ReadyPlanet.com
dot
dot dot
bulletBUDDHISM TO THE NEW WORLD ERA
bullet1 Thai-ไทย
bullet2.English-อังกฤษ
bullet3.China-จีน
bullet4.Hindi-อินเดีย
bullet5.Russia-รัสเซีย
bullet6.Arab-อาหรับ
bullet7.Indonesia-อินโดนีเซีย
bullet8.Japan-ญี่ปุ่น
bullet9.Italy-อิตาลี
bullet10.France-ฝรั่งเศส
bullet11.Germany-เยอรมัน
bullet12.Africa-อาฟริกา
bullet13.Azerbaijan-อาเซอร์ไบจัน
bullet14.Bosnian-บอสเนีย
bullet15.Cambodia-เขมร
bullet16.Finland-ฟินแลนด์
bullet17.Greek-กรีก
bullet18.Hebrew-ฮีบรู
bullet19.Hungary-ฮังการี
bullet20.Iceland-ไอซ์แลนด์
bullet21.Ireland-ไอร์แลนด์
bullet22.Java-ชวา
bullet23.Korea-เกาหลี
bullet24.Latin-ละติน
bullet25.Loa-ลาว
bullet26.Finland-ฟินแลนด์
bullet27.Malaysia-มาเลย์
bullet28.Mongolia-มองโกเลีย
bullet29.Nepal-เนปาล
bullet30.Norway-นอรเวย์
bullet31.persian-เปอร์เซีย
bullet32.โปแลนด์-Poland
bullet33.Portugal- โปตุเกตุ
bullet34.Romania-โรมาเนีย
bullet35.Serbian-เซอร์เบีย
bullet36.Spain-สเปน
bullet37.Srilanga-สิงหล,ศรีลังกา
bullet38.Sweden-สวีเดน
bullet39.Tamil-ทมิฬ
bullet40.Turkey-ตุรกี
bullet41.Ukrain-ยูเครน
bullet42.Uzbekistan-อุสเบกิสถาน
bullet43.Vietnam-เวียดนาม
bullet44.Mynma-พม่า
bullet45.Galicia กาลิเซียน
bullet46.Kazakh คาซัค
bullet47.Kurdish เคิร์ด
bullet48. Croatian โครเอเซีย
bullet49.Czech เช็ก
bullet50.Samoa ซามัว
bullet51.Nederlands ดัตช์
bullet52 Turkmen เติร์กเมน
bullet53.PunJabi ปัญจาบ
bullet54.Hmong ม้ง
bullet55.Macedonian มาซิโดเนีย
bullet56.Malagasy มาลากาซี
bullet57.Latvian ลัตเวีย
bullet58.Lithuanian ลิทัวเนีย
bullet59.Wales เวลล์
bullet60.Sloveniana สโลวัค
bullet61.Sindhi สินธี
bullet62.Estonia เอสโทเนีย
bullet63. Hawaiian ฮาวาย
bullet64.Philippines ฟิลิปปินส์
bullet65.Gongni-กงกนี
bullet66.Guarani-กวารานี
bullet67.Kanada-กันนาดา
bullet68.Gaelic Scots-เกลิกสกอต
bullet69.Crio-คริโอ
bullet70.Corsica-คอร์สิกา
bullet71.คาตาลัน
bullet72.Kinya Rwanda-คินยารวันดา
bullet73.Kirkish-คีร์กิช
bullet74.Gujarat-คุชราด
bullet75.Quesua-เคซัว
bullet76.Kurdish Kurmansi)-เคิร์ด(กุรมันซี)
bullet77.Kosa-โคซา
bullet78.Georgia-จอร์เจีย
bullet79.Chinese(Simplified)-จีน(ตัวย่อ)
bullet80.Chicheva-ชิเชวา
bullet81.Sona-โซนา
bullet82.Tsonga-ซองกา
bullet83.Cebuano-ซีบัวโน
bullet84.Shunda-ชุนดา
bullet85.Zulu-ซูลู
bullet86.Sesotho-เซโซโท
bullet87.NorthernSaizotho-ไซโซโทเหนือ
bullet88.Somali-โซมาลี
bullet89.History-ประวัติศาสตร์
bullet90.Divehi-ดิเวฮิ
bullet91.Denmark-เดนมาร์ก
bullet92.Dogry-โดกรี
bullet93.Telugu-เตลูกู
bullet94.bis-ทวิ
bullet95.Tajik-ทาจิก
bullet96.Tatar-ทาทาร์
bullet97.Tigrinya-ทีกรินยา
bullet98.Check-เชค
bullet99.Mambara-มัมบารา
bullet100.Bulgaria-บัลแกเรีย
bullet101.Basque-บาสก์
bullet102.Bengal-เบงกอล
bullet103.Belarus-เบลารุส
bullet104.Pashto-พาชตู
bullet105.Fritian-ฟริเชียน
bullet106.Bhojpuri-โภชปุรี
bullet107.Manipur(Manifuri)-มณีปุระ(มณิฟูรี)
bullet108.Maltese-มัลทีส
bullet109.Marathi-มาราฐี
bullet110.Malayalum-มาลายาลัม
bullet111.Micho-มิโช
bullet112.Maori-เมารี
bullet113.Maithili-ไมถิลี
bullet114.Yidsdish-ยิดดิช
bullet115.Euroba-ยูโรบา
bullet116.Lingala-ลิงกาลา
bullet118.Slovenia-สโลวีเนีย
bullet119.Swahili-สวาฮิลี
bullet120.Sanskrit-สันสกฤต
bullet121.history107-history107
bullet122.Amharic-อัมฮาริก
bullet123.Assam-อัสสัม
bullet124.Armenia-อาร์เมเนีย
bullet125.Igbo-อิกโบ
bullet126.History115-ประวัติ 115
bullet127.history117-ประวัติ117
bullet128.Ilogano-อีโลกาโน
bullet129.Eve-อีเว
bullet130.Uighur-อุยกูร์
bullet131.Uradu-อูรดู
bullet132.Esperanto-เอสเปอแรนโต
bullet133.Albania-แอลเบเนีย
bullet134.Odia(Oriya)-โอเดีย(โอริยา)
bullet135.Oromo-โอโรโม
bullet136.Omara-โอมารา
bullet137.Huasha-ฮัวซา
bullet138.Haitian Creole-เฮติครีโอล
bulletคำบูชาพระรัตนตรัย ทำวัตรแปล เช้า-เย็น
bulletChart Showing the Process
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พ.ศ.2540 - 2566
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี 1
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี 2
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี บุคคลที่ 1 - 188 ปัจจุบัน
bulletหนังสือพิมพ์ดี
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 1
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 2
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 3
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 4
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 5
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 6
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 7
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 8
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 9
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 10
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 11
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 12
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 13
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 14
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 15
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 16
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 17
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 18
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 19
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 20
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 21
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 22
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 23
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 24
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 25
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 26
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 27
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 28
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 29
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 30
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 31
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 32
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 33
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 34
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 35
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 36
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 37
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 38
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 39
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 40
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 41
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 42
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 43
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 44
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 45
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 46
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 47
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 48
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 49
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 50
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 51
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 52
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 53
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 54
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 55
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที่ 56
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 57
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 58
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 59
bulletTo The World
bulletENGLISH
bulletUSA
bulletChina
bulletIndia
bullet Mynmar
bullet Cambodia
bullet Loas
bulletSri Lanka
bulletMalaysia
bulletKorea
bulletA Sharp Turn of Believes : Iresearch Iwrite Iread
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 1
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 2
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 3
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 4
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 5
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 6
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 7
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 8
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 9
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 10
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 11
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 12
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 13
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 14
bulletMystery Report 15
bulletMystery Report 16
bulletMystery Report 17
bulletMystery Report 18
bulletMystery Report 19
bulletMystery Report 20
bulletMystery Report 21
bulletMystery Report 22
bulletMystery Report 23
bulletMystery Report 24
bulletMystery World Report 25
bulletศึกษาโลกลี้ลับ 26
bulletเฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้ว วิเคราะห์ทุกปัญหาในโลกมนุษย์ด้วยสติปัญญาและเหตุผลวิทยาศาสตร์จากนสพ.ดี
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2536
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2537
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2538
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2539
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2540
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2541
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2542
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2543-2545
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2545-2549
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2549-2550
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2550-ส.ค.2551
bulletเฝ้าดูฯ ส.ค.-ก.ย.2551
bulletเฝ้าดูฯ ก.ย.2551- ธ.ค. 2551
bulletเฝ้าดูฯสำนวนพัชรา กอปรทศธรรม
bulletสำนวนพัชราตอนที่ 16-27
bulletสำนวนพัชราตอนที่ 29
bulletบทความใหม่ เม.ย.-พ.ค.2552
bulletพุทธธรรมเพื่อทางดับทุกข์
bulletทฤษฎีการดับทุกข์ทางจิต วิปัสสนากรรมฐานโดยการทำงาน(สำนวนปรับปรุงใหม่)
bulletประวัติพัชรา กอปรทศธรรม
bulletประวัติการต่อสู้เพื่อการดับทุกข์ ของพัชรา กอปรทศธรรม
bulletอัลบั้มรูป history
bulletนิทานธรรมะประยุกต์ มานุสสาสุระสงคราม 4 ภาค และอื่น ๆ
bulletอัลบั้มรูป ภาพในอดีตและชีวประวัติศาสตร์ที่สวยงาม
bulletจากเวบบอร์ด พูดกันไม่รู้เรื่อง ประชาธิปไตยล้าหลัง
bulletศาสนาสากล การวิเคราะห์ความหมาย
bulletปลอบใจ
dot
รวมบทวิเคราะห์กม.คณะสงฆ์ แนวปฏิรูปคณะสงฆ์อยู่ในบทวิเคราะห์นี้แล้ว
dot
bulletรวมบทวิเคราะห์กม.คณะสงฆ์
dot
สากลจักรวาล สากลศาสนา แนวคิดศาสนาสำหรับคนยุคใหม่ ผู้ก้าวผิดทางไปสู่สิ่งไร้สาระโดยไม่รู้ตัว
dot
bulletสากล...ศาสนา 1
bulletสากล...ศาสนา 2
bulletสากล...ศาสนา 3
bulletสากล...ศาสนา 4
bulletสากล...ศาสนา 5
bulletสากล...ศาสนา 6
bulletสากล...ศาสนา 7
bulletสากล...ศาสนา 9
bulletสากล...ศาสนา 8
bulletสากล...ศาสนา 10
bulletสากล...ศาสนา 11
bulletสากล...ศาสนา 12
bulletสากล...ศาสนา 13
bulletสากล...ศาสนา 14
bulletสากล...ศาสนา 16
dot
ส่วนข้อมูลสำคัญเพื่อการวิจัยการเมืองไทยยุค คมช.-รัฐบาลอภิสิทธิ์
dot
bulletข้อมูลสำคัญยุคคมช.-รัฐบาลอภิสิทธิ์
bulletรายงานสดม็อบสนธิ-จำลอง-ปชป.เป่านกหวีดวันที่1/26ส.ค.2551
bulletรายงานสดม็อบสนธิ-จำลอง-ปชป.เป่านกหวีดวันที่2/27ส.ค.2551
bulletใบปลิว อีเมล์ ในหลวงทรงร้องไห้
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 1
bulletในหลวงเพิ่งทราบข่าวฆ่าประชาชน10เมย.53ทรงร้องไห้
bulletบันทึกลับเสื้อแดงผู้รอดชีวิตจากทำเนียบรัฐบาล
bulletบันทึกลับเสื้อแดงผู้รอดชีวิตจากทำเนียบรัฐบาล
dot
รวมข่าวม็อบการเมืองสนธิ-จำลอง-ปชป.มิ.ย.51-เม.ย.52 นสพ.
dot
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 2
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 3
bulletรวมข่าวม็อบ30มิ.ย.51-23มี.ค.52
bulletเลือดศรีสะเกษบันทึกเรื่องราวรอบด้านเกี่ยวกับเขาพระวิหาร
bulletรายงานการโฆษณาชวนเชื่อในประเทศไทยที่ล้มล้างรัฐบาลทักษิณ
bulletหนังสือพิมพ์ดี ของฟรีให้เปล่ามา20ปีแล้วทั้งเอกสารและอินเทอเนท
bulletหนังสือพิมพ์ดี ( อินเทอเนต ) เล่ม 1 - 44 - ล่าสุด
bulletหน้าที่เก็บไว้
bulletมูลนิธิพระเทพวรมุนี(เสน ปญฺญาวชิโร)
bulletวัดมหาพุทธาราม ศรีสะเกษ บันทึกเหตุการณ์
bulletสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดศรีสะเกษแห่งที่ 1
bulletเกี่ยวกับเวบไซต์ของเรา เราทำเพื่อปัญญาชนโดยแท้
bulletรวมกระทู้เด็ดจากกระดานถามตอบ
bulletคาถาอาคมไสยศาสตร์
bulletกวีนิพนธ์ใหม่
bulletศูนย์ปฏิญญาณละเลิกอบายมุข บัญชีที่ 1- 4


ศึกษาโลกลี้ลับภาค 11
ศึกษาโลกลี้ลับภาค 11

ศึกษาโลกลี้ลับภาค 11

 

เสียงทิพย์ดนตรีแห่งเทพเจ้า

22 ธ.ค.2549

19.00 น.

เสียงประหลาด

เสียงดังแหลมเล็กสนั่น กระชั้นมาตั้งแต่เช้าตรู่ ตอนตื่นนอน   วันนี้เสียงดังมาก  เช้า ๆ สนั่นหูไป หมด  ขณะนี้แม้ชมโทรทัศน์อยู่  ก็ยังดังลั่นสนั่นไปหมด

 

เสียงดังมากขึ้นในวันนี้อย่างน่าสังเกต เริ่มตั้งแต่เช้าตรู่เวลาตื่นนอน  ไปตลอดวัน  จนรู้สึกผิดสังเกตและวิตกว่าจะเริ่มมีปัญหาหรือไม่  ในการที่จะหนวกหู  เหมือนฟังเสียงอะไรที่ดังเกินไปนาน ๆ

 

ดร.แวะมาเวลาเที่ยงวันเศษ ๆ   มอบผ้าไตรไปไปร่วมทำบุญ3ไตร  ไปโนนเปือยโนนค้อ

อากาศหนาวมาก ๆ   9 องศาต่ำสุด  ข่าวว่าอีก2-3วันก็จะอุ่นขึ้น

 

23 ธ.ค. 2549

05.00-07.00 

 

เสียงทิพย์ ดังแหลมเล็กถี่  เหมือนเมื่อวานนี้ 

เป็นเสียงดังไปอีกระดับหนึ่ง  เพราะแม้เวลาดูโทรทัศน์ หรือพูดคุยกับญาติโยม ก็ไม่รา

 

สิ่งที่สังเกตได้ก็คือ  เสียงทิพย์กำลังก้าวหน้าไปเองโดยอัตโนมัติ  เราไม่ต้องปฏิบัติอะไร  สมาธิก็ไม่ต้อง  ทำสติปัฏฐานก็ไม่ได้ทำ  เพ่งฌานก็ไม่  แต่เสียงทิพย์ได้ยกระดับสูงขึ้น  คือถี่กระชั้นขึ้นและดังขึ้น แหลมเล็กขึ้นไปเองโดยอัตโนมัติ  นั่นหมายถึงมีความก้าวหน้าไปเองโดยอัตโนมัติเลยทีเดียวโดยไม่ต้องทำอะไร   จะทำการบันทึกข้อมูลเอาไว้ ตั้งแต่บัดนี้

 

24 ธ.ค.2549

05.00-07.00 น.

 

ช่วงเวลาตื่นนอน  เสียงระงมสนั่นที่สุด  วันนี้เหมือนเมื่อสามวันที่แล้ว

 

25ธ.ค.2549

05.00-07.00 น.

 

ช่วงเวลาตื่นนอน อากาศหนาวมาก  เสียงกระชั้นสนั่นในห้องนอน

 

14.10 น.

เสียงซอทิพย์

เสียงเหมือนเดิม 

ลักษณะของเสียงเป็นดังนี้    ฟัง ๆ เหมือนเสียงสีซอชนิดหนึ่ง ที่ถี่และมีการเสียดสีอย่างเบาบางและกระชั้น  มีความละเอียดละเมียดละไม แหลมเล็กมากแต่ไม่บาดหู ฟังรื่นหู  แม้ว่าเป็นเวลากลางวัน แดดข้างนอกเจิดจ้า  จะตั้งใจฟังหรือไม่ตั้งใจฟังก็ได้ยินสนั่น

 

เราจะพยายามสังเกตการณ์ในประเด็นเสียงทิพย์นี้อย่างใกล้ชิด และบันทึกข้อมูลลงไว้ติดต่อกันไปทุกวัน ๆ

 

 

17.00 น.

เก๋งดำคันงามมารับไปบ้าน โยมเอมอร โกลละสุต บวชลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียว เขานิมนต์ให้ขลิบผม และให้ให้โอวาท

 

เสียงได้ติดตามไปถึงบ้านโยม  ไม่ดังสนั่น  พอกลับมาที่กุฏิ  ดังขึ้นอีก

 

ข้อควรสังเกตก็คือ  เสียงดังมากเมื่ออยู่ในกุฎีที่พัก เมื่อออกไปข้างนอกเสียงจะลดลง  แต่พอเข้าไปในอาคารเสียงจะดังขึ้นไปอีก

 

 

 

26 ธ.ค.2549

05.00-07.00 น.

 

สมมติฐานสำคัญ

 

 เสียงเป็น2ส่วน  เป็นเสียงที่ประสานกัน  ส่วนที่ 2 เสียงกลมใหญ่กว่าและกังวาน แต่ปร่า ไม่สนิทเป็นเนื้อเดียวกัน   นี่เป็นอีกขั้นตอนหนึ่งของเสียงทิพย์ที่ก้าวหน้าไป

 

09.30 น. 

 

ขณะบวชนาคในอุโบสถ เสียงสนั่นลึกล้ำ กินลึก  ยิ่งนิ่งฟังยิ่งกินลึก

 

เสียงที่นำทางสู่เทวโลก

เรามีสมมติฐานไว้แล้วว่าเสียงนี้คือประตูไปสู่เทวโลกและยมโลก  และจากเทวโลก ยมโลกมาสู่เราเคยได้พบมาแล้วครั้งหนึ่ง  เสียงแหลมเล็กได้นำไปถึงนรกโลกันต์ แดนที่เทวทัตถูกลงโทษ  และเห็นความเป็นไปในนรกขุมนั้น  (เล่าไว้แล้วแต่คราวก่อน)  เกิดเสียงขึ้นก่อนแล้วดูเหมือนวูบไปกับเสียงนั้น พบตัวเองไปยืนอยู่ปากขุมนรกนั้นแล้วเห็นเหตุการณ์ที่เรานึกเอาเองว่าเป็นนรกอเวจีและบุคคลที่เห็นคือเทวทัตถูกลงโทษอยู่  เพียงแต่เสียงครั้งนั้นเกิดขึ้นชั่วประเดี๋ยวเดียวคล้าย ๆ นำทางไปถึงที่หมายแล้วหายไป และเราไม่รู้ต้นสายปลายเหตุว่าเกิดเป็นขึ้นได้อย่างไร  เราไปอย่างไร?  อะไรที่ไปและเห็น?  ครั้นเราอยากไปอีกครั้งจะต้องทำอย่างไร?

 

เราจึงคิดว่าเสียงนี้แหละ น่าจะเป็นทางไปและมา ของเทวโลก ยมโลก  เรากำลังจะได้ประโยชน์เช่นนั้นหรือไม่ เพราะบัดนี้เสียงมาสู่เราอย่างยาวนานและกำลังพัฒนาไปด้วยตัวเสียงเอง

 

16.00 น.  

     

แม้ขณะนี้เสียงก็สนั่นอยู่ในกุฎีที่พัก  แต่เสียงส่วนที่ 2 ที่สังเกตได้เมื่อเช้าหายไป  แน่ละเสียงส่วนที่2 เป็นส่วนที่เพิ่มเข้ามาให้เกิดการกระชั้นถี่และแรงขึ้น  อาจจะมีเสียงประสานส่วนที่3 – 4 – 5  ตามมาก็ได้

 

19.20 น.

 

เสียงตามไปถึงเมรุแล้ว ขณะไปสวดพระอภิธรรม  แต่ยังไม่แรงมาก  แต่แผ่ครอบคลุมเมรุแล้ว

 

23.00 น. 

เสียงดังสนั่นแต่คนไม่ได้ยิน

เสียงดังมาก  มีเสียงอื่น เสียงกบร้องเป็นหมู่ ๆ อยู่รั้ววัดด้านธนาคาร  และเสียงอื่น ๆ อีก

เมื่อเข้านอนเสียงระงมมาก ๆ  แทบว่านอนอยู่ท่ามกลางเสียงหมู่แมงอีที่เคยพบมาระหว่างเดินป่า

เพียงแต่ เราได้ยินคนเดียว

 

 

27 ธ.ค. 2549

05.00-07.00 น.

 

วันพระ  เสียงสนั่นเมื่อตื่นนอน  นี่เป็นเวลาที่เสียงแรงมาก ๆ กว่าช่วงเวลาอื่น ๆ

 

17.00 น.

 

ขณะพาหมู่สงฆ์และญาติโยมนักปฏิบัติธรรม สวดมนต์ ประกอบพิธีพิเศษวันปีเก่า  เสียงซ่อนอยู่ในเสียงของหมู่นก 

 

28 ธ.ค. 2549

 

มีกิจนิมนต์ไปขึ้นบ้านใหม่ชาวอังกฤษได้เมียไทย  เสียงก็ตามไป

 

29 ธ.ค. 2549

 

05.00- 07.00 น.   เหมือนวันวาน

 

07.00                   ณ บ้าน พิธีการแต่งงาน สาวไทย- เจ้าบ่าวอเมริกัน  เสียงได้ติดตามไป ซ่อนแฝงอยู่ลึก ๆ

 

0830 น.             ในงานส่งท้ายปีเก่าของโรงเรียนวัดมหาพุทธาราม ท่ามกลางนร. 2500 คน เสียงก็ยังอยู่

 

30 ธ.ค. 2549

วันเสาร์

 

05.00-07.00  เหมือนเช้าวานนี้

 

 

สมาธิเสริมพลังท่วมเสียงอื่น

31 ธ.ค. 2549

วันอาทิตย์

ข่าวระเบิดกรุง 9 จุด

19.40 น.

ขณะชมข่าว ภาคค่ำ  ตั้งแต่ข่าวระเบิดในที่ต่าง ๆ ในกทม 9 จุด แต่แค่ตาย2คน บาดเจ็บหลายคน ไปถึงข่าวในหลวงทรงอำนวยพรปีเก่าปีใหม่แด่ปวงชนชาวไทยสังเกตได้ว่าเสียงทิพย์ดังสนั่นก้องไปในกุฎี  เสียงถี่ ใส และผสานเป็นหนึ่งเดียวอย่างสนิท  เหมือนเสียงแมงอีแต่เสียงเล็กกว่ามาก  เป็นระดับเดียวกับที่ได้ยินเวลาตื่นนอนเวลาเช้าตรู่ ของวันนี้

 

โดยปกติและโดยทฤษฎี เสียงดังขึ้นเพราะจิตสงบเมื่อเอาใจใส่ในเรื่องอื่นเสียงจะเบาลง  แต่นี่ไม่เป็นเช่นนั้น  แม้จะดูโทรทัศน์อยู่  เสียงก็เร่งดังขึ้นท่วมกุฎิ ครอบเสียงอื่น ๆ

 

เวลาเสียงเร่งถี่แรงขึ้น ดูน่าเกรงและน่ากลัวเหมือนกัน  ดูดั่งแฝงความลึกลับเอาไว้ และเราไม่ทราบว่าจะมีอะไรมากับเสียงลึกลับเหล่านี้  และหากไปอยู่ป่าช้า เสียงคงจะก้องขึ้นเต็มป่าช้า  แล้วอะไรจะเกิดขึ้น?

 

22.00 น. 

 

ออกไปนอกกุฎีที่พัก เดินชมแสงจันทร์กลางฟ้า  ยังได้ยินเสียงทิพย์กระชั้นอยู่รอบตัว เหนือหัวข้างบน  บนฟ้า   แต่เบา  หนักแน่น  ถี่  กระชั้น  ไกล ๆ  น่าวิตกมาก

เมื่อเข้าไปในกุฎิเสียงยิ่งกระชั้นและสนั่นกว่าข้างนอก

 

เพราะอะไรวันนี้เสียงจึงดังขึ้นมาก?

เพราะใจเป็นสมาธิจากการสนใจข่าวระเบิดกรุง 8 จุด

 

 

ปีพุทธศักราช 2550

 

ท่องโลกไซเบอร์

1 ม.ค 2550

2 ม.ค. 2550

3 ม.ค. 2550

4 ม.ค. 2550

5 ม.ค. 2550

6 ม.ค. 2550

7 ม.ค. 2550

8 ม.ค. 2550

9 ม.ค. 2550

ตั้งแต่เปิดศักราชใหม่ 2550 เราปลีกไปจากการปฏิบัติธรรมทั้งสิ้นไปสู่โลกไซเบอร์ และเราก็มีงานการมากมายในโลกนั้น ที่สนุกไปอีกแบบหนึ่ง ด้วยการท่องไปทั่วโลก เช่นเราดูทีวีอินเดีย คือ TV9 ทางดาวเทียมInsat2E แล้วยังไม่เข้าใจอะไรเป็นอะไร เราเห็นจะต้องตามไปดูหน่อย ทางเวบไซท์ คือ www.tv9.net เป็นต้น แล้วได้เรื่องราวอะไรที่เป็นธรรมะก็จะได้เสนอออกทางเวบไซท์ของเราต่อไป ในรายการเฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้ว  ที่แสดงภูมิปัญญามองโลกทั้งโลกด้วยพุทธิปัญญาของเรา

 

อย่างไรก็ตาม  ตลอดเวลาที่ผ่านมา  เสียงทิพย์ก็มิเคยจากไป  มีบ้างที่ขาดหายไปเป็นระยะ ๆ แต่เช้าและเย็นยังดังสนั่นอยู่ 

 

 

จาริกสู่ห้วยน้ำคำ

10ม.ค.2550

เจ้าตัวดำใหญ่

ฉันเพลแล้วเดินไปสวนราชสักการะเลยไปถึงฝั่งอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำคำด้านวัดหนองยาง แวะเข้าไปชมเกาะที่ตั้งศูนย์วัฒนธรรมเมืองศรี  ที่สร้างอย่างอลังการมากในนามเทศบาลเมืองศรีสะเกษ   แล้วออกเดินต่อไป ว่าจะสำรวจบริเวณปักกลดด้านตะวันตกของอ่างใหญ่แห่งนี้  แต่เข้าไปไม่ได้ เพราะมีวัวเกลื่อนทุ่งไปหมด และเจ้าตัวดำใหญ่ที่ปากทางเบิ่งมอง ทำท่าจะลากหมุดที่ปักล่ามไว้ชาร์จเข้ามา  แต่ก็พอเห็นอะไรเป็นอะไร  แล้วออกจากอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำคำ ไปสวนสมเด็จ เข้าไปในถนนขวามือไปวัดคูเมือง ถามทางคนไป 

 

หมาดุคู่ปรับเก่า

เจอหมาดุศัตรูคู่ปรับเก่า แต่แคล้วคลาดไปได้ 2 ครั้ง ตัวแรกดุมาก เห่าโฮ้ง ๆ เข็ดเขี้ยว น้ำลายฟูมปาก ควบเข้ามาอย่างเอาตาย  พอดีโดนฆ้อนของประชาชนที่นั่งกินอาหารอยู่ใกล้ ๆ ร้องเอ๋งไป เขาคงเห็นว่ามันพาล ไร้เหตุผลเกินไปและคงบ่อยครั้ง จึงประเคนเข้าให้ด้วยฆ้อน   

 

พอเข้าไปบ้านคูเมือง เจ้าตัวดำใหญ่มันเดินง่วนไปมาอยู่ถนนหน้าบ้านหลังนั้น ดูมันล่ำดีเหลือเกินและท่าทางดุจริง ๆ   แต่พอไปถึงมันกลับนอนลง หน้าประตูบ้าน ไม่เห่า  ได้แต่มองมาด้วยตาแดงดุ ก็เลยรอดตัวไป  ที่จริงเราเข้าใจดีเรื่องกลยุทธของหมา  เพียงแต่เราเดินเฉยเท่านั้นเอง ทำอารมณ์ให้อยู่เหนือความกลัว  ไม่ตกใจเท่านั้นเอง เอาขายื่นให้มันงับมันก็ไม่กล้างับ เวลามันชาร์จเข้ามาอย่างเอาเป็นเอาตาย จริง ๆ มันไม่กล้าหรอก ใจมันคิดว่าเราจะกลัวมันหรือไม่ ถ้ากลัวจักขย้ำ ถ้าไม่กลัวก็แล้วไป  จากการวิจัยหลายครั้งพบว่ามันคิดเช่นนี้จริง ๆ  เรารู้แล้วก็หัวเราะเยาะมันไปเลย  เราก็สบายใจ  

 

มีโยมอาสาไปส่ง 2 ราย เราบอกว่ามาธุดงค์ขอเดินไป   มียายอายุ 85ปีนิมนต์ให้ดื่มน้ำก่อนแล้วถวายเครื่องดื่มไวตามิลค์1ขวด

  

แว่วเสียงทิพย์ในสวนสมเด็จฯ

กว่าจะไปถึงสวนสมเด็จก็บ่าย3คล้อยแล้ว คนบางตา จึงนั่งได้นาน ร่วม ๆ 2 ชั่วโมงเห็นจะได้  จนเย็นแล้ว  แดดอ่อนลง  พลันได้ยินเสียงแว่วสนั่นขึ้น  เราจึงระลึกได้ว่า เสียงทิพย์ได้ขาดหายไปตลอดตั้งแต่ฉันเพลแล้ว  บัดนี้ได้ดังแว่วขึ้นอีกครั้งหนึ่ง  รู้สึกตื่นเต้นดีใจมาก  เพราะคิดว่าเป็นเสียงแห่งความเป็นมิตรที่คอยติดตามไปทุกหนทุกแห่ง และเราได้ลืมไปว่าเสียงหายไปตั้งแต่เช้าแล้ว พอเสียงบรรเลงขึ้นก็ระลึกได้   สังเกตว่าเสียงดังอยู่เหนือสวนสมเด็จ  อยู่บนท้องฟ้า  ยังแว่ว ๆ ค่อย ๆ  เราคิดว่าถ้าเสียงลงมาสู่สวนสมเด็จแล้วคงสนั่นหวั่นไหวมากเพราะเสียงจะสะท้อนไปตามหมู่ไม้ที่หลายหลากแน่นขนัด   แต่เสียงยังไม่ลงมา  ยังดังอยู่เหนือสวน อยู่เบื้องบน

 

- เราต้องการสอบสภาพกายจิตว่าเป็นอย่างไร  ภายหลังไปมั่ว ๆ อยู่กับโลกไซเบอร์ ร่วม 10 วันแล้ว

 

เราออกเดินเลียบไปตามลำห้วย เลยสะพานด้านใต้ไป  มีที่เหมาะมากสำหรับปักกลด และศึกษาราตรีที่นี่ สวนยามค่ำคืนดูจะสงบสงัดมาก  และกลางคืนจะไม่มีคน  มีแต่เสียงปลาและสิงสาราสัตว์  เป็นธรรมชาติมาก แต่จะมีอมนุษย์หรือไม่?  น่าคิดมาก     คิดว่าจะลองมาปักกลดในสวนสมเด็จสักระยะหนึ่ง  ข้ามคืนที่นี่น่าจะได้อะไรดี ๆ มากเลย เราอยากศึกษาว่าเสียงทิพย์จะมีปฏิกิริยาอย่างไร  ออกจากสวนมาไม่ทันนานเท่าไรก็19.00น.เสียงระฆังของสวนบอกเวลาปิดบริการ เป็นเวลาปิดสวน เราเดินช้า ๆ กลับวัด  เสียงทิพย์ติดตามไปจนถึงวัด  และสนั่นขึ้นเมื่อมาถึงกุฎีขณะนี้

 

11 ม.ค. 2550

12 ม.ค. 2550

 

13 ม.ค. 2550

วันเสาร์

ชื่นชมสวนสมเด็จ

ทำหนังสือ 1 ฉบับ เรื่องธุดงค์

 

ถึงผู้พิทักษ์สวนลำดวนงาม

 

 

วัดมหาพุทธาราม

167/1  ถนนขุขันธ์ตำบลเมืองเหนือ

อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ   33000

โทร. 045622455,   085-7694-431

 

13  มกราคม 2550

 

เรื่อง                     ขอปรึกษาช่องทางปฏิบัติธุดงค์กรรมฐานในสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์

เจริญพร                ผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรกรรมศรีสะเกษ

สิ่งที่ส่งมาด้วย     - หนังสือศึกษาโลกลี้ลับ รายงานการฝึกอบรมพระวิปัสสนาจารย์

คณะสงฆ์ภาค10 ประจำปี2549  จำนวน 5 เล่ม

- บทกวีชื่นชมสวนสมเด็จ

 

ด้วยอาตมภาพได้พากเพียรในการปฏิบัติธรรมธุดงค์กรรมฐานมาเป็นเวลานาน ครั้งหลังสุดได้มีโอกาสเข้ารับการฝึกอบรมตามหลักสูตรพระวิปัสสนาจารย์ของคณะสงฆ์ภาค 10 ณ ศูนย์การคณะสงฆ์ภาค 10 อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี แล้วเกิดความเข้าใจในหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปตามลำดับ  โปรดอ่านพิจารณาจากหนังสือรายงานการฝึกอบรมฯ ที่ส่งมาด้วย 

เนื่องจากการศึกษาทางธุดงค์กรรมฐานชั้นละเอียดอ่อนนี้  ต้องการสถานที่ที่สัปปายะหรือที่มีความสงบสะดวกและสบายตามควรแก่งานกัมมัฏฐาน  โดยปกติอาตมภาพจะใช้สถานที่พิจารณาพระธรรมกรรมฐานนี้อยู่ 2 แห่งคือ  สุสานสุขาวดี ศรีสะเกษ   และอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำคำ  เพราะมีความสะดวก  อยู่ใกล้วัดที่สังกัดอยู่  และมีความเหมาะสมสำหรับการปฏิบัติธุดงค์กรรมฐาน  และอีกแห่งหนึ่งที่อาตมภาพมาบ่อย ๆตามเวลาทางราชการที่เปิดให้สาธารณชนใช้เข้าไปพักผ่อนได้ก็คือสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์นี้  เนื่องจากมีหมู่ไม้ มีบึง  ปลา และสิงสาราสัตว์และมีบริเวณสะอาด สงบและกว้างขวาง   เป็นธรรมชาติที่รื่นรมย์มาก และได้พบว่าแม้เวลากลางวันก็ยังผลให้การปฏิบัติทางอารมณ์กรรมฐานเกิดความรื่นรมย์ ทำสมาธิจิตให้เกิดขึ้นเร็วและคล่องแคล่ว   เวลากลางคืนคงจะสงบสงัดเหมาะแก่การพิจารณาธรรมะ  และปฏิบัติธุดงค์กรรมฐานชั้นสูง   เป็นอย่างยิ่ง

ในโอกาสที่อาตมภาพเตรียมการธุดงค์ข้ามชาติ โดยเดินทางไปปฏิบัติธุดงค์กรรมฐานในต่างประเทศ จึงอยากมีโอกาสมาปฏิบัติ เพื่อการทบทวนตรวจสอบสภาพวิชาภาคภายใน คือสมาธิ วิปัสสนา และกรรมฐานอื่น ฯลฯ ในบริเวณสวนสมเด็จฯนี้สักครั้ง  โดยการปักกลดปฏิบัติธุดงค์กรรมฐานในเวลากลางคืน ภายในบริเวณป่าขอบนอกด้านตะวันตกของสวนสมเด็จฯแห่งนี้   ซึ่งอาตมภาพพิจารณาแล้วไม่เป็นผลเสียหายอย่างไรแก่สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์เลย  เพราะการปฏิบัติธรรมกรรมฐานธุดงค์นั้น เป็นการอยู่กับธรรมชาติ  มีอยู่โคนไม้เป็นวัตร  อยู่ป่าเป็นวัตร  อยู่ป่าช้าเป็นวัตร  ถือจีวร3ผืนเป็นวัตร  บิณฑบาตหนเดียวเป็นวัตร  เป็นต้น  จักไม่มีการเปลี่ยนแปลงทำความเสียหายแก่ธรรมชาติแต่ประการใด  และมิใช่อยู่อย่างถาวรอะไร แต่เป็นการมาครั้ง ๆ คราว ๆ เช่นเดียวกับการไปป่าช้า หรือสุสานสุขาวดี  อนึ่งยังเป็นการริเริ่มสร้างประโยชน์อีกทางหนึ่งในด้านการเอื้อแด่การปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนาได้ชื่อว่าอุปการะแด่พระพุทธศาสนาเป็นอย่างดี เป็นเหตุแห่งกุศลกรรมอันมีอานิสงส์สูงส่งอีกด้วย

ฉะนั้นจึงขอปรึกษามาว่ามีช่องทางหรือระเบียบของสวนนี้ที่อาจอนุญาตให้อาตมภาพมาปักกลดปฏิบัติธรรมกรรมฐานในเวลากลางคืนตามปรารภข้างต้น ได้เพียงใดหรือไม่?  หากสามารถอนุญาตให้ได้ก็จะขออนุญาตไว้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปตามความเหมาะสม โดยได้กรุณาทำหนังสืออนุญาตแด่อาตมภาพด้วย  อนึ่งหากท่านสนใจเรื่องราวส่วนตัวของอาตมภาพและการปฏิบัติธรรมกรรมฐานโปรดเข้าไปศึกษาได้จากเวบไซท์ส่วนตัวของอาตมภาพคือ  HYPERLINK  http//www.newworldbelieve.net  ซึ่งในเวบนี้จะมีประวัติและแผนงานการธุดงค์ของอาตมภาพอยู่อย่างละเอียด  โดยเฉพาะเรื่อง การศึกษาโลกลี้ลับซึ่งเป็นการรายงานการปฏิบัติธรรมธุดงค์กรรมฐานมาอย่างต่อเนื่องและรายงานสดวันต่อวันต่อจากภาค4ในหนังสือเล่มที่ส่งมาด้วย  ซึ่งในเวบไซท์ปัจจุบัน ได้รายงานมาถึงภาค 11 และเรื่องราวของการปฏิบัติธรรมวันต่อวันขณะนี้จะอยู่ในภาค 11 นี้

อาตมภาพหวังว่าจะไม่สร้างความลำบากใจแต่ประการใดแด่เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลรักษาสวนและทางวิทยาลัยเกษตรกรรมผู้บริหารจัดการสวนแห่งนี้ แต่หวังว่าทั้งสองฝ่ายคือทางสวนสมเด็จและทางฝ่ายสงฆ์คืออาตมภาพและวัดมหาพุทธาราม ตลอดทั้งพระนักธรรมกรรมฐานธุดงค์ทั้งหลายจักได้ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น

 

 

          ขอเจริญพร

 

          (พระพยับ ปญฺญาธโร)

          ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาพุทธาราม

 

 

บทกวีที่ชื่นชมสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ศรีสะเกษ

 

แล้วลมหวนลำดวนกลิ่นรินรินรื่น                   ดอกดวนดื่นพนารักษ์สมศักดิ์ศรี

โอ้ดวนเอ๋ยเชยใดในปํถพี                                   มิแม้นเหมือนลำดวนนี้น่าภิรมย์

ถึงดอกฟ้าบุษบาปาริชาติ                                    มณฑาทิพย์ทิวสะอาดละอองฉม

มิแม้นเหมือนลำดวนดินถิ่นนิยม                     ได้ชื่นชมกว่าฟ้าลดาไกล

 

ข้าอยู่ดินถิ่นสวนลำดวนงาม                             หน่อพระนามสยามิศรอดิศศร

ท่ามพงษ์เผ่าชาวพิมลพลนิกร                           ศรีนครลำดวนแดนแผ่นไพบูลย์

แม้นลำดวนบานนานสะท้านถิ่น                     ชนนีศรีนครินทร์บดินทร์สูร

ถึงท่วมดินกลิ่นตระหลบอบอาดูร                    ไม่หอมปูนธรรมรสหมดอาลัย

 

·       จาก   บทกวีนิพนธ์แห่งความรัก, ส.ค.ส.จากหลวงพี่ 2536 หน้า 355- 360

 

 

หนังสือที่มัดใจ ศึกษาโลกลี้ลับ

 

3 วันมานี้ ณ วัดมหาพุทธาราม มีญาติโยมมาจากสารทิศต่าง ๆ มากมายมาร่วมแสดงมุทิตาสักการะในการได้สถาปนาสมณศักดิ์ของ เจ้าคณะตำบลเมืองเหนือ ผช.จร วัดมหาพุทธาราม ที่พระครูวิธานวัชรกิจ

 

ในการนี้เจ้าอาวาส พระศรีธรรมนาถมุนี ได้จัดพิมพ์หนังสือแจกเป็นของชำร่วย ชื่อ

 

รายงานการฝึกอบรมพระวิปัสสนาจารย์

คณะสงฆ์ภาค 10 ประจำปี 2549

ศึกษาโลกลี้ลับ

โดย

พระอาจารย์พยับ ปญฺญาธโร

 

(ภาค1-4) จำนวน 1,000 เล่ม ไม่พอแจก  เป็นเรื่องของเราเอง ท่านเจ้าคุณพระศรีธรรมนาถมุนี ดำเนินการให้แพร่หลายออกไป เพื่อเกียรติประวัติของวัดมหาพุทธาราม และศรีสะเกษ

 

สำหรับเรามองว่า  เป็นการมองกาลไกลของท่านเจ้าคุณพระศรีธรรมนาถมุนี  มองด้วยเมตตาจิตและกรุณา  น่าชื่นชมในจิตใจอันกว้างใหญ่และภูมิปัญญาอันแหลมคมของท่าน

 

 

เริ่มต้นเรื่องราวสตรีประหลาด

14 ม.ค. 2550

วันอาทิตย์

09.00 น.

