หลั่งเลือดชะโลมดิน : ภาพนี้ถ่ายจากจอโทรทัศน์แดง เมื่อเวลา 11.40 น. วันที่ 17 มีนาคม 2553 ภาพที่เห็นไม่ใช่ท้องฟ้า แต่เป็นเลือดนองไปตามลานหน้าบ้านนายกรัฐมนตรี คนที่ชื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากส่วนสุดท้ายของเลือด 1 ล้านซีซี ที่แดงทั้งแผ่นดินร่วมกันสละออกมา กระทำเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ด้วยวิธีสันติ อหิงสา ในนัยยะการกล้าเสียสละแม้ชีวิตเลือดเนื้อเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยของประชาชน
เสนาะ เทียนทอง ออกมาพูดบ้าง ในวันที่สส.พรรคเพื่อไทยบริจาคเลือดสู้อย่างสันติ .......... พูดถึงเรื่องแนวคิดให้ สส.ทั้งพรรคลาออก.......... เสนาะ เทียนทอง ว่า การประชดเช่นนี้ ไม่ทำให้ชนะได้........ พูดแล้วเสนาะ เทียนทองก็ไปนอนต่อ........................... ก็เท่านั้นเอง
ไม่แน่ใจว่า นี่เป็นอีกตัว ไดโนเสาเต่าล้านปี หรือไม่ ? ........... จริงอยู่ พออายุมากหน่อยก็มักอ้างว่าตัวเห็นมาหมดแล้ว....... รู้อะไร ๆ ๆ ๆ ดีที่สุด.................. แล้วรู้หรือเปล่าว่า ในระบอบประชาธิปไตยจะง่ายขึ้น ถ้าเพียงเราไม่ยึดในทิฏฐิ มานะ......(คือถือดี.............คิดว่าตนดี.... คนอื่นชั่ว ถือว่าตนดีกว่าผู้อื่น ผู้อื่นดีก็จริงแต่ดีสู้เราไม่ได้ และเราดีที่สุด ไม่มีใครจะมาเทียบระดับกับเราได้...........)
ถ้าจะเอาประชาธิปไตย ร่วมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริง ใคร ๆ ก็ต้องทำใจใหม่ ว่า แม้จะขนาดไหนก็ตาม เราก็มีอำนาจเพียง 1 เสียง เท่า ๆ กันหมด (อย่าคิดเลยว่าเรามีอภิสิทธิ์ใดใด แม้แต่ชาวนาเราก็ต้องยอมรับเขา ว่าเขาเสมอกับเรา) นี่คือนัยยะของ ความเสมอภาค หรือ Equality
ต้องเข้าใจให้ถูกต้องอีก 2 อย่างครับ คือ เสรีภาพ และ ภราดรภาพ และถ้าศึกษาพระพุทธศาสนาตามนัยยะกาลามสูตรแตกฉานแล้ว จะเห็นว่า นี่เป็นหลักการที่ถอดออกไปจากพระพุทธศาสนาทั้งหมดเลย.......
- ผู้แสดงความคิดเห็น ไพสิฏฐ์ คีตะวัน วันที่ตอบ 2010-03-17 19:18:14
ความเห็นที่ 23 (2025110)
วานนี้ 17 มี.ค.2553 สภามาไม่ครบองค์ประชุม เพราะสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มาเลย ข่าวว่ามติของพรรคไม่ให้มา มีแต่พรรคร่วมรัฐบาลมา 32 คน กับพรรคฝ่ายค้าน ประธานสภาฯสั่งปิดการประชุมในเกือบทันที เป็นเหตุให้ฝ่ายค้านสงสัยว่าประธานสภารู้กันกับรัฐบาล
