พิธีกรรมไสยศาสตร์งมงายกลางกรุงเทพมหานคร
คืนวันม็อบสนธิ-ประชาธิปัตย์เป่านกหวีด
การเป่านกหวีดของม็อบสนธิ-ประชาธิปัตย์เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2551 ที่นัดหมายรวมพลครั้งใหญ่เพื่อต่อต้านรัฐบาลยื่นเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ คมช.2550ในวันเปิดประชุมสภานั้น เป็นการหลงกลของฝ่ายรัฐบาลที่ทำทีว่าจะยื่นเรื่องเสนอทันทีที่เปิดการประชุมสภา แล้วม็อบก็แก้เขินแก้โง่ด้วยการใช้มาตรการสร้างภาพ โฆษณาชวนเชื่อ (ตามหลักการ All that glitters is not gold : ที่เห็นเปล่งประกายระยิบระยับนั้นไม่ใช่ทองแท้หรอก) ภาพที่เห็นก็คือขบวนคนอนาถาที่ร่อนเร่ไร้จุดหมายปลายทาง เทียวไปตามถนนทั่วกรุง ที่สร้างความเดือดร้อนทางการจราจรแด่คนกรุงถ้วนหน้า แล้วชมชานไปจบลงที่วัดพระแก้ว สร้างภาพว่าตนภักดีซื่อสัตย์ต่อศาสนาเสียจริง ๆ ส่วนประชาชนทั้งชาติไม่ภักดีซื่อสัตย์เท่ากลุ่มตนเลย
แต่ฝ่ายรัฐบาลและขบวนการประชาชนหลายกลุ่มหลายพวกที่พากันปักหลักต่อต้านอย่างเหนียวแน่น ก็คงได้ลอบประเมินอยู่ในใจว่าขนาดไหน จึงกล้าประกาศว่า เอาสถานการณ์อยู่อย่างสงบได้ แผนการก่อกวนให้เกิดความปั่นป่วนไปทั่วประเทศจึงไม่เกิดผล
แต่ประเด็นในวันนี้ที่ต้องคิดกันอย่างลึกซึ้งก็คือ การที่แกนนำของม็อบกวนเมืองสนธิ-ประชาธิปัตย์กลุ่มนี้ วันนี้ เป็นการนำโดยความเชื่อความคิดที่งมงาย ซึ่งเป็นการสร้างความงมงายหลงผิดให้แก่ประชาชน และที่สำคัญเป็นการพร่าบิดเบือนหลักธรรมคำสอนและภาคธรรมปฏิบัติ วิปัสสนากรรมฐานของพระพุทธศาสนาเบี่ยงเบนไปนอกสัจธรรมหลักสำคัญของพระพุทธศาสนา
นับตั้งแต่แกนนำ(นายสนธิ ลิ้มทองกุล)พาประชาชนประกอบพิธีกรรมไสยศาสตร์ ที่กลายเป็นภาพกลุ่มชนขนาดใหญ่กลางกรุง นครศรีวิไลยุคไฮเทกโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ยุคเจริญสุดยอดของมนุษยชาติ อันเป็นภาพสะท้อนความงมงายที่น่าอับอายขายหน้าไปทั่วโลก โดยการถ่ายทอดทางโทรทัศน์โฆษณาชวนเชื่อ ASTV ส่วนตัวของแกนนำหมู่ม็อบ แพร่สะพัดออกไปทั่วโลกอย่างโง่เขลารู้เท่าไม่ถึงการณ์
จะเห็นว่าการทำพิธีกรรมทางไสยศาสตร์กลางกรุงครั้งนี้ มิใช่ครั้งแรก ครั้งก่อน ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนม็อบเข้าปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ก็ได้ประกอบพิธีกรรมไสยศาสตร์เช่นเดียวกันแต่แล้วก็ต้องโดนศาลสั่งให้ถอยไปสร้างความเดือดร้อนในที่เดิมมาจนถึงทุกวันนี้
สิ่งที่เป็นประเด็นทางธรรมะที่สำคัญวันนี้ก็คือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และกองทัพธรรมของท่าน รวมทั้งพลพรรคนักบริโภคผักของสันติอโศก ของท่านสมณะโพธิรักษ์ ซึ่งถึงอย่างไรก็เป็นกลุ่มชนส่วนที่มีวิจารณญาณทางธรรม มีสติรู้การกระทำที่ควรไม่ควร ชอบไม่ชอบอย่างไรตามหลักการพระพุทธศาสนา จะทนอยู่ร่วมขบวนการม็อบสนธิ-ประชาธิปัตย์นี้ไปได้อย่างไร ในเมื่อบัดนี้ เผยโฉมหน้าการนำออกมาชัดเจนแล้วว่า วิปริต ผิดคลองธรรมแห่งพระพุทธศาสนา ผิดอุดมการณ์แห่งกองทัพธรรม และสันติอโศก และที่สำคัญผิดอุดมการณ์สร้างสรรค์แห่งมรรค ผล นิพพาน อันประเสริฐสูงส่ง
ประธานกองทัพธรรม พล.ต.จำลอง ศรีเมือง จะต้องมองสถานการณ์ความเสื่อมถอยแห่งอุดมการณ์ม็อบนี้ พิจารณาแล้วไม่น่าจะทนอยู่ร่วมกิจกรรมอนารยะนี้ได้อย่างไรต่อไป ท่านสมณะโพธิรักษ์ จะยืนหยัดอยู่อย่างสง่างามได้อย่างไรต่อไป เมื่อสิ่งที่นำไปนี้ นับวันฉุดอุดมการณ์อันสูงส่งของสันติอโศก และ ความเป็น โพธิรักษ์ ของท่านจะต้องพังทลายลงในตอนอวสานของชีวิต
ถ้าคิดว่าจะรอพอให้รัฐบาลสมัคร พังทลายลงเสียก่อนนั้น ก็คงจะต้องรอไปถึงชาติหน้าเวลาบ่าย ๆ เพราะวันนี้เขาประเมินแล้วว่า ม็อบสนธิ-ประชาธิปัตย์ไร้น้ำยา ไม่มีพลังพอที่จะสร้างปาฏิหาริย์การเมืองใหม่ให้นายตั๊บ แซ่ลิ้ม ได้เป็นประธานาธิบดี แห่งสาธารณรัฐไทย อันเป็นระบอบการเมืองใหม่ในฝันของสนธิ ลิ้มทองกุล ได้เลย อย่างที่พอจะเป็นไปได้ก็คือเป็นเสียงส่วนน้อยที่คอยตำหนิตามก้นรัฐบาลว่าไม่ดีเท่าความคิดของตนไปวัน ๆ แล้วไปเที่ยวชูป้ายเขียนข้อความว่า ไอ้......ออกไป, ไอ้....ออกไป, ไอ้.... ออกไป ข้างถนนหนทางตลอดไปชั่วกาลนาน
ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ที่จะทำได้เพราะประชาชนไทยเข้าใจดีว่าระบอบประชาธิปไตยเปิดโอกาสให้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่ความเชื่องมงายที่ปรากฏในวันนี้ จะส่งเสริมความคิดประชาธิปไตยไทยได้อย่างไร คนไทยจึงโปรดตรึกตรองดูให้ลึกซึ้ง
- อรบุศป์ ละอองธรรม
3 ส.ค.2551
โปรดคลิกที่นี่เพื่ออ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
ASTV1 วันนี้2 (สนธิ ลิ้มทองกุล) มองจากทัศนะแห่งธรรม
ความเชื่องมงายกับม็อบมองจากทัศนะแห่งธรรม