|
มติชน : "มาร์ค"มั่นใจผ่านปม258ล. ยุบ"ปชป."ไม่ได้ "เฉลิม"ย้ำ"เช็ค-เอกสาร"มัด
| วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11331 มติชนรายวัน
"มาร์ค"มั่นใจผ่านปม258ล. ยุบ"ปชป."ไม่ได้ "เฉลิม"ย้ำ"เช็ค-เอกสาร"มัด
วิปรบ.ตั้ง3ทีมรับซักฟอก ให้เวลาฝ่ายค้าน20ชั่วโมง ก๊ก"12พผ."ลอยแพ"กษิต"
เปิดสภาซักฟอกนายกฯ-5รมต. ให้เวลาฝ่ายค้าน 20 ชม.-รัฐบาล 8 "เพื่อไทย" ตั้ง 3 ทัพ 40 คนรุมถล่ม "เฉลิม"ย้ำ"เช็ค-เอกสาร"มัด "มาร์" มั่นใจปม 258 ล้าน ไม่นำสู่การยุบพรรค
@ "ชัย"ยืนยันไม่เลื่อนวันซักฟอก
นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยืนยันว่าไม่สามารถเลื่อนวันอภิปรายไม่ไว้วางใจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ 5 รัฐมนตรี ประกอบด้วย นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่กำหนดไว้วันที่ 19-20 มีนาคม ออกไปเป็นสัปดาห์หน้าตามที่ฝ่ายค้านร้องขอ ส่วนการขยายเวลาวันอภิปรายจาก 2 วัน เป็น 3 วันนั้น ให้ฝ่ายค้านใช้สิทธิตามข้อบังคับประชุมสภา เพื่อให้ที่ประชุมพิจารณา
ทั้งนี้ นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.พระนคร ศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ว่า นายชัยได้ทำหนังสือตอบกลับมาแล้ว โดยยืนยันว่าไม่สามารถเลื่อนวันอภิปรายให้ได้ และยืนยันตามกำหนดเวลาเดิม ส่วนการขยายเวลาการอภิปราย ขอให้ฝ่ายค้านใช้สิทธิตามข้อบังคับการประชุมสภา ซึ่งในการประชุมสภาวันที่ 18 มีนาคม ฝ่ายค้านจะมีการหารือและจะขอใช้สิทธิตามข้อบังคับที่ 21 ในที่ประชุมสภาเลย เพื่อไม่ให้เสียเวลาในการอภิปรายในวันที่ 19 มีนาคม
@ ฝ่ายค้านได้20ชม.-รัฐบาล 8
เวลา 17.00 น. วิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านได้ประชุมร่วมกันเพื่อกำหนดกรอบการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยได้ข้อสรุปว่า จะใช้เวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2 วัน รวม 28 ชั่วโมง โดยฝ่ายค้านได้รับการจัดสรรเวลา 20 ชั่วโมง รวมเวลาการอภิปรายสรุปในวันสุดท้ายด้วย ที่เหลือเป็นเวลาสำหรับการชี้แจงของนายกรัฐมนตรี และ 5 รัฐมนตรี ส่วนช่วงเวลาที่มีการประท้วง และใช้สิทธิพาดพิงนั้น ฝ่ายไหนใช้สิทธิดังกล่าวก็จะนำเวลาไปรวมกับโควต้าเวลาของฝ่ายนั้นด้วย คาดว่าบริหารเวลาได้ตามนี้จะสามารถลงมติได้ในวันเสาร์ที่ 21 มีนาคม
@ ปธ.สภายันไม่ได้สองมาตรฐาน
ขณะที่การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชัย เป็นประธานการประชุม ในช่วงเปิดให้สมาชิกหารือ ปรากฏว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคนได้ลุกอภิปรายตำหนิประธานสภา ที่เลื่อนวันอภิปรายไม่ไว้วางใจเร็วขึ้นมาเป็นวันที่ 19-20 มีนาคม และให้เวลา 2 วันเท่านั้น เหมือนปล่อยให้ฝ่ายบริหารแทรกแซง และการให้รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ทำหนังสือแจ้งมายังประธานวิปฝ่ายค้าน ว่าหากจะขอเพิ่มวันอภิปรายต้องให้ที่ประชุมสภาตัดสินใจนั้นเป็นการตอบแบบหาเรื่อง ซึ่งนายชัยชี้แจงว่า สมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคประชาธิปัตย์ที่ขณะนี้เป็นฝ่ายค้าน ยื่นญัตติอภิปรายวันที่ 18 มิถุนายน 2551 และในวันที่ 19 มิถุนายน มีการตรวจสอบความถูกต้องแล้ว ประธานสภาก็สั่งบรรจุญัตติเข้าระเบียบวาระให้อภิปรายวันที่ 24-25 มิถุนายน และลงมติวันที่ 26 มิถุนายน