นั่นคือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์ ที่เลวทราม ไร้ความเป็นพรรคการเมืองไปแล้ว ในยุคนายอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรคนี้ เท่ากับได้เด็กคนหนึ่งมาบริหารพรรค เขาได้พาพรรคกระทำความผิด ไม่ชอบด้วยครรลองประชาธิปไตยมากมาย รวมทั้งการไร้จริยาอันเป็นหลักสมานฉันท์ หลักสามัคคีธรรมของประชาชนภายในประเทศ ที่จำเป็นที่ระบอบประชาธิปไตยจำเป็นต้องมี (แม้คนในสังคมปกติทุกระดับก็มีกัน จึงเรียกว่าคนดี) นั่นคือ ไร้จิตใจ ไร้น้ำใจนักกีฬา โดยปรากฎว่านายอภิสิทธิ์ ไม่เคยแสดงความยอมรับว่าตนมีความยินดีต่อฝ่ายชนะการเลือกตั้งเลย ไม่เคยมีการกล่าวคำว่า ยินดีด้วย อย่างนักการเมืองที่เจริญแล้ว แต่กลับยุยงส่งเสริมให้ฝ่ายตนเกลียดชังฝ่ายชนะต่อไปอีก.............. และแม้กระทำผิดไปเช่นนั้น สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ หรือระบบทั้งหมดของพรรค ก็ไม่เคยมีการตักเตือน ให้หัวหน้าพรรคปฏิบัติให้ถูกต้องครรลองประชาธิปไตย แต่กลับเห็นพ้องต้องกันไปหมดทั้งระบบพรรค ให้กระทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ชอบธรรมไปเรื่อย ๆ
ดังจะเห็นว่า ในยุคนายอภิสิทธิ์นี่เอง ได้มีการบอยคอตการเลือกตั้งเกิดขึ้น ซึ่งในตัวเองเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่งอยู่แล้ว เพราะการเป็นพรรคการเมือง ไม่สามารถจะกระทำเช่นนั้นได้ นี่ก็เสียหายมากอยู่แล้ว แต่นอกจากการบอยคอตแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ยังกระทำการที่ผิดไปยิ่งกว่านั้น คือแทนที่จะอยู่เฉยเสีย เพราะตนประกาศไม่ลงเลือกตั้งแล้ว แต่กลับไม่อยู่เฉย ๆ กลับดำเนินการเคลื่อนไหวต่อต้านพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามของตน ยุยงส่งเสริมให้ประชาชนฝ่ายตนเกลียดชัง ไม่ลงคะแนนเสียง ปรากฎข้อเท็จจริงอย่างเปิดเผยไปตามหน้าหนังสือพิมพ์ และสื่อสารมวลชนทั่วไปแล้ว และ นี่เป็นความผิดทางกฎหมายการเลือกตั้งอย่างชัดเจน แต่ กกต. กลับไม่ดำเนการแต่อย่างใด
พรรคประชาธิปัตย์ทำความผิดต่อเนื่องมาเรื่อย ๆ โดยกระทำทุกวิถีทางเพื่อให้พรรคตรงข้ามตนพินาส ทำลายคู่แข่งลงด้วยวิธีการเลวร้ายทุกอย่าง นั่นคือคบกับพวกโจรปล้นประชาธิปไตย และโจรโค่นล้มรัฐบาลสมัคร รัฐบาลสมชาย จนได้บริหารประเทศ แม้เมื่อมาบริหารประเทศแล้ว สิ่งที่เห็นชัดเจนก็คือ การกอบโกยโกงกิน และเปิดโอกาสให้พวกตน กอบโกยโกงกินกันอย่างสนั่นหวั่นไหวเปิดเผยเห็นชัดเจนทุกโครงการ โดยยืมเงินต่างประเทศมาก้อนใหญ่ มาโกงกินกันอย่างสบาย และเลี้ยงกองทัพบกเอาไว้เพื่อให้เข้าข้างตน ฟังคำสั่งตน ............ เป็นต้น
นี่เป็นการเตือนให้ประชาชนทั้งหลายได้ทราบ ว่าในระบอบประชาธิปไตยที่เราต้องการวันนี้ ได้มีพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ที่ไม่ให้ความร่วมมือในการสร้างประชาธิปไตย แต่ประพฤติตนไปอย่างเอาเงิน ผลประโยชน์เป็นเป้าหมาย เอาอำนาจที่ไม่ชอบด้วยครรลองประชาธิปไตยมาข่มขี่บังคับระบบการปกครองของประเทศให้เชื่อฟัง คล้อยตามการประพฤติชั่วของตน เพื่อประโยชน์ของตนและพวกพ้อง และครั้นเมื่อได้หลวมตัวกระทำความผิดไปมากมาย จนประชาชนเข้าใจ รู้เช่นเห็นชาติอย่างแจ่มแจ้งแล้ว ก็เปรียบเสมือนนั่งบนหลังเสือ จะลงก็ไม่ได้ จะขี่ต่อไปก็ไม่ได้อีก
