แม่วอนให้จิ๋ว-ทักษิณช่วยร้องขออภัยโทษ!ซัด 'คำรบ' เป็นต้นเหตุ 'บัวแก้ว' เร่งทำทุกทาง
ศาลกัมพูชาสั่งจำคุก 7 ปี "ศิวรักษ์ ชุติพงษ์" วิศวกรไทย ข้อหาทำผิดเป็นสายลับจัดส่งข้อมูลตารางการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชา "สิมารักษ์" วอน "จิ๋ว-แม้ว-เพื่อไทย" ช่วยลูกชาย เตรียมทำเรื่องขออภัยโทษไม่คิดอุทธรณ์ เปิดใจจวกแหลก "คำรบ" ต้นเหตุทำลูกชายรับกรรม จี้ออกมาปรากฏตัวแสดงความรับผิดชอบ "ชวนนท์" ยันพร้อมทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษให้ "ศิวรักษ์" อ้างกระทรวงการต่างประเทศพยายามช่วยเต็มความสามารถ
ภายหลังจากทางการกัมพูชาจับนายศิวรักษ์ ชุติ-พงษ์ วิศวกรไทย ในข้อหาจารกรรมข้อมูลลับ ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นเกมการเมืองในไทยระหว่างรัฐบาลกับพรรคฝ่ายค้าน ที่ต่างอ้างว่าพยายามช่วยเหลือนายศิวรักษ์อย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายนายศิวรักษ์ก็ถูกศาลกัมพูชาสั่งจำคุก 7 ปี ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. เวลา 17.00 น. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงพนมเปญ เปิดเผยว่า นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ ชาวไทย วัย 31 ปี พนักงานบริษัทควบคุมการจราจรทางอากาศ "กัมพูชา แอร์ ทราฟฟิก เซอร์วิส" สำนักงานในกรุงพนมเปญ ถูกผู้พิพากษาศาลกัมพูชาตัดสินจำคุก 7 ปี ปรับเงินอีก 10 ล้านเรียล หรือราว 8.5 หมื่นบาท จากความผิดข้อกล่าวหาสายลับจัดส่งข้อมูลตารางการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระหว่างเดินทางเยือนกัมพูชาเมื่อเดือนที่แล้ว นำส่งให้กับสถานเอกอัครราชทูตไทยในกัมพูชา โดยนายศิวรักษ์ถูกตำรวจกัมพูชาจับควบคุมตัวดำเนินคดีตั้งแต่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานถึงกระบวนการพิจารณาคดีนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ ภายในศาลแขวงกรุงพนมเปญ อ้างคำพูดของผู้พิพากษาเข สากาน ระบุถึงข้อมูลตารางการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเดินทางโดยเครื่องบินส่วนตัวมาจากนครมุมไบของอินเดียผ่านน่านฟ้าประเทศไทยนานราว 1 ชั่วโมง สู่กรุงพนมเปญเมื่อช่วงเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ถือเป็นข้อมูลลับและสำคัญของรัฐบาลกัมพูชา เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวอาจส่งผลถึงอันตรายต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งคือบุคคลสำคัญของรัฐบาลกัมพูชา เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณคือที่ปรึกษาคนหนึ่งของรัฐบาลกัมพูชา ดังนั้น รัฐบาลกัมพูชาจำเป็นต้องจัดหามาตรการรักษาความปลอดภัยให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างเหมาะสม การตัดสินโทษจำคุกนายศิวรักษ์เป็นเวลา 7 ปี ปรับเงินอีก 10 ล้านเรียล ถือเป็นโทษต่ำที่สุดแล้วสำหรับคดีความผิดข้อหาสายลับ ซึ่งต้องมีโทษจำคุกสูงสุดระหว่าง 7-15 ปี