"ถือว่าผมไม่ได้สองมาตรฐาน ผมทำทุกอย่างถูกต้องแล้ว ข้อบังคับก็บอกว่า ต้องบรรจุด่วน คนที่เสนอญัตติต้องพร้อม คนที่เสียเปรียบคือรัฐบาล ผมไม่ได้ยุ่งกับรัฐบาล และรับผิดชอบตามหน้าที่ประธาน ซึ่งเมื่อบรรจุระเบียบวาระแล้ว ถ้าจะเลื่อนก็ให้สภาก็มีมติ สภาเป็นที่พูดแถลงข้อเท็จจริงตรวจสอบรัฐบาล ถ้ารัฐบาลไม่ถูกต้อง ผู้แทนก็โหวตไม่เอารัฐบาล ผมไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่น ผมบรรจุวาระก็ขอรับผิดชอบ จะเอาไปฆ่าแกงที่ไหนก็ได้ เพราะทำถูกต้องตามกฎหมายแล้ว" นายชัยกล่าว
@ "เฉลิม"ไม่เกี่ยงเวลาอภิปราย2วัน
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงระยะเวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่าใช้แค่ 2 วันก็ได้ ไม่มีปัญหา แต่ถ้าได้ 3 วันก็ดี เพราะต้องคำนึงด้วยว่า ช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านนั้นได้ใช้เวลาถึง 3 วันในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยในรัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา อีกทั้งการอภิปรายครั้งนั้นยังได้นำเรื่องการเป็นลูกคนจีนของนายบรรหาร ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องเก่ามากมาอภิปราย ดังนั้นจึงอยากให้พรรคประชาธิปัตย์ย้อนดูตัวเองในกรณีนี้ด้วย
"ผมต้องพาดพิงถึงทีพีไออย่างแน่นอน เพราะเงินจำนวนกว่า 260 ล้านบาทนั้น ไม่ใช่เงินบริจาคอย่างเดียว โดยผมมีทั้งเช็คและเอกสารยืนยันว่า มีการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารถึง 27 ครั้ง" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ด้านนายศิลปิน บูรณศิลปิน รองผู้จัดการใหญ่ฝ่ายกิจกรรมพิเศษ บริษัทพีทีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ทำหนังสือถึงสื่อมวลชนแขนงต่างๆ มีเนื้อหาโดยสรุปว่า บริษัทได้จัดทีมกฎหมายติดตามการอภิปรายครั้งนี้อย่างใกล้ชิด หากปรากฏว่า มีบุคคลใดอภิปรายที่พาดพิงถึงบริษัทให้เกิดความเสียหาย บริษัทจะใช้สิทธิในการดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวทั้งทางแพ่งและอาญาจนถึงที่สุด
@ จัด3ทัพ40คนรุมถล่มรัฐบาล
ด้านวิปฝ่ายค้านได้ประชุมเพื่อจัดทีม ส.ส.ที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยใช้ผู้อภิปรายรวม 40 คน แบ่งเป็น 3 ทีม โดยทีมที่ 1 มี 20 คน มี ร.ต.อ.เฉลิม เป็นหัวหน้า อภิปรายนายอภิสิทธิ์ นายกษิต และนายประดิษฐ์ ทีมที่ 2 มี 10 คน มีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เป็นหัวหน้า อภิปรายนายกรณ์ และทีมที่ 3 มี 10 คน นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม และนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ส.ส.เลย แกนนำกลุ่มอีสานพัฒนา เป็นหัวหน้าทีม อภิปรายนายชวรัตน์ และนายบุญจง ส่วนการอภิปรายสรุปในภาพรวมก่อนลงมติ กำหนดให้นายมิ่งขวัญ อภิปรายสรุปประเด็นเศรษฐกิจ และ ร.ต.อ.เฉลิม อภิปรายสรุปภาพรวมเกี่ยวกับนายอภิสิทธิ์
@ "มาร์ค"ปัดคุย"เนวิน"ร่นเร็วขึ้น
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความพร้อมในการรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่าได้เตรียมข้อมูลตามสาระของญัตติที่มีการเสนอมา ส่วนเรื่องการเพิ่มวันอภิปรายนั้นเป็นเรื่องของสภา คิดว่า คงตกลงกันได้ ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ปิดกั้น เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่า การตัดสินใจเลื่อนวันอภิปรายให้เร็วขึ้น มาจากการหารือระหว่าง นายกฯ นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯด้านความมั่นคง และนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "ไม่มีครับ ผมไม่เคยคุยกับคุณเนวินเลย และผมได้บอกแต่ต้นแล้วว่า ในส่วนของผมเองนั้นอยากให้เป็นช่วงสัปดาห์หน้า เพราะเตรียมไว้อย่างนั้น แต่เมื่อนายชัยแจ้งว่าช่วงสัปดาห์หน้าท่านไม่สะดวก ก็ต้องเลือกเอา นายชัย ก็ถามผมว่า เอาสัปดาห์นี้ได้หรือไม่ ผมก็บอกว่า ถ้าท่านสะดวกผมก็ต้องพร้อม ผมเองก็ต้องไปเลื่อนงานตั้งเยอะ"
เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์มอบหมายให้ใครชี้แจงเรื่องเงิน 258 ล้านบาท ที่ฝ่ายค้านจะอภิปราย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้าพาดพิงถึงใครคนนั้นก็ต้องชี้แจง ไม่ได้ห่วงอะไร โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปี 2547-2548 และจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ถ้าติดใจในเรื่องนี้ก็สอบถามมา ใครที่เกี่ยวข้องก็ต้องชี้แจง และไม่กังวลว่าประเด็นนี้จะนำไปสู่การยุบพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเรื่องทางกฎหมายมันมีกระบวนการอยู่
@ ติวรมต.หน้าใหม่รับมืออภิปราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ได้ยกเลิกกำหนดการเดินทางไปออกอากาศสดรายการ "ตาสว่าง" ทางโมเดิร์นไนน์ทีวีเกี่ยวกับนโยบายและการทำงานของรัฐบาล ในเวลา 22.30 น. ทั้งนี้ เพื่อเตรียมข้อมูลรับมือการอภิปรายของฝ่ายค้าน นอกจากนี้มีรายงานว่า เมื่อคณะรัฐมนตรี เดินทางเข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อเวลา 13.30 น. นายอภิสิทธิ์ได้เรียกรัฐมนตรีหน้าใหม่ที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเข้าหารือกันที่ห้องรับรองนายกรัฐมนตรี บริเวณชั้น 2 ด้านหลังอาคารรัฐสภา โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง เข้าร่วมการหารือด้วย ซึ่งรัฐมนตรีคนแรกที่ถูกเรียกเข้าหารือ คือนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่เดินเข้าห้องประชุมพร้อมกระเป๋าเอกสารใบใหญ่ โดยใช้ระยะเวลาการหารือนานเกือบ 1 ชั่วโมง จากนั้น นายบุญจงออกมาจากห้องโดยมีสีหน้าเคร่งเครียด และปฏิเสธไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการชี้แจงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า ได้เตรียมข้อมูลเพื่อชี้แจงตามแนวโน้มที่คาดว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายไว้แล้ว ไม่กังวลประเด็นใดเป็นพิเศษ พร้อมชี้แจงทุกประเด็น เพราะถือเป็นโอกาสที่จะอธิบายที่มาและขยายความเพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจมากขึ้น
@ ปชป.ตั้ง3ทีมช่วยนายกฯ-15รมต.
