คนอเมริกันไม่น้อยคิดว่าตนเป็นชาวพุทธที่ดีกว่า
2.3 พุทธสาสนา ปีที่ 66 เล่ม 1 กุมภาพันธ์ 2541 อันเป็นเล่มล่าสุดจากคณะธรรมทาน บรรณาธิการปรารภเรื่อง หนังสือพิมพ์พระพุทธสาสนา จะต้องเป็นเวที เป็นสนามทางปัญญา ที่ สหายธรรม ทั้งปวงสามารถใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างสูงสุดตามศักยภาพที่หนังสือพิมพ์ฉบับนี้มีอยู่ ในเล่มมี เรื่องที่น่าสนใจเอามาก ๆ คือพุทธศาสนาในอเมริกา ตามทัศนะของสันติกโรภิกขุ ว่าดังนี้ คนเอเซียเหล่านั้นอาจจะนึกไม่ถึงว่า ชาวอเมริกันจำนวนไม่น้อยคิดว่าตนเองเป็นชาวพุทธที่ดีกว่า จริงใจกว่า รู้เรื่องมากกว่าชาวเอเซียด้วยซ้ำ ซึ่งจะสังเกตได้ชัดเจนจากจอโทรทัศน์ มวยไทย กว่าจะต่อยกันได้ มีเสกคาถาอาคมต่าง ๆ มีมงคลกว่าจะถอดได้ต้องให้ครูอาคมถอด ตัวเองถอดไม่ได้ แถมมีน้ำมนต์ มีเสกธนูมือ เปรียบเทียบกับ มวยปล้ำอเมริกัน เตรียมมาดี มาถึงขึ้นเวทีต่อยกันเลย แทบไม่มีพิธีรีตรองอันใดเลย ใช้ฝีมือล้วน ๆ เขาไม่ได้บอกใครว่าเขาถือหลักกรรม หลักการพึ่งตนเองและเห็นอริยสัจจริงตามนั้นจนไม่ต้องอาศัยหลักการอย่างอื่น ไม่ต้องพรมน้ำมนต์ ไม่ต้องมัวเสกคาถาถอดมงคลหรือกระทืบเท้าตัดไม้ข่มนามอยู่ ต่อยกันด้วยฝีมือล้วน ๆ ซึ่งการจะชนะหรือแพ้กันจริง ๆในเชิงกีฬายุคนี้ ก็ต้องอาศัยหลักพระพุทธศาสนาที่แท้คือฝึกตน ฝึกฝีมือ หาความชำนาญที่ตัวเราเองต้องผึกซ้อม นี่เอง ฝึกช้อมมาดีก็ชนะ เท่านี้เอง (อย่างนี้จะไม่เห็นหรือว่าเขาเป็นชาวพุทธที่แท้จริง แล้วเราเอาอย่างที่เราคิดนี้ไปสอนเขา ๆ จะไม่หัวเราะเยาะเอาหรือ?) ในเอเซียด้วยกัน พุทธไทยก็ยังไม่เข้าใจหลักพุทธรอบด้านเท่าพุทธประเทศอื่นเขา แต่เราก็คิดว่าเราเป็นพุทธแท้ แต่พุทธญี่ปุ่น เราไม่เข้าใจว่าเขาเป็นพุทธที่ทันสมัยมาก ๆอย่างไร ใช้หลักพระพุทธศาสนาอย่างไรญี่ปุ่นจึงร่ำรวยได้ขนาดเป็นเจ้าหนี้ประเทศต่าง ๆ ได้ทั่วโลก หลักการพระพุทธศาสนามี 2 หลักการ คือหลัก + และ - พุทธญี่ปุ่นรู้ทั้ง 2 หลักการ และเลือกใช้หลักการที่เหมาะสมได้ตามหลักสัปปุริสธรรม 7 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาใช้หลักพุทธได้ถูกหลักเศรษฐศาสตร์ซึ่งต้องอาศัยหลักคำสอนว่าด้วย กิเลส (อันเป็นหลักการเชิง - ของพระพุทธศาสนา) มาประยุกต์จึงจะทำมาค้าขายร่ำรวยได้ ญี่ปุ่นเป็นชาวพุทธที่รอบรู้เรื่องกิเลสของคน ญี่ปุ่นพุทธรู้เรื่องนี้(กิเลส ตัณหา อุปาทาน)ดีมาก เพราะไม่มีศาสนาใดสอนเรื่องนี้ละเอียดลึกซึ้งยิ่งไปกว่าศาสนาพุทธ สามารถวิเคราะห์ออกมาได้อย่างละเอียดว่าคนมีกิเลสอะไรอย่างไรบ้าง แล้วก็ผลิตสินค้าให้ตรงกับกิเลสของคนตั้งแต่หัวจดเท้า เขาใช้หลักการนี้วิเคราะห์คนทั้งโลก เขาก็ขายสินค้าได้มากมาย เขารู้ความเป็นธรรมดาว่า คนมีกิเลสเป็นธรรมดา คนจับจ่ายซื้อขายก็เพื่อสนองกิเลส ดูกรณีสินค้ารถยนต์เป็นตัวอย่าง เริ่มแต่วิเคราะห์พบว่าคนต้องการอวดใหญ่อวดโต ต้องการโก้หรู ต้องการเด่นและดัง แต่รถอเมริกันราคาแพง ญี่ปุ่นก็หาวิธีผลิตรถราคาถูก ๆออกมา(ใช้วัสดุถูก ๆ พอใช้ได้ปีสองปีทิ้งเขาก็ยังทำออกมาขายได้เงินมากมาย) ก็สามารถสนองกิเลสคนได้ทั่วถึง ก็ขายรถได้มาก ก็รวย นี่เป็นตัวอย่าง ขณะนี้ไทยกำลังลำบาก จะคิดผลิตขายสินค้า ต้องนำหลักการพระพุทธศาสนาเชิงลบ มาใช้ หัดวิเคราะห์ตลาดด้วยการวิเคราะห์กิเลสคน กิเลสสังคม วิเคราะะห์คนจีนแผ่นดินใหญ่ วิเคราะห์อินเดีย วิเคราะห์อเมริกา ว่าเขามิเลสชนิดใด อย่างอเมริกันมีกามมาก เราก็พยายามสร้างกามเอาไปขาย (คือให้ถูกอนามัย สวย เป็นมาตรฐาน) ก็จะรวย จะเห็นว่าเรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องโลก ๆ ไม่ใช่โลกุตตระธรรม เป็นเรื่องทรัพย์ภายนอก ไม่ใช่อริยทรัพย์ ฉะนั้นต้องนำธรรมะที่เป็นโลก ๆ มาใช้กับเรื่องเศรษฐกิจ เราอยากได้ทรัพย์ภายนอกคือเงินเราก็ใช้หลักศาสนาที่จะให้ผลตรงต่อเรื่องภายนอก ถ้าใช้หลักไม่เป็นเหตุเป็นผลแก่กัน ก็รวยไม่ได้ (อย่าเอาหลักโลกุตตระมาใช้แสวงหาทรัพย์ภายนอก เช่นเอาอาหารเจไปขายให้อเมริกันที่กินเนื้อก็ขายไม่ได้ แม้ว่าจะเป็นอาหารโลกุตตระ เพราะไม่ถูกฝาถูกตัวกัน: ไม่เป็นเหตุและผลกัน) วิกฤตเศรษฐกิจไทยจึงแก้ได้ด้วยการวิเคราะห์กิเลสและผลิตสินค้าออกมาให้ถูกตรงกับกิเลสของคนในโลกนี้ ก็จะได้เงินมาก ก็รวย(แต่ระวังอย่าให้เกิดโทษต่อตัวเราเอง คุณและโทษอยู่ด้วยกันเสมอ ท่านจึงไม่ให้ประมาท) ในพุทธสาสนาฉบับนี้ยังมีเรื่องราวพุทธในต่างประเทศอีกหลายเรื่อง มีเรื่องพระและครูละเมิดสิทธิทางเพศเด็ก มองธรรมชาติอย่างพุทธ ของพระไพศาล วิสาโล อริยสัจสี่แห่งธัมมิกสังคมนิยม ของสันติกโรภิกขุต่อ วัดยุคไอเอ็มเอฟ น่าคิด และบทความ-บันทึกของท่านพุทธทาสภิกขุ อันเป็นเรื่องหลักในเล่ม |