มติชน "สมัคร"โทร.เคลียร์"ฮุนเซ็น" โอด2รบ."ซวย" ครม.ห้ามเขมรใช้แถลงการณ์ฯ "สมัคร"โทร.เคลียร์"ฮุนเซ็น" โอด2รบ."ซวย" ครม.ห้ามเขมรใช้แถลงการณ์ฯ
โยนกฤษฎีกาดูก่อนอุทธรณ์ เร่งแจ้ง"ยูเนสโก-มรดกโลก" "กัมพูชา"เดินหน้าฝ่ายเดียว
ครม.มีมติยกเลิกแถลงการณ์ร่วม แจ้งเขมรทันทีห้ามนำไปใช้ พร้อมส่งถึงยูเนสโกและ กก.มรดกโลก 21 ประเทศ ให้ระงับความตกลง "สมัคร"บอกศาลมาช่วยให้จบเรื่อง แต่ยังห่วงความตึงเครียด 2 ประเทศ โทร.สายตรงคุย"ฮุนเซน" ให้ช่วยดูแลคนไทยในเขมร โฆษก รบ.กัมพูชาไม่สนคำสั่งศาลไทย ยันเดินหน้ายื่นจด"ปราสาทเขาพระวิหาร"เป็นมรดกโลก "ปองพล-อดุล"แนะให้ขอเลื่อนประชุม กก.มรดกโลก
@ มติครม.แจ้งเขมรเลิกแถลงการณ์ร่วม
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แทนนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน แถลงภายหลังการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ครม.ได้รับทราบคำสั่งศาลปกครองกลางที่ห้ามมิให้นำมติ ครม.เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน กรณีให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมกับกัมพูชาที่สนับสนุนให้ยื่นจดทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก มาดำเนินการใดๆ จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด ตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงาน และมีมติให้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครอง พร้อมมอบหมายให้คณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาและให้คำแนะนำการปฏิบัติอย่างถูกต้องต่อไป
"นอกจากนี้ ครม.ยังมีมติให้กระทรวงการต่างประเทศส่งหนังสือแจ้งคำสั่งศาลไปยังทางการกัมพูชา ยูเนสโก (องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ) ผู้แทนคณะกรรมการมรดกโลก 21 ประเทศ และคณะผู้แทนไทยที่ไปร่วมประชุมที่ประเทศแคนาดา เพื่อขอให้ระงับความตกลงในแถลงการณ์ร่วมเอาไว้ก่อน" นายสมชายกล่าว
@ ห้ามเขมรนำแถลงการณ์ร่วมไปใช้
นายสมชายกล่าวว่า ระหว่างการประชุมกฤษฎีกาไม่ได้ให้ความเห็นทางกฎหมายใดๆ โดยเฉพาะกรณีที่นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไปแล้วว่าจะมีผลกระทบอย่างไร โดยขอเวลาพิจารณา เพราะเอกสาร หลักฐานต่างๆ มีจำนวนมาก คาดว่าสัปดาห์หน้าจะเสนอความเห็นต่อ ครม.ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถือว่ายุติแนวทางคิดที่อุทธรณ์เลยหรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า ต้องรอฟังว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาจะมีความเห็นว่าอย่างไร เมื่อถามว่า มีการประเมินผลกระทบที่จะตามมาหลังจากนี้หรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า ไม่ได้ประเมินส่วนกรณีที่มีข่าวว่า กัมพูชายังยืนยันจะเอาแถลงการณ์ตัวเดิมไปดำเนินการยื่นขอจดทะเบียนต่อนั้น ก็ต้องรอฟังว่าเรื่องจะเป็นอย่างไร
"ถือว่า ครม.มีมติให้แจ้งไปแล้วว่าจะเอาเนื้อหาในแถลงการณ์ร่วมไปใช้ไม่ได้ นอกเหนือจากนี้ไทยคงจะบังคับฝ่ายกัมพูชาไม่ได้ ถือเป็นมาตรการเฉพาะหน้าที่ไทยดำเนินการไป" นายสมชายกล่าว
นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังการประชุม ครม. ว่า ที่ประชุมไม่ได้หารือเรื่องการยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครอง แต่จะแก้ปัญหาให้ดีที่สุด โดยจะมีหนังสือแจ้งไปยังรัฐบาลกัมพูชาเรื่องนี้กำลังเดินไปในทิศทางที่ดีขึ้น "ขอยืนยันว่าผมไม่ได้หนี แต่ต้องรีบนำรัฐมนตรีต่างประเทศของมาเลเซียไปเข้าเฝ้าฯที่หัวหิน" นายนพดลกล่าว
@ ส่งกฤษฎีกาดูขัดม.190หรือไม่ด้วย
รายงานข่าวจากที่ประชุม ครม. แจ้งว่า นายนพดลได้รายงานคำสั่งศาลปกครองกลาง พร้อมแจกสำเนาคำพิพากษาศาลปกครองกลางรวม 16 แผ่นให้ ครม. ทุกคนด้วย โดยนายนพดลกล่าวยืนยันว่า สิ่งที่กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการมาทั้งหมดเป็นไปตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 17 มิถุนายนทุกประการ ไม่มีอะไรนอกเหนือจากนี้ แต่เมื่อศาลปกครองมีคำสั่งมาเช่นนี้ ก็ต้องยอมรับและปฏิบัติตาม หาก ครม.มีมติอย่างไร ก็พร้อมดำเนินการตาม
ข่าวแจ้งว่า หลังนายนพดลพูดจบ นายสมชายซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ครม. ถามว่า จะทำอย่างไรกันดี นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ชิงตอบว่า "ท่าทีแรกของรัฐบาลคือต้องยอมรับและปฏิบัติตามคำสั่งศาลก่อน" จากนั้นนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรองหัวหน้าพรรคชาติไทย จึงถามต่อว่า "เราจะยอมรับคำสั่งศาลและปฏิบัติตามนั้นเลย หรือจะยื่นอุทธรณ์ต่อ" นายนพดล ได้ยืนยันว่า พร้อมดำเนินการตามมติ ครม.
จากนั้น ครม. ได้อภิปรายกันอย่างกว้างขวาง และเห็นตรงกันว่าควรให้คณะกรรมการกฤษฎีกาไปดูข้อกฎหมายทั้งหมด ก่อนเสนอความเห็นต่อ ครม. ในสัปดาห์หน้า โดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขอให้ไปดูว่าแถลงการณ์ร่วมฯ ขัดมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ด้วย พร้อมกันนี้ยังให้สำนักเลขาธิการ ครม. ไปรวบรวมมติ ครม. ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องปราสาทพระวิหารทั้งหมดตั้งแต่ปี 2505 จนถึงปัจจุบัน เพื่อประกอบการพิจารณาของ ครม.ด้วย
@ แจ้งมติครม.ให้"เขมร-ยูเนสโก"ทันที
ข่าวแจ้งว่า ในช่วงท้ายของการหารือ นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการ ครม. ได้สรุปมติ ครม.อีกครั้ง โดยนายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกรัฐมนตรี สั่งให้เจ้าหน้าที่พิมพ์มติ ครม. แล้วนำขึ้นฉายบนจอโปรเจ็คเตอร์เพื่อให้ ครม.ได้ตรวจตราทุกถ้อยคำเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ และรัฐมนตรีจะได้สบายใจกันทุกคน
ทั้งนี้ มติ ครม.ดังกล่าวมี 3 ข้อ คือ 1.รับทราบและถือปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครองกลางกรณีมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว 2.มอบหมายให้คณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาข้อกฎหมาย ก่อนเสนอความเห็นและคำแนะนำต่อ ครม. และ 3.ให้กระทรวงการต่างประเทศทำหนังสือแจ้งระงับการใช้บังคับแถลงการณ์ร่วมฯต่อทางการกัมพูชา ยูเนสโก คณะกรรมการมรดกโลก 21 ประเทศ ผู้แทนไทยในคณะกรรมการมรดกโลก เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศแคนาดา และเอกอัครราชทูตไทยประจำสหประชาชาติ ภายในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ทันที หลังปรับแต่ถ้อยคำเรียบร้อย ครม.ทุกคนพอใจ
