บันทึกเรื่องไฟไหม้-ฝนตกในวัดพระโต

ครั้งที่ 1 ไฟไหม้บ้านนายเตีย ๆ เป็นผู้มีอิทธิพลมาตั้งบ้านอยู่ในวัดมหาพุทธาราม หลายปีมาแล้ว แล้วเอาลูกเมียมาอยู่ด้วย นายเตียเป็นคนจีน คุ้นเคยกับเจ้าคุณพระเทพวรมุนีมาก อายุมากกว่าเจ้าคุณ ๆ นับถือว่าเป็นผู้รอบรู้ทรงธรรมปัญญาดีและที่สำคัญชอบทำบุญกับท่านเจ้าคุณ่อย ๆ เจ้าคุณเรียกหาเมื่อไรก็มา ไม่เคยขัด จึงปลูกบ้านไม้สองชั้นอยู่ในวัดพร ะโตมาได้นาน (บริเวณหน้าตึกพุทธานุภาพปัจจุบัน) ตราบจนกระทั่งพระเทพวรมุนีมรณภาพ ในปี 2540 พระครูวีรเขตคณารักษ์ เจ้าคณะอำเภอขุนหาญ เข้ามาเป็นเจ้าอาวาสรูปต่อไป คืนวันหนึ่งเกิดไฟไหม้ บ้านนายเตีย เวลาไม่ดึกนัก ประมาณ 3 ทุ่มเศษ ๆไฟไหม้บ้านนายเตีย ลุกพลุ่งโพลง ควันโขมง พระเณรแตกตื่นกันทั้งวัด ต่างหาน้ำมาสาดดับไฟ ที่วิ่งไปหาโทรศัพท์จะโทรบอกตำรวจดับเพลิงก็จ้าละหวั่นเพราะหาโทรศัพท์ไม่เจอ แต่ในขณะนั้นพระครูวีรเขต เจ้าอาวาสกลับมายืนดูไฟไหม้อย่างสบายใจ ท่านบอกว่าไม่เป้นไรหรอกเดี๋ยวก็ดับลงเอง และก็จริงอย่างท่านว่า เมื่อไฟไหม้บ้านไปทั้งหลัง ท่านบอกทีหลังว่า เทวดาช่วยท่านจึงให้เกิดไฟไหม้ เพราะไม่ทราบจะบอกอย่างไร จะทำอย่างไรจึงจะให้นายเตียหนีไปเสียจากวัด เหตุการณ์นี้ได้ทำให้นายเตียต้องออกจากวัดพระโตไป ทำให้วัดเป็นวัดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

ครั้งที่ 2 ไฟไหม้โบสถ์ เกิดในสมัยพระครูศาสนกิจวิธาน เป็นเจ้าอาวาสต่อจากพระครูวีรเขตคณารักษ์ กลางพรรษาปี พ.ศ. 2544 ภายหลังทำวัตรเย็นแล้วไม่ได้ดับเทียนใหญ่ ที่จุดบูชาในหน้าเข้าพรรษา ไฟไหม้อยู่ทั้งคืน แต่ไม่ได้ลุกโชน เป็นเพราะเทียนล้มลงมา น้ำตาเทียนไหลไปตามพรมใหญ่ที่ปูพื้นโบสถ์ จนรุ่งเช้าจึงพบควันลอดออกมา ก็โวยวายกันขึ้น

