เรื่องสารคดีตามรอยพระพุทธเจ้า
3. เรื่องต่อไป เราคิดว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีของปีพุทธศักราชเก่าและใหม่ เราคิดว่า เป็นสาระที่จะมีแต่เรื่องราวที่สบายใจ เพราะในการมองของหนังสือพิมพ์ดี เห็นสิ่งที่ดี ๆ งาม ๆ น่าชื่นใจ นั่นคือเรื่องราวของพระพุทธศาสนาในอินเดีย จากการปรากฏของสารคดีเรื่องยิ่งใหญ่คือตามรอยพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นผลงานของคนที่เรามีความภูมิใจยกย่องไว้เป็นอย่างสูง 2 คนคือ ชนินทร์ ชมะโชติ ผู้มีประสบการณ์ทำงานสารคดีมาตลอดชีวิต เจ้าของบริษัท พาโนราม่า เวิลไวด์ (Panorama Worldwide) แล้วร่วมกับ ลักษณา จีระจันทร์ บุคคลที่เรามีความภาคภูมิใจยกย่องไว้อย่างสูงเป็นคนที่ 2 พร้อมทีมงานที่มีความสามารถและความศรัทธาอย่างยอดเยี่ยม สร้าง สารคดีตามรอยพระพุทธเจ้าขึ้นมา และปรากฏทางจอแก้วเป็นครั้งแรกที่ อสมท. ช่อง 9 เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2548 ลำดับนั้นก็ได้สร้างความประทับใจอันยิ่งใหญ่แด่ชาวไทยทั่วประเทศ สมควรคำยกย่องว่า สารคดีแห่งศตวรรษ เลยทีเดียว
และเนื้อหาในสารคดีนี้ที่สำคัญก็คือ ได้สร้างความรู้สึกที่ร่วมกันในการตามรอยพระพุทธเจ้า บรมศาสดา ที่เคารพบูชาของพวกเราชาวพุทธ และมีความประทับใจในการนำพาไปพบการกลับฟื้นคืนมาของพระพุทธศาสนาในประเทศอินเดีย โดยเริ่มตั้งแต่การต่อสู้ของ สมาคมมหาโพธิ์ นำโดย อนาคาริกธรรมปาละ จนที่สุดสามารถตกลงกับพวกมหันต์ที่ครอบครองพุทธคยาอยู่ เป็นเหตุให้ชาวพุทธได้มีโอกาสเข้าไปในพุทธคยาที่ทรงตรัสรู้ได้ ได้เห็นการเคลื่อนไหวอันน่าประทับใจ ที่ชาวพุทธเริ่มกลับคืนมาสู่อินเดีย อย่างเปิดเผยเป็นรูปธรรม โดยการนำของ ดร.อัมเบกก้า ที่ปลดปล่อยประชาชนผู้ต่ำต้อยด้วยระบบชั้นวรรณ ที่ลัทธิฮินดูกำหนด สร้างพันธกรณีให้คนไม่เสมอกันในความเป็นมนุษย์ เหยียดหยามคนส่วนหนึ่งลงไปเป็นชนชั้นผู้เป็นทาส มหาศาล โดยแอบอ้างอำนาจของพระเจ้าที่ไม่มีตัวตน จนคนอย่าง ดร.อัมเบกก้า มองว่า เป็นแนวคิดป่าเถื่อนอนารยธรรมอย่างยิ่งของโลก และได้เห็นแนวทางออกของชีวิตของชนชั้น สว่างไสวด้วยหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ได้ก่อเกิดเมล็ดพืชแห่งพุทธธรรมผุดขึ้นบนแผ่นดินแห่งอินเดียจำนวนมหาศาลแล้ว สารคดีเปิดเผยว่ามีจำนวนชาวพุทธในอินเดียถึง 50 ล้านคนแล้ว และพวกเขาเหล่านั้นเข้าใจศาสนาพุทธและมีความศรัทธาอย่างแท้จริง และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับ ซึ่งจำนวนนี้ก็พอ ๆ กับประชาชนนชาวไทยในประเทศไทยที่นับถือพระพุทธศาสนาร่วม 60 ล้านคนแล้ว และเราได้เห็นแนวโน้มที่การพระพุทธศาสนากำลังเจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างรวดเร็วโดยชอบธรรมแล้ว ซึ่งหมายถึงการกลับมาสู่ชมพูทวีปอีกครั้งหนึ่งของศาสนาพุทธ
