นี่คือหนังสือพิมพ์ดี(อินเทอเนต) It's The Good Paper https://www.newworldbelieve.net For All Good For All Thought
ในหลวงพระราชินีพระราชทานค่ารักษาทำศพผู้ได้รับผลกระทบ ทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชน สถานการณ์ล้อมปราบปรามประชาชน 10 เม.ย. 2553 โปรดคลิกเพื่ออ่านข่าวละเอียดที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณแด่ไพร่ฟ้าของพระองค์
อุดมการณ์ประชาธิปไตย สันติ อหิงสา ของประชาชนเสื้อแดง ทั้งแผ่นดิน ขอให้ยั่งยืน จำเริญนาน
ภาพล่าสุด 20 เม.ย. 2553 โทรทัศน์ Aljazeera โดย Ziah Ibrahim นักข่าวสาว (ยืนตรงกลาง) รายงานจากกรุงเทพ เสื้อแดงเตรียมงานการรุกขั้นต่อไปอย่างไม่หวาดหวั่น พวกเขาต้องการต่อสู้เพื่อ ประชาธิปไตย พวกเขาประกาศให้โลกรู้ไปทั่วโลกแล้วว่า We just want democracy นั่นคืออำนาจการปกครองเป็นของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน พระมหากษัตริย์มิได้ทรงพระราชทานอำนาจของพระองค์ให้บุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือ คณะบุคคลใดคณะบุคคลหนึ่ง แต่ทรงพระราชทานให้ประชาชนทั้งปวง บัดนี้ มีเพียงคณะบุคคลหนึ่ง ปล้นอำนาจประชาธิปไตย อันเป็นของพระราชทานจากกษัตริย์ พวกเขาจึงต้องต่อสู้ เพื่อเอาประชาธิปไตยคืนมา ในเวลาใกล้เคียงกันนี้ กระทรวงต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา ได้ประกาศว่า ขบวนการเสื้อแดง ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย กรุงเทพมีความปลอดภัย ไม่มีอันตรายแก่นักท่องเที่ยว (ทั้งนี้ ตามกระแสข่าว SMS ที่เชื่อถือได้)
การชุมนุมของคนเสื้อแดง ที่เวทีราชประสงค์ ยังคงหนาแน่น ภาพข่าวในทีวี Aljazeera ตามรายงานของ Ziah Ibrahim เมื่อเช้าวันที่ 20 เม.ย. 2553
ล่าสุด 22 เม.ย.2553 ข่าวภาคกลางคืน ของโทรทัศน์ Aljazeera โทรทัศน์ที่ดมกลิ่นสงครามมาทั่วโลก บัดนี้ได้ติดตามเหตุการณ์ในประเทศไทยอย่างใกล้ชิด และได้ทำการศึกษาถึงต้นตอปัญหาต่าง ๆ ในประเทศไทย มาอย่างต่อเนื่อง ในวันก่อน ๆ ได้ทำการสัมภาษณ์ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ฝ่ายเสื้อแดง และทำการสัมภาษณ์นายไกรศักดิ์ ชุณหวัณ ฝ่ายรัฐบาล เพื่อทราบปัญหาทางการเมืองไทย วันต่อมาได้สัมภาษณ์นักการเมืองไทยอีกหลายคน วันนี้ ขณะที่นำเสนอภาพแผนที่ประเทศไทยแดงทั้งประเทศนี้ เป็นการเสนอขณะเบรกข่าว เวลาประมาณ 20.40 น. ว่ามีการระเบิดในประเทศไทย 3 จุด อย่างไรก็ตาม นี่อาจจะเป็นเหตุให้ อัลจาชีรา มองว่าสถานการณ์เมืองไทยรุนแรงขึ้นไปก็ได้ แต่ในขณะเดียวกัน วันนี้ทั้งวัน อัลจาชีรา ให้ความสนใจติดตามศึกษาโครงการมาบตาพุดที่ผิดพลาดของรัฐบาลอภิสิทธิ์ การที่พวกเขาติดตามหาความจริงเหล่านี้ น่าเป้นผลดี เพื่อทั่วโลกจะได้ทราบว่าเบื้องหลังแดงทั้งประเทศไทยนั้น แท้จริงเป็นเพราะรัฐบาลบริหารงานอ่อนด้อยอย่างไร เชื่อว่า อัลจาชีรา จะยังคงติดตามศึกษาประเทศไทยต่อไปอีกอย่างละเอียด และดูเหมือนจะเป้นเป้าหมายการศึกษาที่สำคัญ เพื่อสรุปหาทฤษฎีต้นเหตุแห่งความรุนแรงในประเทศไทย และต้นเหตุของ การแดงทั้งแผ่นดินอยู่ในขณะนี้
Thailand Violence แล้วเบรกนิวส์ชั่ว อึดใจต่อมา เวลาประมาณ 20.50 น. อัลจาชีราก็รายงาน มีระเบิดลูกที่ 4 ว่า เป็น Thailand Crisis แล้ว จุดที่ระเบิดเป็นบริเวณถนนสีลม ปรากฎว่าระเบิดลงที่บริเวณชุมนุมของคนเสื้อหลากสี ที่อยู่คนละฝั่งกับคนเสื้อแดง นปช. มีคนเสื้อหลากสีล้มเจ็บ และไม่นานคนที่มาชุมนุมตื่นตกใจแตกหนีไปหมดเห็นการเคลื่อนของกองกำลังทหารส่วนหนึ่งเข้าสู่สถานที่เกิดเหตุการณ์ (โปรดติดตามข่าวจากสื่อหลาย ๆด้านต่อไป....)
21.50 น. Aljazeera รายงานการระเบิดมีถึง 5 ครั้ง ระเบิดขึ้นในย่านธุรกิจ มีคนเจ็บจำนวนหลายโหล ดูเหมือนเป้ฯการระเบิดขึ้นในระหว่างการชุมนุมของพลเสื้อหลากสี เห็นพลเสื้อหลากสีล้มลง และถูกหามส่งรพ.หลายคน อัลจาซีรา เสนอภาพการขว้างปากันระหว่างคนสองกลุ่ม เห็นภาพของฝ่ายที่สวมเสื้อหลากสีออกอาการเกรี้ยวกราด กระทำต่อฝ่ายเสื้อแดง อัลจาชีรา มีข่าวระเบิดในประเทศอื่นอีกคือที่จอร์แดน มีไครสิสของรัฐบาลเบลเยียม และมีข่าวการประชุมสภาใหม่ของศรีลังกา........และมีข่าวภูเขาไฟระเบิด.....