เรื่องฝนตกห่าใหญ่
ทั้งสองเรื่องนี้ชวนให้คนคิดว่ามีเทวดาช่วย เหมือนกรณีเดือนเมษายน พ.ศ.2552 ฝนได้ตกลงมาขนาดใหญ่ในคืนวันหนึ่ง ซึ่งเป็นการเทลงมาอย่างมากมายเหมือนฟ้ารั่ว ขณะนั้นเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันคือเจ้าคุณพระศรีธรรมนาถมุนี ได้ให้รื้อหลังคาพระวิหารหลวงพ่อโตเพื่อบูรณะหลังคาใหม่ ทั้งหลัง แล้วพบว่าหลังคาสกปรกมาก เนื่องเพราะมีค้างคาวมาอาศัยอยู่นับล้านตัวถ่ายมูลสะสมเอาไว้ จนคิดลำบากใจว่าจะชำระหลังคาที่สกปรกอย่างไร เจ้าคุณเจ้าอาวาสท่านก็กำลังลำบากใจอยู่พอดี ฝนก็ตกลงมาชะมูลค้างคาวและของสกปรกในหลังคาพระมหาวิหารที่สะสมต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2490 ปีที่สร้างพระวิหารนี้ ท่านเปรยออกมากับเพื่อนเถรานุเถระผู้เป็นสหธรรมิกว่า เทวดาช่วยขนน้ำมาชำระให้พอดี เป็นบุญบารมีอยู่เหมือนกัน
กรณีล้างหลังคาพระมหาวิหารนี้ น่าชื่นชมทีเดียว

หมายเหตุ ภาพที่ประกอบเรื่องทั้งหมด ได้ทำการถ่ายบันทึกไว้เมื่อ 5 มิ.ย.2552 ขณะที่การซ่อมหลังคาพระมหาวิหารยังไม่แล้วเสร็จ
พระพยับ ปญฺญาธโร บันทึก
5 มิ.ย. 2552
บันทึกความฝัน
เมื่อพระครูวีรเขตคณารักษ์ และพระครูศาสนกิจวิธาน มาเป็นเจ้าอาวาสวัดมหาพุทธาราม และมรณภาพ

พระครูวีรเขตคณารักษ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดมหาพุทธาราม และ รองเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ

พระครูศาสนกิจวิธาน อดีตเจ้าอาวาสวัดมหาพุทธาราม และเจ้าคณะตำบลเมืองเหนือ
ข้าพเจ้าฝันว่าได้เห็นพระครูวีรเขตคณารักษ์ เจ้าอาวาสและรองเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ เปลือยท่อนบน ท่อนล่างนุ่งผ้าเตี่ยว หาบเอากระจาดใหญ่ แบบชาวจีนขายลูกเป็ดใช้หาบลูกเป็นไปขายนั่นแหละ เพียงแต่สิ่งที่ท่านหาบเอาไปนั้น คือในกระจาดใหญ่นั้นเต็มไปด้วยถ่าน เป็นถ่านไม้สำหรับทำไฟเตาหุงหาอาหารนั่นเอง เป็นท่อนยาว ๆ เรียงเต็มตะกร้าทั้งสองข้าง คงจะหนักเพราะเห็นท่านหาบไปเดินโซเซไปมา ท่านหาบผ่านหน้ากุฎีของข้าพเจ้าไป มองตามหลังด้วยความสงสัยว่า ท่านหาบถ่านมาจากไหน จะเอาไปทำอะไร ไม่นานท่านก็อาพาธหนักและถึงแก่มรณภาพ ที่วัด ที่อำเภอขุนหาญ ท่านเป็นเจ้าอาวาสไม่ถึง 3 ปี รูปต่อมาคือพระครูศาสนกิจวิธาน ก็เป้ฯเจ้าอาวาสได้เพียงปีเศษ ๆ ก็มรณภาพ ตอนที่พระครูศาสนกิจวิธานจะมรณภาพ ข้าพเจ้าได้ฝันว่าได้นอนอยู่ในห้อง ๆ หนึ่งมืดทึบเห็นอะไร ๆ วอมแวม แล้วไม่นานก็ค่อยสว่างสลัวขึ้น พอมองเห็นก็พบว่าตนนอนอยู่กลางศพหลายศพ เห็นมือยื่นออกมาบวมฉุจากโลงก็มี ดูเหมือนอยู่ท่ามกลางศพที่เกลื่อนอยู่รอบ ๆ ตัว ก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา ไม่นานท่านพระครูก็ป่วยมรณภาพไป ท่านผู้นี้เป้นเจ้าอาวาสอยู่ได้ไม่นาน ปีเศษเท่านั้นเอง
พระร.อ.พยับ ปญฺญาธโร
บันทึกเมื่อ 5 มิ.ย. 2552