"จตุพร" ชำแหละ "นายกฯ" ตอบแทนพันธมิตร ลดโทษปิดสนามบิน ชี้ ใช้สด.9เท็จ หนีเกณฑ์ทหาร เจ้าตัว ลุกขึ้นโชว์หลักฐานเป็นทหาร
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายต่อจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยได้อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี กรณีแต่งตั้งนายกษิต ภิรมย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งๆ ที่เป็นแนวร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกระทำการบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศอย่างมหาศาล นอกจากนี้ ยังระบุอีกว่า นายอภิสิทธิ์ ได้ปูนบำเหน็จกลุ่มพันธมิตรฯ ด้วยการแก้กฎหมายยึดสนามบิน ลดโทษการยึดสนามบินสุวรรณภูมิจากโทษประหารชีวิต ให้เหลือเพียงเสียค่าปรับ 500 บาท ถึง 10,000 บาท ทั้งที่ผลกระทบการยึดสนามบินที่ตามมาเสียหายหลายหมื่นล้านบาท ดังนั้น ตนจึงไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ นายจตุพร ยังพยายามชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นต้นเหตุทำให้ไทยต้องเสียดินแดนกรณีปราสาทพระวิหาร ให้กับกัมพูชา ไม่ใช่รัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี จากการกองกำลังสุรนารีได้ส่งหนังสือเตือนมายังกระทรวงการต่างประเทศให้ดำเนินการทักท้วง แต่รัฐบาลกลับไม่ดำเนินการอย่างที่ได้เคยกล่าวหารัฐบาลชุดก่อน ทั้งนี้เพราะนายอภิสิทธิ์ต้องการให้ผู้นำประเทศเพื่อนบ้านมาร่วมการประชุมอาเซียนทำให้ไม่กล้าดำเนินการทักท้วง จนเป็นเหตุให้ประเทศต้องเสียดินแดนไป
อย่างไรก็ตาม นายจตุพร ยังได้หยิบยกประเด็นการขึ้นทะเบียนเป็นทหารของนายอภิสิทธิ์ขึ้นมาโจมตีโดยระบุว่าได้รับการช่วยเหลือจากคนมีอำนาจในสมัยนั้นเพื่อไม่ให้ต้องเกณฑ์ทหาร หนีการเกณฑ์ทหาร โดยไม่เข้ารับการตรวจเลือกตั้งแต่ปี 2530 - 2536 จนกระทั่งอายุครบ 29 ปี ไม่ทราบว่า มีผู้ใหญ่ที่สนิทกับอดีตผู้นำคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ(รสช.) คนหนึ่งอาจแนะนำให้นายอภิสิทธิ์ใช้ช่องนี้ขอรับราชการเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อย สอนระดับชั้น ม.1 แต่ปรากฏว่าการที่พลเรือนชายไทย จะเข้ารับราชการในโรงเรียนนายร้อย จะต้องแสดงหลักฐานสำคัญทางการทหาร แต่นายอภิสิทธิ์ไปขอใบสำคัญทางการทหารจากสัสดีใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นหลักฐานเท็จ นายอภิสิทธิ์จึงไม่มีสิทธิ์เข้ารับราชการ
"ผมยังไปจับเลย ขนาดเป็นครูดอยลงมา ลุ้นจะตาย เพราะเรารู้เราเป็นดี 1 ประเภท 1 กะเทยยังไปจับเลย เป็นหน้าที่ของชายไทยในการรับใช้ชาติ แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นใคร จึงไม่ได้ไปใช้สิทธิ์จับใบดำใบแดง" ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าว
"ทุกคนที่เป็นนายกฯ ที่มียศ เขาจะใช้ยศ และจะพูดถึงยศด้วยความภูมิใจ แต่มีท่านคนเดียว สิ่งที่บอกเบื้องลึกของท่าน เพราะการใช้ สด.9 ออกเป็นเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงการแสดง สด.43 เป็นการหลีกเลี่ยงแผลในใจ ท่านจึงไม่ใช้ยศว่าที่ร.ต." นายจตุพร กล่าว