ส่วนนายศิวรักษ์ได้ให้การต่อศาลกัมพูชา ปฏิเสธข้อหาขโมยข้อมูลตารางการบินของ พ.ต.ท.ทักษิณส่งให้ สถานเอกอัครราชทูตไทยในกัมพูชา โดยระบุว่าตนโทรศัพท์ ถึงนายคำรบ ปาลวัฒน์วิชัย เลขานุการเอกของสถานทูตไทยในกัมพูชาบอกเพียงว่าเป็นความจริงที่มีเครื่องบินส่วนตัวลำหนึ่งร่อนลงจอดที่สนามบินในกรุงพนมเปญ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวไม่ใช่ความลับอะไร และตนก็ไม่รู้ด้วยว่าใครโดยสารมากับเครื่องบินส่วนตัวลำนั้น นอกจากนั้น ตนก็ไม่ได้ส่งเอกสารหรือส่งสำเนาตารางการบินใดๆให้ แก่ใครด้วย อย่างไรก็ตาม พยานบุคคล ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทกัมพูชา แอร์ ทราฟฟิก เซอร์วิส อีก 2 คน ได้ให้การต่อศาลระบุนายศิวรักษ์ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 คนถึงตารางการบินของเครื่องบินส่วนตัวลำดังกล่าว
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 17.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวภายหลังทราบผลการตัดสินของศาลกัมพูชาคดีของนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทย โดยนางสิมารักษ์ ณ นครพนม ได้โฟนอินมาร่วมแถลงข่าวกับนายพร้อมพงศ์ด้วย
นางสิมารักษ์กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้ จากนี้ไปคงไม่มีที่พึ่งไหนอีกแล้ว อยากขอความช่วยเหลือจาก พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และพรรคเพื่อไทย ช่วยลูกชายให้ได้รับอิสรภาพ โดยการขอ พระราชทานอภัยโทษให้
นายพร้อมพงศ์จึงกล่าวว่า ขอให้นางสิมารักษ์คัดสำเนาคำพิพากษาส่งมาให้พรรคเพื่อไทย เพื่อนำมาหารือกับฝ่ายกฎหมาย พล.อ.ชวลิต และนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ
นางสิมารักษ์กล่าวว่า ได้คุยกับทนายความแล้วว่าจะทำสำเนาได้ในวันที่ 9 ธ.ค. ขอฝากเรียน พล.อ.ชวลิตอีกครั้งให้ช่วยตนและลูกด้วย เพราะสภาพจิตใจของตนตอนนี้สุดๆแล้ว ยิ่งเห็นลูกถูกพันธนาการ น้ำตามันกลั้นไม่อยู่ ทุกคนคงได้ยินคำพิพากษาแล้ว สื่อมวลชนคงได้ฟังด้วย นายศิวรักษ์พูดอย่างหมดเปลือกสิ่งที่อดกลั้นมานานและไม่เคยปริปากพูดหรือขอร้อง วันนี้เมื่อทุกคนทราบข้อเท็จจริงแล้ว อยากฝากถามนายคำรบ ปาล-วัฒน์วิชัย เลขานุการเอกประจำสถานทูตไทยในกัมพูชาเวลานี้อยู่ที่ไหน ถ้าไม่โทรศัพท์มาหาลูกชาย ก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพอย่างนี้ ขอให้ออกมารับผิดชอบด้วย ตนไม่เคยพูดว่าใครเป็นต้นเหตุให้ลูกต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ แต่วันนี้ลูกอยู่ในสภาพถูกใส่กุญแจมือ ตนรับไม่ได้ ทำใจไม่ได้จริงๆ