ด้านคุณพรทิพย์ จาละ เลขาธิการสำนักงานกฤษฎีกา กล่าวว่า กำลังดูว่าจะนำเรื่องที่ ครม.มอบหมายเข้าคณะปกติหรือคณะพิเศษ เพราะ ครม.ไม่ได้บอกว่าจะต้องทำเสร็จภายในเวลาเท่าไหร่ แต่ต้องทำให้เร็วที่สุด ส่วนประเด็นรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 นั้น ครม.ไม่ได้หารือกัน แต่โดยหลักการ คำแถลงการณ์ร่วมไม่ได้เป็นลักษณะหนังสือสัญญาหรือสนธิสัญญา แต่ก็ต้องไปดูในสาระว่าเข้าข่ายหรือไม่
@ "ชท.-พผ."พอใจมติครม.ทำตามศาล
นายสมศักดิ์ ปริศนานันกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรองหัวหน้าพรรคชาติไทย (ชท.) กล่าวภายหลังการประชุม ครม.ว่า ครม.รับทราบและปฏิบัติตามที่ศาลให้ปฏิบัติ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องอุทธรณ์ ส่วนทางกัมพูชายืนยันขอขึ้นทะเบียนเพียงฝ่ายเดียวนั้น มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเงื่อนไขของยูเนสโกระบุว่า ต้องได้รับความยินยอมจากทั้งสองฝ่าย โดยนายนพดลคงต้องนำมติ ครม.ครั้งนี้ไปชี้แจงฝ่ายต่างๆ ด้วยตัวเอง
เมื่อถามว่า นายนพดลพร้อมไปชี้แจงหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า "เมื่อมติ ครม.ออกมาเช่นนี้ นายนพดลก็ต้องไปชี้แจง มันไม่ใช่เรื่องเสียหาย ที่ประชุมไม่มีการทวงถามเรื่องความรับผิดชอบจากนายนพดล เมื่อมติ ครม.ออกมาเช่นนี้ พรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่มีข้อห่วงใยอะไร"
นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) กล่าวภายกลังการประชุมว่า พอใจกับมติ ครม.ที่ออกมา ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าได้ไปประชุมร่วมกับรัฐมนตรีของพรรคชาติไทยที่บ้านพักนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน เพื่อหารือท่าทีร่วมกันในเรื่องเขาพระวิหารใน ครม.นั้น นายสุวิทย์ไม่ปฏิเสธ แต่กล่าวสั้นๆ ว่า "ต้องการดูให้รอบคอบที่สุด เพราะเป็นเรื่องสำคัญ" เมื่อถามว่า เจอกันที่บ้านนายบรรหารใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินหัวเราะก่อนตอบว่า "ก็เจอกันบ่อย ตามร้านอาหารบ้าง ที่อื่นบ้าง"
@ "สมัคร"บอกศาลช่วยให้จบเรื่อง
วันเดียวกัน "สำนักข่าวไทย" รายงานการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า ได้พบปะคนไทยในกรุงปักกิ่ง ที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง และได้ชี้แจงกรณีปราสาทพระวิหารว่าเป็นเรื่องการเมือง มีการนำมาฟาดฟันกันในที่ประชุมสภา เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ เพราะกว่าจะประคับประคองไมตรี 2 ประเทศให้กลับคืนมาได้ แต่เมื่อศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับแถลงการณ์ร่วม รัฐบาลก็ต้องปฏิบัติตาม
