นี่คือหนังสือพิมพ์ดี(อินเทอเนต) It's The Good Paper https://www.newworldbelieve.net For All Good For All Thought
ภาพล่าสุด วิภูแถลง พัฒนภูมิไทย นักรบหนวดงาม บนเวทีเสื้อแดง 12 เมษายน 2553
ภาพล่าสุด จตุพร พรหมพันธ์ แม่ทัพนักรบแดง ผู้ไม่รูจักความพ่ายแพ้ วันที่ 12 เมษายน 2553
ภาพล่าสุด แดงที่ราชประสงค์ เย็นวันที่ 13 เม.ย.2553 ประมาณ 1 แสนคน ส่วนเวทีผ่านฟ้าก็มีจำนวนเท่า ๆ กันนี้ (ตามการคำนวณของแกนนำ และเรียกร้องให้แต่ละวันมีประชาชนมาจำนวนเท่านี้ จึงจะทำงานสำร็จสบาย ๆและปลอดภัย) พ.อ.สรรเสริญ โฆษกทหาร ก่อนจะบุกในวันที่ 10 เม.ย.2553 คำนวณว่ามีประชาชนที่ราชประสงค์เพียง 3,000 คน ที่ผ่านฟ้าแค่ 2,500 คน ขณะที่เกิดการปะทะ โทรท้ศน์เอเอสทีวี ถ่ายภาพเอาเฉพาะส่วนเสี้ยวของทหาร เห็นทหารดำมืดไปหมด น่าเกรงกลัว .............. แต่ทำไมแพ้คนมือเปล่าไปได้.....ถึงขนาดสั่งถอย..... ก็เพราะคนเสื้อแดงนับแสนไง แล้วทหารเท่าไร...ฆ่าเท่าไรก็ไม่อาจจะเอาชนะพวกเขาได้??????? ปริศนาวันนี้ก็คือ ทำไมหลังการหลั่งเลือดโชลมดิน สังเวยชีวิตประชาชนไปถึง 17 คน ทหารอีก 4 คน บาดเจ็บร่วมพันคน เสียงการต่อสู้ปานสนามรบ น่าหวาดหวั่นขวัญหาย แต่ทำไมการชุมนุมของคนพวกนี้จึงยังกลับหนาแน่นไปกว่าเดิมอีก...... ในระบอบคิดแบบประชาธิปไตย คุณต้องคิดแล้วว่า ประชาชนพวกนี้ เขาต้องการอะไร???????? พวกเขาเป็นใคร และพวกเรา(พวกคุณ)เป็นใคร?????? ถ้าคุณมีความคิดเชิงประชาธิปไตยอยู่ คุณก็จะแวบสว่างแจ้งขึ้นมาได้ ว่าเดิมทีเดียวกษัตริย์ไทยได้ทรงพระราชทานรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย ........ นั่นคือ ทรงมอบอำนาจการปกครองประเทศทั้งสิ้นนี้ให้ประชาชนเป็นผู้ปกครอง เป็นเจ้าของประเทศ เป็นการปกครองของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน และรัฐบาลของประชาชนนั้น จำเป็นต้องฟังเสียงประชาชน เสียงประชาชนคือเสียงสวรรค์
..คติวันนี้ ประชาชนกับทหารเขารักกัน คุณอภิสิทธิ์ยุบสภาเถิด เพื่อเห็นแก่ความรักของทหารกับประชาชน.......คุณคนเดียวที่อยากเห็นพวกเขาฆ่ากันทั้งน้ำตา.....
.... ที่จริงทหารก็ไม่ได้ใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่เท่าไรหรอก ........ คือมองจากพลังในตัวตนและพลังใจที่เขาทำไป ....... เขาคงไม่กล้าที่จะทำร้ายประชาชนมือเปล่าด้วยใจจริง ....... ที่จริงทหารไทยมีศักยภาพร้ายกาจมากจริง ๆ .......... แต่วันนี้พวกเขาไม่ได้ใช้ศักยภาพเต็มที่ และจริง ๆ ดูเหมือนว่าพวกเขายอมเจ็บและแม้ยอมตายโดยไม่ทำร้ายประชาชนด้วยซ้ำ........... แต่ก็พอ ๆ กับประชาชนเหมือนกัน .......... ที่จริงประชาชนเขาก็รักทหาร ........... เราคิดว่าพวกเขาสู้กันด้วยน้ำตาตกใน...........ทางประชาชนเขาไม่ต้องการต่อสู้กับทหารเลย แต่เขาต้องการต่อสู้กับโจรปล้นประชาธิปไตยเท่านั้น และเรียกร้องเอาประชาธิปไตยคืนมา...........
...... คนสองพวกนี้ถูกปั่นหัวให้มาต่อสู้กันเองโดยไม่มีความปรารถนาเลย นั่นเป็นความรู้สึกของคน ๆ หนึ่ง ที่จับตามองมาตั้งแต่ต้นแล้ว จริงหรือเปล่า ??????
......และ ยังจะมียกที่ 3 ต่อไปอีกหรือไม่ ?????......อยู่ที่คุณอภิสิทธิ์ คนเดียว.......
...มีรายงานเพิ่มเติมอ้างผอ.รพ.กลางบอกเสื้อแดงเจ็บนับ 100 ตาย 5 รวมทั้งนักข่าวรอยเตอร์ชาวญี่ปุ่น 1 ราย 4 รายถูกกระสุนยิง 1 รายถูกของแข็ง.......
21.45 น. ...ในขณะนี้ เอเอสทีวีทำการโจมตีรัฐบาล พยายามยุให้คนสองพวกนี้ต่อสู้กันต่อไป ณ เวทีกระบี่ จำลอง ศรีเมือง วิเคราะห์ว่า การที่รัฐบาลสั่งให้ทหารถอย...นั้นน่าผิดหวัง.และเจ็บปวดรวดร้าว รัฐบาลไม่ตัดไฟแต่หัวลม การแก้ปัญหาไม่ใช่การเจรจา.....เราจะคอยดูต่อไปว่าเขาจะทำได้ดีขึ้นหรือไม่ (คนหัวล้านผมน้อยน่ะ) นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ว่าพันธมิตรทำเพื่อในหลวง เพื่อความจงรักภักดี แต่ทักษิณคิดล้มจ้าว (ระวังหน่อย ข้อหานี้ฉกรรจ์) ...นายพิภพ.... ว่าทั้งหมดนี้เป็นความผิดของทักษิณคนเดียว.....นี่เป็นเกมส์ของทักษิณ เสียใจที่วันนี้รัฐบาลตกอยู่ใต้เกมส์ของทักษิณ ที่จ้างวานประชาชนมาชุมนุมครั้งนี้(นายอภิสิทธิ์คงจะเกรงและกลัวต่อภาษาเช่นนี้) .....นายสำราญ ว่ารัฐบาลมีกฎหมาย มีทหาร มีตำรวจ รัฐบาลไม่เอาไหน.....(อยากให้ทหารฆ่าประชาชนหรืออย่างไร?)
22.20 น. ระหว่างต่อมานี้ ผู้ประกาศข่าวเอเอสทีวี ก็ยังพูดไม่หยุด โดยไม่ได้ทำการสิ่งที่เรียกว่า การรายงานข่าวอย่างตรงไปตรงมา แต่พยายามบิดเบือนข่าว (มากบ้าง น้อยบ้าง โดยไม่ตรงไปตามหลักการสื่อสารมวลชนที่แท้จริง...อาจจะเพราะไม่มีการศึกษามา) ใส่ไคล้คนเสื้อแดงต่อไป ตามแบบแผนปกติของงานโฆษณาชวนเชื่อของสถานีนี้ .....
