เฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้ว
ฉบับที่ 29 วันที่ 5 กันยายน 2551
การเมืองน้ำลาย
วัตถุประสงค์ เพื่อต้องการกระตุ้นให้คน ในสังคม ได้ตระหนักถึงภัยอันตรายที่ล้ำลึก ซึ่งกำลังคุกคามโลก และมีทีท่าว่าจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น หากปล่อย ให้เหตุการณ์เช่นนี้ดำเนินไปตามยถากรรม โดยที่ผู้รู้เห็นภัยและโทษ รวมไปถึงจุดจบของค่านิยมที่ผิดเช่นนี้ ความหายนะของโลกคงมาถึง ผู้วิเคราะห์หวังว่าบทวิเคราะห์เฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้ว คงจะได้จุด ประกายให้แก่วิญญูชนได้ลองฉุกคิดสักนิด เพื่อการ
เปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นด้วยธรรมะ
โปรดก๊อปปี้ช่วยกันเผยแพร่
พัชรา กอปรทศธรรม
วิทยาลัยการอาชีพศรีสะเกษ
ผู้วิเคราะห์
เหตุการณ์กลุ่มแนวร่วมที่เรียกตนเองว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บุกสถานีโทรทัศน์ NBT และบุกยึดทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 เพื่อกดดันให้นายกรัฐมนตรีลาออก จนกระทั่งสถานการณ์เริ่มบานปลาย เมื่อสหภาพการรถไฟแห่งประเทศไทยนัดหยุดการเดินรถ และแกนนำสหภาพการประปาและการไฟฟ้า ประกาศจะตัดน้ำ ตัดไฟของสถานที่ราชการในวันที่ 3 กันยายน 2551 เพื่อร่วมกดดันให้นายกรัฐมนตรีลาออก ตลอดจนมีข้อเรียกร้องจากสส.พรรคฝ่ายค้าน สว. คณาจารย์ของมหาวิทยาลัย นักศึกษาให้นายกรัฐมนตรีแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก
นอกจากนี้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ประกาศจุดยืนอันแข็งกร้าวเรียกร้องให้ประเทศไทยหันไปสู่ระบอบการเมืองการปกครองแบบใหม่โดยให้มีจำนวนส.ส. สว.สรรหา จำนวน 70 % และแบบเลือกตั้ง 30 % ตลอดระยะเวลา 76 ปี ที่ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย การเมืองไทยล้มลุกคลุกคลานมาตลอด มีการเลือกตั้ง สลับกับการประท้วงให้รัฐบาลลาออก ยุบสภา ปฏิวัติรัฐประหาร ร่างรัฐธรรมนูญ เลือกตั้ง ฉีกรัฐธรรมนูญ ทำให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งขาดเสถียรภาพไม่สามารถบริหารประเทศจนครบวาระ และเหตุการณ์เริ่มตึงเครียดมากที่สุด ในสมัยรัฐบาลของอดีตนายกร.ม.ต.พ.ต.ท.ทักษิณ ชิณวัตร มาจนถึงรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช
ขณะที่ประชาธิปไตยในประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาและยุโรปมีเสถียรภาพ เป็นระบบระเบียบเรียบร้อย รัฐบาลสามารถบริหารประเทศไปจนครบวาระ แม้จะมีปัญหาหนักหนาสาหัสก็ไม่มีการกดดันให้รัฐบาลต้องลาออก ตัวอย่างเช่น ผู้นำสหรัฐประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยูบุช ใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลส่งทหารไปร่วมรบในอิรัค แต่ก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ให้สงบราบคาบได้ และยังเป็นชนวนเหตุให้ผู้ก่อการร้ายข้ามชาติก่อวิศนาศกรรมตึกเวิร์ลเทรดเซนต์เตอร์ เมื่อ11กันยายน ค.ศ. 2001 ชาวอเมริกันก็ยังให้โอกาสผู้นำของเขาได้บริหารประเทศจนครบวาระ ทั้งนี้ด้วยตระหนักว่า เพื่อรักษาวัฒนธรรมแห่งความเป็นประชาธิปไตยมิให้ไร้ระบบระเบียบ เพราะจะนำไปสู่ความวุ่นวายไม่รู้จบ