"ก็เรียกได้ว่าศาลมาช่วยเพื่อให้จบเรื่องไป เราไม่เคยได้ ไม่เคยเสีย แต่การอภิปรายในสภา มันรุนแรง มันน่ากลัว เหมือนรัฐบาลนี้มันหากิน มันไปสมคบทางโน้น เสียดินแดน ทั้งที่ไม่มีอะไรเลย ข่าวที่บอกว่าจะทำให้ไทยเสียดินแดน ความโชคไม่ดี เรานึกว่าทางกัมพูชาได้ประโยชน์ แต่ทางโน้นเสียประโยชน์เหมือนกัน ประชาชนจะล่อรัฐบาล เป็นทำนองว่าถูกประเทศไทยหลอก ทางไทยบอกว่าถูกเขมรหลอก ตกลงรัฐบาล 2 รัฐบาลซวย" นายสมัครกล่าว
@ ขอ"ฮุนเซน"ดูแลคนไทยในเขมร
"เมื่อครู่เพิ่งโทร.คุยกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา (สมเด็จฮุนเซน) ว่าไม่มีอะไร เมื่อศาลสั่งก็ต้องปฏิบัติตาม เราต้องเคารพศาล เรื่องนี้เป็นเรื่องสดๆ ร้อนๆ ที่ต้องการให้รับทราบกัน" นายสมัครกล่าว
จากนั้นนายสมัครให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่โทรศัพท์คุยกับสมเด็จฮุนเซนว่า ไม่ต้องการให้เกิดความตึงเครียดและได้แจ้งคำสั่งศาลปกครองให้รัฐบาลกัมพูชาทราบว่าเราต้องเคารพศาล และในฐานะหัวหน้ารัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ ก็จะช่วยกันรักษาสถานการณ์ โดยให้รัฐบาลกัมพูชาช่วยดูแลสถานทูตไทยในกัมพูชา และตนจะดูแลสถานทูตกัมพูชาในไทย
"โทรศัพท์คุยกับท่านว่า มีข่าวความตึง เครียด ขอให้ตำรวจกัมพูชาช่วยรักษาคนไทย และสถานทูตไทย ในทางกลับกัน เราจะดูแลสถานทูตและคนเขมรทางนี้ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขาพระวิหาร และที่ให้ช่วยดูแล เพราะเคยเกิดเรื่องกันมาแล้ว" นายสมัครกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลปัญหาความขัดแย้งในระดับประชาชนหรือไม่ นายสมัครกล่าวว่า กังวลใจเหมือนกัน เพราะซวยทั้งคู่ ทางโน้นก็โดนด่า ว่าเสียรู้ประเทศไทย ไทยก็โดนด่าว่าเสียรู้เขมร
@ 5อจ.นิติฯมธ.เห็นแย้งคำสั่งศาล
วันเดียวกัน อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 5 คน ประกอบด้วย นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ นายประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช นายฐาปนันท์ นิพิฏฐกุล นายธีระ สุธีวรางกูร และนายปิยบุตร แสงกนกกุล ออกแถลง การณ์เกี่ยวกับความเห็นต่อคำสั่งศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเกี่ยวกับแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยระบุว่า ในหลักกฎหมาย "การกระทำของรัฐบาล" ไม่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมขององค์กรตุลาการ การเสนอแถลงการณ์ร่วมฯของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศต่อ ครม. การที่ ครม. เห็นชอบในแถลงการณ์ร่วมฯ เป็นการกระทำที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลปกครอง
แถลงการณ์ระบุว่า การที่ศาลปกครองเห็นว่าเป็นการกระทำในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐตาม พ.ร.บ. จึงอยู่ภายใต้เขตอำนาจของศาลปกครอง แต่อำนาจการกระทำของ ครม.และรัฐมนตรีต่างประเทศเกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างประเทศไม่ได้มีที่มาจาก พ.ร.บ. แต่มาจากรัฐธรรมนูญ หากถือตามแนวทางศาลปกครองกลางในคดีนี้ จะมีผลให้ศาลปกครองสามารถเข้าควบคุมตรวจสอบการกระทำของ ครม.และรัฐมนตรีได้ทุกกรณี ทำให้ศาลปกครองโดยองค์คณะ 3 คน กลายเป็นผู้บังคับบัญชา ครม. แม้ในงานนโยบายหรือเรื่องระหว่างประเทศที่ ครม.ต้องรับผิดชอบต่อสภาผู้แทนราษฎร การตีความกฎหมายดังกล่าวข้างต้นย่อมขัดแย้งกับหลักการแบ่งแยกอำนาจตามรัฐธรรมนูญอย่างชัดแจ้ง นอกจากนี้คำสั่งในคดียังขัดแย้งกับแนวทางที่ศาลปกครองสูงสุดที่ 178/2550 (กรณีมติ ครม.ที่เห็นชอบให้นายกฯลงนามในความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น) ที่ได้เคยวางไว้ จึงขอแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งต่อคำสั่งศาลปกครองกลางในคดีนี้
