ศาลอาญาพิพากษาจำคุก "สนธิ ลิ้มทองกุล" แกนนำใหญ่พันธมิตรฯ 2 ปีไม่รอลงอาญา คดีหมิ่นประมาท "หม่อมอุ๋ย" ในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ระบุกระทำผิดลักษณะเดียวกันหลายครั้งแล้วแต่ไม่หลาบจำ..
เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ศาลอาญามีคำพิพากษาจำคุก นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นเวลา 2 ปี ในคดีหมิ่นประมาท ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กรณีกล่าวหมิ่นประมาทในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2550 ว่าโจทก์ล้างมลทินให้แก่กลุ่มอำนาจเก่า ปล่อยให้มีการออกสลากหวยบนดิน และปกป้องนายศิโรตม์ สวัสดิพาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร ที่ไม่ตรวจสอบการขายหุ้นบริษัทแอมเพิล ริช ให้แก่กลุ่มเทมาเส็ก ประเทศสิงคโปร์
โดยศาลเห็นว่าที่นายสนธิ อ้างว่ากระทำการด้วยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรมในฐานะสื่อมวลชนนั้น เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการหมิ่นประมาทเป็นการตั้งคำถามในเชิงกล่าวร้าย มิได้กระทำการด้วยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรมตามที่กล่าวอ้าง ขณะที่บริษัทไทยเดย์ดอทคอม และนายขุนทอง ลอเสรีวานิช บรรณธิการหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ มีความผิดร่วมด้วย
ดังนั้น พิพากษาว่า นายสนธิ มีความผิดหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา 328 จำเลยกระทำผิดในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วหลายครั้งแต่ไม่หลาบจำ อาศัยความรอบรู้ในฐานะสื่อมวลชน ให้ความเห็นโดยไม่เหมาะสม เห็นควรกำนหนดโทษให้เหมาะสมกับความผิด ให้ลงโทษจำคุกนายสนธิ 2 ปี โดยไม่รอการลงโทษ นอกจากนี้ให้ลงโทษปรับบริษัทไทยเดย์ดอทคอม จำนวน 200,000 บาท และลงโทษจำคุก นายขุนทอง เป็นเวลา 1 ปี ปรับ 30,000 บาท แต่โทษจำคุกให้รอการลงโทษ 2 ปี ให้ลงคำขอขมาโจทก์ในหนังสือพิมพ์ มติชน ไทยรัฐ เดลินิวส์ และผู้จัดการ เป็นเวลา 5 วันติดต่อกัน โดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย และให้ยกฟ้อง บริษัทแมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป

นายสนธิ ลิ้มทองกุล
ศาลอุทธรณ์ แก้โทษจำคุก 'สนธิ ลิ้มทองกุล' หมิ่น 'ภูมิธรรม' อดีต รมช.คมนาคม จาก 2 ปี เป็น 6 เดือน ไม่รอลงอาญา เจ้าตัว ไม่ยี่หระจะโดนกี่คดี ลั่นวันที่เดินเข้าคุกจะเป็นเกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ ...
ที่ห้องพิจารณาคดี 913 ศาลอาญา เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (11 ก.ย.) ศาลอ่านคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ในคดีที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีต รมช.คมนาคม และ รองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง บริษัทไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล นายพชร สมุทวณิช นายขุนทอง ลอเสรีวณิช นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริษัทแมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป นายสุวัฒน์ ทองธนากุล นายมรุชัช รัตนปรารมย์ นายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ และ นายวิรัตน์ แสงทองคำ เป็นจำเลยที่ 1- 10 ในความผิด ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ย.48 นายสนธิ จำเลยที่ 5 และ น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ ร่วมกันจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 10 ที่วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี มีเนื้อหาหมิ่นประมาทโจทก์ นอกจากนี้ยังเป็นผู้ให้การสนับสนุนเงินในการทำเว็บไซต์แห่งหนึ่งที่มีเนื้อหาจาบจ้วง โดยเผยแพร่ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ เอเอสทีวี นิวส์ 1 ของจำเลยที่ 1 และ เผยแพร่เป็นซีดี รวมทั้งตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ฉบับวันที่ 26-27 พ.ย. 48 และเว็บไซต์ ผู้จัดการออนไลน์ คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำคุก นายสนธิ จำเลยที่ 5 เป็นเวลา 2 ปี ไม่รอการลงโทษ และสั่งปรับ บริษัทไทยเดย์ ด็อท คอม จำเลยที่ 1 จำนวน 200,000 บาท ส่วนจำเลยอื่นให้ยกฟ้อง
ต่อมาโจทก์ และ จำเลยที่ 1 และ 5 ยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยที่ 5 ผิดตามฟ้อง แต่โทษที่ศาลชั้นต้นลงโทษไว้มีอัตราสูงเกินไป จึงเห็นควรให้แก้โทษจำคุกของจำเลยที่ 5 พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และ 5 มีความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ลงโทษปรับจำเลยที่ 1 จำนวน 200,000 บาท และให้แก้โทษจำคุกจำเลยที่ 5 เป็นเวลา 6 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ ส่วนจำเลยอื่นให้ยกฟ้อง
จากนั้น นายสนธิ ให้สัมภาษณ์หลังประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 200,000 บาท ว่า พร้อมจะยอมเข้าคุก โดยจะยื่นฎีกา ตามข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้น เกิดในช่วงที่สู้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องสู้ทุกรูปแบบ และไม่กลัวที่จะถูกฟ้อง หากกลัวก็สู้ไม่ได้ ตนสู้เพื่อชาติบ้านเมือง ไม่ยี่หระ ว่าจะมีกี่คดี จะสู้ให้เห็นว่าศาลยุติธรรมมีความศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้สู้เพื่อตัวเอง แต่ทำเพื่อบ้านเมือง วันที่เดินเข้าคุกจะเป็นเกียรติยศที่ยิ่งใหญ่
นอกจากนี้ นายสนธิ กล่าวถึงกรณีปาระเบิดบ้านนายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า เรื่องนี้คนมีสีน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง และขอประณามกลุ่มผู้ก่อเหตุ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นบทพิสูจน์ว่าประชาชนต้องพึ่งพาการทำงานขององค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช. ในการอำนวยความยุติธรรม นายวิชา เป็นบุคคลที่มีจริยธรรม ซื่อสัตย์ สุจริต มุ่งมั่นทำงานเพื่อชาติ บ้านเมือง แม้จะถูกข่มขู่ก็ไม่ยอมหยุดทำหน้าที่เพื่อชาติ