ไม่มีทางใดแก้ไขปัญหานี้ นอกจากประชาชนเจ้าของอำนาจการปกครองที่แท้จริง จะต้องออกมาขับไล่ และเอาตัวไปลงโทษเสีย เพื่อสร้างครรลองประชาธิปไตยให้เดินไปอย่างถูกต้องอีกครั้งหนึ่ง
- ผู้แสดงความคิดเห็น บุษบา บุญเสฏฐ์ วันที่ตอบ 2010-03-18 06:55:39
ภายหลังแดงทั้งกรุงเทพมหานครเมื่อ 20 มี.ค.2553 และเป็นข่าวไปทั่วโลกว่าเป็น Noble March ในกรุงเทพแล้ว สัญญลักษณ์ประชาธิปไตยนี้ดูเด่นขึ้น ต่อมา นพ.เหวง โตจิราการ ได้แสดงวิธีการคำนวณว่า ระยะทางที่เสื้อแดงเคลื่อนขบวน จากจุดเริ่มต้นไปยมราช เพชรบุรี อโศก รัชดา ลาดพร้าว บางกะปิ ราม คลองตัน พระโขนง พระราม 4 คลองเตย สีลม และเยาวราช เริ่ม 10.00 น. จบลงที่ 23.00 น. นั้น ระยะทางการเดินทั่วกรุงนี้รวมแล้วเป็นเส้นทางยาวถึง 100 ก.ม. มีรถยนต์เข้าร่วมขบวนถึง 54,000 คัน มอเตอไซค์ 50,000 คัน เมื่อรถยนต์ 1 คันมีคน คันละ 10 คน เอา 10 คูณ 54,000 ผลลัพท์คือ 540,000 คน รวมมอตเตอร์ไซค์ เฉลี่ยคันละ 2 คน(มอตเอร์ไซค์มีคนนั่งตั้งแต่ 1 คนถึง 3คน) รวมคนมอเตอร์ไซค์ 100,000 คน สรุปรวมคนบนท้องถนนที่เคลื่อนไป 100 กม. จำนวน 640,000 คน (หกแสนสี่หมื่นคน) ยังไม่นับคนข้างถนนที่ออกมาต้อนรับโบกไม้โบกมือแสดงความยินดีสนับสนุน รวมทั้งให้การบริจาคเงินจำนวนมาก ..... ซึ่งรวมทั้งหมดแล้วคนทั้งหมดที่เข้าร่วมในขบวนการเดินอย่างสง่าผ่าเผยกลางกรุงวันนี้ เฉียด 1 ล้านคน ซึ่งโดยหลักมารยาทแล้ว การที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังคงดื้อด้านไม่ฟังเสียงประชาชนมาจนถึงวันนี้ ได้ทำลายชื่อเสียงของรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์ ที่บริหารประเทศลงอย่างหมดสิ้นแล้ว เนื่องจากได้ปรากฎไปในสายตาโลกอย่างทั่วถึงไปแล้ว และโลกได้ทราบเหตุผลเป็นอย่างดี ว่าประชาชนไทยเรียกร้องอะไร และโลกฉงนว่า การเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาเสียนั้น ไม่น่าเป็นเรื่องลำบากใจในระบอบประชาธิปไตย โลกกำลังศึกษาว่ารัฐบาลไทยเขลา เบาปัญญา ไม่เข้าใจครรลองประชาธิปไตย หรืออย่างไร? เขาอาจจะพบคำตอบในไม่ช้านี่เอง ว่าเป็นเช่นนั้นจริง .(สำหรับเราเองได้พบคำตอบมานานแล้วว่านี่คือรัฐบาลเด็ก) .. ความจริงนี้แหละที่จะเป็นเรื่องที่น่าขายหน้าจริง ๆ ปรากฎต่อชาวโลกสำหรับรัฐบาลที่อ้างว่าตนมาตามครรลองประชาธิปไตย..แต่จริง ๆ ไม่เข้าใจเลยว่าตนพูดอะไร..และได้บ่อนทำลายตนเองและประเทศชาติลงไปตามลำดับ ๆ อย่างไรในสายตาโลกวันนี้.