@ "เขมร"ไม่สนคำสั่งศาลปกครองไทย
วันเดียวกัน หนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์ของกัมพูชารายงานว่า รัฐบาลกัมพูชาจะเดินหน้ายื่นปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกต่อไป แม้ว่าศาลปกครองของไทยจะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ที่ ครม.ไทยมีมติสนับสนุนการขอขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกก็ตาม ทั้งนี้ นายไพ สีปาน โฆษกรัฐบาลกัมพูชาระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาภายในของไทย แต่ปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา และรัฐบาลกัมพูชาต้องการให้ปราสาทพระวิหารได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
"ปราสาทพระวิหารเป็นของเรา ดังนั้น เราจึงไม่สนใจต่อคำสั่งของศาลปกครองไทย" นาย สีปานกล่าว พร้อมกับแสดงความผิดหวังต่อบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์ และว่า รัฐบาลกัมพูชาทำงานร่วมกับรัฐบาลไทย ไม่ได้ทำงานร่วมกับฝ่ายค้านของไทย และเมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้ที่อาจเกิดความไม่สงบในกัมพูชาจากจุดยืนของหลายฝ่ายในไทย นายสีปานกล่าวว่า ร้านอาหารไทยยังเต็มไปด้วยชาวกัมพูชา
พนมเปญโพสต์รายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายฮอร์ นัมฮง รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ก็ออกมาแสดงความผิดหวังที่พรรคการเมืองและนักการเมืองไทยหาประโยชน์จากประเด็นปราสาทพระวิหาร และใช้เรื่องนี้เพื่อโค่นล้มรัฐบาล ทั้งที่เรื่องดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างสองประเทศ
@ แนะขอกก.มรดกโลกเลื่อนประชุม
ที่โรงแรมกรุงศรีริเวอร์ จ.พระนครศรีอยุธยา นายปองพล อดิเรกสาร ประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก กล่าวว่า รัฐบาลต้องเร่งทำหนังสือแจ้งไปยังรัฐบาลกัมพูชา และสถานทูต 21 ประเทศที่ร่วมเป็นคณะกรรมการมรดกโลกให้ทราบถึงคำสั่งศาล เพื่อป้องกันไม่ให้กัมพูชานำไปอ้างอิงต่อคณะกรรมการมรดกโลกว่าไทยเห็นชอบ ควรทำก่อนที่ตนจะเดินทางไปประเทศแคนาดาใน 1-2 วันนี้ และเมื่อตนได้พบประธานคณะกรรมการมรดกโลก ก็เน้นย้ำเรื่องนี้ด้วยตนเองอีกครั้ง เพื่อขอให้เลื่อนการพิจารณากรณีปราสาทพระวิหารไปก่อน
วันเดียวกัน คณะกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ร่วมกับ กมธ.การต่างประเทศ จัดสัมมนาหัวข้อ "อธิปไตยและดินแดนปราสาทพระวิหาร...มรดกโลกหรือผลประโยชน์ใคร" โดย ศ.ดร.อดุล วิเชียรเจริญ อดีตคณะกรรมการมรดกโลก กล่าวผ่านเทปสัมภาษณ์ว่า คำสั่งศาลปกครองที่ออกมาคุ้มครองชั่วคราวถือเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่สามารถคุ้มครองการขึ้นมรดกโลกได้ เพราะไม่ได้ยับยั้งไปถึงต่างประเทศ อีกทั้งแถลง การณ์ร่วมนั้นก็ถือว่าสมบูรณ์แล้ว โดยกัมพูชาส่งไปที่เลขานุการมรดกโลกที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสแล้ว
"การประชุมกรรมการมรดกโลกครั้งนี้จะมีการขึ้นทะเบียนมรดกโลกให้กัมพูชาแน่นอน เพราะเขาได้ทำตามเงื่อนไขแล้ว ที่ให้ไทยและกัมพูชาไปตกลงเรื่องแผนการจัดการ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากไทยแล้ว ดังนั้น สิ่งที่ไทยจะต้องทำได้ คือ เสนอเลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ออกไป โดยอ้างว่าขณะนี้ยังไม่เกิดแผนจัดการในไทย" ศ.ดร.อดุลกล่าว
@ อดีตผู้ว่าฯห่วงเขมรรุกแดนไทยต่อ
ขณะที่นายถนอม ส่งเสริม ส.ว.อุบลราชธานี อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า เมื่อเดือนมกราคม 2548 กัมพูชาขอให้ไทยเปิดช่องตาเฒ่า ซึ่งยังไม่มีการปักปันเขตแดน แต่ยังไม่ทันเปิดตามคำสั่งของรัฐบาล นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศขณะนั้นได้โทรศัพท์แจ้งให้ระงับไว้ก่อน ทั้งนี้ บริเวณช่องตาเฒ่าเป็นเส้นทางที่ทำให้กัมพูชาผ่านมายังประสาทพระวิหารได้ง่าย เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลไทยเคยให้งบประมาณ 90 ล้านบาท เพื่อทำเส้นทางจากช่องตาเฒ่าไปยังช่อง ชะงำ จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา โดยเชื่อมไปถึงยัง จ.เสียมเรียบ ประเทศกัมพูชาได้
นายถนอมกล่าวว่า ตนเคยไปกรุงพนมเปญ และเห็นแผนพัฒนาการก่อสร้างเอ็นเตอร์เทน เมนต์คอมเพล็กซ์ในพื้นที่ถัดจากช่องตาเฒ่า อย่างชัดเจน ถ้ากัมพูชาได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกตัวปราสาทพระวิหารแล้ว ต่อไปเขาก็รุกในพื้นที่อื่นๆ ที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดนต่อทันที
@ อดีตทนาย"พระวิหาร"ยันมีข้อสงวน
ศ.สมปอง สุจริตกุล รักษาการคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และหนึ่งในทนายผู้ว่าความในคดีประสาทพระวิหารเมื่อปี 2505 กล่าวว่า ที่ศาลโลกตัดสินว่ากัมพูชามีอำนาจอธิปไตยเหนือตัวปราสาทพระวิหารนั้น มีผู้ พิพากษา 3 คนเห็นแย้ง และไทยได้ตั้งข้อสงวนไว้ จากนั้นหนึ่งปีกระทรวงการต่างประเทศ มอบหมายให้ตนไปชี้แจงที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ซึ่งตนได้นำเอกสาร 40 หน้าไปชี้แจงคัดค้านว่าศาลโลกตัดสินผิดตรงไหน พร้อมยกความเห็นแย้งของผู้พิพากษาทั้ง 3 และยืนยันข้อสงวนของประเทศไทย
"หลังจากศาลโลกตัดสินไปเมื่อปี 2505 แล้ว ไม่ใช่ว่าเราไม่ทำอะไรเลย แต่เราชี้แจงต่อยูเอ็นและเสนอข้อสงวนอำนาจอธิปไตยเหนือปราสาทด้วย ครั้งนั้นก็ไม่มีตัวแทนกัมพูชาร่วมประชุมเลย เรายืนยันว่าพื้นที่ทับซ้อนมีเฉพาะตัวปราสาทเท่านั้น แต่พื้นที่อื่นนั้นได้ยึดเส้นสันปันน้ำที่รู้กันในระดับสากล ศาลไม่ได้ขี้ขาดในเรื่องเขตแดน ปัจจุบันนี้ก็ยังเป็นเขตแดนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง" ศ.สมปองกล่าว