Aljazeera ในช่วงนี้ยังได้เสนอข่าวเสื้อแดงยกขบวนทัพไปที่ทำการสหประชาชติ มีการสัมภาษณ์หมอเหวง โตจิราการ ๆ ว่าเพื่อขอให้หน่วยรักษาความปลอดภัยสหประชาชาติมาดูแลคนเสื้อแดงผู้ต่อสู้อย่างสันติและอหิงสาตามหลักการประชาธิปไต แต่เกรงว่ารัฐบาลนี้จะทำการปราบปรามด้วยอาวุธเฉกเช่นเหตุการณ์ 10 เม.ย.2553 หากไม่มีกองกำลังมาดูแล ชนเสื้อแดงอาจถูกฆ่าล้างยกทั้งหมดแบบกัมพูชาก็ได้
22.30 น. รายงานเพิ่มเติม ว่ามีผู้เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 75 คน กลุ่มคนเสื้อหลากสีแตกกระเจิง
23 เม.ย. 2553
0800 น. อัลจาชีรา รายงานต่อ โดยนักข่าวชายจากกรุงเทพ ว่า เชิร์ตแดงมาชุมนุมกันหลายสัปดาห์แล้ว เรียกร้องให้รัฐบาลลาออก เพราะเหตุไร้ฝีมือการบริหารประเทศ ว่าประชาชนในชนบท และชนชั้นกลางส่วนมากมีความพอใจการบริหารงานของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ... ประมาณ 08.30 น. Sean Boonprakong ฝ่ายเสื้อแดงรายงานความจริง ผ่านทีวีช่องนี้ และมี ปณิธาน วัฒนายากร ออกแถลงการณ์เช่นเดียวกัน ... ชอน บุญประคอง เป็นคนไทยในอเมริกา ที่มาชื่นชมอุดมการณ์ของเสื้อแดงเพื่อประชาธิปไตย และรับหน้าที่แถลงวความจริงการต่อสู้ของเชิร์ตแดงออกไปสู่สากลประเทศ วันนี้ อัลจาชีรา และสื่อโลกยอมรับเขา
อพยพ เมื่อ 14 เมษายน 2553 แดงที่สพานผ่านฟ้า สละพื้นที่ให้ทางฝ่ายรัฐบาล โดยเหตุผลที่ว่า เมื่อรัฐบาลอยากได้พื้นที่นี้คืนเป็นอันมากถึงต้องส่งกองกำลังทหารติดอาวุธสงคราม เข้ามาทำการเข่นฆ่าปราบรามประชาชน จนฝ่ายรัฐบาลเองเกิดเพลี่ยงพล้ำ นั่นคือกองบัญชาการส่วนหน้าในสนาม ถูกถล่มด้วยกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ทำให้ พ.อ.ร่มเกล้า ยุวธรรม หนึ่งในกองบัญชาการส่วนหน้า เสียชีวิตลงทันที พร้อมกับทหารอีกรวมเป็น 4 คน ยังมีนายพล.ต. ผู้บัญชาการสถานการณ์ฉุกเฉินหน่วยหน้านี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส จนต้องถอนตัวจากสนามรบโดยพลัน เพื่อนำตัวไปรักษาพยาบาล ทราบผลต่อมาว่า เพื่อเอาชีวิตไว้แพทย์ต้องตัดขาข้างหนึ่งออกไป รายละเอียดถูกปกปิดมิดชิดจากฝ่ายรัฐบาล การขาดการบัญชาการลงโดยฉับพลัน เป็นเหตุให้ทหารรวนเร แล้วเริ่มถอย จนในที่สุดรัฐบาลจำต้องยอมถอยทหารกลับไป สถานการณ์ในคืนที่ 10 เมษายน 2553 นั้น แท้จริงเป็นสถานการณ์การรบกันทั้ง 2 ฝ่าย โดยฝ่ายประชาชนมือเปล่า ๆ แต่ได้เปรียบด้วยจำนวนนับแสนคน ฝ่ายรัฐบาลอ้างเหตุที่ทำสงครามได้ และเป็นฝ่ายประกาศสงคราม นั่นคือ ด้วยการประกาศ พรก.ฉุกเฉินร้ายแรง แต่การถอยด้วยเหตุที่การรบของฝ่ายตนผิดพลาดเช่นนี้ ย่อมเรียกได้ว่ารัฐบาลเป็นฝ่ายแพ้สงครามไปโดยเรียบร้อยแล้ว และฝ่ายประชาชนมือเปล่าเป็นฝ่ายชนะ โดยที่ประชาชนนักรบเหล่านั้น เพียงแค่การชนะด้วยความตื่นตกใจและสัญชาตญาณการป้องกันตัว ได้ต่อสู้ด้วยก้อนหินริมทาง ไม้ ฆ้อน ด้ามธงที่ถือ และหนังสติก ฯลฯ เท่าที่หาได้ริมทาง ถูกอาวุธปืนเสียชีวิตไป 18 ศพ และยังมีนักข่าวรอยเตอร์ ซึ่งเป็นคนญี่ปุ่น ถูกกระสุนปืน (ซึ่งมีทหารเท่านั้นใช้อาวุธปืนในขณะนั้น) ถึงแก่ชีวิตอีก 1 คน ทางแกนนำพิจารณาว่า เมื่อรัฐบาลกระหายอยากได้พื้นที่คืนถึงขนาดนี้ ก็เลยตัดสินใจยกให้ และเริ่มการอพยพคนเรือนแสน ไปสู่แผ่นดินใหม่ นั่นคือแผ่นดินราชประสงค์
การอพยพนี้ เคยมีในประวัติศาสตร์การอพยพที่ยิ่งใหญ่มาแล้ว นั่นคือการอพยพของชนชาติเฮบบรู(ยิว) เรือนแสน(ใน Exodus 12:37-39 แห่ง Holy Bible ระบุว่า ชนชาติอิสราเอลที่พยพคราวนั้น :- นับแต่ผู้ชายได้ประมาณหกแสนคน ผู้หญิงและเด็กอีกต่างหาก มีฝูงชนชาติอื่นเป็นจำนวนมากติดตามไปด้วยพร้อมทั้งฝูงสัตว์ คือฝูงแพะแกะและโคจำนวนมากมาย เขาเอาก้อนแป้งซึ่งนำมาจากอียิปต์นั้น ปิ้งเป็นขนมปังไร้เชื้อ เพราะเขาถูกเร่งรัดให้ออกจากอียิปต์ จึงไม่ทันเตรียมเสบยง) ที่ตกเป็นทาสของฟาโรห์แห่งอียิปต์ สืบสกุลทาสมาเป็นเวลานานถึง สี่ร้อยสามสิบปี และงานที่ทาสเหล่านี้ถูกบังคับให้ทำในยุคนั้นก็คือสร้างปิรามิดแห่งอียิปต์ ที่ปรากฎให้โลกปัจจุบันเห็นอยู่ในขณะนี้นั่นเอง การอพยพของพวกเขาครั้งนั้นเกิดขึ้นในยุคสุดท้ายของฟาโรห์นามว่า รามเศส ละม้ายคล้ายการอพยพของชาวเสื้อแดงในวันนี้ มีข้อที่ลม้ายกันในแง่ที่ว่า พวกเขาอพยพไปสู่แผ่นดินสัญญา ที่พระเจ้าสัญญาว่าจะหาแผ่นดินไว้ให้พวกเขา และโดยการมีทูตของพระเจ้าเป็นคนนำทางไปสู่แผ่นดินสัญญานั้น นี่คือเรื่องราวที่ประชาชนทั้งหลายทั่วโลกได้เรียนรู้มาดีอยู่แล้ว โดยรู้จักชื่อของทูตพระเจ้านามโมเสส ก่อน เพราะเรื่องราวของพวกเขาผู้อพยพ ต่อมาได้กลายเป็นเรื่องราวของศาสนาอันยิ่งใหญ่ของโลก คือยูดาย และต่อมากลายเป็นศาสนาคริสต์ และพวกเขาได้ชัยชนะอันยิ่งใหญ่อมตะในเวลาต่อมา และคงความยิ่งใหญ่มาถึงปัจจุบันนี้
ส่วนการอพยพของชนเสื้อแดงนั้น แท้จริงเป็นการอพยพของคนยุคไฮเทก คือมนุษย์เหล่านี้ เป็นมนุษย์ที่มีมันสมองและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์พอ ๆ กับอีกฝ่ายหนึ่งที่พยายามกดขี่ เอารัดเอาเปรียบโดยได้ฐานะของความเป็นผู้ปกครอง อันชิงมาได้โดยความอยุติธรรม ไม่สอดคล้องครรลองของกติกาที่เคยสัญญากันไว้ ว่าการได้อำนาจใดใดนั้น จะต้องเป็นอำนาจที่ได้รับความเห็นชอบจากประชาชน โดยที่ต้องฟังเสียงประชาชน เพราะประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจ จึงเป็นระบอบของประชาชน เพื่อประชาชน และโดยประชาชน บัดนี้รัฐบาลไม่ฟังเสียงประชาชน และยังทำการปิดหูปิดตา ปิดเสียงเรียกร้องของประชาชน กระทำการต่อประชาชนอย่างกระทำต่อศัตรูตัวร้ายกาจของประเทศชาติ และกระทำด้วยวิธีการป่าเถื่อน อนารยธรรม เหี้ยมโหดมิผิดคนป่าเถื่อนยุคโบราณ แต่กดขี่ปราบปรามใช้อาวุธแก่ประชาชนมือเปล่า ๆ ซึ่งพฤติกรรมเลวร้ายของรัฐบาลขณะนี้ จะปรากฏไปในประเทศต่าง ๆ ของโลกยุคปัจจุบัน ที่เป็นโลกของคนทันสมัย และรัฐบาลที่โง่เขลา ล้าหลัง ที่ยังใช้อำนาจเป็นธรรมอยู่เช่นนี้ จะรอดสายตาโลกที่รักความเป็นธรรม และรักในความเป็นมนุษย์ ผู้มีสิทธิ เสรีภาพ มีความเสมอภาค และภราดรภาพไปได้อย่างไร และในที่สุดจะต้องถึงความพินาสน์ลงอย่างไร นี่เป้นสิ่งที่กำลังจะปรากฏขึ้นชัดเจนในเร็ว ๆ นี้
ตำนานการอพยพ(2) ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจในตำนานการอพยพต่อไปอีก อันเป็นเรื่องราวของการต่อสู้เพื่อปลดแอกของชาวทาสฮิบบรู (ยิว) จากเผด็จการที่กดขี่ ในอียิปยุคนั้น นั่นคือ เมื่อโมเสสนำชาวทาสนับแสนคน อพยพจากเมืองราเมเสส มุ่งหน้าไปยังเมืองสุคคท ริมฝั่งทะเลแดง โดยความซื่อคิดว่าฟาโรห์จะรักษาสัญญา ที่ว่าจะปล่อยให้พวกเขาไป จะไม่คิดร้ายต่อพวกเขาอีกแล้ว ครั้นไปถึงตำบลปิหะหิโรท หัวขบวนอยู่ที่ตำบลนี้ ปลายขบวนอยู่ที่ตำบลบาอัลเซโฟน ฟาโรห์ได้นำกองทัพม้าศึก รถศึกที่เกรียงไกรของยุคนั้น ไล่ตามมาทัน มุ่งหมายจะเข่นฆ่าพวกไพร่ทั้งหมดให้สิ้นชีวิตและกวาดศพลงทะเลแดง ในขณะนั้นประชาชนชาวทาสทั้งหลายต่างพากันตื่นตกใจ รวนเรไปทั้งหมด แต่โมเสสบอกว่าให้รีบไปที่ฝั่งทะเลแดง แล้วโมเสสก็ยกไม้เท้าขึ้น กล่าวคำสรรเสริญพระเจ้า และร้องขอต่อพระเจ้าว่าพวกมันทรยศต่อคำวาจาที่ให้ไว้แด่ประชาชน อันเป็นคนของพระเจ้า พระเจ้าก็ดลบันดาลให้น้ำในทะเลแดงเปิดออกเป็นช่องทางบก โมเสสก็ให้ประชาชนรีบข้ามไปทางช่องที่เปิดนั้น ประชาชนก็รีบเร่งขนย้ายข้ามทะเลไป พอไปถึงฝั่งข้างหนึ่งได้แล้ว กองทหารของฟาโรห์ก็มาถึงพอดี ฟาโรห์ขับทหารลงไปให้ติดตามไปฆ่าประชาชนให้เกลี้ยง แต่พอกองทหารไปถึงกลางทาง กลางท้องทะเล น้ำก็ปิดเข้าเหมือนเดิม ท่วมทหารและฟาโรห์ตายทั้งหมด........
ในกาลอันยาวนานต่อมา ตราบการวิทยาศาสตร์ได้เจริญขึ้น ได้มีนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญสาขาต่าง ๆ ได้แก่นักบุพชีพวิทยา(Paleologist) นักก่อนประวัติศาสตร์(Prehistorian) นักมานุษยวิทยา (Anthropologist) นักโบราณคดี (Archaeologist) ได้ร่วมมือกันทำการวิจัยเหตุการณ์ในยุคนั้น ได้พบว่า แท้ที่จริงเรื่องทะเลแดงเปิดออกให้ชาวทาสฮิบบรูหนีไปได้ และครั้นทหารฟาโรห์ไล่ตามไป น้ำทะเลก็ปิดท่วมฟาโรห์และทหาร พร้อมรถศึกตายไปทั้งหมด อันเป็นเรื่องราวอภินิหาริย์มหัศจรรย์เกินธรรมชาตินั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ไม่ได้มีอภินิหาริย์ใดให้ทะเลเปิดออก แท้จริงก็คือ ณ ตำบลปิหะหิโรท นั้น เป็นตำบลที่ทะเลแดงตื้นเขิน ชาวยิวพื้นเมืองสามารถเดินข้ามได้เป็นปกติอยู่แล้ว หากแต่คนไม่ชำนาญภูมิประเทศก็จะเดินข้ามอย่างมีอันตราย โดยเฉพาะกองทัพฟาโรห์ทั้งกองทัพ นักวิจัยเหล่านั้นได้ค้นพบว่า แท้ที่จริงได้เกิดการสู้รบกันขึ้น ณ บริเวณทะเลแดงหน้าตำบลปิหะหิโรทนั้นเอง ระหว่างกองทัพอันเกรียงไกรของฟาโรห์รามเสสแห่งอียิปต์ กับประชาชนชาวทาส ผู้มีมือเปล่า ขวานและไม้เท่าที่หาเอาได้โดยฉุกเฉิน อาศัยข้อได้เปรียบทางชัยภูมิที่ตั้งรับ และมีความเชื่อในอำนาจเร้นลับของพระเจ้าผู้ทรงความบริสุทธิ์ จึงสามารถสู้รบกับกองทัพทั้งกองทัพที่ติดอาวุธร้ายมีหอก ดาบ ธนู ขวาน พร้อมโล่กำบังอย่างปลอดภัยได้ และเมื่อปรากฏว่า องค์รัชทายาทแห่งอียิปต์ ที่คุมกำลังในสงครามคราวนั้น ถูกสังหารสิ้นพระชนม์ลง โดยนักวิทยาศาสตร์ได้พบจากหัวกะโหลกของพระองค์ ที่ท้ายทอยบุบลงไป เป็นเหตุให้สันนิษฐานได้ชัดเจนว่าทรงสิ้นพระชนม์จากการสู้รบคราวนั้น โดยทรงถูกกระทำให้ล้มฟาดหงายหลังลงไปกระแทกหิน เป็นเหตุให้สิ้นพระชนม์ แล้วกองทัพฟาโรห์อันยิ่งใหญ่ก็ขวัญแตกกระเจิง หนีไปตามโขดหินในท้องทะเลแดงส่วนที่ต้นเขินนั้น และโดนลอบฆ่าตายไปเป้นจำนวนมาก และผลจากสงครามคราวนั้น เป็นเหตุให้ทาสฮิบบรูได้รับอิสรภาพนิรันตร ต่อมา และต่อจากเวลานั้นก็คือช่วงการอพยพที่ยาวนานของชนชาติอิสราเอล....และตำนานการอพยพของพวกเขาได้กลายเป็นศาสนาที่ยิ่งใหญ่ของโลกปัจจุบัน คือศาสนายูดาย แล้วกลายไปเป็นศาสนาคริสต์ ต่อมาจนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งถือว่าเป็นศาสนาที่มีระชากรโลกจำนวนมากมายหลายพันล้านคนให้การนับถืออยู่ในปัจจุบันนี้