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เย็นวันที่ 20 มี.ค. 2553 แดงทั้งวันทั้งกรุงเทพแล้ว บนเวทีสะพานผ่านฟ้าลีลาศของพลแดงทั้งแผ่นดิน เอ่ยวาทะว่า วีระ นายแน่มาก พล.อ.ชวลิตสรุปว่า เราชนะแล้วอย่างเด็ดขาด
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กับมหาสงครามแห่งชนชั้น ในภาพนี้เขาพยายามอธิบายถึงสงครามชนชั้นระหว่างอมาตยาธิปไตยกับพลไพร่ฟ้าหน้าใสยุคใหม่ ยุคที่ประเทศไทยประกาศการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย มาแล้ว 77 ปี ดูเหมือนณัฐวุฒิ จะเห็นแล้วว่า วันที่ 20 มีนาคม 2553 มหาสงครามแห่งชนชั้นในไทย กำลังจะชนะแล้ว และเป็นมหาสงครามที่ชนะใจคนทั้งโลก ..... แต่ความจริงมหาสงครามแห่งชนชั้น ยังคงจะมีอีกยกใหญ่อีกยกหนึ่ง อันเป็นขั้นต่อไปของมหาสงครามแห่งชนชั้นไทย เพียงแต่ขณะนี้ ยังเป็นนามธรรมอยู่ พยายามศึกษารูปธรรมจากแนวร่วมส่วนหนึ่งก็จะปรากฎเป็นรูปธรรมขึ้นมาได้
แนวร่วม มหาสงครามแห่งชนชั้น ในภาพนี้เป็นภาพหมู่สงฆ์ มาร่วมต่อสู้เพื่อให้รัฐบาลคืนประชาธิปไตยแด่ประชาชน วันที่ 19 มี.ค. 2553 แท้จริงสงคราม มหาสงครามแห่งชนชั้นของหมู่สงฆ์เองยังรออยู่ข้างหน้า และแน่ละเราต้องการแรงสนับสนุนของนักรบที่รู้ซาบซึ้งเข้าใจใน สงคราม มหาสงครามแห่งชนชั้น .............ซึ่งนั่นจึงจะหมายถึงประชาธิปไตยอันสมบูรณ์ในสังคมไทยประเทศไทย แผ่นดินไทยโดยแท้จริง..
ขบวนแดงทั้งแผ่นดิน 4 แสนเคลื่อนเข้าสู่ราบ 11 รอ. เช้าวันที่ 15 มี.ค.2553
16 มี.ค. 2553 ทั้งวันแดงใช้ยุทธวิธีจิตวิทยา-ไสยศาสตร์ ทั้งวันเจาะเลือด 1 ล้านลิตร ทำพิธีราดเลือดประตูทำเนียบรัฐบาลเสร็จเรียบร้อย เวลา 17.30 น. แล้วแกนนำส่วนหนึ่งนำไปราดที่พรรคประชาธิปัตย์ ต่อ
อีกภาพหนึ่งของการหลั่งเลือดชะโลมดิน : ภาพนี้ถ่ายจากจอโทรทัศน์แดง เมื่อเวลา 11.40 น. วันที่ 17 มีนาคม 2553 ภาพที่เห็นไม่ใช่ท้องฟ้า แต่เป็นเลือดนองไปตามลานหน้าบ้านนายกรัฐมนตรี คนที่ชื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากส่วนสุดท้ายของเลือด 1 ล้านซีซี ที่แดงทั้งแผ่นดินร่วมกันสละออกมา กระทำเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ด้วยวิธีสันติ อหิงสา ในนัยยะการกล้าเสียสละแม้ชีวิตเลือดเนื้อเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยของประชาชน (จะเห็นลักษณะของเลือดเป็นลิ่ม ๆ มิต่างจาก เลือดวีรชนในสนามรบจริง ๆ แต่นี่ไม่ใช่เลือดทหารไทยยุคขลาดตาขาว แต่เป็นเลือดของประชาชนไทย ผู้ประกอบวีรกรรมยิ่งกว่าวีรกรรมในสนามรบ)
.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ของประเทศไทย ภาพล่าสุด หลังเสื้อแดงล้านนัดหมายชุมนุมขับไล่ ภาพนี้ถ่ายจากจอโทรทัศน์ขณะเขาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน วันที่ 12 มี.ค.2553 จะเห็นใบหน้ายาว แก้มตอบลึก คางแหลม และตาเข ปากจู๋ ซึ่งเป็นโหงเฮ้งที่เสียหายอย่างที่สุดของเขา
เวลา 20.20 น. 14 มี.ค.2553 นายจตุพร พรมพันธ์ ได้นำคลิปเสียงสั่งฆ่าประชาชนและสั่งปิดดีสเตชั่น กรณี 13 เม.ย.2552 อีกครั้งหนึ่ง แสดงถึงความอำมะหิตของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อระวังการชุมนุมครั้งนี้ อาจจะพบแผนการปราบปรามอย่างรุนแรงเฉกเช่นนั้น และเตือนระลึกว่า ประชาชนต้องเอาฆาตกรอำมะหิตคนนี้มาลงโทษให้จงได้
และนี่คือความเห็นที่น่ารับฟังที่สุดที่ล่าสุดว่า ......