นายกฤต ไกรจิตติ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมายระหว่างประเทศ แถลงชี้แจงกรณีที่หลายฝ่ายะบุว่าไทยยังมีสิทธิเรียกร้องปราสาทพระวิหารคืนว่า เกรงว่าข้อเรียกร้องดังกล่าวจะกระทบกับความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ในวารสารฟอเรน แอฟแฟร์ บูเลตินในปี พ.ศ. 2505 ซึ่งเป็นหนังสือที่กระทรวงการต่างประเทศจัดทำเพื่อเผยแพร่ข้อมูลให้ประชาคมโลกรับทราบระบุชัดเจนว่า ไทยได้ปฏิบัติตามคำตัดสินของศาลโลกและสละอธิปไตยเหนือพื้นที่ซึ่งเป็นที่ตั้งปราสาทพระวิหารตามแผนที่ดังกล่าว เป็นสิ่งยืนยันว่าปราสาทพระวิหารอยู่ภายใต้ดินแดนและอธิปไตยของกัมพูชามาตั้งแต่ พ.ศ.2505
@ ชวนส่งอี-เมลค้านถึงปธ.มรดกโลก
นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท เปิดเผยว่า ชมรมแพทย์ชนบทส่งจดหมายถึงประธานคณะกรรมการมรดกโลก ที่ประเทศแคนาดา และผู้อำนวยการ ยูเนสโก ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อทักท้วงและให้เลื่อนการพิจารณาขึ้นทะเบียนมรดกโลกปราสาทพระวิหารไปก่อน และขอเชิญชวนชาวไทยช่วยกันส่งอี-เมลคัดค้านไปยังประธานคณะกรรมการมรดกโลก อี-เมล Canada2008 @ pc.gc.ca และผู้อำนวยการยูเนสโก อี-เมล F.Bandarin unesco org และ WH.PACT@ unesco.org, wh-info@unesco. org,G.Debonnet@unesco.org
ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ส.ว.สรรหา ในฐานะรองประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ กล่าวว่า ทางยูเนสโกในไทยได้ตอบกลับหนังสือของ ส.ว. ว่ายูเนสโกในไทยไม่มีอำนาจตัดสินใจใดๆ แต่ได้ส่งหนังสือของ ส.ว.ให้คณะกรรมการมรดกโลกที่จะมีการประชุมที่ประเทศแคนาดาแล้ว เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการในการพิจารณาขึ้นทะเบียนเขาพระวิหาร
ด้านนายสมาน สีงาม เลขาธิการทั่วไปขบวนการประชาธิปไตยแห่งชาติ แกนนำเดินธรรมยาตรา ซึ่งปักหลักอยู่บริเวณผามออีแดง ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า กรณีปัญหาปราสาทพระวิหารไม่สามารถแก้ไขได้โดยนักการเมือง จึงประสานงานกับองค์กรภาคประชาชนทั่วประเทศ เพื่อแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการแห่งชาติกอบกู้รักษาอธิปไตยของชาติ
@ "ทูตกษิต"ชี้ขรก.ไปเจรจาลับกับเขมร
นายกษิต ภิรมย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ อดีตเอกอัครราชทูต กล่าวว่า การลงนามแถลงการณ์ร่วมไม่มีความโปร่งใส เชื่อว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่แน่นอน เชื่อว่ามีขบวนการร่วมกับอดีตนายกรัฐมนตรีไทยที่ต้องการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจร่วมกับผู้นำกัมพูชาในเกาะกง และพื้นที่ซับซ้อนที่มีข่าวว่า ปตท.ขอให้นายสมัครทำสัมปทานในพื้นที่ทับซ้อนเขตของกัมพูชา เท่ากับว่าเราสละอธิปไตยเพื่อผลประโยชน์ของบริษัทมหาชนที่มีผู้ถือหุ้นอยู่ในแวดวงทางการเมือง
"นอกเหนือจากคณะที่เป็นทางการที่ไปเจรจาแล้ว ยังมีอีกคณะที่แฝงอยู่ข้างใน โดยข้าราชการคนหนึ่งที่อาจจะไปเป็นทูตที่กัมพูชาในเร็วๆ นี้ ได้เดินทางไปเจรจาทางลับพร้อมกับน้องชายนักการเมืองคนหนึ่งที่ประเทศกัมพูชา ในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน เรื่องนี้เป็นที่ทราบกันในแวดวงข้าราชการ รวมถึงสถานทูตที่พนมเปญก็รู้ว่าใครเป็นใคร" นายกษิตกล่าว
|
รวมข่าวม็อบ 30มิย.51-23มี.ค.52
|