ตำนานนี้ลม้ายคล้ายการอพยพของชาวเสื้อแดงอยู่เหมือนกัน ......... และในการสู้รบวันที่ 10 เมษายน 2553 ก็นับว่าลม้ายคล้ายกันมาก เพราะประชาชนมือเปล่า ๆ เท่านั้นเอง และถึงมีอาวุธก็เป็นการฉุกเฉิน พวกเขาคว้าเอาสิ่งที่อาจเรียกว่าอาวุธเบา ๆ ได้ริมทางเท่านั้น เช่นก้อนหิน ไม้รวก ไม้หน้าสามหน้าสี่ ยางสติกต่อสู้กับเปืนเอ็ม 16 และรถถัง และแม้เพียงกำปั้นของพวกเขา แล้วองอาจอาจชนะทหารติดอาวุธทันสมัย ที่ใช้ยุทธการแบบสงคราม นั่นคือมองประชาชนเป็นข้าศึกที่ต้องสังหารให้เรียบเกลี้ยง เลยทีเดียว นับตั้งแต่ใช้กองทัพบก(ที่กินภาษีเงินเดือนของประชาชน) เฮลิคอปเตอร์ทิ้งระเบิดถล่มประชาชนคนเสื้อแดงอย่างดุเดือดต่อเนื่อง จนควันระเบิดฟุ้งกระจายกินอาณาเขตไปกว้างไกล ใช้อาวุธสงครามทุกชนิด ไปจนกระทั่งมีการเคลื่อนรถถังออกมา ก็ปรากฎเป็นความจริง จนควันรบแดงดังเพลิงอมชมพู น่าหวาดหวั่น แต่แล้วภายในเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาขีวะ(พลเรือนผู้รู้น้อยกระปิดกระปรอยแต่บังอาจสั่งการทหารเข้าสงคราม) ก็ประสบความพ่ายแพ้อย่างยิ่งใหญ่ ทั้ง ๆ ที่ประชาชนยังอยู่ในวินัยและสัจจะของพวกเขาคือการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยของพวกเขาดำเนินไปโดย สันติธรรมและอหิงสา พวกเขาไม่ได้ถือโอกาสนั้นก่อการจลาจล สามารถควบคุมหลักการและอุดมการณ์เอาไว้ได้ นั่นคือสันติธรรมและอหิงสา(หากมิเช่นนั้นแล้ว กรุงเทพฯอาจจะลุกเป็นไฟไปแล้วก็ได้) และความจริงได้เปิดเผยภายหลังว่า การถอยของทหาร แท้จริงมิใช่ความรู้สึกรับผิดชอบของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด แต่แท้จริงแล้วเป็นเพราะแม่ทัพผู้บัญชาการส่วนหน้าในสงคราม(พล.ต.......)ได้รับบาดเจ็บสาหัส และ นายพันเอกชื่อ พ.อ.ร่มเกล้า ยุวธรรม เสียชีวิตพร้อมกับทหารอีก 3 นาย ถูกปลิดชีพลง เสียชีวิตลงโดยฉับพลัน..ในสนามรบ กองทัพขาดการบัญชาการ ......แล้วนายกรัฐมนตรีผู้ขี้ขลาดคนนั้นก็สั่งการให้ทหารกล้าถอนทัพกลับไป ..ประชาชนเป็นฝ่ายชนะสงคราม........และควรแก่การสรรเสริญว่าเป็นประชาชนผู้ประเสริฐในการที่สามารถต่อสู้ได้ตามอุดมการณ์สันติ อหิงสาของพวกเขา ..... และด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงควรได้รับการเปิดเผยคุณงามความดี ให้ปรากฏไว้ไม่น้อยไปกว่าสงครามที่ทะเลแดงในบรรพกาลครั้งนั้น.....และท้ายที่สุด ชัยชนะย่อมต้องเป็นของฝ่ายประชาชนอย่างแน่นอน.....
ภาพล่าสุด แดงที่ราชประสงค์ เย็นวันที่ 13 เม.ย.2553 ประมาณ 1 แสนคน ส่วนเวทีผ่านฟ้าก็มีจำนวนเท่า ๆ กันนี้ (ตามการคำนวณของแกนนำ และเรียกร้องให้แต่ละวันมีประชาชนมาจำนวนเท่านี้ จึงจะทำงานสำร็จสบาย ๆและปลอดภัย) พ.อ.สรรเสริญ โฆษกทหาร ก่อนจะบุกในวันที่ 10 เม.ย.2553 คำนวณว่ามีประชาชนที่ราชประสงค์เพียง 3,000 คน ที่ผ่านฟ้าแค่ 2,500 คน ขณะที่เกิดการปะทะ โทรท้ศน์เอเอสทีวี ถ่ายภาพเอาเฉพาะส่วนเสี้ยวของทหาร เห็นทหารดำมืดไปหมด น่าเกรงกลัว .............. แต่ทำไมแพ้คนมือเปล่าไปได้.....ถึงขนาดสั่งถอย..... ก็เพราะคนเสื้อแดงนับแสนไง แล้วทหารเท่าไร...ฆ่าเท่าไรก็ไม่อาจจะเอาชนะพวกเขาได้??????? ปริศนาวันนี้ก็คือ ทำไมหลังการหลั่งเลือดโชลมดิน สังเวยชีวิตประชาชนไปถึง 17 คน ทหารอีก 4 คน บาดเจ็บร่วมพันคน เสียงการต่อสู้ปานสนามรบ น่าหวาดหวั่นขวัญหาย แต่ทำไมการชุมนุมของคนพวกนี้จึงยังกลับหนาแน่นไปกว่าเดิมอีก...... ในระบอบคิดแบบประชาธิปไตย คุณต้องคิดแล้วว่า ประชาชนพวกนี้ เขาต้องการอะไร???????? พวกเขาเป็นใคร และพวกเรา(พวกคุณ)เป็นใคร?????? ถ้าคุณมีความคิดเชิงประชาธิปไตยอยู่ คุณก็จะแวบสว่างแจ้งขึ้นมาได้ ว่าเดิมทีเดียวกษัตริย์ไทยได้ทรงพระราชทานรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย ........ นั่นคือ ทรงมอบอำนาจการปกครองประเทศทั้งสิ้นนี้ให้ประชาชนเป็นผู้ปกครอง เป็นเจ้าของประเทศ เป็นการปกครองของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน และรัฐบาลของประชาชนนั้น จำเป็นต้องฟังเสียงประชาชน เสียงประชาชนคือเสียงสวรรค์
ข่าวด่วน
10 เม.ย. 2553
15.00 น. เราได้ทราบจากข่าวหลายทาง ทั้งทางทีวีรัฐบาลและทางข่าวเสื้อแดง ว่าสถานการณ์ในบริเวณที่ชุมนุม เกิดการประจันหน้าระหว่างทหารและเสื้อแดง แล้วมีที่สะพานมัฆวานเกิดการปะทะแล้ว สงบแล้ว ทหารพยายามจะเข้าสลายกาชุมนุมทั้งราชประสงค์และผ่านฟ้า เห็นภาพทหารใช้แก๊สน้ำตา ถือปืน แต่รายงานข่าวจากฝ่ายแดงเองว่ากระสุนยาง ปะทะกันประปราย ขณะนี้แกนนำแดงยังบริหารไปได้ และฝ่ายแดงยังตั้งมั่นได้ เห็นธงแดงและเสื้อแดง โบกไปได้อยู่ แดงไม่ได้ใช้สตรีออกมา มีแต่ชายฉกรรจ์ ขณะนี้ 15.15 น. เห็นฝ่ายแดงพักผ่อนกัน สถานการณ์สงบ..ดูฝ่ายแดงพอใจ และรักษาฐานไว้ได้ แกนนำใหญ่ทั้ง 5 ยังอยู่ครบ แยกจปร.แดงตรึงไว้อยู่ แรมโบ กับ ขวัญชัย นำตรึงทหารอยู่ ขณะนี้แดงทะยอยกลับชุมนุมผ่านฟ้า ฝ่ายแดงยังใช้การโฆษณาสู้ทหาร มีการปล่อยลูกโป่งขึ้นฟ้าจากฝ่ายแดง ระบบรถสาธารณะทีบีเอส หยุดลง ล่าสุดแดงแย่งพื้นที่คืนมาแล้วบางจุด ........ ณัฐวุฒิประกาศจนกว่าจะยุบสภา
ล่าสุด สุเทพ เทือกสุบรรณ ยังเป็นรองนายกรัฐมนตรี และรับผิดชอบฝ่ายความมั่นคง ของประเทศอยู่ ภาพนี้ออกที่เอเอสทีวี ดึกคืนวันที่ 13 เม.ย.2553 แถลงว่าพวกเสื้อแดงคือผู้ก่อการร้าย ประเทศไทยถูกยึดครองโดยผู้ก่อการร้าย ขอให้ประชาชนออกมาช่วยกันขับไล่พวกก่อการร้าย และด้วยการแถลงของ สุเทพ ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นมาอีก ตลอดคืน โดยได้มีกระแสการเข้าปราบปรามประชาชนขึ้นอีก ซึ่งถ้านับยกแล้ว รัฐบาลแพ้มา 2 ยกแล้ว กำลังพยายามจะแก้ตัวอีก เป็นยกที่ 3 บางทีรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะพลาดในเรื่องการบริหารจัดการบุคคลไปอีกครั้งหนึ่ง โดยเอาคนหัวเก่าที่สุด มาจัดการเรื่องความมั่นคง ซึ่งเป็นการใช้แนวคิดที่ผิดยุค จนกระทั่งเราก็ได้เคยชี้แนะเอาไว้ว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ........ แกเป็นคนยุคไดโนเสาเต่าล้านปีจริง ๆ ...คนผิดยุค........... และมีเหลือมาเพียงไม่กี่ตัว กำลังจะสูญพันธ์ ๆ สุดท้ายแล้ว ........... เพราะอึดอัด นึกไม่ออกว่าแกจะปรับตัวอย่างไร จึงจะอยู่ต่อไปได้ในยุคไฮเทกนี้.............. คำว่าความมั่นคง มันไม่ใช่แบบที่คุณคิด ......... ไม่ใช่กองทหาร.......ไม่ใช่อาวุธ................. ไม่ใช่รถถัง..........ถ้าคุณคิดแบบนั้น มันผิดยุค......มันสิ้นเปลืองงบประมาณเหลือเกิน โดยไม่คุ้มค่า...และไม่เกิดความมั่นคงเลย .................. ยุคนี้ ความมั่นคงอยู่ที่การจัดการประชาชน ให้เขาเลื่อนไหลไปตามครรลองของสิทธิ....ผลประโยชน์.... การอาชีพ.........วิธีที่เขาได้เขาเสียอย่างไร......ให้เกิดความเป็นธรรม............ ซึ่งวิธีเหล่านี้แหละเรียกว่าครรลองประชาธิปไตย....... เข้าใจหรือเปล่า???????? ซึ่งสุเทพ ทึบเกินกว่าจะเข้าใจและบริหารได้ จึงเกิดเหตุการณ์ 10 เม.ย.2553 อันเป็นเหตุของหายนะแก่รัฐบาลเขาเอง เมื่อได้ชื่อเต็มสมบูรณ์ว่ารัฐบาลทรราช รัฐบาลฆาตกร
เป็นเวลา 9 วันต่อมา ในวันที่ 21 เม.ย.2553 ภายหลังการออกวาทะของนายสุเทพ เทือกสุบรรณว่า พวกเสื้อแดงคือผู้ก่อการร้าย ประเทศไทยถูกยึดครองโดยผู้ก่อการร้าย ขอให้ประชาชนออกมาช่วยกันขับไล่พวกก่อการร้าย จนเป็นเหตุให้สถานการณ์ตึงขึ้นมาทันที สืบมาถึงปัจจุบันนี้ (พวกเอเอสทีวี ระดมกันยุยงส่งเสริมฝ่ายตรงข้ามเสื้อแดงกันใหญ่ โดยระดมกล่าวหาว่าพวกเสื้อแดงคิดการจะล้มจ้าวอีกต่อไปอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีสถาบันของรัฐให้การชำระความยุติธรรมแด่ฝ่ายที่ถูกกล่าวหา) ได้มีข่าวจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา อันเป็นประเทศแบบอย่างประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ โดยนางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐอเมริการะบุสั้น ๆ เชิงเตือนสติฝ่ายรัฐบาลไทยว่า เหตุการณ์เสื้อแดงในประเทศไทยเป็นเรื่องการเมือง (แบบประชาธิปไตย) ประชาชนที่ออกมาประท้วงไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย และให้คำมั่นว่าการท่องเที่ยวในประเทศไทยมีความปลอดภัยสูง (Wattnews.21เม.ย.53 10.44.31) ซึ่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะต้องรับผิดชอบอย่างไร ก็เป็นสิ่งที่ประชาชนไทยจะต้องมองด้วยความเป็นธรรมและโดยการใช้พิจารณญาณบนพื้นฐานหลักการการปกครองของระบอบประชาธิปไตยเป็นหลักสำหรับการตัดสินใจด้วย ซึ่งสำหรับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เราขอเน้นว่า ท่านจะต้องเข้าใจประเด็นของความมั่นคงให้ถูกต้องตามยุคสมัยเสียก่อน ขอเน้นว่า ความมั่นคงของยุคใหม่ ยุคที่ประชาชนมีเสรีภาพ มีภราดรภาพ และมีอำนาจการปกครองคนละ 1 เสียง ตามหลักความเสมอภาคสากลนั้น ความมั่นคงของชาติไม่ได้อยู่ที่ อำนาจ ไม่ใช่กองทหาร.......ไม่ใช่อาวุธ................. ไม่ใช่รถถัง..........ถ้าคุณคิดแบบนั้น มันผิดยุค......มันสิ้นเปลืองงบประมาณเหลือเกิน โดยไม่คุ้มค่า...และไม่เกิดความมั่นคงเลย .................. ยุคนี้ ความมั่นคงอยู่ที่การจัดการประชาชน ให้เขาเลื่อนไหลไปตามครรลองของสิทธิ....ผลประโยชน์.... การอาชีพ.........วิธีที่เขาได้เขาเสียอย่างไร......ให้เกิดความเป็นธรรม............ ซึ่งวิธีเหล่านี้แหละเรียกว่าครรลองประชาธิปไตย....... เข้าใจหรือเปล่า???????? และวันนี้สิ่งที่รัฐบาลจะต้องหยุดเพื่อการไตร่ตรองให้รอบคอบ มีเหตุมีผลก็คือ ความต้องการของประชาชน พวกเขาเรียกร้องอะไร และเพียงความพอใจในทฤษฎีที่ว่า เสียงประชาชนคือเสียงสวรรค์ เท่านั้นเอง ท่านก็จะสามารถตัดสินใจได้โดยง่ายดาย และ ประเทศคืนสู่ความสงบทันที.... โปรดเชื่อในประชาชน เชื่อในประชาธิปไตย
การพูดพล่อยจะต้องได้รับโทษ
การกล่าวหาว่าคนอื่นเป็นผู้ก่อการร้าย นอกจากการพูดโดยพล่อยของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้เป็นถึงรองนายกรัฐมนตรี(ฝ่ายความมั่นคง)แล้ว นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศไทย ยังได้กล่าวในที่ประชุมต่างประเทศด้วย โดยพล่อย ๆ เช่นเดียวกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ โดยคิดเอาง่าย ๆ ว่าตนครองอำนาจขนาดนี้จะพูดจะคิดจะทำอะไรใครก็ได้ แต่ยุคสมัย ยุคเสรีชนประชาธิปไตย ไม่ได้อนุญาตเช่นนั้นแล้ว โปรดดูรายละเอียด การฟ้องร้องข้อหาหมิ่นประมาทของนายกษิต ภิรมย์ จะรอดโทษานุโทษได้อย่างไร? โปรดคลิกไปดูรายละเอียด
ความเห็นที่ 10 (2027939)
อีปอง (อัญชลี ไพรีรักษ์) กับคุณเก๋..... เอเอสทีวีออกรายการ รอบวันทันเหตุการณ์ ......... เปิดฉากก็บิดข่าวทักษิณวีดีโอลิงค์ มาแก้ข่าวที่เอเอสทีวีกล่าวหาว่าท่านป่วย จนไปทำคีโม ...แล้วท่านเกรงเพื่อนสนิท มิตรสหายท่านจะเป็นห่วงก็วีดีโอลิงค์มาบอกเพื่อน ๆท่าน ไม่เกี่ยวกับนางอัญชลี ไพรีรักษ์คนนี้เลย แต่ก็เอาข่าวนี้ไปบิดเบือน ไปเป็นเรื่องร้ายไปเลย โดยไปด่าว่า ท่านนายกทักษิณ เป็นคนเสียสติ....คนบ้าทำลายบ้านเมืองเสียหาย.....ทักษิณเป็นคนมั่งมีแต่บ้าทำลายจึงร้ายแรง นึกว่าตายไปแล้ว "ยินดีด้วยที่ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาวีดีโอลิงค์ได้อีก"
