ณ ราบ 11 รอ. 09.00 น. เช้าวันที่ 28 มีนาคม 2553 ทหารเตรียมรับมวลชนเสื้อแดง ที่ได้รับการนัดหมายจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเมื่อวานนี้ว่าจะมีการเจรจา ...... แต่ ณ เวลานี้ นายอภิสิทธิ์ ได้ออกแถลงการณ์มาว่า อาจจะไม่มีการเจรจา เพราะทางฝ่ายเสื้อแดงกระทำอาการคุกคาม บีบบังคับ และ นรม.อาจจะไม่อยู่ ณ ราบ 11 ...ทางประชาชนผู้รักประชาธิปไตย ได้มอบหมายนายวีระ มุสิกพงษ์ นายจตุพร พรหมพันธ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นพ.เหวง โตจิราการ เข้าไปเจรจาในราบ 11 กับทางฝ่ายรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ประกาศที่เวทีผ่านฟ้าลีลาศว่า ให้รัฐบาลนัดสถานที่เจรจามา ที่ใดก็ได้ ภายในเวลา 1 ชม.ต่อไปนี้ ซึ่งจะตรงกับเวลา 10.15 น. นายณัฐวุฒิกล่าวว่านายอภิสิทธิ์ ไม่มีประโยชน์ที่จะถ่วงเวลา ให้ตัดสินใจเสีย ทราบว่านายอภิสิทธิ์ พำนักอยู่ที่หัวหิน ไม่เปิดเผยสถานที่ .ซึ่งเป็นการไร้ความสำนึกรับผิดชอบต่อประเทศชาติอย่างสิ้นเชิง นายจตุพรกล่าวย้ำว่าขอให้นายอภิสิทธิ์เลือกที่เจรจาที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นนรก สวรรค์ .... การกล่าวอ้างว่า ประชาชนกดดันจึงไม่เจรจา จึงขอให้บอกมา ว่าจะให้ไปเจรจาที่ไหนก็ได้.....ฝ่ายประชาชน 4 คนจะไปพบที่ไหนก็ได้.... นพ.เหวง เสนอว่าจะเปิดการเจรจาที่บ้านสี่เสาเทเวศก็ได้ ......เล่าประวัติศาสตร์ เจง กิส ข่าน เตือนว่า สันติวิธีดีกว่า ไม่โกรธ ไม่รุนแรง ไม่ตอบโต้...
ภาพนี้ถ่ายจากโทรทัศน์แดง พีเพิ่ลแชแนล วันที่ 27 มี.ค.2553 เวลา 19.15 น. เป็นเหตุการรณ์พลเสื้อแดงทั้งแผ่นดิน ทำการกดดันรัฐบาล ให้ยุบสภา ณ ทำเนียบรัฐบาล เป็นเวลาที่การเจรจาน่ามีความหวังในวันพรุ่งนี้ แต่สิ่งที่พลเสื้อแดงยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตยได้อยู่ก็คือ ยังรักษาหลักการสันติ อหิงสาไว้ได้อีกครั้งหนึ่ง และนี่ต่างหากที่ให้ความหมายถึงการเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง เราหวังว่า คนทั้งหลายจะเข้าใจประชาธิปไตย และคนที่เฉยเมยอยู๋จะได้มาเข้าข้างประชาธิปไตยกันตามลำดับมากยิ่งขึ้น จนเป็นแดงทั้งประเทศ ในเวลาต่อมา วีระ มุสิกพงศ์ ออกมาที่เวทีผ่านฟ้าลีลาศ แจ้งว่าณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้สั่งการถอนกำลังจากทำเนียบรัฐบาลกลับมาถนนราชดำเนินตามปกติแล้ว รอปฏิบัติภาระกิจนัดหมายกับฝ่ายรัฐบาลต่อในวันพรุ่งนี้ วีระ แกนนำแดงทั้งแผ่นดินยังแสดงความยินดีที่ภาระกิจของประชาชนที่หยิบยื่นให้ทหาร รั้วของชาติ ได้ถอนกำลังกลับเข้ากรมกองไปเสีย เป็นผลสำเร็จทุกแห่ง ที่มีกองทหารตั้งอยู่ ถึง 8 แห่ง วีระ แย้มนิด ๆ ว่า การเจรจาเป็นไปตรงตามเป้าหมายของพวกเรา เสื้อแดง วันนี้ไม่เครียดอีกต่อไป แนวโน้มก็คงจะดีขึ้น สำหรับจำนวนประชาชน คำนวณไม่ได้จากจอโทรทัศน์ แต่แกนนำกล่าวว่ามากันมหาศาลจริง ๆ แทบไม่มีที่ยืนอยู่แล้ว แม้ขณะนี้ก็ยังคงไหลมา มีการประกาศเงินบริจาคเพื่อการต่อสู้ไม่ขาดระยะ รวมทั้งมีชมรมมุสลิมใต้(ชมรมอิหม่าม 4 อำเภอใต้) บริจาคเข้ามาถึงกว่า 2 หมื่นบาท
แดงสุดลูกหูลูกตา ในการเคลื่อนเข้าสู่ที่ตั้งทหารตามวัดต่าง ๆ และสนามม้านางเลิ้ง จำนวน 8 จุด เพื่อเจรจาและมอบไมตรีจิตมิตรภาพ แด่พี่น้องทหาร และได้รับไมตรีจิตตอบแทนอย่างคุ้มค่า นั่นคือทหารถอนกองกำลังกลับเข้ากรมกองทุกแห่ง แต่ความหมายครั้งนี้ หมายถึง ทหารเป็นประชาธิปไตย เข้าใจประชาธิปไตย และทหารเหล่านี้เป็นทหารระดับกองกำลัง เมื่อเข้าใจประชาธิปไตยแล้ว ย่อมมีความหมายที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือเสรีภาพแห่งความคิด ที่จะรู้ในความผิด และรู้ในความถูกต้อง ด้วยตนเอง และย่อมเลือกทางที่ถูกต้องเสมอ จึงจะถูกต้องตามหลักการของศาสนธรรม และสิ่งที่ประชาชนหวังจากทหารก็คือ ทหารรู้ว่าในระบอบประชาธิปไตย ทหารสามารถที่จะขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาได้ ในเมื่อผู้บังคับบัญชาสั่งการไม่ถูกต้องตามหลักกฎหมาย และหรือขัดหลักศีลธรรมอันดีของสังคม คำสั่งของผู้บังคับบัญชาเช่นนั้นย่อมเป็นโมฆะ และคำสั่งที่ต้องเป็นโมฆะในเวลานี้ก็คือ คำสั่งให้ปราบปรามประชาชน คำสั่งให้ใช้ความรุนแรงต่อประชาชน และร้ายที่สุดก็คือคำสั่งที่ให้ฆ่าประชาชน (ซึ่งเป็นคำสั่งที่ผิดศีลธรรม เพราะอาจจะหมายถึงการสั่งฆ่าบิดามารดา ญาติพี่น้องของทหารเอง รวมความถึงพระภิกษุสามเณรที่มาร่วมชุมนุมด้วย)
พลเสื้อแดงนัดชุมนุมขับไล่รัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง ภายใต้หลักการ สันติ อหิงสา คราวที่แล้ว ชุมนุมพลแดง ณ วันที่ 14 มี.ค. 2553 มีประชาชนเสื้อแดงมาร่วมชุมนุมประมาณ 1,200,000 คน รัฐบาลโดยมหาดไทย ประเมินได้ว่าเพียง 64,000 คนเท่านั้น ครั้งต่อไปนี้ แกนนำเสื้อแดงให้สัมภาษณ์ว่าจะมามากกว่าคราวที่แล้วถึง 2 เท่า-หลาย ๆ เท่าอย่างแน่นอน นั่นคือนัดครั้งประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่ง 27 มีนาคม 2553
อีกภาพหนึ่งของการหลั่งเลือดชะโลมดิน : ภาพนี้ถ่ายจากจอโทรทัศน์แดง เมื่อเวลา 11.40 น. วันที่ 17 มีนาคม 2553 ภาพที่เห็นไม่ใช่ท้องฟ้า แต่เป็นเลือดนองไปตามลานหน้าบ้านนายกรัฐมนตรี คนที่ชื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากส่วนสุดท้ายของเลือด 1 ล้านซีซี ที่แดงทั้งแผ่นดินร่วมกันสละออกมา กระทำเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ด้วยวิธีสันติ อหิงสา ในนัยยะการกล้าเสียสละแม้ชีวิตเลือดเนื้อเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยของประชาชน (จะเห็นลักษณะของเลือดเป็นลิ่ม ๆ มิต่างจาก เลือดวีรชนในสนามรบจริง ๆ แต่นี่ไม่ใช่เลือดทหารไทยยุคขลาดตาขาว แต่เป็นเลือดของประชาชนไทย ผู้ประกอบวีรกรรมยิ่งกว่าวีรกรรมในสนามรบ)
ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช พูดทุกเรื่อง ที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ฟังแล้วฝ่อไปทุกเรื่อง โดยเฉพาะรัฐมนตรีคลัง ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ทั้งนายกรัฐมนตรีเอง ฟังแล้วแทบซุกหน้าหนีไปเสีย เพราะเท่ากับฟังครูสอนหนังสือให้เด็กชั้นประถมก็ไม่มีผิด ภาพนี้อดีตรมว.คลังพูดบนเวทีสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เมื่อ 25 มี.ค. 2553 ถามถึงความยุติธรรม ถามถึงศาลอยุติธรรม ที่ตัดสินไปเพราะโมหาคติ คือไม่เข้าใจเรื่องการตลาดหุ้นเลย ตัดสินไปได้อย่างไรว่า ทักษิณ โกง ตุลาการไม่เข้าใจเรื่องที่ตนตัดสินต่างหาก ทั้ง ๆ ที่ทักษิณคือนโยบายตัวแท้จริงสำหรับประชาธิปไตยที่กินได้ ดร.สุชาติถามถึงทุนการศึกษา ที่มีมากมายหลายทุน สำหรับประชาชนคนยากไร้โดยเสมอหน้า ที่จะเลือกได้ ตามนโยบายเดิมของรัฐบาลทักษิณ ซึ่งในรัฐบาลอภิสิทธิ์หายไปหมด แล้วสรุปว่า เพราะเงินที่บริหารโครงการต่าง ๆ ถูกแบ่งไปเพราะการโกงกินทุจริตทุกโครงการ ของรัฐบาลนี้ ..แล้วรัฐบาลจะอยู่ไปทำไม?
ขอร้อง
โจรปล้นประเทศชาติและประชาธิปไตย
ทำอย่างไรกับพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ?