ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (23 มี.ค.) นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางไปเป็นประธานในการประชุมมอบนโยบายให้กับกำนันและผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ณ ห้องประชุมอาคารสมเด็จย่า มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย โดยมีกำนันผู้ใหญ่บ้านจาก 17 จังหวัดภาคเหนือ จำนวน 1,800 คน เข้าร่วมประชุม ส่วนกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่นำโดย น.ส.จีรนันท์ จันทร์วงศ์ แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย จ.เชียงราย จำนวนประมาณ 20 คน นำรถยนต์กระจายเสียงไปจอด พร้อมถือป้ายกระดาษเขียนข้อความโจมตีรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย บริเวณประตูทางเข้ามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ต.ท่าสุด อ.เมืองเชียงราย

ขณะเดียวกัน นายสุเมธ แสงนิ่มนวล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย และ พล.ต.ต.ทรงธรรม อัชภาชน์ ผบก.ภ.เชียงราย ได้เตรียมกำลังตำรวจปราบจลาจล พร้อมโล่และกระบอง เจ้าหน้าที่ อส. เชียงราย และกำลังตำรวจบ้านจำนวนกว่า 500 คน วางกำลังสองฟากถนนทางเข้าเพื่อป้องกันกลุ่มเสื้อแดงใช้ความรุนแรงปาไข่ ปาสิ่งของใส่ขบวนรถ แต่เหตุการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถสกัดไม่ให้กลุ่มเสื้อแดงเดินข้ามถนนไปอีกฟากได้ ทำได้เพียงแต่ใช้ตีนตบไล่และตะโกนด่าทางเครื่องขยายเสียงดังลั่น สร้างความไม่พอใจกับกลุ่มเสื้อแดงโดยเฉพาะ นงศงจีรนันท์ ได้กล่าวโจมตีที่มีการขนเจ้าหน้าที่ตำรวจจลาจลพร้อมโล่กับกระบอง เจ้าหน้าที่ อส. และตำรวจบ้านกว่า 500 คน มาคอยคุ้มกันนายบุญจง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาขบวนรถของนายบุญงจง สามารถเข้าไปยังอาคารสมเด็จย่า สถานที่ประชุมได้อย่างปลอดภัย ซึ่งการเดินทางมาครั้งนี้ มีนายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคไทยรักไทย และเคยเป็นผู้ให้การสนับสนุนพรรคพลังประชาชน นายมณฑล สุทธาธนโชติ หรือ นายมงคล จงสุทธนามณี อดีต ส.ส.เชียงราย หลายสมัยและเป็นคู่แข่งคนสำคัญกับกลุ่มการเมืองของขั้วพรรคเพื่อไทยเดินทางมาด้วย โดยมีนายอินหวัน บั้งเงิน กำนัน ต.แม่ข้าวต้ม อ.เมือง จ.เชียงราย ในฐานะประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน 17 จังหวัดภาคเหนือ นำกำนัน และผู้ใหญ่บ้านเข้าร่วมประชุมรับมอบนโยบาย โดยมีนายสุเมธ แสงนิ่มนวล ผวจ.เชียงราย และนางรัตนา จงสุทธนามณี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย กล่าวรายงาน

นายบุญจง กล่าวว่า ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีแต่ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง และส่งผลทำให้ชาวบ้าน ประสบกับปัญหาโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจอย่างหนัก ดังนั้นรัฐบาลที่นำโดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จึงมุ่งจะพัฒนาพลิกฟื้นประเทศด้วยการหยุดเรื่องการเมืองเอาไว้ก่อน และหันมา กระตุ้นเศรษฐกิจ โดยโครงการแรกการให้เช็คเงินสดแก่ผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 15,000 บาท ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.นี้เป็นต้นไป ซึ่งบรรดากำนันและผู้ใหญ่บ้านก็จะได้รับด้วย โครงการต่อมาคือการดูแลเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุโดยร่วมกับองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น 7,853 แห่งขึ้นทะเบียนผู้สูงอายุไว้แล้วกว่า 3 ล้านคนจากเดิมที่มีตัวเลขเพียง 2.3 ล้านคน เพื่อให้ได้รับเงินยังชีพเดือนละ 500 บาทในตลอดปีงบประมาณ

"นอกจากนี้ในส่วนของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ประมาณ 830,000 คน จะมีค่าตอบแทนเดือนละ 600 บาท ยังมีอีกหลายนโยบายที่จะให้ไหลลงสู่หมู่บ้านต่างๆ ซึ่งยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมจะเดินหน้าต่อ โดยเฉพาะโครงการหมู่บ้านเอสเอ็มแอล ซึ่งไม่ได้มีการยกเลิกแต่อย่างใด แต่อาจจะเปลี่ยนชื่อไปบ้างเป็นหมู่บ้าน เศรษฐกิจพอเพียงในพื้นที่ และนอกจากจะไม่ยกเลิก หรือทำให้งบประมาณน้อยลงแล้วยังเตรียมงบประมาณเพิ่มให้ อีกเป็น 2 เท่าให้แต่ละหมู่บ้านอีกด้วย" นายบุญจง กล่าว