่วม 20 นาที เฝ้าดูมันอยู่ นึกว่าต้องเอามันไปเมรุเสียแล้ว พอดีน้องสาวมันมา น้องสาวมันจะเข้าไปกดท้องมันให้ แม่มันบอกว่าไม่ต้องไปทำอะไร เดี๋ยวมันก็ฟื้นขึ้นมาเอง มันเป็นอย่างนี้มาหลายคืนแล้ว.....
เล่าว่า แอบดูมัน(บ้านอยู่ติดกัน) เห็นมันชักตัวงออยู่บนที่นอน ฉันภาวนาสาบส่งให้มันไปเมรุเลย อย่าได้กลับมา ... แต่มันก็สลบไปประมาณ 20 นาทีก็ฟื้นขึ้น ..... ระยะนี้ มันโทรม บวม ปากเจ่อ เดี้ยง เดินขาหัก......แต่ปากมันยังด่าว่าพวกฉัน.... ว่าพวกฉันเป็นปอบใหญ่....
13.00 น. นายกุณฑลมาถึงกุฎีที่พักรายงานตรงให้ทราบสถานการณ์ ผีปอบเกือบไปอยู่แล้วเมื่อคืนนี้ เดิมนางพิมพาแอบดูอยู่ แล้วปลุกให้รีบลุกขึ้นมาดู ว่าปอบมันกำลังจะตาย มันทำพิธีกรรมปิดไฟหมด ดูสลัว ๆ มีแสงแวบออกมาจากธูปเทียน แล้วมันก็จาม ไอ แล้วชัก ล้มลง กอดเข่า ตัวงอ ชักไปชักมา สักครู่หนึ่งมันเอามือฟาดผนังบ้านดังสนั่น โครมคราม น้องสาวมันวิ่งลงมาดูจากข้างบน จะเข้าไปกดท้องให้หายงอ แต่แม่มันร้องห้ามเอาไว้ว่าอย่าไปทำอะไรมัน เดี๋ยวมันก็ฟื้นเอง แล้วมันก็สลบนิ่งไป นึกว่ามันตายไปแล้ว ........... สาบแช่งให้มันไปเลย แต่แล้วไม่นานประมาณ 20 นาทีต่อมามันได้สติฟื้นขึ้น..... แล้วมันกลับกำแหง ว่ามันไม่ตายแล้ว ออกวาทะใหญ่โตว่า "อมตะ" แล้วหัวเราะ...... นายกุณฑลว่า มันเลียนแบบในหนังเลย ....... ไม่นานรุ่งเช้า เห็นมันตาปิด เพราะบวม มันเดี้ยงแล้ว .......
ประวัติส่วนชั่วร้ายเริ่มเผยออกมา
มันได้ใจเพราะประวัติของมันมีคนมาตายที่บ้านมันถึง 2 คน นัยว่าไปรู้ความลับของมัน ๆ ก็เลยฆ่าตายบนบ้านมันทั้งสองคนเลย (ตายคนละปีกัน แต่ตายแบบเดียวกัน....มันอ้างว่าเป็นลมปัจจุบันตาย.....คนบ้านนั้นรู้กันดี) หลานของนายกุณฑลคนหนึ่งกำลังสาวเรียนอยู่ม. 3 รร.สตรีสิริเกศ เกิดผูกคอตายที่หน้าต่างบ้านติดบ้านนายผีปอบ แล้วญาติผู้ใหญ่อีกคนถูกรถชนตายเละทั้งตัว ..... ทั้งหมดนี้เชื่อกันว่าถูกมนต์ดำของนายประเทือง ผีปอบ ........ คนก็เกรงกลัว ครอบครัวนายกุณฑลก็ตกในความกลัวมานาน ...... และผีปอบมันเกิดทิฏฐิแรงขึ้น ว่าใครก็สู้มันไม่ได้ มันต้องเป็นอมตะอยู่ค้ำฟ้า...... แต่วันนี้ มันกำลังโทรมเต็มที่ มันเดินเดี้ยง กะเผก ๆ มันไม่กินข้าว กินแต่หมาก ซึ่งมันต้องตำหมากอย่างละเอียดก่อน จึงกินเพราะฟันไม่มีแล้ว ใคร ๆ ก็เรียกว่ามันหมาไม่มีฟันแทะกระดูก ................. นายกุณฑลถามว่าทำไมมันไม่ตายสักที มันเป็นอมตะจริงหรือ ??? ว่าเร็ว ๆ นี้ มันโขมยไก่และเป็ดเขามา ตัดหางปล่อย เจ้าของตามมาแต่ไม่กล้าทำอะไรกับมัน........... ทุกวันนี้คนเชื่อกันหมดแล้วว่ามันเป็นปอบ... และเล่ากันไปถึงกรุงเทพฯ ........ น้องสาวมันก็ขายหน้าที่คนกรุงเทพเล่ากันว่าแม่มันกับพี่ชายมันเป็นปอบ เป็นเชื้อปอบใหญ่........และวันนี้ เชื่อได้ว่าคนทั้งหลายกำลังรอคอย และอยากเห็นความสิ้นสุดของมัน........จะได้พ้นจากอำนาจความกลัวจากมนต์ดำและภูติผีปีศาจทั้งปวงเสียที....เดิมคนไม่กล้าพูดถึงมัน เพราะเชื่อว่าใครพูดอะไรผีปอบมันรู้หมด และใครพูดให้ร้ายมัน ๆ ก็จะพยาบาทหาทางทำร้ายถึงฆ่าทิ้งเสียให้จนได้)
18.00 น. รายงานล่าสุดเกี่ยวกับพระภิกษุต้องคุณไสยว่า เมื่อเช้า ออกบิณฑบาตรได้แล้ว หายเป็นปกติ และเตรียมพร้อมจะรับนิมนต์เทศน์เสียงไปเหมือนเดิม แต่ญาติโยมยังคอยระวังดูแลอยู่.....
พิธีกรรมเย็นยังมีประสิทธิภาพ
19.52 น. เตรียมทำพิธีกรรมเย็นต่อ เพื่อให้การพิศูจน์ชัดเจน ปราศจากข้อสงสัย ยังมีสมมติฐานข้อสำคัญอยู่อีก 1 ข้อ ต้องรีบทดสอบก่อนจะสายเกินไป
19 พ.ย.2553
08.20 น. โทร.มารายงานว่า พระภิกษุหายป่วยจริง ๆ ลุกออกเดินบิณฑบาตได้สบาย ตามปกติ แต่ญาติโยมยังเฝ้าสังเกตอยู่ และฝากบอกว่าขอขอบพระคุณหลวงพ่อรูปนั้นเป็นอย่างสูงมาพร้อมนี้ด้วย
20 พ.ย.2553
บันทึกข้อมูลประวัตินายประเทืองต่อ
ประวัติ
1. นางสาวไฟวัลย์ รัคราช เป็นหลาน เรียนอยู่ม. 3 รร.สตรีสิริเกศ มาผูกคอตายที่บ้านเลขที่ 269 บ้านฉัน ตายปี พ.ศ. 2535
2. นายทอง รัคราช พี่ชายฉัน รถชนตาย เละทั้งตัว ที่ถนนสายอุบล ตาย วันที่ 4 มีนาคม 2538
(นางพิมพา ผู้เขียนบันทึก ...... โดยเชื่อว่านายประเทืองใช้วิชาสกดจิตทำร้ายทั้ง 2 คนนั้น)
21 พ.ย. 2553
ภาคสรุปพิธีกรรมเย็นทดสอบกามสังโยค
22 พ.ย. 2553
18.30 น. สรุปพิธีกรรมเย็น....... ฝัง....... คอยฟังผลต่อไป........... หากไม่...... ทำใหม่ เพื่อดูว่าทรหดแค่ไหน...??