การชุมนุมเพื่อแสดงออกทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยในประเทศที่เจริญแล้ว มีความเป็นระบบระเบียบไม่ยืดเยื้อยาวนาน ไม่สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ วัฒนธรรมทางการเมืองของประเทศเหล่านี้ไม่เปิดโอกาสให้มีแกนนำมาปลุกระดมตั้งตนเป็นผู้ชี้เป็นชี้ตายให้สังคมต้องเดินตาม ด้วยตระหนักในศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์เท่า
เทียมกัน มีการประนีประนอมเมื่อเกิดความขัดแย้งเพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย ปัญหาที่เกิดขึ้นจึงมีทางออก
อะไรเป็นมูลเหตุสำคัญที่ทำให้สหรัฐอเมริกา และชาติตะวันตกมีระบอบประชาธิปไตยที่เป็นระบบระเบียบ มีเสถียรภาพ ปัจจัยสำคัญคือการจัดระบบการศึกษาของฝรั่งเขาไม่เหมือนของไทย ฝรั่งเขามีค่านิยมว่า ประชาชนของเขาทุกระดับการศึกษาต้องมีความรู้จากการแสวงหาความจริงที่พิสูจน์ได้ด้วยตนเอง หรือการแสวงหาความรู้ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เมื่อนักวิทยาศาสตร์อย่างอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ มาพบคำสอนในหลักกาลามสูตรของพระพุทธเจ้า เขาจึงประหลาดใจมากว่าเพราะเหตุใดพระสมณโคดมจึงมีปรัชญาตรงกับแนวความคิดที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมความเชื่อในสังคมของเขา กาลามสูตรหลัก 10 ประการที่ใช้พิจารณาเกี่ยวกับความเชื่อ ดังนี้
1. อย่าเชื่อเพียงเพราะได้ยินได้ฟังตามๆกันมา
2. อย่าเชื่อเพียงเพราะทำตามๆกันมาเป็นประเพณี
3. อย่าเชื่อเพียงเพราะเป็นข่าวเล่าลือ
4. อย่าเชื่อเพียงเพราะมีอยู่ในตำราหรือคัมภีร์
5. อย่าเชื่อเพียงเพราะการคาดเดา
6. อย่าเชื่อเพียงเพราะการตรึกตรองเอาตามอาการ
7. อย่าเชื่อเพียงเพราะเป็นเหตุผลตามตรรกะ
8. อย่าเชื่อเพียงเพราะเข้ากันได้กับความคิดของตน
9. อย่าเชื่อเพียงเพราะผู้พูดดูเป็นบุคคลที่ดูน่าเชื่อถือ
10. อย่าเชื่อเพียงเพราะสมณะผู้นี้เป็นครูของเรา
อะไรเป็นที่มาของกระบวนการแสวงหาความรู้ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เพราะยุโรปเขามีบทเรียน
จากประวัติศาสตร์อันแสนเจ็บปวดมายาวนาน จากสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวคริสต์และมุสลิมครั้งใหญ่ในสงครามครูเสด ชนวนของสงครามเริ่มขึ้น โดยการปลุกระดมด้วยวาทะของพระสันตปาปาเออร์บันที่ 2 แห่งโรม ที่เมืองแคลร์มอนท์ เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ค.ศ.1095 สงครามครูเสด ตั้งแต่ ค.ศ.1095-1291 กินระยะเวลายาวนานถึง 196 ปี คร่าชีวิตผู้คนนับสิบล้านคน(ประวัติศาสตร์สากล ของหลวงวิจิตรวาทการ) สงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ระหว่างคริสตศาสนานิกายโรมันคาทอริคและนิกายโปแตสแตนท์ในไอร์แลนด์เหนืออีก 84 ปี ในยุคนั้นยุโรปถูกปกครองด้วยระบอบอำนาจเผด็จการเทพเจ้าหรือที่เรียกว่ายุคมืด เจ้าผู้ครองนครต้องฟังคำสั่งจากโป๊ป เพราะเป็นตัวแทนของพระเจ้า ใครต่อต้านขัดขืนจะถูกลงโทษสถานหนักด้วยการถูกเนรเทศหรือไม่ก็จับมาเผาไฟทั้งเป็น
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้นักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการทุกสาขา เจ้าผู้ครองนครและประชาชนนำทฤษฎีการปกครองระบอบประชาธิปไตยขึ้นต่อสู้กับอำนาจมืดของระบอบเผด็จการเทพเจ้า ทางวิชาการเกิดการปฏิวัติทางภูมิปัญญาขนานใหญ่ในปลาย ค.ศ.1500เรียกว่า ยุคเรอเนสซองค์ โดยยึดหลักว่า มนุษย์เป็นมาตรวัดของสรรพสิ่ง นับแต่นั้นมาการศึกษาในยุโรปจึงสร้างวัฒนธรรมการแสวงหาความรู้ทุกสาขาทุกด้านด้วยขบวนการทางวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญ ไม่มีการเชื่อถือทฤษฎีใดหรือผู้ใดโดยไม่มีการพิสูจน์ทดลองให้เห็นความจริงด้วยตนเอง
ในประวัติศาสตร์ที่มนุษยชาติทำสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กัน ก็ล้วนมีสาเหตุมาจากความต้องการเป็นใหญ่ และอาวุธที่มีประสิทธิภาพร้ายแรงที่ใช้บ่อนทำลายความสามัคคีในหมู่ชนได้สำเร็จมาทุกยุคสมัยก็คือสงครามปาก ดังเช่น พระญาติของพระพุทธเจ้าฝ่ายศากยวงศ์และโกลิยวงศ์ต้องฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จนสูญสิ้นวงศ์ตระกูล กษัตริย์ลิจฉวีต้องเสียเมืองให้แก่พระเจ้าอชาตศัตรู ไทยเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าถึง2 ครั้ง สงครามครูเสด สงครามในไอร์แลนด์เหนือ สงครามยิวและปาเลสไตน์ ฯลฯ
วิถีการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่เปิดโอกาสให้มนุษย์มีสิทธิเสรีภาพอย่างเต็มที่ จึงมักมีจุดบอดที่สายตาธรรมดาๆอาจมองไม่เห็นก็คือ หากระบบการศึกษาไม่เอื้ออำนวยต่อการแสวงหาความรู้ความจริงด้วยสติปัญญาของตนเอง ขาดการคิดวิเคราะห์ด้วยหลักธัมมวิจัยแล้ว ก็จะไปช่วยกระตุ้นให้เกิดการปลุกระดมล้างสมองให้ประชาชนหลงเชื่อยึดมั่นถือมั่นตามทิฏฐิมานะที่ผู้นำยกมาปลุกเร้า ยิ่งถ้ากระแสสังคมชี้นำความคิดไปทางใดมากๆ.การถูกครอบงำทางความคิดจะเกิดขึ้นเป็นกลุ่มใหญ่ ซึ่งจะเป็นชนวนให้เกิดการแตกแยกดังความจริงที่เคยปรากฏมาแล้วในประวัติศาสตร์สงคราม ดังนั้นประเทศที่เจริญแล้วจึงใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นโดยการสร้างวัฒนธรรมไม่ให้ปักใจเชื่อหรือไว้วางใจในสติปัญญาของผู้อื่นโดยไม่มีการพิสูจน์ให้เห็นจริง
สังคมไทยถูกปลูกฝังให้ เชื่อตามกระแสสังคมมาช้านาน หลีกเลี่ยงปัญหาเมื่อมีความขัดแย้ง จึงมักแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้จบๆไปโดยเร็ว ไม่มองถึงผลระยะยาว ระบบการศึกษาไทยจึงผูกติดกับการเชื่อครู เชื่อผู้มีเชื่อเสียง ขาดการฝึกฝนลงมือปฏิบัติ ขาดการศึกษาวิจัยข้อเท็จจริง ผู้ที่เรียนจบระดับสูงๆจึงถูกอนุมานว่า เป็นนักวิชาการที่มีความรู้สูงระดับปัญญาชน ส่วนคนที่มีระดับการศึกษาน้อยก็ถูกตีค่าเป็นพวกตาสีตาสา รากหญ้าอะไรทำนองนั้น