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะทำงานประสานงานข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจพรรคร่วมรัฐบาล กล่าวภายหลังการประชุมว่า คณะทำงานได้แบ่งทีมงาน 3 ส่วน คือ 1.ทีมงานด้านข้อมูลเชิงวิชาการ 2.ทีมงานเชิงยุทธศาสตร์ในสภา 3.ทีมงานแถลงข่าวเสริมข้อมูลของรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย ทั้งนี้คณะทำงานได้ประเมินญัตติอภิปราย แล้วคิดว่า ญัตติอาจมีการพาดพิงถึงรัฐมนตรีอีก 10 คน นอกเหนือจากนายกรัฐมนตรี และ 5 รัฐมนตรี ซึ่งคณะทำงานได้ประสานไปยังรัฐมนตรีทั้ง 10 คนแม้ไม่มีรายชื่อก็ต้องเตรียมข้อมูลไว้ชี้แจง โดยจะเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้าน อภิปรายเต็มที่ จะไม่มีการประท้วงโดยไม่จำเป็น ซึ่งจะใช้การประท้วงในรูปแบบใหม่ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ได้ประเมินการทำงานของพรรคฝ่ายค้านและแบ่งกลุ่มรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายไว้ 3 กลุ่มคือ 1.นายอภิสิทธิ์และนายประดิษฐ์ 2.นาย กรณ์และนายกษิต และ 3.นายชวรัตน์และนายบุญจง โดยทั้ง 3 กลุ่มวิปรัฐบาลได้ประสานข้อมูลบุคคล รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว โดยมอบให้นายณัฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.กทม. ในฐานะผู้อำนวยการพรรค นำคอมพิวเตอร์มาจากพรรคประชาธิปัตย์ มาตั้งไว้ที่ห้องทำงานวิปรัฐบาล เพื่อใช้ประสานเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลของแต่ละรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเป็นรายกระทรวง ซึ่งจะทำให้การประสานข้อมูลรวดเร็วขึ้นเป็นการทำงานเชิงรุกไม่ต้องเรียกข้าราชการมารอให้ข้อมูล
@ กลุ่ม12ขู่ไม่ยกมือให้"กษิต"
รายงานข่าวจากกลุ่ม 12 พรรคเพื่อแผ่นดิน แจ้งว่า ในช่วงเที่ยงวันที่ 18 มีนาคม พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้นัด ส.ส.กลุ่ม 12 ประกอบด้วย ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดิน 9 คน และพรรคราษฎร 3 คน หารือที่อาคารเบญจมาศ เพื่อเตรียมการเรื่องการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีรวม 5 คน ทั้งนี้ มีการประเมินว่า นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ถูกยื่นอภิปรายในประเด็นการบุกยึดสนามบินในสมัยเป็นแกนนำกลุ่มพันธมิตรน่าจะได้รับคะแนนความไว้วางใจน้อยที่สุด จึงถือเป็นบุคคลที่มีอาการร่อแร่ที่สุด
"ส.ส.กลุ่ม 12 มีแนวโน้มจะงดออกเสียง เพราะรับไม่ได้กับพฤติกรรมในอดีต อย่างไรก็ตาม มติกลุ่ม 12 คือจะรอดูรายละเอียด ข้อมูล และหลักฐานของฝ่ายค้านที่ใช้ในการอภิปราย ถ้าดูแล้วมีน้ำหนักเพียงพอที่เชื่อได้ว่า 5 รัฐมนตรีมีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจจริง ก็จำเป็นต้องลงมติไม่ไว้วางใจ ทั้งนี้ก่อนตัดสินใจใดๆ สมาชิกกลุ่ม 12 จะนัดประชุมเพื่อหาข้อสรุปให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน" แหล่งข่าวกล่าว
@ "ภท."เล็งย้อนรอยนับองค์ประชุม
รายงานข่าวจากแกนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กลุ่มเพื่อนเนวิน แจ้งว่า ในวันอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยคือ นายชวรัตน์และนายบุญจงนั้น หากมีการอภิปรายนอกประเด็น ส.ส.พรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะ ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน จะพากันประท้วงผู้อภิปราย และหากมีการพาดพิงถึงนายเนวิน ชิดชอบ และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ก็จะมีการส่งสัญญาณผ่านทางโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ออกมาด้านนอกห้องประชุม และให้ ส.ส.บางส่วนอยู่ในห้องประชุม เพื่อนับองค์ประชุม ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแก้เกมฝ่ายค้าน และเป็นการย้อนรอยสิ่งที่ฝ่ายค้าน มักจะเสนอให้นับองค์ประชุม และหากองค์ประชุมไม่ครบ ก็จะทำให้สภาล่มในที่สุด
@ "สุเทพ"โต้ไม่จริง"ปชป."ป้อนข้อมูล
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ปฏิเสธกรณี ร.ต.อ.เฉลิมระบุว่า ได้รับข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจจากคนในพรรคประชาธิปัตย์ ว่า "ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ ไม่น่าเชื่อถือ" ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิมบอกว่า หากมีการอภิปรายในช่วงเช้า ในช่วงบ่ายก็สามารถน็อครัฐบาลได้แล้วนั้น ก็ต้องถามว่าคนฟังเชื่อถือหรือไม่
นายสุเทพยังกล่าวถึงกรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรระบุเป็นห่วงพรรคประชาธิปัตย์ที่อนาคตจะไม่มีที่ยืน เนื่องจากพรรคภูมิใจไทยกำลังใหญ่โต โดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แกนนภาค กทม. จะร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยว่า ไม่เคยได้ยินข่าวนี้ และไม่เคยเห็น เลยวิจารณ์ไม่ได้ อีกทั้งยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง
"การที่บอกว่า พรรคภูมิใจไทยอาจจะใหญ่โตมากขึ้นก็เป็นทรรศนะของนายสนธิ ผมก็ฟังเฉยๆ" นายสุเทพกล่าว และว่า หากมีนักการเมืองคนไหนเข้าไปร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลคงไม่เข้าไปยุ่ง เพราะเป็นเรื่องภายในของแต่ละพรรค ซึ่งทุกพรรคจะจัดการภายในกันเอง
@ "เจ๊หน่อย"ซัดเลอะเทอะซบ"เนวิน"
ด้านคุณหญิงสุดารัตน์กล่าวถึงข่าวการเข้าร่วมทำงานกับกลุ่มเพื่อนเนวิน พรรคภูมิใจไทย ว่า เรื่องนี้เลอะเทอะที่สุด ไม่รู้ว่าสาเหตุที่มีการปล่อยข่าวนี้ เนื่องจากขณะนี้ถูกตัดสิทธิทางการเมือง อยู่บ้านเลขที่ 111 และตอนนี้ทำแต่งานของมูลนิธิไทยพึ่งไทย ด้วยการให้ความรู้เกี่ยวกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อช่วยชาวบ้าน
"เรื่องนี้ไร้สาระ เพราะเป็นเรื่องรัก 3 เศร้าของคน 3 กลุ่ม คือพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มพันธมิตร และพรรคภูมิใจไทย ที่แก่งแย่งอะไรต่ออะไรกันแล้วไม่ได้ ดิฉันไม่เคยไปคุยกับใครเลย และไม่เคยไปคุยกับพรรคภูมิใจไทยด้วย ตอนนี้ยังเหลือโทษตัดสิทธิการเมืองอีก 3 ปี หากจะกลับไปทำพรรคการเมืองก็คงไม่ได้เป็นการทำพรรคร่วมกับทหารแน่นอน ไม่มีทาง" คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว และว่า ไม่ได้สนิทกับ พล.อ.ประวิตรเพียงแค่รู้จักกันในระหว่าง การทำงาน ในสมัยที่เป็นรัฐมนตรี และ พล.อ. ประวิตรยังรับราชการอยู่ รวมทั้งไม่ได้สนิทสนมกับ พล.อ.สนธิด้วย
คุณหญิงสุดารัตน์ยังกล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่า ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย และอดีต ส.ส.กทม. พรรคพลังประชาชน ที่อยู่ในสังกัดจะย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย ว่าคงจะมีเพียงแค่ 2 คน ซึ่ง 2 คนนั้นได้ตัดสินใจไปโดยไม่ได้มาหารือ มารู้ก็เมื่อทั้ง 2 คนไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทยแล้ว แต่ ส.ส.กทม. และอดีต ส.ส.กทม. ที่เคยใกล้ชิดกับตน ส่วนใหญ่ก็ยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย
@ ซัด"สนธิ"จินตนาการเอง
น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี อดีตส.ส.กทม.พรรคไทยรักไทย ในฐานะสมาชิกกลุ่มเพื่อนเนวิน พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ยืนยันว่า ข่าวคุณหญิงสุดารัตน์จะร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย ว่าไม่มีมูลความจริง และไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่ตนย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทย เพราตัดสินใจย้ายด้วยตัวเอง เนื่องจากเห็นว่าบ้านเมืองมีความขัดแย้งรุนแรง ไม่ว่าอยู่พรรคการเมืองใดก็จะถูกเสื้ออีกสีหนึ่งที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามขับไล่ จึงเห็นว่ามีเพียงพรรคภูมิใจไทยเท่านั้นที่อยู่ตรงกลาง
ด้านนายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร ส.ส. มหาสารคาม พรรคภูมิใจไทย กลุ่มเพื่อนเนวิน ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า คุณหญิงสุดารัตน์ไม่มีทางย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทยตามที่นายสนธิ ระบุซึ่งเรื่องนี้เห็นว่า นายสนธิจินตนาการในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะน้ำกับน้ำมันไม่มีทางเข้ากันได้
หน้า 1
| |
ข่าวการเมืองแฟ้ม 2
|