หมายเหตุ ในขั้นตอนนี้เราต้องการทดสอบอาถรรพณ์บางอย่างด้วย .....โดยสมมติฐานว่าคนทั่วไปที่ยังมีกามกิเลสอยู่ ย่อมแพ้แก่อาถรรพณ์ทั้งสิ้น
ศึกกระหนาบ
23 พ.ย.2553
04.50 น. แม่บ้านโคราชโทร.มาบอกว่าลูกสาวน๊อคสลบตั้งแต่เที่ยงคืนมาถึงบัดนี้ก็ยังไม่ฟื้น ไอ้หมวยโทร.มาบอก ว่าเมื่อคืนวานมันฝันร้าย ฝันว่าเดินไปคนเดียวแล้วมีหมาฝูงใหญ่กรูเข้ามาล้อมจะกัด เอาแส้ตีมันไว้ก็ไม่อยู่ ตัวหนึ่งกัดเข้าที่น่องเอาเนื้อไปชิ้นหนึ่งด้วย เกรงว่าจะเกี่ยวกับคุณไสย ทางชนบทเชื่อว่าฝันอย่างนี้จะถูกผีปอบผีชมกทำร้ายเอา ให้พ่อช่วยดูแก้ไขด้วย
แม่กกกอดถ่ายพลังให้
05.00 น. นางพิมพา รายงานจากบ้านผีปอบว่า เมื่อคืนมันปิดไฟมืดไม่เห็นว่ามันทำอะไร จนถึงห้าทุ่มจึงได้ยินเสียงมันร้องเหมือนมันจะตายเหมือนคืนวันก่อน และมันเรียกแม่มันให้ลงมา แม่มันนอนกับน้องสาวมันข้างบน ลงมาหามันคนเดียวไม่ให้น้องสาวมันลงมา แต่แม่มันช่วยมันทำอะไร อย่างไรมองไม่เห็นเพราะมันมืด มันไม่เปิดไฟเหมือนเดิม แต่พอรู้ว่าแม่มันช่วยแก้ไขให้มัน (คาดคะเนว่าแม่มันคงกอดมันเอาไว้ เหมือนกับที่มันกอดเอาเด็กไว้กับอกเพื่อดูดซับเอาพลังคืนมา) ได้ยินเสียงจาม ลูกมันจามก่อนแล้วแม่มันจาม ฉันเฝ้าดูอยู่ถึง 3 ชั่วโมง จนถึงราว ๆ ตี3 มันฟื้นและทำพิธีกรรมใส่หลานมด ๆ ก็ตื่นนอน ๆ ไม่หลับไปจนถึงตี 4 จึงหลับ ........ บอกว่านายกุณฑลจะนำอาหารไปจังหันเช้านี้ แล้วจะรีบกลับไปเอาหลานมดไปโรงเรียน
05.09 - 09.10 น. ทำพิธีกรรม...............ลูกสาวฟื้น โทร.มาบอกเรื่องราวที่สลบไป ......... ว่าพวกเสื้อแดงโทร.มาทวงสัญญา ว่าอีสาวน้อยอย่าผิดสัญญานะ ..... โทร.มาตลอดวันวานนี้หลายสาย ก็เถียงว่ายังไม่ได้ให้สัญญาอะไร เพียงแต่ให้โอกาสรัฐบาลเสียก่อนว่าถ้าไม่ช่วยชาวนาชาวไร่ ประเด็นผ่อนหนี้ก็จะออกไปเดินขบวนกับพวกเสื้อแดงด้วย .......
รายงานน่าสนใจ
13.00 น. รายงานมาจากพัทยา ว่า ลูกสาวที่ว่าต้องคุณไสยไปเป็นเมียน้อยถูกผัวสั่งให้ขายรถไถ และที่ทาง เอาเงินไปบำเรออย่างงมงายแล้วยังไม่พอ จะให้ขายที่แปลงสุดท้ายของมารดาไปให้อีกนั้น เย็นวานนี้ได้กลับไปหาแม่ตัวเอง ด้วยความประหลาดใจ แม่ถามว่าผัวเอ็งไม่มาด้วยหรือ มันตอบว่าเอามันมาทำไม คนพรรค์นั้น มันก็ไปตามทางของมันฉันจะไม่ยุ่งกับมันแล้ว................ ทางมารดาประหลาดใจที่มันไม่เคยมาเยี่ยมนานแล้วและไม่เคยเลยที่จะพูดด่าทอสามีอย่างหยาบคายเช่นนั้น.............. คิดว่าทางหลวงพ่อที่ทำพิธีกรรมถอดคุณไสยให้จะทำได้ผล.... ขอให้หลวงพ่อช่วยต่อไป เพราะมันมาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่จะขายที่ขายทางอีก........(ไม่มีรายละเอียดชัดเจน....... แต่แค่นี้ก็น่าพอใจ)
บันทึกแผนงานขั้นต่อไป
ของศึกไสยศาสตร์
ภายหลังจบเสร็จพิธีกรรมเย็นคืนวันที่ 22 พ.ย. 2553 เวลา 18.30 น.แล้ว ก็จะปล่อยเกียร์ว่างสักวันสองวัน คอยดูอาการว่านายประเทือง ผีปอบ มันมีอะไรเหลืออยู่บ้าง มากน้อยขนาดไหน แล้วค่อยวางแผนงานต่อไป
สมมติฐานใหม่
ผู้ทรยศต่อคำสาบาญจะต้องได้รับผลของคำสาบาญ
นางพิมพาได้จดบันทึกคำสาบาญของนายประเทืองต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจหนองไฮ มี ร.ต.ต.ประสิทธิ์ มาดล เจ้าของเรื่อง (บัดนี้โดนย้ายไปโพนเขวาแล้ว) กับนางพิมพา นางครองจิต (แม่ดญ.เกศรินทร์) ร่วมฟังอยู่ ดังนี้
"16 พฤษภาคม 2552 เป็นวันที่นายเสถียร ขันตี รับคำสาบาญ มันสาบาญว่าถ้าทำหลานเขาจริง ผิดจริง ๆ (คือทำอนาจาร และทำร้ายร่างกายเด็กหญิงเกศรินทร์ อายุ 3 ขวบ) ให้ข้าพเจ้าแพ้ผีบ้านผีเรือน ให้ตายโหง ให้มีอุบัติเหตุ ให้ฟ้าผ่า ให้พิการ ได้ตัดขาตัดแขน ให้ตาบอด วันที่มันไม่ได้อุ้มหลานทำร้ายร่างกายวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ.2552" (นางพิมพา บันทึก)
บันทึกนี้จะได้นำไปป่าวประกาศให้เทพเทวาทุกราศี พระภูมิเจ้าที่ทุกหนทุกแห่ง ตลอดไปจนถึงอมนุษย์ ผู้อาศัยตามต้นไม้ใหญ่ ผีบ้านผีเรือน ผีผู้รักษาถนนหนทางทั้งหลายรับทราบอย่างทั่วถึง ........ เหมือนติดประกาศจับโจรร้ายตัวสำคัญ....... ดูว่ามันจะหนีรอดไปได้อย่างไร.......เพราะผู้ทรยศต่อคำสาบาญ จะต้องได้รับผลของคำสาบาญ......
ขนาดฟันมันเลาะไปหมดทั้งปากแล้วมันยังไม่รู้สึก.......ไม่คิดกลับใจ ทั้ง ๆ ที่มีโอกาสหลายครั้งที่จะไปขอขมาลาโทษทางฝ่ายนายกุณฑล นางพิมพา .. เพื่อให้เรื่องราวจบลงด้วยดี แต่มันก็ไม่ยอม ......และพระอาจารย์ก็ยังคงใจดีให้โอกาสมันต่อไปอีก........
เมื่อมีคำสาบาญไว้เช่นนี้ มันย่อมทำอันตรายแก่มันเอง แพ้ภัยตัวเอง และพบความพินาสฉิบหายตามคำสาบาญ.........
เรื่องราวเดิมของความขัดแย้ง
เดิมนายเป อินสมาน เป็นหน.คุ้มร่วมใจพัฒนา นางพิมพา เป็นรองหัวหน้า และเป็นหัวหน้ากลุ่มแม่บ้าน มาจนถึงปี 2546 นางพิมพา ถอนตัวให้นายประเทือง(ผีปอบ) เป็นแทน ต่อมาในคืนวันศุกร์ที่ 31 ส.ค. 2550 นายเปไปเยี่ยมนายประเทืองที่บ้าน สองต่อสอง นายเปสำลักออกมาเป็นเลือด พากันหามส่งบ้านนายเป เยียวยาหายแล้วรุ่งขึ้นเป็นวันเสาที่ 1 ก.ย.2550 นายเปออกไปหาปลาที่ทุ่งนา สำลักเป็นเลือดอีกล้มลง เอาตัวส่ง รพ.สรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี ตายที่ ร.พ. นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คนสงสัยว่านายประเทืองผีปอบทำ....และมีเหตุการณ์ที่นางพิมพาถูกนายประเทืองครอบงำ ไม่เป็นตัวของตัวเองมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2546 ......(นางพิมพาบันทึก)
นายประเทืองผีปอบประกาศสงครามคืนนี้มึงต้องตาย
26 พ.ย. 2553
1630 น. มาริโอ มนิช มาเยี่ยม และขอพักด้วย 26-30 พ.ย.2553 มีตั๋วเครื่องบิน บิน 2 ธ.ค.2553
18.38 น. นางพิมพาโทร.มาบอกตั้งแต่ 16.50 น. ว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว ฉันอดทนไม่ไหว ถือตะบองหลวงพ่อลงไปข้างล่างจะฟาดมัน.....ไม่ทราบกล้าขึ้นมาได้อย่างไร......มันไปพูดกล่าวหาใส่ร้ายให้คนอื่นฟังตลอดวันว่านางพิมพาเป็นปอบ กินหลานตัวเอง อย่าไปคบหาสมาคมด้วย ก็เลยทะเลาะกับมัน ฉันกับตาไปแจ้งกำนันนายลี สิงห์หัน กำนันประจำตำบล แล้ว ๆ ว่าจะจับให้พรุ่งนี้ ข้อหาดูหมิ่นใส่ความให้ได้รับความเสียหาย กับเรื่องอนาจารหลาน จะไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านนายบุญมี สุขส่ง ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 แต่นายประเทืองกับนางบุญสี แม่มันไปแจ้งก่อนและนั่งขวางไม่ให้นายกุณฑล ไปแจ้ง เลยยังไม่ได้แจ้งผู้ใหญ่บ้าน ตอนเย็นสารวัตรกำนัน นายทองมี รัคราช มาบ้านฉัน รับปากว่าพรุ่งนี้จะว่าความกัน แล้วนายประเทืองผีปอบมันโกรธ ว่าจะตายคืนนี้แล้ว ไม่ได้ทันว่าความกันหรอก ขอให้หลวงพ่อข่มมันไว้ด้วย
คืนนี้น่าจะเป็นคืนสำคัญสิ ....... จะต้องวางแผนปฏิบัติอย่างใจเยือกเย็นสุขุม......
22.32 น. เริ่มทำศึกไสยศาสตร์.................
ตำรวจมาขัดตาทัพ
27 พ.ย.2553
01.12 น. จบพิธีกรรม ไม่มีรายงานจากบ้านผีปอบ
05.40 น. ออกบิณฑบาต
07.00 น. ทำวัตรเช้า
08.00 น. ไปกิจนิมนต์....... พิธีเปิดหอพัก...
- ยังไม่ทราบข่าวจากบ้านผีปอบ นายกุณฑล กับนางพิมพา ยังไม่มีรายงาน................ปกติจะแสดงว่าไม่มีปัญหาอะไร น่าแปลว่าคืนที่แล้วผ่านล่วงไปด้วยดีแล้ว..... ไม่มีใครตายเพราะศึกไสยศาสตร์ ?
10.00 น. ขณะทำพิธีขึ้นบ้านใหม่ นายกุณฑลรายงานทางโทรศัพท์ว่า ตำรวจหนองไฮจะเข้ามาจัดการ จะทำการพิศูจน์ที่บ้านของคู่ความเลย .............. บอกว่า ...... ดีแล้ว....
19.00 น. นายกุณฑลส่งข่าวว่า วันอังคาร(30 พ.ย.2553) จะมารายงานหลวงพ่อโดยตรง ตำรวจเขาให้ทำสัญญาไว้ว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่พูดเรื่องเดิมอีก ใครพูดจับทันที ............ (ที่ยังไม่รีบมาคงเป็นเพราะรถเกี่ยวข้าวมาถึง และคงจะติดเกี่ยวข้าว.......ก็ดี จะได้โอกาสพักบ้าง)
29 พ.ย.2553
บันทึกคืนวิกฤต 26 พ.ย.2553
นายกุณฑล มารายงานที่วัด ว่าเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.วันที่ 26 พ.ย.2553 ได้เกิดการทะเลาะกันขึ้นระหว่างนายประเทือง กับนายกุณฑล นายประเทืองว่ามึงเป็นปอบ มึงหาว่ากูทำอนาจารหลานมึง แท้ที่จริงมึงเองทำอนาจารหลานตัวเอง นายกุณฑลโกรธตรงเข้าไปจะต่อย ทำท่าจะตะลุมบอนกัน นางพิมพาจึงถือเอาตะบองวิ่งลงมาจากบ้านข้างบน ลงมา นายประเทือง ก็ว่านางพิมพาว่าเป็นปอบกินหลานตัวเอง แล้วมาหาว่ากูทำอนาจาร นางพิมพาจึงให้นายกุณฑลไปแจ้งกำนัน แล้วเลยไปแจ้งความตำรวจ กำนันกับตำรวจว่าจะมาวันรุ่งขึ้น ทางนายประเทืองก็ขู่ว่าคืนนี้แหละมึงจะตายก่อน ไม่ทันได้ว่าความกันหรอก แล้วนายประเทืองชี้นิ้วมือ3นิ้วมายังนางพิมพางอนิ้วเข้าขูด ๆ เหมือนจะควักนัยตา นางพิมพาตาลายแล้วก็อ่อนระทวยไป นางพิมพาโทรศัพท์ถึงหลวงพ่อขอให้ช่วยดูแลคุ้มครอง ว่าเกิดเรื่องแล้ว มันขู่ว่าจะตายกันหมดคืนนี้ มันต้องใช้ไสยศาสตร์อย่างแรงจัดทำร้ายหรือสังหารคนในครอบครัวนายกุณฑลอย่างแน่นอน ........ หลวงพ่อจึงประกอบพิธีกรรมขนาดหนักเกือบตลอดคืน ........
วันที่ 28 พ.ย.2553 เวลาเย็น ตำรวจ 4 นายในเครื่องแบบมาสอบสวน พอรู้ข่าวนายประเทืองหนีไปนานเกือบชั่วโมง ตำรวจนั่งรอ บอกว่าหากมันหนีไปจับทันที แม่นายประเทืองออกมาไหว้วอนตำรวจว่าอย่าจับมันไปเลย ขอแก้ตัวสักครั้งก่อน แล้วนายประเทืองมา มันตื่นกลัวมาก นายกุณฑลไปจับชายเสื้อดึงมาซักต่อหน้าตำรวจอย่างไรรับ ครับ ๆ หมด ตำรวจบันทึกประจำวันไว้ให้ลงชื่อไว้ทั้งคู่ ว่าต่อไปห้ามนายประเทืองพูดเรื่องอนาจารอีก มันรับครับ และห้ามด่าคนอื่นว่าเป็นปอบ ถ้าพูดอีกจับทันที มันรับครับ
ถามว่าดูนายประเทืองใกล้ ๆ แล้วเห็นฟันมันยังเหลืออยู่หรือเปล่า นายกุณฑลว่าฟันมันร่วงทั้งปากเลยจริง ๆ เหลือแต่เหงือกล้วน ๆ ตอนโดนวิชาเย็นของหลวงพ่อนั่นแหละ ถามเรื่องแม่มันถ่ายพลังให้ลูกมันหรือเปล่า นางพิมพาเคยบอกว่าแม่มันลงมาหามันตอนกลางคืนปิดไฟกอดลูกมันไว้ นายกุณฑลว่าหลายคืนมาแล้วนายประเทืองชัก ดิ้นตัวงอ แล้วก็เรียกแม่มันว่า แม่ ๆ ลงมาหน่อย แม่มันก็ลงมาหามัน แต่ไม่เห็นว่าแม่มันทำอะไรให้มันเพราะมันปิดไฟมืด ได้ยินแต่เสียงจามทั้งแม่และลูก
บอกนายกุณฑลว่าคืนวันนั้น ที่ 26 พ.ย.2553 พระอาจารย์ใส่มันอย่างหนักกะไม่ให้มันเคลื่อนไหวอีก ให้รอดูเรื่องนี้ต่อไป แต่ระยะนี้มันคงซาไปหน่อย......
ฝันประหลาด ขอชีวิตจากหลวงพ่อ
9 ธ.ค.2553
23.08 น. โทรศัพท์จากนางพิมพาบ้านผีปอบว่า หลานมดไข้ตัวร้อนขึ้นสูง นอนสะดุ้ง ๆ ตัวอ่อน ตอนนี้ตาเหลือก กำลังคิดว่าจะทำอย่างไร จะส่งโรงพยาบาลอีกหรืออย่างไร ........ให้หลวงพ่อดูด้วย... ทางนายกุณฑลบอกว่ามันยังมีอำนาจอยู่ จะทำอย่างไร ? (นางพิมพาเล่าภายหลังว่า หลานอ่อนระทวยเหมือนไม่มีกระดูก และตาเหลือกเหมือนคนตายไปแล้ว นางเองก็คิดว่าหลานตายไปแล้ว น้ำตาก็ตกไหลย้อยลงมา พอดีคิดว่าไหน ๆ แล้วก็บอกให้หลวงพ่อทราบหน่อยดีกว่า ก็โทร.บอกหลวงพ่อ......แล้วหลานก็คืนดีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แสดงว่า ผีปอบยังมีอำนาจอยู่หรืออย่างไร ?)
......... ก็อยู่ระหว่างพักผ่อน แต่เรื่องนี้พักไม่ได้ หลับตา... ไปจัดการเลย.........
ว่างมาเป็นเวลาถึง 10 วัน รายงานมาตลอดว่านายประเทือง แม้ว่าตำรวจจะภาคฑัณฑ์เอาไว้ ไม่ให้พูดถึงหลานมดอีก และไม่ให้พูดว่านายกุณฑล นางพิมพาเป็นปอบอีกต่อไป หากพูดจับทันที .......... มันไม่พูดแต่ทำพิธีกรรมตลอดมา ............มันยังคงเล่นของอยู่ไม่หยุด และความอาฆาตของมันยังรุนแรง นั่นคือต้องเอาชีวิตครอบครัวนายกุณฑลให้ได้ .......
มันยังคงออกมาเดินวนรอบ ๆ บ้านนายกุณฑล มือถือซีกไม้ไผ่ยาวปัดดินไปมา ๆ เดินสุดรั้วแล้วกลับหลังหัน เหมือนพระเดินจงกรม ปากมันบริกรรมคาถก็า......... วันเกี่ยวข้าวนายกุณฑลรายงานว่ามันทำพิธีกรรมทั้งคืนเพื่อยับยั้งไม่ให้ครอบครัวยายกุณฑลเกี่ยวข้าวเสร็จ ........ และบัดนี้ครอบครัวนายกุณฑล นายกุณฑลเองที่เก่งขึ้นมาถึงกล้าสู้ไม่เกรงกลัวพิธีกรรมมันกลับเริ่มวิตกอีกครั้งหนึ่ง อีกแล้ว ..........
10 ธ.ค.2553
05.30 น. นางพิมพารายงานว่า หลานคืนปกติตั้งแต่รายงานหลวงพ่อแล้ว ว่าฝันว่าหลวงพ่อมาที่บ้าน พอหลวงพ่อนั่งนายประเทือง รีบแซงเอาพานดอกไม้เข้ามาไหว้หลวงพ่อ เขาว่าขอชีวิตคนในบ้านให้ผมเถอะ หลวงพ่อว่า ไม่ได้ เอาชีวิตมึงน่ะซี มันรีบลุกวิ่งหนีไป
ได้ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับดวงชะตานายประเทือง คำนวณแล้วน่าจะถูกต้อง และดวงเดิมน่าจะผิด.............แต่ความหมายของมันยังคงเลวร้ายและเร่งเร็วกว่าเดิมเสียอีก......
09.20 น. เสียงทิพย์บรรเลงอยู่ ในระดับ D;5000:L;10U.
บทสรุปประเด็นสำคัญ
ยังมีสมมติฐานสำคัญอยู่อีกข้อหนึ่ง ที่ชาวบ้านชนบทต่างรู้ดีอยู่แล้ว ก็คือ พวกฮาร์ดคอร์ หรือพวกที่แก่วิชาทางไสยศาสตร์ นี้ เมื่อถูกผู้ทรงคุณวุฒิที่เหนือกว่า ถอนวิชาทางไสยศาสตร์ไปเสียแล้ว ก็จะค่อย ๆ ทรุดโทรม ผ่ายผอมลงไปและเสียชีวิตอย่างเงียบเชียบในที่สุด นายประเทือง หากเป็นผีปอบ ใช้วิชาไสยศาสตร์ทำร้ายคนอื่นมาจริงก็จะประสบชาตากรรมเช่นนั้น หากว่าการถอนวิชาไสยศาสตร์ของเขาออกไปได้สำเร็จจริง
จบรายงานตอนที่ 23