"ศิวรักษ์เป็นผู้บริสุทธิ์ จะให้เขารับผิดชอบแทนท่านหรือคะ คุณคำรบออกมาแสดงความรับผิดชอบสักหน่อย น้องเขาอยู่ที่เรือนจำเกือบ 30 วันแล้ว ถ้าใครมาเห็นสภาพตอนนี้ แม้แต่แม่เองก็ยังทนไม่ไหว" นางสิมารักษ์กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทนายความจะยื่นขอพระราชทานอภัยโทษทันทีเลยหรือไม่ นางสิมารักษ์ตอบว่า ยังไม่คุยรายละเอียด แต่อยากให้ทุกฝ่ายให้ความช่วยเหลือ เบื้องต้นจะไม่ยื่นอุทธรณ์ คดีจะได้ไม่ยืดเยื้อออกไปอีก เมื่อถามว่า กระทรวงการต่างประเทศก็จะยื่นขอพระราชทานอภัยโทษให้ด้วยเช่นกัน นางสิมารักษ์ตอบว่า จะหารือกับทนายก่อน เพราะเวลานี้ฝากความหวังไว้ที่ทนาย พล.อ.ชวลิต พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ขณะนี้มีความขัดแย้งมาก ไม่อยากให้ใช้นายศิวรักษ์มาเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งทางการเมือง เราเป็นคนไทยด้วยกันช่วยกันดีกว่า อยากให้สงสารครอบครัวตนด้วย เมื่อถามว่า กระทรวงการต่างประเทศไม่สามารถช่วยเหลือได้ใช่หรือไม่ นางสิมารักษ์ตอบว่า ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศมีความขัดแย้งกับประเทศกัมพูชา เกรงว่าจะเป็นอุปสรรคส่วนหนึ่ง อาจทำให้เกิดความล่าช้าได้ ตนคำนึงถึงอิสรภาพของลูกก่อนอื่น เพราะคนที่มีปัญหากันแล้วไปเจรจากัน โอกาสที่จะได้คุยกันก็คงลำบาก
นายพร้อมพงศ์กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้มีการประชุมคณะยุทธศาสตร์และการเมืองของพรรค มีการนำเรื่องนี้มาหารือ ยืนยันจะให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมอย่างเต็มที่ และยืนยันว่าจะไม่แทรกแซงกิจการภายในของกัมพูชา เคารพการตัดสินของกัมพูชา แต่จะขอความอนุเคราะห์จากสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ให้ขอพระราชทานอภัยโทษให้ ทั้งนี้ ขอกราบวิงวอนนักการเมืองไม่ว่าจะเป็นขั้วไหน อย่านำความช่วยเหลือตรงนี้ไปบิดเบือนเป็นประเด็นการเมือง จากนี้จะรอสำเนาคำพิพากษาของศาลเพื่อมาหารือกับฝ่ายกฎหมาย พล.อ. ชวลิต และนายนพดลต่อไป
นายพร้อมพงศ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้นางสิมา-รักษ์ยังบอกตนว่า หากกระทรวงการต่างประเทศอยากช่วยเหลือ ก็ขอให้อยู่นิ่งๆ รวมทั้งนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ ก็ขอให้อยู่นิ่งๆ และตอนนี้นางสิมารักษ์ก็ไม่ขอพักในสถานทูตที่ทางกระทรวงการต่างประเทศจัดให้ โดยไปเปิดโรงแรมพักเอง
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 17.05 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ กล่าวภายหลังรับทราบผลการพิจารณาคดีของศาลกัมพูชาว่า ผลการพิจารณาคดีโดยศาลกัมพูชาตัดสินจำคุกนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรไทย 7 ปี และปรับเงินคิดเป็นเงินไทยประมาณ 8 หมื่นบาท กรณีนี้รัฐบาลมีแนวทาง 2 แนวทาง ซึ่งต้องรอดูครอบครัวและนายศิวรักษ์จะตัดสินใจอย่างไร ระหว่างข้อแรก คือ ยื่นอุทธรณ์ ก็จะต่อสู้ในชั้นศาลอุทธรณ์ตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งต้องดำเนินการภายใน 30 วัน และข้อสองคือหากไม่ยื่นอุทธรณ์ คือการยอมรับคำตัดสินและรับโทษตามที่ศาลได้ตัดสิน รัฐบาลไทยจะยื่นขอพระราชทานอภัยโทษให้กับนายศิวรักษ์ในทันที เพื่อช่วยเหลือให้กลับมาประเทศไทยได้ ซึ่งสองเรื่องนี้รัฐบาลจะดำเนินการทันที หลังจากที่ครอบครัวตัดสินใจ ทั้งนี้ หากจะขอพระราชทานอภัยโทษจะดำเนินการให้เร็วที่สุด แต่ยังไม่สามารถตอบเรื่องระยะเวลาที่ชัดเจนในขณะนี้ได้
