การพัฒนาประชาธิปไตย
โดย พระเทพวรมุนี
ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (มร.)
เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ
ข้อความเบื้องต้น
ประเทศไทยได้เปลี่ยนการปกครองมาใช้ระบอบประชาธิปไตยตั้งแต่ปี พ.ศ.2475 นับถึงปัจจุบัน พ.ศ.2548 ก็เป็นเวลานานถึง 73 ปีแล้ว ถ้าจะเทียบกับวัยอายุของคนเรา ถือว่าเป็นผู้ใหญ่เต็มที่หรืออยู่ในปูนแก่ชราแล้ว แต่ประชาธิปไตยของไทยไม่ได้เจริญก้าวหน้าเท่าที่ควร หรือยังไปไม่ถึงไหน ดังที่เห็น ๆ กันอยู่ มีการตรากฎหมายสูงสุดคือกฎหมายรัฐธรรมนูญออกมาบังคับใช้หลายสิบฉบับจนมีการกล่าวกันมาว่า ประเทศไทยเราใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญเปลืองที่สุด มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภานับครั้งไม่ถ้วน มีการจัดตั้งรัฐบาลจนจำไม่ได้ว่ากี่ชุด แต่เพียงได้รูปแบบประชาธิปไตยเท่านั้น ส่วนอุดมการณ์ของประชาธิปไตยเกือบเรียกว่าไม่ได้อะไรเลย มีการกล่าวกันว่า ที่ประชาธิปไตยของไทยไม่ก้าวหน้าและล้มลุกคลุกคลานมาโดยตลอดเพราะมีการปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองบ่อยๆร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใช้แล้ว อีกไม่กี่ปีก็ฉีกทิ้งเสีย เป็นอยู่ซ้ำ ๆ ซาก ๆ ประชาธิปไตยไทยจึงไม่มีความต่อเนื่อง
ความหมายของประชาธิปไตย
คำว่า อธิปไตย แปลว่า อำนาจหรือความเป็นใหญ่ เมื่อพูดถึงประโยคคำพูดที่ว่า ประชาธิปไตยจึงหมายถึงอำนาจความเป็นใหญ่ของประชาชน ประเทศทั่วโลกที่ใช้การปกครองระบอบประชาธิปไตยส่วนมากหรือเกือบทั้งหมด ถือตามหลักปรัชญาของท่านประธานาธิบดีท่านหนึ่งแห่งสหรัฐอเมริกา ชื่อ อับราฮัมห์ ลินคอล ที่กล่าวไว้ว่า ประชาธิปไตยคือ
- โดยประชาชน ( BY PEOPLE )
- ของประชาชน ( OF PEOPLE )
- เพื่อประชาชน ( FOR PEOPLE )
จากที่กล่าวนี้ หมายความว่าอำนาจในการบริหารหรือการปกครองประเทศชาติ ไปจากประชาชนประชาชนมีสิทธิ์มีเสียงและมีส่วนร่วม โดยวิธีการเลือกตัวแทนเข้าไปทำหน้าที่ จึงมีระบบในการเลือกตั้งผู้ราษฎรขึ้น และมีพรรคการเมืองเกิดขึ้น ผู้ที่มีความคิดเห็นหรือแนวนโยบายในทางเดียวกันก็เข้าไปสังกัดอยู่ในพรรคการเมืองเดียวกันจึงมีคำกล่าวว่า พรรคเลือกคน ประชาชนเลือกพรรค พรรคใดได้คะแนนเสียงมากก็จัดตั้งรัฐบาลขึ้นพรรคที่ได้คะแนนเสียงน้อยก็เป็นฝ่ายค้าน
ในการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ไม่มีการจำกัดพรรคการเมืองว่าจะต้องมีกี่พรรค แต่ประเทศที่เจริญแล้วจะมีพรรคการเมืองไม่มาก อาจจะเพียง 2 3 พรรคเท่านั้น แต่ในประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลายจะมีพรรคการเมืองมาก อย่างในประเทศไทยเรา มีการจัดตั้งพรรคการเมืองมากจนจำชื่อไม่ได้ บางพรรคตั้งอยู่ได้นานจนถือว่าเป็นสถาบันทางกรเมือง บางพรรคตั้งมาแบบเฉพาะกิจและหลายพรรคถูกยุบเลิกไปแล้วก็มี ต่อไปใครจะรวมตัวกันจัดตั้งพรรคอีกก็ได้