และน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่อินเดียจักได้รำลึกถึงความเป็นชาติมหาอำนาจของอินเดียในยุค อโศกมหาราช เพราะในยุคนั้นอินเดียเป็นเจ้าโลก และเป็นครั้งหนึ่งครั้งเดียวที่อินเดียเป็นปึกแผ่นแน่นหนามั่นคง เป็นแผ่นดินที่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มี unity และยุคอโศกมหาราชก็กำลังจะกลับมา สร้างความรุ่งเรืองแก่อินเดียอันกว้างใหญ่ เพื่อความเป็นมหาอำนาจอินเดีย แต่จำเป็นที่อินเดียจะต้องทบทวนเรื่องราวของลัทธิ ความเชื่อต่าง ๆ ที่มีอยู่หลายหลากในอินเดียและล้วนเป็นความเชื่อที่ขัดต่อการสร้างชาติไปสู่ความเป็นมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ เพราะอินเดียยังคงมีระบบวัฒนธรรมการปกครองที่ล้าหลัง อย่างที่ไม่น่าเชื่อว่ายังมีอยู่ในโลกยุคใหม่ นั่นคือระบบชั้นวรรณะ ที่มีพฤติกรรมอยู่จริง ที่สังคมกำหนดให้มีชนชั้น จำนวนมหึมา มีหน้าที่เป็นประดุจทาสรับใช้ของอีกชนชั้นหนึ่ง คือวรรณทั้ง 4 ยังมีอยู่และกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์ในดินแดนอินเดีย ภายหลังการกลับคืนมาของความเชื่อที่เหลวไหล ตามลัทธิ พราห์มณ์-ฮินดูเดิมยุคก่อนสมัยราชวงศ์เมารยะแห่งอโศกมหาราช ซึ่งเป็นชาวพุทธและสร้างอินเดียทั้งประเทศเป็นดินแดนพุทธ ที่มีความเชื่ออย่างพุทธ คือ เชื่อกรรม เป็นพราหมณ์ได้มิใช่เพราะชาติกำเนิด แต่เป็นเพราะกรรมต่างหาก ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เสมอไปในหมู่มนุษย์ แม้ขณะปัจจุบัน อินเดียก็มีความเชื่อที่เหลวไหลอย่างยิ่ง ที่ไม่น่าที่คนอินเดียจะให้ความนับถือ เช่น กรณีมีผู้ประกาศตนเป็นพระนารายณ์อวตาร ซึ่งเป็นพระเจ้าสูงสุดของชาวอินเดียองค์หนึ่ง ซึ่งโดยสามัญสำนึกก็เห็นอยู่แล้วว่าเป็นการหลอกลวง และดูหมิ่นพระเจ้า แต่มวลชนที่มีพื้นฐานความเชื่องมงายอยู่กลับเชื่อถือสักการะว่าเขาเป็นเทพเจ้าจริง ๆ และสนับสนุนจนปุถุชนคนธรรมดา ๆ คนนั้น กลายเป็นราชาผู้มั่งคั่ง นั่นคือ กรณี ศรีสัตยา ไสบาบา นักเล่นกลชาวอินเดีย ที่มีชื่อเสียงมาเมื่อประมาณ 20-30 ปีที่ผ่านมาตราบบัดนี้ค่อยซาไป นักเล่นกลผู้นี้เล่นกลต่าง ๆ หลอกลวงประชาชนชาวอินเดียมาจนถึงทุกวันนี้ แม้กระทั่งคนไทยเราก็ได้ไปรู้เห็น มีการปั้นแต่งหลักฐานเรื่องราวขึ้นมายืนยันอวดอ้างว่า ตนเป็นพระนารายณ์อวตารจริง ๆ เพราะได้ครอบครองแหวนวงเดียวกับที่พระนารายณ์เคยสวมใส่เมื่อ 5000 ปีมาแล้ว ในยุคของพระองค์ แล้วแสดงฤทธิ์ทำท่าว่าสามารถเรียกเอาแหวนวงนี้มาจากอากาศ เอามาอวดคนทั้งหลายให้เห็นจริง ๆ ได้ ซึ่งเป็นการโกหกหลอกลวงมหาประชาชนทั้งหลาย อย่างไม่มีความชอบธรรมใดใดเลย ไม่ว่าโดยกฎหมายหรือจริยธรรมแห่งศาสนาสากล และแม้รัฐบาลอินเดียก็มิได้เห็นว่าเป็นการหลอกลวงประชาชนแต่อย่างใด โดยแท้จริงเป็นวิชามายากล นั่นเอง แต่ในขณะนั้นวิชามายากลหรือเล่นกลนี้ยังไม่แพร่หลายคนจึงเห็นการแสดงของศรีสัตยาไสยบาบาว่าเป็นฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของพระเจ้าอยู่