บวชพระ 1 รูป  ธเนศ บริบาล บุตรวิเชียร บริบาล แล้วให้มาอยู่ด้วย ในฐานะเป็น  หลวงลุง  ให้เป็นอาจารย์ฝึกอบรมให้ บวช 15 วัน

 

ให้จำวัตรในห้องข้างบน เราลงมาจำวัตรในอิริยาบถ3 ณ เก้าอี้ ข้างล่าง

 

10.10 น.           โทรศัพท์ทางไกลปรึกษาปัญหาชีวิต 45 นาที  (สนร.)

 

 

15 ม.ค.2550

 

ที่ปรึกษาปัญหาชีวิต

ตลอดวันวานนี้และวันนี้ มีญาติโยมยกคณะกันมาหาตลอดทั้งวัน ทั้งต้องดูแลบอกสอนพระใหม่อีกด้วยจนเหน็ดเหนื่อย และอ่อนเพลียมาก ทั้งไออีกด้วย

 

09.30 น.           โทรศัพท์ทางไกลปรึกษาปัญหาชีวิต  90 นาที

 

18.00 น.           โทรศัพท์ทางไกลปรึกษาปัญหาชีวิต  96 นาที

 

 

ระลึกดนตรีในป่าช้า

16 ม.ค.2550

วันครู

 

00.20 น. 

รำพึงถึงธุดงค์

ตื่นขึ้นมากลางดึกเวลาประมาณ 00.20 น. ได้ยินเสียงสนั่นอยู่ในกุฎี  นี่เป็นคืนที่ 2 ที่ย้ายลงมาจำวัตรข้างล่างและอยู่ในอิริยาบถ 3 บนเก้าอี้ตัวโปรด หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ และจอแก้ว  

 

- ดำริว่าจะไปสุสานสุขาวดีหรือจะเดินตามแผนไปเลย

- คงจะต้องออกหนังสือพิมพ์ดี ฉบับสุดท้ายของปี 2549 เสียก่อน  จะรีบทำให้เสร็จภายใน 15 วันที่

  ธเนศ มาบวชด้วยนี้

 

-          การไปอยู่ป่าระยะนี้ น่ามีเรื่องตื่นเต้นประหลาดเกิดขึ้นอย่างแน่นอน  อันเนื่องมาจากเสียงทิพย์นี้ นึกภาพนั่งคนเดียวกลางป่าช้า สุสานสุขาวดีอันกว้างใหญ่ (ถึง 500 ไร่) แล้วเสียงทิพย์บรรเลงขึ้นกึกก้อง สนั่นหวั่นไหว  นึก ๆ ก็อาจจะเหมือนดนตรีแห่งป่าช้าในปี 2533 โดยเฉพาะในโพนเขวาที่ดังสนั่นอื้ออึงในหูเป็นเวลานานถึง 6 ชั่วโมง ถึง 02.00 นาฬิกาจึงหยุดไป  แต่เสียงทิพย์นี้ เป็นเสียงที่อยู่นอกการควบคุมของเรา  ไม่สามารถให้หยุดได้  มันดังขึ้นของมันเองแล้วเราหยุดไม่ได้  ไม่เหมือนวิชาเปิดป่า หรือวิชาเปิดถ้ำ  เมื่อเปิดแล้วก็ปิดได้ด้วยอำนาจควบคุมของเราเอง  

 

- เราจะพบอะไรบ้าง เมื่อไปอยู่สวน ป่าใหญ่ หรือป่าช้า อีกครั้งหนึ่ง  นี่เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นทีเดียว และเราคงจะต้องเตรียมการอย่างดี ไม่ประมาท  แต่แท้จริงก็ไม่น่ามีอะไรลำบากยากเย็น เพราะป่าและสุสานเปรียบเสมือนบ้านของเราอยู่แล้ว เราจะไปเมื่อไรก็ได้  และตามแผน ก็วางไว้ว่า สุสานจะเป็นที่พำนักรายทางระหว่างออกเดินทางครั้งใหม่นี้

 

รำพึงถึงแดนใต้

- แท้จริง  แผนเรายังไม่ลงตัวนัก  อาจจะเปลี่ยนแผน เราควรจะเดินทางไปเหยียบแผ่นดินใต้บ้างไหม?  เคยไปหลายครั้งแล้วตั้งแต่เป็นฆราวาส  บัดนี้เป็นสมณะ ลองไปอีกครั้งเผื่อแผ่นดินจะสงบลง    เทวดา อมนุษย์ที่นั่นก็คงต้อนรับเรา? (เพิ่งได้ความคิดนี้มาจากการพูดคุยกับพระศรีธรรมนาถมุนี)

 

09.00 น.         ณ พิธีกรรมวันครู ศรีสะเกษ ร.ร.ศรีสะเกษวิทยาลัย

 

14.34 น.           โทรศัพท์ทางไกลปรึกษาปัญหาชีวิต  97 นาที

 

19.00 น.           โทรศัพท์ทางไกลปรึกษาปัญหาชีวิต 41 นาที

 

 

ทฤษฎีวิสัญญีจิตโพล้เพล้

 

ข้อสังเกตจากความป่วยไข้

20.30 น.           เข้าที่หลับ-นอน ในอิริยาบถ 3

 

23.50 น. 

-      ตอน 5 ทุ่มเศษ ๆ ท้องเสียอย่างแรง  สมาธิแตก  ลุกไปเข้าห้องน้ำ โผเผ เหน็ดเหนื่อยมาก

 

-     ในขณะนั้นเสียงทิพย์ระงมไปหมด สนั่นอยู่ในกุฎี รอบ ๆ ตัว

 

-    นี่เป็นสิ่งที่ประหลาดจริง ๆ   เกิดความคิดว่า  หรือ สภาวะจิตใกล้ความตาย จะเป็นทางไปสู่โลกอื่น  ที่ดูสอดคล้องกับ ทฤษฎีจิตโพล้เพล้ ที่เราสรุปลงอย่างแน่นอนแล้ว 

 

-  ลองศึกษาความมีเหตุมีผลทำนองนี้กับ ทฤษฎีความเย็น(ลดอุณภูมิในกายลงไปเรื่อย ๆ จนเย็นเฉียบถึงกระดูกไขสันหลัง และในสภาวะนั้นเหมือนคนใกล้ตาย)   ที่เคยมีสมมติฐานเอาไว้และได้ทำการทดลองในป่าช้าโพนเขวาปี2533นั้น

 

 

เรื่องราวประหลาด

 

17 ม.ค. 2550

โทรศัพท์จากแม่บ้าน

08.05 น.           โทรศัพท์ทางไกลปรึกษาปัญหาชีวิต 31 นาที 

 

-  บอกว่าเป็นแม่บ้าน แอบโทร.มา เล่าเรื่องสตรีประหลาดให้ฟัง เราฟังแล้วก็นึกว่าประหลาดจริง น่าติดตาม  แต่เล่ายังไม่จบบอกว่ามาแล้ว เธอกำลังมาแล้ว ก็บอกลา วางหูโทรศัพท์

 

09.55 น.  

ดร.โทร.มา ว่าสิงคโปร์งง รัฐบาลสุรยุทธไทยตัดโครงการความร่วมมือระหว่างไทย-สิงคโปร์ไป 3 โครงการ  สิงคโปร์ไม่เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร อยู่ ๆ ก็โดน? แค่พบกับคน ๆ หนึ่งเท่านั้นเอง

 

12.00 น.           โทรศัพท์ทางไกลปรึกษาปัญหาชีวิต  41 นาที 

 

18.10 น.           โทรศัพท์ทางไกลปรึกษาปัญหาชีวิต 96 นาที

 

-  ดูเหมือนเรากำลังเผชิญเรื่องแปลกลี้ลับไปอีกแนวหนึ่งเข้าแล้ว

 

 

18 ม.ค. 2550

(วันพระ แรม 14 ค่ำเดือน ยี่ ปีกุน)

 

-      ระหว่างนี้ได้รับโทรศัพท์ ที่ปรึกษาปัญหาชีวิตเข้ามามากบ้างน้อยบ้าง  แต่มีรายที่แปลก ๆ และมีเรื่องราวมาก จะบันทึกไว้ก่อนเพื่อเป็นข้อมูล

 

  12.00 น.       โทรศัพท์ทางไกลปรึกษาปัญหาชีวิต  95 นาที

-          ตอนเช้าลงศาลาการเปรียญ ญาติโยมมาทำบุญถวายทานและภัตตาหาร และฟังธรรม โดยปกติเจ้าคุณพระศรีธรรมนาถมุนี แสดงพระธรรมเทศนา ได้ปัญญา ทั้งเชิงปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธธรรม ญาติโยมติดใจมาก  

 

-          ตอนเย็นลงวิหารพาญาติโยมปฏิบัติธรรม  เป็นประจำ

 

 

 

19 ม.ค. 2550

ข่าวน่าตกใจ

08.00 น.   โทรศัพท์ทางไกลปรึกษาปัญหาชีวิต 19 นาที 

 

-   เป็นโทรศัพท์จากผู้ใช้ชื่อว่า แม่บ้าน ที่เคยโทร.มาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง เล่าเรื่องสตรีประหลาด ที่โคราช ให้ฟัง    (เมื่อ 17 ม.ค.2550 เวลา 08.05 น. เวลา 31 นาที)  รายงานสั้น ๆ ว่า เขาเอาตัวไปกรุงเทพแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ ทั้งร้องห่มร้องไห้ไม่ยอมไป   บอกว่าเมื่อวานนี้หลวงพ่อ(ชื่อดัง) เรียกให้ไปหา ว่าท่านป่วยจะอยู่ไม่นานแล้ว หลวงพ่อขออะไรอย่างหนึ่ง ก็ไม่ยอมให้ด้วยเหตุผลว่าหลวงพ่อแกล้ง ไม่จริงใจ  แท้จริงจะแกล้งให้เขาเอาตัวไปกรุงเทพ ไปญี่ปุ่น ว่าหลวงพ่อถามถึงพระที่ศรีสะเกษด้วยว่าอยู่วัดอะไร ชื่ออะไร  แต่ไม่บอก   แม่บ้านบอกว่าสตรีประหลาดนี้คงจะโทรศัพท์มาหาหลวงพ่อเอง  ให้คอยฟังข่าว

 

-   ง่วนอยู่กับการทำหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 38  จนเจียนทำวัตรเย็น ขณะเตรียมตัวไปทำวัตรเย็นก็ได้รับโทรศัพท์จากสตรีประหลาด  บันทึกไว้ดังนี้

 

เสียงสตรีประหลาด

16.35 น.           โทรศัพท์ทางไกลปรึกษาปัญหาชีวิต 121 นาที (2 ชั่วโมง 1 นาที)

 

เป็นโทรศัพท์จากสตรีประหลาด โทร.มาจากกรุงเทพฯ บอกว่าถูกนำตัวมาจากโคราชตั้งแต่วันที่ ม.ค. 2550 แล้วอาละวาด ข้าวของเสียหายเป็นแสน (แจกันจีน ราคาแสน 1 ใบ) แต่เขาก็ไม่โกรธ  เรื่องราวประหลาดนี้คงยังไม่จบลงง่าย ๆ  และเราคงต้องรับฟังต่อไป

 

 

20 ม.ค.2550

ทวงของสื่อสัมพันธ์

0830 น.

 

สตรีประหลาดโทร.มา ว่าจะให้คุณแม่ที่ศรีสะเกษมาถวายสักการะและขอของที่ขอไว้กับหลวงพ่อ ให้หลวงพ่อห่อของอย่างดี อย่าให้คนรู้ว่าอะไร ไม่นาน มีชายคนหนึ่งเข้ามา บอกว่ามารับเอาของ  ถาม ๆ ไปหลายประโยค ว่าใครให้มา  บอกว่าโยมแม่ บ้านอยู่ข้าง ๆ โรงแรมพรหมพิมาน  ถามว่าลูกสาวเขาอยู่ไหน  ตอบว่าอยู่โคราช  เราฉงนใจว่า อยู่กรุงเทพแล้ว  เขางง  แต่แล้วก็มอบของให้ไป

 

10.30 น. 

วัดมหาพุทธารามศรีสะเกษ

 

สตรีประหลาดโทรศัพท์มา เล่าเรื่องราวให้ฟังว่าจะไปอุดร อยู่อุดรสัก 3 วัน เขามีการประชุมใหญ่ ครูอาจารย์ได้รับเชิญไปหมด เธอเป็นอาจารย์  แม่โทรบอกว่าได้ของจากหลวงพ่อแล้ว กำลังจะมารับเอา  ว่าขณะโทร.นี้อยู่บนรถ ๆ กำลังวิ่งมาจวนถึงศรีสะเกษแล้ว เราฟังเสียงวู่ ๆ รถกำลังวิ่งจริง ๆ  ว่านั่งรถมาคนเดียว  มีเพื่อน ๆ หลายคนตามมาอีกคันหนึ่ง บอกว่าไปไหนมาไหนจะต้องมีเพื่อนหญิง ๆ 10-20 คนล้อมหน้าล้อมหลังตลอดเวลา ดุจดาวล้อมเดือน  บอกว่าจะไม่เข้าไปหรอกวัดพระโต แต่จะขับรถอ้อม ๆ ไปดูใกล้ ๆ   อ้างเหตุผลว่าเพราะหลวงพ่อไม่อยากเห็น  จึงจะไม่เข้ามา 

 

เราป่วย  ปวดที่บ่าไหล่ข้างขวามาไม่หาย 2-3 วันแล้ว

 

ลูกสาวของหลวงพ่อ

1830 น – 20.22 น.  โทรศัพท์ปรึกษาปัญหาชีวิต 122 นาที (2 ชม. 2 นาที)

  

เป็นโทรศัพท์จากสตรีประหลาด ที่ชอบขึ้นต้นว่า “ลูกสาวของหลวงพ่อ”  เล่าว่ามาถึงศรีสะเกษ พบแม่เลี้ยง รับของหลวงพ่อไป แล้วมาดูวัดพระโต ที่วงเวียนแม่ศรีพบสามเณร ถามสามเณรว่า ใช่วัดพระโตหรือ? สามเณรตอบว่าใช่จ้ะ  ถามถึงหลวงพ่อ เอ่ยนามว่าพระอาจารย์พยับ สามเณรว่าท่านอยู่นี่แหละ สามเณรแปลกใจถามถึงแต่ทำไมไม่เข้าไปหาท่านล่ะ   อ้อมไปดูรอบ ๆ ไม่เข้าวัด ถึงตลาดถามโยม ๆ ว่ามาจากปักษ์ใต้หรือ ปิดหน้า คลุมตัว สวมถุงมือ ถุงเท้า?  ทำไมหนูไม่เข้าไปหาท่าน?  เพราะท่านไม่อยากเห็นก็ไม่เข้าไป  เล่าว่าคนในตลาดพากันมองดูเพียงเห็นรูปร่างก็ว่าคนสวยจัง  ว่าโทรไปบอกหลวงปู่โคราชว่ามาถึงวัดพระโตแล้ว หลวงปู่ด่าว่ามึงไปทำไมวัดพระโต กูรู้ดอกน่า  ว่าศรีสะเกษเมืองใหญ่เหมือนกัน น่าอยู่  อยากไปเที่ยวสวนลำดวนก็ไม่ได้ไป  ไปถึงศาลนักร้องสาว คนเห็นว่าสวยจริง ๆ   ไปถึงอุบลแล้วโทร.มา  เล่าเรื่องให้ฟัง รวม 2 ชั่วโมงเต็ม ๆ  คงจะเก็บเป็นความลับไว้ก่อนเพราะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างอ่อนไหวง่าย  ต้องดำเนินการเชิงปฏิบัติการจิตวิทยาเพื่อเอาตัวรอด

 

อย่างไรก็ตาม  เสียงทิพย์มิเคยทอดทิ้งเราไป  เราจะขออะไรจากเสียงทิพย์นี้บ้าง  ก็คงจะได้ละมัง ขอให้สวัสดิภาพจงบังเกิดมีแด่ปวงชนทั้งหลาย แด่ผู้มีความรักและความศรัทธาทั้งปวง ขอความตายจงห่างไกล

 

21 ม.ค.2550  

วันอาทิตย์

09.45 น. 

กลิ่นกายหอมประหลาด

ผู้หญิง แม่บ้าน โทรศัพท์มา 5-6 นาที เล่าเรื่องสตรีประหลาดให้ฟัง  ว่ามันขออะไรก็จะเอาให้ได้  มันป็นคนมีกลิ่นกายหอมประหลาดในวันพระ ร่างกายเนื้อตัวมันจะรำเพยกลิ่นหอมประหลาดออกมา และมีรอยตรารูปใบโพธิ์ใบเล็ก ๆ สีเฉิดฉินปรากฏขึ้นที่แก้มข้างขวา  และที่ข้อเท้าทั้งสองข้าง จะมีรอยพวงมาลัยดอกพิกุล คล้องรัดข้อเท้าทั้งสองข้าง แต่คนทั่วไปจะไม่มีโอกาสเห็น  แต่แม่บ้านเห็นบ่อย เพราะอยู่กับมันมา 10 กว่าปีแล้ว  มันไม่ตัดผม  ถักคล้องคอไว้  ถ้าปล่อยจะยาวเรี่ยพื้นดิน  ยังพูดไม่จบ รีบวางโทรศัพท์ ว่ามันมาแล้ว

 

17.55 น.  โทรศัพท์ปรึกษาปัญหาชีวิตจากทางไกล 180 นาที (3 ชั่วโมงเต็ม)

อุบัติเหตุครั้งแรก

-          สตรีประหลาด ว่าโทร.มา 3 ครั้งพระหนุ่มรับสายเลยไม่พูด พระหนุ่มว่าโทร.มาไม่พูดจะโทร.มาทำไม  ว่าจะไปอุดรวันนี้แต่ไม่ได้ไป ไปโรงพยาบาลแทน  เกิดอุบัติเหตุ ศีรษะโดนของแข็ง ถึงสลบ  ขณะโทร.มาอยู่ห้องรับรองโรงพยาบาล  ปลอดภัยแล้ว  เล่าเรื่องที่เกิดอุบัติเหตุให้ฟัง  แล้วเล่าความฝันให้ฟัง ว่า เวลานอนหลับจะไม่รู้สึกตัว คนไปเขย่าไปเรียกก็ไม่รู้สึก ถึงเวลาจะง่วงจัดและหลับลงทันที ถึงเวลาตื่น ๆ เอง  ปกติจะไม่ฝันแต่ไม่กี่วันมานี้ฝันประหลาด ฝันว่าได้ไปเที่ยวป่าติดต่อกัน 2 ครั้งแล้ว  ในป่ามีต้นไม้ขึ้นเรียงรายสวยงามมาก  เข้าไปแล้วไม่อยากออกมา รู้สึกมีความสุขสงบมาก อยากอยู่ในป่านั้นไปตลอดชีวิต  ถามว่าแปลว่าอะไร  กำลังใกล้จะตายใช่ไหม?

 

สื่อสัมพันธ์อันเร้นลับ

22 ม.ค.2550

พ่อจะให้แต่งงาน

08.30 น.    โทรศัพท์จากแม่บ้าน บอกว่าเกิดเรื่องร้ายแรงกับสตรีประหลาด อยู่โรงพยาบาล อุบล  ขอให้หลวงพ่อพูดให้เขาสบายใจ รับคำให้ได้  เขาพูดจริง  เล่าว่าเป็นคนสวยมาก สวยแบบธรรมชาติ ไม่ใช้เครื่องสำอางค์  13 ปีมาแล้วห่มคลุมตัวอยู่ตลอด ไม่ให้ใครเห็น ไม่ให้ใครจับต้องจนกระทั่งขณะนี้อายุ 19 ปี 1 เดือน   ตั้งแต่พ่อเขามาตามหาเมื่อปีหนึ่งเศษ ๆ ชีวิตก็แรงขึ้นเพราะเขาไม่ชอบพ่อเขา พ่อเขาเสนอให้ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้รถสปอร์ตราคาแพงก็จะให้แต่ไม่เอา  พ่อเขาบอกว่าอยู่อย่างนี้เหมือนคนใช้เขา  จะเอาไปอยู่ด้วยให้เป็นเทพธิดา ตอบว่าให้เอาชีวิตแม่คืนมาให้เท่านั้น จึงจะยอมเรียกว่าพ่อ  และรู้ดีว่าพ่อจะเอาไปให้แต่งงานและเอาไปโฆษณา ถ้าขี้เหร่ ไม่สวยงามอย่างนี้มีหรือพ่อจะมาตามหา  และถึงแม้จะให้แต่งงานก็ไม่แต่งเพราะรักใครแบบนั้นไม่เป็น  สุดท้ายบอกว่า คนมาดูกันมากมาย ถ่ายรูป  ขอจับด้วย ห้ามก็ไม่ได้  เพราะคนอุบลรู้จักสาวน้อยดี และรักมากแต่ไม่เคยเห็นหน้าตา อยากเห็นหน้าตา  เห็นแล้วใคร ๆ ก็ว่าสวยมาก  เป็นความสวยที่พรหมลิขิตให้มาโดยเฉพาะ ดูแล้วอยากดูอีกหลาย ๆ ครั้งก็ไม่เบื่อ

 

คนถูกต้องตัวไม่ได้

09.20 น.      สาวน้อยโทร.มาจากโรงพยาบาล  ว่าหมอให้อยู่เช็คเลือดและคอยดูอาการอยู่หลายวัน ว่าเขาให้ห่มชุดโรงพยาบาล เปิดหน้าตาให้คนเห็นหมด  ว่าหมอปล่อยให้คนมาดู คนก็มาดูกันมากและถ่ายรูป  คนผู้หญิงก็ขอถูกตัว ขอจับ หมอก็จับ  ว่าทนไม่ได้ ไม่อยากให้คนจับ ไม่อยากให้เปิดหน้า  หมอบอกว่าให้เขาดูหน่อยก็ไม่เป็นไร ให้เขาจับหน่อยก็ไม่เป็นไร ก็ไม่เสียหายอะไร  หมอก็คุ้นเคยกันดี รู้จักดีว่าสาวน้อยประหลาด   แต่เธอเองจะตายให้ได้  บอกว่าหนูจะหนีไปจากโรงพยาบาลละ แบบนี้ทนไม่ได้ ทบทวนเรื่องที่พูดคุยมาเมื่อวันก่อน ๆ  ได้ปลอบประโลมใจให้เย็นลง ว่าหลวงพ่อเป็นห่วง ให้อยู่รักษาตัวหายก่อนค่อยออกไป

 

หนีจากโรงพยาบาล

15.10 น.      แม่บ้านโทร.มาว่าสาวน้อยหนีออกไปจากโรงพยาบาลแล้ว  เขาบอกหลวงพ่ออย่างไรก็ทำอย่างนั้น เขาพูดจริง ตามหากันทั้งวันก็ไม่พบ โทร.ไปหาหลวงปู่ที่โคราช ท่านก็ติดกิจนิมนต์อยู่  ปกติจะหนีไปไกลเลย และปิดโทรศัพท์ ถ้าหลวงปู่ไปตามก็จะกลับ บอกว่าเขาจะไปอยู่ไหนกับครูอาจารย์เขามีเยอะและรักสาวน้อยทุกคน  ว่าสาวน้อยพูดจริง  ไม่ให้จับก็ไม่ให้จับ  ใครจับจะตบผัวะทันที  คราวนี้คนมาดูและจับ  ทนไม่ได้  ทั้ง ๆ ที่ป่วยอยู่ก็หนีไปจนได้  แม้หมอก็เสียใจ  หมอเขาพยายามจะให้คุ้นกับคนเท่านั้นเอง บอกเขาคงจะโทร.มาหาหลวงพ่อ ขอให้เกลี้ยกล่อมให้กลับมา

 

จับยามดูเหตุการณ์

เราตกใจมาก ๆ  ลองจับยามดูตามหลักโหราศาสตร์แล้ว  ตกใจมาก ๆ   กลัวเหลือเกินว่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้น  (ออกจากร.พ.แล้วไปไหน  กลับไปบ้าน แล้วมีการสวดมนต์ไหว้พระด้วย ทำไม?   แล้วไปสุดที่ มรณะ???  จะฆ่าตัวตายหรือ? )    จะทำอย่างไรหนอ?  เราจึงจะไม่สายเกินไปอีกครั้งหนึ่งแล้ว?  ขณะนี้เสียงทิพย์ก็สนั่นอยู่เหนือหัว รอบ ๆ  เมื่อกลางวันยังถามโยมพ่อแม่พระบวชใหม่ว่าได้ยินไหม  เขาก็บอกว่าไม่ได้ยิน  เราจะขอเสียงทิพย์ให้ช่วยดูแลให้สักหน่อยเถิด  สงสารเด็กที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา 

 

คำสัญญาเพื่อชีวิต

16.25 น. 

 

โล่งอกไปเลย  สาวน้อยโทร.มา  บอกว่าทนอยู่โรงพยาบาลอุบลไม่ได้  กำลังเดินทางโดยรถตู้เหมาเขากลับโคราช  ว่าทนไม่ได้ตรงที่คนมาจับต้องตัว และเปิดหน้าตาให้คนเห็น แล้วถ่ายรูปกันวูบวาบ ๆ  มันเหมือนจะตายให้ได้  จะเข้าโรงพยาบาลเซนต์เมรีที่โคราช เขาเข้าใจเราดี  บอกว่าขอบใจมาก ๆ ที่โทรมาบอกหลวงพ่อ ๆ เป็นห่วงเกรงจะคิดสั้น แล้วได้รับปากสตรีประหลาดนี้ไว้หลาย ๆ อย่าง ตามที่เขาต้องการ เพราะเห็นแก่ชีวิต  พอดีโยมอุปปัฏฐากมาเลยขอให้เขาปิดสัญญาณติดต่อลงก่อนชั่วคราว เขาก็ยอม

 

แต่แล้วเรายังติดใจแง่โหราศาสตร์ ที่ออกมาในความหมายร้าย  ก็เกิดกระวนกระวายใจเรื่องรถที่พาไปโคราช  เผื่อคนขับรถมันทรามขึ้นมา เห็นคนสวย ๆ ขนาดนั้น จะอย่างไร และหากเกิดเรื่องขึ้น คนอย่างเธอก็คงไม่อยู่ดูโลกนี้ต่อไป ก็ไปสู่ มรณะ ตามดวงระบุไว้  ไม่อยากคิด  เอ!!!  เรานี่อย่างไรกัน เอานิวรณ์มาสุมเต็มที่เข้าแล้ว  นึก ๆ พ่อเขาก็คงคิดคล้าย ๆ เรานี่แหละ จึงพยายามจะจับไปแต่งงานเสียรู้แล้วรู้รอด

 

 

เรื่องราวของพ่อประหลาด

18.08 – 20.23 น.

ข่าวจากเซนต์เมรี

137 นาที  หรือ 2 ชั่วโมง 17 นาที  สาวน้อยโทร.มาอีกครั้งบอกว่าเข้าโรงพยาบาลแล้ว  กำลังนอนให้น้ำเกลืออยู่ ในห้องส่วนตัว  หมอที่ เซนต์เมรี ดี ไม่ให้ใครเข้ามากวน เพราะเป็นลูกค้าประจำรู้จักดีว่าเป็นสาวน้อยประหลาด   ค่อย ๆ เปิดเผยความลับของเธอออกมาให้ทราบเป็นลำดับ ๆ ไป  เล่าเรื่องที่ถูกนำไปกรุงเทพว่า  โดนวางยา เขาเอายาใส่น้ำส้มให้กินแล้วสลบ เขาหามขึ้นรถไป ไม่เช่นนั้นเอาตัวไปไม่ได้เด็ดขาด พ่อเขาเป็นคนวางแผนทั้งหมด  ไปที่บ้านพ่อเขา พร้อมครอบครัวของเขา  เขาพยายามอวดว่าเป็นคนใหญ่คนโต มีแต่คนใหญ่คนโตมาหาเขา แม้คนรับใช้พ่อให้เอาของมาให้ก็ค่อย ๆ คลานเข้ามาหา และเรียกเธอว่าคุณหนูพ่อให้เอามาให้  แต่ตัวกลับไม่ดีด้วย อาละวาด  เขาเอาแจกันราคานับแสนบาทมาให้เป็นของขวัญ ก็เขวี้ยงไปยังกระจก ๆ ก็แพง แตกตามกันไป  พ่อก็ไม่โกรธค่อย ๆ เก็บเอาเศษแจกันห่อผ้าไว้ ว่า ไม่รักก็อย่าทำลาย   พอเข้าโต๊ะอาหาร เป็นอาหารที่ไม่เคยกินเลยสักอย่าง  ก็แกล้งจะให้เขารังเกียจ เอามือขยำข้าวกับกับแล้วบอกว่ากินอย่างนี้ได้ไหม กินได้จึงจะเรียกว่าพ่อ   วันแรกพาไปเที่ยวสนามหลวง ไม่ยอมสวมเสื้อผ้าที่เขาหามาให้ สวมผ้าถุง รองเท้าแตะ 

 

คบหาดารา

วันที่ 2 ไปร้านอาหารดารา พบดารามามากมาย มากินอาหารที่นี่ ว่าเป็นร้านพ่อเขาเอง  ว่าศรราม เทพพิทักษ์ เป็นคนดีมาก มานั่งลงกับพื้นยื่นมือมาจับพนักเก้าอี้ทักว่า น้องสวยจัง มาเข้าวงการดารากับพวกพี่ ๆ ไหม  มาเป็นน้องสาวพี่เอาไหม? เห็นดารา สุวนันท์ คงยิ่ง ก็ดี  เขต ฐานทัพ ก็เห็น  มีดาราตัวสูง ๆ โย่ง เชิญยิ้ม พบทีแรกถามว่า หนูมาแต่ไหน? ว่ามาจากบ้านนอก  มาทำไม? มาสมัครงานที่นี่  เขาไม่รับ  ถามว่าอยู่บ้านนอกทำไมน้องสวยจัง?  อยากเข้าวงการไหม?  ไม่ตอบ  เล่าเรื่องอื่น ๆ อีก ในเรื่องคนจับต้องไม่ได้ว่าเป็นอย่างนี้เอง จับแล้วเราจะตาย  ตั้งแต่เป็นสาวรุ่น ๆ อายุ 14 เคยมีเพื่อนรุ่นพี่เปลื้องผ้า เข้ามากอด ตกใจจนสลบไปถึง 2 ชั่วโมง

 

ธรรมชาติแสร้งให้มา

เธอบอกว่าเธอเป็นคนสวยแบบพิเศษตามธรรมชาติแสร้งให้มา  ใคร ๆ ก็อยากเห็นหน้า เห็นผิว เห็นตัว เห็นมือ แขน ไหล่เปลือย  เห็นแล้วก็อยากดูอีก แม้กระทั่งหลวงปู่ก็ขอให้เปิดดู   แต่หลวงพ่อศรีสะเกษวัดพระโตกลับบอกว่าไม่อยากเห็น  ก็เป็นเรื่องแปลกมาก และบอกว่ายิ่งไม่อยากเห็นนั่นแหละจะให้เห็น

 

 

ด้วยความรักและความศรัทธา

คดีประหลาด

                เรื่องของเรากับสาวน้อยผู้นี้ก็คือ เขาบอกว่าหากแพ้คดีในวันที่ 4 ก.พ. 2550 แล้วเขาจะปาดคอตาย และเราเชื่อว่าเขาจะทำอย่างนั้นจริง    แต่คดีเป็นคดีประหลาด เพราะพ่อชาวญี่ปุ่นของเธอเองยื่นฟ้องศาลขอให้มีกรรมสิทธิ์เหนือตัวเธอผู้เป็นลูกสาว  แต่ลูกสาวไม่ยอม  มีความเกลียดชังผู้ชายคนที่เป็นพ่ออย่างเข้ากระดูกดำ ถามว่าถ้าหลวงพ่อเป็นพ่อ จะกล้าวางยาลูกสาวตัวเองหรือ?  เรื่องราวก็เลยยาว  ครั้นเมื่อเธอเล่าเรื่องเหล่านี้ให้ฟังทางโทรศัพท์มาถึงวันนี้อะไร ๆ ก็กระจ่างขึ้นมาหมดแล้ว และเราสบายใจแล้ว เราหวังจักปลีกไปไกลได้แล้ว  เพราะเธอให้สัญญาว่าจะไม่ทำอย่างนั้น โดยเงื่อนไขบางอย่าง     

 

รักเหมือนพ่อ

แต่เธอก็ยังมาผูกพันกับเรา  ขออย่าให้ไปธุดงค์  ว่าอยู่สบายแล้วจะไปทำไม  สาวน้อยต้องการพ่อ  รักหลวงพ่อเหมือนพ่อ  ทั้งหมดที่มาเกี่ยวกับเราก็เนื่องจากหนังสือ ศึกษาโลกลี้ลับ ที่เจ้าคุณท่านพระศรีธรรมนาถมุนีเจ้าอาวาสวัดพระโต(วัดมหาพุทธาราม) ให้จัดพิมพ์เผยแผ่ออกไปเมื่อ 13 ม.ค. 2550 นั่นเอง เธอได้อ่านและอ่านหลาย ๆ รอบ เธอคิดว่าอ่านคนผู้เขียนหนังสือออกด้วย  จึงมีความรักและความศรัทธาเกิดขึ้นทันที  และกำลังเขียนถึงหนังสือเล่มนี้ เธอจะเขียนถึงหลวงพ่อผู้ธุดงค์ในหนังสือเล่มนี้ด้วยในตอนสุดท้ายของข้อเขียนของเธอก่อนจะถึงวันที่ 4 ก.พ. 2550 วันที่เธอเคยบอกว่าจะเป็นวันสำคัญมาก ๆ และหลวงพ่อต้องไม่ลืมอย่างเด็ดขาด  (แต่บัดนี้ วันนั้นคงสงบลง เพราะเธอได้ให้สัญญาไว้แล้ว โดยเงื่อนไขบางอย่าง)

 

 

วาระฉุกเฉินของชีวิต

 

23  ม.ค. 2550

08.30 น. 

หลวงพ่อช่วยด้วย

แม่บ้านสาวน้อยโทร.มา บอกว่าสาวน้อยสลบอยู่  ยังอยู่ในอันตราย  เล่าว่าเมื่อประมาณ 23.00 น.วานนี้ ก็หลังจากวางโทรศัพท์คุยกับหลวงพ่อแล้ว หมอเอาไปตรวจสภาพบาดแผล มีเลือดไหลออกจากหูทั้ง 2 ข้าง  เดิมเลือดออกข้างเดียว  แต่พอหนีไปโคราชเลือดออก 2 ข้าง  ขณะตรวจอยู่ร้องเสียงดังว่า  หลวงพ่อช่วยน้อยด้วย น้อยปวดหัวเหลือเกิน  แล้วก็สลบไปเลย  ยังไม่ฟื้นมาจนถึงเวลานี้   หมอบอกว่า ถ้าไม่ฟื้นในวันนี้ก็เสียใจ  แต่ถ้าฟื้นก็ดีใจ  หมอว่าหลวงพ่อที่สาวน้อยออกเสียเรียกนั้นอยู่ที่ไหน ขอให้โทร.ไปบอกด้วยและขอให้มาเยี่ยมด้วย  แม่บ้านบอกว่าโทร.ไปบอกได้ แต่จะให้มาเยี่ยมหรือไม่ต้องแล้วแต่ตัวเขาเอง ถ้าเขายังไม่ให้มาก็ต้องไม่ให้มา  ไม่งั้นจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ไป  สาวน้อยเป็นคนอย่างนี้เอง   บอกว่าที่อุบลหลวงปู่ได้ข่าวถึงกับเป็นลมเข้าโรงพยาบาล  เป็นพระที่เขาเคารพบูชาอีกรูปหนึ่ง    ถามว่าพ่อเขามาดูไหม บอกว่ามาถึงประมาณตี 5  พ่อเขาจะเอาส่งไปกรุงเทพ เตรียมเคลื่อนย้ายแล้ว  อีกไม่กี่นาทีก็ไป

 

เข้าฌานสู่สากลจักรวาล

เราจะลองเข้าสมาธิและไปกับเสียงทิพย์  ชำแรกไปในทุกอณูของอากาศด้วยอำนาจเสียงทิพย์ ที่สนั่นรอบตัวเรามาตั้งแต่คืนวานนี้แล้ว  ลองทำดูโดยสมมติฐานว่ารักษาด้วยเสียงทิพย์ที่ชำแรกจิตวิญญาณ  ทั้งรูปธรรมและนามธรรม ไปทั่วพื้นแผ่นปฏพี นภากาศ  และสากลเทพ  สากลจักรวาล

 

09.20 น.          เริ่มเลย

 

14.00 น.

ออกจากห้องทำกรรมฐานสมาธิ  เพราะโยมมาหาเยอะแยะ มีเสียงเรียกตลอดเวลาที่ทำกรรมฐานอยู่ บอกพระไว้ว่าวันนี้ทั้งวันจะเข้ากรรมฐาน  แต่โยมก็มา รบกวนสมาธิเป็นระยะ ๆ  กระนั้นเสียงทิพย์ก็อยู่กับเรา  เราคิดว่าเราได้อุทิศแผ่กุศลกรรมส่วนตัวไปกับเสียงทิพย์อย่างไม่จำกัดไม่มีประมาณ ก็วันนี้เอง  พบโยม และมีโทรศัพท์จากศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์ท่านนั้นมาด้วย ท่านเห็นยังไม่ว่างก็จะโทรมาพรุ่งนี้ใหม่  ดูท่านจะสนใจเรื่องเร้นลับเหล่านี้

 

แม่กับลูกสาวมาจากกรุงเทพ ว่าที่หลวงพ่อพูดไว้ตรงทุกอย่าง แล้วขอคำแนะนำว่าชายญี่ปุ่น กับชายฝรั่งว่าคนไหนเป็นอย่างไร บอกว่าฝรั่งสุรุ่ยสุร่าย ใจกว้างใช้จ่ายมือเติบไม่มีเงินเหลือ ส่วนญี่ปุ่นขี้เหนียวแต่มีเงินเยอะ ในเดือนก.พ.-มี.ค. 2550 นี้แหละจะหวานชื่นกันยิ่งนัก เธอว่าชายญี่ปุ่นมารักเธอมาก ๆ  เราเตือนว่า ระวังชายญี่ปุ่นหน่อยนะ  มันขี้เหนียว 

 

ละเมอถึงหลวงพ่อ

เราคิดไปถึงเรื่องราวของสาวประหลาด ผู้ที่บัดนี้เราคิดว่าเรียกว่า ลูกสาว ก็ไม่ขัดเขินใจแล้ว  มองดูสาวที่นั่งข้างหน้า  คล้ายว่า ลูกสาวคนหนึ่ง  เราไม่เคยคิดและรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย

 

15.50 น.

 

แม่บ้านโทร.มา จากกรุงเทพ  ว่าเขาเอาสาวน้อยไปโรงพยาบาลฝรั่ง มีแต่หมอฝรั่ง ว่าแพทย์จัดการดูดเลือดออก   แต่ยังไม่ฟื้น  จนถึงบ่ายโมง ฟื้นขึ้นมาคราวหนึ่ง แกบอกว่า  พอฟื้นก็เรียกหาหลวงพ่อว่า  หลวงพ่อปวดหัว  แล้วก็สลบสิ้นสติไปอีก  มันเรียกหลวงพ่อตั้งแต่อยู่ ร.พ.โคราชแล้ว 2 ครั้ง ว่า หลวงพ่อช่วยน้อยที น้อยปวดหัว ก่อนสลบ  หมอถามว่าคนที่เขาเรียกหาเป็นใคร  ไม่กล้าบอกหมอ  เกรงจะรบกวนหลวงพ่อ  รีบบอกว่าอย่าเกรงใจ  อาการเป็นอย่างไร? อาการยังไม่ทราบ แต่มือและตัวอุ่นขึ้น  เขาจะให้เปลี่ยนเสื้อผ้าน้ายามและฉันไม่ยอม กลัวเขาฟื้นมาจะอาละวาด เขาจะไม่กลัวอะไรทั้งนั้นเพราะเขาตัวคนเดียว จะตายเมื่อไรก็ได้  พ่อเขามีแผนส่งต่อไปประเทศญี่ปุ่น แต่พวกฉันคัดค้าน กลัวเขาจะฆ่าตัวตาย เพราะเขาเกลียดคนญี่ปุ่นมาก ๆ  แต่ญาติพี่น้องญี่ปุ่นก็มาดู ดูเขารักน้อยเหมือนกัน  เวลา 2 ทุ่มจะฟื้นหรือไม่ก็ไม่รู้  จะโทร.มาบอกหลวงพ่ออีกครั้งหนึ่ง  บอกว่าอย่าเกรงใจ หลวงพ่อจะรอรับโทรศัพท์ตลอดเวลาด้วยความเป็นห่วง

 

ระลึก16เส้นด้ายสีแดง

19.15 น.

 

ลงไปสวดพระอภิธรรม  รู้สึกเศร้าใจอยู่ลึกซึ้ง ในเรื่องราวของ ลูกสาวประหลาดที่เรายังไม่เคยเห็นคนนั้น และเคราะห์กรรมของเธอ  ที่เกิดขึ้นได้อย่างไร   ที่จริงเราให้ด้ายสีแดง 16 เส้น เสกด้วยคาถามหาเมตตามหาอภิญญา  ไปหวังว่าเธอจะเอาผูกร้อยกับมวยผม  เราวาดภาพว่าจะเด่น  งาม  คอยดูอยู่ว่าเธอจะใช้อย่างคิดไว้หรือไม่   แต่ไม่บอกว่าใช้อย่างไร  หากเช่นนั้นคงไม่เกิดอุบัติเหตุ คงแคล้วคลาด    เรายังเสียใจในเรื่องนี้อยู่เลย

 

ยังไม่มีโทรศัพท์มา  คอย

 

ฟื้นจากความตาย

20.35 น.  

ใช่พระธรรมดา

แม่บ้านโทร.มา  พอรับ   เสียงก็มาทันทีเหมือนกัน   ว่า  ไม่ตายแล้ว ฟื้นแล้ว  มันลุกขึ้นแล้ว ฟื้นตัวเรียกหาหลวงพ่อทันที  ว่าหลวงพ่อล่ะหลวงพ่ออยู่ไหน  มันกลัวว่าหลวงพ่อจะไปธุดงค์เสียก่อน  หมอเขาจะทำแผล  จะดูดเลือดอีก เสร็จก่อนจะโทร.มาหาหลวงพ่อ   บอกว่าอย่าเพิ่งให้หลวงพ่อเข้านอน น้อยจะโทร.ไป  พวกฉันก็แกล้งถามว่าหลวงพ่ออยู่ไหน  อุบลใช่หรือเปล่า  มันตอบว่าใช่  แต่พวกฉันแย้งว่า น้อยเรียกหลวงปู่ไม่ใช่หรือ  มันไม่ยอมบอก   มันกลัวคนจะเข้าใจผิดแล้วจะเสียหายแด่ท่าน มันว่าหลวงพ่อไม่ใช่พระธรรมดา ท่านไม่ใช่พระเดินถนน  อย่าไปกวนท่าน    แม่บ้านว่าเวลามันฟื้นขึ้นเหมือนไม่เคยเจ็บป่วยเลย  สดชื่นขึ้นมาทันที   แต่หน้ายังบวม ๆ อยู่  เขาโกนผมออกไปนิดหนึ่งตรงแผล  แล้วแม่บ้านบอกลาก่อน ว่าเธอกำลังจะมา  เขาจัดห้องเฉพาะไว้ให้นั่งพักผ่อน ใช้โทรศัพท์ก็ได้ไม่มีใครได้ยิน

 

ไม่คุ้นวาจาที่ออดอ้อน

20.45 - 21.10 น.

 

สาวน้อยโทร.มา  คำแรกก็ว่าคิดถึงหลวงพ่อ คิดถึงหลวงปู่  บอกว่าอยากกลับโคราชจังเลย ไม่อยากอยู่ หมอว่าจะต้องอยู่อีกหลายวัน  เขามากันหลายคนเหลือเกิน น้อยไม่ชอบให้เขาดู คนญี่ปุ่นทั้งนั้นเลย   

 

เราไม่คุ้นไม่เคยเอาเสียเลยกับกิริยาที่เรียกว่า  ออดอ้อน งอน  เรียกร้องความเอ็นดูสนใจเหมือนลูกรักอยากได้ขนม  แล้วขอสัญญาต่าง ๆ  เราก็ให้ทุกอย่าง  แต่เรื่องไปธุดงค์ เธอก็ว่าเข้าใจหลวงพ่อดี  ขอว่าอย่าเพิ่งไปก่อนที่น้อยจะกลับไปอุบลจะได้ไหม ก็ให้  บอกเธอว่าขออะไรก็ได้ทุกอย่าง จะให้หมด  ก็เลยฟังดีขึ้น  สดชื่นขึ้น ฟัง ๆ เสียงเหมือนหายแล้ว  แล้วเล่าเรื่องพ่อเขาให้ฟัง  ว่าตอนน้อยร้องว่า หลวงพ่อพ่อน้อยปวดหัว  พ่อได้ยินว่า  พ่อจ๋ามาใกล้ ๆ หน่อย  รีบลากเก้าอี้ไปนั่งข้าง ๆ ทันที  หมอเขาบอกว่าหลวงพ่อไม่ใช่พ่อจ๋า  แล้วต่างก็ฉงนว่าหลวงพ่ออยู่ไหนนะ   น้อยจะไม่บอกเขา ถ้าบอกเขาจะตามไปถึงวัดไปรบกวน ขอให้เกลี้ยกล่อมน้อยให้ไปอยู่กับเขา 

 

ได้ไปชมป่าที่สวยงาม

แล้วเล่าเรื่องตอนสิ้นสติไป  ว่าเหมือนมีคนนำไป ล่องลอยไป แล้วไปถึงป่าสวยงามมาก  เห็นคนที่ไม่เหมือนคนเราเลย แต่ป่างามมาก น่าอยู่ และอยากอยู่จริง ๆ  คนที่พาไปบอกว่า นี่แหละ สักวันหนึ่งเขาจะเอามา  วันนี้ถ้าอยากอยู่ก็อยู่  ไม่อยากอยู่ก็กลับไป  จำทางให้ได้ก็แล้วกัน ขณะนั้นก็ได้ยินเสียงคนเรียกมาไกล ๆ  ก็กลับฟื้นขึ้นมา   

 

ถามว่าเหนื่อยไหม  พักก่อนไม่ดีหรือ  ก็ว่าดี แต่อยากโทรมาหาหลวงพ่ออีก  หลวงพ่ออย่าเพิ่งเข้านอนได้ไหม  ตอบว่า  ได้  ได้ทุกอย่าง

 

23.30 น.  

 

ไม่มีเสียงโทร.มาอีก   คงโดนยานอนหลับละมัง

 

 

ไม่อยากอยู่ในโลกนี้

24 ม.ค. 2550

09.50 น. 

เสียงลือเสียงเล่าถึงความงาม

มีสตรีมาหาว่าเป็นแม่รักของสาวน้อย อยากมาดูว่าหลวงพ่อเป็นคนอย่างไร เล่าว่า สาวโรงงานสวยมาก  เคยเห็น 2 ครั้งเท่านั้นเองก็อยากดูอีก    ถามว่าทำไมหลวงพ่อจึงไม่อยากเห็นสาวโรงงาน ว่าไม่ใช่อยากดูหรือไม่อยากดู เพราะมีความสวยงามอย่างไร สาวงามก็ดูได้สาวขี้เหร่ก็ดูได้เป็นกลาง ๆ   ว่าสาวน้อยให้มาดูหลวงพ่อว่าสบายดีหรือเปล่า   หลวงพ่อนั่งหลับบนนี้หรือ

 

12.40 น.  

 

สาวน้อยโทร.มาออดอ้อนว่าอยากกลับบ้าน  ทนไม่ไหวแล้ว คนมาดู และมากอด  เขาจูบแก้มแล้วว่าจะพาไปเที่ยวญี่ปุ่น  น้อยทนไม่ได้  แล้วน้อยก็ได้แต่นอน ๆ ๆ ๆ อยู่กับที่  บางทีเขาเอายามาฉีดให้ก็หลับไม่รู้ตัว  แล้วเขาก็มาจูบ มาจับ ทั้ง ๆ ที่หลับอยู่  หมอก็แอบมาถ่ายรูป (น้ายามบอก)

 

17.00 น. 

วอนหลวงพ่ออย่าทอดทิ้ง

แม่บ้านโทร.มา  กิริยาของแม่บ้านก็คือขอให้หลวงพ่ออย่าทอดทิ้งเธอ  เพราะหลวงพ่อเป็นที่เคารพรักของเขา

 

 

18.00 – 20.30 น. 

 

น้อยโทร.มาอีก  อยากกลับบ้าน  สัญญาไว้กับหลวงพ่อแล้วแต่อยากถอนสัญญา  เขามากันเยอะและเฝ้าอยู่ตลอดเวลา  ไม่อยากให้เขาเห็นหน้า  อยากนุ่งห่มเหมือนเดิม น้อยอาจจะทนไม่ได้  จะกลับไปบ้าน  บอกหมอแล้วว่าจะไป  ไปอุบล  ทำแผลที่อุบลก็ได้  แต่หมอเขาไม่ยอม  หมอเขาว่าเป็นคนไข้ต้องเชื่อฟังหมอ  ไม่ใช่ให้หมอเชื่อฟังคนไข้

 

เราเกรงเหลือเกินว่าเขาจะหนีไปเหมือนคราวหนีจากอุบลมา  เพียงเพราะเหตุว่า  ทนการเปิดหน้า เปิดตัว  และการจับต้องไม่ได้ 

 

ในขณะเดียวกันพวกแพทย์และพ่อของเธอมองว่าต้องให้ค่อย ๆ คุ้นเคยไป โดยให้ค่อยเปิดตัวไปตามลำดับ  เราก็คิดเช่นนั้นและอยากให้ค่อยคุ้นไปเช่นนั้น  พอเขาเล่าเรื่องแพทย์และพ่อ ๆ ญาติ ๆ ญี่ปุ่นของเขา ว่าทยอยมาเยี่ยมกันตลอดวัน  ทุกคนทำประดุจว่ายินดี รับขวัญ เข้ามาหาและจุมพิต ทุกคน บางคนจับมือ จับตัว  วนเวียนเช่นนี้ และเธอว่าทนไม่ได้ จะกลับ  จะขอคืนคำสัญญาที่ให้ไว้กับหลวงพ่อ เพราะทนไม่ได้จริง ๆ  ตอนนี้เรายังไม่เข้าใจ  พยายามทวงสัญญา   

 

 

คติชีวิตบริสุทธิ์ในพรหมจรรย์

 

พบข้อมูลใหม่

มาวันนี้จึงพบข้อมูลใหม่ ที่เรามองไว้เดิมคลาดเคลื่อนไปค่อนข้างมาก   แต่เป็นเรื่องคติธรรมอันล้ำลึก เขาหวงตัวเพราะถือคติบริสุทธิ์  ชาตินี้ของเขาจะต้องบริสุทธิ์  เขาพร้อมที่จะรักษาความบริสุทธิ์ด้วยชีวิต ห่อตัวมาแต่อายุ 14  เขาจึงปฏิญญาณเกิดชาติเดียวจะอยู่คนเดียว ชาติหน้าค่อยเกิดเป็นผู้ชายและขอตามไปอยู่กับหลวงพ่อ หากชาตินี้มีมลทิน ก็ไม่ขออยู่ ไม่เสียดายชีวิต     

 

เราสังเกตแต่แรกแล้วว่าจะเป็นแนวทางเช่นนี้แต่ไม่คิดว่าจะถึงระดับนี้  มาวันนี้ก็มั่นใจทีเดียว เราประเมินทุกอย่าง  เพื่อทราบปมเด่นปมด้อยของเขา ได้เล่าให้ พัชรา กอปรทศธรรม ฟังทำนองนี้ เมื่อเขาโทร.มาให้ข้อสังเกตว่าพระอาจารย์ดูจะถลำไปหน่อย  ไม่อยากให้ไว้ใจสาวน้อยคนนี้นัก  

 

เป้าหมายแรก

แต่สิ่งที่เราประหวั่นก็คือ ความเข้าใจผิด  สาวน้อยบอกว่าหลวงพ่อเป็นคนที่เข้าใจเขาทุกอย่าง ไม่เคยมีใครเข้าใจน้อยอย่างนี้เลย  แม้กระทั่งหลวงปู่ก็ไม่เข้าใจ ด่าว่าน้อยเป็นคนดื้อ หน้าด้านหน้ามึน ขี้ตอแหล  อยากให้พ่อญี่ปุ่นเข้าใจเขาอย่างที่หลวงพ่อเข้าใจ  เขาหมายถึงเข้าใจว่าเขาถือคติบริสุทธิ์ เป็นนักปฏิบัติธรรมที่เคร่งครัดในพรหมจรรย์ ไม่ใช่เข้าใจว่าเขาเป็นคนล้าหลัง ไม่ทันสังคม  ไม้ทันโลก เป็นคนป่า บ้านนอกบ้านนา อะไรทำนองนั้น  แท้จริงเขาทันโลกแต่เลือกที่จะอยู่ห่าง ๆ โลกที่สกปรก  ส่วนพ่อเขาพยายามจะเอาเขาไปสู่โลก ให้คุ้นเคยกับโลกที่ต่ำ ๆ  เช่นที่หลวงพ่อสอนพวกบ้านห้วยคุ้มนั่นแหละ ว่าพระพยายามไปให้ไกลกิเลส  แต่ชาวบ้านกลับพยายามดึงท่านลงมากลั้วกิเลส โลกจึงเป็นสิ่งที่เขาต้องการชำระ    เขาจึงไม่ต้องการอวดตัว   ไม่ต้องการแต่งงาน และเราเองก็ได้เคยพูดจนเขาต่อว่าว่าพยายามพูดเข้าข้างเขา จะให้น้อยแต่งงาน แต่แท้จริงเราไม่ได้เข้าข้างใคร พูดเพื่อให้เขาเข้าใจพูดถึงทฤษฎีความรัก  ทฤษฎีชีวิตคู่ให้เขาฟังมาตลอด ๆ (เอาข้อได้เปรียบที่ว่าเขาชอบเรา) โดยหวังว่าจะช่วยไม่ให้คิดฆ่าตัวตายเป็นเป้าหมายแรกให้ได้ก่อน  

 

มาวันนี้เราเข้าแนวใหม่  เมื่อเขาถามว่า  เขามากอดมาจูบแล้วได้ประโยชน์อะไร?  เราบอกว่าคนเหล่านั้นไม่เหมือนเรา เขายังมีกิเลส เห็นว่าสวย เห็นว่างามอยู่ และมีกามตัณหา  เขาไม่เข้าใจเรา  แต่ขอให้เราเก่งจริง ๆ เถอะ     เราก็เริ่มคิดว่าจะนำไปสู่ธรรมะโดยตรง   เราแนะนำให้ทำมหาสติปัฏฐาน เน้นเข้าไปที่ทิฏฐิของเธอ เพื่อให้คลายจากการถือดี ถือมั่น  แสร้งพูดด้วยคำหวานว่าลูกสาวของหลวงพ่อต้องเก่งเหมือนหลวงพ่อในด้านกรรมฐาน(คำหวาน ๆ เช่นนี้เขาเคยเค้นเอาความจริงว่าจริงใจหรือเปล่า เขาว่าเขารู้หรอกว่าแสร้งทำ กลัวน้อยจะผูกคอตาย สงสาร  จริง ๆ แล้วหลวงพ่อไม่เคยห่วงอะไรเลย  หลวงพ่อเป็นคนใจหิน ใจดำที่สุด ไม่งั้นก็ไม่ไปธุดงค์สิ) 

 

หลักกรรมฐาน

ตั้งคำถามแบบท้าทายว่า  เคยรู้จักกรรมฐานอะไรบ้าง  มีใครสอนบ้างไหม  เขาสอนมาอย่างไร  บอกว่าหลวงปู่ให้สวดมนต์  สวดพระคาถาชินบัญชร  หลวงพ่ออยากให้น้อยนุ่งขาวห่มขาวหรือ บอกว่าไม่ใช่แบบนั้น  (เราพยายามจะบอกกรมฐานว่า ให้เริ่มทำมหาสติ รู้ในอิริยาบถ4ตลอดเวลา  เพื่อพ้นทุกข์จากการที่คนมาดู มาต้อง มาจูบหอมแก้ม  เวลานั่งก็ให้เรียกสติมาสู่ความรู้ตัวว่านั่ง  ยืนก็ให้รู้ว่ายืน  เดินก็ให้รู้ว่าเดิน  นอนก็ให้รู้ว่านอน ถ้าพระเทศน์ก็จะเทศน์ว่าทำจิตว่างนั่นแหละ แต่พระเทศน์ไปมักเพลินไปแต่ทำไม่เป็นหรอก แบบตัวเองก็ทำไม่ได้เหมือนกัน  เพราะจิตว่าง เป็นเป้าหมาย goal  และมหาสติเป็นเทคนิก mean) แต่บอกเพียงว่าให้เรียกสติมาสู่การนอน เธอถามว่าให้พูดว่าอย่างไร(คล้ายจะเคยรู้มา) บอกว่าพูดกับตนเองว่านอน นอน นอน นอน  นอน  นอน แล้วให้นอนนิ่ง ๆ ไม่สนใจสิ่งอื่น (เราหวังว่าจะให้เป็นแบบสะกดจิตตนเองให้นอนหลับ แบบที่หลวงวิจิตรวาทการเคยสอนเรามา ผสมไปกับสติกรรมฐาน)

 

ถึงตรงนี้  เราคิดว่าเขาไม่ค่อยสนใจนัก  นี่คือประเภทขาดธัมมวิจัย  มักถือดี  เราไม่อยากให้เขายึดติดในความถือดีของเขา   

 

 

ความปริวิตกของหลวงพ่อ

 

ประหวั่นความเข้าใจผิด

มีหลายอย่างที่เราเห็นว่าเธอเข้าใจเราไม่ถูกต้องและอาจจะเสี่ยงต่อความเข้าใจผิดฉกรรจ์  (ในขณะที่สรรเสริญว่าเราไปไกลแล้ว นับวันจะห่างไปจากน้อย  มือน้อยค่อย ๆ หลุดไปจากหลวงพ่อ น้อยลงต่ำ  หลวงพ่อขึ้นสูง และค่อยห่างไป  เรากลับวิตกว่าเขาจะเข้าใจเราผิด   แท้จริงเราเป็นสามัญชน  คนธรรมดา  ไม่สะอาดบริสุทธิ์เหมือนเธอ และไม่ได้ถือคติบริสุทธิ์แบบเธอ  คือถือร่างกาย รูปกาย รูปธรรม ว่ากายต้องบริสุทธิ์   ได้พยายามบอกสัจธรรมขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าว่า  รูปธรรมไม่อาจจะรักษาให้บริสุทธิ์ได้(เราตั้งใจจะอธิบายว่า เช่นบ้านใหม่ที่สวยงาม  แต่แล้วค่อยเศร้าหมองลงไปเรื่อย ๆ   แต่ถ้ารักษาที่ใจ สามารถบริสุทธิ์ได้ตลอดกาล และเป็นแนวทางที่พุทธองค์ให้ไป  ไปทางจิตใจ จึงจะพ้นทุกข์ได้  ไปทางรูปธรรม ช่วยได้  แต่ไม่ถึงที่พ้นทุกข์  หลักการก็คือ  ไม่ใช่รูปธรรม  แต่เป็นนามธรรมที่บริสุทธิ์  เช่นพระอรหันต์สตรีสมัยพุทธองค์ ๆ หนึ่ง  ถูกข่มขืน บริสุทธิใจก็ถือว่าบริสุทธิ์  ใช่ว่ากายไม่บริสุทธิ์แล้วก็ไร้ค่า  ต้องฆ่าตัวตายแบบนั้นไม่พ้นทุกข์   แต่ใจบริสุทธิ์อย่างเดียว กายไม่บริสุทธิ์ก็พ้นทุกข์ได้  จึงไม่เดือดร้อน ไม่ฆ่าตัวตาย)  ดูเหมือนเธอจะเข้าใจ   เราคอยสังเกตว่าเธอเข้าใจหรือไม่ 

 

บอกว่าท่านคิดถึง

แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนประเด็นว่าหลวงพ่อไปธุดงค์ทำไมลำบาก  อยู่ก็ดีแล้ว มีความสุขอยู่แล้ว เขาเล่าเรื่องพระธุดงค์ที่อำเภอประทาย  วัดประทายว่าท่านอายุ 54 ปีแล้ว เป็นพระธุดงค์ น้อยก็เคารพเลื่อมใสท่าน น้อยไปหาท่านอยู่ปีหนึ่ง แล้ววันหนึ่งท่านก็โทรศัพท์มาหาน้อย บอกว่าคิดถึงจึงโทร.มา(ให้เบอร์โทรศัพท์แก่ท่านไว้ มีแต่หลวงพ่อศรีสะเกษน้อยจะให้ก็ไม่เอา)  แล้วจากวันนั้นก็หายไป  จนกระทั่งทุกวันนี้  ไม่รู้ข่าว เขาคงคิดว่าเราเหมือนพระธุดงค์ที่อยู่ป่า เหมือนหลวงปู่มั่น หลวงปู่แหวน  หลวงปู่อื่น ๆ ที่อยู่แต่ในป่า หรืออยู่วัดป่า   เขายังไม่เคยรู้จักประวัติที่ไปที่มาของเรา เราเป็นพระในเมือง ปฏิบัติธรรมอยู่ในเมืองตั้งแต่น้อย ๆ เราเรียนรู้สังคม  รู้เรื่องราวของโลกสมัยใหม่ ยุคใหม่อย่างช่ำชอง เขาเพียงรู้จักจากหนังสือเล่มนั้น  ที่บอกไว้บ้าง  (ซึ่งเธอก็อ่านพบ และเคยต่อว่า ว่าแท้จริงหลวงพ่อก็เหมือนผู้ชายคนอื่น ๆ นั่นแหละ ชอบหลอกผู้หญิง  ก็คงจะเหมือนพ่อญี่ปุ่นของน้อยนั่นแหละ)      ก็อาจจะมองเราผิดไปอีก  เราพยายามให้เข้าใจสัจธรรมว่าด้วยอวิชชา  และโลก  ว่ามันเป็นเช่นนั้นเอง  เราอยู่ในโลกอย่างเหนือโลกจึงจะมีความสุข   

 

ลำบากกับไม่ลำบาก

ดูเหมือนเธอยังไม่เข้าใจ  เปลี่ยนประเด็นไปอีกว่า  หลวงพ่อจะไปธุดงค์ทำไม  ลำบาก  เราบอกว่าไม่ลำบาก เธอบอกว่าเธอเข้าใจ  ว่าก็คงเหมือนน้อยนี่แหละ ทุกคนกลัวว่าน้อยอยู่คนเดียวจะอยู่ลำบาก แต่น้อยว่าไม่ลำบาก  แม้หลวงพ่อก็กลัวน้อยลำบาก จะให้แต่งงานเหมือนเขาเลย  ทีหลวงพ่อจะไปธุดงค์หลวงพ่อว่าไม่ลำบาก (เธอเชื่อจริง ๆ ว่าเรื่องไปธุดงค์นี้ เราต้องไปจริง ๆ ไม่มีใครห้ามได้  โดยเอาตัวเธอเองเป็นประมาณ ซึ่งตรงนี้เธอก็อาจจะเข้าใจเราผิดอีก แบบที่มีเพื่อนรักเคยเข้าใจผิดมาแล้ว แล้วรักก็กลายเป็นเกลียดชังไป)  เราบอกว่า การต่อสู้ต้องมีวิชา  มีความรู้  คนที่จะไปธุดงค์ก็ต้องมีวิชา จะไปเปล่า ๆ กลับจะลำบาก  ทุกข์ทรมาน    เธอถามว่าวิชาอะไรบ้าง  (เราตั้งใจจะบอกว่ามีวิชาดังนี้คือ มหาสติ  วิปัสสนาญาณ สมาธิ  กสิณ  ฌาน  และปราณ   มีสิ่งเหล่านี้แล้วสบาย อยู่ป่าก็เหมือนอยู่บ้าน) แต่เราได้เอ่ยเพียงว่า มหาสติ สมาธิ กสิณ  เธอก็ถามไปเรื่องอื่น     

 

 

อภิญญา

 

เป้าหมายสุดท้าย

เธอถามว่าสุดท้ายที่หลวงพ่อต้องการคืออะไร ก็หลวงพ่อมีธรรมะและอะไรจนล้นแล้ว จะต้องการอะไรอีก(คล้าย ๆ สอบ หยั่งถามความนัย)   เราตอบสั้น ๆ และค่อย ๆ เพื่อประเมินความสนใจ และระดับวิชาของเธอว่า  อภิญญา   เธอถามทันทีว่า อภิญญา อะไรคืออภิญญา?   เสียงที่ดูออดอ้อนเริ่มหายไป

 

เรายังไม่จำเพาะลงไป(ถึงการระลึกชาติ ฯลฯ....)   กำลังตะล่อมให้เข้าทางอยู่  แต่เกรงว่าเธอจะเข้าใจผิด  (พยายามจะให้เข้าใจว่าหลวงพ่อไม่ใช่พระอยู่ป่า ตัดโลกไปทั้งโลกแบบท่านอื่น ๆ นั้น  แต่หลวงพ่อต่อสู่ปฏิบัติธรรมอยู่กลางมวลหมู่มนุษย์ทั้งหลายผู้มีกิเลส ยากลำบากยิ่งกว่าอยู่ในป่าหลายร้อยเท่า หลวงพ่อมองธรรมะไปพร้อม ๆ กับสำรวจดูโลก  เพื่อเอาธรรมะมาเผยแผ่แด่โลก  ให้สอดคล้องกับสภาพที่เป็นจริงของโลก หลวงพ่อไม่ใช่พระธุดงค์แบบที่เธอเข้าใจ  เธอควรเข้าใจหลวงพ่อให้ถูกก่อนจะรู้เรื่องอภิญญา  เพราะเดี๋ยวจะดูแคลนไปว่า  อยู่กับโลก ๆ กับวัดบ้าน ๆ อย่างนี้จะปฏิบัติธรรมชั้นสูงได้อย่างไร)  

 

เรื่องราวสำคัญอยู่ในอินเทอเนต

เราตั้งใจจะตัดบทว่า  มีเรื่องราวที่น่าสนใจยิ่งกว่าในหนังสืออีก อยู่ในอินเทอเนต  ก็เปลี่ยนมาสอบดู ถามว่าเคยดูโทรทัศน์ไหม?  บอกว่าไม่ดู  กลัวจะเห็นภาพคนกอดกัน จูบกัน  โทรทัศน์ไม่เห็นมีดีอะไรเลย น้อยอยู่ในห้องโรงงานปักเย็บทั้งวันทั้งคืน ทำงานทั้งวันทั้งคืน งานสอนอีก  ไม่มีเวลาดูอะไร ๆ ในโทรทัศน์หรอก   พยายามให้เขาเข้าใจว่า  เราเลือกดูได้  อะไรที่เราว่าไม่ดีก็อย่าดู  อะไรดีจึงดู  ถามว่ารู้จักคอมพิวเตอร์ไหม  เธอว่าไม่สนใจ  ถามว่า  อินเทอเนตรู้ไหม?   เธอว่าหลวงพ่อดูพวกเหล่านี้เหรอ  หลวงพ่อดูทำไม  เดี๋ยวน้อยไปล่างแผลก่อนนะหลวงพ่อ 

 

ดูรีบร้อนขึ้นมาทันที  เธอไม่เคยบอกจบก่อนแบบนี้  เรายังไม่ถึงประเด็น ว่าจะบอกว่าเครื่องมือเหล่านี้เป็นเครื่องมือเผยแผ่ศาสนาได้ พอ ๆ กับเผยแผ่อะไรที่ชั่วร้ายก็ได้ แต่เรามีสิทธิเลือกเอา  มันไม่ดีไม่ชั่วที่เครื่องมือ  แต่ดีชั่วที่ตัวเราเอง   ให้เข้าไปดู  เรื่องราวที่รายงานต่อจากเล่มหนังสือยังมีอีกมากในอินเทอเนตของหลวงพ่อ บางทีพ่อญี่ปุ่นของเธออาจจะแอบดูอยู่ก็ได้เพราะมีความลับของลูกสาวเขาอยู่อย่างละเอียดและความเคลื่อนไหวที่ทันสถานการณ์พอทีเดียว  อาจจะรู้จักเราดีกว่าลูกสาวก็ได้ ในบางแง่ 

 

ที่ว่าหลวงพ่อดูทำไม  นั่นแหละคือสิ่งที่เธอยังไม่เข้าใจ หลวงพ่อ 

 

และอาจจะกลายเป็นความเกลียดชังอย่างรุนแรงไปก็ได้ (เรายังไม่ได้เล่าว่าวันที่สลบเหมือดไปนั้น เราทำอะไรด้วยความเป็นห่วงสงสารและด้วยความรัก ไม่ได้ฉันข้าวทั้งวัน ใช้เอนเนอยีไปอย่างสุด ๆ จนป่วย)

 

เอาล่ะ  เธอจะโทร.มาอีกไหม?    แต่บัดนี้เรามั่นใจว่าเราได้ช่วยแล้ว เธอเข้าใจโลกขึ้นพอเอาตัวรอดแล้ว  แม้ว่าอาจจะเกลียดชังเรา  

 

เราหายเหนื่อยหายป่วยแล้ว  คอยดูว่าพรุ่งนี้เธอจะหมดปัญหาหรือไม่  และเราได้เป็นอิสระเสียที

 

 

ดรุณีน้อยนักเขียนคารมคม

25  ม.ค. 2550

08.09 น.      

แม่บ้านโทร.มา ว่าตั้งแต่คืนวานนี้มาถึงวันนี้  นิ่งเงียบเลย  ไม่โวยวาย   แต่ทำไมดูโทรทัศน์   มันขอดูข่าวโทรทัศน์ช่องหนึ่ง  ซึ่งประหลาดมากเพราะมันไม่เคยดู นี่เป็นครั้งแรกของมัน

 

มันดูหนังสือ  แล้วเขียนหนังสือ แอบดูเขียนว่า     ไม่มีวัน !!!       จะเดินไปทางหลวงพ่อเลย  เห็นลิบ ๆ แต่จะไป   ทางนี้แหละทางของน้อย   ถึงแม้หลวงพ่อจะไม่มาก็จะเดินตามไป   คนที่คุยคือไม่เก่ง  คนเก่งคือไม่คุย   หลวงพ่อน้อยทำได้  สาธุจริง ๆ

 

หลวงพ่อบอกให้เรียกสติคืนมา   สติคืออะไร?  จุดไหนที่ว่าดี  ไม่ดี

 

เล่าว่า  เมื่อคืนดูหนังสือ(เรื่องศึกษาโลกลี้ลับ)ทั้งคืน  เอามวยผมขึ้น  นั่งสมาธิ  สวยมากเลย  สวยจริง ๆ  แต่ฉันตกใจดูเหมือนมันจะไม่อยู่กับพวกฉันต่อไปแล้ว  มันเปลี่ยนไป

 

สุวัจน์และสรยุทธ์

10.05 น.    

สาวน้อยโรงงานโทร.มา   ว่าลูกสาวของหลวงพ่อจะพยายามไป  อยากเดินตามหลวงพ่อเหลือเกิน

 

ว่ามีส.ส.โคราชโทร.มาจากโคราชถึงน้อย(ออกชื่อสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) ว่าสรยุทธ สุทัศนะจินดา เจ้าของรายการชื่อดังช่อง 3  มาหาและได้อ่านเรื่องราวที่น้อยบันทึกถึงศาล แล้วสนใจ อยากทราบรายละเอียด  น้อยตอบว่าให้มาฟังวันที่ 4 ก.พ. 2550 ที่ศาลก็จะทราบรายละเอียดเอง  

 

ว่าพ่อญี่ปุ่นเห็นแก่ตัว

 

แล้วไปพูดเรื่องพ่อญี่ปุ่น  ซึ่งในขณะนี้เราคิดอย่างเดียวกับเธอเสียแล้ว ว่าพ่อญี่ปุ่นเห็นแก่ตัวจริง ๆ และยังไม่เข้าใจลูกสาวตนเองเลยแม้แต่น้อย   แต่นั่นเป็นประเด็นธรรมะ  พ่อญี่ปุ่นจะไม่เข้าใจธรรมะเชิงโลกุตตระเลยเทียวหรือ?  เมื่อไรเขาจะเลิกดูถูกคนไทย?

 

บอกเธอว่าหลวงพ่อสัญญาว่าจะช่วยเกลี้ยกล่อมให้เขาเข้าใจ  ในสิ่งที่น้อยมี น้อยเป็น  น้อยได้  และเป้าหมายของชีวิตที่ประเสริฐ 

 

เธอบอกว่าญี่ปุ่นเป็นคนไม่ดีจริง ๆ  ชอบใช้อำนาจข่มขู่  เขาบอกว่าเขาจะต้องชนะ อะไรที่เขาอยากได้เขาจะต้องเอาให้ได้   เขาคิดว่าเขามีเงินแล้วจะเอาอะไรก็ต้องได้   แต่เงินไม่สามารถซื้อน้อยได้

 

น้อยอยู่มาได้อย่างไร  ก็จะอยู่ต่อไปได้อย่างนั้น   น้อยทำงานได้  เงินเดือนก็หลายหมื่น ตัวคนเดียวประหยัดใช้ไปก็มีความสุข  น้อยมีเพื่อนร่วมชาติ  มีศาสนา  มีในหลวงเป็นที่เคารพสักการะก็พอเพียงแล้ว  ไม่เห็นต้องง้อญี่ปุ่น   นึกว่ามีเงินเป็นแสนเป็นล้านแล้วจะซื้อน้อยได้หรือ

 

ไม่มีวันที่จะคืนดี

ว่าไม่มีวันที่จะคืนดี   เพราะเขาเป็นมนุษย์ที่เห็นแก่ตัว ไม่ใช่คนดี

ถ้าคนที่ดีไม่ต้องขึ้นศาล?

แล้วไม่เอาเลือดไปตรวจ

ไม่วางยาลูกสาวตนเอง

เขาไม่เคยเหลียวแล  ถ้ารัก ห่วง ทำไมไม่ตามไปดูตั้งแต่เด็ก ๆ ปล่อยให้ลำบากอยู่นานนับ 10 ปี

ครั้นโตขึ้นเห็นว่าสวยจึงมา

ครั้นขี้เหร่ไม่สวยจะมาไหม?

แล้วว่าเอาเองว่าต้องเอาไปเป็นของเขาให้ได้

เขาทำเหมือนน้อยเป็นสินค้า

เขาว่าน้อยไปประกวดที่ญี่ปุ่นเอาไหม ให้ 10-20 ล้าน

 

ถึงรับปากหลวงพ่อไว้ ถ้าเขาเอาไปประกวด  เอาไปเปิดหน้า ก็จะไม่อยู่  ขอตาย

ร้ายก็จะตาย  หนี  ถ้าเป็นผีเขาจะเอาไหม?

 

บอกว่าถึงเพลแล้ว วางก่อนนะจะฉันเพล   ก็ไม่ขัด

 

 

เวลาชีวิตที่เหลือน้อยแล้ว

 

12.05 น.  

ท้าทายกับชีวิต

แม่บ้านโทร.มา  มันพูดว่า  เสียดายเสียใจที่สัญญาไว้กับหลวงพ่อ  เวลาเหลือน้อยแล้ว

 

รายงานว่ามันเปลี่ยนไป  มันท้าทายเลย  มันออกไป  ไปข้างล่าง  ไปซอยผมให้เขา   คนก็มาดู  มาถ่ายรูปมัน มันก็ไม่ว่า   มันยิ้มอย่างท้าทาย   พวกฉันแอบดูมันอยู่ มันไม่รู้ตัวหรอก  มันเปลี่ยนไป  แต่ฉันกลัวเพราะนี่ไม่ใช่มัน

 

มันแต่งตัวชุดโรงพยาบาล ขาว  เอาผมพันรอบ ๆ เอว  ถือตระไกรซอยผมลงไป  สวยงามมาก  คนก็มาดูอยู่  และถ่ายรูปมัน  ถามว่าแสดงหนังเรื่องอะไรอยู่?  มาคนเดียวหรือ?  เพื่อน ๆ ดารา อยู่ไหนกันหมดล่ะ?

 

เรามีแขกมามาก  ตลอดวัน  มีสาว ๆ มากันมากวันนี้  ดูเหมือนสาว ๆ พวกนี้จะอ่านเรื่องราวในเวบของเรา  มองยิ้ม ๆ   และท่าทีอยากเป็นลูกสาวของเรามั่ง  มีฝรั่งมากับเมียไทยของเขา  ว่าจะกลับอังกฤษสักหกเดือน คุยกับเขาเรื่องหนังสือของหลวงพ่อชา แปลเป็นอังกฤษ ว่าเมื่อเป็นภาษาอังกฤษแล้วอ่านเข้าใจง่ายกว่าภาษาไทย  คืนหนังสือให้เขา ๆ ให้ยืมมาหลายวันแล้ว  เขาว่าให้ยืมเพราะหวงเขาซื้อมาจากอังกฤษ เราให้หนังสือ ศึกษาโลกลี้ลับไป 1 เล่ม

 

มีโทรศัพท์มาระหว่างนี้ 2 ครั้ง  แต่เราไม่ได้รับ  พระหนุ่มรับ  วางหู  สังเกตอยู่ว่าจะเป็นสาวน้อยโรงงาน ลูกสาวของเรา  แต่เมื่อพระหนุ่มรับก็ไม่พูด  เขาเป็นเช่นนี้เอง  แท้จริงเราคิดจะทดสอบดูว่าเมื่อเราไปไกลจากเขาแล้วเขาจะเป็นอย่างไร

 

เราเองเหน็ดเหนื่อยมาก ๆ กับความกังวลใจ และนิวรณธรรมครั้งนี้

 

เหตุระทึกอีกครั้ง

17.30 น.  

 

แม่บ้านโทร.มา  ว่าน้อยออกไปจากโรงพยาบาลตั้งแต่บ่าย  3 โมงแล้ว  โทร.มาบอกว่าจะกลับมา 18.00 น.  ไม่ต้องห่วง  แต่ถามว่าอยู่ไหน  ไม่บอก    ว่าขอไปอยู่สงบ ๆ  จะทำสมาธิ   บอกว่าอยู่ในห้องมีแต่คน  อยู่ไม่ได้

 

ว่าตกใจกัน  หมอก็มารอจะฉีดยาให้

 

มันเปิดโทรศัพท์ไว้อยู่  โทร.ไปแต่มันไม่รับ  หลวงปู่โทร.ไปมันก็ไม่รับ   ฉันกลัวใจมัน  มันเปลี่ยนไปเป็นคนละคน  มันกล้าไปให้คนเห็นเปิดหน้า แต่ฉันคิดว่ามันท้าทาย มันตัดสินตนเอง  ฉันกลัวมันจะไปจากพวกฉัน   ตามันเศร้า  แต่สวยมาก    เวลานอนก็นอนนิ่ง เอามือเทินอกนิ่งไปเลย

มันว่าอะไรฉันก็ฟังไม่ถนัด  มันว่าคืนสติ  ตื่นสติ  ทำนองนี้

 

เราไม่ได้บอกแม่บ้านเลยว่าเราคุยอะไรกับน้อยบ้าง  แต่ออกมาอย่างนี้ ถือเป็นดี

 

เอาละ !!!  เราไม่ค่อยสบาย  จริง ๆ เป็นเพราะญาติโยมมาหามากเกินไป  เราไม่ได้พักผ่อน

ยังปวดไหล่ และยังลามมาถึงต้นแขนด้วยแล้ว  พระหลานชายตั้งข้อสังเกตว่ามือยกโทรศัพท์นานเกินไป  ถ้าจะจริง !!!

 

 

ทดลองโทรจิต

นี่  อะไรเป็นอะไรกัน  ??  ลูกสาวจะโทร.มาหรือไม่นี่????

 

กำลังคิดเรื่องอะไรอยู่?    โทรจิตหรือ  ไม่ลองดูเล่า? (เราเพลียอยู่  ตั้งแต่ปีใหม่มาทอดทิ้งธรรมปฏิบัติไปหมดเลย และยังไม่ทันรื้อฟื้นด้วย  ยุ่งอยู่กับโลกไซเบอร์   สมาธิ กสิณ  ฌาน จมหมด แล้วมาเจอเรื่องประหลาดรุมเร้าเข้าอย่างไม่ทันเตรียมตัว) ขืนทำก็หมดเอนเนอยีแน่  วันนั้นทำสมาธิอยู่ 5 ชั่วโมง ไปตามเขา  ตะโกนเรียกไปในป่าที่เห็นในนิมิต  แล้วยังเหนื่อยไม่หายเลย   ถ้าไม่เก่งอยู่กลางเมืองมนุษย์ไม่ได้หรอก

 

ยังทำหนังสือพิมพ์ดีค้างอยู่  จะเร่งก็ไม่ได้  ไม่มีหัวคิด  มัวยุ่งกับเรื่องของลูกสาวคนสวย

 

เขาจะโทร.มาหรือไม่นี้  และเราก็ไม่มีเบอร์โทร.ของเขา  เขาจะให้แต่เราไม่เอา  บอกตรง ๆ ว่าไม่เอา เขาคงเข้าใจ

 

แต่นี่หายไปไหน  ถ้าไม่กลับจะทำอย่างไร?

 

19.15 น.

โทรศัพท์มา  น้อยเอง  หลวงพ่อน้อยจะโทร.มาใหม่ตอน 2 ทุ่มได้ไหม  น้อยไปวัดกับแม่ชี  วัดนางนาคพระโขนง   แม่ชีเขามาส่ง  น้อยจะเล่าให้หลวงพ่อฟังทุกอย่าง  แต่จะไปให้หมอทำแผลให้ก่อน น้อยจะขอโทษเขาด้วย    ตอบว่าได้  รอถึงหกทุ่มก็ได้  ตลอดคืนก็ได้   ดีแล้วล่ะลูกสาวของหลวงพ่อ

 

 

ธรรมาธรรมมะสงคราม

 

21.00 น. – 23.00 น.

บทเรียนล้ำค่า

เขาโทร.มา  มาดของเขาทำให้เราสบายใจขึ้นมากเลย   ในสองชั่วโมงนี้เขาเล่าเรื่องของเขาให้ฟัง  ล้วนแต่มุมที่เราไม่เคยเห็นไม่เคยรู้ บุคลิกส่วนที่ซ่อนเร้นที่เราไม่เคยรู้เปิดเผยออกมา และดูเหมือนเขาสว่างขึ้น  แผนการของเราน่าจะสำเร็จลง  วันนี้เขาเหมือนคนทั้งหลายและดูเหมือนเขาเรียนรู้ได้เร็ว และเข้มแข็งจริง ๆ  เราคิดว่ามาดอย่างนี้ พ่อญี่ปุ่นของเขาคงต้องประหวั่นใจอย่างแน่นอนทีเดียว  ถามว่าเราจะเข้าข้างใคร  เราเข้าข้างลูกสาวของหลวงพ่อนี่แหละ  หมายความว่าสู้กับพ่อญี่ปุ่นของเขา ในแบบของเรา  พ่อญี่ปุ่นจะต้องได้รับบทเรียนอย่างล้ำค่า

 

 

26 ม.ค.2550

08.25 น.  

สงครามโลก

แม่บ้านโทร.มาเสียงตื่นเต้นมาก  บอกว่าเกิดสงครามโลก  พ่อเขารู้ว่าน้อยหนีไปจากโรงพยาบาลแล้วโกรธมาก  เอาหมอมาอีก 3 คนให้ช่วยดูแลลูกสาวเขา ด่าว่าหมอว่าดูแลอย่างไร  ทำงานไม่รับผิดชอบในหน้าที่  ต่อไปนี้ต้องดูแลอย่างเคร่งครัด  แล้วด่าว่าหมอไปทำนองว่ารับเงินทองแล้วต้องทำงานให้ดี  ทำงานให้สมกับค่าเงิน  ทำนองนั้น  แล้วพอเผชิญหน้ากับลูกสาว ๆ ลุกขึ้นยืนบนเตียง จับเอาพ่อหมุนไปหมุนมา พ่อก็หมุนไปตามแรงเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา  ในขณะด่าว่าพ่อตัวเองไปต่าง ๆ  ว่าไปว่าหมอทำไม ว่าฉันสิ ฉันหนีออกไปเอง ไม่เกี่ยวกับหมอ  ถือตัวว่ามีเงิน  ไม่มีความดีแล้วคนจะเชื่อหรือ  คุมคนงานนับพันนับหมื่นได้อย่างไรถ้าไม่มีคนดี ๆ  ทำไมอยากให้ฉันรักท่านแล้วแต่ทำตัวไม่น่ารักเลย    แม่ฉันเหลือคนจริง ๆ ไปรักคนอย่างนี้ได้อย่างไร  ถามจริง ๆ แม่ฉันรักท่านได้อย่างไร   แล้วมันก็ไปท้าทายกับพ่อมันให้เอาหนังสือไปอ่านแล้วมาตอบปัญหากันวันนี้ ถ้าตอบได้จะเรียกว่าพ่อทันที

 

พ่อคนที่2

08.25 น.

สาวน้อยโทร.มา (นาฬิกาขึ้น 100 นาที 17 วินาที) บอกว่าบาปกรรมจังหลวงพ่อ จับคนญี่ปุ่นหันไปหันมา โกรธเขาที่ไปด่าหมอ แล้วเล่าให้ฟังเหมือนแม่บ้านเล่ามา  ว่ารู้อะไรดี ๆ ในเมืองไทยบ้างไหม  ยัดหนังสือศึกษาโลกลี้ลับให้กับมือ  บอกให้ท่านเอาไปอ่าน อ่านดี ๆ อ่านทั่ว ๆ  แล้วมาตอบคำถาม   ถ้าตอบได้จะขอเทิดทูนและจะเรียกว่าพ่อทันที  พ่อเขารับคำท้า   ว่าเธอจะต้องแพ้ฉันวันนี้แหละ ฉันจะเป็นพ่อคนที่ 2 ของเธอให้ได้   รักษาคำพูดสัญญาไว้ให้ดีก็แล้วกัน  ว่าจะกลับมาตอบเวลา 15.00 น.  เธอเล่าถึงตอนนี้แล้วหัวเราะก๊าก เลย  ว่าน้อยเก่งน่ะ  นี่แหละลูกสาวหลวงพ่อ  ถามว่ามั่นใจได้อย่างไรว่าจะชนะเขา  ตอบว่าคนญี่ปุ่นไม่รู้อะไรหรอก  รู้อย่างเดียวคือเรื่องผ้า เรื่องแพร  น้อยจะต่อให้ด้วยซ้ำไป หลวงพ่อไม่ต้องห่วง  น้อยเก่ง

 

 

ให้สินบนตามจับ

16.35 น.

 

โทร.มาบอกว่า  คนญี่ปุ่น(เขาเรียกพ่อเขาว่าคนญี่ปุ่น)มาหาขณะนอนหลับอยู่ในห้อง  บอกน้ายามกับแม่บ้านไว้ว่าอย่าลืมสัญญา  และขอต่อเวลาไปอีกสักชั่วโมง สองชั่วโมง  แล้วบอกน้ายาม กับแม่บ้านว่าให้หาเบอร์โทรศัพท์หลวงพ่อของน้อยมาให้ จะให้เงิน น้ายามบอกไม่รู้จัก  ในหนังสือก็ไม่มี  มันตัดหน้านั้นออกไปหมดทุกเล่ม ๆ  แต่คนญี่ปุ่นก็บอกว่า วันนี้แหละฉันจะชนะ ฉันจะเป็นพ่อคนที่ 2 ของเขา     

 

พอตื่นนอนมาน้ายามบอก  แล้วเลียบเคียงถามเบอร์โทรศัพท์หลวงพ่อ  ตอบว่าไม่รู้ ไม่เคยโทร.ไปหาท่าน  โทร.ไปหาแต่หลวงปู่   อยากรู้ก็ไปหาท่านซิที่ศรีสะเกษ

 

บอกว่าญี่ปุ่นมันฉลาด คงโทรศัพท์ไปถามพระรูปนั้นรูปนี้ พระที่เรียนปริยัติมีเก่ง ๆ ก็มาก ถึงจะไม่เคยเดินธุดงค์ก็รู้มาก  ขอให้หลวงพ่อแนะให้หน่อยว่าถามอะไรดี   บอกว่า  มีเรื่องที่พระทั้งหลายทั่วแผ่นดินไทยไม่มีใครรู้คือ  กสิณ  ฌาน  และ  ปราณ   สำหรับปราณเป็นเรื่องสุดยอดให้เอาไว้ถามท้าย ๆ

 

1 ต่อ 7

18.50 น.

 

โทร.มาเล่าว่า  พ่อญี่ปุ่นมาตอบปัญหาตามที่ท้าทายไว้  เขาพาหมอมาด้วย 4 คน  ก็ต่อให้เลยถึง 7 คน มานั่งเก้าอี้เรียงกัน มี  ญี่ปุ่น 1 คน  หมอ 4 คน  แม่บ้าน และน้ายามคนของเรานี่แหละแต่ให้ไปร่วมฝ่ายเขาด้วย  รวมเป็น 7 คน สู้กับน้อย 1 คน  ให้ช่วยกันตอบได้เลย  ถามว่า พระธุดงค์คืออะไร?  ฌาน แปลว่าอย่างไร  น้ำมวกคืออะไร แปลว่าอย่างไร  ถามไปหมดทั้งเล่ม  ตอบไม่ได้   ยอมแพ้   แต่ขอต่อรองว่าให้มีครั้งที่ 2  ขอสัก 5 วัน พ่อมีตัวช่วยเยอะจะเอาชนะให้ได้  บอกว่าแกคงไปถามพระที่นั่นที่นี่  แต่ก็ยอมให้ถามอีกในวันที่ 3 ก.พ. 2550  ก่อนจะขึ้นศาล 1 วัน

 

19.15 น.

 

แม่บ้านโทร.มารายงาน  ว่าพ่อญี่ปุ่นเขาถามหาเบอร์โทรศัพท์ของหลวงพ่อ  ว่าจะให้รางวัลคนที่เอาเบอร์โทรศัพท์หลวงพ่อมาได้  ฉันรู้แต่ฉันไม่บอก   ส่วนน้อยตัดหน้าที่บอกโทรศัพท์ในหนังสือออกหมด  ตีหน้าตาเฉยว่าไม่เคยโทร.ถึงหลวงพ่อ  ไม่มีเบอร์ของหลวงพ่อ  โทร.หาแต่หลวงปู่

 

20.50 น.

ลูกสาวหลวงพ่อเก่ง

บอกว่าขนข้าวของออกจากโรงพยาบาลแล้ว  วันนี้เป็นวันครบสัญญาที่พ่อให้ไว้และหลวงพ่อขอให้อยู่  จะไปอุดร  ส่วนแม่บ้านจะไปอุบล  เพื่อรับคนงานเข้าโรงงาน  ที่อุดรโทร.มาขอให้ไป  ไม่งั้นคนไม่มา คนจะขาด   บอกว่าชนะวันนี้ดีใจมาก   อยากจะออกไปที่สนามแล้วตะโกนว่าสะใจจริง ๆ น้อยชนะ  รักหลวงพ่อคนเดียว หลวงพ่อน้อยเก่งจริง ๆ  เก่งคนเดียว  ลูกสาวหลวงพ่อเก่งไหม?

 

คืนนี้พักในโรงงานบริษัทญี่ปุ่น ของพ่อเขาเอง  พรุ่งนี้จะไป  บอกว่าจะโทร.มาหาหลวงพ่อตลอด ไม่อยากให้ออกธุดงค์  ไปทำไม ไม่จำเป็น  อายุก็มากแล้ว  จะลำบาก  อดข้าวอดน้ำ  เตือนว่าแผลยังไม่หาย ระวังเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย  เขารับฟัง  พูดเรื่องอื่น ๆ ต่อไป รวม 65 นาที

 

เราเหนื่อย  แต่มีความสุข  คิดว่าเรื่องราวต่อไปนี้คงยืดเยื้อ  เราจะทำอย่างไร?

 

เร่งออกหนังสือพิมพ์ดีเล่มที่ 38 ให้เสร็จโดยเร็ว  แล้วฟื้นวิทยายุทธโดยด่วน  แล้วออกเดินทาง ?????

 

 

27  ม.ค. 2550  เสาร์

09.00 น.

เอาเส้นผมไปทำไสยศาสตร์

 

โทร.มาว่า  เมื่อ 3 ทุ่มเศษ ๆ วานนี้ มีพระ2รูปมาหาน้อย  ขอผมน้อย  ว่าขอนิดเดียว  ก็ไม่ให้  ถามวันเดือนปีเกิด  บอกว่าไม่รู้  ทำไมไม่ถามคนญี่ปุ่น เขาเป็นคนทำออกมา   คล้ายจะเอาไปทำไสยศาสตร์  เช้านี้ก็มาอีก  กำลังมา  หลวงพ่อคอยฟัง  น้อยจะว่าให้สะใจเลย  น้อยจะเปิดโทรศัพท์ค้างไว้

 

น้ายาม นำเข้ามา   นิมนต์จ้ะ   ฉันไม่ให้หรอก  เป็นพระจะมาขอผมไปทำไม  เสียดายผ้าเหลืองจัง  ทำไมไปเชื่อคนญี่ปุ่น  ทำไมคิดต่ำ ๆ อะไรอย่างนี้   เอาหนังสือพระธุดงค์ไปอ่านไหม   ทำไมล่ะ  อ่าน ๆ ไปไม่เข้าใจก็ต้มกินเลย   ท่านสวดท่านทำอยู่แล้วมาทำทำไม  ถ้าอ่านไม่รู้เรื่องก็เอามาต้มกินเลย   เขาจ้างท่านเหรอ เขาให้ท่านเท่าไร   เอาไปหน่อย  เอาไปให้ท่านดู  อ่านไม่รู้ก็ต้มกินเลย   ไม่ดีหรอก  เหมือนไม่มีการศึกษานั่น   จะเอาไปทำอะไร  ต้มกินแทนข้าวไหม   น่าเสียดาย  อยู่ในที่เจริญแต่พระคุณเจ้าไม่เห็นพัฒนาตัวเองให้เจริญ    น้ายาม  ส่งท่านกลับไปหาญี่ปุ่น  ขอยังไงก็ไม่ให้ 

 

หลวงพ่อ  ไปแล้ว เดินไปหาคนญี่ปุ่น อยู่หน้าห้อง  เขาไม่เข้ามา   เธอบ่นว่าพระมาขอผมไม่รู้จะเอาไปทำอะไร  เราหัวเราะ ว่า  ไม่ใช่ท่านหลงเสน่ห์เราหรือ ?   เธอว่าไม่ใช่หลวงพ่อ  ถ้าเขาทำไสยศาสตร์ หลวงพ่อช่วยน้อยด้วยนะ  เราบอกว่า ทำไมไม่ช่วยตัวเอง  เราก็เก่งอยู่แล้ว  พอดีพ่อเขาเข้ามา  บอกให้หลวงพ่อคอยก่อน อย่าเพิ่งไปไหน 

 

09.30 น.

 

แม่บ้านรายงานว่า มีพระมา 2 รูป มาขอเส้นผมของน้อย  ขอวันเดือนปีเกิด   พ่อมันสั่งฉันกับน้ายามให้แอบเอาผมของน้อยมาให้ จะให้รางวัล  แต่ฉันกับน้ายามจะไม่ทำอย่างเด็ดขาด  พ้อมันเป็นคนเจ้าเล่ห์ จะเอาให้ได้  มันคงเอาไปทำไสยศาสตร์

 

 

ทฤษฎีเงินตรา

10.25 น.

อะไรก็ไม่ใหญ่กว่าเงิน

น้อยรายงานมาว่า  พ่อเขาไม่ยอม   จะต้องเอาตัวไปให้ได้  ว่าอะไรก็ไม่ใหญ่กว่าเงิน

เหนื่อย  รักไม่จริง   หวังแต่ผลประโยชน์  แล้วว่าเขามาขอหยุดก่อน

 

 

12.00 น. 

มรณานุสสติ

 แม่บ้านโทร.มา   รายงานว่าเมื่อคืนมันไม่นอน  มันพูดแต่ว่ามันคงจะถึงเวลา  สงสัยจะผิดสัญญากับพ่อน้อย  น้ำตามันเต็มหน้า ซึมไปเลย   แผลมีเลือดออก  เยิ้มซึม  ฉันกลัวว่ามันจะฆ่าตัวตาย  ขณะนี้มันยืนมองดูน้ำอยู่  ปากช่อง  ฉันไม่ได้เสียดายความสวยของมันอย่างเดียว   แต่เสียดายความฉลาด  เก่ง  ปราดเปรียว  อยากทำอะไรทำได้   พ่อมันนี่แหละจะให้มันตาย   เขาจะพยายามเอาไปอย่างเดียว  เอาไปประกวด  เอาไปแต่งงาน  คล้าย ๆ จะให้เป็นดองกัน   คล้ายเขาพูดกันไว้แล้ว  ผู้ชายเขาก็เคยมาดูมาเห็น  แต่มันคงไม่ยอม  มันจะต้องเป็นมัน จะทำไม่ดีไม่ได้  เรื่องฆ่าตัวตายมันกล้าแน่ ๆ   เมื่ออายุ 14 เคยจะโดดตึกตายแต่คนเห็นก่อนเลยเข้าไปเกลี้ยกล่อม

 

 

คดีประหลาด

12.20 น.

 

โทร.มา  เสียงเศร้าสร้อย   บอกว่ามาถึงปากช่อง   ทางโรงงาน เถ้าแก่โทร.มาขอให้เข้าโรงงานก่อน เพื่อปรึกษาคดี   จวนจะถึงวันสำคัญแล้ว  เขาให้ไปปรึกษากัน ให้คำให้การตรงกัน  บอกว่าปวดหัว  หลวงพ่ออย่าเพิ่งไปธุดงค์นะ

 

เอาชีวิตเป็นเดิมพัน

17.45 น.

 

สาวน้อยลูกสาวหลวงพ่อ ว่าไปบ้านอัยการมา  พูดกันทั้งสองฝ่าย  เขาว่าเขาไม่ได้เลี้ยงมาแต่เด็กก็จริง เขาก็ยินดีจะเสียค่าเลี้ยงดูให้  จะเอาเท่าไร  ก็ดูเหมือนว่าพวกโรงงาน ผู้ใหญ่บ้านเสียงอ่อน ๆ ไป เขาจะเอาเงินซื้อเอาทุกอย่าง  แต่น้อยบอกได้เลยว่าจะไม่ยอมไปประกวด  ไม่ยอมแต่งงาน   คุยกัน 53 นาที  พูดถึงเรื่องเขียนหนังสือ  เขาเอาเรื่องราวของเราไปเขียน  แล้วถามว่าเขียนอย่างนี้เป็นอย่างไร  ใช้ได้ไหม  เราไม่ขัดเลย  อือออห่อหมกไปหมด พยายามจะขอคืนสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อ ที่ว่าจะไม่ฆ่าตัวตาย  เพราะไม่รู้จะทนไปได้หรือไม่  ว่าต้องรีบตายเพื่อจะได้ไปเกิดใหม่มาให้ทันหลวงพ่อ  เราบอกด้วยคำหวานว่ายอมถอนสัญญาไม่ได้  ลูกสาวพ่อจะเสียสัจจะไม่ได้หรอก  แล้วเขาบอกว่าเดี๋ยวก็จะเข้าไปพบอัยการอีก  ไปสักชั่วโมงเศษ ๆ  พ่ออย่าเพิ่งนอน  นะรอน้อยกลับมาก่อนจะเล่าเรื่องให้ฟังต่อ

 

 

20.30 น.

เสียงทิพย์ที่ไพเราะเหลือเกิน

เราอยากบันทึกไว้สักหน่อยว่า   วันนี้เสียงทิพย์ฟังช่างไพเราะเหลือเกิน  เราไม่เคยฟังไพเราะเช่นนี้มาก่อน  เสียงเหมือนสีซอไป ไม่ชักคันสีกลับ  สีไปเรื่อย ๆ อย่างนั้น  แม้เจ้าคุณเทศน์อยู่และพระสวดมาติกาสนั่น เมื่อบ่าย 3 โมงเย็น ณ ศาลาเมรุ  เสียงก็ดังขึ้นจนท่วมเสียงสวด  แต่ไพเราะมาก  เสียงทิพย์เอ๋ย ช่างไพเราะล้ำลึกเหลือเกิน  อยากนั่งนิ่งฟังเสียงทิพย์ไปนาน ๆ  ให้อิ่ม  ฟังแล้วจิตสงบ เจริญสมาธิจิตลึกซึ้งไปตาม    ขณะนี้สองทุ่มครึ่งแล้ว  ในกุฎิ เสียงทิพย์ยิ่งดังสนั่นขึ้นกว่าเดิม  แต่ละเอียดละเมียดละไมเหลือเกิน  เรานี้มีบุญอันยิ่งใหญ่ จึงได้เสียงทิพย์นี้มาประจำตัว   เสียงทิพย์มาถึงระดับที่ไพเราะอย่างเสียงสวรรค์ที่ฟังแล้วมีความสุขสงบ  โอ้โฮ !!!!    นี่คือดนตรีแห่งเทพเจ้าโดยแท้     เอาละ!!!!    คืนนี้เราคงจะได้นอนนิ่งฟังเสียงทิพย์ไปตลอดคืน

 

 

28 ม.ค.2550

 

วันนี้ลมแรงมาก นอกกุฏิพัดมาเป็นคราว ๆ  วู่ ๆ ๆ ๆ  เอาฝุ่นหนาคลุ้งมาเป็นระยะ ๆ  เราล่าช้าอยู่เหลือเกิน   วันนี้สึกพระหลานชายไป ธเนศร บริบาล  สึกไปกรุงเทพ  ไปอยู่บ้านบางแสนคนเดียว   แสนสบาย  เขามาบวชรับใช้อยู่ 15 วัน  เป็นลูกศิษย์ สอนให้ครบทุกอย่าง แม้กระทั่งเดินจงกรม  เทกนิกง่าย ๆ มหาสติ  สมาธิระบบฝึกปราณ  วันนี้พาสวดมนต์แต่ตรู่ เพื่อให้ประทับใจในเสียงสวดมนต์ไม่รู้ลืม พาออกบิณฑบาต พาไปทำวัตร พาฉัน   เราไม่ค่อยแน่ใจว่าเขารู้สึกอย่างไร  ที่เห็นเรารับโทรศัพท์นาน ๆ   เป็นชั่วโมง ๆ  เขารู้ว่าพูดกับผู้หญิง เคยเลียบเคียงลงมาแอบฟัง  แต่ก็คงไม่เข้าใจ  เคยเล่าให้พ่อแม่เขาที่มาถวายเพลว่า มีโทรศัพท์มาปรึกษาปัญหาชีวิตที่อุกฤต จนต้องพูดนาน เป็นชั่วโมง ๆ ถึงสามชั่วโมงก็มี

 

ช้างเผือก

แล้วเราก็มารับฟังเรื่องราวของลูกสาวคนสวยต่อ  เช้า ๆ เขาเล่าว่ามาบ้านอัยการ เขาระดมมาประชุมพิจารณาเรื่องนี้ร่วม 20 คน ล้วนแต่คนทรงคุณวุฒิ มีการศึกษา และอายุมาก ๆ ทั้งหญิงและชาย  ท่าทางเป็นผู้ดี มีจริยามารยาท  น้อยรู้สึกเกรงกลัวไปหมด  กลัวจะตอบคำถามเขาไม่ได้ดี  หลวงพ่อช่วยน้อยด้วยนะ  น้อยแวบออกมาห้องน้ำเพื่อโทร.หาหลวงพ่อ 

 

แล้วก็โทร.มาเล่าให้ฟังว่า  เขาถามดีมาก  ว่าทำไมหนูถึงไม่รักเขาเลย   ทำไมถักผม ไว้ผมยาวจัง  ให้ดูหน่อยได้ไหม  หนูคิดจะแต่งงานไหม   ทำไมหน้าตาสวย ๆ จะไม่มีใครหรือ  ถ้าเป็นฉันคงมีแฟนเป็นหมื่นเป็นแสนคน ตอบว่าเขาฆ่าแม่ฉัน เอาผ้าผูกคอตายให้เขาดู ว่าผ้าผืนนี้แหละแม่ใช้ผูกคอตาย  เล่าความลำบากให้ฟัง ว่าแม่รักลูกจริงไม่ทำแท้งเสียแต่อยู่ในท้องเขา แต่เขาเอาไปขายให้ตายายเลี้ยงไว้ ตายายกลัวเขาจะเอาไปขายให้คนอื่น  เขาก็อุตส่าห์เลี้ยงมาจนเติบโต รักถนอมเหมือนลูกตัวเอง  ทำไมพ่อไม่มาดูแล ถ้าขี้เหร่ พิการแขนขาด ขากุดจะมีความรักให้ไหม  พอโตเห็นว่าสวยก็อยากได้ อยากเอาไปทำเงิน  น้ำตาไหลไปด้วย  พวกเขาก็น้ำตาไหลเหมือนกัน  คุณยายว่าน้อยสวย   ว่าช้างเผือกในป่า  ช้างเผือกในป่ามีอยู่หรือ

 

ไปไหว้ย่าโม    

เงียบไปถึงเย็นโทร.มาบอกว่าออกไปข้างนอก คนมากมายเลย  มาเที่ยวงานแม่ย่าโม   หลวงพ่อ งู น่ารักมากเลย  อยากจับจัง   ไม่ต้องห่วงหรอกน้อยจะกลับไปเอง  เขากลัวว่าจะโดนจับตัวไปน้อยก็รู้ แต่น้อยรู้ที่ทางดี เพราะเกิดที่นี่  น้อยจะอธิษฐานกับแม่ย่าโม

 

ไม่นานแม่บ้านโทร.มาบอกว่าลูกสาวหลวงพ่อหนีไปอีกแล้ว  ฉันกับน้ายามตามหายังไม่เจอเลย  ไม่ทราบหายไปทางไหน  เขาคงโทร.มาหาหลวงพ่อ  ให้หลวงพ่อบอกให้กลับด้วย  ทางโรงงานเขายังไม่ทราบว่าหายไป ถ้าเขาทราบเขาจะตกใจกลัวถูกจับไปเรียกค่าไถ่  บอกว่าไม่ต้องห่วงหรอกเดี๋ยวเขาก็กลับเอง เขาโทร.มาบอกก่อนนี้แล้ว

 

ราว ๆ หนึ่งทุ่มโทร.มา บอกว่าจะกลับแล้ว  เล่าเรื่องอะไรต่างๆ ให้ฟัง  นาน 30 นาที บอกว่ามืดแล้วกลับบ้านก่อนไม่ดีหรือ  เขาว่าดี

 

 

ศึกรักศึกแค้น  2 สาวพี่น้อง

 

พี่สาวเสนอให้เครื่องเพชร

ราว ๆ สองทุ่มโทร.มาพูด ๆ อยู่ก็มีโทรศัพท์มาจากกรุงเทพ  พ่อเขาโทร.มา ด่าว่าน้อยเก่งจังนะ  ไปคบคิดวางแผนกับอัยการจะเล่นงานพ่อ    แล้วจากนั้นพี่สาวญี่ปุ่นโทร.มา  บอกว่าพ่อคอยฟังด้วยนะ  จะเปิดโทรศัพท์ไว้   พี่สาวเขาเกลี้ยกล่อม ว่าให้กลับไปพูดกับพ่อหน่อย พ่อจะให้เงินทอง เครื่องเพชรเยอะเลยไม่อยากได้เหรอ  แต่งเครื่องเพชรแล้วน้อยจะสวยมากเลย จะเอาของพี่ก่อนก็ได้  ที่น้อยเคยเห็นตอนอยู่กรุงเทพนั่นแหละเอาไหม  เธอตอบไม่อยากได้  ฉันหาเอาเองก็ได้  ถ้าเอาไปก็เป็นหนี้บุญคุณ พ่อเธอก็จะเอาฉันไปถอนทุนทีหลัง  ไม่มีวันที่จะเรียกเขาว่าพ่อ  อยากให้เรียกต้องไปผูกคอตายเหมือนแม่ฉัน  กล้าไหมล่ะ   ทำได้ขนาดนั้นแหละฉันจึงจะเรียกว่าพ่อ

 

ข่มขู่พะยาน

ตอนสามทุ่มโทร.มาอีกที  เล่าเรื่องให้ฟังยืดยาว ราว ๆ 2  ชั่วโมง  ว่าพ่อเขาโทรศัพท์ไปที่หมู่บ้านไปข่มขู่แม่เลี้ยงไม่ให้ไปรายงานตัวต่อศาล  ว่าอยากโดนอุ้มไหม  เขาเลยโทร.ไปว่าพ่อเขาว่าทำตัวเลว ขนาดนั้นได้อย่างไร  เขาเลี้ยงน้อยมาแต่เด็ก ๆ คิดถึงบุญคุณเขาบ้างไหม  ชาวบ้านเขาไม่ค่อยมีเงินเขายังช่วยกันสู้คดีให้ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ลูกของเขา  คิดเห็นบ้างไหม  เขาเล่าแผนการของเขาว่า เขาเป็นคนชำนาญการเรื่องเย็บผ้า  ไปเรียน  ไปอบรม  ไปสอบ  ได้ทีหนึ่ง 3 ปีซ้อน  ถ้าได้ไปอบรมต่อที่ญี่ปุ่นจะเทียบเท่าปริญญาเอกสาขานี้โดยเฉพาะ  เขาจึงเรียกว่าอาจารย์น้อย บอกว่างานเย็บผ้ากำลังทำเงินมหาศาลอยู่ในขณะนี้ โรงงานขนออกไปเป็นคันรถ ๆ  ก็ไม่พอ  ระดับอาจารย์น้อยนี้ใคร ๆ ก็ต้อนรับ แม้ประเทศอังกฤษก็เสนอมาว่าได้เงินดีกว่าที่นี่หลายเท่า แต่น้อยก็ไม่ไปสงสารเถ้าแก่ที่เขาเลี้ยงมา  น้อยวางแผนหาเงินในด้านนี้จะได้เงินมากเลยทีเดียว เขาขอร้องให้เป็นหลวงพ่อของเขาตลอดไป และให้รักเขาคนเดียว ขอให้หลวงพ่ออย่าไปธุดงค์เลย น้อยจะไปปรนิบัติ  อุปัฏฐาก   หรือไม่ก็ให้หลวงพ่อถอนคำสัญญา  วันที่ 4 อยากจะพักผ่อนเหลือเกิน  เหนื่อยมาตลอดชีวิตแล้ว  ขอให้น้อยมาอย่างบริสุทธิ์และไปอย่างบริสุทธิ์

 

 

ฤาใช่กิจของสงฆ์

29 ม.ค.2550

ทะลุหูซ้ายออกหูขวา

โทร.มาแต่เช้า  บอกว่าคนญี่ปุ่นโทร..มา  ร้องไห้  ว่าน้อยไม่รักพ่อจริง ๆ หรือ ?  จะให้พ่อทำอย่างไร? เธอว่าพ่อเธอคงได้ฟังลูกสาวไปรายงาน ลูกสาวเขารักพ่อเขาก็โทร.มาเกลี้ยกล่อมน้อย แต่น้อยตอบกลับไปอย่างไม่ใยดี    แต่นี่เป็นการแสดงละคร จะให้เราใจอ่อน  รู้ทันหรอกน่า  ว่าไปผูกคอตายถึงจะเรียกว่าพ่อ   ทางหนึ่งคือถอนฟ้องแล้วค่อย ๆ ทำความเข้าใจกับน้อย  ให้เวลาน้อยบ้าง  เพราะน้อยไม่คุ้นเคย   พ่อเขาว่าจะพิจารณาดู  เขาถามว่าเรื่องที่คุยกันเมื่อคืนพ่อพิจารณาหรือเปล่า  ตอบเรื่อย ๆ ว่ายัง  เรื่องมันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ยังไม่ค่อยเข้าใจ ไม่ค่อยรู้เรื่อง  เขาขัดใจว่าพ่อก็เหมือนคนญี่ปุ่นเลย ให้อ่านหนังสือธรรมะก็อ่านไม่รู้เรื่อง เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเหมือนกัน

 

ตอนเพล  เขามารับไปฉันข้าวที่ร้าน  เจิม และ ประพรมน้ำพุทธมนต์เปิดร้านใหม่ให้เขา

 

ขณะนั่งในร้าน  รู้สึกสบาย  โล่ง  โปร่ง   ไม่เหมือนอยู่ในวัดในกุฎิ   มารำลึกที่วัดดูวุ่นวายจังเลย  เพราะอะไร  ก็คงเพราะเรื่องราวของสาวน้อยนี่แหละ พลอยให้เรามีภาระและมีกังวลอยู่ตลอดเวลา และส่วนหนึ่งเป็นเพราะญาติโยมมาหาทั้งวัน  ดูถี่ขึ้น  จนไม่มีความเป็นอิสระแก่ชีวิต  และดูเหมือนเราทำกิจอะไรที่ไร้สาระ อยู่ตลอดวัน  จนดูเหมือนว่า  ใช่กิจของสงฆ์  ครั้นเราจะไปกิจของสงฆ์ก็ดูเหมือนว่าคนรอบ ๆ ข้างไม่เห็นดีด้วย  คนไม่เข้าใจ  แปลกดี !!!!!!

 

อยากอยู่แต่ในฌาน

บัดนี้   เราอยากจะพักสักหน่อย  อยากจะอยู่ในฌานนาน ๆ   และฟังเสียงทิพย์อันไพเราะเสนาะลึกล้ำอย่างเต็มอิ่มเสียบ้าง   ระลึกเรื่องราวรอบ ๆ ตัวแล้ว  ชีวิตเราไม่เหมือนชีวิตคนอื่นเลย  เราไม่เคยรู้จักสิ่งที่เรียกว่าความทุกข์ยากลำบาก  ความคับแค้นใจ  ความไม่สบายกายไม่สบายใจ  ความทรมานอดอยากหิวโหย  ความไม่สมหวังประการต่าง ๆ    ตั้งแต่เกิดมาจนบัดนี้เรามีแต่ความสุขสบาย  ชีวิตเราเป็นชีวิตที่ประเสริฐ  แม้ขณะนี้ก็มีเสียงดนตรีทิพย์เห่กล่อมอยู่ตลอดคืนตลอดวัน   แล้วเราจะต้องการอะไรอีก?

 

หรือว่าสตรีผู้มีความงามเลิศประเสริฐสักคนหนึ่ง  อยู่ในความนึกคิดขณะนี้    ???????  

 

ไม่มีวันเป็นเช่นนั้นหรือ   ??????

 

พี่สาวผมทอง

ราว ๆ บ่าย3โมงเย็น  แม่บ้านโทร.มาบอกว่าอยู่อุบล  บอกว่าเมื่อเช้า ก่อนเที่ยง พี่สาวญี่ปุ่นโทร.มาหาน้อย ดูเหมือนโกรธ พ่อเขาไปกินเหล้าแล้วไม่สบาย พ่อเขาไม่ถูกกับเหล้า กินเหล้าแล้วจะไม่สบายทันที  เกิดมีปากเสียงกัน  คล้าย ๆ ด่าว่าน้อยเป็นต้นเหตุให้พ่อเขาไม่สบาย  และว่าอยากจะตายก็ตายไปเลย ไม่มีใครเสียดาย  อะไรทำนองนั้น  น้อยวางโทรศัพท์ร้องกรีด  แล้วร้องห่มร้องไห้  ขังตัวเองอยู่ในห้องไม่ออกมาเลย  ไม่กินข้าว  ไม่ไปสอน   เถ้าแก่สงสัยไปเคาะประตูเรียกก็ไม่บอก  น้ายามปีนประตูไปดู เห็นนอนอยู่  มันบอกว่าขอพักสักวัน  เหนื่อย  ให้ใครไปสอนแทนก็ได้  แม่บ้านทราบข่าวจากน้ายาม  

 

ทั้งชาติก็ไม่มีผัว

ปกติน้ายามจะล้อมันเล่นได้  ถ้าไปเรียก ๆ ว่า น้อย ๆ ๆ กูหาผัวมาให้มึงได้แล้ว  ออกมาดูสิ   ปกติน้อยมันจะตอบว่ามึงไปเอามาแต่ไหน   น้ายามก็ว่า  เอาตามถนนหนทางนี่แหละ  มึงมัวอยู่แต่ในห้องจะไปรู้จักผู้ชายที่ไหน ทั้งชาติก็ไม่มีผัว  น้ายาม และใคร ๆ ก็รู้ดีว่าน้อยมันชอบผู้ชายแบบนั้น  ไม่เป็น ก็ล้อมันได้   แม่บ้านบอกว่า มันมีโทรศัพท์หลายเครื่อง  แต่ละเครื่องใช้โทรไปหาแต่ละคน  พ่อมันซื้อให้หลายเครื่อง  มันเองก็มีของมันเอง  เครื่องที่โทร.หาหลวงพ่อมันจะลบเบอร์โทร์ทันที   หลวงพ่อจะเอาเบอรมันไว้ไหม  รอเดี๋ยวนะหลวงพ่อ  ฉันจะไปเอาเบอร์โทร.มันมาให้     เตรียมจดนะหลวงพ่อ  มี 2 เบอร์  .................    ................   ถ้าเลยสี่โมงมันไม่โทร.มา  ให้หลวงพ่อโทร.ไปหามันด้วย  สงสารมัน  แผลมันก็เป็นหนองอยู่  เขานัดไปวันที่ 30  แต่มันว่าเข้าเซนต์เมรีก็ได้  ไม่ต้องไปถึงกรุงเทพ  มันว่ามันศรัทธาหลวงพ่อมากไป รักหลวงพ่อมากไปจนลืมตัว  มันอาจจะไม่สบายใจก็ได้

 

 

ฝันถึงอินเดียเส้นทางสู่ถ้ำอชันต้า

 

30  ม.ค. 2550

ไฟไหม้บ้านแม่ศรีสะเกษ

เช้า 07.00 น.  อากาศหนาว สามล้อพาคุณยายวัย 74 มาถวายภัตตาหาร ถวายปัจจัย 500 บาท เห็นสามล้อก็จำได้ นึกอยู่ว่าคุณยายคนนี้เป็นอะไรกับน้อย   พอดีโทรศัพท์มาจากน้อยบอกว่าให้หลวงพ่อฝากของไปกับคุณยายที่สามล้อพามาด้วย ก็ฝากของไป   ประมาณ 0930 น. สามล้อกลับมาบอกว่าไฟไหม้บ้านแม่น้อย  รถดับเพลิงมาหลายคัน สามล้อเอาพระหลวงปู่ที่ไฟไหม้เกรียมมา ถามว่าเอาไปทิ้งที่ไหน  บอกว่าเอาไว้นี่แหละ  เราคิดว่าควรจะโทร.ไปบอกสาวน้อย  ก็โทร.ไป 2 ครั้ง 2 เบอร์ที่แม่บ้านให้ไว้  แต่เครื่องปิด  ต่อมาบ่ายโมงเศษ ๆ  สามล้อมารับไปบ้านแม่น้อย ข้างโรงแรมพรหมพิมาน พบว่าเสียหายไม่มาก  แต่หิ้งพระ โต๊ะบูชาพระบูชารูปหลวงพ่อต่าง ๆ เสียหายหมด  จนต้องโล๊ะทิ้งทั้งหมด หามาใหม่ 

 

ไม่รักพ่อมหาเศรษฐี

แม่รักเขาพูดด้วยสำเนียงโคราชเล่าถึงลูกสาวเขาว่า  เคยเห็นหน้าเขา2ครั้ง  ครั้งล่าสุดเขามาเมื่อกลางเดือนที่ไปวัดพระโตนั่นแหละ   ดร.มานะ มหาสุวีระชัย ยืนอยู่ในโรงแรม ใต้ต้นไม้ต้นนั้น  เดินออกมา ว่าขอดูหน้าสาวน้อยโรงงานหน่อย  เขาคงรู้เรื่องน้อยจากสส.สุวัจน์ ลิปตพัลลภ แต่น้อยรีบวิ่งไปขึ้นรถไปเลย  ผู้หญิงทั้งหลายที่มา 6 คนนั้นดูเหมือนจะรู้เรื่องน้อยดี  ประหลาดใจว่าพ่อญี่ปุ่นมีเงินมากมายเป็นมหาเศรษฐี มีเครื่องบินส่วนตัว จะบินข้ามทะเลไปญี่ปุ่นหรือจากญี่ปุ่นมาไทยเมื่อไรก็ได้ ทำไมลูกจึงไม่รัก  แม่เขาบอกว่ามันเป็นคนตรง มันรักใครมันก็รักเลย  ไม่อ้อมค้อม    เราทำน้ำมนต์ประพรมคนทั้งหมดแล้วประพรมบนบ้าน และรอบ ๆ บ้าน  สนทนาพอสมควรแล้วลากลับ  ไม่นานเขาโทร.มา  ถามว่าแม่เป็นอย่างไรบ้าง  ช่วยแม่แกหน่อยนะ  แล้วดวงเขาเป็นอย่างไร  ว่าดี  เขาหัวเราะว่าถ้าดีทำไมไฟไหม้  โธ่เอ๋ย !!  ดูเหมือนว่าเหตุการณ์จะทำให้สนิทสนมเร็วขึ้น   โทร.มาอีกตอนเย็น  พูด ๆ ไปประเดี๋ยวว่ารถมาขนผ้า  

 

หลับเพียงวันละ3-4ชม.

สามทุ่มโทร.มา ได้คุยกันถึงราว ๆห้าทุ่มครึ่ง  เขาพูดไปด้วยทำงานไปด้วยตลอดเวลา  เอาสายฟังเสียบหู เอาเครื่องใส่กระเป๋าเสื้อ  มือถือกรรไกร ตัดผ้าไปอย่างชำนาญ   มาบัดนี้เราทราบว่า นี่เป็นสังคมอีกแบบหนึ่งที่คนชายหญิงทำงานกันทั้งคืน พวกเขาไม่หลับนอนเวลากลางคืน ทำงานมาก  เร่งทำเงินทำทองกันไม่หยุดหย่อน  สำหรับสาวน้อยมีเวลาหลับพักผ่อนวันละประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง นับแต่เวลา 5 โมงเช้าไปถึงบ่ายโมงเศษ ๆ ทุกวัน ๆ ทั้งทำงาน ทั้งสอน  ทั้งดูแลบัญชีเงินของโรงงานทั้งหมด  เขาไว้ใจเชื่อใจมาก   เธอทำเงินได้เยอะมาก แม่บ้านบอกว่าน้อยมีเงินนับล้านบาท  ได้เงินไม่รู้จักใช้เก็บหมด      แล้วถึงเวลาเขาก็หลับเป็นตาย  เพราะเมื่อหลับแล้วจะไม่รู้สึกตัวเลย  จนแม้กระทั่งอาจารย์ที่สนิทเขาแอบทดลองไปเปลื้องผ้าห่มตัวออก ก็ไม่รู้ตัว  แม้กระทั่งเขาแกะรังดุมออกจะดูถันว่าอย่างไร ก็ไม่รู้ตัว  พอดีครั้งนั้นเขาลืมปิดรังดุมไว้เม็ดหนึ่ง  ตื่นขึ้นมาก็รู้ว่าคนแกล้ง ก็เสียใจร้องห่มร้องไห้  จนเถ้าแก่โรงงานออกคำสั่งว่าอย่าไปแกล้งสาวน้อยอีก  ใครทำอย่างนั้นจะไล่ออกจากงานทันที เถ้าแก่เขาเลี้ยงมาแต่เด็ก ๆเขารัก ถนอม    ปกติเมื่อถึงเวลาห้าโมงจะหลับทันที  ถ้าไม่เข้าห้องนอนก็จะหลับคากองผ้า คนจะช่วยกันหามไปเข้าห้องนอน  ต้องคอยเตือนบอกว่าน้อยได้เวลานอนแล้ว  ทุกคนรักน้อย จึงช่วยกันดูแล  เธอบอกว่าอยู่โรงงานต้องห่มคลุมตัวหน้าตาเป็นไอ้โม่งทุกคน เพราะเศษฝุ่นผ้าเยอะ

 

ใน1ปีต้องกลับมา

เธอขอสัญญาในฐานะลูกสาวของหลวงพ่อว่า  ให้กลับมา อย่าไปเลย พ่อจะไปทำไมพ่อก็ได้ทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว  เขาว่าเขารู้ว่าพ่อคิดอย่างไร  คาดคั้นเอาว่าจะไปทางไหน ไปกี่วันกี่คืนกี่ปีกี่เดือน  เขาว่าให้เวลา 1 ปี ต้องกลับมา เขาจะคอย  หรือไม่ถ้าพ่อญี่ปุ่นบังคับก็จะฆ่าตัวตายถึงผิดสัญญากับพ่อก็ยอม   ก็เลยบอกว่าปีหนึ่งอาจจะไม่พอ ไม่สามารถกำหนดได้ ถ้ายังไม่สำเร็จความปรารถนาก็ยังไม่กลับ แต่ต้องกลับมาอยู่แล้ว  กลับมาวัดพระโต ศรีสะเกษ เพราะเราไปในนามวัดพระโต(วัดมหาพุทธาราม) และศรีสะเกษ เป็นมาตุภูมิและเป็นถิ่นที่รัก เขารบเร้าถามเอาก็ออกอุบาย บอกว่าเส้นทางธุดงค์ยังไม่กำหนดแน่ชัด  ฝันไว้ว่า ว่าจะเดินจากเนปาลลุมพินีสถานไปสู่ถ้ำอชันต้า ที่หมู่พระอรหันต์สร้างไว้ ถ้ำที่น่าสบายเหลือเกิน  เพราะเป็นถ้ำร้างว่างเปล่า  เป็นมรดกโลก ซึ่งอยู่คนละฝั่งของประเทศอินเดีย  แล้วอย่างไร?  ก็อยู่ที่ถ้ำอชันต้าไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต แล้วมาเกิดใหม่เพื่อทำหน้าที่ของเราต่อไป  เพราะงานของพ่อเป็นงานข้ามชาติ  แต่นี่พูดคร่าว ๆ  ยังไม้ทันพิจารณาจริง ๆ จัง ๆ ให้เลยวันที่ 4 มกราคม 2550 ไปเสียก่อน  เขาบอกว่าเขาต้องรู้ว่าเขาจะคอยไปนานเท่าไร  กี่เดือน กี่วัน  กี่ปี  ถ้าเกิน1ปีไปน้อยอาจจะไม่ได้อยู่ น้อยจะรีบมาเกิดใหม่เป็นชายให้ทันหลวงพ่อ     เขาชอบขู่  หรือพูดกับเราแบบนี้เสมอ และเรามองว่าเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขให้เสร็จสิ้นไปเสียก่อน

 

 

 

สาวน้อยผู้มีความตายเป็นสรณะ

 

31 ม.ค.2550

18.30 น.

ใกล้วันตัดสิน

ตอนบ่าย โทรศัพท์ดังหลายครั้ง  เราเชื่อว่าเป็นของน้อย ก็แสร้งไม่รับ  ถึง  3 ครั้งก็ไม่รับ เราจะลองดูว่าเขาคิดอย่างไร  มารับเอาเมื่อ 1830 น.  บอกว่าโทร.มาหลายครั้งพ่อไปไหนเสีย   บอกว่าไม่อยู่  เพิ่งกลับมา  เขาเล่าว่าญี่ปุ่นมาแล้ว  คนญี่ปุ่นมาแล้ว  ถามว่ามาทำไม   ก็จวนวันที่ 4 แล้วไง  เขามาเตรียมการ  แต่มาเร็วกว่าที่คิดไว้  เมื่อเขามาเขาก็จะมากวนใจน้อยทุกวัน ๆ  เช้า เย็น  นี่ก็มายืนดู เขวี้ยงกรรไกรใส่ก็ทำเฉย   ทำเป็นใจเย็นหัวเราะ  ท่าทีว่าถึงอย่างไรฉันก็ชนะ  อะไรทำนองนั้น   เราว่าทำไมทำเขาแรงจัง  ไม่ประนีประนอม   เธอว่าไม่  ให้เด็ดขาดไปเลยกับคนอย่างนี้   เขาเล่าว่าแม่ที่ศรีสะเกษโทร.ไปเล่าว่า  ฝันเห็นพ่อ ห่มเหลืองงามมาก  เดินไปที่หน้าบ้านเขาแล้วชี้ทางให้เดินไป  ตื่นขึ้นมาดีใจมาก  ไปโรงพักตำรวจก็ต้อนรับดีมาก  และยกเลิกคดีทุกอย่าง  แถมนายร้อยตำรวจเอกขับรถมาส่งที่บ้านด้วย  แม่สรรเสริญว่าตำรวจศรีสะเกษดี  เขามาจากต่างถิ่นต่างแดนก็อุ่นใจ   พอดีโยมมาสองคน มากราบแล้วนั่งข้างหน้า  บอกว่าขอเวลาพ่อหน่อยโยมมาหา

 

19.25 น.

ปานแดงขึ้นวันพระใหญ่ 

แม่บ้านโทร.มาจากอุบลฯ   บอกว่าเถ้าแก่โคราชโทร.มาบอกว่าน้อยมันเก็บข้าวของมันหมดทุกอย่างเลย  ทั้งเสื้อผ้า  รองเท้า   ฉันตกใจกลัว มันต้องมีแผนอะไรแน่ ๆ  มันทำอะไรจะไม่ให้ใครสงสัยเลย      น้ายามถามมันดูแล้วว่า ถ้าแพ้เขาจะไปไหม?  มันบอกว่า ไม่ไป   แล้วจะทำอย่างไร?  มันบอกว่าเดี๋ยวจะทำให้ดู  ฉันกลัวใจมัน  เวลามันจะทำอะไรมันจะทำหน้าตาย  ไม่ให้ใครรู้   มันยิ้ม ๆ พูดดี ๆ แต่มันมีแผน   มันเร่งเขียนหนังสือ     ถามว่ามันโทร.มาหาหลวงพ่อแล้วยัง?  ว่าโทร.มา3ครั้งแต่หลวงพ่อไม่อยู่    สักครู่ใหญ่ก็โทร.มาได้พูดกับเขาแล้ว  พอดีมีแขกมาก็ขอให้เขาวางก่อนเขาก็ไม่ว่าอะไร   แม่บ้านบอกว่างั้นมันก็คงโทร.มาใหม่   แม่บ้านเล่าว่าใกล้วันพระใหญ่ 15 ค่ำแล้ว  วันนั้นมันจะสวยงามมาก ๆ  หน้าตามันจะเปล่งปลั่ง ดวงตา ขนตา ขนคิ้วจะสวยมาก คิ้วมันยาวและเป็นของแท้ไม่มีเขียนแต้มเลย  กลิ่นตัวมันนี่ จะระเหยออกมาหอมเย็นประหลาด  ตราใบโพธิ์จะขึ้นที่แก้มข้างขวา  และพวงมาลัยที่ร้อยข้อเท้าสองข้าง จะค่อยปรากฏขึ้นในตอนเช้า  พอถึงเที่ยงจะเห็นชัดเจนสวยงาม เป็นตอนที่มันสวยงามมากที่สุด และมันก็จะปิดคลุมหน้าไว้ไม่ให้คนเห็น    ฉันเองเคยเห็นไม่กี่ครั้งหรอก  เห็นตอนมันป่วยอยู่โรงพยาบาลครั้งหนึ่ง   มันไม่ให้ใครเห็นเลย  พอ ๆ กับหน้าตาที่มันคลุมเอาไว้นั่นแหละ   แม่บ้านบอกว่าวันนั้นฉันกับพวกก็จะลงไปกัน 20 – 30 คน  เอารถไป  หลวงปู่ก็จะลงไปด้วย

 

ยุทธศาสตร์กู้ชีวิต

 

21.00 น.

ทวนคำมั่นสัญญา

โทร.มา ยังวนเวียนเรื่องขอถอนสัญญาที่ให้ไว้กับหลวงพ่อ ที่ว่าวันที่ 4 จะไม่ทำอัตวนิบาตตัวเอง  แล้วก็ขอแลกเปลี่ยน  ให้พ่อสัญญาอย่างนั้นอย่างนี้  บอกว่าถึงสัญญาไว้กับพ่อก็ตามถ้าญี่ปุ่นทำให้ช้ำใจก็จะไม่อยู่  ก็ชวนคุยไปเรื่องอื่น ๆ  หลายเรื่องหลายราว เอาเรื่องที่เขาไม่เคยรู้มาชวนคุย หลอกให้ตามฟัง แต่แล้วเขาก็ฉลาดพอ ซ้อนกลเราเสียอีก  มาลงที่ว่าหลวงพ่อต้องกลับมาภายใน 6 เดือน แล้วน้อยก็จะไม่ให้พ่อไปอีก  พ่อจะต้องอยู่กับน้อย   เดิมเราคิดว่ายุทธศาสตร์กู้ชีวิตเขา เราต้องตามใจไปอย่างสุด ๆ  แต่บัดนี้เขาขอสัญญาเกินไปหน่อย ขนาดต่อรองว่าให้เลยวันที่ 4 ไปก่อน  ก็ไม่ยอม  คล้ายจะรู้ว่าถ้าเลยไปแล้วก็จะเสียทีหลวงพ่อน่ะซี  รู้ทันหรอกน่า  เราไม่รู้จะทำอย่างไร เราเผลอไป ถลำลึกไปหรือเปล่า? เปล่า เราไม่ได้เผลอเลย  แต่ทำตามยุทธศาสตร์กู้ชีวิตเขานั้น และสำหรับเรา เราคิดว่าเรามีความวิเศษ เราสามารถท่องไปได้ในโลกทุกโลก โดยไม่เป็นอันตราย แต่คนอื่นจะไม่เข้าใจเราเท่านั้นเอง แต่เราหวังว่าสาวน้อยจะเข้าใจเรา และพยายามทำให้เขาเข้าใจ  รำลึกครั้งวัยรุ่นอยู่ ที่ข้ามห้วย ข้ามทุ่งกว้างใหญ่ ข้ามราตรีอันมืดสลัวไปคนเดียว เที่ยวไปบ้านสาวสวย นางเอกหมอลำบ้านดร.แล้วคุยกันตลอด3คืนไม่รู้จักง่วงเหงาหาวนอน(เล่าไว้ในประวัติแล้ว)  ดูเหมือนจะคล้าย ๆ เราคุยกับสาวน้อยคืนสองคืนมานี้ แต่คราวนั้นครั้นสาวชวนเข้าห้องนอนเราก็ทำไก๋เสีย เอาตัวรอดไปได้  แต่คราวนี้เราต้องระวังอย่างเด็ดขาด ถ้าเสี่ยง พลาดไปจะต้องมีผลร้ายอย่างแน่นอน  เราจะทำอย่างไร?   เราทำได้ ๆ ๆ ๆ เราทำได้จริง ๆ หรือ?   เหมือนเดินข้ามธรณีประตูโบสถ์ เข้าไป  และออกมา อย่างง่ายดาย ไม่มีความรู้สึกเช่นนั้นหรือ?

 

บันทึกนี้คือความสัจจริง

เอ๊ะ !!!!  เราเอาเรื่องมาเปิดเผยทำไม?????

ก็แน่ละ !!!    เราต้องป้องกันตัวเราเองไว้ก่อน   เห็นใจด้วยเถิด   เราป้องกันตัวเอง

ไม่มีใครรู้หรอกว่า อะไรเป็นอะไร ระหว่างเรากับสาวน้อยคนนี้  หากเราไม่บันทึกลงไว้ตรงนี้ ตามความสัจจริง

 

 

พร้อมเสมอสำหรับความตาย

 

1  กุมภาพันธ์ 2550

06.30 น.

ก่อนวันสำคัญที่แพ้ไม่ได้

แม่บ้านโทร.มาจากอุบล  บอกว่ามันอยู่แต่ในห้อง เก็บกวาดบ้าน แล้วอยู่เงียบ ๆ ทั้งวัน    จนเถ้าแก่และพวกเราตกใจว่ามันคิดทำอะไรอยู่  ก็ออกอุบายล่อมันออกมาจากห้อง  ไปบอกว่าพี่เล็กเป็นลมเร็วลงมาดูหน่อย  มันก็หลงกลเพราะห่วงพี่เล็กคนที่มันรักมาก  เราก็เข้าไปดูในห้องของมัน พบว่ามันเก็บข้าวของเสื้อผ้าหมดทุกอย่าง  มีห่อหนังสือที่มันเขียนไว้ 2 ห่อผูกโบว์ไว้อย่างดี  ห่อหนึ่งให้ส่งถึงหลวงพ่อ บอกว่าหากส่งกับมือท่านไม่ได้ให้ส่งทางไปรษณีย์  เถ้าแก่เปิดหนังสือที่มันเขียนดู  มันเขียนว่าได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับหลวงพ่อวันเดียววันแรกวันที่ 14 มกราคม  แล้วไม่ได้คุยอีกเลย   อีกห่อหนึ่งส่งถึงวัดบ้านมัน   ในห้องมันเก็บข้าวของทุกอย่าง  กวาดพื้นเรียบร้อย  พวกเถ้าแก่กลัวว่ามันจะฆ่าตัวตาย  วานนี้มันโทร.มาหาหลวงพ่อหรือเปล่า?  ขอให้หลวงพ่อคาดคั้นเอาสัญญากับมัน แล้วให้มันสาบาญตัว  มันกลัวคำสาบาญ   ถ้ามันขอสัญญากับหลวงพ่อก็ให้หลวงพ่อพิจารณาดู ถ้าเขาได้คำสัญญาก็จะยิ้มหัวอยู่ทั้งวัน  วานนี้เขาก็ยิ้ม ๆ อยู่แต่พวกฉันไม่เข้าใจว่ามันยิ้มอะไร  ปกติพ่อมันมาถึงนี่ จะเหมือนราดน้ำมันเข้ากองไฟเลย  แต่วานนี้ดูมันไม่ดุเหมือนเดิม  เหมือนว่ามันกับพ่อมันจะไปกันได้  พวกฉันก็ยิ่งไม่สบายใจ เพราะนี่ไม่ใช่มัน  เดี๋ยวก็ถึงวันพระใหญ่แล้วหลวงพ่อ  มันสวยมากนะหลวงพ่อ  ทุกคนต้องการถนอมมันเอาไว้ในฐานะสิ่งสวยงามอย่างหนึ่ง  มันงามมาก  ทั้งตัวมันเลยละหลวงพ่อ แม้กระทั่งเส้นขนก็งาม  ตามันจะใสแจ๋ว โต ไร้เดียงสา  เล่าว่ามันถามแม่ศรีสะเกษว่าถ้าแต่งงานผู้ชายไม่นอนกับผู้หญิงได้ไหม  แม่มันบอกว่าไม่ได้  น้อยสวยอย่างนี้เขาไม่รอหรอก เขาจะจับ จะต้องทุกส่วนของน้อย และทำอะไร ๆ ทุกอย่างแหละ  บอกว่ามันหน้าแดงแล้วรีบปิดผ้าคลุมหน้า

 

เราไม่ทราบว่าเขามาศรีสะเกษหรือ คงมาเอาของ เขาอาจจะขับรถมาเองก็ได้ เขาขับรถได้ทุกชนิดแม้กระทั่งรถบรรทุกผ้าขนาดหนักก็ขับเองได้ และชอบขับรถเร็วมาก ๆ    เราไม่เคยเล่าอะไรให้แม่บ้านฟังเลย   พอรับแกก็พูด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ  เราก็ฟังอย่างเดียว ออกเสียง อือ ๆ ๆ พอให้รู้ว่าฟังอยู่  ไปจนจบ แต่ฟังดูคล้าย ๆ แกตามข้อมูลไปอย่างละเอียดพูดจาสอดคล้องรองรับเรื่องราวแต่ละขั้นตอนไปตลอด ๆ

 

พอฟังมาถึงบัดนี้  เราก็เริ่มกังวลอีก  ทั้ง ๆ ที่คิดไว้ว่าไม่เป็นไร  เขาไม่ทำเพราะต้องรักษาสัจจะสัญญา  แต่เช้านี้เขาคงทวงเรื่องหนึ่งคือเบอร์จะออกอะไร  เดี๋ยวโทร.มาเราก็จะบอกว่าติดต่อเทวดาไม่ได้  ฝันก็ไม่ฝัน  ถึงติดต่อได้เทวดาก็ไม่รู้เหมือนกัน แล้วเราก็จะบอกสุ่มสี่สุ่มห้าไป เพราะเขาบอกว่าขอครั้งเดียวเท่านั้นก็เลิก ขอแต่ให้บอกก็พอ  เราก็จะบอกซี้ซั้วไปละ  พอเอาตัวรอดไปวัน ๆ

 

12.20  น.

ด่านขุนทด

แล้วสาวน้อยก็โทร.มาเมื่อตอนจะฉันเพล  บอกเขาว่าจะฉันเพล ค่อยโทร.มา    ฉันยังไม่เสร็จโทร.มา  ไม่รับ  จนฉันเสร็จจึงรับ บอกว่าปวดหัวกับคนญี่ปุ่นจัง   ว่าจะไปด่านขุนทด  เขาโทร.มาตาม ว่าให้ไปหาหลวงปู่ให้ได้วันนี้ หมายถึงหลวงปู่วัดบ้านไร่ ผู้ที่เขารักเคารพนั่นเอง  พูดเรื่องอะไรต่าง ๆ ไปจนถึงบ่ายโมง เศษ เขาทวงเบอร์  บอกว่าติดต่อเทวดาไม่ได้ ฝันก็ไม่ฝัน จะบอกไปสุ่มสี่สุ่มห้าก็แล้วกันแล้วบอกเขาไป  3 ตัว  ดูจากเลขในดวงชะตาของเขา   ภายหลังบอกว่าเลยเวลาขายเขา พ่อแกล้งให้ซื้อไม่ทัน เลยไม่ได้ซื้อ 

 

 

15.30 น.

ขอให้หลวงพ่อสึก

แม่บ้านโทร.มาว่ามาโคราชแล้ว  น้ำเสียงวิตกกังวล  ว่าขณะนี้น้อยเถียงกับพ่อเขาอยู่หน้าดำหน้าแดงทั้งคู่ พ่อเขามาก็พักโรงแรมหรู  แล้วจะเวียนเข้ามาหาวันหนึ่งหลายรอบ   มายืน ๆ ดูใกล้ ๆ  ว่าแกทำไปทั้งคืนได้อย่างไร ไม่เหนื่อยเลย  ยังกะคนใช้เขา  ทำงานหัวซุกหัวซุน  แล้วก็เถียงกัน  น้อยเถียงว่าเขาอยากได้เงิน  แต่ไม่ขอเอาเงินคนญี่ปุ่น แม้แต่แดงเดียว  พ่อเขาก็ว่าไม่ยอมจะเอาตัวไปให้ได้    น้อยว่าหากแพ้ก็จะไม่อยู่ จะฆ่าตัวตาย  พ่อมันก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน ว่าถ้าแพ้ก็จะฆ่าตัวตายเหมือนกัน แต่ฉันต้องได้เป็นพ่อแกแน่  พี่สาวญี่ปุ่นมันเคยพูดกับมันว่าให้20-30ล้านเอาไหม แค่เรียกเขาว่าพ่อคำเดียว มันไม่เอา มันด่ากลับไปอีกว่าทำให้แม่ฉันคืนมาจึงจะเรียกว่าพ่อ    มันคงไม่คิดอยู่กับพวกฉันแน่  ขอให้หลวงพ่อให้มันรับปากแล้วให้มันสาบาญตัวไปเลย  หลวงพ่อรับคำมันไปก่อน  อะไรที่มันขอก็ให้ ๆ มันไปก่อน  ถ้ามันขอให้หลวงพ่อสึก มันไม่จริงหรอกมันแกล้งเฉย ๆ มันเคยพูดอย่างนี้กับพระธุดงค์หลายรูปแล้ว  ก็ให้รับคำมันไปก่อน  สงสารมันหลวงพ่อ อย่าเพิ่งให้มันตายเสียก่อน

 

18.30 น. 

 

สาวน้อยโทร.มา ดูน้ำเสียงกระตือรือร้น บอกว่าจบวันที่ 4 แน่ ๆ  ขอเลิกสัญญา   ว่าไม่ยอมหรอก จะเสียสัจจะลูกสาวของพ่อ  เลิกอย่างอื่นเลิกได้แต่เลิกสัจจะสัญญายอมไม่ได้

 

 

คำมั่นสัญญา6เดือนสำคัญ

 

21.00 น.-2350 น.

ตัดสินด้วยความตาย

โทร.มาอีกรอบ เป็นรอบดึกรอบสุดท้ายของวัน เราก็รับ คิดว่าไม่เอาใจไม่ได้  แล้วเขาก็พูดอะไร ๆ ให้ฟังไปยืดยาว เราก็ปล่อยให้เขาพูดไป   นานเป็นชั่วโมง ๆ  เขาพูดถึงความลับของเขา  ความลับในตัวในตน ความลับในวันพระ เรื่องความตายของแม่เขา ว่าฝังใจมาก เพราะตำรวจมาถ่ายภาพเอาไว้ ตั้งแต่ภาพแม่แขวนคอ ภาพหลักฐานต่าง ๆ ที่ยังเก็บเอาไว้  ความลับเรื่องการปิดหน้าห่อหุ้มตัวเอาไว้  เขามีวันที่จะเปิดเผย  แต่ต้องเป็นวันนั้น วันที่มีพ่ออยู่ด้วย แผนการในอนาคตของเขาต่อไปนี้จะตัดสินด้วยความตายอย่างเด็ดขาด  เราฟังอย่างจริงจังแต่ทำให้เขารู้ว่าเราไม่ค่อยสนใจ  ทำเป็นฟังบ้างไม่ฟังบ้าง  คล้ายฟังลูกน้อยเพ้อเจ้ออะไรให้ฟัง  นาน ๆ ก็จะสำทับว่า  ที่อือ ๆ นั้นหมายความว่าอย่างไร   ยอมไหม?   เราก็ทำเป็นยอมเขาทุกอย่าง   ให้สัญญาไหม?   เราก็ให้สัญญาทุกอย่าง  เขาว่าให้เวลา6เดือนต้องกลับมาวันสุดท้ายจะแต่งตัวคอยหากไม่มาจะฆ่าตัวตายทันที  ไม่ผ่อนปรน  ไม่ประนีประนอม สัญญาต้องเป็นสัญญา  เราต่อรองว่า6เดือนนั้นไม่ให้โทร.ไปหา  ดูเหมือนเขาเผลอรับปากไป  มาพูดทีหลังว่าไม่ได้พูดกับหลวงพ่อแล้วจะอยู่อย่างไร  คงจะเป็นประเด็นสำหรับต่อรองกันต่อไปอีก  ใจเราคิดว่าขอให้ผ่านวันที่ 4 เสียก่อน  แต่เขาไม่ยอม 

 

 

2 ก.พ.2550

08.40 น.

เพ้อเรื่องการแต่งงาน

แม่บ้านโทร.มาเสียงตื่นเต้น  บอกว่าน้อยมันจะบ้าแล้วหลวงพ่อ  เมื่อเย็นวานมันถามฉันว่า  แต่งงานแล้วไม่นอนได้ไหม   ฉันก็บอกว่าไม่ได้หรอก  ทำไมมึงไม่ถามคนที่มึงจะแต่งงาน  แล้วมันก็วิ่งหนีไป  แล้วประเดี๋ยวมันก็วิ่งมาใหม่ ถามแต่เรื่องการแต่งงาน ฉันกลัว ถ้ามันจะบ้าไปแล้ว   

 

มาเช้านี้ มันเปิดหน้าเลยสวยมาก  มันปล่อยผมยาวเลย  ให้เห็นหมด แต่พอช่างไฟมาสักสามโมงมันก็จะปิดเอาไว้อีก   มันยังถามเรื่องเดิม ว่าแต่งงานแล้วไม่ให้ผู้ชายนอนด้วยได้ไหม  ฉันก็ถามว่ามึงมีผู้ชายที่จะแต่งงานด้วยแล้วยัง  มันก็บอกว่ายังไม่มี  อ้าว แล้วมึงถามถึงทำไม   มึงโทร.ไปหาหลวงพ่อแล้วยัง  มันบอกไม่ได้โทร. นาน ๆ หลายวันจึงโทร.ไปทีหนึ่ง  ไม่อยากรบกวนท่าน  เวลาพูดถึงหลวงพ่อดูมันอาย ๆ แต่มันปฏิเสธ  

 

วันนี้มันถวายใจ  เป็นวันพระสิ้นเดือน มันจะไม่โกรธใครเลย  ใจดี  เช้านี้ก็ปัดกวาดแล้วไปเข้าห้องครัว ช่วยเขาทำอาหาร  ขณะนี้ก็ทำอาหารอยู่  มันว่าพวกแกเป็นเปรตทั้งนั้น  กินทุกอย่างไม่เลือก  น้ายามกับฉันกลัวจังเลย เดาใจมันไม่ถูก  ท่าทางมันสบายใจ  แต่จริง ๆ มันร้อน  ใกล้วันที่ 4 แล้วมันยิ่งคิด มันคงสับสนวนเวียนจนจะบ้าไปแล้ว  มันคงตัดสินใจไว้แล้ว  น้ายามแอบดูว่ามันทำอะไร  เห็นมันโทรศัพท์นานเป็นชั่วโมง ๆ  มันชอบโทร.ไปถึงแม่ศรีสะเกษ  แต่ถามไปแม่ศรีสะเกษก็บอกว่ามันไม่ได้พูดอะไรมาก มันแค่ถามฉันนิด ๆ หน่อย  มันไม่ยอมบอกว่ามันโทร.ไปหาใคร และครั้นแอบไปดูโทรศัพท์มันก็ลบเบอร์โทร.หมด     อีกหน่อยก็คงโทร.มาหาหลวงพ่อหรอก

 

 

 

ประเมินเสียงทิพย์ เสียงขับกล่อมของเทพเจ้า

 

17.00 น.

โอ!!!!ไพเราะเหลือเกิน

ลงพาญาติโยมทำวัตรปฏิบัติธรรมตามปกติวันพระ  วันนี้เจ้าคุณพระศรีธรรมนาถมุนี พระครูวิธานวัชรกิจ และหมู่สงฆ์ลงกันพร้อมเพียง  ขณะเจ้าคุณพานั่งสมาธิ ทำสติปัฏฐานนั้น  พลันเสียงทิพย์ได้มาสู่เรา   โอ!!!!!!  ไพเราะเหลือเกิน   ทำไมเสียงจึงไพเราะแท้ ๆ

 

เราได้เริ่มต้นบันทึกภาค 11 ด้วยการติดตามเสียงทิพย์โดยเฉพาะ  เพราะไม่มีการปฏิบัติฝ่ายใดเลย  เดินจงกรมก็ไม่ได้เดิน  นั่งสมาธิก็ไม่ได้ทำ  กสิณมิได้เพ่ง  ปราณก็มิได้บำรุง  แต่เสียงทิพย์มาอย่างไร?

 

แท้จริง   เสียงทิพย์มากับฌาน

 

วันนี้เสียงทิพย์แตกต่างไปจากเดิมที่ได้ยินคราวแรก ๆ  ไปอย่างลิบลับ ดูดุจว่ามันพัฒนาการไปด้วยตัวเอง   ด้วยเหตุที่มีความไพเราะเหลือเกิน บอกไม่ถูกว่าไพเราะอย่างใด   พยายามวิเคราะห์และให้ค่าออกมาในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นวิทยาศาสตร์   ก็พอได้  ดังนี้

ค่าของเสียงทิพย์

-             เริ่มจากความไพเราะของหมู่เรไรจักจั่น(แมงอี)  ในป่าใหญ่ห้วยเทิน  ก็ดี   ป่าใหญ่ศูนย์คณะสงฆ์ภาค10ก็ดี    นั่นให้ค่าความละเอียดของเสียงเท่ากับ    100   หน่วย

-              เสียงทิพย์ระดับแรกที่เรารู้จักจะมีความละเอียดไปกว่าเสียงจักจั่นเรไรในระดับ 1,000   หน่วย

-              บัดนี้เสียงทิพย์พัฒนาไปจนเราฟังร้องอุทานว่า  ไพเราะเหลือเกินเป็นของทิพย์โดยแท้จริง นั้น  ค่าความละเอียดจะอยู่ที่ระดับ  10,000 หน่วย เราหมายความว่ามีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงไปจากของเดิม 

 

และทั้งเมื่อดังขึ้นแล้วก็อยู่เหนือเสียงอื่นทั้งสิ้น   

 

การอยู่เหนือหมายความว่าอย่างนี้   เมื่อเสียงสวดมนต์ดังสนั่นขึ้น  เสียงทิพย์นี้จะท่วมเสียงสวดมนต์  แต่ไม่ลบเสียงสวดมนต์   คือเสียงสวดมนต์จะดังตามธรรมชาติ  แต่เสียงทิพย์ดังเหนือกว่า  มันจะเพิ่มความแรงขึ้นไปตามความแรงของเสียงฐาน เสียงฐานแรงขึ้นมันก็แรงกว่า  ลดลงมันก็ลดลงตามแต่อยู่เหนือ   อุปมาเหมือนเสือตะปบกระบือใหญ่  กระบือมีแรงก็จริงแต่เสืออยู่เหนือ จนเสือกินกระบือได้  

 

จะเป็นอะไรก็ตาม   แต่เรารู้สึกว่าไพเราะเหลือเกิน   แม้ฟังโทรทัศน์อยู่ขณะนี้  เสียงก็เรื่อย ๆ ริน ๆ ไปไม่หยุด มีลักษณะกึกก้อง เร่งเร้า  และอยู่เหนือเสียงฐาน

 

วันแรกของเสียงทิพย์ระดับ 10,000 หน่วย

ลักษณะนี้ได้ฟังครั้งแรกใน 27 ม.ค. 2550  เราได้บันทึกไว้วันนั้นว่า    

 

วันนี้เสียงทิพย์ฟังช่างไพเราะเหลือเกิน  เราไม่เคยฟังไพเราะเช่นนี้มาก่อน  เสียงเหมือนสีซอไป ไม่ชักคันสีกลับ  สีไปเรื่อย ๆ อย่างนั้น  แม้เจ้าคุณเทศน์อยู่และพระสวดมาติกาสนั่น เมื่อบ่าย 3 โมงเย็น ณ ศาลาเมรุ  เสียงก็ดังขึ้นจนท่วมเสียงสวด  แต่ไพเราะมาก  เสียงทิพย์เอ๋ย ช่างไพเราะล้ำลึกเหลือเกิน  อยากนั่งนิ่งฟังเสียงทิพย์ไปนาน ๆ  ให้อิ่ม  ฟังแล้วจิตสงบ เจริญสมาธิจิตลึกซึ้งไปตาม    ขณะนี้สองทุ่มครึ่งแล้ว  ในกุฎิ เสียงทิพย์ยิ่งดังสนั่นขึ้นกว่าเดิม  แต่ละเอียดละเมียดละไมเหลือเกิน  เรานี้มีบุญอันยิ่งใหญ่ จึงได้เสียงทิพย์นี้มาประจำตัว   เสียงทิพย์มาถึงระดับที่ไพเราะอย่างเสียงสวรรค์ที่ฟังแล้วมีความสุขสงบ  โอ้โฮ !!!!    นี่คือดนตรีแห่งเทพเจ้าโดยแท้    

 

 

ศาลเลื่อนการพิจารณา

 

21.00 น.

จากวันอาทิตย์ไปวันจันทร์

สาวน้อยโทร.มาบอกว่าศาลเลื่อนการพิจารณาไปวันที่ 5 มกราคม 2550  เพราะเหตุที่วันเดิมตรงกับวันอาทิตย์ วันหยุด  จึงเลื่อนไปวันจันทร์  บรรยากาศในโรงงานดูเงียบเหงา และคนมาสอบมากทั้งวัน  อาจารย์น้อยไม่ได้หลับนอนพักผ่อน คนเขากลัวว่าหลังวันตัดสิน  อาจารย์น้อยจะไม่อยู่แล้ว จะไปญี่ปุ่น ก็รีบมาขอสอบ   บอกว่าไม่ได้นอนมาทั้งวันทั้งคืน  เหนื่อยเหลือเกิน  ไม่อยากอยู่  อยากพักผ่อนเสียที  เหนื่อยมามากแล้ว  ขอให้หลวงพ่อถอนคำสัญญา    บอกว่าวันที่ 5 คนโรงงานจะไปฟังคดีมาก  จากด่านขุนทด  จากอุดร จากอุบล และจากนครราชสีมา  ส่วนเธอจะไปบ้าน  จะไปคนเดียวขับรถไปคนเดียว  อยากพักผ่อน  บ้านเธออยู่เลยตลาดปากช่องไป เขาว่ามีป่าและภูเขาสูง  เขาชอบขึ้นไปดูอะไรบนนั้น ดูแล้วมองเห็นรอบทิศทาง  เธอถามว่าพ่อจะไปกับน้อยไหมน้อยจะไปรับ 

 

 

กังวลเรื่องอัตวนิบาตกรรม

 

3  ม.ค.2550

เสียงทิพย์อยู่ระดับ 5,000 หน่วย

คุณแม่ศรีสะเกษ

เช้าตรู่คุณยายมากับคุณแม่เรไร แม่รักโคราชของน้อย   มากับคุณยาย มาทำพิธีถวายทานภัตตาหาร  แม่เรไรว่าทำไมหลวงพ่อให้น้อยกลับบ้านปากช่อง วันที่ 5  หลวงพ่ออาจจะนึกภาพไม่ออก  ตรงนั้นเป็นป่าและภูเขาสูง ฉันกลัวมันคิดจบชีวิตลงที่บ้านมัน เพียงแค่วินาทีเดียว โดดลงมาก็หาซากไม่เจอแล้ว  มันใจเด็ด  มันพูดจริง  ฉันอยู่กับมันมา 10 กว่าปีรู้ว่ามันกล้าทำจริง ๆ  มันเคยเอามีดโกนเชือดคอมันเป็นแผลเป็นมาถึงทุกวันนี้  มันเคยโดดน้ำตาย  เคยโดดตึกตาย  แต่คนช่วยไว้ทัน ทั้ง 3 ครั้ง

 

ถ้าหลวงพ่อไปธุดงค์ไม่กลับมาตามที่รับปากมันไว้  มันก็จะจบชีวิตมันลงเหมือนกัน  มันเป็นคนอย่างนี้เอง   ถ้าหลวงพ่อจะไปไม่กลับจริง ๆ ก็เลิกสัญญากับมันเลยจะดีกว่า  เลิกวันที่ตัดสินคดีให้มันเลย  แล้วแลกกับสัญญาไปธุดงค์ หลวงพ่อก็ไม่กลับมาก็ได้  หลวงพ่อจะได้ไม่เสียใจภายหลัง  จะไม่นึกว่าเป็นบาปติดตัว

 

ต่อมาน้อยโทร.บอกว่าแม่ศรีสะเกษโทร.ไปขอให้คิดอะไร ๆ ให้ดี ๆ  คล้ายจะให้เลิกสัญญากับหลวงพ่อ คล้ายว่าน้อยไปบังคับท่านให้ทำสัญญา  ท่านก็จำยอม   คล้าย ๆ ว่าน้อยไปถ่วงท่านไว้ ทำไม   ท่านแบกกลด ย่ามก็หนักอยู่แล้ว  ยังจะต้องแบกน้อยไปด้วย   ท่านไม่รักน้อยจริงหรอกแม่รู้  แม่ไม่เคยพูดแรงกับน้อยมาก่อน แกซ่อนความในใจ    แกอ่านนิสัยพระออกดีกว่าน้อยอีก   แต่น้อยไม่ยอม  เราโต ๆ กันแล้ว  สัญญาต้องเป็นสัญญา 

 

ประเด็นสำคัญของชีวิตนี้

เขาบอกว่าเขาทำงานทั้งคืนไม่ได้นอนเลย  เขาเหนื่อยมาก  เขาอยากพักเสียที  เขาเป็นสาวพรหมจารีบริสุทธิ์  อยากมาอย่างไรก็ไปอย่างนั้น  ชีวิตไม่เป็นธรรมสำหรับเขา  ให้เขาลำบากมาแต่เด็ก ๆ  อยู่กลางสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี  แล้วให้ความสวยงามมามากเกินไปจนจะเป็นอันตรายต่อตัวเอง  เขาว่าใครเห็นหน้าเขาจะต้องรักเขาทุกคนแม้กระทั่งพระธุดงค์ก็ตาม  และจะเฝ้ามาเวียนขอดูอีกครั้ง  เขาว่าถ้าพ่อได้เห็นหน้าเขา พ่ออาจจะไม่ได้ไปธุดงค์ก็ได้  ลองไหม?

 

ยังไม่เคยเห็นตัว

จริงด้วย!!   จนกระทั่งบัดนี้ เราก็ไม่เคยเห็นตัวเขา  เขาก็ไม่เคยเห็นตัวเรา    แต่เขาคงเห็นรูปถ่ายของเรา   เราสิ  ยังไม่เคยเห็นเขา   แต่ผู้หญิงสวยงาม เราก็เคยเห็นเคยคบหามาตั้งแต่วัยรุ่น ๆ   เราพบแต่ผู้หญิงที่มีความงามเป็นเลิศมาตลอด  แม้กระทั่งนางงามจักรวาลเราก็เคยใกล้ชิดมาก่อนที่เขาจะมีชื่อเสียงเสียอีก   และที่สุดงามอย่างนางฟ้าคือ  เทพธิดาประจำใจ  เราก็พบมา  เราคงคิดว่าเราเคยเห็นมามากแล้วก็เลยเฉย ๆ  เมื่อเขามาวัดพระโตเราก็บอกเขาว่าไม่อยากเห็น  เขาเลยไม่เข้ามา  แต่เขาเองพูดว่า   เขาให้มามากเกินไป  ดูเหมือนว่าจะดึงดูดใจเราหรือ?  ก็เปล่า !!!! อย่างนั้นหรือ????

 

 

มหายานกับเถรวาท

 

วิถีทางที่ลึกซึ้งไปกว่า

เราเพียงคิดถึงแนวทางที่แตกต่าง  ไปจากเถรวาท ของไทย ลังกา พม่า    เรากำลังคิด วิถีของมหายานในจีน ธิเบต และ  วิถีของเซน  ในญี่ปุ่น   

 

และเรากำลังศึกษาวิถีของมหายานอยู่   วิถีเซน อยู่   โดยไม่รู้ตัว  

 

เรามองว่า   นี่คือโอกาสอันล้ำเลิศในการศึกษานิกายลัทธิที่แตกต่าง   อย่างเป็นสากล และรอบด้าน

 

จริงหรือ????????

 

 

4 ก.พ. 2550

เสียงทิพย์อยู่ระดับ 5,000 หน่วย

เวลาเหลือน้อยแล้ว

น้อยโทร.มาแต่เช้าตรู่ ตะวันยังไม่ขึ้น  เขาทำงานเย็บผ้าทั้งคืน  รบเร้าให้คืนสัญญา บอกว่าพรุ่งนี้แล้ว เวลาเหลือน้อยแล้ว ขอคืนสัญญา    เราบอกว่าไม่ได้ดอกลูกสาวของพ่อ พ่อไม่ยอม สัญญาก็ต้องเป็นสัญญา  เราโต ๆ กันแล้ว   สำเนียงเขาเล่า เหมือนว่าคนต่างหวาดระแวงและเอาใจ  หลวงปู่ด่านขุนทดก็โทร.มา  ส่วนพระครูก็โทร.มา บอกทุกวัน ๆ เอาใจ  ว่า น้อยนอนแล้วยัง  พระครูจะออกบิณฑบาตแล้วเน้อ    น้อยอย่าลืมข้าวบาตรก็แล้วกัน  ทำนองนี้ เพราะพระครูให้กินข้าวก้นบาตรมาแต่เด็ก ๆ    ขณะพูด ๆ น้ายามมา  ถามว่าน้อยพูดอยู่กับใคร  เขาบอกว่าไม่รู้  พระครูมั้ง  แล้วให้ไปปลุกอาจารย์หมวยมาตรวจผ้า  บอกว่าไปเรียกเลย ๆ ๆ   โอ๊ย เหนื่อยจัง  ท่าทางใจร้อน  แล้วเขาก็ขอตัว  ไม่บอกว่าจะโทร.มาใหม่เหมือนเดิม

 

พ่อผู้เศร้าโศก

ก่อนเพล โทร.มา  ถามว่าพ่อไปไหนมาน้อยโทร.มาหลายครั้งแล้ว  บอกว่ามีงานศพ  เด็กวัยรุ่น ๆ เลยตาย  พ่อเศร้าใจมาก เพราะพ่อเห็นและพ่อสวดศพส่งวิญญาณเขา   เขาว่าเดี๋ยวก็น้อยล่ะพ่อจะเศร้าใจไปร้อยเท่า   เขาว่าจะออกไปกับญี่ปุ่น  เดี๋ยวกลับมาจะเล่าให้พ่อฟัง พ่ออย่าไปไหนนะ   เขาหมายถึงพ่อญี่ปุ่นเขามาและทั้งคู่จะไปตกลงกันที่สำนักอัยการ  จะออกไปด้วยกัน    เท่ระเบิดละ !!!!

 

  1530 น. 

 

โทร.มาบอกว่าไปกับญี่ปุ่น  ไปรถเขา   เขานั่งข้างหลัง  เธอนั่งข้างหน้า  บอกว่าไม่นั่งด้วย  ท่านนั่งข้างหน้าฉันจะนั่งข้างหลัง   พ่อเขาได้แต่ยิ้ม เขาบอกว่าน้อยมานั่งข้างหลังกับพ่อ  ก็ไม่ยอม  บอกว่าจะเล่าให้ฟังทีหลัง  เอาไว้เท่านี้ก่อนนะพ่อนะ

 

 

วันที่แพ้ไม่ได้

เสียงที่สั่งลา

16.50 น.

แม่บ้านโทร.มา ว่าไม่สบายใจ  มันบอกว่าแพ้หรือชนะก็จะกลับบ้านปากช่อง  ไปคนเดียว  ไม่ให้ใครไปด้วยทั้งสิ้น  แม้อาจารย์หมวยขอไปด้วยก็ไม่ให้ไป  ฉันกับน้ายามก็ไม่ให้ไป  จะไปคนเดียว  แล้วยังกำชับว่าห้ามใครบอกหลวงพ่ออย่างเด็ดขาด  ใครโทร.บอกหลวงพ่อจะโกรธมาก ๆ  เขาไม่อยากให้หลวงพ่อรู้ว่าเขาจะไปบ้านที่ปากช่อง   แล้วดูมันจะสั่งลา  หรืออย่างไรฉันก็ไม่เข้าใจมัน 

 

มันแต่งตัว นุ่งกระโปรง เสื้อขาวทั้งตัว  แล้ว  ทำผมเกล้ารัดด้วยโบว์สีชมพู  แล้วปล่อยสยายลงมา   เปิดหน้าตาหมด  ใส่ถุงน่อง  แล้วให้น้ายามกับฉันพาไปร้านขายผ้า   มันสวยมาก ๆ เลย  เหมือนเทพธิดาลอยลงมาจากฟ้าปานนั้น  โอย  ฉันว่ามันสวยจริง ๆ  ไม่เคยเห็น  ผิวมันนี่ขาวนวลไปทั้งตัว  ถามมัน ๆ ว่าก็ให้ชมไง  ใครไม่เคยได้ชมก็ชมเสีย  เดี๋ยวจะไม่มีโอกาสแล้ว  แถมมันยังไม่ว่าอะไรให้จับต้องตัวได้อีก  มันยืนอยู่ในร้านผ้าเฉย ๆ  เจ้าของร้านนึกว่าเป็นตุ๊กตา  เอาผ้ามาห่มดู  พากันหัวเราะกันใหญ่   คนก็มาดูมาแตะต้องมัน ๆ ก็ไม่ว่า  

 

ฉันไม่เข้าใจว่ามันเปลี่ยนไปได้อย่างไร  ฉันกลัวจังเลย   ฉันไม่แน่ใจว่ามันจะโทร.มาหาหลวงพ่อหรือเปล่า ถ้ามันไม่โทร.มาขอให้หลวงพ่อโทร.ไปด้วย  เบอร์2เบอร์นั้นแหละ  กดยากหน่อย  พ่อกดหนัก ๆ หน่อย    มันเดินมาแล้ว  เอาเท่านี้นะหลวงพ่อ

 

เทพธิดาหลงฟ้า

 

แล้วไม่นาน สัก 5 นาที่ถัดมาน้อยก็โทร.มา น้ำเสียงแจ่มใส บอกว่าออกมาเดินเล่น งานอะไรก็ไม่รู้หรอก เขามาออกร้านหลาย ๆ จังหวัด น้อยอยากดูอะไร ๆ ให้สบายใจ   ถามว่าแต่งตัวอย่างไร เปิดหน้าเปิดตาเลยหรือ  มีคนบอกว่าสวยเหมือนเทพธิดาลอยลงมาจากฟ้า   หัวเราะ  บอกว่ามาอยู่ในร้านปรางค์กู่  ศรีสะเกษ  มีโปงลาง มีดนตรี  น่าชมมาก  พ่อได้ยินไหม  คนมากเลย  เขามองดูน้อยยิ้ม ๆ กัน  น้อยจะแต่งชุดนี้ไปให้พ่อดู   แล้วเสียงดนตรีดังมาก  ไม่ได้ยิน  ปิดโทรศัพท์ไป   โทร.มาอีกครั้งหนึ่งเล่าอะไรไปน้ำเสียงแจ่มใส แต่ฟังไม่ค่อยชัดเสียงดนตรีสนั่นไปหมด  เขาก็ปิดเครื่องเสีย

 

 สักหน่อยโทร.มาอีก  บอกว่าเขาเล่นดนตรีโปงลางไพเราะไหม  พ่อมาดูด้วยกันไหม  จะไปรับมาเอาไหม   เราฟัง รู้สึกว่าไพเราะจริง ๆ   เล่นเพลงพื้นบ้านอีสาน ทำนองรำเซิ้ง เขาเจตนาให้เราได้ยิน  บอกว่าคนแสดงแต่งตัวสวยงามมาก  ว่าคงสวยสู้น้อยไม่ได้หรอก  เขาหัวเราะ  น้อยแต่งตัวสวยมากพ่อไม่กล้าเข้าไปใกล้ ๆ หรอก   เขาอุทานว่า  เหรอ!!  ว่าจะถ่ายรูปส่งไปให้พ่อดู   ปิดโทรศัพท์ไปแล้ว    ดูเหมือนเราจะรู้สึกเป็นกังวลใจ  เพราะบัดนี้ก็เย็นแล้ว  ตะวันลับไปแล้ว   อยากให้เขารีบกลับบ้านเสีย

 

19.00 น.

หวังฝังชีพไว้ในโตรกเขาสูง

โทร.มาอีกรอบหนึ่ง  ว่ากลับบ้านแล้ว  ว่าชอบระบำเซิ้งจังเลย ชอบการแต่งเนื้อแต่งตัวแบบโบราณ อยากจะอยู่ดูไปตลอดคืน  แต่ทนคนจับต้องตัวไม่ได้ เลยกลับบ้าน  พยายามหยั่งใจหยั่งแผนการที่กลับบ้านปากช่อง  เขาเล่าว่าที่บ้านมีภูเขาสูงมาก  มีโตรกเหวลึกลิ่วลงไปข้างล่าง วัวควายตกลงไป มองไม่เห็นว่าตกลงไปตรงไหน  น้อยกลับบ้านพรุ่งนี้จะไปประกาศว่าที่นี่แหละที่น้อยจะกลับมาและฝากชีวิตไว้ที่นี่  ไม่ต้องการให้ใครเดือดร้อนลำบากในศพซากที่วายชนม์ไป  ตกลงไปในเหวก็แล้วไปเลย ลงไปตามเอาไม่ได้    ผิดคำสัญญาก็ไม่ลังเลเลย  ขอให้เชื่อเถอะ  ไม่เสียดายชีวิตนี้แล้วจะได้ไปเกิดใหม่  

 

ความหลังที่แสนเศร้า

 

แม่ผูกคอตายเมื่ออายุเพียง10วัน

เล่าเรื่องความเป็นมาของชีวิตตนเองให้ฟัง  ว่าแม่ไปทำงานโรงงานคนญี่ปุ่น ในขณะนั้นเมียเขาป่วยนาน  ก็มาชอบแม่น้อย เพราะแม่น้อยสวย คนญี่ปุ่นเองก็รูปหล่อมากเหมือนกัน  เขายังกะดาราคนหนึ่งเลย   แล้วพอตั้งครรภ์ได้ 5 เดือน แม่น้อยทนไม่ได้เพราะเขามาเอาใจเกินหน้าเกินตาเมียหลวงที่ป่วยอยู่  สงสารเมียหลวงเขา  ก็กลับบ้านที่ปากช่อง  คิดว่าเขาจะได้เอาใจเมียหลวงเขา บ้าง  แล้วผิดหวังเพราะพ่อไม่ตามมาและทั้งลืมไปเลยเงินทองก็ไม่ส่งให้ใช้  เมื่อคลอดได้ 10 วันแม่ก็ผูกคอตาย  น้าเอาไปเลี้ยงไว้  พอโตก็เที่ยวไปกินข้าวบ้านนั้นบ้านนี้  เขาเห็นมาเลาะ บ้านเขาก็ชวนกินข้าวด้วย ก็กินกับเขา  แล้วเทียวไปกินที่บ้านอื่น ๆ  จนครบทุก ๆ บ้าน ๆ ได้ให้ข้าวน้ำกิน เหมือนเป็นลูกคนทั้งบ้าน  ต่อมาน้าติดการพะนันเอาโฉนดไปจำนองไว้ แล้วไม่มีเงินไถ่  เขาก็บอกว่าให้เอาน้อยมาขายให้  จะคืนโฉนดให้  ฉันกลัวแกจะเอาน้อยไปขายลงไปทางเมืองใต้ให้คนอื่น  น้าก็เอามาขายให้ก็เลี้ยงให้เติบโตมา แม่ก็ยังอยู่ถึงปัจจุบัน  ส่งให้ เรียนหนังสือจนจบ ม.3   จบแล้วไปทำงานโรงงานกับเถ้าแก่ ก็เริ่มหวงตัว คลุมหน้าตาไม่ให้คนเห็น  

 

พบหลวงพ่อคนดัง

วันหนึ่งเถ้าแก่ทำผ้าป่าไปทอดวัดบ้านไร่  คนเขาพูดว่ามีสาวโรงงานคนหนึ่งมันไม่ลงมา มันกลัวคนเห็น ให้เอาข้าวไปให้มันกินหน่อย หลวงพ่อคูณก็ว่าไปเรียกมันมา กูอยากดูมัน ก็ให้น้อยเปิดผ้าคลุมออก หลวงพ่อคูณว่ามันสวยขนาดนี้เด้ กูเป็นพระยังหวั่นไหวไปกับมัน  แล้วให้หมุนไปรอบ ๆ จะดูให้ทั่ว ๆ  มันทนไม่ได้ก็วิ่งหนีไปอยู่รถเหมือนเดิม  ต่อมาเมื่อมาสอนที่โรงงานด่านขุนทดก็แวะมาทำบุญกับหลวงพ่อคูณ  เรียกว่าหลวงปู่  เป็นประจำ    เล่าไปหลายเรื่องราว  แทบว่าให้รู้หมด   เราก็ฟังคิด ๆ ว่าอะไรจะเป็นอะไร?  สงสัยอยู่?    

 

เพื่อนแม่บอกพ่อตั้งแต่อายุ 4-5 ปี

แล้วมาเล่าต่อรอบดึกอีก   เล่าว่าเมื่ออายุ4-5ขวบมีเพื่อนแม่ไปบอกพ่อญี่ปุ่นว่าลูกสาวสวยจัง ไม่ไปดูบ้าง แต่พ่อก็ไม่ไปดู  พอโตแล้วเอารูปตอนรับประกาศนียบัตรม.3ไปให้ดู คงเห็นว่าสวยก็ชอบ ก็รัก ก็หวง   พ่อก็ออกสืบถาม  ไปถึงบ้านที่ปากช่อง  ทำเป็นว่าไปขายผ้า  แล้วได้เห็นตัวจริง  ก็อยากได้  ไปหาเถ้าแก่ที่โรงงานอุบล ให้น้อยไปหา  เถ้าแก่บอกว่านี่พ่อของเอง  คนอื่นยกมือไหว้หมดแต่เขาไม่ไหว้พ่อ และไม่ยอมเอ่ยเรียกว่าพ่อ ก็เลยเกิดสงครามทิฏฐิมาตั้งแต่นั้น   

 

 

จารึกคำสาบาญ

 

เราให้เขาสาบาญว่าจะอยู่ มีชีวิต  เขายอมโดยแลกกับโทรศัพท์ เมื่อออกธุดงค์แล้วให้โทรศัพท์ไปได้ เราแหยมไปหน่อยว่านัดหมายก็ได้  ถ้าเขาอยากมาทำบุญ

 

 

 

5 ก.พ. 2550

05.00 น.

เสียงทิพย์อยู่ระดับ 5,000 หน่วย

หลวงพ่อเรียกไปหา

เขาโทร.มา บอกว่าโรงงานปิดงานกันหมดทั้งที่โคราช ด่านขุนทด อุบล  และสวายหรืออะไร ๆ หลายแห่ง  เพื่อไปฟังศาลตัดสินคดี  หลวงปู่คูณ วัดบ้านไร่โทร.มาว่าไม่ว่าศาลจะตัดสินให้แพ้หรือชนะขอให้ไปหาหลวงปู่ก่อนให้ได้ในวันนี้  บอกว่าไม่ไป  หลวงปู่ว่าจะนั่งสมาธิภาวนาเรียกให้ไป  เราบอกว่าไปหาท่านหน่อยไม่ดีหรือ  ตอบว่าไม่  ไปแล้วก็ต้องเข้าโรงงานต่อ  ไม่ได้พักผ่อน  น้อยอยากไปพักผ่อนจริง ๆ  พ่อไม่ต้องห่วงหรอก

 

 

ต้านศาลเลื่อนพิจารณา

08.15 น.

เสียงทิพย์อยู่ระดับ  7,000 หน่วย

ตกตะลึงขบวนทัพโรงงาน

โทร.มา ว่าตกใจคนมามาก  เอารถทัวร์มาแน่นหน้าบริเวณศาลากลางจังหวัด  ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย  เด็กเล็ก คนแก่ ก็มา  เจ้าหน้าที่ตกใจ  ว่าเกิดอะไรขึ้น  นึกว่ามาประท้วง   แต่เขามาเชียร์และพร้อมจะต่อสู้  ว่าน้อยจะต้องอยู่เมืองไทย  ไม่ไปญี่ปุ่น  เขาจะร้องเพลงกัน  น้อยกลัวคนมามากเหลือเกิน  นับหมื่น-แสน ๆ คน  รถจอดแน่นถนนไปหมด มากกว่าชุมนุมของทักษิณเสียอีก  น้อยเกรงเขาไม่น่าลำบาก  น้อยไม่ใช่คนสำคัญอะไร มาจากวารินทร์  กันทรลักษ์  อุดร  สวาย มาหมด  น้อยเคยสอนเขา ๆ ก็พากันมา  น้อยกลัวเจ้าหน้าที่เขาลำบาก  บอกว่าไม่ต้องตกใจหรอกเขามีหน้าที่เขา  เดี๋ยวเขาก็ระดมกันมาดูแลความปลอดภัยเอง   บอกว่าขอน้อยไปไหว้ย่าโมก่อน 

 

 

  10.10 น.

เสียงทิพย์อยู่ระดับ 8,000 หน่วย  ไพเราะมากแต่ยังเบาอยู่

ศาลจำเลื่อนการพิจารณา

โทร.มาว่า อัยการกับศาลเลื่อนการตัดสินไปไม่มีกำหนด  เพราเหตุที่คนมามากมายเหลือเกิน เกรงจะเกิดอลเวง  ถ้าเกิดตัดสินไปอย่างใดอย่างหนึ่งอาจจะเกิดจลจลก็ได้  มีชาวรถวินมอเตอร์ไซค์ ตะโกนเสียงดังพร้อม ๆ กันว่า น้อยเป็นของโคราช  เราไม่ยอมให้ไปญี่ปุ่น  ทางห้องพิจารณาก็ตกตะลึงกันว่าสาวโรงงาน ทำไมมีคนมามากมายเช่นนี้ ยิ่งกว่าดารา  แต่พอมองไปเห็น  สาวสวย  เขาแต่งตัวกางเกงสีชมพูอ่อน เสื้อสีชมพู  มวยผมม้วนผูกด้วยโบว์สีชมพู  ปล่อยสยาย ลง  ผิวพรรณอ่อนละมุน(สำเร็จวิชาเสริมสวยมาจากกรุงเทพ หลักสูตร 6 เดือน)   ยืนอยู่  กำลังรับช่อดอกไม้จากประชาชน  ได้ดอกไม้ถึงสองรถกะบะ  เขาก็เข้าใจ  สวยขนาดนี้ไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน 

 

พ่อเขาก็ดีมากแจกข้าวกล่องทุกคน ๆ ที่มา  หมดเงินเป็นแสน เขาประกาศว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนขอให้มารับบำเหน็จตอบแทนการปฏิบัติงานวันนี้  เขาว่าขอให้ได้ตอบแทนบุญคุณแผ่นดินที่เลี้ยงลูกสาวเขา  บอกว่าน้อยเก่งมากนะ  ถ้าพ่อแพ้พ่อก็ขอยอมตายเหมือนกัน  บอกว่าหลวงพ่อคูณโทร.มาขอให้น้อยไปหาวันนี้  น้อยไปไม่ได้  ท่านว่าให้มาวันหลังก็ได้แต่ต้องมา น้อยจะไปบ้านพร้อม ๆ กับชาวบ้านที่ยกขบวนมาให้กำลังใจ  คนเขามาผูกข้อมือให้  เอาของมาให้เยอะแยะ  และขอให้กำลังใจต่อสู้  ว่าจะไม่ทอดทิ้งคนไทยด้วยกัน  ไม่ยอมแพ้ญี่ปุ่น

 

 

เสียงแห่งความตาย

16.40  น.

เสียงทิพย์อยู่ระดับ 9,000 หน่วย

 

เสียงทิพย์ไพเราะเหลือเกิน  เสนาะและสนั่นอยู่รอบตัว เหนือหัว  ฟัง ๆ เรื่อย ๆ เหมือนเสียงแห่งความตาย  เราให้ค่าอยู่ระดับ 9,000 หน่วยก็จริง แต่แท้ ๆ แล้วร่วม 10,000 หน่วยแล้ว  ระดับนี้ได้ฟังแล้ว  จะอดออกอุทานออกมาไม่ได้เลยว่า ไพเราะเหลือเกิน

 

ไม่กลับญี่ปุ่นกับพ่อหรือ?

สาวน้อยโรงงาน ลูกสาวเราโทร.มาเมื่อหลังเพลว่ามาถึงบ้านปากช่องแล้ว  บอกว่าขับรถมาคนเดียวเร็วมาก  ตั้งใจจะหนีคนญี่ปุ่น เขาตามมาพร้อมกับลูกชายลูกสาวเขากับสาวอีกสองคน  แต่หนีไม่พ้น พอจอด เขาก็จอด   แล้วได้คุยกัน เขาว่าไม่กลับญี่ปุ่นกับพ่อหรือ พ่ออยากให้ไปรับมรดกของย่าที่ญี่ปุ่น เราไม่บังคับอาจารย์น้อยเลยแต่อยากให้ไปพบย่าหน่อย ย่าอยากเห็นตัว  อาจารย์น้อยดูบ้าน รีสอร์ตเหล่านี้แล้ว นี่แหละบ้านของอาจารย์น้อย  ที่ย่าจะให้  ราคาหลังละ 10 – 20  ล้านบาท   

 

ส่วนพี่สาวญี่ปุ่นบอกว่า เรามีกันเพียง 3 คนเท่านั้น อาจารย์น้อยอย่าลืมว่าอาจารย์น้อยมีส่วนของพ่ออยู่ส่วนหนึ่ง  อาจารย์น้อยไม่อยากได้มรดกพ่อหรือ  พ่ออยากให้อาจารย์น้อยเรียนภาษาญี่ปุ่น ถ้าไม่อยากไปญี่ปุ่นก็เรียนที่กรุงเทพก็ได้  ให้ไปร่วมกันบริหารบริษัทของเรา  จะไม่ดีกว่าอยู่ที่นี่หรือ  ฟัง ๆ  ดู เหตุผลของพ่อเขาพี่เขาบ่งถึงความรักปรารถนาดีจริง ๆ ในแบบทุนนิยมแบบญี่ปุ่น 

 

แต่น้อยไม่ลืมความหลังเอารูปแม่ผูกคอตายให้ดู รูปตอนตำรวจขึ้นไปปลดศพลงมา ตอนนอนกับพื้นน่าเวทนา ให้ดู   พ่อเขาบอกว่าวันนี้จะกินข้าว กินปลาอาหาร พักหลับนอนที่บ้านอาจารย์น้อยนี่แหละ  แล้วพรุ่งนี้ก็จะขึ้นเขา ไปยอดเขากับน้อย  ไปดูตรงที่น้อยท้าทายว่าจะกล้าไหม  

 

กลางทุ่งหญ้า

เขาออกมาในทุ่งหญ้าไกลบ้านโทร.มาบอก  บอกว่ายินดีด้วยกับวันนี้  วันที่น้อยลูกสาวพ่อชนะ  ชนะใจคนทั้งหลาย  เป็นสาวน้อยโรงงานโดยแท้จริง   เขาว่าเขารักพ่อมาก ๆ เลย  ถ้าพ่อมาอยู่ตรงนี้น้อยจะกอดจุมพิตพ่อเลย

 

เราฟังก็รู้สึกเยือกเย็นใจ  คิดว่ามีส่วนให้เสียงทิพย์เพิ่มดีกรีขึ้นไปหรือเปล่า?

 

 

ขอเสียงทิพย์จงเป็นพยาน

20.00 น.

เสียงทิพย์อยู่ระดับ 9,500 หน่วย

ณ ระดับนี้เสียงทิพย์ไพเราะเหลือเกินและยังสนั่น ดังก้อง และเหนือเสียงใดใด  แม้เสียงโทรทัศน์ ก็อยู่เหนือ  เสียงทิพย์นี้มีใครเล่าในแผ่นดิน ได้เสพชมเช่นเรา  ผู้ได้เสพชมดนตรีแห่งเทพเจ้าเช่นนี้ มีใครอื่น ?    แล้วเรายังจะต้องการอะไรอีกเล่า ? เสียงทิพย์เอ๋ย เจ้าย่อมเป็นพยานได้ในถ้อยคำของเรา ที่ว่านี้

 

 

ที่ขอไว้ต้องให้

ลูกสาวโทร.มาบอกว่า  ที่ขอไว้ต้องให้   ก็บอกว่าอือ ๆ     อือ ๆ แล้วจะให้หรือไม่ให้ ?  บอกว่าจะให้ทุกอย่างนั่นแหละ   บอกว่าญี่ปุ่นไปกินข้าวที่ตลาดปากช่อง  พวกเขากินอะไรแบบเราไม่ได้หรอก อะไรก็ไม่รู้น้อยเหม็นจังเลย  เล่าว่าจะนอนที่ตลาดปากช่องด้วยรุ่งเช้าจึงจะมา   ลูกสาวเขาเก่ง เรียนทุกภาษา  เคยมาอยู่สุรินทร์ปีหนึ่งเพื่อเรียนภาษาเขมร  แต่เขาชวนน้อยน้อยไม่ไป ว่าน้อยไม่มีความเก่งทางนั้น  เล่าว่าหลวงพ่อคูณโทร.มาว่าให้ไปหาพรุ่งนี้  บอกว่าญี่ปุ่นมาอยู่บ้าน  ก็ช่างมันปะไรกูไม่ได้ให้มันไปกูให้มึงไป  ว่าถ้าไปญี่ปุ่นก็จะตามไปอีก  

 

ว่าพ่อโทร.หาน้อยนะ  แบตหมด

 

21.00 น.

เสียงทิพย์อยู่ระดับ  9,800 หน่วย

ค้นกระเป๋าพบรูปผู้ชาย

 

โทร.ไปหาเขาตามที่เขาบอก ไม่งั้นดูเหมือนจะงอน   เขาบอกว่าเพิ่งออกจากห้องน้ำ ยังไม่ทันแต่งตัวเลย  ตัวยังเปียก ๆ อยู่  จะนอนคุยกับพ่อก่อน แล้วจะไปบ้านแม่  เขามาตามว่าอยู่คนเดียวไม่กลัวผีหรือ  บ้านหลังนี้เป็นบ้านของเขาเอง  อยู่ไกลออกมาจากหมู่บ้าน  บอกว่าอยากมาพักผ่อนนาน ๆ สักหนึ่งเดือนที่นี่กับผู้ชายที่เขารักคนนั้น เมื่อวานพ่อเขาค้นกระเป๋าพบรูปถ่าย ก็บอกว่า นี่แหละผู้ชายที่น้อยจะแต่งงานด้วย  คุยกันเรื่องสัพเพเหระ นาน2 ชั่วโมงเห็นจะได้ 

 

ทางรอดมีทางเดียว

เราไม่อยากขัดใจเขา  ทั้งโอ้โลมปฏิโลมเพื่อให้ถอนทิฏฐิในเรื่องอัตวนิบาตกรรม   เราวางแผนไว้ลึก ๆ ว่าต้องสอนเขาให้เข้าใจเดิน และเดินตามไปจนถึงที่สุดได้เท่านั้น เราจึงจะรอดตัว และ 6 เดือนต่อไปนี้เราจะทำได้หรือไม่??(เราหมายถึงสอนเขาให้บรรลุธรรมเบื้องสูง)

 

 

 

นาทีวิกฤต

 

ท้าพิศูจน์ด้วยความตาย

6 ก.พ.2550

05.00 น.

เสียงทิพย์อยู่ระดับ 10,000 หน่วย

 

06.55 น.

พาแฟนมาหาพ่อ

ระฆังตีทำวัตรเช้า  น้อยโทร.มาว่าญี่ปุ่นมาแต่เช้าเลย  มาก็กุมมือพาไปบอกว่าน้อยไม่รักพ่อเลยหรือ วันนี้มาพิศูจน์กันไหม  เขาถามว่าน้อยมีแฟนแล้วยัง  ถ้าน้อยมีแล้วก็พาเขามาหาพ่อ ๆ จะต้อนรับเขาอย่างดีพอ ๆ กับลูกสาวพ่อ  ให้เขาไปญี่ปุ่นไปดูงาน  ถ้าอาจารย์น้อยรักเขาก็หมายความว่าเขาดีกว่าพ่อ  พ่อก็ยอมรับ

 

 

08.15 น.

เสียงทิพย์อยู่ระดับ  10,000 หน่วย

ขึ้นเขามรณะ

 

โทร.มาอีกครั้ง  บอกว่าพ่อ วันนี้ถ้าน้อยไม่โทร.มาอีกแปลว่าน้อยตายไปแล้วนะ  แล้วบอกว่าเกิดการท้าทายกับพ่อเขา  ว่า จะขึ้นไปยอดเขาด้วยกัน ต้องตกลงกันให้ได้บนนั้น เขาท้าว่า ถ้าตกลงกันไม่ได้ตายด้วยกันเอาไหม  เราทั้งคู่จะโดดเขาตายไปอยู่กับแม่น้อย  น้อยก็บอกว่าได้   

 

ทวงว่าน้อยสาบาญแล้ว  เธอว่าจริง แต่น้อยกลัวเขาจะจับมือดึงตกเหวไปด้วย  น้อยจะพยายามเอาตัวรอดมา  น้อยน่ะไม่ทำเขาหรอก  รับรองไม่ทำเขา กลัวแต่เขาจะทำน้อย   น้อยจะโทร.บอกพ่อเป็นระยะ ๆ  พวกพี่ ๆ เขาก็จะตามไปหลายคนห่าง ๆ   พ่อไม่ต้องห่วงหรอก  พ่อรักน้อยหรือเปล่า  ก็บอกว่ารัก  วางหู

 

08.30 น.

ชีวิตระหว่างความตาย

แม่บ้านโทร.มา  บอกว่าหลวงพ่ออย่าให้เขาขึ้นไปบนเขานะ  หลวงพ่อทวงคำสาบาญสิ   บอกให้เขาไปหาหลวงพ่อคูณก่อนนะหลวงพ่อ   หลวงพ่อคูณต้องการพบด่วน   แม่บ้านคงรู้จากแม่ศรีสะเกษ น้อยบอกว่าจะขึ้นเขาไปตกลงกับเขา ถ้าตกลงไม่ได้ก็ตายพร้อมกัน  แม่ศรีสะเกษบอกให้รอแม่จะรีบไปพูดกับญี่ปุ่นให้ 

 

 

0840 น.

ข้อต่อรอง

โทร.ไปหาเขา  บอกว่าทำไมไม่ไปหาหลวงพ่อคูณก่อน  มีนัดกับหลวงพ่อคูณไม่ใช่หรือ  ให้เขาไปด้วย ไปตกลงกันที่นั่นก็ได้   เขาบอกว่าไม่รู้ญี่ปุ่นจะยอมหรือเปล่า  จะถามเขาดูก่อนแล้วจะโทร.มาให้พ่อฟัง

 

 

09.20 น.

เสียงทิพย์อยู่ระดับ 10,000 หน่วย

สายตาที่เยาะหยัน

โทร.มาบอกพร้อมหัวเราะใหญ่เลย  บอกว่าไปบอกเขาแล้วว่าอย่าเพิ่งขึ้นเขาเลย ไปหาหลวงพ่อคูณกันก่อนไหม  เห็นเขาหัวเราะ  ยิ้ม ๆ   ว่าอาจารย์น้อยกลัวตายละซี   เขายืนอยู่  รออยู่   น้อยกลัวเขาจะหัวเราะเยาะน้อย  ไม่เอาน่ะพ่อ   น้อยกลัวแพ้เขา   น้อยต้องชนะเขา   น้อยจะขึ้นเขาแหละ   น้อยเชื่อว่าเขาไม่กล้าหรอก เขามีธุรกิจเป็นแสนล้าน เขากล้าน้อยก็กล้า 

 

บอกว่าน้อยประเมินเขาผิดนะ  เขาเป็นบูชิโด  นักรบเลือดอาทิตย์อุทัยไม่กลัวความตาย  ทำฮาราคีรีได้หน้าตาเฉย   น้อยว่าไม่ต้องกลัวหรอกพ่อ   น้อยจะกลับลงมา  จะตายจริงก็6เดือนนู้นถ้าพ่อเสียคำมั่นสัญญา  

 

 

ทัศนะแห่งโหราจารย์

 

พบพระจันทร์เจิดจ้าในดวงชะตา

เราลองจับยามดู โดยวิธีโหราศาสตร์  พบว่าเขาขึ้นเขาไปกับคู่อริของเขา  แล้วตกลงกันได้อย่างดี  มีเงื่อนไขเกี่ยวกับการไปต่างประเทศ และรับของขวัญที่น่าชื่นอกชื่นใจ คล้ายเป็นของขวัญสำหรับการแต่งงานสมรส

 

ดูในดวงชะตาเขา พบ จันทร์ อาทิตย์ และพฤหัสบดี จร ทำมุมถึงจันทร์เดิมที่เจิดจ้าในพื้นชาตาอย่างสนิท  แน่นอนมีแต่สิ่งที่ดีงามเกิดขึ้นในวันนี้  พ่อลูกคงตกลงกันได้อย่างแน่นอน

 

จะเชื่อได้เพียงใดหนอ  สำหรับกรณีสาวน้อยคนนี้?

 

 

10.55 น.

เสียงทิพย์อยู่ระดับ 10,000 หน่วย

บนยอดเขา

โทร.ไปหาเขา  ถามว่าไปถึงไหนแล้ว?   บอกว่ามาถึงยอดเขาแล้ว  บรรยากาศเป็นอย่างไร?    ดี   เขาอยากให้น้อยไปญี่ปุ่นกับเขา   ไปเอามรดกย่าหรือ?  ใช่    ทำไมไม่ไปเล่า?   ไม่ไป เดี๋ยวเขาไม่ให้กลับมา  น้อยอยากอยู่กับพ่อ  เขาอยู่ไหนล่ะ?   นู้นนั่งอยู่ใต้ร่มไม้  เขายิ้ม ๆ  น้อยบอกเขาว่าอยากตายก็ตายไปคนเดียวเถอะจะได้ไปอยู่กับแม่น้อย  เขายิ้มว่าถ้าพ่อตายเขาก็จะหาว่าน้อยฆ่าพ่อน่ะซี

น้อยชนะแล้วยัง?  ยัง  ยังไม่ได้พูดกัน

 

 

เทพธิดาเด็ดดอกไม้

14.30  น.

 

เสียงทิพย์อยู่ระดับ  10,500  หน่วย

เหตุระทึก

 

โทรศัพท์ดังขึ้น  เวลา 14.00 น.  คุยกันมาถึง  14.30 น.   ว่าไม่ตายแล้วพ่อ น้อยบอกว่าท่านคิดถึงภรรยาท่าน ๆ จะโดดเขาตายก็เรื่องของท่าน  ท่านตายคนเดียวน้อยไม่เกี่ยว  เขาบอกว่าถ้าพ่อตายเขาจะหาเรื่องว่าน้อยผลักพ่อตกลงไป จะเป็นคดีใหญ่    เราตายพร้อมกันไหม  แล้วขยับจะเดินเข้ามา   น้อยถลกขากางเกงขึ้น  น้อยเอามีดซ่อนมาใต้ขากางเกงเอาออกมาถือ  ว่าจะฟันมือให้ขาดดู  ดูว่าเลือดจะเป็นอย่างไร ไม่มีวันที่จะเรียกท่านว่าพ่อ  เขาไม่กล้าเข้ามา 

 

เขาว่าพ่ออยู่เมืองไทยมา58ปีเห็นผู้หญิงไทยมามาก ไม่เคยเห็นผู้หญิงไทยแบบนี้   อยากรู้นักว่าผู้ชายคนไหนจะได้น้อยเป็นสามี เขาชนะใจน้อยได้อย่างไร  จะปกครองน้อยได้อย่างไร  ตอบว่าก็เป็นผู้ชายเหมือนอย่างท่านนี่แหละ แต่เขาเป็นคนดี   

 

เขาถามว่าบอกพ่อจริง ๆ ได้ไหม ว่าจะให้พ่อทำอย่างไรอาจารย์น้อยจึงจะหายรังเกียจพ่อ  และออกปากเรียกว่าพ่อ   ทั้ง ๆ ที่พ่อรักเสนอให้ทุกสิ่งทุกอย่าง  รู้ไหมน้อยเหมือนย่ามากถึง 95 %  มือและเท้าของน้อยเหมือนย่าไม่มีผิด  ย่ามื่อสาว ๆ สวยงามมากเป็นอันดับหนึ่งในญี่ปุ่นก็ว่าได้  พ่ออยากให้น้อยเรียนภาษาญี่ปุ่นพอให้รู้บางคำ  เพราะพินัยกรรมเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่น  น้อยจะต้องอ่านก่อนจึงค่อยเซนต์ชื่อ  ถึงน้อยไม่เอา แต่น้อยก็จะมีลูกหลาน เอาไว้ให้เขาเพราะเป็นส่วนของน้อย 

 

ถามจริง ๆเถอะ เกลียดพ่อเพราะอะไร  ทำไมจึงไม่เรียกพ่อ   สาวโรงงานตอบว่า เกลียดเพราะปล่อยให้แม่ตาย  และไม่เคยมาเลี้ยงดูน้อยเลย  จนโตขึ้นมาเห็นน้อยสวยจึงอยากได้  ถ้าน้อยไม่สวยจะมาไหม?    เขาว่าเขาผิดไปจริง ๆ  อยากขอโทษน้อย  แล้วเรียกพ่อได้แล้วยัง   ไม่มีทาง ท่านจะต้องผูกคอตายเหมือนแม่ จึงจะยอมเรียกพ่อ  อย่าเอาเงินทองข้าวของมาจ้างฉันเลยฉันไม่เอาหรอกฉันหาของฉันเองได้   ท่านจะต้องถอนฟ้อง  อย่าบังคับฉัน  ให้ค่อยเป็นค่อยไป  ฉันให้ท่านมาหาฉันได้  ฉันก็ไปหาท่านได้ ค่อยเป็นค่อยไป   

 

เขานั่งใต้ร่มไม้  น้อยเดินเล่นไป เก็บดอกไม้ไป  เขาถ่ายรูปน้อย  วันนี้เปิดหน้าตาหมด เขาว่าเหมือนเทพธิดา บอกว่ายิ้มหน่อย  หันมามองหน่อย  น้อยก็หันมา  แล้วเขาก็หลับไป

 

 

เข้าฌานเจตภูต

15.10 น.

สถานการณ์วิกฤต

ว่าเขาตื่นแล้ว  เขาเปลี่ยนไป  ดูน่ากลัวมาก  เขาถ้าจะบ้าไปแล้ว  เขาพูดอะไรงึม ๆ งำ ๆ  เขาร้องเรียกน้อยว่ามาพูดกันใกล้ๆสิน้อย   น้อยไม่ไป  น้อยถอยห่างออกไป   ดูเขาไม่น่าไว้วางใจเลย  บอกว่าก็รีบลงมาจากเขาเสียเลยสิ  เขาว่ากลัวเขาโดดผาตายแล้วน้อยกลายเป็นผู้ต้องหา     เราตกลงกันไว้แล้วว่าจะลงจากเขาไปก่อนหกโมง  แม่ที่ศรีสะเกษก็โทร.มา  แกสอนน้อยให้ระวังคำพูด และกลัวว่าน้อยจะผลักเขาลงไปจริง ๆ  แต่น้อยไม่คิดเลย  แม่บ้านก็โทร.มาถามข่าว  หลวงปู่คูณก็โทร.มา   น้อยรำคาญใจ   จะปิดโทรศัพท์ละ  หกโมงค่อยเจอกัน  ถ้าไม่เจอก็แปลว่าน้อยตายแล้ว   

 

-         เราเหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน  เอ!!!!   ทำไมเราไม่ลองเรียกพระภูมิเจ้าที่แถว ๆ นั้นดู  ถึงอยู่ไกล เรียกด้วยนามธรรมก็ไปถึงได้    

 

            ลองใช้วิธีเจตภูตดูก็ได้  ลองดูไหม?   เพียงให้รู้ว่าจะเป็นอย่างไร?

 

            เอาเลย !!!   เริ่มต้นเลย !!!   อาศัยเสียงทิพย์เป็นสื่อ 

 

 

18.10 น.

ชำระจิตด้วยวิปัสสนาญาณ

 

หกโมงเศษแล้ว  เขาไม่โทร.มา   เราออกจากฌาน   ชำระจิตวิญญาณแล้วด้วยวิปัสสนาญาณ  นั่นหมายความว่า ใครจะเป็นจะตายเราก็ไม่เกี่ยว   เราเดินไปตามวิถีทางของเรา

 

เทพเจ้าทดลองกับเราละกระมัง  จะอย่างไรก็ตาม  เรื่องราวเกี่ยวกับเทพเจ้า  จะได้ทำให้ชัดเจนขึ้นด้วย อภิญญา   เอาละ !!!!!!   เอาละ !!!!!

  

เราไปตามทางของเรา 

เราไปตามทางของเรา 

เราไปตามทางของเรา

 

 

20.05 น.

เสียงทิพย์หายไป

ขอบันทึกไว้ว่า  ตอนที่ออกจากฌานนั้นเสียงทิพย์หายไป  มีค่าเท่ากับ  0 เลย เพราะอะไร? 

แต่บัดนี้  เสียงทิพย์บรรเลงขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว   มีค่าประมาณ 3,000 หน่วย

 

ตาทิพย์

ณ เวลานี้  ผ่านมา 2 ชั่วโมงแล้ว  ยังเงียบสงัด   เราได้จับยามดูอีกครั้ง  พบว่า ลูกสาวของเราไปอยู่ที่บ้านบิดาเขา มีการเจรจาเรื่องลาภผลประโยชน์ต่าง ๆ  

ขอให้เป็นว่าเธอคิดจะลองใจเรา ก็เลยอำไว้ ?

 

อย่าลองใจเลย   เราเศร้าใจจริง ๆ  ขณะนี้เรางงมาก ๆ และรู้สึกบาดเจ็บอย่างลึกซึ้ง

 

 

20.45-21.30 น.

วาระที่โล่งอก

 

จากความเงียบมาหลายชั่วโมง เพิ่งมีเสียงเข้ามา  ลังเลใจไม่กล้ารับ  รับแล้วก็ถือหูฟังไว้เฉย ๆ  จนเสียงหายไป  มาใหม่   รับแล้วเป็นเสียงของสาวน้อยโรงงาน  โล่งอกไปหมด  ว่าเกือบไม่ได้กลับมาหาพ่อแล้ว  เพราะญี่ปุ่นเขาบ้าขึ้นมา จับน้อยมัดมือมัดเท้าไว้กับต้นไม้อยู่หลายชั่วโมง  บอกว่าเดี๋ยวโดดเขาตายด้วยกัน  เขาไม่ยอมตายคนเดียว  พ่อญี่ปุ่นเหมือนจะคลั่ง เอามีดกรีดแขนตัวเองป้ายเอาเลือดไปเขียนก้อนหินไว้เป็นภาษาญี่ปุ่นเต็มไปหมด 

 

รอดได้ด้วยอุบายว่าจะให้พูดกับพ่อแต่กลัวจะไม่เข้าใจกันเพราะพ่อไม่เคยพูดกับเขา  ก็เลยขอพูดกับแม่ศรีสะเกษ  แม่พูดกับเขาดีมาก ว่าคนไทยไม่ชอบการบังคับ แต่คุณใช้การบังคับมาตลอด และทั้งไม่ยอมตอบคำถามเขา   ญี่ปุ่นเชื่อ ตกลงว่าให้น้อยไปญี่ปุ่นกับแม่ศรีสะเกษ และกับใครอีกก็ได้  พ่อเขาต้องการให้รับมรดกและความช่วยเหลือต่าง ๆ  แต่น้อยมีทิฏฐิไม่ยอมรับ ทำให้พ่อเขาไม่เข้าใจ สับสน งุนงง  ทำอะไรไม่ถูกเกี่ยวกับคนที่เขารักและปรารถนาดี  

 

แม่ศรีสะเกษสามารถอธิบายให้เข้าใจได้  ใช้เวลาร่วมชั่วโมง  และเขาขอให้แม่ศรีสะเกษไปญี่ปุ่นกับน้อย เพื่อไปลงนามเอามรดกของย่า  เขาว่าหากไม่เอาก็ขายให้พี่สาวเขา  เอาเงินมาก็ได้  และมีอีกหลายอย่างที่พ่อเขาจะให้ รวมทั้งโฉนดที่ดินหลายแห่ง  ซึ่งพ่อเขาบอกว่าให้เป็นที่ทำมาหากินของลูกสาวของเขา  จะทำโรงงาน ทำร้านก็แล้วแต่ ขอให้รับเอา  ยังมีอีกหลายอย่างที่พ่อญี่ปุ่นจะได้แม่ศรีสะเกษเป็นที่ปรึกษากรณีลูกสาวของเขา 

 

เล่าว่าเพิ่งลงมาถึงพื้นราบ ถึงบ้าน มาถึงก็โทร.ถึงพ่อทันที กลัวพ่อจะเป็นห่วง ชาวบ้านพากันมารวมตัวกันรออยู่จำนวนมาก เพราะคิดว่าโดดเขาตายแล้วชาวบ้านจะไปหาศพ  แต่เมื่อเห็นทุกคนก็ดีใจกัน  ถามว่ามือเป็นอะไร  เกิดอะไรขึ้น ก็ตอบไปกล้อมแกล้ม ๆ  ลูกสาวญี่ปุ่นก็พาพ่อกลับไปตลาดปากช่อง  บอกว่าขอรับขวัญลูกสาวของพ่อกลับมา  ไม่ต้องตกใจต่อไปแล้ว 

 

 

อานุภาพแห่งอภิญญา

 

ปาฏิหาริย์จอมเทพ

เราเห็นจะต้องบันทึกไว้หน่อยในเรื่องการเข้าฌานไปกับเสียงทิพย์นั้น  เป็นขณะที่เราเหน็ดเหนื่อยและอ่อนแรงมาก  แต่พอเริ่มก็เห็นทันที เร็วมาก คงเป็นเพราะอำนาจเสียงทิพย์ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่ระดับ 10,500 หน่วย  เห็นเป็นภูเขาสูงยอดแหลม  แล้วไม่นานก็มีเมฆเกลื่อนมาท่วมภูเขาเหมือนแดนทวยเทพ  ทีแรกเราตะโกนไปอย่างกึกก้อง ตั้งใจร้องเรียกภูติ   ภูมิ ยักษ์  ผู้เฝ้าสถานที่ระดับแผ่นดินเท่านั้น  แต่กลับเห็นอิศวร  และกฤษณะ  ปรากฏขึ้นก่อนเห็นไกล ๆ สุดขอบฟ้า  เทพเจ้าทั้งสอง อยู่ณสถานเทพของท่านไม่ได้มาที่ภูเขา  แต่มองมา  เหมือนเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่อย่างใกล้ชิดเหมือนกัน  อิศวรเพียงแต่ลุก ๆ นั่ง ๆ อยู่ นุ่งห่มหนังเสือ  มือถือสามง่าม  ส่วนกฤษณะเทพมีท่าทียิ้มแย้มอ่อนละมุนเหมือนที่เคยเห็นมาแล้ว แต่แสดงอภินิหาริย์ โดยแปลงร่างไปมาหลายร่างอยู่ตลอดเวลา   บางร่างมีมือ แขนมากมาย  ดูน่าศรัทธาและคุ้นเคยมาก ๆ (จนเราคิดว่าหรือเราคือภาคส่วนของเทพเจ้าองค์นี้?)   

 

บัดนั้นที่ภูเขาก็กลายเป็นแดนเทพ คือกลายเป็นแผ่นดินสูง มียอดเขาชี้ขึ้นไปเพียงยอดเดียว รอบ ๆ เป็นภูมิทัศน์ที่รื่นรมย์ เหมือนตะวันค่ำเป็นสีทองไปทั่ว  เราเห็นคนสองคนหมอบอยู่กับพื้น  ยอดเขานั้นเสมือนเทพเจ้าองค์ใหญ่  คนสองคนที่เห็นเหมือนทำการสักการะเทพเจ้าอยู่  

 

แล้วก็มีมือมากมายยื่นขึ้นมารอบ ๆ ยอดเขานั้น  คล้าย ๆ มือคนธรรพ์ ยักษ์ และภูติภูมิคอยป้องกัน ผลักดันร่างสองพ่อลูกไม่ให้ตกลงไปในโตรกเหว  แล้วเราก็คล้ายว่าลิ่ว ๆ ไปที่ยอดเขานั้น  นั่งลง เหลืองอร่าม  แล้วพ่อเขาจูงมือลูกสาวเขามามอบให้    เป็นเรื่องเป็นราวอย่างกับเทพนิยาย 

 

และด้วยเหตุนี้จึงเชื่อว่าลูกสาวเราได้รับการคุ้มครองจากเทพเจ้า  รวมทั้งภูติภูมิสถานที่แห่งนั้นจำนวนมากมาย เขาจะต้องปลอดภัย  เรื่องราวนี้เหมือนภาพยนตร์มีความยาวถึง 3 ชั่วโมง (15.10-18.10 น.) อันเป็นเวลาที่เราเข้าฌานอยู่  ครั้นถึงเวลา 18.00 น.ที่เขาบอกว่าจะโทร.มาหากไม่โทร.มาก็แปลว่าน้อยตายแล้วไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ เราก็เสียใจและเศร้าใจมากอุทานว่า  “เทพเจ้าทดลองกับเราละกระมัง  จะอย่างไรก็ตาม  เรื่องราวเกี่ยวกับเทพเจ้า  จะได้ทำให้ชัดเจนขึ้นด้วย อภิญญา   เอาละ !!!!!!   เอาละ !!!!!”  เราคิดว่าอย่ามาเล่นตลกกับเรา แต่ที่สุดเราก็ต้องขอบคุณเทพเจ้า ยักษ์ คันธัพนาคา เหล่านั้น  บันทึกเรื่องนี้ไว้เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการศึกษาระดับอภิญญา  แน่นอน!!!!!!!!!!!!!!!

 

 

อยากเห็นชายผู้ชนะใจเธอ

 

แล้วน้อยโทร.มา บอกว่าโทร.ไปขอบคุณแม่ศรีสะเกษแล้ว  แม่เรไรศรีสะเกษมีบุญคุณแด่น้อยมากเท่าชีวิต  แต่แม่บอกว่าไม่อยากไปญี่ปุ่น  ไปทำไม พ่อของน้อยเป็นคนไม่ดีจริง ๆ แหละ โง่ ไม่เข้าใจลูกสาวเสียเลย ไม่มีเหตุผลเลย ไม่รู้แม่น้อยไปรักได้อย่างไร  

 

 เขาพูดมาจากรถยนต์ของเขาว่าเป็น รถสปอร์ตสีดำคันใหญ่ มีที่นอนได้2คนสบาย ๆ เขานอนคุยกับพ่ออยู่  ถามว่าเมื่อพ่อเข้าฌานพ่อก็ลืมน้อยอย่างสนิทเลยสิ  เมื่อพ่อไปธุดงค์พ่อก็คงลืมน้อยไปเลยน่ะสิ ก็บอกว่าลืมเฉพาะตอนเข้าฌานเท่านั้นพอออกมาก็คิดถึงเหมือนเดิม  เขาว่ารู้หรอกว่าพ่อแกล้งทำ ปลอบใจน้อย พ่อใช้ประสบการณ์ความชำนาญโลกของพ่อหลอกล่อน้อยทุกอย่าง แม้กระทั่งคำพูดของพ่อก็สั่นสะเทือนใจน้อย น้อยรู้ทันหรอก จะไม่หลงกลพ่อ

 

แต่น้อยขอบอกว่าน้อยรอดตายคราวนี้ก็คงไม่พ้นตายคราวหน้าตามสัญญา6เดือน ถ้าพ่อไม่กลับมาน้อยจะขึ้นเขาไปโดดตายทันที  เขาว่าคนทั้งหลายอยากเห็นน้อยแต่งงาน  กับผู้ชายคนใดก็ได้เขาไม่ว่า ขอแต่ให้ได้ตัวมาเขารับได้หมด  เขาเป็นห่วงน้อย น้อยเป็นสาวพรหมจารี บริสุทธิ์ ไม่มีใครแตะต้องเลย  เขาอยากเห็นตัวผู้ชายคนนั้น  เขาว่าผู้ชายอย่างไรที่ชนะใจสาวน้อยโรงงานได้ 

 

คนเฒ่าคนแก่ก็จะพูดว่าใครหนอได้เมียสวยยังกับเทพธิดา แล้วจะเอาไปซ่อนไว้ตรงไหน  แล้วว่าดึกแล้วแม่จะคอย  จะออกไปบ้านแม่และนอนกับแม่  ดูเหมือนตอนนั้น 23.00 น.แล้ว  บอกเอาใจว่าขวัญคืนมาแล้วแหละอย่าตกใจไปเลยขอให้นอนหลับและฝันหวานตลอดคืน   

 

 

ขับสปอร์ตคันหรูบวกตอไม้สลบเหมือด

 

7   ก.พ.2550

ระทึกอีกครั้ง

07.35 น.

 

แม่บ้านโทร.มาว่า น้อยขับรถชนตอไม้สลบ  ยังไม่ฟื้นเลย   ว่าชนตอไม้ใกล้ ๆ บ้านปากช่องของเขานั่นเอง  ตอนดึก ๆ  ชาวบ้านเขาบอกว่าน้อยขอตัวโทรศัพท์ก่อนแล้วจะตามไปที่บ้านแม่  เขาคอยจนดึกไม่เห็นไปก็ไปตาม ก็เห็นไฟท้ายรถ  ก็วิ่งไปดูพบน้อยสลบคาพวงมาลัย  แต่ไม่เป็นแผลอะไร รถกระจกหน้าแตกหมด ไฟหน้าหลุด  แรงเหมือนกัน  เขาเอาส่งโรงพยาบาลปากช่อง  พ่อเขาเฝ้าดูอยู่  ฉันเองก็เพิ่งรู้ข่าวเลยเพิ่งโทร.มาบอกหลวงพ่อ  ไม่ทราบเมื่อคืนมันโทร.มาหาหลวงพ่อหรือเปล่า 

 

เขาว่าไม่รู้มันโทร.คุยกับใครนานเป็นชั่วโมง ๆ  ก็บอกว่าโทร.มา  คุยกันอยู่เมื่อตอนดึก เห็นจะเกิดเรื่องตอนหลังคุยกันนั่นแหละ ราว ๆ 5-6 ทุ่ม   แม่บ้านว่ามันอยู่บ้านหลังใหญ่อยู่ไกลออกไปในป่าดง เงียบเชียบจนฉันกลัว ฉันเคยมาครั้งหนึ่ง  มันอยู่คนเดียว แต่มันไม่กลัว  แม่มันตายที่บ้านหลังนั้นแหละ  มันตกแต่งต่อเติมเป็นบ้านหลังใหญ่  โต    มีข้าวของเครื่องใช้ดี ๆ ทุกอย่าง  มันถูมันแผลบเลย  พ่อโทร.ไปหามันหน่อยนะ  ฉันว่าเรื่องทั้งหมดนี้เกิดจากพ่อญี่ปุ่นมันคนเดียว ทำให้มันเกลียด แล้วคิดมาก  แล้วมันชอบขับรถเร็วมาก ๆ เลย  130-140 นู้นแหละ มันเห็นฉันกลัวมันยิ่งขับเร็ว มันไม่กลัวตายเลย หัวเราะเสียอีก

 

เราโทร.ไปทันที  แต่เงียบ  คงปิดโทรศัพท์ไว้

 

 

09.35 น.

ด่านขุนทด

 

เสียงแจ๋ว ๆ โทร.มา บอกว่าจะไปด่านขุนทด  ฟื้นแล้วหรือ?  ยังเจ็บหน้าอกอยู่หน่อย  แล้วจะไปทำไม?   ว่าจะไปพบหลวงพ่อคูณหน่อย ท่านอยากให้ไปหา  เอารถอะไรไป?   รถญี่ปุ่น  แล้วรถของเรา?   เอาเข้าโรงซ่อม ไม่ต้องห่วงมีประกันชั้น 1  พ่อญี่ปุ่นอยู่ไหน?   ไปจ่ายเงินอยู่   พ่อตามจ่ายทุกเรื่องเลยหรือ?   ก็งั้นสิ    เรื่องของเขา    ตอนอยู่เซนต์เมรีบอกว่าจ่ายไป6ล้าน  ไม่งั้นไม่ฟื้นหรอก   ไปกับพ่อญี่ปุ่นหรือ?   ไปคนเดียว   ขับไปเอง  บอกเขาว่าจะเอาไปเจิมให้  เขาว่าอย่าเจิมแรงเดี๋ยวคนเจิมจะเป็นอันตราย  ภายหลังเขาบอกว่าในเก๊ะหน้ารถมีเงินใบละพันบาทมัดเป็นฟ่อน ๆ  เต็มไปหมด  คนโรงงานเห็นมาขอสักสองพันไปซื้อผ้า  บอกว่าอย่าเอานะ  เขาลองใจ

 

สักครึ่งชั่วโมงเศษ ๆ           โทร.มาบอกว่าอยู่ในปั๊มน้ำมัน  จะเป็นลมเลยจอดพัก   คนที่ปั้มถามว่าเป็นอะไรไหม  บอกไม่ต้องห่วงเดี๋ยวไป   ไม่นานบอกว่าเข้าโรงงานแล้ว  วัดหลวงพ่อคูณอยู่ไกลไปประมาณ 2 กม.  เย็น ๆ จึงจะไป   บอกว่าโรงงานแต่ละแห่งจะมีห้องพักพิเศษไว้ให้ ในฐานะอาจารย์ ที่ด่านขุนทดนี้เป็นห้องปรับอากาศ  ให้อยู่อย่างราชินี  อยากให้พ่อมาอยู่ด้วย   มาอยู่ด้วยแล้วให้ทำอะไร?  ทำอะไรก็ได้ พ่อมีแรงทำอะไรก็ทำไป

20.00 น.

บอกว่ากลับมาแล้ว ไปพบอยู่ไม่นาน รำคาญ  หัวเสียจังเลยไปพบหลวงพ่อคูณ  เข้าข้างญี่ปุ่นตลอด  ว่ามึงเรียกเขาหน่อยว่าพ่อจะเป็นไร  มันไม่ตายหรอก    บาปจะกินหัวมึง     บอกว่าไม่เรียก   เขาเล่าว่าแม้ขณะถูกมัดมือมัดเท้ากับต้นไม้บนเขาวานนี้  ญี่ปุ่นคุกคามอย่างเอาเป็นเอาตาย เขาก็ไม่ยอมเรียกญี่ปุ่นว่าพ่อและไม่ประนีประนอม ยอมตาย  จนญี่ปุ่นคลั่งจะพาโดดเหวตายไปด้วยกัน     

 

รำพันถึงความสัมพันธ์

เขาบ่นว่าพ่อไม่จริงใจ  ไม่รักน้อยจริง พ่อก็พูดเหมือนหลวงพ่อคูณพูดนั่นแหละ  แกล้งพูดไปเพราะสงสารน้อย   ขอให้พ่อถอนสัญญาให้น้อย   ญี่ปุ่นโทร.มาบอกว่าศาลนัดมาแล้ว  แต่ไม่บอกว่านัดเมื่อไร  คงเร็ว ๆ นี้  น้อยจะได้ไปเสียจากโลกผู้ชายที่หลอกลวง   แลกกับ6เดือน พ่อจะได้เป็นอิสระได้ไปธุดงค์ตลอดกาลยังไง  พ่อต้องรักน้อยคนเดียว  ถ้าพ่อมองสาว ๆ แล้วระวังน้อยจะทำสิ่งที่ไม่เคยเห็นให้ดู  น้อยจะเอาอะไรต้องได้  พ่อให้น้อยสึกพ่อก็ต้องสึก   มีคนมาหาเป็นระยะ ๆ เอาผ้ามาให้ดู คล้ายเขามาให้ตรวจงาน  บ่นอู้เลยว่าทำผ้าไหมงาม ๆ เสียหายหมดน่าเสียดาย ได้ยินว่าขอสักสองพัน  บอกว่าอย่าเอานะ อย่าเอา  อยากได้เงินก็ต้องทำงาน  ของเขาไม่ใช่ของน้อย  เธอหมายถึงในรถญี่ปุ่นมีเงินใบละพันบาทมัดอยู่เป็นฟ่อน ๆ ในเก๊ะหน้ารถเต็มไปหมด วางล่อตา คล้าย ๆ ว่าใครอยากได้ก็เอา   เอาไปสักพันสองพันก็ไม่พร่องไปหรอก  เขาก็ไม่รู้หรอกอะไรทำนองนั้น  คุยเรื่องสัพเพเหระต่อไปสักหน่อยเขาก็บอกว่าจะทำงานต่อไปตลอดคืน เหนื่อยมาก ไม่ยอมพักผ่อน  ว่าหาเงินให้ได้มาก ๆ ไว้ใช้ในยามแก่ชรา  และเลี้ยงลูก    

 

 

วุ่นอีกครั้งสาวน้อยล่องหน

 

8 ก.พ.2550

21.00 น.

ขับรถน้ำตาร่วง

 

เช้าน้อยโทร.มาครั้งหนึ่งว่าอัยการโทร.มานัด  ว่ายังไม่พร้อมจะไปโคกสวาย ว่าให้ตกลงกับเขา  แล้วตอนเพลก็โทร.มาครั้งหนึ่ง  รบเร้าให้คืนสัญญา  เราไม่ยอม  แล้วเราออกไปธุรกิจแล้วเลยไปสวนแล้วกลับมาเมื่อ 2 ทุ่มเศษ ๆ  

 

แม่บ้านโทร.มา   ว่าน้อยออกจากโรงงานไปตั้งแต่บ่ายโมง ยังไม่กลับ ไม่มีใครทราบว่าไปไหน  บอกว่ามีคนเห็นว่ารับโทรศัพท์แล้ว ร้อง  น้ำตาร่วง แล้วขับรถออกไป ไม่บอกว่าจะไปไหน  เขาโทร.ตามไปทุกแห่งแล้ว  ไม่มีใครพบ ตกลงกันว่าถ้าหกทุ่มไม่กลับจะแจ้งตำรวจ  ตกใจเหมือนกัน แล้วโทรศัพท์ไปเบอร์ที่เคยโทร.  ทีแรกไม่ติด   ลองอีกทีติด มีเพลงไพเราะมากบอกขอบใจพี่ที่โทร.มาให้รอก่อน  แต่ไม่รับ  โทร.ใหม่อีกที  ติดแต่ไม่รับ   อีกครู่หนึ่งต่อมาโทร.ไม่ติด  กระนั้นก็ใจชื้นขึ้นบ้าง

 

พึ่งโหราศาสตร์อีกครั้ง

จับยาม ดูดวงยาม  ก็ไม่ปรากฏว่าร้าย แต่ออกมาดีมาก  เขาอยู่ภายในบ้านที่สวยงามมั่นคงปลอดภัยหลังหนึ่ง แปลกที่มีความสุข กับคนรักของเขา

 

22.00 น.

พี่สาวยื่นคำขาด

สาวน้อยโรงงานโทร.มา เล่าว่าพี่สาวญี่ปุ่นโทร.มาต่อว่า ว่าเป็นคนใจดำ เห็นแก่ตัวที่สุด  จะให้ไปไหน ๆ ก็ไม่ไป รู้ไหมว่างานรออยู่  เงินทองก็มากมายไม่มีใครบริหาร  บริษัทของเราเป็นบริษัทใหญ่ พ่อก็มาวนเวียนอยู่กับน้อย ไม่เป็นอันทำอะไร แล้วยื่นคำขาดว่าน้อยต้องให้คำตอบมาให้เด็ดขาดในวันพรุ่งนี้   น้อยกลุ้มใจไม่รู้จะให้คำตอบเขาไปอย่างไร  น้อยเหนื่อยอยากมาพักผ่อนจริง ๆ  น้อยอยู่ไม่ไกลหรอก  ไม่กล้าไปไกลเพราะญี่ปุ่นเอาเงินบรรจุไว้ในรถเขาเป็นล้าน ญี่ปุ่นยังโทร.บอกด้วยว่าอยู่ใต้เบาะรถก็มี น้อยเปิดกุญแจดูจะพบของมีค่าที่คาดไม่ถึง  น้อยกลัวไม่กล้าลงจากรถ  น้อยมาที่บ้านพี่เขาเป็นอาจารย์น้อย เขารักน้อย บ้านเขาเป็นอาคารตึก3ชั้น น้อยอยู่ในห้องส่วนตัว   คุยเรื่องสัพเพเหระไปร่วม3ชั่วโมงเห็นจะได้   ว่าเขียนหนังสือต่อ เขียนถึงหลวงปู่เครื่อง จังหวัดอุทุมพร หลวงปู่เกลี้ยง จังหวัดศรีสะเกษ และพระอาจารย์พยับ วัดมหาพุทธาราม ท่านเป็นพระธุดงค์  

 

9  ก.พ. 2550

09.25 น.

ซุ่มเขียนสาวน้อยโรงงานต่อ

ว่าพี่เขาแอบมาอ่านว่าเขียนอะไร แล้วขอหนังสือไปดู ให้ญาติ ๆ เขาอ่านด้วย ว่าอ่านเรื่องสาวน้อยโรงงานแล้ว ร้องไห้ คนก็อยากมาดูตัว  ตอนนี้มามากเลย   ไปที่ไหนคนก็อยากมาดูอย่างนี้แหละ น้อยไม่ชอบเลย ทนไม่ได้   เขาให้ลูกสาวกับลูกชายตัวเล็ก ๆ เข้ามาหา  ฟังเสียงเขาพูดคุยกับเด็ก ๆ เอาพวงมาลัยมาให้  กำลังสาวผมอยู่เด็กไปบอกแม่ว่าเทพธิดา  อยากจูบหอมแก้ม  เขาบอกว่าจับมือเอาไหม เด็กบอกไม่เอาขอหอมแก้ม  เขายอมกลัวแม่เขาจะว่ารังเกียจครอบครัวเขา   คนแถว ๆ นั้นเป็นญาติ ๆ กันมีฐานะดี คนหนึ่งถามว่าจะเอาหนังสือไปพิมพ์ให้เอาไหม  เล่นการเมืองไหม  ลงสมัครสส.ที่จังหวัดนี้ไหมจะสนับสนุน  เป็นเลขานุการก่อนก็ได้เอาไหม  พี่เขาบอกว่าอาจารย์น้อยมีเงินเดือน 5-6 หมื่นมีเงินจ้างเขาหรือ?   คนก็ไม่เชื่อว่าเป็นเด็กบ้านนอก ทำไมผิวถึงดีจังเลย

 

12.00  น.

สวยขนาดนี้ไม่มีแฟนหรือ?

บอกว่ากำลังจะกลับโคราชละ รอ ๆ จะบอกลาเขา  รอคุณยาย คุณยายเคยบอกว่ามาอยู่ที่นี่ไหม  ที่นี่มีแต่คนดี ๆ  คนมาส่งมากเลย มีพวกผู้ชายหนุ่ม ๆ ที่เป็นทหาร และข้าราชการ มาคุยด้วย ว่าได้อ่านเรื่องสาวน้อยโรงงานแล้ว สะเทือนใจ จะเอาไปพิมพ์ให้เอาไหม จะหาเงินทุนให้เอง  บอกว่ายังไม่ได้หรอกฉันเขียนถึงพระธุดงค์ยังไม่ได้ตรวจทาน เดี๋ยวจะทำให้ท่านเสียหาย  จะไปอ่านให้ท่านฟังก่อน  หนุ่ม ๆ ทหารว่าผู้ชายใช่เลวไปหมด คนดี ๆ ก็มี  คุณไม่ควรมองผู้ชายเลวร้ายเกินไป  ว่าแต่ละคนเอาดอกไม้มาให้เป็นหอบ ๆ เอาใส่ไว้ในรถ  หนุ่มอีกคนพูดเลียบเคียงว่าไม่อยากมีครอบครัวหรือสวยขนาดนี้บอกว่าไม่มีแฟนไม่เชื่อหรอก  ตอบเขาว่าฉันทำแต่งานไม่มีเวลาคิดเรื่องเหล่านี้หรอก เรื่องอย่างนี้ไม่มีความจำเป็น

 

เงินในรถหลายล้าน

ว่าขับเบนซ์ของญี่ปุ่นมา  เขาร้องไห้กลัวน้อยไปโดดเขาตาย บอกเขาว่าเงินในเก๊ะใช้หมดแล้ว   เขาหัวเราะว่าไปแค่ 2 วันใช้ยังไงก็ไม่หมด  เถียงว่าก็เอาไปโปรยแจกคนยากคนจนไง  แต่พ่อญี่ปุ่นว่ายังมีอีกใต้เบาะทุกเบาะเลย  ว่าอยากรู้ว่าเขาคุยโม้หรือเปล่าเปิดดูมีเงินเต็มทุกเบาะ แล้วมีนาฬิกาข้อมือ สร้อยคอ  แหวน  กลัว กลัวคนจะดักปล้นรถ 

 

14.00 น. 

 

พูดมาเสียงหัวเราะใหญ่เลยว่า แจกเบอร์โทรศัพท์หลวงพ่อให้พวกตำรวจทางหลวงไปร่วมสิบคน  ตำรวจหาว่าขับรถเร็วเกินร้อย  แล้วถามใบขับขี่ บอกว่าไม่มี  จะให้ไปโรงพัก  บอกว่าอย่าให้ไปเลยเสียเวลา  แล้วเปิดผ้าคลุมหน้าออก   ว่าเอาความสวยแลกเอา  ตำรวจก็ไม่ปรับ รุมจีบใหญ่  แล้วขอเบอร์โทรศัพท์ ตำรวจจะโทร.มาจีบทีหลัง  ก็คงโทร.มาจีบพ่อแทนล่ะ   ว่าแจกเบอร์ไปครบทุกคนเลย       

 

 

20.30 น.

คนที่จะเอาเป็นผัว

ราว ๆ หกโมงนี่แหละโทร.มาบอกว่าพ่อญี่ปุ่นมา  เอารถมาคืนให้  แล้วชวนไปหาหลวงพ่อคูณด้วยกัน  ไปรถใครรถมัน  ไปถึงหลวงพ่อคูณก็ให้เข้ามาพูดกันสองคน 

 

ท่านว่าเรียกเขาว่าพ่อหน่อยเป็นไร  อย่าหัวดื้อนัก  พ่อมึงให้กูถามดูว่ามึงรักมึงชอบผู้ใดแล้วยัง  คนที่มึงจะเอาเป็นผัวน่ะ  เขาอยากรู้  เขาว่าธรรมเนียมญี่ปุ่นเมื่อมึงได้ผัวแล้วเขาก็จะเลิกตามมึง  เขาจะปล่อย  แต่เขาจะให้ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนเป็นลูกสาวเขาต่อไป    มึงตอบได้ไหม กูอยากให้มึงคิด ๆ ดู มึงก็โตเป็นสาวแล้ว  มึงจะได้เปิดผ้าคลุมหน้าให้ผัวมึงชมคนเดียว      ว่าน้อยตอบว่าไม่ คำเดียว  ไม่เรียกเขาว่าพ่อ จนกว่าเขาจะกล้าผูกคอตายเหมือนแม่ (เขาเคยบอกว่าญี่ปุ่นเพียงแกล้ง ๆ ผูกเท่านั้นก็ได้ ไม่ใช่ผูกให้ตายจริง ๆ แสดงความกล้าหน่อย)   ส่วนเรื่องแฟนว่าจะคิดดูก่อน   พ่อจะว่าอย่างไร?    ก็6เดือนไง   รอให้ถึงวันนั้นก่อน    แน่ะ!!!!   นึกว่าหกเดือนจะเปลี่ยนใจน้อยได้หรือ   เอาน่ะพ่อ   เลิกสัญญา !!!!!!  เลิก   เลิก   เลิก  เลิก     เราก็ไม่ตกลง  เพราะเราได้เปรียบไว้แล้ว 

 

สวามิภูติ

 

10  ก.พ.2550

รำลึกหนี้กรรมเก่า

กัมมุนา วัตตะตีโลโก

 

หลาย ๆ วันมานี้เหมือนอยู่ในสงครามแทบไม่มีเวลาหายใจ  เราไม่ทราบว่าเป็นจุดอ่อน ใช้กลยุทธแบบพาสสิฟ   

 

ให้เขาทำข้างเดียว   ชอบต่อให้  ในใจเราคิดว่าเราไม่ตาย ระดับเรานี้จะตายได้อย่างไร?????????

 

แต่สถานการณ์ผิดคาดไปทุกครั้ง ๆ  เหมือนพายุเฮอริเคน  ช่างแรงร้าย  และผันผวน  ไร้เวร่ำเวลา

 

เรากำลังยุ่งยากต่อปัญหาสัจจธรรมใหม่ คือ     กมฺมุนา วตตีโลโก   สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

 

เราเคยทำกรรมอันใดไว้เราต้องรับผลของกรรมนั้น  เช่นนั้นหรือ ??????????????

 

เราไม่เคยหลอกลวงก็เสมือนหลอกลวง   อย่างนั้นหรือ  ?????????

 

และผลกรรมนั้นมาทันสนองในชาตินี้

 

ก็ดี  เราไม่หวาดหวั่น    เพราะขณะนี้แท้จริง  เราก็อยู่ไม่ไกลชาติหน้านักแล้ว  ใช้หนี้กรรมเขาให้เสร็จสิ้นไปก็ดีเหมือนกัน

 

           ไม่งั้นจักสมชื่อ   สวามิภูติ   หรือ?  

          สวามิภูติ  ชื่อที่เป็นพุทธประทาน  ชื่อของผู้ที่ต้องแบกภาระการศึกษาและพุทธาจริยาไปนานข้ามไปหลายๆๆๆๆชาติ

 

           เอาละ!!!!!!   6  เดือน

เราจะทำได้อย่างไร หรือไม่      ก็ไม่มีปัญหา

 

เราเดินเข้ามาได้ง่าย ๆ   เราก็เดินออกไปได้ง่าย ๆ  เหมือนกัน 

 

           นี่คือ  คติเซียน  แห่งมหายาน  และเราพอใจแล้ว

 

 

11 ก.พ.2550

โกรธพ่อแหละ

คุณยายกับแม่เรไรมาถวายจังหันเช้า  สนทนากันหลายอย่างเกี่ยวกับลูกสาวของเขา แล้วฝากของไปให้  ว่าลูกชายจะไปโคราชพอดี 

 

พอถึงบ่าย5โมงเศษ ๆ  แม่บ้านโทร.มาจากอุบล  บอกว่าน้อยออกไปจากโรงงาน ด่านขุนทด ตั้งแต่บ่ายโมงแล้ว   เห็นร้องไห้ออกไป ไม่บอกใครแล้วไม่มีใครทราบว่าไปอยู่ไหน  ไปอย่างเร็ว แรง ด้วยรถสปอร์ตสีดำหรูคันนั้น   เขาเอาของที่แม่ศรีสะเกษส่งไปให้ก็ไม่พบ  

 

เรานึกไม่ออกว่ามีเรื่องอะไรอีกแล้ว    จับยามดูอีกครั้งหนึ่งก็พบว่ามีเพียงเรื่องขัดเคืองใจไม่สบายใจนิดหน่อย   โทร.ไปถึงสองสามครั้งจึงรับ  ได้พูดกัน   เขาบอกว่าโกรธพ่อ จะโดดน้ำตายละ   นึกว่าจะไม่กล้าหรือ   ถามว่าโกรธเรื่องอะไร  บอกว่าพ่อพูดกับผู้หญิง  พ่อว่าผู้หญิงมาหาสาว ๆ สวย ๆ ทั้งนั้น  น้อยไม่ยอม  พ่อต้องรักน้อยคนเดียว  แม่ก็บอกเหมือนกันว่าคนมาหาพ่อมากทั้งสาว ๆ ด้วย  พ่อพูดอย่างนี้น้อยเสียใจมากเพราะน้อยตั้งใจมอบทุกอย่างให้พ่อ ๆ ก็ต้องให้น้อยคนเดียว   เราไม่เคยนึกมาก่อนว่าพูดแค่นี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตคอขาดบาดตายไปได้อย่างไร   และนี่ก็กลายเป็นประเด็นยุ่งยากไปอีกสำหรับเรา

 

อิสรภาพของเราดูเหมือนถูกจำกัดเข้าไปทุกที    ดู ๆ  ยากที่จะรอดพ้นไปได้ ???????

 

ยัดเงินใส่รถไว้เป็นฟ่อน ๆ

เขาว่าพูดอยู่ในรถ จอดอยู่ใกล้ ๆ บึงนี่แหละ  พ่อญี่ปุ่นถามเอารถคันใหม่ไหม  ใช้มานานแล้ว  เปลี่ยนเสียที  แล้วเอาเงินใส่ไว้ให้เป็นฟ่อน ๆ พอ ๆ กับใส่ไว้ในรถของเขาเอง   เราบอกรีบกลับบ้านเถอะขอสัญญาจะไม่พูดกับผู้หญิงอีก  บอกว่ามีพวกตำรวจชีกอโทร.มาถามหาอาจารย์น้อย 2 คนแล้ว  บอกว่านี่กุฏิพระ  ศรีสะเกษ  ไม่ใช่ด่านขุนทด  เขาหัวเราะก๊าก ๆ ๆ ๆ

 

 

                                                ใครคือผู้ชายคนนั้น

12 ก.พ.2550

07.30 น.

นอนกอดรูปถ่ายผู้ชาย

เกิดเรื่องใหญ่ในโรงงานด่านขุนทด  ว่าเมียเถ้าแก่เข้าไปในห้องนอนพบอาจารย์น้อยนอนหลับอยู่ กอดรูปถ่ายผู้ชาย รูปหนึ่งแนบกับอก  รูปหนึ่งแนบแก้ม   เป็นรูปในเครื่องแบบชุดขาว  หล่อ!!!     เขาก็ถ่ายรูปไว้  อาจารย์น้อยหลับไม่รู้ตัวเลย แล้วเอาไปบอกใครต่อใครว่าสาวน้อยเอารูปผู้ชายมานอนกอดทั้งคืน  อาจารย์น้อยจะต้องมีผู้ชายแล้ว     เขาก็มาเอาตัวไปถามว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร  ปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่รู้ ๆ  เขาว่าไม่รู้เอาไปนอนกอดได้อย่างไร น้อยไม่เคยพบผู้ชาย  เอารูปผู้ชายมาจากไหน  นอนกอดหลับไปอย่างนี้แสดงว่ารักกันอย่างลึกซึ้งใช่ไหม  ให้บอกมาตามตรง  อย่างเฉไฉ   ตอบเสียงแข็งว่าไม่ได้กอด  ดู ๆ แล้วหลับรูปก็หล่นลงไปเท่านั้นเอง  เขาถามว่าแล้วที่แนบแก้มไว้ล่ะ มันหล่นลงมาแนบเองงั้นหรือ?    ที่หนีไปจากโรงงานไปพบผู้ชายคนนี้ใช่หรือไม่ ?   บอกว่าไม่รู้ ๆ   เขาก็เอาตัวไปหน้าพระพุทธรูป  ให้สาบาญว่าเป็นคนรักกันจริง     ไม่ยอมสาบาญ    บอกว่าไม่รู้จักจริง ๆ เป็นรูปเพื่อนของพี่ทัด เห็นว่าหล่อดีก็ขอยืมเอามาดู  เดี๋ยวก็จะคืนให้ไป 

 

พี่ ๆ อาจารย์  คนงานก็ซักเอาว่า  ตั้งแต่เกิดมาอยู่แต่ในโรงงาน  ไปไหนมาไหนก็ไปเป็นหมู่  ไม่เคยเห็นว่าจะพูดคุยกับผู้ชายเลย  เกลียดผู้ชายเสียอีก แล้วอยู่ ๆ ก็เอารูปผู้ชายมากอดนอนอย่างนี้  แสดงว่ามีความรักกับผู้ชายคนนั้น ยังจะปฏิเสธอีกหรือ  แล้วเขาก็ขู่ว่าจะเอาไปประกาศให้ทราบทั่วโรงงานว่า  อาจารย์น้อยมีคนรักแล้ว  ใครอยากดูให้มาดู  พอดีแม่ยายเถ้าแก่ตายลงมีงานศพพอดี เขาก็ปรับเอาให้สาวน้อยไปเสิรฟอาหารแด่แขกเหรื่อในงานศพแต่ไม่ให้คลุมหน้าต้องเปิดหน้าออกหมด  ทางหลวงปู่ก็ทราบสั่งให้สาวน้อยไปพบโดยด่วน เอารูปใบนั้นไปด้วย  ทางโรงงานอุบลก็ตื่นเต้นกันใหญ่  ถามไปถึงแม่ศรีสะเกษ  แม่ก็บอกว่าไม่ทราบ คงจะเป็นเพื่อนทัด ลูกชายแม่ละกระมัง 

 

08.45 น.

ลูกสาวพ่อทำขายหน้า

แม่บ้านโทร.มาจากอุบล  ว่าลูกสาวหลวงพ่อไปทำผิดท่าไหน  เขาจับได้  เอารูปผู้ชายไปกอดนอน  แล้วเขาถามเอาความจริงว่าใช่คนรักหรือเปล่า   ก็ไม่ยอมรับ  เสียงแข็ง  ว่าไม่รู้ว่าชื่ออะไร  เพื่อนของพี่ทัดเขา  เห็นว่าหล่อก็ยืมมาดู   ไม่เชื่อก็ให้โทร.ไปหาแม่ศรีสะเกษ  เขาโทร.ไป แม่บอกว่าเพื่อนของทัดละกระมัง  แม่ไม่รู้    ว่าเขาขู่ให้เปิดหน้า ว่าถ้าไม่เปิดหน้าเขาจะเอารูปถ่ายในโทรศัพท์ไปประกาศให้คนดูว่านี่แหละแฟนอาจารย์น้อย  อาจารย์น้อยมีความรักกับผู้ชายแล้ว  มีหลักฐานมีรูปอยู่ในชุดนอนบาง กอดรูปผู้ชายอยู่   ว่าน้ายามโทร.ไปบอกหลวงพ่อคูณ  ๆ หัวเราะให้หารูปถ่ายที่มันกอดไปให้ดู  เข้าไปค้นในห้องมันก็ไม่เห็น  มันว่าฉีกทิ้งแล้ว  แต่คนไม่เชื่อ มันคงเอาไปซ่อนไว้  

 

09.00 น.

 

โทรศัพท์มาอีกครั้งหนึ่ง  ฟังเสียงแจ๋ว ๆ เหมือนเสียงสาววัยรุ่น  บอกว่าขอพูดกับอาจารย์น้อยค่ะ  เราฉุกคิดว่าอะไรกัน?  ก็บอกว่าอาจารย์น้อยไม่อยู่  อยู่โคราช    ขอเบอร์โทร.หน่อยค่ะ   ไม่ทราบเบอร์หรอก  นั่นโทร.มาจากไหน  จากขอนแก่นค่ะ   เราคิดว่าไม่บอกหรอกว่ากุฏิพระ  ก็บอกว่า  นี่ศรีสะเกษ  ไม่ทราบหรอกว่าอาจารย์น้อยอยู่ที่ไหน  มีเสียงซุบซิบกัน แล้วตัด

 

22.30 น.

แนบอกแนบแก้ม

วันนี้ทั้งวัน วงการโรงงานฮือฮากันอีกเรื่องสาวน้อยนอนกอดรูปผู้ชาย รูปนึ่งแนบอก รูปหนึ่งแนบแก้ม ถามกันทั้งวันว่า ถ้าไม่ใช่แฟนแล้วจะเป็นใคร บอกมาโดยดีเป็นใคร อยู่ที่ไหน ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยเป็นพูดกับผู้ชาย แล้วอยู่ ๆ ก็มีรูปผู้ชายมานอนกอด มาให้ดมแก้ม  สารภาพมา   ฝ่ายหลวงพ่อคูณก็ให้สาวน้อยเข้าไปหาโดยด่วน เอารูปให้หลวงพ่อผู้เรืองวิทยมนต์ดู  ท่านคลำรูปแล้วหลับตาว่า  ผู้ชายคนนี้ ถ้าเป็นฆราวาสอยู่จะมียศใหญ่โตมีชื่อเสียง  ถ้าออกบวชจะเป็นพระธุดงค์ มีตปะ ฌานแก่กล้ามีชื่อเสียง  แล้วซักเอาเครียดว่ารูปผู้ใด สาวน้อยก็ไม่ยอมบอก  หลวงพ่อคูณว่ากูทายมึงไว้แล้วว่ามึงไม่ได้ผัวหรอกชาตินี้ เพราะมึงรักคนที่เขาไม่รักมึง  แล้วคนที่รักมึง มึงก็ไม่รักเขา  น้อยก็รักคนนี้แหละ  น้อยจะเอาคนนี้  ก็ไหนมึงบอกว่าไม่รักเขาไง   ก็พูดเล่นอยากเอาชนะหลวงปู่น่ะ   ตกลงไม่รู้ว่าสาวน้อยคิดอะไรกับใครอยู่

 

ถึงงานเลี้ยงแขกกลางคืน คนมาหลายพันคน สาวน้อยถูกขู่บังคับให้ไปเสริฟอาหาร เครื่องดื่ม สวมกางเกงขายาว เสื้อแขนสั้น  เอาผมม้วนรอบ ๆ คอและตัว  ไม่ห่มผ้าคลุมหน้า  คนก็ตะลึงในความสวยงาม  ว่าไม่เคยเห็นคนด่านขุนทดงามขนาดนี้  ก็ร้องเรียกให้มาโต๊ะนี้บ้าง โต๊ะนู้นบ้าง  เรียกแล้วเรียกอีก  ถามว่ามาเป็นลูกสะใภ้แม่ไหม  ช่างสวยเหลือเกิน   ขอจับหน่อย  แล้วโดนจับ โดนบิด  โดนหอมแก้ม  จนเจ็บไปทั้งแขนสองข้าง  เป็นรอยช้ำไปหมด  บอกว่าไม่เอาแล้ว เปิดหน้าทีไรก็เจ็บตัวอย่างนี้  คนไม่จับเฉย ๆ  จับแล้วบิด  จิกด้วยเล็บ  โอย  เจ็บ  คืนนี้จะคลุมหน้าไว้เหมือนเดิม  พอกลับเข้าโรงงานก็โดนตื้อถามว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร  อาจารย์น้อยจะต้องบอกพวกเรามา

 

 

 

13 ก.พ. 2550

02.30 น.

เสียงทิพย์อยู่ระดับ 9,000 หน่วย

 

ดูเหมือนว่าเสียงทิพย์ปลุกให้ตื่นขึ้นมา  เสียงระดับนี้สนั่นหวั่นไหวเมื่อเวลาดึก   เราตื่นแล้วสดับฟังเสียงอันไพเราะเสนาะลึกล้ำนี้  มีเสียงอีกชนิดหนึ่ง ทีแรกฟังเหมือนเสียงจิ้งหรีด ที่เป็นเสียงธรรมชาติแกมมา เหมือนเสียงจิ้งหรีดจริง ๆ มาก  แต่ฟังไปนาน ๆ  กลับไม่ใช่  แท้จริงเป็นเสียงทิพย์เหมือนกัน  แต่แยกเป็น 2 สาย ๆ แรกเป็นเสียงทิพย์ระดับ 9,000 หน่วยนับ ยิ่งฟังยิ่งเคลิ้ม   ส่วนเสียงจิ้งหรีดนั้น มิต่างจากเสียงแมงอี  มีค่าอยู่ระดับ 150 หน่วย มีความดังสนั่นมากเหมือนกันแต่ดังแบบจิ้งหรีดจริง ๆ   ดูเหมือนเสียงทั้งสองนี้แข่งกัน ในขณะที่จิ้งหรีดดังอยู่ฝั่งขวามือ  เหมือนเข้าทางหูขวา   เสียงทิพย์อยู่เหนือหัว และอยู่ซ้ายมือ  นิ่งฟัง เสียงทิพย์คล้ายเร่งแรงขึ้นเพื่อจะกลืนเสียงจิ้งหรีด  สักครู่ใหญ่ ๆ เสียงจิ้งหรีดแปรไป  บัดนี้เลื่อนมาสู่ระดับ 1,000 หน่วย  ในขณะนี้เสียงทิพย์เหมือนจะใช้พลังดูด

 

02.40 น. 

นายข้อง

เสียงคนเดิน หมาวัดเห่าขรม  ไม่นานมีเสียงเรียกพระอาจารย์ พระอาจารย์   เป็นนายข้อง  บอกว่าเดินมาจากบ้านโคกกลาง  เปิดประตูให้เข้ามา  เขาสะพายย่ามสีน้ำตาล นุ่งกางเกงยีนขาวขากุด สวมเสื้อทหารพราน   เข้ามาแล้วก็กราบพระพุทธรูป แล้วกราบพระอาจารย์  ถามว่านอนไหม  ขึ้นไปนอนข้างบนไป  เขาบอกไม่ง่วง  บอกว่าถ้างั้นนั่งเฉย ๆ จะทำงาน    เขานั่งขัดสมาธิ นิ่งอยู่ ไม่พูด  03.09 น.  ถามว่าง่วงนอนไหม  ขึ้นไปนอนข้างบน  เอาเสื่อ หมอนขึ้นไป  เขาบอกเลยเวลานอนแล้วมั้ง   ถามว่าได้ยินเสียงอะไรไหม?  เขาทำท่างง  ถามย้ำว่าได้ยินเสียงแมงอีไหม?  เขาบอกไม่ได้ยิน   ถามว่าได้ยินเสียงจิ้งหรีดไหม?  เขาตอบว่าไม่ได้ยิน   สักครู่ลุกไปเอาเสื่อและหมอนและย่ามขึ้นไปข้างบน นอน

 

03.15 น. 

เสียงทิพย์คุมอำนาจ

เสียงทิพย์พยายามกลืนเสียงจิ้งหรีด  เร่งแรงขึ้น  เสียงจิ้งหรีดพยายามเพิ่มคุณภาพ  เข้าใจว่าเสียงกำลังจะผสมผสานกันเป็นหนึ่งเดียว  แต่เสียงจิ้งหรีดยังคงเป็นเสียงจิ้งหรีดอยู่   นี่เป็นสิ่งที่แปลกประหลาดไปอีกครั้งหนึ่ง 

 

เราได้ปล่อยปละละเลยการปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่เริ่มต้นปีใหม่ พุทธศักราช 2550 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันนี้  แต่มีเสียงทิพย์เข้ามาแทน ได้อาศัยเสียงทิพย์  ทำกิจต่าง ๆ ที่สำคัญ ๆ  2 ครั้งแล้ว

 

-              ครั้งที่ 1   วันที่ 23 ม.ค. 2550 

วันที่ลูกสาวหลวงพ่อสลบเหมือด  

เราตั้งใจว่า

 

 เราจะลองเข้าสมาธิและไปกับเสียงทิพย์  ชำแรกไปในทุกอณูของอากาศด้วยอำนาจเสียงทิพย์ ที่สนั่นรอบตัวเรามาตั้งแต่คืนวานนี้แล้ว  ลองทำดูโดยสมมติฐานว่ารักษาด้วยเสียงทิพย์ที่ชำแรกจิตวิญญาณ  ทั้งรูปธรรมและนามธรรม ไปทั่วพื้นแผ่นปฐพี นภากาศ  และสากลเทพ  สากลจักรวาล

 

 

                ครั้งที่ 2  วันที่ 6 ก.พ.2550 

ท้าพิศูจน์ด้วยความตายบนเขาสูง เข้าฌานเจตภูต วอนเทพเจ้าช่วยชีวิต  

ดังบันทึกว่า

 

-                                 เราเหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน  เอ!!!!   ทำไมเราไม่ลองเรียกพระภูมิเจ้าที่แถว ๆ นั้นดู  ถึงอยู่ไกล เรียกด้วยนามธรรมก็ไปถึงได้ 

                                    ลองใช้วิธีเจตภูตดูก็ได้  ลองดูไหม?   เพียงให้รู้ว่าจะเป็นอย่างไร?

                                    เอาเลย !!!   เริ่มต้นเลย !!!   อาศัยเสียงทิพย์เป็นสื่อ 

 

ปฏิบัติการ 2 ครั้งนี้  ได้อาศัยเสียงทิพย์โดยเฉพาะ แต่ก็ได้บังเกิดผลทางอภิญญาที่ยิ่งใหญ่ทรงอำนาจมาก   นั่นหมายความว่า  แม้ไม่มีสมาธิ กสิณ และปราณเลย  ก็ทำได้ด้วยเสียงทิพย์ หรือแท้ที่จริง เสียงทิพย์คือ ฌาน  นี่เป็นทฤษฎีอันเดียวกับ  สงครามสวรรค์  แต่ยังเทียบระดับสงครามสวรรค์ไม่ได้  เราพยายามที่จะไปให้ถึงระดับนั้นเพื่อการศึกษาอย่างเป็นวิทยาศาสตร์

 

ฉะนั้น  น่าจะถึงเวลาแล้วที่เราจะทำการฟึกฟื้น สมาธิ กสิณ และปราณ ขึ้นมา  ให้ครบถ้วนทุกวิชาอันทรงอานุภาพเหล่านี้   และเริ่มด้วย  มหาสติ  และมี  วิปัสสนาญาณ เป็นพื้นฐาน เสียที 

 

มาบัดนี้เราเหมือนว่ารู้วิธีการอย่างแน่นอน มั่นใจ เป็นวิทยาศาสตร์ จะฟื้นขึ้นมาเมื่อไร ย่อมได้อยู่แล้ว

 

เพื่อเข้าสู่สถานะแห่ง   สวามิภูติ  โดยสมบูรณ์ 

 

12.30 น.

แอบซ่อนชู้ผู้ชาย?

 

เรื่องราวของสาวน้อยโรงงาน เอารูปผู้ชายไปนอนกอดแนบอก  แนบแก้มหลับ โดนถ่ายรูป  ยังไม่จบ   เพื่อนสนิท พี่ ๆ  อาจารย์ด้วยกันยังแหนงแคลงใจว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร   จะเอาความจริงออกมาให้ได้   โดยเหตุผลว่า  อยู่แต่ในห้อง เฝ้าพิทักษ์รักษาไว้ ยังกะไข่ในหิน  ไปไหนมาไหนดั่งดาวล้อมเดือน  แทบไม่คลาดสายตามาตั้งแต่เด็ก ๆ  แล้วแอบไปมีผู้ชายได้อย่างไร  เขาจะต้องสืบเอาความจริงให้ได้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร อยู่ที่ไหน  จนแม้กระทั่งติดตามทะเบียนข้าราชการก็จะลองติดตามไปดู

 

 

21.40 น.

เสียงทิพย์อยู่ระดับ  10,000 หน่วย  เสียงแทรกอยู่ระดับ  1,000 หน่วย

 

เสียงทิพย์ไพเราะเหลือเกิน     เสียงจิ้งหรีดยังดังอยู่ ดูเสียงสองฝ่ายนี้แข่งกัน  ระหว่าง 10,000 กับ 1,000 หน่วย

 

วันนี้ทั้งวันได้ยินเสียงทิพย์ตลอด  เพราะอะไรหนอ?   และไพเราะเหลือเกิน!!!

และปรากฎการณ์ใหม่ที่มีเสียงแยกกันเป็นสองสาย  หรือว่านี่คือพัฒนาการใหม่????

 

เอาละเราจะติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป

 

 

14 ก.พ.2550

ตื่นความงามของสาวประหลาด

เรื่องราวของวันนี้  จะมีบันทึกไว้อย่างละเอียดในบันทึกของ สาวน้อยโรงงานเอง เป็นวันที่เธอเต็มใจเผยโฉมให้คนได้ชม  บอกว่าแต่งตัวด้วยชุดดำกระโปรงยาว ทำผม ผูกโบว์สีขาว  มีผ้าคาดเอวสีขาว  ผมถักพันม้วนไว้ที่สะอว ใส่ส้นสูงสีดำ  พร้อมสาว ๆ โรงงาน แวดล้อม ไปบริการอาหารและเครื่องดื่มแด่แขกมาในงาน  ส่วนเธอไปประเคนปัจจัยไทยทาน และกัณเทศน์  เธอรับเป็นเจ้าภาพพระ30รูป กัณเทศน์ 1 กัณฑ์  เขานิมนต์พระมาวันเผาศพ 100 กว่ารูป  เนื่องจากเป็นงานศพของคนสำคัญในด่านขุนทด จึงมีแขกรับเชิญมามามากมาย ทั้งทางใกล้    และทางไกล   คนที่เคยได้ฟังข่าวสาวน้อยโรงงานก็ได้ชมตัวจริงที่สวยงามเต็มตาในวันนี้เอง ชมว่ามีความสวยงามที่แปลกพิสดาร แฝงเสน่ห์ฝังใจไว้ล้ำลึก  มีดวงตาเวลาไม่พอใจใครน่ากลัวเหมือนเสือ   ฟัง ๆ เหมือนคนเขามองอย่างเลื่อมใสศรัทธาในจริยา ความกตัญญู และความมีใจกรุณาช่วยเหลือประชาชนผู้ทุกข์ลำบากของสาวน้อย เพราะเธอเคยให้ความช่วยเหลือคนยากคนจน เคยสร้างกุศลไว้มากมาย  ทำผ้าป่าถวายวัดหลายวัด  ที่น่าประทับใจก็คือหญิงมีครรภ์คนหนึ่งเข้าไปหาขอจับมือเธอวางบนหัว ขอว่าลูกน้อยในครรภ์ถึงจะไม่สวยงามอย่างอาจารย์น้อยก็ขอให้ได้เป็นคนดีมีน้ำจิตน้ำใจอย่างอาจารย์น้อยก็พอใจแล้ว  ฝ่ายพระสงฆ์องค์เจ้าทั้งหมดก็จ้องมองมาเป็นตาเดียว เมื่อเธอเข้าไปประเคนกัณฑ์เทศ ถวายจตุปัจจัยไทยทาน  แม้กระทั่งพระนักเทศน์ก็ขอเบอร์โทรศัพท์   พระหลวงตารูปหนึ่งเข้ามาหา บอกว่า  ปิดคลุมหน้าไว้เถอะดีแล้ว   รู้ตัวไหมว่าใครเห็นแล้วจะหลงลืมตัว มีเสน่ห์แรงมาก  ดึงดูดใจให้ใฝ่ฝันใฝ่หา ความสวยจะเป็นอันตรายต่อตัวเอง  ทำไมยังไม่มีแฟนเสียทีล่ะ   ทำให้บรรยากาศงานฌาปนกิจศพชื่นมื่นรื่นรมย์    คนทางไกลมาจากเชียงใหม่  ญาติ ๆ ของเจ้าของโรงงาน  ก่อนเขาจะเดินทางกลับก็มาถามคุยด้วย ว่าทำไมกินข้าวเวลาเดียวแล้วยังสมบูรณ์ ไม่มีร่องรอยการขาดธาตุอาหาร  ทำไมไม่คิดมีแฟน เกลียดผู้ชาย  จะอยู่เป็นโสดไปอย่างนี้ตลอดไปหรือ  ที่สุดขอให้อาจารย์น้อยไปเปลี่ยนชุดเป็นขาว ร่วมถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก  เธอก็ตามใจเว้นอย่างเดียวไม่ให้ถูกเนื้อต้องตัว  ส่วนเจ้าตัวเองก็ไม่สนใจเท่าไรกับคำชมของคนทั้งหลาย  บอกว่าไปสนใจทำไมกับรูปร่าง กาย ที่ในที่สุดก็ทรุดโทรมลงไป ไม่จีรังยั่งยืน  สนใจความดีดีกว่า  ความสวยงามช่วยอะไรได้ ถ้าไม่ขยันทำมาหากิน และหาเงินทองข้าวของสะสมไว้ ใช้ของตนเองและช่วยเหลือคนอื่น ช่วยงานการกุศลสาธารณะต่าง ๆ เราในฐานะเป็นพ่อเขาได้ฟังก็มีความชื่นใจ ยินดีไปด้วย  กระนั้นก็ยังมองภาพไม่ออกว่าสาวน้อยโรงงาน ลูกสาวของเรา มีความสวยอย่างไร คนจึงชื่นชมนักหนาดังนี้  เพราะแม้กระทั่งบัดนี้แล้วยังไม่เคยเห็นตัวจริงเลย

 

 

15 ก.พ. 2550

ความห่วงกังวล

เขาทราบข่าวก็รบเร้าให้ไปโรงพยาบาล  จะให้แม่มาดูแล

 

ก็ไปโรงพยาบาล เพราะเจ็บปวดที่บ่าไหล่ข้างขวามานานแล้ว  จนลามลงไปต้นแขน  เมื่อวานให้นายข้องนวดให้ เอายาหม่องทาแล้วนวด  หลายครั้ง   พอตื่นขึ้นกลับเป็นหนักกว่าเก่า  แพทย์ถามว่าเหตุเกิดเพราะอะไร  บอกว่านั่งสมาธิหลับ  ปราณถอยลงไปแล้วตัวเอียงลงไปทับพนักเก้าอี้อยู่ทั้งคืน  เขาก็ดู ๆ จะไม่ค่อยเชื่อ  หรือเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

 

ก่อนนี้ก็เคยเหมือนกัน  คราวนั้นเป็นที่มือขวา เจ็บปวดจนบวมอยู่ 2-3 วัน   เล่าให้แพทย์ฟังว่า  ต้องอาถรรพณ์  เพราะไปจัดการศพให้คุณแม่ อ.พัชรา กอปรทศธรรม  ตอนรดน้ำศพได้บิด หักมือศพให้หงายขึ้น  วิญญาณคุณแม่เขาก็เลยมาหักมือเราแทน  แพทย์ก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเหมือนกัน  แต่ความจริงเรานอนทับมือขวาไปทั้งคืน  แล้วบังเอิญไปทำศพ  บิดหักมือศพ  มันคล้องกันพอดี

 

เขาสั่งยามากิน 3 ขนาน  ไปโรงพยาบาลคราวนี้เขาต้อนรับดี  คิวยาวเขาลัดคิวให้ ค่ายา 780 บาทก็ไม่ต้องจ่าย

 

คิดว่าแขนหายแล้วจะออกธุดงค์ละ  รอสักหน่อย ฟังศาลตัดสินเรื่องพ่อ-ลูก -  ลูกสาวเราเสียก่อน

 

 

 

16 ก.พ.2550 

วันพระใหญ่

11.50  น.

อีกครั้งหนึ่งสลบเหมือด

 

กำลังฉันเพลจะแล้วเสร็จ แม่บ้านโทร.มาจากอุบล  ว่าน้อยขับรถลงทุ่งนาไปสลบ  ตำรวจด่านกักรถพาไปส่งโรงพยาบาล  อธิบายว่า มันกำลังไข้และไออยู่  ไม่อยากให้ไปมันก็ไป  อ้างว่าคนรอสอบเยอะที่โคกสวาย และอุดร  มันจวนจะไปถึงโคกสวายอยู่แล้ว กำลังจะถึงด่านตรวจรถของตำรวจพอดี ก็เป็นลม พารถลงข้างทางและลงทุ่งนาไป   ก่อนจะออกจากด่านขุนทดมันโทร.มาบอกว่าอย่าบอกพ่อนะ กลัวพ่อจะเป็นห่วง  ตำรวจว่าเป็นไข้ ไม่เป็นอะไรนักหรอก

 

 

17.30 – 19.00 น.

ปวดหัวเหลือเกิน

โทร.มาสองครั้งแล้ว   คราวนี้โทร.มาจากโคกสวาย  พอรับก็อุธรณ์ว่าปวดหัวเหลือเกินพ่อ

 

เล่าว่ามี2ตายาย  สามีเป็นหมอเกษียณหลายปีแล้ว  ไม่มีลูก  มาเห็นนอนอยู่ก็ชอบ  ก็ถามเขาดู เขาว่าเป็นสาวโรงงาน  อยากได้เป็นลูกสาว  เล่าว่าพ่อกับแม่นี่มีทรัพย์สมบัติมากมาย ไปอยู่กับพ่อไหม พ่อจะให้มรดกทุกอย่าง   มาเป็นพยาบาลที่นี่เอาไหม พ่อจะติดต่อให้  หนูสวยขนาดนี้ไปลำบากอยู่ในโรงงานทำไม  น้อยไม่ได้บอกเขาว่าเป็นอาจารย์ทำเงินได้เยอะแยะ   ถามเรื่องราวต่าง ๆ แล้วว่าจะตามไปคุยด้วยที่โรงงานโคกสวาย  พ่อกับแม่ต้องชะตาหนูเหลือเกิน  หนูสวยเหลือเกิน แล้วนี่ตราอะไรที่แก้ม สวยจังเลย  ไหนหันมาให้แม่หอมแก้มหน่อยซิ  ปกซ่อนเอาไว้ทำไม  ทำไมจึงยังไม่มีแฟนล่ะ  น้อยคิดอยู่ในใจว่ามีแล้วแต่ไม่กล้าบอกเขา  บอกว่าเกลียดผู้ชาย 

 

22.40 น.

ช๊อคไปซึ่งหน้าขณะคุยโทรศัพท์

คุยกันมาร่วมชั่วโมงแล้วจนถึง 21.40 น.  อยู่ ๆ เขาบอกว่าหนาว  หนาวเหลือเกิน  บอกให้เรียกคนเข้ามาสิ    แล้วดูเหมือนช็อคไป  เราตกใจมาก  เกรงโรคหัวใจวาย    คิดได้อย่างเดียวว่าต้องไปบอกแม่เขาที่บ้าน ข้างโรงแรมพรหมพิมาน ก็เรียกนายข้องไปตามรถสามล้อ  แม่เขาเข้านอนแล้ว รอครู่ใหญ่ ๆ จึงลงมาหา ก็รีบบอก  แม่เขาโทร.ไปโคกสวาย  บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เขานำส่งโรงพยาบาลแล้ว  หมอบอกว่าหัวใจเต้นปกติ  เพียงแต่ร่างกายอ่อนแอ  ก็ให้น้ำเกลือ 2 กะปุกพร้อมกัน  เราขอเบอร์โทร.แม่ศรีสะเกษ แล้วกลับวัด  พอถึงแม่ศรีสะเกษก็โทร.มาบอกอีกว่าเลือดมันออกทางปากและจมูก  เขาดูดเลือดออกอยู่  มันฟื้นแล้ว  ให้แม่บอกพ่อด้วย กลัวพ่อจะเป็นห่วง  เพราะขณะเกิดเรื่องคุยกับพ่ออยู่ พอหายดีจะโทร.ถึงพ่อเอง  ว่าทางน้ายามกับแม่บ้านอุบลบอกไม่ให้บอกพ่อญี่ปุ่นเขา   ขณะนี้มีหมอกับแฟนหมอ ตายายคนนั้น มาจองห้องพิเศษให้  และเฝ้าดูแลอยู่พร้อมกับคนของตายาย 2 คน

 

17 ก.พ.2550

07.45 น.

รูปสตรีในเวบไซท์

 

เรานอนหลับปานตายเพราะฤทธิ์ยา 3 ขนานนั้น  ตอนตี3 มีโทรศัพท์มา พอรับก็หลุด  โทร.ไปหาเขารับพูดเสียงงอน ๆ  อู้อี้  ฟังไม่ค่อยได้เรื่องราว  เขาบอกว่าเข้าไปดูเวบของพ่อแล้ว รู้ตั้งนานแล้วแต่ไม่บอก  เขาถามว่า  ญาติสนิทในใจ  เป็นอะไร เราบอกว่าไม่เป็นอะไร  นานมาแล้ว  เขาบอกไม่เชื่อ    เราอยากให้เขานอนหลับก็บอกให้นอนเสีย  ส่วนเรา หลับต่อไปถึง 6 โมงเช้า โทร.ไป 2 ครั้งไม่รับสาย   อีกสักหน่อยจึงโทร.กลับมา ถามว่าพ่อโทร.ไปใช่ไหม  บอกว่าใช่ 

 

พ่อ-แม่คนใหม่

 

เล่าเรื่องตายาย คู่นั้นว่ามาเฝ้าทั้งคืน ไม่หลับนอน คุยกันแต่เรื่องน้อย  ยายมาจับแขนดู ร้องว่าพ่อดูสินิ้วมือสวยเหลือเกิน  คนอะไรสวยขนาดนี้ ไม่เคยเห็น  ตาเป็นหมอ บอกหมอว่าจะตรวจน้อยเอง  สั่งยาเองเสร็จ ไปเบิกยา  ให้เข้าบัญชีเขาเองทั้งหมด  คนเล่าให้ฟังว่าตายายร่ำรวยมากแต่ไม่มีบุตร  

 

เล่าเรื่องแม่ศรีสะเกษว่าแม่เล่าว่าพ่อไปหาเพราะห่วงน้อย  พอทราบว่าเขาเอาน้อยไปโรงพยาบาลพ่อก็สบายใจขึ้น  สาวโรงงานคนสวยนี้มีท่าทีพอใจมาก ว่าพ่อรักน้อยจริง ๆ  บอกว่าจะออกจากโรงพยาบาลละ  อย่างช้าก็เย็นวันนี้แหละ 

 

เราเห็นจะต้องลบรูปผู้หญิงออกจากอัลบั้มรูปทั้งหมดเลย เพราะเขาบอกว่าเห็นรูปนั้นแล้วก็แน่นอก ไม่สบายขึ้นมาทันที

 

 

12.00 น.

 

สาวน้อยบอกกำลังจะกลับไปโรงงาน ขณะนี้รออยู่ในรถ  ให้น้ายามไปซื้อของกินอยู่  น้ายามเป็นคนขับรถให้  บอกว่าพ่อไม่ต้องเป็นห่วงหรอก  ถ้าเป็นอะไรก็เข้าโรงพยาบาลทันเพราะอยู่ใกล้ ๆ  หมอเขาก็อนุญาตว่าถ้าเป็นอะไรก็ให้รีบกลับมา  ตายายก็จะตามไปที่โรงงานด้วย  แกรับอาสาจะพูดกับพ่อญี่ปุ่นให้   น้อยไม่ชอบเพราะเขาเข้าข้างพ่อญี่ปุ่นเกินไป  แล้วก็ผลุนผลันบอกเอาเท่านี้นะพ่อนะ  น้ายามคงมาถึง คงเกรงน้ายามจะถามว่าโทร.ถึงใคร

 

16.30 น.

วิสัญญีอีกครั้งหนึ่งที่โคกสวาย

 

แม่บ้านโทร.มาจากอุบล ฯ   บอกว่าน้อยสลบไปอีกแล้ว  คนที่โรงงานโคกสวายเยอะมาก น้อยเดินตรวจงานไปพอนั่งลงกับโต๊ะก็ฟุบเป็นลม  ช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลอีกที  เล่าว่าเพราะเขาไม่กินข้าวปลาอาหาร  พ่อ-แม่คนใหม่ของเขาเอาปิ่นโตมาก็ไม่กิน  บอกว่าคาวกินไม่ได้

 

แล้วไม่นานเขาก็โทร.มาบอกเรื่องราวให้ฟัง  ว่าโทร.มาจากโรงพยาบาล  ถามว่ามีเรื่องอะไรแน่นอกแน่นใจ  เขาว่าเรื่องพ่อญี่ปุ่น กลัวเขาจะฆ่าตัวตายเพราะได้ประกาศกันกลางศาล ถ้าเขาแพ้น้อยเขาก็จะฆ่าตัวตาย น้อยคิดสงสารลูกสาวเขา  เขาก็คงรักพ่อเขา พอ ๆ กับน้อยรักแม่น้อยเหมือนกัน  เขาบอกว่ามีอีกหลายอย่างที่แน่นอกแน่นใจ  บอกพ่อไปธุดงค์ได้เลยเวลาจะได้สั้นเข้า ไม่ต้องห่วงน้อย

 

 

18 ก.พ.2550

คุณย่ามาจากญี่ปุ่น

 

วันนี้พ่อญี่ปุ่นของเธอ พาคุณย่าอายุร่วม 90 ปีมาจากญี่ปุ่น พร้อมพี่ ๆ น้อง ๆ ญี่ปุ่นของเธอไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล   บอกว่าพอเห็นก็รู้สึกว่าคุณยายมีความสวยงามมากและเหมือนน้อยอย่างที่สุด  คะเนว่าตอนเป็นสาวคงจะเหมือนกันจริง ๆ อย่างที่พ่อเขาเคยบอกไว้   พ่อเขาลูกเขาพากันนั่งลงกับพื้นขอร้องให้ดีกับพ่อและเรียกญี่ปุ่นว่าพ่อ  จะให้ไหว้ก็เอาขอเพียงเรียกพ่อ   เขาไม่ยอม  คุณยายก็ขอเช่นเดียวกัน  ว่ายายขอไหว้ละขอให้เรียกพ่อว่าพ่อ  เขาบอกว่าอย่าไหว้ฉันเลยฉันเป็นเด็ก  เอาไว้ให้ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า   

 

เธอบอกว่าพวกเขาซุบซิบกันว่าอย่างไรต้องเอาไปเป็นของเขาให้ได้  มาเห็นตัวแล้วยิ่งหวงแหน อยากได้

 

เล่าว่าตอนย้ายจากโรงพยาบาลโคกสวายไปโคราชนั้น  เขามีอาการหมดสติ ตัวอ่อนระทวยไปหมด  ก็เลยไปไม่ถึงโรงพยาบาลเซนต์แมรี  กลัวว่าจะสายเกินไปจึงแวะเข้าโรงพยาบาลนอกเมือง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลใหญ่ทันสมัยมากแต่ราคาแพงมากเหมือนกัน 

 

เล่าว่าน้อยเพ้อหาหลวงพ่ออยู่หลายครั้ง จนคนทั้งหมดถามถึงว่าหลวงพ่อพยับ อยู่ไหน

 

ทัศนะของดร.

วันนี้ ดร.พร้อมคณะทีมงาน อ.นเรศ กับแฟน แวะมาเยี่ยมก่อนเหินฟ้ากลับไปกรุงเทพ    ได้สนทนากับ ดร.เรื่องหินยาน –เถรวาท วัชรยาน และ มหายาน   เรื่องโพธิสัตว์  รู้สึกว่า ดร.มีทัศนะค่อนข้างกว้างขวางในการมองการศาสนา สมกับเป็นอดีตผู้ก่อตั้ง และรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งโลก

 

ซื้อโทรศัพท์มือถืออันหนึ่ง  โทร.ไปหาเขาทีแรก เขาแสดงท่าหงุดหงิดและไม่รับสาย  โทร.ไปอีกทีรีบบอกว่าพ่อเอง

 

 

19 ก.พ.2550

ไม่เข้าใจตัวเอง

ออกไปองค์การโทรศัพท์ ทีโอที.  อยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับโทรศัพท์บ้านว่าใช้การไม่ได้เพราะอะไร  พบหลานสาว ๆ ช่วยจัดการให้ทุกอย่าง เติมเงินมือถือให้  ว่าให้คนไปซ่อมสายโทรศัพท์ให้  คงเป็นเพราะสายโทรศัพท์มากกว่า   ทีแรกนึกว่าติดหนี้ ก็ฉงนอยู่เพราะเพิ่งให้นายข้องไปจ่ายเมื่อวันศุกรนี่เอง    

 

บางทีเราก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเอง ในเรื่องสำคัญ ๆ ขณะนี้  หรือเราผิดมนุษย์ธรรมดาไปละกระมัง ทำไมเราจึงมองเรื่องบางเรื่องว่าไม่สำคัญเอาเสียเลย  เช่นการที่จะอยู่หรือจะไปสำหรับเราแล้ว มีค่าเท่ากัน  เป็นต้น

 

เรามีความรู้สึกที่ลุ่มลึก สดสวย สั่นสะท้านอยู่ในจิตใจบ้างไหม?????????

ก็ยอมรับว่ามีอยู่  แต่มิใช่แบบนั้น ๆ ๆ ๆ ๆ

 

เอาเถิด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ !!!!!!!!!!

 

บันทึกท้ายบท

 

เราเห็นจะต้องบันทึกไว้สักหน่อยว่า  เมื่อหลังเพลวันนี้ ขณะที่พูดคุยกับญาติโยมอยู่  ได้ยินเสียงทิพย์สนั่นขึ้น แต่ละเอียดไปกว่าเดิมอีก ฟังแล้วลุ่มเย็นเหมือนดนตรีกล่อมให้เดินทางไปสู่ความตาย และไม่หวาดกลัวต่อความตาย  เราให้ค่าอยู่ที่ระดับ  20,000 หน่วยเลยทีเดียว  ลักษณะของเสียงทิพย์ระดับนี้คือเสียงเล็กลงไปอีก มีลักษณะเสียดสีกันอย่างอ่อนโยน สุภาพมาก  นิ่งฟังยิ่งอยากอยู่เฉย ๆ  บ่าไหล่ยังปวดอยู่  ยังต้องกินยาต่อ  กินแล้วง่วง เลยนอนหลับฟังเสียงทิพย์ไปตลอดเวลาบ่าย

 

 

 

จบตอน

 

เราขอจบการรายงานศึกษาโลกลี้ลับ ภาค 11 ลงเพียงนี้

โปรดติดตามต่อไปในภาค 12

ซึ่งจะเป็นภาคการฟึกฟื้นวิทยายุทธและเตรียมการออกเดินทาง ธุดงค์

ภายใน 6 เดือนตามสัญญาให้ไว้กับลูกสาวคนสวยนั้น

 




ศึกษาโลกลี้ลับ สุดยอดสมาธิ วิปสสนากรรมฐาน ระดับอภิญญา แฟ้มพักรอ

ศึกษาโลกลี้ลับภาค 12
ศึกษาโลกลี้ลับภาค 13
ศึกษาโลกลี้ลับภาค 14



Copyright © 2010 All Rights Reserved.
----- ***** ----- โปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate นี่คือเวบไซต์คู่ www.newworldbelieve.com กับ www.newworldbelieve.net เราให้เป็นเวบไซต์ที่เสนอธรรมะหรือ ความจริง หรือ ความคิดเห็นในเรื่องราวของชีวิต ตั้งใจให้ธัมมะเป็นทาน ให้สิ่งที่เป็นประโยชน์แด่คนทั้งหลาย ทั้งโลก ให้ได้รู้ความจริงของศาสนาต่าง ๆในโลกวันนี้ และได้รู้ศาสนาที่ประเสริฐเพียงศาสนาเดียวสำหรับโลกยุคใหม่ จักรวาลใหม่ เรามีผู้รู้ ผู้ตรัสรู้ ผู้วินิจฉัยสรรพธรรมสรรพวิชชา สรรพศาสน์ และสรรพศาสตร์ พอชี้ทางสู่โลกใหม่ ให้ความสุข ความสบายใจความมีชีวิตที่หลุดพ้นไปสู่โลกใหม่ เราได้อุทิศเนื้อที่ทั้งหมดเป็นเนื้อที่สำหรับธรรมะทั้งหมด ไม่มีการโฆษณาสินค้า มาแต่ต้น นับถึงวันนี้ร่วม 14 ปีแล้ว มาวันนี้ เราได้สร้างได้ทำเวบไซต์คู่นี้จนได้กลายเป็นแดนโลกแห่งความสว่างไสว เบิกบานใจ ไร้พิษภัย เป็นแดนประตูวิเศษ เปิดเข้าไปแล้ว เจริญดวงตาปัญญาละเอียดอ่อน เห็นแต่สิ่งที่น่าสบายใจ ที่ผสานความคิดจิตใจคนทั้งหลายด้วยไมตรีจิตมิตรภาพล้วน ๆ ไปสู่ความเป็นมิตรกันและกันล้วน ๆ วันนี้เวบไซต์นี้ ได้กลายเป็นโลกท่องเที่ยวอีกโลกหนึ่ง ที่กว้างใหญ่ไพศาล เข้าไปแล้วได้พบแต่สิ่งที่สบายใจมีความสุข ให้ความคิดสติปัญญา และได้พบเรื่องราวหลายหลากมากมาย ที่อาจจะท่องเที่ยวไปได้ตลอดชีวิต หรือท่านอาจจะอยากอยู่ณโลกนี้ไปชั่วนิรันดร ไม่กลับออกไปอีกก็ได้ เพียงแต่ท่านเข้าใจว่านี่เป็นแดนต้นเรื่องเป็นด่านข้ามจากแดนโลกเข้าไปสู่อีกโลกหนึ่ง และซึ่งเป็นโลกหรือบ้านของท่านทั้งหลายได้เลยทีเดียว ซึ่งสำหรับคนต่างชาติ ต่างภาษาต่างศาสนา ได้โปรดใช้การแปลของ กูเกิล หรือ Google Translate แปลเป็นภาษาของท่านก่อน ที่เขาเพิ่งประสบความสำเร็จการแปลให้ได้แทบทุกภาษาในโลกมนุษย์นี้แล้ว ตั้งแต่ต้นปีนี้เอง นั้นแหละเท่ากับท่านจะเป็นที่ไหนของโลกก็ตาม ทั้งหมดโลกประมาณ 7.6 พันล้านคนวันนี้ สามารถเข้ามาท่องเที่ยวในโลกของเราได้เลย เราไม่ได้นำท่านไปเที่ยวแบบธรรมดาๆ แต่การนำไปสู่ความจริง ความรู้เรื่องชีวิตใหม่ การอุบัติใหม่สู่ภาวะอริยบุคคล ไปสู่การเปลี่ยนแปลงไปพ้นจากทุกข์ ทั้งหลายไปสู่โลกแห่งความสุขแท้นิรันดร คือโลกนิพพานขององค์บรมศาสดาพุทธศาสนา พระบรมครูพุทธะ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพียงแต่ท่านโปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate ท่านก็จะเข้าสู่โลกนี้ได้ทันทีพร้อมกับคน7.6พันล้านคนทั้งโลกนี้. ----- ***** ----- • หมายเหตุ เอาขึ้นเวบไซต์ แทนของเดิม ทั้ง 2 เวบ .net .com วันที่ 21 เม.ย. 2565 เวลา 07.00 น. -----*****-----