นายกฯโชว์หลักฐานเป็นทหาร
ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นกล่าวชี้แจงหลังจากที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวในการการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ว่า 3 ประเด็นที่พาดพิงมาถึงโดยชี้แจงในประเด็นการปิดสนามบินสุวรรณภูมิที่ระบุว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) พยายามตรากฎหมายที่ผลไปลดโทษผู้ที่ทำผิดกฎหมายก่อนหน้านี้ ยืนยันว่า ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ได้เพิ่มการปกป้องพื้นที่สำคัญ คือ มาตรการฝ่ายบริหาร เช่น การจัดตั้งจุดตรวจ ในพื้นที่เข้าออกสนามบิน ให้อำนาจหน้าที่ส่วนของท่าอากาศยานหรือตำรวจ โดยกำหนดให้เพิ่มอำนาจเจ้าหน้าที่ ซึ่งส่งให้สำนักงานกฤษฎีกาลงรายละเอียด แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร กฎหมายใหม่ จะไม่มีผลต่อกฎหมายเดิม ดังนั้น ถ้าใครทำผิดก็จะผิดเพิ่มถ้ามีกฎหมายใหม่ ไม่ทราบว่าเป็นเพราะท่านไม่เข้าใจหรือต้องการให้คนอื่นเข้าใจผิด
ส่วนเรื่องการหนีทหาร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การรับราชการทหารต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ไม่ได้มีเพียงวิธีเดียว คือ การเกณฑ์ทหาร เชื่อว่าในสภาฯ ก็มีที่ไม่ได้รับการเกณฑ์ ทั้งที่เรียน รด. การรับราชการทหาร ทั้งนี้ ช่วงกลางปี 2529 ได้เดินทางกลับมาจากเรียนจบ ทาง กพ.ก็มีการผ่อนผัน และได้ขึ้นทะเบียนในเดือน ก.ค. 2529 และมีต้นขั้ว ส่วนที่ล่าช้าก็เกิดขึ้นกันหลายคน โดยวันที่กลับมา ก็คิดว่าจะช่วยเหลือชาติ จะรับราชการทหาร จึงมีความคิดสมัคร พร้อมๆ กับความคิดเรื่องการศึกษาต่อด้วย ทางมหาวิทยาลัยเองก็มีความประสงค์ให้กลับไปเรียนต่อ แต่ก็ไม่ได้ละเลยต่อหน้าที่ นอกจากนี้ ช่วงปลายปี 2530-2532 ได้ผ่อนผัน ด้วยเหตุผลว่ามีความต้องการไปศึกษาต่อ ช่วงนี้ผ่อนผันอยู่ก็สมัครเข้าไป ช่วงแรกก็เข้าเป็นเป็น ข้าราชการกลาโหม โดยข้าราชการทหารก็หมายถึงข้าราชการกลาโหมพลเรือนด้วย
และกลางปี 2530 ก็เริ่มรับราชการทหาร การสอนที่ ร.ร.นายร้อย แต่ไม่มียศ เพราะยังไม่ได้ผ่านการฝึก แต่จะมีการจัดหลักสูตร มีเป็นรอบๆ เหมือนฝึกอบรม ก็ต้องรอเป็นรุ่น เป็นหลักสูตร ฝึกเหมือน รด. โดยฝึกต่อเนื่อง ช่วงแรกบริเวณถนนวิภาวดี จากนั้นก็ที่เขาชนไก่ ตนก็มีรูปร่วมกับเพื่อนๆ ไม่ได้มีอะไรลึกลับซับซ้อน และเมื่อปี 2531 พอฝึกเสร็จ ก็ขอพระราชทานยศ ได้ขอเอกสารหลักฐาน รวมทั้ง สด 9 ที่ทำหาย ก็ขอใบแทน และได้เป็นว่าที่ ร.ต. และ ร.ต. จากนั้น ปลายปี 2531 ทางมหาวิทยาลัยประสานมา จึงตัดสินใจไปเรียนต่อ ทำเรื่องลาไปปฏิบัติภารกิจและได้รับอนุมัติให้ลาออก ถูกต้องทุกประการ สุดท้ายทำหน้าที่ในการรับราชหารหรือยังนั้น การรับราชการทหารตามระเบียบ ตามวุฒิ 1 ปี ตนทำเกิน 1 ปีแน่นอน ทำถูกตามกฎหมาย ไม่ได้ขาดคุณธรรม จริยธรรม หรือสร้างมาตรฐานใหม่ให้ประเทศไทย ทุกเรื่องไม่มี 2 มาตรฐาน และพร้อมชี้แจงหากมีข้อสงสัย