เมื่อถามว่า การขอพระราชทานอภัยโทษเป็นเรื่องที่ซ้ำซ้อนกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายชวนนท์ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องซ้ำซ้อน แต่เป็นแนวทางการช่วยเหลือหากมีช่องที่รัฐบาลช่วยเหลือได้ก็ทำทุกทาง เมื่อถามอีกว่า แต่กระทรวงการต่างประเทศไม่เคยพูดถึงท่าทีนี้ มาก่อน นายชวนนท์กล่าวว่า หากศาลยังไม่ตัดสินเราก็ไม่สามารถคาดเดาได้ และตนย้ำเสมอว่า ต้องรอคำตัดสินของศาลก่อน กระทรวงก็เตรียมพร้อมเสมอไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร เราก็มีแนวทางช่วยเหลือนายศิวรักษ์อยู่แล้ว ส่วนหากทางพรรคเพื่อไทยจะยื่นขอพระ ราชทานอภัยโทษอีกทางก็เป็นสิทธิ ประเด็นอยู่ที่ว่าเราดำเนินการในส่วนของเรา ถึงตอนนั้นเราก็ยื่นไปตามช่องทางกระบวนการที่ถูกต้อง ผลจะออกมาอย่างไรก็ต้องยอมรับ ไม่ได้กังวลกับการยื่นขอของพรรคเพื่อไทย และไม่คิดว่าช้าไปกว่าพรรคเพื่อไทย เพราะศาลตัดสินแล้ว เราก็ดำเนินการทันที อย่างไรก็ตาม ตนขอไม่ก้าวล่วงถึงผลคำพิพากษาของศาลกัมพูชา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความผิดของนายศิวรักษ์ครั้งนี้จะมีเจ้าหน้าที่ของไทยคนอื่นเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ นายชวนนท์กล่าวว่า ศาลตัดสินว่านายศิวรักษ์มีความผิดคนเดียว ยังไม่ได้พูดถึงคนอื่น เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหามีนายศิวรักษ์คนเดียว คนอื่นไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ส่วนข้อเท็จจริงในมูลความผิด นายชวนนท์กล่าวว่า เท่าที่รับทราบคร่าวๆ เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจให้กัมพูชา ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลสำคัญของรัฐบาลกัมพูชา ดังนั้น การไปสอบถามข้อมูลตารางการบินว่าเครื่องบินลงหรือยังไม่ลง กลายเป็นความผิดฉกรรจ์ในกัมพูชา รับโทษถึง 7 ปี เมื่อถามอีกว่าคำพิพากษาเป็นไปตามที่คาดหมายไว้หรือไม่ นายชวนนท์ กล่าวว่า นายศิวรักษ์ยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง เราก็พยายามจะชี้แจง ต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมอย่างเต็มความสามารถ แต่เมื่อผลออกมาเราก็ยอมรับ
สำหรับความรู้สึกของนางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดานายศิวรักษ์นั้น นายชวนนท์กล่าวว่า ก็แน่นอนว่าคนเป็นแม่ก็คงอยู่ในสภาพตกอกตกใจ เราก็พูดคุยให้ ทราบถึง 2 แนวทาง ซึ่งทางนางสิมารักษ์ก็คงได้ปรึกษากับทนายความและนายศิวรักษ์ว่าจะดำเนินการอย่างไร เราไม่ควรเข้าไปชี้นำ เมื่อถามว่าการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ โดยปกติใครจะเป็นผู้ยื่นขอ เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ตามปกติก็จะมีเจ้าตัว ญาติพี่น้อง และรัฐบาลที่สามารถดำเนินการได้ ส่วนประธานพรรคเพื่อไทยจะยื่นขอได้หรือไม่นั้น ก็ต้องตรวจสอบกฎหมายกัมพูชาต่อไป ตนคิดว่ายื่นโดยใครไม่ใช่สาระหลัก เพราะจะมีการดำเนินการแน่นอน
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 18.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่ศาลของกัมพูชาพิพากษาคดีของนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทยให้จำคุก 7 ปี และปรับ 1 แสนบาทว่า ตนไม่อยากวิจารณ์ เพราะระบบศาลเป็นคนละระบบกับบ้านเรา ผู้สื่อข่าวถามว่า ล่าสุดแม่ของนายศิวรักษ์ระบุว่า จะไม่ขออุทธรณ์ แต่จะขอพึ่งให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้ช่วยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวมาช่วยลูกชาย นายชวน ตอบว่า ไม่ทราบ แต่อันนี้เขาก็พูดออกมาก่อนไม่ใช่หรือว่าจะถวายฎีกา เหมือนรู้คำพิพากษามาก่อน ซึ่งตนไม่ทราบว่า จริงๆแล้วมันเป็นอย่างไร ต้องไปดูรายละเอียด รู้ก็ตามข่าวที่ออกมา มี 2-3 คนที่ออกมาพูดเรื่องนี้ ก็ยังแปลกใจว่า เอ๊ะศาลท่านยังไม่พิจารณาเลย หรือเขาเผื่อไว้ก่อนก็ไม่แน่ใจก็ไม่ทราบ ทั้งหมดต้องไปดูขั้นตอนกระบวนการพิจารณาของศาลทางโน้นว่าเป็นอย่างไร
เมื่อถามต่อว่า ทางพรรคเพื่อไทยได้มีการร่างหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษไว้ให้นายศิวรักษ์ ในขณะที่กระทรวงการต่างประเทศยังไม่มีการดำเนินการอะไรเลย นายชวนตอบว่า ก็นั่นสิ ก็ได้ยินมาก่อนแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าเรื่องเป็นอย่างไร ปัญหาอยู่ที่ผู้ต้องหาด้วยว่า ต้องการที่จะสู้ให้พ้นผิด หรือสู้เพื่อให้พ้นโทษ หมายถึงว่าถ้าจะขอพระราชทานอภัยโทษ กฎหมายของกัมพูชาก็ทำได้ ก็ว่าไปตามกฎหมาย แต่นั่นหมายความว่าความผิดได้เกิดขึ้นแล้ว แต่ถ้าต้องการพิสูจน์ว่าไม่ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหา ก็แสดงว่าคดียังไม่ถึงที่สุด ก็มีสิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงไปอีก ศาลท่านอาจตัดสินยืนหรือกลับคำ พิพากษาก็ได้ แต่กรณีอย่างนี้ถ้าไม่อุทธรณ์ก็แสดงว่ายอมรับผิด ก็ถือว่าผิด ส่วนการอภัยโทษก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ก็อยู่ที่ผู้ที่ตกเป็นจำเลยด้วยว่า ต้องการอย่างไร เพราะเป็นเรื่องที่แม่ของนายศิวรักษ์จะตั้งทนายความเอง ก็คงต้องให้ฝ่ายจำเลยเป็นผู้พิจารณาว่าจะสู้ต่อหรือไม่สู้ ส่วนกระทรวงการต่างประเทศ ตนเห็นว่าทำได้ดีและพยายามช่วยทุกอย่าง โดยไม่ต้องสนใจว่าใครจะทำอย่างไร รัฐบาลไม่ต้องสนใจ ขอให้ทำตามหน้าที่ในการช่วยคนไทย ให้พ้นจากความผิด หมายถึงว่าถ้าเชื่อว่าคนของเราไม่มีความผิด ก็ต้องใช้ทุกวิถีทางให้คนของเราพ้นผิดตามกระบวนการตามกฎหมายของเขา แม้จะเป็นเรื่องที่จะต้องใช้งบประมาณค่าใช้จ่ายบ้างก็เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำ