นี่คือหนังสือพิมพ์ดี(อินเทอเนต) It's The Good Paper https://www.newworldbelieve.net For All Good For All Thought
ล่าสุด : 2 พ.ค.2553 การถ่ายทอดจากเวทีคนเสื้อแดงราชประสงค์ ผ่านเวบไซต์ วันนี้ ยังมีประสิทธิภาพดี ในภาพ วันที่ 2 พ.ค. 2553 เวลาประมาณ 12.00 น. เห็นประชาชนยังคงคับคั่ง และมีหลายสี ปนกันไปหมด มีประเด็นต่าง ๆ ที่สำคัญทุกประเด็น โดยเฉพาะประเด็นพลทหารเสียชีวิตในเหตุการณ์ 28 เม.ย.2553 ซึ่งทางเสื้อแดงตอบโต้รัฐบาลฝ่ายที่กล่าวหาว่าประชาชนเป็นผู้ก่อการร้าย และอยู่ในขบวนการล้มจ้าว ว่า ประชาชนมือเปล่าไม่ได้ยิงทหาร อ้างข่าวบีบีซี ว่าทหารยิงพลาดเอง บีบีซีว่า friendly fire แกนนำนปช.ยังนำคลิปวีดิโอ มายืนยันความจริงหลายอย่าง ในเรื่องหาว่าฝ่ายแดงคิดล้มจ้าว ชัดเจนขึ้นทุกทีถึงการใส่ร้ายป้ายสีของรัฐบาลต่อฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง และวันนี้มีข่าวการประชุมคณะรัฐมนตรี น่ามีการประกาศกฎอัยการศึก เพื่อที่จะนำทหารเข้ากวาดล้างปราบปรามประชาชน ต่อไป แกนนำเสื้อแดงเตือนว่า ขณะนี้รัฐบาลต้องรับผิดชอบ เหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 และเป็นรัฐบาลที่ฆ่าสังหารประชาชน 25 คน (ใครฆ่าคนเหล่านี้??? คำตอบคือ รัฐบาล ผู้รับผิดชอบคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ) จะหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไปไม่ได้ แกนนำยังได้แสดงการชื่นชมต่อนักการเมืองอาวุโส คือนายเสนาะ เทียนทอง ที่ออกมามองสถานการณ์ว่า รัฐบาลทำการรุนแรง ควรยุบสภา และตั้งรัฐบาลกลางมารับผิดชอบ ....
แต่การที่รัฐบาล จะประกาศกฎอัยการศึกโดยมุ่งหมายจะปราบปราม หรือสลายการชุมนุมด้วยกำลังกองทัพ ด้วยอาวุธ นั้น น่าระวังว่าความคิดนี้เป็นความคิดที่ล้าหลัง และเป็นความคิดที่ผิด และซึ่งได้รับการพิศูจน์ว่าผิดมาแล้ว ในยุคคอมมิวนิสต์ อันเป็นเหตุให้เรื่องราวยืดเยื้อไปร่วม 20 ปี ขณะนี้รัฐบาลพลเรือนแต่คิดจะทำแบบทหารยุคนั้น คิดอย่างไร??? จริงอยู่เมื่อท่านสลายการชุมนุมที่ราชประสงค์ ด้วยความุนแรง จับกุมแกนนำไปได้ทั้งหมดแล้ว ประชาชนเขาไปไหน ? ท่านคิดว่าเขาจะยอมแพ้หรือ??? สมัยนั้นพวกเขาเข้าป่า ทำการต่อสู้ในป่า แล้วค่อยออกมาในชนบท ด้วยยุทธวิธีป่าล้อมเมือง ตามลำดับ แต่สมัยนี้ พวกเขาจะไม่จำเป็ฯต้องเข้าป่า เพราะพวกเขามีแผ่นดินของพวกเขาอยู่เพียงพอแล้ว นั่นคือไปอยู่ตามจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งแม้ขณะนี้ก็เป็น ๆ อยู่ เมืองเหนือทั้งเมือง พอที่จะตั้งเป็นประเทศ ๆ หนึ่งได้ พอ ๆ กับอีสานทั้งอีสานที่พอจะตั้งเป็นอีกประเทศหนึ่ง และมวลชนแดงในกรุงเทพก็มากพอที่จะทำให้กรุงเทพแตกออกเป็นเขต ๆ ได้เช่นเดียวกัน นั่นคือ กลับจะกระจายปัญหาและการต่อสู้ออกไปกว่าเดิมเสียอีก ทฤษฎีที่ว่า ยิ่งกด ยิ่งมีแรงสู้ นี่แหละได้รับการพิศูจน์มาแล้ว และหากเกิดเป็นขึ้นมาเช่นนั้นล้ว รัฐบาลอภิสิทธิ์นี่เองที่ต้องรับผิดชอบ
ฉะนั้น รัฐบาลต้องคิดแบบผู้ใหญ่ ไม่มีทางอื่น นอกจาก ยุบสภา และโปรดคิด ใช้สติปัญญา ว่าประชาชนเขาออกมาทำไม มากมายมหาศาลขนาดนี้ อย่าทำการสลายประชาชนด้วยอาวุธ อย่างเด็ดขาด ไม่ใช่เหตุผลที่ว่าพวกทหารและรัฐบาลจะแพ้ แต่ ประเทศไทยจะบอบช้ำมากเกินไป อย่างไร้เหตุผล ต่างหาก...(รายงานข่าวและวิเคราะห์โดย สุไหงปาดี ชินะกุล).
ภาพล่าสุด 1 พ.ค. 2553 จตุพร พรหมพันธ์ แกนนำคนสำคัญของ นปช. เพื่อประชาธิปไตยบนเวทีราชประสงค์ สบาย ๆ เมื่อวานนี้
เราได้รับทราบ.....
“ความเห็นที่ 5 (2030174)
เว็บไซต์นี้ตั้งใจทำให้คนมืดเป็นสว่างจริงหรือ
ตอนแรกนึกว่าเป็นเว็บไซต์เผยแผ่คำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างเดียว แต่ทำไมถึงได้มีข่าวจากเสื้อแดงด้วย หากสนับสนุนกลุ่มแดงที่เรียกร้องประชาธิปไตย ทำไมถึงไม่นำเสนอข่าวทั้งสองด้านล่ะ และคำพูดที่ใช้ในการรายงานข่าวก็แสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่เอนเอียงไปทางใดทางหนึ่งอยู่แล้ว แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร
มีข้อเสนอแนะว่าหากอยากทำเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย น่าจะเอาข่าวที่นำเสนอเรื่องเดียวกันจากหลายๆ แหล่งมาลงซะ แล้วให้ผู้อ่านเป็นคนตัดสินใจเองว่าเขาคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนั้นๆ นะ จะดูดีกว่านี้เยอะเลย…..คนไทยคนหนึ่ง”
เราขอชื่นชม ท่านผู้ตั้งคำถามในนาม คนไทยคนหนึ่ง ใน ความเห็นที่ 5 เข้ามา เรามองว่าท่านเป็นวิญญูชนคนหนึ่ง เราทราบในความจริงใจของท่าน........................... เราจะไม่โต้แย้งท่านเลย ............ เพียงแต่เราขอบอกหน่อยว่า
1. เป็นการยากที่จะบอกใคร ๆ ว่า เรามุ่งไปเส้นทางเดียวเท่านั้น(only one way) คือเส้นทางที่ถูกต้อง(right way) ที่มีความสว่างอยู่เบื้องหน้า และเส้นทางนั้นมีท่านผู้รู้ชี้บอกไว้แล้ว และเราวิเคราะห์ด้วยตนเองแล้วทราบว่าเป็นจริง เรารู้เส้นทางทุกเส้นทาง แต่เส้นทางที่นำไปสู่ความมืด เราย่อมไม่เดินไป การที่ตั้งใจทำให้คนมืดเป็นสว่าง จึงเป็นการยากจริง ๆ
2. เป็นการยากที่จะบอกใคร ๆ ว่า เราปฏิเสธเส้นทางที่ผิด (wrong way)เส้นทางที่พาเราไปสู่หมู่โจร(to thieves) เราจะไม่เดินไปในเส้นทางที่ผิด อย่างเด็ดขาด แม้จะใช้อาวุธบังคับให้ไปก็ไม่ไป ฉะนั้นเป็นการยากที่จะไม่ให้ใคร ๆ คิดว่า เราเอนเอียง แต่เราหวังว่ากาลเวลาจะเป็นสิ่งที่พิศูจน์ ดังสุภาษิตจีนดั้งเดิมกล่าวเอาไว้ว่า ระยะทางพิศูจน์ม้า กาลเวลาพิศูจน์คน นั่นอย่างไร
3. เป็นการยากที่จะบอกใคร ๆ ว่า ศาสนา สาระของศาสนาทั้งหมด แท้ที่จริงคือเรื่องราวของสังคมทั้งหมดนั่นเอง ศาสนามิได้แยกออกไปอยู่โดดเดี่ยวจากสังคม แต่อยู่ในสังคม ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับสังคม ท่านลองคิดตรรกกะนี้ดู ถ้าศาสนาไม่เป็นประโยชน์ต่อคน ต่อประชาชน ต่อสังคมแล้วศาสนาจะมีไว้เพื่ออะไร?