ตราบกระทั่งวิชาการเล่นกลถูกเปิดเผยและมีการศึกษาเล่าเรียนกันอย่างกว้างขวางขึ้น ความจริงเกี่ยวกับการหลอกลวงโลกโดยมายากลของ ศรีสัตยา ไสบาบา จึงค่อยเปิดเผยออกมา ลักษณะความเชื่อเหลวไหลเช่นนี้มีมากในยุคก่อนศาสนาพุทธในอินเดีย เมื่อมีศาสนาพุทธ ๆ จึงขัดกับผลประโยชน์ทางความเชื่อเรื่องวรรณะ เพราะแท้จริงศาสนาพุทธก็คือ การปลดปล่อยทาสให้แก่ประชามหาชนอินเดียมหาศาล นั่นเอง ให้ทุกคนมีอิสรเสรีภาพ และมีความเสมอภาค และภราดรภาพเกิดขึ้นในประเทศอินเดีย และนโยบายนี้ ได้ถูกรับนำมาดำเนินการอย่างแข็งขันโดย อโศกมหาราช ยุคอโศกมหาราช จึงเป็นยุคที่อินเดียมีความเจริญและความเสมอภาคเป็นยุคที่ได้รับการยอมรับอย่างแท้จริงว่าอินเดียมีความเจริญเป็นมหาอำนาจของโลก และเป็นยุคที่คนอินเดียภาคภูมิใจ แต่สมัยนั้นอินเดียทั้งหมดเป็นดินแดนพระพุทธศาสนาที่เจริญรุ่งเรืองมาก และพระพุทธศาสนาเป็นเหตุแห่งความเจริญรุ่งเรืองของอินเดีย ทำให้ มีเกียรติยศลือไปไกลถึงประเทศจีน และมองโกเลีย จนเกิดประวัติการอันยิ่งใหญ่ คือตำนานไซอิ๋ว หรือพระถังซำจั๋งขึ้นมาอาราธนาพระไตรปิฏกไปสู่ประเทศจีน สถาปนาศาสนาพุทธขึ้นในจีนจนเป็นแดนพระพุทธศาสนาที่มั่นคงสืบมาตราบปัจจุบันนี้ แต่ในอินเดียเองนั้น ภายหลังราชวงศ์อโศก คือ เมารยะแห่งมคธ ลัทธิชั้นวรรณะ คือระบบเจ้ากับทาส ก็กลับมาครองแผ่นดินอินเดียอีกครั้งหนึ่ง ตราบมาเนิ่นนาน เท่าทุกวันนี้ เราจึงได้เริ่มเห็นการเคลื่อนไหว เพื่อปลดปล่อยระบบทาสกันอีกครั้งหนึ่งในประเทศอินเดีย ตามที่เห็นในเรื่องราวการต่อสู้ของ ดร.อัมเบกก้า นั่นเอง อันปรากฏอยู่ในสารคดี ตามรอยพระพุทธเจ้า และอินเดียย่อมจะเจริญก้าวหน้าไปสู่ความยิ่งใหญ่เป็นมหาอำนาจอีกครั้งหนึ่งก็ด้วยประการแรก มีการปลดปล่อยระบบทาส คือชั้นวรรณะในอินเดียเสียก่อน และประการที่ 2 นำประชาธิปไตยและวิทยาศาสตร์เข้ามาสู่ประชาชนอินเดีย นั่นหมายถึงความเชื่ออย่างวิทยาศาสตร์ และศาสนาพุทธกลับคืนมาสู่พุทธภูมิ เช่นเดียวกับยุคอโศกมหาราช อินเดียจึงจะเจริญไปในโลกยุคใหม่ได้อย่างสง่างามต่อไป การที่รัฐบาลอินเดียปัจจุบัน ยึดเอาตราสิงห์สัญญลักษณ์แห่งอโศกมหาราชเป็นตราแผ่นดินแห่งชาติอินเดีย นั้นหมายถึงความพยายาม อย่างที่กล่าวมานี้อยู่แล้ว
การที่สารคดี ตามรอยพระพุทธเจ้า มีขึ้นมาบัดนี้ ได้สร้างความหวังอันยิ่งใหญ่ให้เกิดขึ้นแด่ชาวพุทธทั่วโลก ถึงการกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่งของพระพุทธศาสนา และเป็นการเหมาะแก่กาลเวลา ที่ประชาชาติ ทั่วโลก กำลังประสบปัญหาความขัดแย้งอย่างรุนแรงทางความคิดวัตถุนิยม กับความคิดแนวศาสนาที่ล้าหลัง จึงเป็นโอกาสอันดีที่โลกจะได้ศึกษาแนวคิดและสัจธรรมแห่งพระพุทธเจ้า และพิศูจน์คำสอนของพระองค์ว่า ทันกาลสมัย และเป็นศาสนาแห่งวิทยาศาสตร์ ในอีกด้านหนึ่งคือ จิตวิญญาณ ที่จักสร้างความสมบูรณ์ให้แก่โลกวิทยาศาสตร์ และเป็นประโยชน์แก่มนุษย์ยุคใหม่โดยแท้จริง