อุดมการณ์ประชาธิปไตย
การปกครองระบอบประชาธิปไตย คือกระบวนการกระจายอำนาจและแบ่งผลประโยชน์ให้แก่ประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน ให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานเสมอภาคกัน ให้ประชาชนมีส่วนร่วมและรับรู้ในการบริหารด้านต่างๆ พัฒนาสร้างความอยู่ดีกินดีให้แก่ประชาชนทั่วถึงกัน ประชาชนได้รับการประกันอย่างดีจากรัฐทั้งในชีวิตและทรัพย์สิน
ที่ประเทศไทยก็ดี หรือ ประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลายก็ดี นำระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยมาใช้ แล้วไม่พัฒนาก้าวหน้าไปถึงไหนนั้น เพราะนำมาใช้แต่เพียงรูปแบบดังกล่าวมาแล้วข้างต้นเท่านั้นแต่ไม่ได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามอุดมการณ์ของประชาธิปไตยดังที่เราจะเห็นได้ว่า อำนาจและผลประโยชน์ตกอยู่ในมือของคนเพียงกลุ่มน้อยกลุ่มเดียว แต่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่ได้รับการเหลียวแล ขาดการศึกษา ขาดการสาธารณูปโภค และสาธารณูปการทุกอย่าง จึงมีการยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงรัฐบาลกันอยู่บ่อยๆ ดังที่ปรากฏเป็นข่าวในประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลาย
การพัฒนาประชาธิปไตย
ดังที่กล่าวมาแล้วว่า ประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย 73 ปีแล้ว แต่เราไม่มีการพัฒนาประชาธิปไตยอย่างจริงจังเลย เวลาอยู่ปกติธรรมดา เกือบไม่มีการพูดถึงประชาธิปไตยเลยเวลาจะมีการเลือกตั้งจึงมีการมาปลุกเร้ากันครั้งหนึ่ง ประชาชนทั่วไปหรือส่วนมากไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ประชาธิปไตยแท้จริงคืออะไร ทางราชการให้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งก็ไปกับเขาอย่างนั้น คนอื่นเขาชักชวนให้เลือกคนนั้นคนนี้ ก็เลือกไปตามเขา และส่วนมากเลือกเพราะได้รับอามิสสินจ้างรางวัล จึงมีคำพูดตลอดมาว่า การซื้อขายสิทธิ์ขายเสียง หรือเงินไม่มากไม่ได้เป็น มีมาในการเลือกตั้งทุกยุคทุกสมัย
การพัฒนาระบอบประชาธิปไตย สามารถที่จะทำได้อย่างแน่นอน (ถ้าคิดจะทำ) ดังที่จะนำมาเสนอแนะ ดังต่อไปนี้
(๑) ให้ผู้เชี่ยวชาญหรือนักวิชาการด้านการเมือง ซึ่งทราบหรือศึกษาเรื่องการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นอย่างดี เขียนหนังสือหรือตำราเรียน ว่าด้วยเรื่องประชาธิปไตย จัดพิมพ์เป็นรูปเล่มหนังสือสามารถจะซื้อหามาอ่านได้ไม่ยาก หรือ ให้มีจำหน่ายแพร่หลายทั่ว
(๒) จัดให้มีการเรียนการสอนเรื่องประชาธิปไตย ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาไปจนถึงชั้นอุดมศึกษาโดยจัดพิมพ์หนังสือหลักสูตรหรือตำราให้เหมาะแก่ชั้นนั้นๆ คือให้เป็นหลักสูตรแบบต่อเนื่องสูงขึ้นไปตามลำดับ