4. เป็นการยากที่จะบอกใคร ๆ ว่า ทำไมถึงได้มีข่าวจากเสื้อแดงด้วย แต่เป็นการง่ายที่จะบอกว่า เพราะเสื้อแดงได้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และเราเห็นว่า ประชาธิปไตยนี่แหละเป็นเส้นทางที่ถูกต้องของสังคมไทย
5. เป็นการยากที่จะบอกคนไทยทั่ว ๆ ไป ผู้ได้ชื่อว่านับถือพระพุทธศาสนา ว่าสาระที่แท้จริงของประชาธิปไตยนั้นมาจากสาระคำสอนส่วนแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง เริ่มจาก ความเป็นมนุษย์ และ ในหลักการของ เสรีภาพ(Freedom) ความเสมอภาค(Equality) และภราดรภาพ (Fraternity) ซึ่งนี่คือหลักการอันสูงสุดของพระพุทธศาสนา ยากเพราะไทยพุทธ ประกอบด้วยความอิจฉาริษยามาก
6. เป็นการยากที่จะบอกคนไทยทั่ว ๆ ไปว่า แท้จริงประเทศประชาธิปไตยในตะวันตกและอเมริกา นั่นคือพุทธศาสนิกชนที่แท้จริง ที่ได้ประโยชน์จากพระพุทธศาสนาส่วนแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง จริง ๆ ในเรื่องการเลือกวิธีการปกครองตามหลักการพระพุทธศาสนา คือประชาธิปไตย นี้ ยากที่ชาวพุทธไทยจะเชื่อได้ จริง ๆ เพราะพวกเขาเป็นชาวพุทธแต่เพียงในทะเบียนสัมมะโนครัว (ท่านปัญญานันทะภิกขุ พูดประโยคนี้ไว้ก่อนแล้ว) ท่านหมายถึงสติปัญญาน้อยเกินกว่าจะเข้าใจแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา
7. เป็นการยากที่จะบอกคนไทยทั่ว ๆ ไปว่า แท้จริงพระพุทธศาสนธรรมได้แผ่ผายออกไปทั่วโลกอย่างไม่เคยมีมาก่อน จากหลักการว่าด้วยประชาธิปไตย นี่อง โลกที่เป็นประชาธิปไตย ละไปแล้วจากการคิดพึ่งพาเทพเจ้า จากที่เคยถูกปกครองโดยคณะผู้แทนเทพเจ้าบนโลกมนุษย์เดิมในยุโรปอเมริกา มาเป็นคณะผู้ปกครองตนเอง จากตัวแทนของมนุษย์ ตัวแทนของปวงประชาชนทั่วประเทศ ตามหลักความเสมอภาค(Equality) มนุษย์สร้างโลกขึ้นเองด้วยมือทั้งสองของมนุษย์ พวกเขาไม่ยอมให้พระเจ้าสร้างให้พวกเขาอีกแล้ว(เพราะแท้จริง พระเจ้านั้นคือความหลอกลวง สิ่งที่เป็นจริงคือมนุษย์ และพิศูจน์ได้โดยวิทยาศาสตร์ และประชาธิปไตยเป็นวิทยาศาสตร์)
8. เป็นการยากที่จะทำให้ใคร ๆ ได้รู้ซึ่งความถูกทาง(right way)และความผิดทาง(wrong way) ธรรมะ หรือ อธรรม เพราะคนปนเปกันอยู่ทั่วไป ผสมผสานกันไปหมด ระหว่างคนดี คนชั่ว ซึ่งอธิบายได้ว่า มนุษย์ต่างมีความคิดแตกต่างกันไปหลายหลากมากมาย และธรรมชาติของมนุษย์นั้น ต่างก็มีความเห็นแก่ตัว(selfish) พวกเขาหลงไปตามความได้ ความดี ความเป็นประโยชน์เฉพาะตน