ภาพล่าสุด
ภาพนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ เขายังอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องรับผิดชอบการสั่งเคลื่อนกองกำลังทหารติดอาวุธเข้าปราบปรามประชาชน ขณะมาออกแถลงการณ์ภายหลังสถานการณ์สงบลง เวลาประมาณ 23.00 น. วันนี้ ที่ 10 เมษายน 2553 ภาพนี้ถ่ายจากจอโทรทัศน์ช่อง 9 จับภาพตอนนายอภิสิทธิ์หลับตาลงพอดี แต่ที่จริงนายอภิสิทธิ์ พูดไปหลับ ๆ ตื่น ๆ พอดีกล้องจับเอาขณะหลับ จึงออกมาอย่างนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวถึงเหตุการณ์วันนี้อย่างไรก็ตาม แต่ยังไม่มีการตัดสินใจเกิดขึ้นเลย นี่คือวิธีพูดที่ทำให้ผู้ฟังผิดหวังเสมอมา แน่ละมีคำว่า จะไม่ตัดสินใจภายใต้ประโยชน์ส่วนตน แต่เป็นประโยชน์ส่วนรวม เราคิดว่าจะอย่างไรก็ตาม เรื่องควรจะต้องจบลง เสียแต่บัดนี้ จงอ่านความรู้สึกของทหาร ตำรวจ ผู้ต้องยอมฟังคำสั่งของนายกรัฐมนตรี ให้ปฏิบัติสิ่งที่เป็นการฝืนต่อความรู้สึกเหลือเกิน พอเสียที และประชาชนเสื้อแดงก็อยากจะงีบหลับพักผ่อนเสียบ้าง พวกเขาเป็นนักต่อสู้ที่ล้ำเลิศประเสริฐ เพราะมาด้วยความสมัครใจ ด้วยใจรัก และด้วยความเสียสละ และไม่ได้อะไรตอบแทนเลย แม้แต่สิ่งที่เรียกว่าประชาธิปไตย เพราะประชาธิปไตยนั้นยังเป็นเพียงความฝันอยู่ พวกเขารู้ดีว่ากว่ากว่าจะทำความฝันให้เป็นจริง ยังจะต้องเหนื่อยกันขนาดหนักไปอีกนานเพียงไร ฉะนั้น การจะสามารถที่จะปล่อยให้พวกเขาได้พบความสุขกันอย่างเต็มอิ่มไปเลยซึ่งจะเป็นการที่ดีกว่านั้น ย่อมอยู่ที่นายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะแต่เพียงคนเดียว ย่อมจะไม่มีการผิดหวังอีกแล้ว
ภาพล่า ภาพนี้ถ่ายจากจอโทรทัศน์ เมื่อเช้าวันที่ 9 เม.ย.2553 เวลา 07.45 น. ของ ASTV เป็นภาพขณะนายอภิสิทธิ์แถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุมของพลเสื้อแดง ที่เรียกร้องประชาธิปไตย ให้รัฐบาลยุบสภา ภาพนี้มีข้อน่าสนใจยู่ 2 ประการคือจะเห็นว่าบุคคลิกภาพนายอภิสิทธิ์ เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ไม่เห็นรอยความรื่นรมย์เชื่อมั่นอยู่เลยแม้แต่น้อย ซึ่งแน่นอน นักการเมืองไทยย่อมประสบปัญหาชนิดที่บั่นทอนสุขภาพทั้งกายและใจเช่นนี้เป็นธรรมดามากเลย แต่นายอภิสิทธิ์พยายามฝืนความจริงนี้ ด้วยการพยายามตีสีหน้า สร้างภาพให้แก่ตนเองอยู่ตลอดเวลา ว่าตนไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา โดยการที่นายอภิสิทธิตีสีหน้าแช่มชื่นได้มาตลอดนั้นเป็นการใช้นโยบายเสแสร้ง สร้างภาพ ซึ่งไม่มีประโยชน์อันใดโดยสิ้นเชิง แล้วเขาออกมาประกาศว่าจะไม่ใช้ความรุนแรงต่อประชาชนอย่างแน่นอน .... แต่นั่นแหละ คนเชื่อเสียแล้วว่าเป็นคำพูดหลอกลวง คำพูดยากที่จะเชื่อได้เสียแล้ว.... จึงต้องเข้าใจพลเสื้อแดงบ้าง ให้มีมาตรฐานการปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ตามกฎหมาย และตามประเพณีปฏิบัติของสังคมมนุษย์ .... การตัดสินใจอะไรก็ตามระยะนี้ ต้องให้เห็นความจริงใจ ไม่แอบแฝง ไม่ระราน กดขี่ ไม่พึงเพิ่มการกดดันเข้าไปสู่ประชาชนอย่างไม่เป็นธรรม บัดนี้รัฐบาลเป็นฝ่ายได้เปรียบประชาชนมือเปล่าไปอีกหลายชั้น ซึ่งเป็นการกดดันอย่างไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะการปิดสื่อ ทั้งดีสเตชั่น และล่าสุดวานนี้ พีเพิ่ลแชแนล ซึ่งเป็นการผิดรัฐธรรมนูญ 2550 (รัฐธรรมนูญโจรของฝ่ายรัฐบาลเองและรัฐธรรมนูญหลักตามประชาธิปไตย) ในขณะเดียวกันการพิพากษาของศาลจำคุก แกนนำเสื้อแดงที่เชียงใหม่ 4 คน นั้นแสดงถึง 2 มาตรฐานอย่างไร แท้จริงจึงน่าหมายถึงการแฝงเจตนาร้ายของรัฐบาล ที่ต้องการกดดันให้ประชาชนต้องใช้ความรุนแรง แม้พอได้เป็นเหตุให้กล่าวหา และใส่ร้าย จึงเห็นได้ว่ารัฐบาลมีเจตนาร้าย และน่าจะไม่รอดจากสายตาของประชาชนทั้งหลาย ให้รู้ถึงแผนการณ์เลวทรามของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เช่นเดียวกับล่าสุด ที่สั่งการจับกุมแกนนำ 7 คนของฝ่ายเสื้อแดงในข้อหาบุกรุกรัฐสภา โดยการวางแผนชั่วร้ายของนายอภิสิทธิ-สุเทพ ยั่วยุให้เกิดเหตุการณ์อันให้เป็นการกล่าวหาใส่ร้ายแกนนำเสื้อแดง ดังกล่าว แต่ความจริงก็คือ ทางฝ่ายรัฐบาลวางแผนการใช้ระเบิดและอาวุธต่อคนเสื้อแดง เพื่อยั่วยุให้โกรธหลงตกหลุมพรางฝ่ายรัฐบาล ....... นี่จึงเป็นการไม่ยุติธรรมแด่ฝ่ายประชาชน และยังแสดงถึงความฉ้อฉล เล่ห์กล และการกดขี่ ไม่เข้าใจประชาชนอีกด้วย ฉะนั้น ถ้ามีความยุติธรรมจึงควรยุบสภาเสีย วันนี้ ก่อนที่สุขภาพจิตจะเกาะกุมตัวเองไปมากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ภาพนี้เป็นภาพของเอเอสทีวี ซึ่งโดยปกติเอเอสทีวีจะเลือกสรรภาพอย่างไร ๆ ก็ได้อยู่แล้ว เพราะนโยบายของเอเอสทีวีคือการโฆษณาชวนเชื่อ หรือการกลับกลอก บิดเบือน และสร้างภาพ แต่ภาพที่ออกมาวันนี้ ย่อมไม่เป็นผลดีแก่นายอภิสิทธิ์เลย เพราะนายอภิสิทธิ์มีจุดเด่นหรือปมเด่นที่ความหล่อ ความหมดจด แต่ภาพของเขาวันนี้เอเอสทีวีทำให้กลายเป็นภาพคนขี้เหร่ทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส เพียงเห็นภาพหรือบุคคลิกภาพของเขาวันนี้ก็ดูไร้สง่าราศีที่เหมาะพอจะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีประเทศไทย
ความเห็นที่ 10 (2027939)
อีปอง (อัญชลี ไพรีรักษ์) กับคุณเก๋..... เอเอสทีวีออกรายการ รอบวันทันเหตุการณ์ ......... เปิดฉากก็บิดข่าวทักษิณวีดีโอลิงค์ มาแก้ข่าวที่เอเอสทีวีกล่าวหาว่าท่านป่วย จนไปทำคีโม ...แล้วท่านเกรงเพื่อนสนิท มิตรสหายท่านจะเป็นห่วงก็วีดีโอลิงค์มาบอกเพื่อน ๆท่าน ไม่เกี่ยวกับนางอัญชลี ไพรีรักษ์คนนี้เลย แต่ก็เอาข่าวนี้ไปบิดเบือน ไปเป็นเรื่องร้ายไปเลย โดยไปด่าว่า ท่านนายกทักษิณ เป็นคนเสียสติ....คนบ้าทำลายบ้านเมืองเสียหาย.....ทักษิณเป็นคนมั่งมีแต่บ้าทำลายจึงร้ายแรง นึกว่าตายไปแล้ว "ยินดีด้วยที่ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาวีดีโอลิงค์ได้อีก"
ทำไมอัญชลี ไพรีรัก เป็นคนดี ไม่บ้าก็ดีแล้ว ขอชื่นชมที่คุณไม่เป็นคนบ้า ไม่เป็นคนเสียสติอย่างท่านทักษิณ ชินวัตร.....ก็เอาตัวให้รอดก็แล้วกัน..............ยังมีการบิดเบือนข่าวอื่น ๆ อีก คือนี่เป็นวิธีที่เรียกกันว่า ใส่สีตีไข่ นั่นเองครับ มีเรื่องหรือข้อเท็จจริงอยู่เล็กน้อย และแม้ขนาดว่ายังไม่รู้เลยว่า เท็จจริงอย่างไร ก็เอาไปบิด....วิจารณ์ให้ร้ายคนอื่นไปแล้ว ......ก็เลยไปด่าใครต่อใครไปหมด ด่าเสื้อแดง เช่น คุณขวัญชัย ไพรพนา...ที่ว่าระเบิดมาจากเนวิน ชิดชอบ ..... ไปจนถึง เทพชัย หย่องก็โดน .....ด่าไปถึง สปริงนิวส์ ว่าเอาใจเข้าข้างเสื้อแดงว่าทหารปราบปรามประชาชนเหมือนเดือนตุลา ......... ด่าไปถึงทีวีไทย.... "ทีวีไทย ใจดำน่ะ" ......... ด่าไปถึงนักข่าวคนหนึ่งของช่อง 7 ที่เปิดเผยตัวตน....... เขาเอ่ยว่า อ้าวเอเอสทีวีมาด้วยหรือ? ฟังได้ความว่า........ คงเจ็บใจที่วงการนักข่าวไม่ต้อนรับนักข่าวเอเอสทีวี ก็เลยซุ่ม ๆ ซ่อน ๆ ไปทำข่าว ..................(นักข่าวเอเอสทีวีอย่างนายจตุพร ยอดศิลป์ ที่รายงานเหตุการณ์ 10 เม.ย. 2553 โดยรายงานว่าปืนยิงจากเสื้อแดง ระเบิดแก๊สน้ำตาถูกขว้างจากฝ่ายเสื้อแดง ระเบิดมาจากฝ่ายเสื้อแดง ตลอด ...แต่ความจริงก็ปรากฏแล้วว่าประชาชนถูกยิงตายไปถึง 17 คน จากทั้งหมดล่าสุด 21 คน ..ทหาร 4 คน ) แล้วไปด่ารัฐบาลที่ไปยอมเจรจากับฝ่ายเสื้อแดง ........