ทำไมอัญชลี ไพรีรัก เป็นคนดี ไม่บ้าก็ดีแล้ว ขอชื่นชมที่คุณไม่เป็นคนบ้า ไม่เป็นคนเสียสติอย่างท่านทักษิณ ชินวัตร.....ก็เอาตัวให้รอดก็แล้วกัน..............ยังมีการบิดเบือนข่าวอื่น ๆ อีก คือนี่เป็นวิธีที่เรียกกันว่า ใส่สีตีไข่ นั่นเองครับ มีเรื่องหรือข้อเท็จจริงอยู่เล็กน้อย และแม้ขนาดว่ายังไม่รู้เลยว่า เท็จจริงอย่างไร ก็เอาไปบิด....วิจารณ์ให้ร้ายคนอื่นไปแล้ว ......ก็เลยไปด่าใครต่อใครไปหมด ด่าเสื้อแดง เช่น คุณขวัญชัย ไพรพนา...ที่ว่าระเบิดมาจากเนวิน ชิดชอบ ..... ไปจนถึง เทพชัย หย่องก็โดน .....ด่าไปถึง สปริงนิวส์ ว่าเอาใจเข้าข้างเสื้อแดงว่าทหารปราบปรามประชาชนเหมือนเดือนตุลา ......... ด่าไปถึงทีวีไทย.... "ทีวีไทย ใจดำน่ะ" ......... ด่าไปถึงนักข่าวคนหนึ่งของช่อง 7 ที่เปิดเผยตัวตน....... เขาเอ่ยว่า อ้าวเอเอสทีวีมาด้วยหรือ? ฟังได้ความว่า........ คงเจ็บใจที่วงการนักข่าวไม่ต้อนรับนักข่าวเอเอสทีวี ก็เลยซุ่ม ๆ ซ่อน ๆ ไปทำข่าว ..................(นักข่าวเอเอสทีวีอย่างนายจตุพร ยอดศิลป์ ที่รายงานเหตุการณ์ 10 เม.ย. 2553 โดยรายงานว่าปืนยิงจากเสื้อแดง ระเบิดแก๊สน้ำตาถูกขว้างจากฝ่ายเสื้อแดง ระเบิดมาจากฝ่ายเสื้อแดง ตลอด ...แต่ความจริงก็ปรากฏแล้วว่าประชาชนถูกยิงตายไปถึง 17 คน จากทั้งหมดล่าสุด 21 คน ..ทหาร 4 คน ) แล้วไปด่ารัฐบาลที่ไปยอมเจรจากับฝ่ายเสื้อแดง ........
แล้วไปขอพูดขอสัมภาษณ์กับพวกเดียวกันคือ ประสงค์ สุ่นสิริ ๆ ก็ว่ารัฐบาลไม่น่าจะบริหารราชการอยู่ต่อไปได้...... เพราะความไม่เข้าใจการทำงานของฝ่ายการเมือง ....นายกรัฐมนตรีเป็นคนพาทหารไปตาย....เพราะรัฐบาลมีเครื่องมือแต่ไม่ใช้ ไม่ทำตามกฎหมายที่ให้อำนาจเอาไว้......รัฐบาลควรจะยืนอยู่...........มันต้องให้ทหารเขามีเสรีในการวางแผนต่าง ๆ แต่รัฐบาลลดหย่อนไม่ให้ทหารติดอาวุธไป...เอาแต่โล่ กะบองไป .... รัฐบาลยังแก้ปัญหาที่หน่อมแน้มอย่างนี้.......เมษายยนปีนี้ไม่เหมือนปีที่แล้ว ปีนี้ไม่ใช่เพียงหัวโจก3คน แต่มีคนมาร่วมอย่างหลากหลายโดยเฉพาะอดีตนายทหาร 60-70 คน มีประสบการณ์การสู้รบ... มีเพื่อนอยู่ในกองทัพ............. การยิงเอ็ม.... มันไม่ใช่เสื้อแดงที่เต้นแร้งเต้นกาอยู่บนเวที
ว่ารัฐบาลต้องให้แรง ไม่ใช่ไปทำละมุนละม่อม...............เป็นนายกมีอำนาจจัดการทุกกระทรวงแต่ไม่มีความกล้าหาญเด็ดขาด......... คุณสั่งถอยทำไมล่ะ.....ขนาดต้องทำตามเงื่อนไขเขา..ได้อย่างไร...
ผบ.ทบ.คิดว่าการเมืองแก้ด้วยการเมือง ก็ไม่ถูก.......
ทางเสื้อแดงถูกปล่อยปละละเลยมาเป็นปี ก็เติบโตไปเรื่อย มีคนมากขึ้น เมษาปีนี้จึงไม่ใช่เมษาปีที่แล้ว
อัญชลีถามว่าขนาดคนทั่วโลกเชื่อว่าทางรัฐบาลและทหารใช้อาวุธปราบปรามประชาชนไปแล้วจะทำอย่างไร? ตอบว่า ...ทำอยู่ขณะนี้ไม่ได้หรอก......
24 แกนนำต้องทำให้เด็ดขาด เข้าทำการจับกุมไปเลย............
ผมว่า คนพวกนี้เป็นเผด็จการนิยม อิจฉาริษยาจัด อย่างจิวยี่... อย่าง ประสงค์ สุ่นสิริ นี่ ไดโนเสาเต่าล้านปีเราดี ๆ นี่เอง ความนึกคิดของแกไม่สอดคล้องยุคสมัยเสียเลย และไม่เข้าใจประชาธิปไตย คืออะไร ไม่เข้าใจเลยเช่นนี้ก็พูดกับคนยุคใหม่ไม่รู้เรื่อง และเชื่อได้เลยว่าคำแนะนำของแก....ใครเชื่อเอาไปทำเข้าละก็.... จะนำไปสู่ความวุ่นวายยิ่งขึ้น.....อย่างคำแนะนำให้บุกไปจับแกนนำทั้ง 24 คนไปก็แล้วเรื่องนั้น..ฟังแล้วดี....แต่มันโง่ไปจริงที่คิดทฤษฎีเรื่องมนุษย์ไม่ออก หรือทหารว่า จิตวิทยาการรบ นั่นเอง ..... ขณะนี้ ที่ถูกคืออย่าทำอย่างนั้น...อย่าคิดแตะแกนนำ.......จะคุโชนอย่างรวดเร็ว......
- ผู้แสดงความคิดเห็น คนนก วันที่ตอบ 2010-04-11 19:58:17
ภาพล่าสุด บุคคลห่มเหลือง ใน ASTV พูด 12 เม.ย. 2553 ไม่พอใจรัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่สั่งให้ทหารถอย จากการเข้าผลักดัน ขับไล่ประชาชน คืนวันที่ 10 เม.ย. 2553 บุคคล ๆ นี้ เสนอว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ควรเดินหน้าแก้ปัญหา ที่จัดการเอาคนเสื้อแดงออกไปพ้นจากกรุงเทพมหานคร ตำหนิว่ารัฐบาลมีทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในมือ แม้กองกำลังทหารติดอาวุธ ยังทำไม่สำเร็จ (บุคคลนี้ชื่อ จันทร์ สังกัดสันติอโศก พวกเดียวกับจำลอง ศรีเมือง กินผักกินหญ้ เป็นอาหาร สถานะของคนพวกนี้ไม่ได้ชื่อว่า สงฆ์ หรือ พระภิกษุ ในพระพุทธศาสนา ในนิกายเถรวาทไทย พวกเขาเรียกตัวเองว่า สมณะ) เหตุที่กินผักกินหญ้าเป็นอาหารก็เพราะปรารถนาบำเพ็ญเป็นผู้มีเมตตาหาประมาณมิได้ แต่กลับไม่เข้าใจว่าสถานการณ์ 10 เม.ย. 2553 ว่าเป็นการรุนแรง มีการฆ่าผลาญชีวิต ตายไปถึง 23 คน บาดเจ็บ กว่า 800 เช่นนี้แล้ว บุคคลผู้นี้ยัง กลับสนับสนุนให้ทำการล่าล้างผลาญชีวิตประชาชนมือเปล่าต่อไปอีก.......ถ้าประชาชนสังเกตหน่อยก็จะทราบว่าพวกสันติอโศก รวมทั้งบุคคลในภาพผู้นี้ด้วย มักพูดถึงรื่องราวที่สูง ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ คือชอบพูดเรื่องพระอริยบุคคล และอ้างว่าพวกสันติอโศกล้วนเป้นผู้มีคุณธรรมสูงล้วนสำเร็จโสดาบันกันทั้งนั้น ระดับพระโสดาบัน ไปจนถึงพระอรหันต์ อย่างคุณจันทร์บุคคลห่มเหลืองในภาพนี้ก็เป็นประเภทสวมแว่นสีเดียวกัน คือมองตนเองสูงส่งเป็นพระอริยบุคคลไปตาม ๆ กัน แต่แท้จริงเป็นคนกลับกลอกอย่างไม่น่าเชื่อ...
