ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (2 ก.ย.) ส.ว.เลือกตั้ง และ ส.ว.สรรหา จำนวน 40 คน ได้หารือเกี่ยวกับเหตุการณ์การปะทะกันของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จนรัฐบาลต้องประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในเขต กทม.
โดยหลังจากใช้เวลาหารือประมาณ 3 ชั่วโมง ได้ออกแถลงการณ์สรุปว่า เหตุผลที่ใช้อ้างในการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ใช่เหตุฉุกเฉินรุนแรงตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.ก.ดังกล่าว เนื่องจากเหตุปะทะกันมีลักษณะไม่แตกต่างไปจากเหตุการณ์ที่ จ.อุดรธานี ซึ่งรัฐบาลก็ไม่ได้ใช้มาตรการดังกล่าว
แถลงการณ์ยังเรียกร้องให้ฝ่ายที่จะใช้อำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ระมัดระวังหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง และในช่วงบ่าย ส.ว.จะไปยื่นต่อศาลปกครอง เพื่อให้ระงับการประกาศใช้ พ.ร.ก.โดยมิชอบดังกล่าว
น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพฯ กล่าวว่า ทางเดียวที่จะแก้วิกฤติได้คือ นายกรัฐมนตรีต้องลาออกหรือยุบสภา และปล่อยให้กระบวนการต่างๆ ได้ร่วมกันแก้ปัญหา อย่างไรก็ตาม พรรคร่วมรัฐบาลต้องรับผิดชอบด้วยการกดดันให้นายกรัฐมนตรีลาออก
น.ส.รสนา กล่าวด้วยว่า หากนายกรัฐมนตรียังไม่ลาออก ส.ว.จะใช้กลไกทางกฎหมายให้ถึงที่สุด โดยจะตั้งคณะกรรมการร่วมกันของคณะกรรมาธิการสามัญวุฒิสภา เพื่อสอบสวนบุคคลที่เกี่ยวข้อง ที่ปล่อยให้ผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่ายปะทะกัน เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมาย
ขณะเดียวกัน ทพ.ไพศาล กังวลกิจ ผู้ประสานงานเครือข่ายทันตแพทย์เพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยว่า เครือข่ายฯ ได้ออกแถลงการณ์ประณามผู้อยู่เบื้องหลังการก่อความรุนแรง และขอเรียกร้องให้ผู้บัญชาการทหารบกอย่าใช้กำลังในการแก้ปัญหา รวมทั้งขอให้นายกรัฐมนตรีรับผิดชอบด้วยการลาออก เพื่อยุติวิกฤตการณ์ครั้งนี้ แต่หากไม่ลาออกก็ขอให้พรรคร่วมรัฐบาลร่วมกันรับผิดชอบ โดยการลาออกจากการร่วมรัฐบาล รวมทั้งขอเรียกร้องให้ประชาชนร่วมกันแสดงประชามติในการคัดค้านการใช้ความรุนแรงด้วย |