แล้วไปขอพูดขอสัมภาษณ์กับพวกเดียวกันคือ ประสงค์ สุ่นสิริ ๆ ก็ว่ารัฐบาลไม่น่าจะบริหารราชการอยู่ต่อไปได้...... เพราะความไม่เข้าใจการทำงานของฝ่ายการเมือง ....นายกรัฐมนตรีเป็นคนพาทหารไปตาย....เพราะรัฐบาลมีเครื่องมือแต่ไม่ใช้ ไม่ทำตามกฎหมายที่ให้อำนาจเอาไว้......รัฐบาลควรจะยืนอยู่...........มันต้องให้ทหารเขามีเสรีในการวางแผนต่าง ๆ แต่รัฐบาลลดหย่อนไม่ให้ทหารติดอาวุธไป...เอาแต่โล่ กะบองไป .... รัฐบาลยังแก้ปัญหาที่หน่อมแน้มอย่างนี้.......เมษายยนปีนี้ไม่เหมือนปีที่แล้ว ปีนี้ไม่ใช่เพียงหัวโจก3คน แต่มีคนมาร่วมอย่างหลากหลายโดยเฉพาะอดีตนายทหาร 60-70 คน มีประสบการณ์การสู้รบ... มีเพื่อนอยู่ในกองทัพ............. การยิงเอ็ม.... มันไม่ใช่เสื้อแดงที่เต้นแร้งเต้นกาอยู่บนเวที
ว่ารัฐบาลต้องให้แรง ไม่ใช่ไปทำละมุนละม่อม...............เป็นนายกมีอำนาจจัดการทุกกระทรวงแต่ไม่มีความกล้าหาญเด็ดขาด......... คุณสั่งถอยทำไมล่ะ.....ขนาดต้องทำตามเงื่อนไขเขา..ได้อย่างไร...
ผบ.ทบ.คิดว่าการเมืองแก้ด้วยการเมือง ก็ไม่ถูก.......
ทางเสื้อแดงถูกปล่อยปละละเลยมาเป็นปี ก็เติบโตไปเรื่อย มีคนมากขึ้น เมษาปีนี้จึงไม่ใช่เมษาปีที่แล้ว
อัญชลีถามว่าขนาดคนทั่วโลกเชื่อว่าทางรัฐบาลและทหารใช้อาวุธปราบปรามประชาชนไปแล้วจะทำอย่างไร? ตอบว่า ...ทำอยู่ขณะนี้ไม่ได้หรอก......
24 แกนนำต้องทำให้เด็ดขาด เข้าทำการจับกุมไปเลย............
ผมว่า คนพวกนี้เป็นเผด็จการนิยม อิจฉาริษยาจัด อย่างจิวยี่... อย่าง ประสงค์ สุ่นสิริ นี่ ไดโนเสาเต่าล้านปีเราดี ๆ นี่เอง ความนึกคิดของแกไม่สอดคล้องยุคสมัยเสียเลย และไม่เข้าใจประชาธิปไตย คืออะไร ไม่เข้าใจเลยเช่นนี้ก็พูดกับคนยุคใหม่ไม่รู้เรื่อง และเชื่อได้เลยว่าคำแนะนำของแก....ใครเชื่อเอาไปทำเข้าละก็.... จะนำไปสู่ความวุ่นวายยิ่งขึ้น.....อย่างคำแนะนำให้บุกไปจับแกนนำทั้ง 24 คนไปก็แล้วเรื่องนั้น..ฟังแล้วดี....แต่มันโง่ไปจริงที่คิดทฤษฎีเรื่องมนุษย์ไม่ออก หรือทหารว่า จิตวิทยาการรบ นั่นเอง ..... ขณะนี้ ที่ถูกคืออย่าทำอย่างนั้น...อย่าคิดแตะแกนนำ.......จะคุโชนอย่างรวดเร็ว......
- ผู้แสดงความคิดเห็น คนนก วันที่ตอบ 2010-04-11 19:58:17
ภาพล่าสุด บุคคลห่มเหลือง ใน ASTV พูด 12 เม.ย. 2553 ไม่พอใจรัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่สั่งให้ทหารถอย จากการเข้าผลักดัน ขับไล่ประชาชน คืนวันที่ 10 เม.ย. 2553 บุคคล ๆ นี้ เสนอว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ควรเดินหน้าแก้ปัญหา ที่จัดการเอาคนเสื้อแดงออกไปพ้นจากกรุงเทพมหานคร ตำหนิว่ารัฐบาลมีทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในมือ แม้กองกำลังทหารติดอาวุธ ยังทำไม่สำเร็จ (บุคคลนี้ชื่อ จันทร์ สังกัดสันติอโศก พวกเดียวกับจำลอง ศรีเมือง กินผักกินหญ้ เป็นอาหาร สถานะของคนพวกนี้ไม่ได้ชื่อว่า สงฆ์ หรือ พระภิกษุ ในพระพุทธศาสนา ในนิกายเถรวาทไทย พวกเขาเรียกตัวเองว่า สมณะ) เหตุที่กินผักกินหญ้าเป็นอาหารก็เพราะปรารถนาบำเพ็ญเป็นผู้มีเมตตาหาประมาณมิได้ แต่กลับไม่เข้าใจว่าสถานการณ์ 10 เม.ย. 2553 ว่าเป็นการรุนแรง มีการฆ่าผลาญชีวิต ตายไปถึง 23 คน บาดเจ็บ กว่า 800 เช่นนี้แล้ว บุคคลผู้นี้ยัง กลับสนับสนุนให้ทำการล่าล้างผลาญชีวิตประชาชนมือเปล่าต่อไปอีก.......ถ้าประชาชนสังเกตหน่อยก็จะทราบว่าพวกสันติอโศก รวมทั้งบุคคลในภาพผู้นี้ด้วย มักพูดถึงรื่องราวที่สูง ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ คือชอบพูดเรื่องพระอริยบุคคล และอ้างว่าพวกสันติอโศกล้วนเป้นผู้มีคุณธรรมสูงล้วนสำเร็จโสดาบันกันทั้งนั้น ระดับพระโสดาบัน ไปจนถึงพระอรหันต์ อย่างคุณจันทร์บุคคลห่มเหลืองในภาพนี้ก็เป็นประเภทสวมแว่นสีเดียวกัน คือมองตนเองสูงส่งเป็นพระอริยบุคคลไปตาม ๆ กัน แต่แท้จริงเป็นคนกลับกลอกอย่างไม่น่าเชื่อ...
ล่าสุด เอเอสทีวี ดึกวันที่ 13 เม.ย.2553 ผู้ประกาศทั้ง 2 ดูประกาศข่าวเข้มข้นขึ้นทันที ภายหลังเอาข่าวสุเทพ เทือกสุบรรณ แถลงว่า ประเทศไทยถูกกลุ่มโจรกลุ่มหนึ่งยึดครองอยู่ ขอให้ช่วยกันกำจัดออกไป ผนวกกับการแถลงข่าวของพรรคการเมืองใหม่ ที่ว่ารัฐบาลไม่ควรยุบสภา แล้วมีข่าวท่านอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ที่ผู้ประกาศทั้งสองอ้างข่าวจากแหล่งข่าวอะไรไม่ชัดเจน แต่วิเคราะห์ว่าท่านทักษิณกำลังหาเงินหาทอง อีกหน่อยก็จะได้เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีอีกครั้ง ทำนองนั้น... การที่เอาข่าวเอเอสทีวีมาขึ้นที่ช่องนี้ก็เพราะสังเกตว่าเอเอสทีวีเริ่มเข้มข้นขึ้นในคืนนี้แล้ว นั่นย่อมบอกสถานการณ์อะไรสักอย่าง วิธีการต่อสู้ของเอเอสทีวีเคยผ่านความยากลำบากมาตลอดเพราะการต่อสู้แบบเอาเป็นเอาตาย ไม่คำนึงชีวิต ไม่คำนึงผิดหรือถูก แบบที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล เคยพาพวกต่อสู้มาเจอคดีกว่า 100คดี ก็โดยแบบตายเป็นตายเจ๊งเป็นเจ๊ง (หรือแบบหมาจนตรอก) แต่ผู้ประกาศทั้งสองนี้ดูจะต้องระวังสักหน่อยในเรื่องหมิ่นประมาท เพราะการวิเคราะห์ไปทุกเรื่องแบบที่เราไม่มีพื้นฐานความรู้เลย จะอาจจะพลาดได้ เว้นแต่จะดันไปแบบสนธิลิ้ม แบบตายเป็นตายเจ๊งเป็นเจ๊ง เดี๋ยวจะเสียอนาคตไปได้ง่าย ๆ เหมือนกัน ฐานหมิ่นประมาท
|