แต่โดยสัจจธรรมแล้ว การจะเป็นผู้มีความรู้จริงมีสติปัญญาสูงที่เรียกว่าปัญญาชนจะต้องเกิดจากผลของการปฏิบัติให้ประจักษ์เป็นรูปธรรม เช่น การเป็นนักรัฐศาสตร์ที่เชี่ยวชาญก็คือมีความสามารถในการครองใจคน มีใจเป็นกลาง สร้างความสมัครสมานสามัคคีในหมู่ชน มีเมตตาธรรมสูง สามารถแก้ปัญหาได้โดยที่บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น หรือการเป็นนักกฏหมายมืออาชีพคือมีความสามารถในการพิจารณาตัดสินคดีความข้อพิพาทด้วยสติปัญญาที่รอบคอบอย่างยุติธรรมโดยไม่ทำให้เกิดความเสียหายคำนึงถึงประโยชน์สุขของชนหมู่มาก มิใช่พิจารณาโดยใช้ตัวหนังสือเป็นเกณฑ์โดยไม่มองผลเสียหายที่จะเกิดกับสังคมประเทศชาติ การเศรษฐกิจ
การปฏิวัติทางภูมิปัญญา คือการสร้างบรรทัดฐานทางการศึกษาให้ประชาชนเป็นผู้มีความรู้ พึ่งพาสติปัญญาของตนเองได้ สามารถแสวงหาความรู้ความจริง สามารถตัดสินสิ่งต่างๆได้ด้วยหลักธัมมวิจัย มิใช่การทำ พูด คิดไปตามกระแสที่พูดๆกันอยู่ทุกวันตามสื่อต่างๆ เพราะนั่นเป็นทางไปสู่อวิชชา
การเป็นนักวิชาการจึงต้องเป็นผู้มีความรอบรู้ทั้งด้านปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ มีความคิดความอ่านรอบคอบ เป็นตัวของตัวเอง มองเห็นความจริงทุกๆด้านโดยใจเป็นกลางปราศจากอคติ มีเมตตาธรรม สังคมมิอาจเดินไปได้ด้วยปัญญาชนที่ถือคัมภีร์เปล่า ลองย้อนกลับไปพิจารณาว่าวิชาการที่ท่านได้เคยใช้มาแล้ว และกำลังนำเสนอสังคมอยู่ในขณะนี้เคยให้ผลเป็นที่ประจักษ์ถึงการแก้ปัญหาให้เกิดความสงบสุขเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมืองได้เพียงใดหรือแก้ปัญหาแบบขอไปทีแล้วก็วนเวียนกลับมาพบปัญหาเดิมๆซ้ำๆซากๆไม่รู้จักจบสิ้น
อย่าปล่อยให้สงครามน้ำลายปลุกระดมทำลายความเป็นมิตรของคนในชาติ จนกลายเป็นสงครามกลางเมืองลุกลามเกินกว่าที่จะเยียวยาแก้ไขแล้ว ชาติมหาอำนาจก็จะฉวยโอกาสเข้ามาแทรกแซง ดูตัวอย่างประเทศอาฟกานิสถาน ประเทศอิรัค
สัจธรรมมีอยู่ว่า การเมืองคือการแสวงหาอำนาจ ของกลุ่มการเมือง ดังนั้นทุกฝ่ายจึงต้องใช้ยุทธวิธีทุกวิถึทางที่เอาชนะคู่ต่อสู้ เพื่อให้กลุ่มพวกของตนเองขึ้นมามีอำนาจ เอกราชของชาติบ้านเมืองมีค่ามหาศาลประมาณมิได้ ประชาชนมิควรปล่อยให้ความชอบ ความชัง ความเขลา ความกลัวของเราไปเป็นชนวนให้เกิดการแบ่งแยกเป็นฝักเป็นฝ่าย ปล่อยให้การเมืองเดินไปตามครรลองของประชาธิปไตยที่ควรจะเป็น เคารพเกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน นั่นคือทางออกของปัญหา
ติดตามงานของเราซึ่งจะเจาะลึกภัยที่คุกคามสังคมโลกด้วยหลักศาสนาสากลที่เป็นสัจธรรมที่หนังสือพิมพ์ดีอินเตอร์เนตและwww.newworldbelieve.net
- พัชรา กอปรทศธรรม
5 ก.ย. 2551