สาวกเทวทัต แล้วคนพวกเดียวกันคือ จำลอง ศรีเมือง ก็ชุมนุมสิ่งที่เรียกว่าพันธมิตรฯ ซึ่งเดิมเราเรียกว่าม็อบสนธิจำลองประชาธิปัตย์ ซึ่งได้มีเครือข่ายเอเอสทีวี ทีวีโฆษณาชวนเชื่อ เป็นเครื่องมือหลอกลวงปลุกระดมมวลชนด้วยความเท็จทุกประการ และคล้ายเป็นการยื่นคำขาด ราวกับว่าตนเป็นเจ้าชีวิตอภิสิทธิ เวชชาชีวะ ผู้เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อรัฐบาลอภิสิทธิ์ ว่าให้ทำการสลายชนเสื้อแดงภายใน 7 วัน หากภายใน 7 วันรัฐบาลทำไม่ได้ พวกเขาจะทำเอง ซึ่งความหมายในคำพูดก็คือจะเข้าทำการสลายพวกเสื้อแดงเอง ด้วยกำลังมวลชนของพวกเขา ซึ่งไม่ทราบว่าจะทำได้อย่างไร เพราะแม้ทหารที่ติดอาวุธก็ยังสลายไม่ได้ พวกเทวทัตจะใช้อะไรสลาย ????? แต่ประเด็นก็คือ จำลอง ศรีเมือง มีสิทธิอะไรจะดำเนินการเช่นนั้น ?????? จำลอง ศรีเมือง ไม่คำนึงหลักกฎหมายที่ปกครองประเทศด้วยความเป็นธรรมเลยหรืออย่างไร ?????? อะไรคือสิทธิตามกฎหมาย ที่จะอนุญาตให้คุณทำเช่นนั้นได้ ??????? มีความสำนึกทางประชาธิปไตยบ้างหรือเปล่า ???????? แล้วคืนวันที่ 18 เม.ย.2553 เวลาประมาณ 03.00 น. ทหารก็เข้ามาจุกรอบ ๆ บริเวณราชประสงค์ที่ชุมนุมเสื้อแดง พร้อมติดอาวุธสงคราม เตรียมเข้าโจมตี แต่ทางเสื้อแดง ซึ่งพวกเขายังคงมีจำนวนนับหมื่น ๆ ชีวิตพร้อมอุดมการณ์สันติ อหิงสาเหมือนเดิม ซึ่งยืนยันการเรียกร้อง ยุบ สภา ตามระบอบประชาธิปไตยก็เตรียมพร้อมสู้ เพียงด้วยมือเปล่า เราไม่คิดว่านี่เป็นการท้าทายทหารผู้ถืออาวุธ แต่นี่คือควมจริงใจของชนเสื้อแดงผู้กล้าตายพร้อมอุดมการณ์ประชาธิปไตยในจิตใจของพวกเขา
เราคิดว่า นายจำลอง ศรีเมือง บัดนี้ เป็นผู้หลงผิด และหลงทางธรรมไปอย่างสุด ๆ แล้ว จนกระทั่งเขาลืมสติไปแล้วว่า สิ่งที่ตนเรียกร้องนั้น คือ การเรียกร้องให้รัฐบาล ปราบปรามประชาชนคนเสื้อแดง แม้ด้วยการใช้อาวุธเพื่อให้แล้วเสร็จลงใน 7 วัน จำลอง ศรีเมืองแทบไม่แสดงความรู้สึกต่อเหตุการณ์ 10 เม.ย.2553 ซึ่งเป็นการปราบปรามประชาชนด้วยอาวุธ ทางบกและทางอากาศปานสงคราม โดยที่ประชาชนมือเปล่า จนกระทั่ง บัดนี้เสียชีวิตไปถึง 25 คนแล้ว ยังมีคนเจ็บอยู่ในห้องฉุกเฉินไอซียูอีกถึง 6 คน และป่วยอยู่โรงพยาบาลอีก 134 คน ซึ่งนี่คือ ไม่มีสัญลักษณ์ของความเป็นมนุษย์อยู่ในจิตใจของนายจำลอง ศรีเมือง ต่อไปอีกเลย บัดนี้เขาคือคนบาป อสูรร้าย และนี่คือสัญลักษณ์ของทาสเทวทัตโดยสมบูรณ์ ......และนรกคือที่เขาจะได้รับการเชิญตัวและวิญญาณไป
นายจำลอง คนนี้ไม่ได้เคยติดตามดูอุดมการณ์ของเสื้อแดง ว่าพวกเขาสงบสันติและอหิงสา และต่อสู้ตามสิทธิครรลองประชาธิปไตยโดยแท้จริง พวกเขาไม่เคยยกพวกเข้ายึดที่ทำการรัฐบาล เช่นไม่เคยยึดทำเนียบรัฐบาล เหมือนพวกนายจำลอง ซึ่งยึดไว้เป็นเวลานานถึง 193 วัน อันเป็นความผิดฉกรรจ์ ตามหลักสากลประเทศ เพราะทำเนียบรัฐบาลหมายถึงศูนย์รวมอำนาจการบริหารสูงสุดของประเทศ ผู้รุกรานศูนย์อำนาจการบริหารสูงสุดของประเทศ นั้นย่อมเท่ากับกบฎ ทั้งนี้ตามหลักการของรัฐศาสตร์สากล นายจำลองเองน่าจะเข้าใจเพราะเคยเรียนหนังสือมาสมควรอยู่ และที่สำคัญพลเสื้อแดงไม่เคยกระทำการละเมิดองค์พระมหากษัตริย์ เช่นที่พวกนายจำลอง ศรีเมือง เคยได้กระทำมา นั่นคือการปิดถนนราชดำเนินกั้นมิให้ขบวนพยุหยาตราทางสถลมาร์ค ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงษ์ ที่เสด็จไปในพระราชพิธีศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในยุครัฐบาลสมัคร และความผิดต่อกษัตริย์นี้ก็ยังไม่ได้รับการชำระโทษ ......ถ้ารำลึกไปแล้ว ก็จะพบเองว่า จำลอง ศรีเมือง ซึ่งบัดนี้มานำหมู่ประชาชนหมู่หนึ่งซึ่งน่าจะมาร่วมเพราะความเข้าใจผิด แทนสนธิ ลิ้มทองกุล เขาไม่ได้ชื่อว่านักปฏิบัติธรรม เพื่อมรรคผลนิพพานต่อไปอีก ไม่น่าจะเป็นสิ่งที่เขาคิดว่าเขาเป็น นั่นคือ พระอริยบุคคล ...ระดับสูงเสียด้วย (ว่าตนเป็นถึงระดับอนาคามีนู่น) แต่แท้ที่จริงคือ เพียงคนกินผักกินหญ้าเป็นอาหาร(เหมือนธรรมชาติของวัว ควาย ฯลฯ) และเป็นคนพาลเต็ม สมบูรณ์แบบ นั่นคือ ประกอบด้วยกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม ที่ร้าย ๆ ผิดศีลและธรรมไปอย่างสุด ๆ แล้ว.....และที่สำคัญเขารู้ธรรมะน้อยเกินไป จนไม่เข้าใจสาระหลักของประชาธิปไตยว่าแท้จริงเป็นเนื้อหาของพระพุทธศาสนธรรม ที่นักประชาธิปไตยทั้งโลกเอามาเป็นหลักการปกครองในยุคใหม่ของโลก . ชาวพุทธทั้งปวงพิจารณามาดังกล่าวแล้ว ควรอัปเปหิไปเสีย.....แผ่นดินธรรมแผ่นดินทองจึงจะกลับคืนมา.......