พวกของตนเป็นหลัก พวกเขาจึงยากที่จะรู้จักทางที่ถูกและทางที่ผิด หรือแม้เขารู้ พวกเขาก็ยากที่จะทำตามที่รู้ เพราะมีความเห็นแก่ตัว จึงจำเป็นต้องมีระบบการปกครองที่ถูกต้อง และเป็นธรรม ขึ้นมาจัดการความเป็นไปของมนุษย์ที่เห็นแก่ตัว และบัดนี้ มี ประชาธิปไตย ที่ถอดออกมาจากหลักการของพระพุทธศาสนา แต่ก็เป็นการยากที่จะให้คนทั้งหลายเข้าใจตามดังกล่าวมานี้
9. เป็นการยากที่จะบอกใคร ๆ ว่า ประชาธิปไตยโลก ยังคงต้องการการพัฒนาไปอีกไกล เพื่อบรรลุอุดมการณ์สูงสุด ตามหลักการประชาธิปไตยที่แท้จริง
10. เป็นการยากที่เราจะอาศัยเพียงคนหนึ่งคนเดียว เพื่อการอธิบายเผยแผ่ประชาธิปไตยที่ถูกต้อง
ด้วยความยากทั้ง 10 ประการนี้ จึงมี https://www.newworldbelieve.net ขึ้นมา โดยที่เราไม่คิดว่าเป็นการยากที่ท่านทั้งหลายจะเข้ามา และเสวนาหาความจริงกัน ณ ที่นี้ และเราเป็นสิ่งที่ https://www.newworldbelieve.net ได้เป็นมา กำลังเป็นอยู่ และจะเป็นไปแบบนี้ทำนองนี้ในอนาคต โปรดมาศึกษาเพื่อที่จะเป็นแบบเดียวกับเราก็ได้ หรือไม่เป็นแบบเดียวกับเราก็ได้.....แล้วแต่ประโยชน์...ที่อยากจะเอาจะได้....
-บุษบา บุญเสฏฐ์
-อรบุศป์ ละอองธรรม
- ผู้แสดงความคิดเห็น บุษบา บุญเสฏฐ์ (newworldbelieve-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2010-04-30 09:52:31
ASTV ล่าสุด วันที่ 3 พ.ค. 2553 เมื่อเวลาประมาณ 00.30 น.เป็นต้นไป (ถึง 02.10 น.ยังวิจารณ์ข่าวอยู่) ผู้ประกาศ เอเอสทีวี 2 คนตามภาพนี้ เอารูปที่ตกแต่งตามภาพข้างบนถัดขึ้นไป มาออกเอเอสทีวี วิจารณ์แล้วหัวเราะกันงอหงาย โดยมองว่าคนในภาพคือจตุพร พรหมพันธ์ มีความละม้ายคล้ายกันกับผู้นำอูกันดา ผู้ประกาศ(จะเรียกว่าผู้ประกาศได้หรือเปล่า?) 2 คนนี้ วิจารณ์ว่าเป็นสัญลักษณ์ของความล้าหลัง ป่าเถื่อน เผด็จการคล้าย ๆ กัน การที่เอเอสทีวีเอารูปมาแต่งเช่นนี้แล้วประกาศไปในสาธารณชน ย่อมเป็นการไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะบุคคลทั้ง 2 คนนี้ เป็นผู้นำของประเทศ ย่อมมีเกียรติในความเป็นมนุษย์ พอ ๆ กับคนในทวีปอื่น ๆ ทั่วโลก เป็นการไม่เหมาะสมที่เอเอสทีวีจะเอามาล้อเลียน อย่างเสียหาย ไม่ให้เกียรติ์ และการล้อเลียนนั้นมีการทำท่าทางเยาะเย้ยถากถาง อย่างออกหน้า คนในเอเอสทีวี แทบกล่าวได้ว่าทุก ๆ คนที่ออกทีวีช่องนี้ มักจะใช้คำพูด วาจาเราะราย หยาบคาย พร้อมการเยาะเย้ยถากถาง หัวเราะเยาะ จนเป็นเอกลักษณ์สื่อ การโฆษณาชวนเชื่อ โดยไม่คำนึงว่า สื่อจะต้องมีมารยาท ถ้ามีเหตุผลก็ไม่เป็นไร แต่การเอาคนอื่นซึ่งถึงแม้เขาอยู่ไกลถึงต่างประเทศ คนละทวีปกับไทย มาล้อเลียนเช่นนี้ ย่อมไม่เป็นการเหมาะสม นอกจากนั้นแล้วคนทั้งสองยังได้โฆษณาย้ำข้อกล่าวหาเดิม ๆ ของเอเอสทีวี ที่กล่าวหาอย่างไม่คำนึงหลักฐาน แต่โดยเจตนาเพื่อการโฆษณาใส่ร้ายให้คนอื่นเสียหาย ไปก่อนการได้พิศูจน์ โดยวันนี้ได้กล่าวหาใส่ร้ายว่าผู้นำเสื้อแดงว่าเป็นกบฎ เป็นขบวนการผู้ก่อการร้าย และขบวนการล้มจ้าว ซึ่งแน่นอนผู้ประกาศทั้งสองนี้ เมื่อกล่าวออกไปโดยความคิดเห็นของตนเองแล้ว จะต้องรับผิดชอบตามกฎหมายอย่างแน่นอน แต่ในฐานะที่ทำธุรกิจการสื่อสารมวลชน สิ่งที่ต้องคำนึงอย่างยิ่ง โดยที่ไม่ควรจะไม่ให้มีขึ้นในวงการผู้ประกาศข่าวก็คือ อาการที่เยาะเย้ยถากถางบุคคลในข่าว อย่างผู้หญิงที่ประกาศข่าวคนนี้(ไม่ทราบชื่ออะไร) ที่วิจารณ์ข่าวโดยแสดงถึงเจตนาที่จะกล่าวคำที่ถากถาง เยาะเย้ย อย่างมีความตั้งใจให้คนอื่นได้รับความเดือดร้อนทางจิตใจ โดยตรง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง มีเจตนา รู้ว่าพูดไปแล้วยั่วยุให้คนอื่นโกรธเคือง หัวฟัดหัวเหวี่ยงได้ แล้วตั้งใจพูดตั้งใจทำอย่างนั้น นั่นถือเป็นการดี เป็นการสำเร็จผลทางการเสนอของตน ซึ่งการกระทำดังนั้นไม่ใช่มารยาทของสื่อที่เจริญแล้ว แต่เป็นมารยาทของสื่อที่ด้อยความเจริญ ไร้การศึกษา และป่าเถื่อน ที่ยังมีอยู่ที่ประเทศนี้ แห่งเดียว ในโลก (ทำไมไม่ศึกษาจากสื่อมาตรฐานในโลก เช่น บีบีซี และ อัลจาชีรา (แม้จะดูลาวสตาร์ หรือ กัมพูเจีย อินเดีย ก็ได้) เป็นต้น เพื่อดูแบบอย่างเขา ดูวิธีการประกาศ เขาต้องวางตัว สีหน้า ริมฝีปาก สายตา อย่างไร จะต้องระวังท่าทางที่อเกรสิฟ(ท่าทางอเกรสิฟ คือท่าทางกระด้าง ๆ ออกไม้ออกมือที่แสดงอำนาจ ไม่รู้จักการวางสายตา ให้ดูดี ไม่ระราน ข่มคนอื่น นับแต่ไม่ระรานข่มคนฟังคนชม ไม่ระรานข่มผู้ที่มาร่วมรายการ การออกตัวของคนในทีวี เช่นผู้ประกาศ หรือเจ้าของรายการ ก็เหมือนคนขายของนั่นแหละ ถ้าไปออกอาการกระด้าง ๆ มีอเกรสิฟ ทั้งท่าทางและคำพูด ยกไม้ยกมือแสดงอำนาจ ทำท่าหัวเราะเยาะ ถากถาง ฯลฯ คนก็ไม่อยากมาใกล้ ๆ ไม่อยากซื้อของ ๆ เรา สินค้าเราก็จะขายไม่ออก .. ควรเรียนรู้ว่าอะไรควรละเว้น ไม่ทำ และอะไรควรทำ..ฯลฯ...เพื่อความดี ศักดิ์ศรีของสื่อในองค์รวมของประเทศไทย จะได้ดีขึ้น
|