(๓) โรงเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ต้องจัดกิจกรรมเกี่ยวกับเรื่องการปกครองระบอบประชาธิปไตยสัปดาห์ละ ๑ ครั้ง และต้องทำตลอดปีการศึกษา ไม่ใช่จะมีการเลือกตั้งทีหนึ่ง ก็เกณฑ์เด็กนักเรียนถือป้ายเดินขบวนเชิญชวนให้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งดังที่ทำๆกันอยู่
(๔) รัฐบาลต้องใช้เครื่องมือ คือ สื่อสารมวลชนของรัฐ เช่น สถานีวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งมีอยู่มากมาย ทำการเผยแพร่ระบอบประชาธิปไตยทุกวัน โดยเชิญท่านผู้รู้วิชาการด้านนี้ เช่น สถานีวิทยุโทรทัศน์ซึ่งมีอยู่มากมาย ทำการเผยแพร่ระบอบประชาธิปไตยทุกวัน โดยเชิญท่านผู้รู้วิชาการด้านนี้ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันพูดหรือบรรยายและต้องทำอย่างต่อเนื่องตลอดปี
(๕) ให้มีการรณรงค์ว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตย เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของคนทุกคน มันเกี่ยวกับอำนาจสิทธิและหน้าที่ของพลเมืองมีผลกระทบต่อสังคมทุกระดับ จึงไม่ควรถือว่าธุระไม่ใช่หรือวางเลย
(๖) ที่มีคำสั่งห้ามพระภิกษุสงฆ์เกี่ยวกับการเมืองนั้น เอาละ...ถือว่าเป็นการถูกต้อง แต่มองในอีกทัศนะหนึ่งน่าจะไม่เป็นผลดีเท่าไร เพราะประชาชนชาวบ้านนอกบ้านนา เขาแยกหรือมองไม่ออกจริงๆว่าจะเลือกใครดี ผู้สมัครลงรับเลือกตั้งใครดีหรือไม่ดี ชาวบ้านเขาไม่รู้จริงๆส่วนมากจะเลือกตามคำชักชวนของหัวคะแนนไปอย่างนั้น หลายคนต้องไปถามพระสงฆ์ที่วัด แต่พระสงฆ์ถูกห้ามเสียแล้วก็เลยพูดอะไรไม่ได้
ตามความคิดเห็นของผู้เขียน พระสงฆ์เกี่ยวข้องหรือเล่นการเมืองไม่ได้แน่ๆแต่พระสงฆ์สามารถทำการเมืองได้ คือ แนะนำประชาชนให้เลือกคนดีมีศีลธรรม มีความเสียสละ มีความซื่อสัตย์สุจริต และอบรมสั่งสอนนักการเมืองให้เป็นคนดี มันไม่น่าเสียหายตรงไหน
ความเป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์
นักวิชาการทั้งหลายกล่าวว่า การปกครองในระบอบประชาธิปไตย มันเหมาะหรือใช้ได้ผลดีในประเทศที่ประชาชนพลเมืองได้รับการศึกษาสูงอย่างทั่วถึงเท่านั้น การศึกษาของชนในชาติจึงต้องได้รับการพัฒนาอย่างทุ่มเทและจริงจัง และมีนักวิชาการด้านการปกครองระบอบประชาธิปไตยกล่าวว่า ถ้าจะให้ประเทศไทยมีประชาธิปไตยสมบูรณ์ต้อง
๑. ประชาชนชาวไทยสำเร็จการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา ๙๐ %
๒. ประชาชนชาวไทยสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษา ๗๐ %
๓. ประชาชนชาวไทยสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ๖๐ %
๔. ประชาชนชาวไทยสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท ๔๐ %
๕. ประชาชนชาวไทยสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก ๒๐ %
ถ้าประชาชนชาวไทยยังมีการศึกษาต่ำหรือไม่สำเร็จการศึกษาตามเปอร์เซ็นดังกล่าว ก็อย่าหวังเลยว่าไทยจะมีประชาธิปไตยสมบูรณ์ ฯ