ล่าสุด เอเอสทีวี ดึกวันที่ 13 เม.ย.2553 ผู้ประกาศทั้ง 2 ดูประกาศข่าวเข้มข้นขึ้นทันที ภายหลังเอาข่าวสุเทพ เทือกสุบรรณ แถลงว่า ประเทศไทยถูกกลุ่มโจรกลุ่มหนึ่งยึดครองอยู่ ขอให้ช่วยกันกำจัดออกไป ผนวกกับการแถลงข่าวของพรรคการเมืองใหม่ ที่ว่ารัฐบาลไม่ควรยุบสภา แล้วมีข่าวท่านอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ที่ผู้ประกาศทั้งสองอ้างข่าวจากแหล่งข่าวอะไรไม่ชัดเจน แต่วิเคราะห์ว่าท่านทักษิณกำลังหาเงินหาทอง อีกหน่อยก็จะได้เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีอีกครั้ง ทำนองนั้น... การที่เอาข่าวเอเอสทีวีมาขึ้นที่ช่องนี้ก็เพราะสังเกตว่าเอเอสทีวีเริ่มเข้มข้นขึ้นในคืนนี้แล้ว นั่นย่อมบอกสถานการณ์อะไรสักอย่าง วิธีการต่อสู้ของเอเอสทีวีเคยผ่านความยากลำบากมาตลอดเพราะการต่อสู้แบบเอาเป็นเอาตาย ไม่คำนึงชีวิต ไม่คำนึงผิดหรือถูก แบบที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล เคยพาพวกต่อสู้มาเจอคดีกว่า 100คดี ก็โดยแบบตายเป็นตายเจ๊งเป็นเจ๊ง (หรือแบบหมาจนตรอก) แต่ผู้ประกาศทั้งสองนี้ดูจะต้องระวังสักหน่อยในเรื่องหมิ่นประมาท เพราะการวิเคราะห์ไปทุกเรื่องแบบที่เราไม่มีพื้นฐานความรู้เลย จะอาจจะพลาดได้ เว้นแต่จะดันไปแบบสนธิลิ้ม แบบตายเป็นตายเจ๊งเป็นเจ๊ง เดี๋ยวจะเสียอนาคตไปได้ง่าย ๆ เหมือนกัน ฐานหมิ่นประมาท
กล่าวหาว่าแดงคิดล้มฟ้าล้มแผ่นดิน
ASTV รายการรู้ทันประเทศไทย วันชัย สอนศิริ ทนายความหัวเก่า กับ เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ผู้มีจิตใจเปี่ยมล้นไปด้วยความอิจฉาริษยาอย่างขมขื่น ต่อท่านอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ กำลังทำสิ่งที่เรียกว่า การโฆษณาชวนเชื่อ ......... ให้ร้ายแด่ท่านอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ และฝ่ายแดงประชาธิปไตยทั้งแผ่นดิน
สรรหาข่าวเรื่องร้าย ๆ มาขยายความออกไป......เพื่อใส่ร้ายให้สมเหตุผล เพื่อจะให้ไปสู่ข้อหาใหญ่ คือ ทักษิณเป็นขบวนการล้มจ้าว ....
นั่นไง ไปถึงข้อหาร้ายแรงเลยทีเดียว อันเป็นเป้าหมายของการโฆษณาชวนเชื่อ นั่นคือพยายามไปลงท้ายว่า เสื้อแดงมีเป้าหมายสูงสุดที่ "ล้มฟ้าล้มแผ่นดิน" คำนี้ เป็นถ้อยคำของ วันชัย สอนศิริ จำไว้เป็นหลักฐานสำคัญ เพื่อชำระให้สะอาดภายในระบอบประชาธิปไตย
วันชัย สอนศิริ กล่าวด้วยความเคียดแค้นอย่างแสนสาหัส ในเรื่องสื่อของเสื้อแดง ว่ากันเก็บอย่างไรก็ไม่สำเร็จ ทางโทรทัศน์ ปิดทางนี้ มันไปโผล่ทางนู้น ทางวิทยุก็หลายหลาก มีทั่วทุกทาง ทางหนังสือ สิ่งพิมพ์ก็มากมายเต็มตลาด (มันใช้อิทธิพลเงิน) มันสามารถทำได้อย่างไม่อาจจะกีดกั้นได้ สิ่งเหล่านี้ฉีดเข้าประชาชน ประชาชนก็หลงไปตามมัน................
คน 2 คนนี้มีระดับความคิดที่ต่ำเกินจะไปเข้าใจเรื่อง ความเป็นมนุษย์ ไม่เข้าใจว่า สิ่งนี้คือ เสรีภาพ เสมอภาค และ ภราดรภาพ....... ตรงที่พวกเขาไม่เข้าใจคือ นี่คือธรรมะ สำหรับดื่ม เพื่อความเจริญของประชาธิปไตย .......... ไม่ใช่การโฆษณาชวนเชื่อ ที่พวกเขาชำนาญการทำมานาน .....
คนเสื้อแดง เสพเสรีภาพ ภราดรภาพ และ ความเสมอภาค ไม่รู้อิ่ม ยิ่งเสพยิ่งมีความสุข สงบและความหวัง..........ไม่แตกต่างจากการเสพธรรม..................ธรรมะ...เสพทุกวัน ๆ ทุกชั่วโมง ทุกนาที ยิ่งดี............
นั่นไง.......แดงที่แท้จริงคือ สันติ อหิงสา......
นี่ก็คือ ยอดธรรมะ ที่เหมาะสมจะเสพ บ่อย ๆ ทุกวันทุกชั่วโมง.......ขอเน้น เสพธรรม ไม่ใช่เสพการโฆษณาชวนเชื่อ แบบเอเอสทีวีทำ
เขาเป็นนักประชาธิปไตย ..... จริง ดร.เจิมศักดิ์ควรจะสรรเสริญพวกเขามากกว่า .............ต่างประเทศ นานาชาติเขาก็ยอมรับ............เพราะต่างประเทศเขาเป้นประชาธิปไตยหมดแล้ว เขาเข้าใจประชาธิปไตยดี แต่ เจิมศักดิ์ กับ วันชัย นี่สิ รวมทั้งพวก เอเอสทีวี ยังไม่เข้าใจ
เสื้อแดงฟังไว้ วันชัย สอนสิริ เจิมศักดิ์ ปิ่นทองว่า "จิตใจคนเสื้อแดงต่ำเพียงสัตว์เดรัจฉาน .............มันทึ้งกันยิ่งกว่าสัตว์ป่า ยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน ..........." คุณพูดอย่างนี้ คนที่จะแค้นและเป็นสัตว์เดรัจฉานตามไปก็คือ คนกลุ่มอื่น (เอเอสทีวี) นี่เอง รวมทั้งคนที่พูด ทนายวันชัย กับ ดอกเจิมศักดิ์ นี่แหละจะเป็น..........อย่างที่พูดตามไปจนได้ ยิ่งพูดบ่อยก็ยิ่งจะเป็นเร็ว ๆ ๆ ๆ ๆ..... ไม่ใช่เสื้อแดง.....
ทนายวันชัย นี่รู้กฎหมายอยู่ฉบับเดียวละมั้ง ทำไมแคบจังล่ะ.......... ไปดูรัฐธรรมนูญบ้างซี......และการอ่านกฎหมาย ให้เข้าใจสาระจริง ๆ ของกฎหมายด้วย อย่าจำเอาเพียงตัวอักษร......
ไปจับกบฎยึดทำเนียบก่อนเถิด..................
อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง เขาเป็นวีรบุรุษ...ตั้งแต่ สถานการณ์พัทยา 2552 ยอมรับซีทนายความ......
- ผู้แสดงความคิดเห็น แดง ดำรงธรรม วันที่ตอบ 2010-04-21 19: