ReadyPlanet.com
dot
dot dot
bulletBUDDHISM TO THE NEW WORLD ERA
bullet1 Thai-ไทย
bullet2.English-อังกฤษ
bullet3.China-จีน
bullet4.Hindi-อินเดีย
bullet5.Russia-รัสเซีย
bullet6.Arab-อาหรับ
bullet7.Indonesia-อินโดนีเซีย
bullet8.Japan-ญี่ปุ่น
bullet9.Italy-อิตาลี
bullet10.France-ฝรั่งเศส
bullet11.Germany-เยอรมัน
bullet12.Africa-อาฟริกา
bullet13.Azerbaijan-อาเซอร์ไบจัน
bullet14.Bosnian-บอสเนีย
bullet15.Cambodia-เขมร
bullet16.Finland-ฟินแลนด์
bullet17.Greek-กรีก
bullet18.Hebrew-ฮีบรู
bullet19.Hungary-ฮังการี
bullet20.Iceland-ไอซ์แลนด์
bullet21.Ireland-ไอร์แลนด์
bullet22.Java-ชวา
bullet23.Korea-เกาหลี
bullet24.Latin-ละติน
bullet25.Loa-ลาว
bullet26.Finland-ฟินแลนด์
bullet27.Malaysia-มาเลย์
bullet28.Mongolia-มองโกเลีย
bullet29.Nepal-เนปาล
bullet30.Norway-นอรเวย์
bullet31.persian-เปอร์เซีย
bullet32.โปแลนด์-Poland
bullet33.Portugal- โปตุเกตุ
bullet34.Romania-โรมาเนีย
bullet35.Serbian-เซอร์เบีย
bullet36.Spain-สเปน
bullet37.Srilanga-สิงหล,ศรีลังกา
bullet38.Sweden-สวีเดน
bullet39.Tamil-ทมิฬ
bullet40.Turkey-ตุรกี
bullet41.Ukrain-ยูเครน
bullet42.Uzbekistan-อุสเบกิสถาน
bullet43.Vietnam-เวียดนาม
bullet44.Mynma-พม่า
bullet45.Galicia กาลิเซียน
bullet46.Kazakh คาซัค
bullet47.Kurdish เคิร์ด
bullet48. Croatian โครเอเซีย
bullet49.Czech เช็ก
bullet50.Samoa ซามัว
bullet51.Nederlands ดัตช์
bullet52 Turkmen เติร์กเมน
bullet53.PunJabi ปัญจาบ
bullet54.Hmong ม้ง
bullet55.Macedonian มาซิโดเนีย
bullet56.Malagasy มาลากาซี
bullet57.Latvian ลัตเวีย
bullet58.Lithuanian ลิทัวเนีย
bullet59.Wales เวลล์
bullet60.Sloveniana สโลวัค
bullet61.Sindhi สินธี
bullet62.Estonia เอสโทเนีย
bullet63. Hawaiian ฮาวาย
bullet64.Philippines ฟิลิปปินส์
bullet65.Gongni-กงกนี
bullet66.Guarani-กวารานี
bullet67.Kanada-กันนาดา
bullet68.Gaelic Scots-เกลิกสกอต
bullet69.Crio-คริโอ
bullet70.Corsica-คอร์สิกา
bullet71.คาตาลัน
bullet72.Kinya Rwanda-คินยารวันดา
bullet73.Kirkish-คีร์กิช
bullet74.Gujarat-คุชราด
bullet75.Quesua-เคซัว
bullet76.Kurdish Kurmansi)-เคิร์ด(กุรมันซี)
bullet77.Kosa-โคซา
bullet78.Georgia-จอร์เจีย
bullet79.Chinese(Simplified)-จีน(ตัวย่อ)
bullet80.Chicheva-ชิเชวา
bullet81.Sona-โซนา
bullet82.Tsonga-ซองกา
bullet83.Cebuano-ซีบัวโน
bullet84.Shunda-ชุนดา
bullet85.Zulu-ซูลู
bullet86.Sesotho-เซโซโท
bullet87.NorthernSaizotho-ไซโซโทเหนือ
bullet88.Somali-โซมาลี
bullet89.History-ประวัติศาสตร์
bullet90.Divehi-ดิเวฮิ
bullet91.Denmark-เดนมาร์ก
bullet92.Dogry-โดกรี
bullet93.Telugu-เตลูกู
bullet94.bis-ทวิ
bullet95.Tajik-ทาจิก
bullet96.Tatar-ทาทาร์
bullet97.Tigrinya-ทีกรินยา
bullet98.Check-เชค
bullet99.Mambara-มัมบารา
bullet100.Bulgaria-บัลแกเรีย
bullet101.Basque-บาสก์
bullet102.Bengal-เบงกอล
bullet103.Belarus-เบลารุส
bullet104.Pashto-พาชตู
bullet105.Fritian-ฟริเชียน
bullet106.Bhojpuri-โภชปุรี
bullet107.Manipur(Manifuri)-มณีปุระ(มณิฟูรี)
bullet108.Maltese-มัลทีส
bullet109.Marathi-มาราฐี
bullet110.Malayalum-มาลายาลัม
bullet111.Micho-มิโช
bullet112.Maori-เมารี
bullet113.Maithili-ไมถิลี
bullet114.Yidsdish-ยิดดิช
bullet115.Euroba-ยูโรบา
bullet116.Lingala-ลิงกาลา
bullet118.Slovenia-สโลวีเนีย
bullet119.Swahili-สวาฮิลี
bullet120.Sanskrit-สันสกฤต
bullet121.history107-history107
bullet122.Amharic-อัมฮาริก
bullet123.Assam-อัสสัม
bullet124.Armenia-อาร์เมเนีย
bullet125.Igbo-อิกโบ
bullet126.History115-ประวัติ 115
bullet127.history117-ประวัติ117
bullet128.Ilogano-อีโลกาโน
bullet129.Eve-อีเว
bullet130.Uighur-อุยกูร์
bullet131.Uradu-อูรดู
bullet132.Esperanto-เอสเปอแรนโต
bullet133.Albania-แอลเบเนีย
bullet134.Odia(Oriya)-โอเดีย(โอริยา)
bullet135.Oromo-โอโรโม
bullet136.Omara-โอมารา
bullet137.Huasha-ฮัวซา
bullet138.Haitian Creole-เฮติครีโอล
bulletคำบูชาพระรัตนตรัย ทำวัตรแปล เช้า-เย็น
bulletChart Showing the Process
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พ.ศ.2540 - 2566
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี 1
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี 2
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี บุคคลที่ 1 - 188 ปัจจุบัน
bulletหนังสือพิมพ์ดี
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 1
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 2
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 3
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 4
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 5
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 6
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 7
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 8
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 9
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 10
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 11
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 12
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 13
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 14
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 15
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 16
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 17
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 18
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 19
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 20
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 21
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 22
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 23
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 24
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 25
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 26
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 27
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 28
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 29
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 30
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 31
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 32
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 33
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 34
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 35
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 36
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 37
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 38
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 39
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 40
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 41
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 42
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 43
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 44
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 45
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 46
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 47
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 48
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 49
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 50
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 51
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 52
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 53
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 54
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 55
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที่ 56
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 57
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 58
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 59
bulletTo The World
bulletENGLISH
bulletUSA
bulletChina
bulletIndia
bullet Mynmar
bullet Cambodia
bullet Loas
bulletSri Lanka
bulletMalaysia
bulletKorea
bulletA Sharp Turn of Believes : Iresearch Iwrite Iread
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 1
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 2
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 3
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 4
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 5
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 6
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 7
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 8
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 9
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 10
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 11
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 12
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 13
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 14
bulletMystery Report 15
bulletMystery Report 16
bulletMystery Report 17
bulletMystery Report 18
bulletMystery Report 19
bulletMystery Report 20
bulletMystery Report 21
bulletMystery Report 22
bulletMystery Report 23
bulletMystery Report 24
bulletMystery World Report 25
bulletศึกษาโลกลี้ลับ 26
bulletเฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้ว วิเคราะห์ทุกปัญหาในโลกมนุษย์ด้วยสติปัญญาและเหตุผลวิทยาศาสตร์จากนสพ.ดี
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2536
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2537
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2538
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2539
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2540
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2541
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2542
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2543-2545
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2545-2549
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2549-2550
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2550-ส.ค.2551
bulletเฝ้าดูฯ ส.ค.-ก.ย.2551
bulletเฝ้าดูฯ ก.ย.2551- ธ.ค. 2551
bulletเฝ้าดูฯสำนวนพัชรา กอปรทศธรรม
bulletสำนวนพัชราตอนที่ 16-27
bulletสำนวนพัชราตอนที่ 29
bulletบทความใหม่ เม.ย.-พ.ค.2552
bulletพุทธธรรมเพื่อทางดับทุกข์
bulletทฤษฎีการดับทุกข์ทางจิต วิปัสสนากรรมฐานโดยการทำงาน(สำนวนปรับปรุงใหม่)
bulletประวัติพัชรา กอปรทศธรรม
bulletประวัติการต่อสู้เพื่อการดับทุกข์ ของพัชรา กอปรทศธรรม
bulletอัลบั้มรูป history
bulletนิทานธรรมะประยุกต์ มานุสสาสุระสงคราม 4 ภาค และอื่น ๆ
bulletอัลบั้มรูป ภาพในอดีตและชีวประวัติศาสตร์ที่สวยงาม
bulletจากเวบบอร์ด พูดกันไม่รู้เรื่อง ประชาธิปไตยล้าหลัง
bulletศาสนาสากล การวิเคราะห์ความหมาย
bulletปลอบใจ
dot
รวมบทวิเคราะห์กม.คณะสงฆ์ แนวปฏิรูปคณะสงฆ์อยู่ในบทวิเคราะห์นี้แล้ว
dot
bulletรวมบทวิเคราะห์กม.คณะสงฆ์
dot
สากลจักรวาล สากลศาสนา แนวคิดศาสนาสำหรับคนยุคใหม่ ผู้ก้าวผิดทางไปสู่สิ่งไร้สาระโดยไม่รู้ตัว
dot
bulletสากล...ศาสนา 1
bulletสากล...ศาสนา 2
bulletสากล...ศาสนา 3
bulletสากล...ศาสนา 4
bulletสากล...ศาสนา 5
bulletสากล...ศาสนา 6
bulletสากล...ศาสนา 7
bulletสากล...ศาสนา 9
bulletสากล...ศาสนา 8
bulletสากล...ศาสนา 10
bulletสากล...ศาสนา 11
bulletสากล...ศาสนา 12
bulletสากล...ศาสนา 13
bulletสากล...ศาสนา 14
bulletสากล...ศาสนา 16
dot
ส่วนข้อมูลสำคัญเพื่อการวิจัยการเมืองไทยยุค คมช.-รัฐบาลอภิสิทธิ์
dot
bulletข้อมูลสำคัญยุคคมช.-รัฐบาลอภิสิทธิ์
bulletรายงานสดม็อบสนธิ-จำลอง-ปชป.เป่านกหวีดวันที่1/26ส.ค.2551
bulletรายงานสดม็อบสนธิ-จำลอง-ปชป.เป่านกหวีดวันที่2/27ส.ค.2551
bulletใบปลิว อีเมล์ ในหลวงทรงร้องไห้
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 1
bulletในหลวงเพิ่งทราบข่าวฆ่าประชาชน10เมย.53ทรงร้องไห้
bulletบันทึกลับเสื้อแดงผู้รอดชีวิตจากทำเนียบรัฐบาล
bulletบันทึกลับเสื้อแดงผู้รอดชีวิตจากทำเนียบรัฐบาล
dot
รวมข่าวม็อบการเมืองสนธิ-จำลอง-ปชป.มิ.ย.51-เม.ย.52 นสพ.
dot
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 2
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 3
bulletรวมข่าวม็อบ30มิ.ย.51-23มี.ค.52
bulletเลือดศรีสะเกษบันทึกเรื่องราวรอบด้านเกี่ยวกับเขาพระวิหาร
bulletรายงานการโฆษณาชวนเชื่อในประเทศไทยที่ล้มล้างรัฐบาลทักษิณ
bulletหนังสือพิมพ์ดี ของฟรีให้เปล่ามา20ปีแล้วทั้งเอกสารและอินเทอเนท
bulletหนังสือพิมพ์ดี ( อินเทอเนต ) เล่ม 1 - 44 - ล่าสุด
bulletหน้าที่เก็บไว้
bulletมูลนิธิพระเทพวรมุนี(เสน ปญฺญาวชิโร)
bulletวัดมหาพุทธาราม ศรีสะเกษ บันทึกเหตุการณ์
bulletสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดศรีสะเกษแห่งที่ 1
bulletเกี่ยวกับเวบไซต์ของเรา เราทำเพื่อปัญญาชนโดยแท้
bulletรวมกระทู้เด็ดจากกระดานถามตอบ
bulletคาถาอาคมไสยศาสตร์
bulletกวีนิพนธ์ใหม่
bulletศูนย์ปฏิญญาณละเลิกอบายมุข บัญชีที่ 1- 4


เฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้ว จากดีเล่มที่ 33

เฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้ว

โดย  คอมพิวเตอร์แมน  และ  บูดามี

 

 

 

 

 

 

 

จลาจลที่อำเภอตากใบ จ.นราธิวาส

25 ต.ค. 2547

 

เกิดกรณีม็อบตากใบขึ้นในวันที่ 25 ต.ค. 2547และเหตุการณ์จลาจลที่เกิดขึ้นหน้าที่ว่าการอำเภอตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อเยาวชนรวม 200 คนยกพวกไปยึดบริเวณสนามเด็กเล่นหน้า สภอ.ตากใบ เวลา 08.30 น.เรียกร้องให้ปล่อยผู้ต้องหาคดีปล้นปืน 6 คน และค่อยส่งคนมาสมทบ จนเมื่อเวลาเกิดเหตุปะทะจับกุม ฝ่ายก่อการจลาจลยกพวกมากว่า 2000 คน ในวันที่ 25 ต.ค. 2547และเปิดการบุกรุกเข้าสู่ สภอ.ตากใบเวลา 15.20 น.ทาง มภ.4 พล.ท. พิศาล วัฒนวงค์คีรี จึงสั่งต่อต้านด้วยการฉีดน้ำ และการยิงแก๊สน้ำตาสลายการชุมนุม และจับกุมผู้ก่อการชุมนุมไว้ประมาณ 300 คน และได้ขนส่งไปไว้ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ. หนองจิก จ.ปัตตานี เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตของฝ่ายก่อการริเริ่มถึง 85 คนโดยเป็นการเกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดหมายถึง 79 คน ขณะถูกมัดมือไพล่หลังและขนส่งไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี เนื่องจากตายเพราะขาดอากาศหายใจและร่างกายอ่อนเพลียเพราะถือศีลอด มาก่อการจลาจล

 

 

 

 

 

พิธีราชาภิเษกสมเด็จพระนโรดมสีหะมุนี แห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยกัมพูชา

โทรทัศน์ทุกช่อง   29 ต.ค. 2547

 

            ทรงเป็นพระโอรส สมเด็จพระนโรดมสีหะนุ ที่ทรงสละราชบัลลังก์ และสภาราชบัลลังก์แห่งกัมพูชาจัดให้ครองบัลลังก์ เป็นพิธีบรมราชาภิเษก ในวันที่29 ตุลาคม2547 ในพิธีนั้นจัดแบบง่ายๆ ไม่ได้เชิญแขกที่เป็นกษัตริย์ต่างประเทศแม้ราชอาณาจักรไทยก็ไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมในพิธีนี้ด้วย คงมีแต่เอกอัครราชทูตประเทศต่างๆเข้าร่วมพิธี พร้อมด้วยฝ่ายการเมืองการปกครองประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยกัมพูชา มีนายฮุนเซน และคณะรัฐบาล ข้าราชการระดับสูง เข้าร่วมในพิธีนี้ พิธีที่เห็นแสดงให้เห็นถึง ศาสนาและวัฒนธรรมของกัมพูชา ว่าคล้ายคลึงกับประเทศไทย แสดงถึงการเลื่อมใสศรัทธาใน พระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมพุทธที่เป็นที่เลื่อมใสสูงสุด มีหมู่สงฆ์เป็นส่วนประกอบสูงสุดของพิธีบรมราชาภิเษกครั้งนี้ โดยมีสงฆ์มหาเถรประธานหมู่ 2 รูป ร่วมพิธีการครองบัลลังก์ อันเป็น ขัตติยประเพณีเยี่ยงเดียวกับประเทศไทย นอกจากนั้นหมู่สงฆ์ยังสวดมนต์บทเดียวกันกับหมู่สงฆ์ไทย คือสวด 7 ตำนานพระปริตและชยมงคลคาถาบทเดียวกันกับหมู่มวลสงฆ์ไทย แม้ลำดับขั้นตอนของพิธีกรรมก็ลำดับไปเช่นเดียวกับหมู่พระสงฆ์ไทยทุกประการ นอกจากนั้นพิธีพราหมณ์ก็คล้ายคลึงกันด้วย เพราะพราหมณ์ของกัมพูชากับพราหมณ์ของไทยนี้มิได้หมายถึงพราหมณ์ตามหลักศาสนาฮินดู แต่หมายถึงชีผ้าขาว พุทธผู้ที่ถือศีล 8 ข้อที่คงนับถือเลื่อมใสพุทธศาสนา และเป็นชาวพุทธพวกหนึ่งที่ถือว่าเทพทั้งหลายก็เลื่อมใสพระพุทธศาสนาและน้อมบูชาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าเป็นใหญ่เหนือเทพเทวาทั้งปวง โดยความหมายของฝ่ายพราหมณ์นั้น หมายความถึงเอาแบบพิธีกรรมบางอย่างที่นอกเหนือไปจากคำสอนของพระพุทธศาสนาเข้ามาเป็นบริบทด้วย แต่สิ่งที่น่าสังเกตในพิธีนี้ที่น่าฉงนอยู่ก็คือ ทางพราหมณ์กัมพูชา ได้มีการพิจารณาด้านโหราศาสตร์ประกอบการวางฤกษ์ยามอภิเษกกษัตริย์หรือไม่ เหตุใดรัฐบาลและโหรกัมพูชาจึงเลือกกำหนดฤกษ์ยามใน ช่วงที่ดาวใหญ่ที่เป็นเครื่องหมายของกษัตริย์กำลังตกต่ำ อับรัศมีอยู่ช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งย่อมไม่เป็นผลดี ไม่แสดงความสง่างามทรงเกียรติยศสูงส่งของกษัตริย์ เมื่อมีข้อเท็จจริงว่า โหราศาสตร์ย่อมมีบทบาทมาแต่เดิมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพียงแต่ว่าพิธีกรรมนี้ได้บอกถึงการพิจารณาของหมู่โหรกัมพูชาอย่างไร  ได้บ่งบอกถึงภูมิรู้ภูมิปัญญาของโหรในประเทศนั้นอย่างไรหรือไม่ หรือมีการใช้วิชาโหราศาสตร์ไปในทางที่ไม่เป็นการชอบธรรมแด่บัลลังก์กษัตริย์กัมพูชา

 

 

 

 

 

เมืองไทยเช้าวันนี้

ช่อง 5  จันทร์ที่ 15พ.ย. 2547   เวลา 069.40 น.

 

            สมัคร สุนทรเวช กับ ดุสิต  ศิริวรรณ   ออกมาวิพากษ์เหตุการณ์บ้านเมือง วันนี้ เรื่องนักวิชาการจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นเพียงคำอ้างว่ามีจำนวนถึง 114 คน เข้าชื่อเสนอนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับนโยบาย 3 จังหวัดชายแดนใต้และแนวคิดของนักวิชาการเหล่านี้มีความสอดคล้องกับแนวความคิดของหมอประเวศ  วะสี และ ดร.เขียน ธีรวิทย์ คุณสมัครว่านักวิชาการลำเอียง ไม่เป็นธรรม เพราะมองด้านเดียว ไม่แสดงออกซึ่งความเข้าอกเข้าใจผู้บริสุทธิ์ที่ถูกฆ่าตายรายวัน อ้างตัวอย่างดี คือฉลามเขียวที่เขียนไว้ว่า สถานการณ์โจรทำให้แดนใต้สุดนองไปด้วยเลือดของประชาชนไทยผู้บริสุทธิ์ ที่น่าเจ็บใจที่สุดคือข้อวิพากษ์ของ ดร.เขียน ธีรวิทย์ที่เสนอให้ยกเลิกความผิดแก่โจรก่อการร้ายภาคใต้ ทั้งสมัคร สุนทรเวช และดุสิต ศิริวรรณ เห็นค่อนข้างตรงกันว่า นักวิชาการเหล่านี้ค่อนข้างขาดความรอบรู้ ขาดวุฒิภาวะ ไม่สมกับเป็นนักวิชาการ คุณสมัคร ว่า “ นักวิชาการไม่มีสติปัญญาที่จะคิดถึงเรื่องเช่นนี้ ” สงสัยว่า เป็น ดร.มาได้อย่างไรระบบการศึกษาไทยเป็นเช่นไร ในขณะเดียวกันมีผู้ชมรายการส่งข้อความคิดเห็นเข้ามามากมาย ล้วนเห็นด้วยกับพิธีกรอาวุโสทั้งคู่ ส่วนมากกล่าวว่านักวิชาการเสนอสิ่งที่ไร้สาระ เบา อ่อน ขอให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีทำงานต่อไป บางคนแสดงความสงสัยว่านักวิชาการพยายามจะล้มรัฐบาลโดยเอาเหตุภาคใต้มาเป็นชนวน ผู้ชมบางคนให้ความเห็นค่อนข้างรุนแรงขนาดให้ยิงทิ้งผู้ก่อการร้ายเสียเลยมีเสียงจากปัตตานีแดนใต้เอง ว่าไม่เห็นด้วยกับคณะนักวิชาการและอาจารย์ 114 คนนั้น ที่จะให้นายกรัฐมนตรีขอโทษกรณีจลาจลที่นราธิวาส พร้อมตั้งข้อสงสัยว่า นักวิชาการเหล่านี้เป็นแนวร่วมผู้ก่อการร้ายหรืออย่างไรทำไมครูอาจารย์จึงไม่คิดถึงบ้านเมือง คงเป็นพวกอิจฉาตาร้อน เห็นใครดีกว่าไม่ได้ เห็นใครได้ไม่ดี  มีผู้ชมให้ข้อสังเกตว่าหมอประเวศ ชอบใช้คำรุนแรงเมื่อวิจารณ์รัฐบาล เช่นคำว่า ติดกับตัวเอง และคำว่านองเลือด มีคำแก้ตัวให้กับท่านว่าเพราะท่านเรียนว่าทางด้านโลหิตวิทยา พื้นฐานท่านมาอย่างนั้นจึงพูดถึงแต่เรื่องโลหิตเป็นธรรมดาติดปาก แต่คุณสมัครว่า “ผมนี่แก่กว่าหมอประเวศแต่ไม่มีใครว่าผมเป็นราษฎรอาวุโส” ขอให้หมอประเวศโทรเข้ามาและร่วมแสดงความคิดเห็นในรายการด้วย แต่ไม่ปรากฏว่าหมอประเวศโทรเข้ามาแต่อย่างไร ผู้ฟังบางคนว่าวิเคราะห์ไปตามเนื้อผ้าดี แม้คนไทยในอเมริกาที่รับชมรายการอยู่ก็อดแสดงความเป็นห่วงบ้านเมืองไม่ได้ ได้ส่งข่าวเข้ามาในรายการว่า เห็นด้วยกับทางรายการที่วิเคราะห์นักวิชาการไทยทุกประการ และจะมาเยี่ยมชมและร่วมรายการด้วยในเร็วๆนี้ เพราะกำลังเตรียมตัวกลับมาเยี่ยมเมืองไทยอยู่พอดี

 

 

 

 

 

 

พิธีอภิเษกลูกชายสุลต่านแห่งรัฐกลันตัน  กับ น.ส. กังสดาล  พิพิธภักดี

ITV   จันทร์ที่ 15 พ.ย. 2547   เวลา 08.50 น.

 

            วราภรณ์  สมพงษ์ สัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย จัดพิธีอภิเษกลูกชายสุลต่านแห่งรัฐ กลันตัน กับ น.ส.กังสดาล พิพิธภักดี สตรีไทยลูกสาวอดีต สส.ปัตตานี เชื้อสายเจ้านายราชนิกุล  ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าฯจะเสด็จไปเป็นประธานในงานด้วย จะเสด็จกลับเวลา 03.00 น. วันที่ 16 พ.ย. 2547  ว่าด้วยเครื่องชุดดำ และเรื่องการเก็บตัวเจ้าสาว ไม่ให้ออกมาจนกว่าจะส่งตัว สิ่งเหล่านี้ล้วนสะท้อนไปถึงที่ไปที่มาแห่งประเพณีอิสลาม ที่น่าสังเกต

 

 

 

 

 

 

โฆษณาหนังสือเผยแผ่คริสต์ศาสนา

ทุ่มโฆษณาทางโทรทัศน์หลายช่อง ตลอดเดือน ต.ค.-พ.ย. 2547

 

            อัญชลี  จงคดีกิจ ฟรีเซนเตอร์คนหนึ่ง กล่าวว่า “พยายามหลอกตนเองหลอกคนอื่นด้วยว่าตนไม่มีความทุกข์ จนวันหนึ่งพระเจ้าได้เข้ามาในชีวิตของปุ๊ จึงได้พบความสุขที่แท้จริง หนังสือเล่มนี้อาจเปลี่ยนชีวิตคุณได้” เป็นหนังสือที่เผยแผ่คติคริสต์ศาสนาอีกเล่มหนึ่ง ข้อเขียนของนักประพันธ์แต่ละคนในหนังสือเล่มนี้ ล้วนเป็นเรื่องประสบการณ์เกี่ยวกับพระเจ้า เล่าว่าเมื่อก่อนได้พบกับพระเจ้า ( ก่อนจะเข้ารีต ) ชีวิตไม่มีความสุขและไม่มีความสำเร็จมีแต่ความหวาดกลัว แล้วในที่สุดก็มีผู้หวังดีชักชวนให้ไปพบพระเจ้า จึงได้พบพระเจ้าและได้ชีวิตใหม่

            ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ พระคัมภีร์ใบเบิล ได้ให้ความหมายไว้แต่เดิมว่า เป็นพยานของพระเยซูคริสต์คือ เป็นข้ออ้างว่าพระเยซูตรัสไว้นั้นเป็นความจริง เช่นตรัสว่าทรงเป็นแสงสว่าง ทรงเป็นทางและทรงเป็นสัจธรรม ไม่มีใครไปถึงพระบิดาได้นอกจากไปทางพระองค์ ศาสนาคริสต์จึงเผยแผ่ไปด้วยการหาคนมาอ้างอิงเช่นนี้

            แต่พยานบุคคลเช่นนี้ เคยมีการเชื่อกันอย่างจริงๆจังๆมาว่าพระเยซูพูดอะไรต้องเป็นความจริงหมด แม้กระทั่งพระองค์พูดว่า พระองค์ไม่ใช่มนุษย์เดินดิน พระองค์เป็นบุตรของพระเจ้า ผู้เสด็จลงมาจากสวรรค์ตามคำสั่งของพระเจ้า คนก็ยังเชื่อ ต่อมาเมื่อมีการศึกษาวิเคราะห์ทางจิตวิทยาแล้วนักจิตวิทยาพบว่า แท้จริงพระเยซูทรงเป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง จึงเกิดภาพหลอนขึ้นมาเช่นนั้น ตลอดชีวิตของพระองค์จึงทรงเพ้อถึงแต่พระเจ้า และสำคัญพระองค์ผิดว่าทรงเป็นพระบุตรองค์เดียวที่พระเจ้าทรงโปรดมาก และร่วมนั่งอาสน์กับพระเจ้าบนสวรรค์โดยทรงประทับด้านขวาของพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ ทำให้ชาวอิสราเอลยุคนั้นไม่พอใจ เพราะเห็นว่าทรงดูหมิ่นพระเจ้า การพูดว่าตนเป็นบุตรโทนที่สุดรักของพระเจ้า จนได้ประทับร่วมอาสน์เบื้องขวาของพระเจ้านั้น เป็นการยกตนเสมอพระเจ้า จึงถูกจับไปขึ้นศาลกล่าวโทษฉกรรจ์ว่าทรงดูหมิ่นพระเจ้าซึ่งขณะนั้นมีกฎหมายเอาโทษถึงตายอยู่แล้ว นอกจากนั้นพระเยซูยังถูกข้อหาว่าทำร้ายร่างกาย และทำลายทรัพย์สินคนอื่นด้วย ครั้นถูกนำตัวไปขึ้นศาลพระองค์ก็ทรงยืนยันต่อศาลว่าทรงเป็นบุตรของพระเจ้า และทรงท้าทายชาวอิสราเอลที่มาชุมนุมหมายจะรุมประชาทัณฑ์ พระองค์ว่าให้คอยดูพระเจ้าจะขี่เมฆมาพร้อมแสงสว่างอันบรรเจิดจ้า และจะทรงรับพระองค์ผู้เป็นพระบุตรองค์เดียวที่สุดรักของพระเจ้าขึ้นไปสวรรค์เบื้องบน ปรากฏในใบเบิลว่า  As you say. Besides. I tell you that shortly you will see the son of man seated at the Almighty and coming upon the cloud of heaven. ( Mattew  26:64 ) “เราให้สาบานตามที่ท่านว่ามาทุกอย่าง นอกจากนี้เราขอบอกเลยว่าในไม่ช้าไม่นานนี้ ท่านทั้งหลายจะได้เห็นเรา ผู้เป็นบุตรมนุษย์นั่งอยู่เคียงข้าง ด้านขวาพระหัตถ์ของพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ เสด็จมาบนเมฆแห่งฟ้าสวรรค์” ( แต่วาทะที่ยิ่งใหญ่นี้ไม่ปรากฏในภาพยนตร์เรื่อง The Passion of the Christ หรือพระเยซูคริสต์ผู้ทรงกรุณา ) ซึ่งจนแล้วจนรอดพระองค์ก็ไม่เสด็จมาช่วย พระองค์ทำให้พระวาจาวรรคนี้กลายเป็นสิ่งเพ้อเจ้อ และเป็นความเท็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ จนกระทั่งก่อนจะสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนก็ยังเพ้อถึงแต่พระเจ้าปรากฏในคัมภีร์ไบเบิลว่า  “Eli Eli Lamasbucthani

พระเจ้าของข้าพระองค์  พระเจ้าของข้าพระองค์  ไฉนทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย”  ซึ่งความจริงเรื่องพระเจ้า เรื่องพระบิดาของพระองค์บนสวรรค์นั้นเพียงเป็นการสร้างมโนภาพที่เพ้อฝันคลั่งไคล้ของพระองค์ไปตามอำนาจความปรุงแต่งภายในจิตของพระองค์เท่านั้นซึ่งทางศาสนาพุทธสอนไว้ในเรื่องปรุงแต่งแห่งสังขาร ต่อเมื่อฝึกจิตไปถึงสภาพอะไรที่ปรุงแต่งไม่ได้อีกต่อไปแล้ว จึงบรรลุพระอรหันต์ผล ความเชื่อเช่นนี้ระวังจะเตลิดไป กลายเป็นวิปริต เช่นเดียวกับเรื่องแม่ฆ่าลูกสาวให้ไปอยู่กับพระอินทร์ดังที่เป็นข่าวคึกโครมในเดือนตุลาคม 2547 ที่ราชบุรี ซึ่งตามเนื้อข่าวว่า มีอยู่ครอบครัวหนึ่งซึ่งเชื่อถือพระเจ้ามากและติดต่อกับพระเจ้าด้วยการทรงประกอบด้วยนางกาญจนาผู้เป็นแม่เป็นคนทรงพระอินทร์ นางอนงค์ผู้เป็นป้าเป็นคนทรงพระอาทิตย์ พร้อมย่ากับยายอีก 2คนเป็นบริวาร และเด็กหญิง ภัสสร ลูกสาวนางกาญจนาอายุ 10ปี รวม 5คน ตลอดเวลามาก็ไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติใดๆ ตราบมาถึงวันที่ 5 ตุลาคม 2547 จึงเกิดข่าวใหญ่ โดยทั้งแม่ตัวเอง ป้า ย่า และยายทั้ง 4 ช่วยกันทำพิธีสังเวยพระอินทร์ โดยช่วยกันจับ ด.ญ.ภัสสร ลูกสาวตนเองมาเชือดคอเอาเลือดสดๆสังเวยพระอินทร์ในสายตาคนทั้งหลายจึงเป็นภาพที่เหี้ยมโหด คล้ายๆกับกรณี โนอาห์ ในไบเบิล ผู้ทำพิธีเชือดสัตว์และเผาสังเวยพระเจ้าขนาดใหญ่ เป็นการขอบคุณจากภายหลังการรอดจากน้ำท่วมโลก

            ความเชื่อแบบนี้มีอยู่ทุกซอกมุมของโลกในหมู่คนล้าหลัง และคนอ่อนแอขาดบุคลิกภาพ โดยเฉพาะในหมู่คนฮินดูหรือพราหมณ์เดิม  มีการสร้างภาพขึ้นมาอย่างไม่ถูกต้อง และน่ากลัว คือสร้างภาพว่ามีเทพเจ้าผู้ครอบงำโลกและมนุษย์อยู่ มนุษย์ต้องเอาอกเอาใจพระเจ้าให้ดี อย่าให้ทรงพระพิโรธ แล้ววันหนึ่งเมื่อเกิดสติหลอนขึ้นมาว่าพระเจ้าสั่งให้ปฏิบัติอย่างนั้นอย่างนี้ ก็กลายเป็นคนประสาทหลอนไปจนอาจกระทำเหตุร้ายแรงถึงชีวิตเลือดเนื้อได้

            ในวงการศาสนาคริสต์เองก็ได้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ทำนองเดียวกันนี้ที่โลกตื่นตระหนกก็คือ กรณี จิม โจนส์ ซึ่งเป็นบาทหลวงคริสต์ เดิมอยู่อเมริกาแล้วพาสาวกไปอยู่ในดินแดนพระเจ้าที่เมืองโจนส์ทาวน์ประเทศกายานา ในอเมริกาใต้ โดยสร้างเป็นนิคมขึ้นมาแล้วเกิดคุ้มคลั่งเพราะวิกลจริตพาสาวกฆ่าตัวตายหมู่ทั้งหมด รัฐบาลอเมริกาพบศพทั้งหมด 900 ศพในนิคมนั้น อีกกรณีหนึ่งเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2543 นี่เอง บาทหลวงคริสต์เช่นเดียวกัน คราวนี้พาสาวกฆ่าตัวตายที่ประเทศอูกันดา ไม่น้อยกว่า 500 ศพ แต่กรณีนี้พบในภายหลังว่า บาทหลวงหัวหน้าไม่สุจริต เพราะหลอกลวงสาวกให้รวบรวมเงินมาให้ตามคำสั่งของพระแม่มาเรีย แล้วให้ฆ่าตัวตายไปอยู่กับพระเจ้าบนสวรรค์ ส่วนตนเองหอบเงินและทรัพย์มีค่าหายตัวไป เหตุผลที่อ้างในการฆ่าตัวตายก็คืออ้างว่าพระเจ้ามีบัญชาให้ไปอยู่กับพระองค์บนสวรรค์นั่นเอง พวกนี้จึงหลงเพ้อเจ้อไปจนต้องพลีชีพ

            แต่นี่เป็นเรื่องของความผิดปกติทางจิตใจ และระวังว่าจะเป็นโรคจิตชนิดร้ายแรง คลุ้มคลั่งฆ่าตัวตายได้เหมือนกัน

 

 

 

 

 

 

 

ผู้หญิงถึงผู้หญิง

ช่อง 3  ศุกร์ที่3 ธ.ค. 2547   เวลา08.20 น.

 

            สามสาว พิมลวรรณ  ศุภยางค์, มีสุข  แจ้งมีสุข และ พัชรศรี  เบญจมาศ วิเคราะห์ข่าวหนังสือพิมพ์ในประเด็นปัญหาสตรีและสังคม หลายเรื่องและหลายแนวคิดน่าสนใจ วันนี้มีเรื่องเยาวชน นักเรียน นิสิตนักศึกษามีแนวโน้มในการดื่มเหล้ามากขึ้น อ้างสถิติการดื่มเหล้าของประชาชนไทยในรูปรวมขณะนี้ว่า เป็นอันดับ 5 ของโลก อันดับ 1 ของเอเชียจน น.พ. อุดมศิลป ศรีแสงนาม ต้องออกมารณรงค์ปรามเรื่องที่ประชาชนดื่มเหล้ามากขึ้น ยังกับดื่มน้ำ เพราะทุกครัวเรือนผลิต สก๊อตวิสกี้ แล้วก็ชิม กินกันทุกๆวัน ทุกๆคนในครัวเรือน เป็นประชาชนที่ดื่มเหล้าตลอดเวลา เมาตลอดวัน คนสก๊อตจึงเดินไม่ค่อยตรงทาง เดินโซเซกันทั้งเมือง ถ้าเราอยากให้เยาวชนเลิกดื่ม รัฐก็มีส่วนให้การผลิตน้อยลง ควบคุมให้การผลิตอยู่ในวงจำกัด และส่งไปนอกให้มาก

            มีเรื่องที่วิเคราะห์น่าฟังอีกหลายเรื่อง เช่น เด็กติดโทรศัพท์ ติดเซ็กส์ ติดครูเสียตัว ใจแตก ฆ่าตัวตาย เพราะผิดหวังกับครู ที่ไม่รักเราคนเดียวแต่ได้เพื่อนๆของเธอด้วย มีปัญหาครอบครัว ทำร้ายลูก เอาเตารีดรีดหน้าลูก ปัญหาบ้านเล็กเดือดก่อตั้งคดีดัง ที่การวิเคราะห์ดูมีอุดมการณ์มีเป้าหมาย อุดมการณ์ดีและคนน่าจะชอบเพราะเหตุนี้แต่รายการนี้เพิ่งเปิดตัวดูจะยังไม่ลงตัวเต็มที่ เราคิดว่ามีสุขอยู่ตรงกลางนะดีกำลังดี ถ้าจะดีขอให้มีสุขช่วยดึงพัชรศรีหน่อยๆ ความชัดเจน เด็ดเดี่ยว น่ะดีแล้วแต่เกรงจะแรงเกินไปและดันพิมลวรรณ หน่อยๆความสุขุมเป็นผู้ใหญ่น่ะดีแล้ว แต่ยังขาดหล่อลื่น ไม่คล่องน่ะ ก็จะลงตัว

 

 

 

 

 

 

 

ร่วมมือร่วมใจ

ไอทีวี   จันทร์ 15 พ.ย. 2547   เวลา 15.00 น.

 

            2 ทนายดัง ประมาณ เลืองวัฒนะวนิช ,  วันชัย สอนศิริ และพิธีกรสาวสวยอีก 1 ร่วมมือร่วมใจกัน เรื่องคนไข้ถูกงูพิษขบกัด พอถึงมือนางพยาบาลแห่งนั้น เห็นรัดขามาก็เริ่มต้นด่าว่า เอาเชือกรัดขามาทำไมไม่เอางูมาด้วยล่ะ ( เราคนฟังก็ไม่เคยรู้เหมือนกันว่า จะมีคำถามอย่างนี้ ใครจะไปเอางูที่มันกัดเรามาได้ง่ายๆ เพราะงูมันไม่โง่ กัดแล้วมันก็รีบหนี ) พอไปถึงแพทย์ ปรากฏว่าเป็นหมอมือใหม่ยังขาดวุฒิภาวะแห่ง รพ.มวกเหล็ก จ. สระบุรี  ก็บอกว่า ตะขาบกัดให้ไปนอนดูอาการก่อนไม่ดูแลรักษา แม่เห็นลูกมีอาการหนักขึ้นไปอีกเจ็บเจียนจะตายก็บอกว่าไม่ใช่ตะขาบกัด งูกัดจริงๆก็ไม่เชื่อจนคนไข้อาเจียน แม่และญาติเห็นว่าถ้าอยู่โรงพยาบาลนี้คงจะตายแน่ จึงขอนำส่งโรงพยาบาลมิตรภาพ ขอรถโรงพยาบาลมวกเหล็กก็ไม่ให้ต้องวิ่งเต้นขอเอาเอง จนไปถึงโรงพยาบาลมิตรภาพจึงรอดชีวิต ทางทนายความทั้ง2ท่านนำสอบสวนข้อมูล จากโรงพยาบาลมวกเหล็ก ฟังๆเขาก็หาทางเลี่ยงไป ขาดความรับผิดชอบ ถ้าทางคดีเอาความได้ก็ไม่น่าจะละเว้น เพราะหมอประเภทนี้มีอยู่มาก กริยามารยาทค่อนข้างทราม หมอลามกก็มีอยู่มาก อย่านึกว่าอาชีพหมอจะโกงไม่เป็น ชั่วไม่เป็น ลองเอาเข้าคุกสักรายเป็นตัวอย่างจะได้สังวรมารยาทบ้าง

 

 

 

 

 

สาธารณสุขจะเร่งให้ความรู้ทางเพศต่อไป

ไอทีวี  จันทร์ 15 พ.ย. 2547  เวลา 16.00 น.

 

            ข่าวกระทรวงสาธารณสุข นางสุดารัตน์  เกยุราพันธ์ รมว.สาธารณสุข ออกมาว่าผู้หญิงมีความเสี่ยงในการติด เอชไอวี  ( HIV. ) สามเท่าตัวเนื่องจากขาดความรู้ในการป้องกันตัวจะเร่งให้การศึกษา เพื่อให้เยาวชนรุ่นใหม่เข้าใจเรื่องเพศ รายละเอียดไม่มี น่าคิดว่าสังคมไทยก็ได้เร่งสอนเพศศึกษามานานหลายปีแล้ว แต่ผลกลับทำสังคมเด็กเลวลง จนกระทั้งเด็กมีเพศสัมพันธ์กันลดต่ำลงมาเรื่อยๆ จนดังกระหึ่มเมื่อมีการอ้างผลการวิจัยล่าสุดว่า มีเพศสัมพันธ์กันต่ำที่สุดในโลก คือ 8 ปี

            กระทรวงสาธารณสุขก็ยังไม่คิดเฉลียวใจว่า ที่สอนเรื่องเพศศึกษามาเรื่อยๆตั้งแต่จัดทำคู่มือวัยใส เมื่อ 5-6 ปีก่อน ให้โครงการความรู้เรื่องเพศสัมพันธ์อย่างละเอียด ถึงขนาดว่าใส่ถุงยางใส่อย่างไร การที่สถานการณ์เลวร้ายลงไปเรื่อยๆเป็นเพราะโครงการต่างๆที่ยั่วยุ ปลุกกามารมณ์ของเด็กวัยรุ่น เด็กนักเรียนนั่นเอง จึงน่าจะลองทบทวนแนวคิดเดิมๆเสีย ที่กล่าวว่าจะเร่งให้การศึกษาทางเพศไปอีก ถ้าเป็นแนวคิดแบบเดิมอยู่ ก็น่าจะไม่เป็นผลดีขึ้น มีแต่จะเลวลงไป คือการเร่งให้เด็กรู้เรื่องเพศ สอนเรื่องเพศให้เด็ก เตรียมตัวกันไปปฏิบัติการณ์ทางเพศ อันเป็นผลให้เกิดการปลุกเร้าความปรารถนาทางกามารมณ์ขึ้นมาแต่วัยเด็กๆและการสอนเพศศึกษาแบบยั่วกามารมณ์เช่นนั้น เราจะระมัดระวังอย่างไรที่จะไม่ให้เด็กๆเสพกามกันก่อนวัย อันเป็นการผิดศีลธรรมทางศาสนา เราจึงหน้าจะคำนึงถึงหลักทางศีลธรรมด้วย กล่าวคือเราสอนเรื่องเพศศึกษาไปด้วยแต่ต้องให้เกิดสำนึกในศีลธรรมด้วย นั่นคือระวังรักษาศีลข้อที่ 3 ให้ได้ด้วย เพราะสังคมเราเป็นสังคมที่เชื่อถือเลื่อมใสในศีล คนที่ไม่รู้ในศีลคือคนป่าเถื่อนและศีลก็เป็นบทบัญญัติของท่านผู้รู้แจ้งเห็นจริงคือพระพุทธเจ้าและแม้แต่สาวกของพระพุทธเจ้าก็เรียกร้องให้ศีลธรรมกลับมาในยุคนี้ เพราะถ้าศีลธรรมไม่กลับโลกาจะวินาศ

            ฉะนั้นน่าจะตั้งสติให้ถูกต้องว่า การสอนเพศศึกษาอย่าให้เป็นการสอนที่ผิดศีลธรรมและที่ถูกน่าจะเร่งสอนศีลธรรมควบคู่ไปด้วย เพื่อให้เด็กห่างไปเสียจากความรู้สึกนึกคิดในทางกามารมณ์ นี่จะป้องกันได้ดีกว่า

            มาวิเคราะห์ในด้านวัฒนธรรมไทยอีกแง่มุมหนึ่ง เท่าที่มีการสอนเพศศึกษามาแล้ว แม้การสอนก็ไม่สอดคล้องวิถีวัฒนธรรมไทย เพราะผู้หญิงในวัฒนธรรมไทยจะสงวนตัว คือรักนวลสงวนตัวไปจนกว่าจะมีการแต่งงานจึงจะเสพกาม แต่การสอนเพศศึกษาไม่คำนึงว่าจะทำลายวัฒนธรรมดีงามเช่นนี้ มีแต่จะทำให้เด็กใจแตกไปกันใหญ่ กลับเป็นปัญหามากกว่าเดิมอีก หากเราสอนเพศศึกษาโดยประยุกต์เข้ากับวัฒนธรรมอันดีงาม เช่นให้เกิดการรักนวลสงวนตัวขึ้น ก็จะเป็นอาวุธที่ป้องกันเชื้อ เอชไอวี ก็น่าจะได้ประโยชน์ทั้งด้านป้องกันโรคเอดส์ ทั้ง 2 ด้านก็จะป้องกันเอดส์ได้ดีกว่า หากเราบริหารงานด้านนี้ไปโดยไม่มีความเข้าใจวัฒนธรรมคืออะไร ศีลธรรมคืออะไรแล้วย่อมนำสังคมเด็กไปสู่อันตรายแน่นอน

            อีกประการหนึ่ง เรื่องการให้การศึกษาทางเพศศึกษานี้ กระทรวงสาธารณสุขไม่เคยถามกระทรวงศึกษาธิการเลยเพราะที่กระทรวงศึกษาธิการล้วนมีแต่ผู้ทรงคุณวุฒิ แม้ครูคนหนึ่งที่บ้านนอกเขาก็รู้จักเด็กดียิ่งกว่าหมอที่กระทรวงสาธารณสุข ไม่เคยถามว่าเห็นด้วยเพียงไรหรือไม่ มาแทรกแซงเด็กในการปกครองของเขา จนขณะนี้เอดส์ระบาดมิใช่เพราะขาดความรู้ทางเพศศึกษา แต่ความรู้นั้นกลายเป็นดาบคมร้ายขึ้นมา ทำให้สังคมกำหนัดกามร้อนระอุขึ้น เพราะกระทรวงสาธารณสุขปลุกกามารมณ์ของเด็กนักเรียนนักศึกษาขึ้นมา จนเจียนจะเป็นเหมือนแอฟริกาใต้เข้าไปทุกขณะแล้วเพราะมองปัญญาแบบเดียวกัน แต่ที่เราต่างจากอาฟริกาเพราะอาฟริกาไม่มี ส่วนเรามีวัฒนธรรมและคำสอนทางศาสนาที่เป็นคำสอนของผู้รู้แจ้งจบในเรื่องกาม ราคะ ตัณหาทุกชนิดเราจึงควรที่จะคิดวิธีการทางศาสนาพุทธเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาด้วย อย่างน้อยก็เป็นการเตือนสติ ให้รู้ผิดรู้ถูก เราควรจะตรวจสอบดูอย่างละเอียดสักหน่อยว่า การสอนเพศศึกษาทำให้เด็กหน้าด้านไร้ยางอายขึ้นหรือไม่ หากพบเช่นนั้น แล้วเราพอใจเช่นนั้น ก็ถือว่าประพฤติผิดครรลองศาสนา ใช้วิธีผิดไปจากหลักการทางศาสนา

            เพราะทางศาสนาสอนให้ปรามกามารมณ์ด้วยการให้ได้อาย จะเห็นจากพระวินัยบัญญัติ ในพระปาฏิโมกข์เรื่อง สังฆาทิเสส พระสงฆ์สาวกประพฤติผิดวินัยข้อสังฆาทิเสส ที่ทำอสุจิให้เคลื่อนด้วยเจตนา เป็นต้น ท่านจะปรับอาบัติลงโทษด้วยการให้ได้อาย สงฆ์ผู้ทำผิดจะต้องอยู่กรรมที่สี่แยก ( จำเพาะว่าเป็นทางสี่แยก ) ซึ่งเป็นที่โล่งแจ้งคนไปมาทั้งสี่ทิศสามารถมองเห็น เพื่อให้พระภิกษุทั้งหลายที่ผ่านไปผ่านมาทั้งสี่ทิศมองเห็น และเมื่อมีพระภิกษุที่ผ่านมาจะกี่รูปก็ตามกี่รูปก็ตามก็จะต้องวิ่งไปกราบท่านทุกๆรูป ทุกๆครั้ง โดยไม่คำนึงถึงพรรษาและรายงานตนต่อภิกษุรูปนั้น ว่าผิดวินัยสังฆาทิเสสต้องอยู่กรรมเท่านั้นวัน เท่านี้วัน และต้องทำเช่นนี้ไปจนกว่าจะครบกำหนดอยู่กรรม นี่คืออุบายให้ได้อาย ก็จะเข็ดขยาดไม่กล้าทำผิดอีก แล้วพอ อยู่กรรมครบกำหนดแล้วก็ต้องมีหมู่สงฆ์วีสติวรรค คือ 20 รูป มาให้ อัพพานจึงจะพ้นมลทินโทษ เข้าสู่สถานะเดิมผู้บริสุทธิ์ นี่คือเทคนิคกรบำราบข่มขี่มาร คือกามกิเลส ที่มีประสิทธิภาพ จึงนำสาวกพ้นกามตัณหาสู่พระนิพพานได้

            ส่วนแนวนโยบายกระทรวงสาธารณสุข หรือของรัฐบาลนี้ ไม่ได้คำนึงถึงหลักศีลธรรมเลย มีแต่ยั่วยุ ให้เด็กกระทำผิดศีลธรรมมาโดยตลอด เพราะนอกจากไม่เอาโทษแล้วไม่มีการตำหนิให้ได้อายอันเป็นอุบายการแก้กามารมณ์แล้วยังไปแนะนำต่อไปอีกว่าการจะเสพกามทำอย่างไรอีกด้วยซึ่งนี่คือประเด็นของการไม่คำนึงถึงทางศีลธรรมและวัฒนธรรมของชาติ การสอนให้รู้เรื่องเพศศึกษาเป็นการดีแต่เราต้องร่วมกับทางศีลธรรมและวัฒนธรรมของชาติด้วย คือ อย่าสอนให้เขาเสพกาม สอนให้เขารักนวลสงวนตัวด้วยจึงจะเป็นการมองครบถ้วนทุกองค์รวมของเพศศึกษา

            ขณะนี้เมื่อเราไม่มองด้านวัฒนธรรมและศีลธรรม  เพราะความเขลาและไม่เข้าใจคุณค่าของศาสนธรรมและวัฒนธรรมของชาติ  ก็กลายเป็นการมองด้านเดียวเอาวิธีการเดียวมาใช้จึงไปเพิ่มความรู้ในทางที่จะฉ้อฉลเอาประโยชน์ เข้าทำนองคนหัวหมอยิ่งรู้มากยิ่งเอาเปรียบสังคมก็ยิ่งกลายเป็นโทษ ที่เห็นขณะนี้ก็คือยิ่งนานไปก็ยิ่งหลงงมงายสอนไปจนขนาดเอาของจริงมาแสดงให้เด็กหนุ่มสาวเยาวชนดู แล้วไปจบลงว่า ไม่ห้ามในการร่วมเพศแต่ขอให้รู้จักรักษาความปลอดภัยซึ่งเป็นการยุและเป็นการสอนด้านเดียวโดยไม่คำนึงถึงศีลธรรมและวัฒนธรรมของชาติ

            ดังจะเห็นจากการสอนเพศศึกษาของโรงเรียนสตรีวิทยา ที่เอามาสาธิตในรายการ เล่านอกรอบ ทางช่อง 9 เมื่อวันอังคารที่ 30 พ.ย. 2547 เวลา 21.00 น. โดย อาจารย์นีรยา ฐิติโกศล ครูสอนสุขศึกษา ให้เห็นของจริงที่เป็นเครื่องเพศ ทั้งของชายและหญิงมีส่วนประกอบของเครื่องเพศอย่างไร แสดงการถอดเป็นชิ้นส่วนแล้วประกอบเป็นรูปเป็นร่างของจริงอย่างไร แล้วเลยไปถึงการร่วมเพศ อธิบายว่าทำอย่างไร อย่างไรที่เรียกว่าการร่วมเพศ ก็ทำมือทำไม้ให้ดู แล้วแนะนำว่าเวลาร่วมเพศจะต้องสวมถุงยางอนามัย ก็สวมให้ดูสวมเข้าไปในเครื่องเพศที่พร้อมจะทำงาน แล้วมีการเปิดวีซีดี ภาพจริงให้ดูอีกด้วย ครูคนนี้บอกด้วยความภาคภูมิใจว่าสถานศึกษาอื่นๆ ควรจะมีการจัดหลักสูตรการเรียนการสอนเพศศึกษาแนวนี้ เอาแบบที่เห็นของจริงนี้จะได้สนองความอยากรู้อยากเห็นของนักเรียนนักศึกษา ทำให้นักเรียนมีความสนใจใคร่เรียนดี

            ซึ่งวิถีทางการสอนแบบวัตถุนิยมเช่นนี้ ก็จะพัฒนาต่อไปอีก จากการสาธิตวันนี้ ของจริงที่เห็นยังห่างไกลจากความจริงอยู่มาก และวิธีปฏิบัติแห่งเพศก็ห่างไกลจากที่คนคู่ปฏิบัติกันจริงๆอยู่มาก ซึ่งเมื่อคิดไปตามแนว ความคิดของครูผู้สอนแล้ว ก็ยังเป็นการสอนที่ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์อยู่อีกต้องพยายามให้ดียิ่งขึ้นไปกว่านี้และให้เห็นของจริงๆยิ่งขึ้นไปกว่านั้น ต่อไปครูท่านนี้คงคิดขยับขยายงานสอนของท่านแบบที่ให้เห็นของจริงๆยิ่งขึ้นไปกว่านี้อีก และที่ง่ายๆก็คือของสดๆที่น่าจะหาไดง่ายๆในชั้นเรียนอยู่แล้วท่านก็จะสอนไม่ให้อาย ก็อาจนำของจริงๆที่นักเรียนมีอยู่ออกมาประกอบการสอนหรือเอาของครูผู้สอนคือเอาของ อาจาย์นีรยา เองมาสาธิตให้นักเรียนดูก่อนก็ย่อมได้ และในที่สุดก็จะเป็นการสอนเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศก็จะเป็นการปลุกกระตุ้นกามารมณ์กันขนานใหญ่ขึ้นในสังคมๆ ก็เป็นสังคมบ้ากามกันไปทั่ว และผลก็เลวร้าย สิทธิมนุษยชนก็จะถูกละเมิด ศีลธรรมก็จะเสื่อมโทรมลงไป

            ดังเช่นกรณีครูดอย ครูเอ็มมา ที่ตกเป็นข่าวใหญ่และรายการถึงลูกถึงคน ช่อง 9 ได้เชิญมาแถลงชี้แจงให้คนรู้เรื่องราวขึ้น ในเดือนธันวาคม 2547 ซึ่งกลายเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการสอนเพศศึกษาขึ้นมา ก็เพราะนักเรียนบนดอยบนป่าเขา ได้รู้เรื่องเพศศึกษาและเพศสัมพันธ์ขึ้นมา โดยรู้ทางเดียวคือเรื่องเพศ ไม่มีเรื่องศีลธรรมและวัฒนธรรมมาเกี่ยวข้อง จึงพากันขาดความละอาย ก็เกิดกามารมณ์ขึ้นจนถึงระดับใจแตกแต่เด็กๆเมื่อไม่มีทางออกจึงร่วมมือกับเพื่อนนักเรียนด้วยกัน 3 คนหลอกครูเอ็มมา ซึ่งเป็นครูอาสาสมัครสอนในดอยมา 20 ปีแล้ว และเป็นครูของตนเอง ไปรุมโทรมอย่างไม่อับอาย แล้วพอเกิดเรื่องขึ้นถึงกลับกล้าขอแต่งงานกับครูอีกด้วย

            ที่เกิดเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นก็เพราะระบบการสอนเพศศึกษา มองไม่ครบองค์รวมของประโยชน์อันสมบูรณ์ นั่นเอง เมื่อมองด้านเดียวผลร้ายทางการละเมิดทางวัฒนธรรม และสิทธิมนุษยชนก็เพิ่มขึ้นศีลธรรมก็เสื่อมลงเนื่องจากการมองด้านเดียวนำภัยมาให้ อันเป็นภัยใหญ่ทางกามารมณ์ ถ้าเราเป็นนักวิจัยควรหัดวิจัยชีวิตตนเอง ที่เคยผ่านชีวิตขั้นตอนต่างๆมาแต่เด็กๆตราบจนโตเป็นผู้ใหญ่ บัดนี้แล้ว ก็จะเห็นได้ว่า กามารมณ์เป็นสิ่งที่ปลุกขึ้นได้ สำหรับเด็กๆการปลุกเซ็กซ์ก็จะมีผลให้อายุแต่งงานเร็วขึ้น ในสภาวะที่ขาดวุฒิภาวะมากขึ้น ก็กลายเป็นปัญหาสังคม ยิ่งมีรายงานการวิจัยบางชิ้นออกมาว่าเด็กไทยเสพกามตั้งแต่ 8 ขวบก็ยิ่งระวังว่าเป็นผลของการปลุกเซ็กซ์จากการเรียนการสอนเพศศึกษาที่ไม่ครบองค์รวม ดังมีตัวอย่างในสมัยแรกๆที่เริ่มมีหนังโป๊เข้ามาฉายในสังคมกรุงเทพ ก็ได้มีตัวอย่างที่น่าศึกษาเกิดขึ้นเรื่องหนึ่ง  ที่เป็นเรื่องเล่าเป็นอุทาหรณ์ในหมู่นักเที่ยวกลางคืน และเพลบอยทั้งหลาย

            กรณีหนุ่ม สาว ผัวเมีย ระยะข้าวใหม่ปลามันคู่หนึ่ง พากันชวนเพื่อนบ้านไปดูหนังเซ็กซ์ อ้างว่าเปลี่ยนบรรยากาศและเพื่อความสนุกนอกบ้านเป็นบางครั้งบางคราวก็ชวนเพื่อนสนิทกัน พาเมียของตนไปดูด้วยกัน สมัยนั้นหนังเซ็กซ์เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ตำรวจจับ ก็มีสถานที่ที่รู้กันจึงจะไปถูก มักจะอยู่มิดชิด และมีสมาชิกของตนโดยเฉพาะพอเข้าไปก็มืดตึ๊ดตื๋อ สะดือชนกันก็ไม่รู้ว่าของใครของใคร หนังเซ็กซ์ก็คือหนังที่สอนเพศสัมพันธ์หรือแสดงการร่วมเพศกันนั้นเอง มีการร่วมเพศกันนับร้อยท่า โดยเลียนแบบมาจากกามสูตรฮินดูโดยมองจากพวกกาดำคนติดเอดส์ว่า เป็นการเรียนเพศศึกษาอย่างละเอียดทุกแง่ทุกมุม ลึกซึ้ง แต่ท่านจะพิสูจน์ได้ด้วยตนเองว่า คนดีๆกลายเป็นคนลามกอนาจารไปได้อย่างไร พอเริ่มฉายก็มีฉากสถานที่ออกมาก่อน เช่นหาดทราย บังกะโล ห้อง เตียงนอน แล้วมีหญิงสาวออกมาผู้แสดงมักได้จากโสเภณี หน้าตาดีหน่อย (แต่สมัยนี้อาจจะได้คุณภาพดีกว่า แม้เด็กไร้เดียงสาก็หาได้ เช่นกรณีชวนเด็กสาวอายุ 15 ปีไปถ่ายวีซีดีลามก แล้ว 10 หนุ่มกลัดมันรุมจนเตียงหัก เป็นข่าวต้นเดือน ธ.ค.2547 ) สวมผ้าบางๆเพราะอากาศร้อนเธอก็ทำชะวับชะแวบทำผ้าหลุดทำให้เห็นของๆ เธอทั้งส่วนบนส่วนล่างบ้าง อย่างนี้คนสมัยนั้นหรือคนสมัยนี้ก็รู้ เรียกว่า ปลุกใจเสือป่าทุกคนคงได้ยินคำนี้มาแล้ว แม้จะเรียนหมอก็คงได้ยินเพราะหมอก็เคยเป็นหนุ่มมาเหมือนกัน และเมื่อตีความก็คือเป็นการปลุกอารมณ์ทางกามให้ตื่นขึ้นๆนั่นเอง ต่อมาหนังก็ให้เห็นภาพชายหนุ่มร่างกำยำแข็งแรงออกมาจากห้องน้ำ มายืนโชว์สัดส่วนและอะไรที่ตึงๆเป็นท่อนอยู่ช่วงกลางตัว พอมาถึงตอนนี้มีอารมณ์อะไรเกิดขึ้นเราทุกคนก็รู้ดี แล้วห้ามได้หรือเปล่า เปล่าเลย แต่หนังเซ็กซ์นั้นปลุกอารมณ์กันไปอย่างสุดๆ โดยใช้ศิลปการแสดง ค่อยเร้าอารมณ์ให้ค่อยร้อนไปๆจนในที่สุดสุดที่จะกลั้นความอับอาย ผัวกับเมียก็ทนไม่ได้เข้ากอดกันทำไปอย่างเดียวกับที่หนังทำอยู่ ทีแรกก็คู่ใครคู่มัน พอนานๆไปก็มั่ว ( เพราะเตรียมจะมั่วมาแต่แรกแล้ว ) ไม่รู้คู่ใครเป็นคู่ใคร เพราะมืดทั้งไฟและมืดตัณหา และหนังก็มีฉากเลิฟซีนหลายฉาก มีท่าเสพกามกันหลายท่า หลายทาง ออกพิษทางกามไปแปลกๆ เนิ่นนาน เพราะคนจัดกะเวลาได้พอเพียงที่จะจัดการกับความหื่นกระหายของคนให้ได้เต็มที่ ครั้นพอเสร็จรายการหนังจบ ไฟสว่างขึ้น พบว่าคนที่นอนกกอยู่เป็นเมียเพื่อนส่วนเมียตนเองหายไป ต้องตามหาพบว่าไปร่วมเพศอยู่กับชายนิรนาม เป็นพวกแอบแฝงมาตีกินฟรีไป ก็แค้นแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แล้วต่อมาเมียก็ตั้งท้องแล้วต่อมาก็ด่ากันไปต่างๆนาๆ แล้วต่อมาครอบครัวก็แตกหักต่างคนต่างไป กลายเป็นปัญหาสังคมเกิดขึ้นเกิดบาปกรรมแก่เด็ก ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องใดเลยกับเหตุการณ์

            นี่คือตัวอย่างที่นำมาอ้างอิงให้เห็นชัดเจนว่าการปลุกเซ็กซ์นั้นสามารถทำได้ และเมื่อปลุกเซ็กซ์ขึ้นแล้วก็ใจแตกกันตั้งแต่เด็กๆเหมือนนักเรียนชั้นประถมในอเมริกา ตามที่นักเที่ยวกลางคืนหรือเพลย์บอยคนไทยเคยมีประสบการณ์มาเมื่อประมาณ 40 ปีก่อน เล่าไว้ว่าเพียงเด็กชั้นประถม ก็มีความรู้เจนจัดยิ่งกว่า ชายไทยอายุกลางคนอย่างพวกเขา พวกเขาเป็นเพียงนักเที่ยวลิ้มลอง เล่าว่าที่ไหนก็ไม่เหมือนอเมริกาเพราะพวกเขาได้พบเด็กหญิงอเมริกัน 3 คนที่บาร์เต้นรำ ชายไทย 4 คนก็ถกกันว่าใครคนหนึ่งจะต้องอยู่ เด็กประถมศึกษาอเมริกันว่า ไม่เป็นไร ชาย 4 หญิง 3 ก็ได้ ( ชายไทยไม่ชำนาญเท่า เพราะไม่รู้วิธีการแบบชาย 4 หญิง 3 จะเสพอย่างไร แต่เด็กอเมริกันรู้ดีกว่า ) ก็ไปเสพสังวาสกันแบบนั้นๆ จนเกือบจะรุ่งแจ้ง จึงเอาเด็กไปส่งที่บ้าน ขณะไปส่ง รถวิ่งอยู่ นึกคะนองก็พากันเสพกามกันไปบนรถนั้นไปตลอดทาง แสดงให้เห็นว่าเมื่อกามถูกปลุกขึ้นแล้วก็เมามันในอารมณ์อย่างสุดขีด ไปถึงบ้านแม่ก็ด่าแหลกลาญ แบบระอาจริงๆ เมื่อวิเคราะห์ก็จะพบว่าเป็นเพราะเด็กใจแตก และเด็กไทยกำลังจะเป็นเช่นนั้นมากขึ้น เพราะการสอนเพศศึกษา อย่างไม่คำนึงถึงองค์รวมของการศึกษา

            และบัดนี้ เราจึงเสนอให้มององค์รวมว่าการสอนเพศศึกษาจะต้องมอง 3 ด้านคือ 1. วิชาความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับสุขอนามัยทางเพศ และต้องมีศิลปในการสอน  2. วิถีวัฒนธรรมไทย ที่ต้องสอนให้รู้การรักนวลสงวนตัว รู้รักในเกียรติยศของความเป็นชาย และความเป็นหญิง รู้สิทธิมนุษยชนที่สร้างศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ 3. ศีลธรรมและวัฒนธรรมทางศาสนาอย่าประพฤติผิดศีลข้อ3ให้มีความละอาย ระวังทุจริตทางกาย วจี และมโนกรรม ( อย่าคิดอกุศล ลามกอนาจาร ) ลองวิเคราะห์ให้เห็นความจริงว่า ถ้าศีลธรรมไม่กลับมาโลกาจะวินาศ หากนับถือบูชาพระพุทธศาสนาและเป็นชาวพุทธอยู่ เราต้องการความรู้สามด้านนี้มาช่วยบูรณาการ การศึกษาทางเพศศึกษาในสังคมไทยเรา เพื่อประโยชน์เบื้องต้นคือได้ความรู้ไปแต่ใจไม่แตก และเพื่อความมีวุฒิภาวะรอบด้านที่ช่วยเหลือตนเองเอาตัวรอดได้ตามกาลสมัย ไม่เป็นภัยแด่ตนเองและทั้งยังจะอนุเคราะห์ให้ ศาสนิกชนต่างศาสนาโดยเฉพาะอิสลาม ที่เคร่งครัดในวัฒนธรรมศาสนามีความสบายใจขึ้น ว่าหลักสูตรการสอนเพศศึกษาในโรงเรียน จะไม่ไปทำลายศีลธรรมและวัฒนธรรมอันดีงามของพวกเขาเช่นเดียวกัน

 

 

 

 

 

 

พระราชเสาวนีย์ เรื่องสถานการณ์สามจังหวัดภาคใต้

โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ  อังคาร 16 พ.ย. 2547  เวลา  20.10 น.

 

            คนไทยทุกหมู่เหล่า มีคณะรัฐมนตรีครบชุด ข้าราชการ พ่อค้าประชาชน เข้ารับฟังพระราชเสาวนีย์เรื่อง สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทรงเล่าเหตุการณ์จากที่ได้ทรงประสบเองระหว่างเสด็จแปรพระราชฐาน ณ ตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ จังหวัดนราธิวาส เป็นเวลาถึง 2 เดือน นานกว่าทุกๆปี ต่อไปนี้เป็นพระราชเสาวนีย์บางข้อความบางตอน

            ทรงเล่าว่าขณะประทับอยู่ที่นราธิวาสปีนี้ พบคนไทยผู้บริสุทธิ์ถูกฆ่าไม่เว้นแต่ละวัน แม้วันนี้ก็ยังฆ่าอยู่ ไม่ว่าไทยพุทธ ไทยมุสลิม จนขณะนี้ ทำมาหากินไม่ได้เลย แม้แต่น้อย นราธิวาสมีพื้นที่ใหญ่กว่า 1 ล้านไร่ มีดอกดาหลา สีขาวสวยงามมาก เงาะพันธ์น้ำตาลกรวดหวาน 30 ปีที่ตามเสด็จพระเจ้าอยู่หัวตรวจภาคใต้ทรงกำหนดโครงการต่างๆมากมายนราธิวาสมีพรุขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ ทรงพัฒนาการเลี้ยงกุ้งปากพะนัง การฝึกอาชีพแม่บ้าน คนไทยมุสลิมทำหญ้าลิเภา สวยงามมากอวดชาวต่างชาติได้ ที่ปัตตานีได้สร้างศาลาริมน้ำถวายราชินี มีงานฉลองมีขบวนแห่บายศรี แห่2ชม. อย่างสวยงามของชาวไทยมุสลิม บายศรีบุหงาซีเระ มีปลาหมอทะเลหนัก 100 กก. น่าเสียดายที่ไทยพุทธมุสลิมแตกแยกกัน ไม่เคยมีว่าชาวพุทธไล่ฆ่าชาวคริสต์ไม่มีใครฆ่าใคร แต่เดียวนี้ในสามจังหวัดภาคใต้มีการทำร้ายกันอย่างอำมหิตไปยิงแม่แก่พรากไปจากลูกพิการที่นราธิวาส ยิงพระ แต่ก่อนไม่มีเพิ่งเกิดขึ้นปีที่ 31ที่ข้าพเจ้าอยู่ ที่ยะลา อ.เมืองด้วย นั่งดูโทรทัศน์เด็ก8ขวบเอาหัวพ่อไปต่อนึกว่าจะต่อได้ ตายทั้งหมู่ไม่ทราบเหตุผลว่าอย่างไร มีใบปลิวว่า “ไอ้พวกไทยพุทธออกไปเดี๋ยวนี้จากแผ่นดินกู”  ข้าพเจ้าไม่เคยพบไม่เคยเห็นเหตุการณ์ที่ทารุณโหดร้ายเช่นนี้เลย มีใบปลิวติดว่าห้ามกรีดยาง ถ้ากรีดยางจะยิงให้ตาย เหมือนบ้านเมืองไม่มีขื่อมีคา มีคนถามว่าจะขายสวนยางไหม พอตอบว่าไม่ กลางคืนก็จะมีคนมากรีดยางทำลายยาง พวกเราไม่ได้ทำผิดอะไรทำไมจะไล่ออกไปนอกพื้นที่ ขอให้ทหารอยู่ ทหารอยู่เขามีชีวิตอยู่ ทหารออกไปเขาตาย ขอให้ ทภ.4 ฝึกอาวุธให้ เพื่อให้เกิดความสบายแม้แต่พระก็ว่าเมื่อราชินีมาเหตุการณ์เบาลง ให้แสดงพลัง การรังแกกันอย่างนี้ไม่ถูกต้อง ทหารทำดีมีชื่อเสียงมาก เขาขอร้องให้อยู่ กลับมาจะอมพะนำไว้อย่างไร ชีวิตมนุษย์สำคัญที่สุดเราจงใจที่จะช่วยชีวิตมนุษย์ เจ้าหน้าที่ชลประทานก็ถูกฆ่า การฆ่าก็โหดร้ายทารุณ ไม่น่าเป็นคนไทยมุสลิม ไม่ใช่เขาเป็นอะไรมาจากไหนก็ไม่ทราบ ขอให้ท่านทั้งหลายแสดงออกมาถึงความห่วงใยต่อประชาชนคนไทย ผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสา ผู้แทน ลูกเสือชาวบ้าน เมื่ออยู่ฆ่าวันละ 2 คน เมื่อมาฆ่าวันละ 8 คน คนบริสุทธิ์เสียชีวิตไป 300 กว่าคนแล้วซื้อที่ไว้ 600ไร่ จะให้แม่หม้ายไปอยู่ นักวิชาการการเกษตร ประมง เก่งมาก คนตายเป็นรายวัน ช่วยคิดว่าสามแสนคนจะอยู่อย่างไร เขามีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตอยู่ข้าพเจ้า 72 แล้ว สัญญาว่าจะไปหัดยิงปืนใหม่ 21.09 น. จบกระแสพระราชดำรัส สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ

            จะเห็นว่า ทรงมองสถานการณ์ว่า ร้ายแรงและไม่เป็นธรรมที่มีการก่อการร้าย โดยฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ตายไปทุกๆวัน วรรคที่ว่า “ไม่น่าเป็นคนไทยมุสลิม ( ที่พระองค์เคยรู้จักเมื่อ 30 ปีก่อนมาแล้ว ) เขาเป็นใครว่าจากใครไม่ทราบ”  เป็นที่น่าคิดมากทีเดียวและถ้าหากเขาไม่ใช่มุสลิมที่เป็นคนไทยรู้จักเมื่อ 30ปีที่แล้ว เขาจะเป็นมุสลิมพวกไหน ที่มีความโหดเหี้ยมไร้ศีลธรรม เพราะแม้ขณะประทับอยู่ก็ไม่เว้น “เมื่ออยู่ฆ่าวันละ2คน เมื่อมาฆ่าวันละ 8คน” และปฏิบัติโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ จนกระทั้งตัดคอ แล้วลูกน้อยผู้ไร้เดียงสาก็พยายามเอาหัวพ่อไปต่อเข้ากับคอของพ่อผู้ม้วยชีพไปแล้ว ทรงเสนอว่าคนไทยทุกหมู่เหล่าช่วยกันแก้ไขปัญหาโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ สามารถอยู่ได้ สามารถทำมาหากินได้เป็นปกติโดยเร็ว พระเสาวนีย์ที่ว่า “ขอให้ทหารอยู่ ทหารอยู่เขามีชีวิต ทหารออกไปเขาตาย” ชีวิตสำคัญที่สุด เราจงใจที่จะช่วยชีวิตมนุษย์ ข้าพเจ้า 72 แล้วสัญญาว่าจะไปหัดยิงปืนใหม่ บ่งความหมายอะไร คนไทยก็น่าจะเข้าใจดี รับฟังพระราชเสาวนีย์เรื่องสามจังหวัดชายแดนใต้ได้ที่

 

 

 

 

 

 

 

 

งานเมาลิดกลาง

ช่อง  11 เสาร์  20 พ.ย. 2547  เวลา 16.30 น.

 

            เปิดงานเมาริดกลาง  สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ 2พระองค์ เสด็จมาถึงสวนอัมพรเวลา 16.30 น. มีจุฬาราชมนตรี และกรรมการอิสลามแห่งประเทศไทย วัน มูหะมัด นอร์ มะทา รับเสด็จเมื่อประทับพระอาสน์แล้ว กอรีขับบทขับ สรรเสริญอัลเลาะห์ เป็นท่วงทำนองโหยหวน แฝงเจตนารมณ์ของพระเจ้า ที่จะปกครองโลกมนุษย์โดยเด็ดขาด การขับนี้ค่อนข้างนาน และน้ำเสียงของกอรีผู้ขับก็ชัดช่วง ท่วงทำนองเด็ดขาดสะเทือนความรู้สึก มีข้อความตอนหนึ่งว่า

            “จงเข้าอยู่ในความสันติ จงอย่าตามย่างเก้าของอาชญากรมารร้าย

            แท้จริงอัลเลาะห์ทรงเดชานุภาพ เพื่อพิพากษาพวกเขาอย่างยุติธรรม

            อัลเลาะห์เป็นผู้ลงโทษอย่างเด็ดขาด มนุษย์ทั้งหลายจงเป็นญาติเดียวกัน

            ต่อมาอัลเลาะห์ทรงประทานคัมภีร์มา และอัลเลาะห์ทรงชี้นำบรรดาผู้ศรัทธา

            ไปสู่ทางอันเที่ยงตรง เสมอ”

            แล้วจุฬาราชมนตรี นายสวาสดิ์ สุมาลยศักดิ์ เป็นผู้กล่าวรายงาน ฮิซเราะห์ศักราช 1425 ว่า มุฮำมัดสถาปนารัฐขึ้นที่นครมาดินะ ทรงเป็นทั้งผู้นำและผู้ปกครอง เป็นสังคมของหลายเผ่าและหลายวัฒนธรรม หนึ่งเดียว เมื่ออยู่มาดีนะ จึงได้รับอนุญาตจากอัลเลาะห์ให้ต่อสู้ได้ เมื่อถูกรุกราน ข่มเหง แล้วเบิก วัน มูหะมัด นอร์ มะทา ประธานจัดงาน กล่าวรายงาน รายงานว่า ปี 1425 สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อรำลึก มุฮำมัด ศาสดาองค์สุดท้ายแห่งศาสนาอิสลาม ( อิสลามระบุว่ามีศาสดาที่มาก่อนท่านนบีมูฮำมัดหลายองค์ ซึ่งพระคัมภีร์อัลกุรอาลได้ออกนาม ศาสดาของศาสนาอื่นว่าเป็นศาสดาของศาสนาอิสลามด้วย ได้แก่ อับบราฮามของศาสนายูดายของชาวอิสราเอล เยซูศาสดาของศาสนาคริสต์ ว่าเป็นนะบี คือทูตของพระเจ้าอัลเลาะห์ หรือศาสดาของศาสนาอิสลามยุคก่อน ซึ่งทำให้ยูดายคืออิสราเอล และชาวคริสต์ไม่พอใจตั้งแต่เริ่มต้นตั้งศาสนาอิสลามขึ้นจนปัจจุบันนี้ ) สำหรับปีนี้ได้จัดงานขึ้นระหว่างวันที่ 20 – 23 พฤศจิกายน 2547 การสร้างความสัมพันธ์อันดีงามกับศาสนิกชนอื่น และทดสอบการอ่านพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานเพื่อไปประกวดที่มาเลเซีย เบิกตัวนายอารีเพ็ญ  อุตตรสินธุ์ เลขานุการการจัดงาน เบิกตัวผู้ให้การสนับสนุนงานนับตั้งแต่ รมว.มหาดไทย (นายโภคิน  พลกุล ) ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, อธิบดีกรมการศาสนา, ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี, ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย, ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, ประธานกรรมการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เข้าเฝ้าแล้วสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีสุนทรพจน์ในนามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า ศาสนาทุกศาสนาจะต้องมีหลักธรรมคำสอนเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างผาสุกและสงบ เน้นสิ่งที่ดีมีคุณค่า ทั้งบุคคลและสังคมโลกอยู่ร่วมกันได้อย่างมีสันติสุข มีความปรารถนาดีต่อกันประเทศเราจึงอยู่ด้วยความร่มเย็นตลอดมา การที่คนมีศาสนาเป็นสรณะ เป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์ยิ่ง มั่นใจว่าทุกคนทุกฝ่ายจะปรองดองด้วยความสามัคคีธรรม เพื่อคนทุกชาติศาสนาอยู่ร่วมกันผาสุก ขอเปิดงาน ณ บัดนี้ ในนามพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  เพลงสรรเสริญพระบารมี จุฬาราชมนตรี กล่าว ขอบพระทัยว่าเป็นความเมตตาอันล้นพ้นที่พวกเราจะลืมมิได้ ขอถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมราชินีนาถ พระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกๆพระองค์ แล้วกล่าวอำนวยพรเป็นภาษาอาหรับไปหลายนาที ไม่ทราบเนื้อความว่าอย่างไร แต่พอเดาได้ว่าคงขอพรจากพระอัลเลาะห์ให้ปกป้องคุ้มครองราชย์บัลลังก์และประชาชนชาวสยาม ให้อยู่เย็นเป็นสุขตลอดไป นั่นเอง เสร็จแล้วที่ประชุมก็ทำมืออำนวยพรแบบมุสลิม กล่าวว่า ซัลลัลเลาะห์ ( คงหมายถึงองค์อัลเลาะห์เจ้าผู้ทรงกรุณา ) ฟ้าชายก็ทำมือด้วย เพื่อสรรเสริญอัลเลาะห์ พระเจ้าหลานเธอก็ทำมือด้วย แต่นายโภคิน พลกุล รมว.มหาดไทยและข้าราชการไม่ทำจบลงว่า ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ จากนี้เสด็จชมสถานที่จัดนิทรรศการ มีสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ เสื่อกระจูด ศิลปเรือกอและ โดยมีนาย วัน มูหะมัด นอร์ มะทา  และ สตรีมุสลิม นำเสด็จทอดพระเนตรทรงปราศรัยกับสตรีมุสลิมไทยอย่างเอาพระทัยใส่อย่างยิ่ง และมีผู้ถวายของแด่พระเจ้าหลานเธอทั้งสองพระองค์ มีนักขับกอรีมาจากประเทศอียิปต์ด้วย มีนิทรรศการประวัติ ท่านนบี มุฮำมัด วันที่ 22 พ.ย. 2547 จะมีการอภิปรายเรื่อง เอกภาพ สันติภาพ ภราดรภาพ ตามแนวศาสนาอิสลาม เสด็จกลับ 17.45 น.

            จากนั้นมีสารคดีแสวงบุญ ณ นครเมกกะ ชุมนุมนักแสวงบุญรอบหินกาบา

            เห็นวัฒนธรรมการแต่งกายสตรี เหมือนโซไรด้า นางพญาแห่งทะเลทราย มีผ้าคลุมศีรษะ ดูมุสลิมไทยเหมือนยุคขุนช้างขุนแผน ตอนนางพิมพิลาไลย ไปไร่ฝ้าย ก็คลุมหัว นุ่งผ้าถุงกรอมส้นเท้า อย่างนี้ ส่วนเณรแก้วถอดสบงแล้วก็คลุมหัวไปหานางพิมพ์เช่นกัน แต่เพียงเพื่อบังแดด ถ้าเพียงยิ้มมุสลิมไทยจะไม่แตกต่างอะไรเลยกับคนกรุงเทพ และมุสลิมกรุงเทพก็ยิ้มจึงดูเหมือนไทยพุทธมากที่สุด ถ้าเพียงลองแต่งกายแบบสากลชุดใดก็ได้ ก็จะดูไม่ออกเลยว่าเป็นไทยพุทธหรือไทยอิสลาม แต่ไทยอิสลามที่เห็นนี้ คงจะเหมือนกับไทยอิสลามเมื่อ 30 ปีก่อน ตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ประชุม   10 th   Asian  Summit Viengtian 2004

สทล.  29 พ.ย. 2547

 

            สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอด เอเซียนซัมมิตครั้งที่ 10 หรือ  10 th     Asian  Summit Viengtian 2004  เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเป็นครั้งแรก จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-29-30 พฤศจิกายน 2547 มีประเทศในเอเชียเข้าร่วมการประชุมทั้งหมด 10 ประเทศ ได้แก่ ลาว, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, ไทย, พม่า, กัมพูชา, เวียดนามเหนือ, เวียดนามใต้, สิงคโปร์, และยังมีออสเตรเลีย, อินเดีย, ญี่ปุ่น, จีน, เกาหลี, และแคนนาดา มาร่วมประชุมด้วย

            ลาวจัดประเทศต้อนรับแขกเมืองอย่างพิเศษ แสดงวัฒนธรรมลาว ที่เรียบง่าย วัฒนธรรมการแต่งกาย หญิงแต่งกายเรียบร้อย นุ่งผ้าซิ่น ปกปิดร่างกายมิดชิดให้ถูกวัฒนธรรมลาวไม่ให้แต่งตัวโป๊ะเปลือยอย่างเด็ดขาดห้ามออกจากบ้านเกิน 4 ทุ่ม การที่ลาวได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเชียนครั้งที่ 10 นี้ เป็นครั้งแรกที่เปิดตัวประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

            เป็นช่วงเวลาที่ สปปล. จะครบรอบ 29 ปีในวันที่ 2 ธันวาคม 2547 เป็นวันชาติของประเทศลาวแต่การประชุมอาเซียน วันนี้เป็นการประชุมวันที่ 2 สถานีโทรทัศน์ลาว หรือ สททล. ได้ออกข่าวประชุมมาตามลับดับ วันนี้ได้นำรายการพิเศษ ซึ่งแนะนำประเทศเพื่อนบ้านของลาว มีเวียดนาม และประเทศเอเชียนอื่นมา ออกรายการตลอดวัน จนกระทั่งเวลาเย็น จะมีงานราตรีสโมสรหรือกาลาดินเนอร์ต้อนรับผู้แทนประเทศต่างๆ ณ ห้องประชุมใหญ่แห่งชาติลาว ที่ศูนย์การค้าของลาว

            จากรายงานสดที่เห็น งานราตรีสโมสร กาลาดินเนอร์ หรือ Gala dinner For The 10th  Asian Summit and Related Summit   29 November 2004 Viengtian Loa  ในงานราตรีสโมสรที่จัดเลี้ยงเป็นโต๊ะกลมใหญ่ดูคับคั่ง เห็นโมฮานสิงห์  อินเดียมีผ้าพันศีรษะคล้ายๆหมวกทรงสูงเคราขาว เด่นกว่าเพื่อนคงคิดว่าอินเดียเป็นประเทศใหญ่ที่สุด ก็ต้องวางมาดหน่อย อะไรทำนองนั้น นรม.อินเดียท่านนี้ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ นับถือศาสนาซิกส์ ดูบุคลิกภาพค่อนข้างเย็นเยือก ทำอารมณ์ให้ไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาว พยายามแสดงตนว่าตนเป็นชาวซิกส์ที่ดีตามคำสอนของศาสนาซิกส์ แสดงท่าว่าเคร่งศาสนา ไม่เข้าใจคำว่ายึดมั่นถือมั่น ตามหลักศาสนาพุทธแล้วกล้องวาดไปที่ นรม.จีน เกาหลีใต้ ส่วนไทย ดร.ทักษิณ ชินวัตร นั่งใกล้นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย นายจอห์น โฮเวิด คุยกับโฮเวิดอยู่ เห็นโคอิสุมิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นนั่งข้างนายกรัฐมนตรีฮุนเซนกัมพูชา อีกข้างของฮุนเซนเป็นโมฮานสิงห์ ถัดโคอิสุมิ เป็นนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นายอับดุลเลาะห์ อาหมัดบาดาวี ต่อไปเป็นนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเจ้าภาพ แล้วนายกรัฐมนตรีลาวออกไปที่ โพเดียม พูดลาว มีล่ามแปลเป็นอังกฤษ อีกทีหนึ่ง ว่าการประชุมครั้งนี้เพื่อความสนิทสนมกันระหว่างประเทศอาเซียนหวังว่าท่านจะได้รับความสะดวกสบายขณะอยู่ที่ลาว

            จากนี้เป็นการแสดงของชนเผ่าลาว มีวงดนตรีลาวมาบรรเลง เริ่มต้นที่ดนตรีแคน ซึ่งเป็นดนตรีประจำชาติลาว แสดงถึงสัญลักษณ์ของความเป็นลาวสามารถเป่าทั้งลำฟ้อนด้วย มีพิธีกรออกมาบรรยายเรื่องแคนลาวก่อน แคน 1 บรรเลงนำก่อน แล้วมีแคน 2-3-4 ตาม ไพเราะมาก เป็นสุดยอดดนตรีแคนจริงๆ แต่ยังไม่หมดเท่านี้ยังมีแคนเข้ามาร่วมสมทบอีกกลุ่มใหญ่ เป็นกองทัพแคน เล่น ทำนองลำเต้ย มีความไพเราะน่าฟังน่าดูน่าชมสมศักดิ์ศรีดนตรีประจำชาติลาว ต่อไปเป็นการแสดงชุดนักรบกับชุดพื้นบ้านชายหญิงเผ่าต่างๆดูหนุ่มสาวชาวลาวแล้ว คล้ายว่าไม่ต่างอะไรเลยกับหนุ่มสาวชาวบางกอก กรุงเทพมหานคร คล้ายจนแยกไม่ออก เมื่ออยู่ในชุดคนเผ่าต่างๆ ก็ดูเหมือนว่าเอาชาวกรุงเทพมาแต่งแฟชั่นเท่านั้นเอง สิ่งที่สร้างความเหมือนระหว่างลาวกับไทยแท้จริงคืออารมณ์ภายในที่เยือกเย็น สงบ แฝงมิตรภาพและความปรารถนาดีและรอยยิ้มบนริมฝีปากและดวงตา แล้วมีชุดชาวกรุงในราชสำนักลาว หนุ่มสาวซึ่งก็เหมือนไทยอีก ชายนุ่งโจงกระเบน หญิงนุ่งสะไบเฉียงผมรัดเกล้า ผู้นำอาเซียนจะนึกอย่างไรเมื่อได้เห็น น่าจะนึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าไทยกับลาวนี่เป็นแผ่นดินเดียวกันหรืออย่างไร อะไรเป็นอะไรในประวัติศาสตร์ แต่ฝรั่งเศสมาประชุมด้วยก็คงไม่สงสัย และนึกได้ว่าครั้งหนึ่งไทยเป็นมหาอำนาจในเอเชียอาคเนย์เลยทีเดียว ซึ่งผู้นำหลายๆคนในที่นี้ก็คงจะนึกขยาดไทยอยู่เหมือนกันเมื่อระลึกประวัติศาสตร์

            และที่น่าชมก็คือ ไม่มีชุดหวือวา ล้วนเป็นชุดห่มคลุมมิดชิดทั้งสิ้นแต่กลับน่าดู น่าชมได้อย่างสนิทใจ และมีความงามอย่างเยียบเย็นทีเดียว เห็นนายกรัฐมนตรีบันดาวีมาเลเซียมองดูอย่างสนใจ คงนึกว่ามุสลิมในมาเลเซียคลุมมิดชิดกว่า ? บาดาวี ดูไปด้วยเคี้ยวกินอาหารไปด้วยอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ทราบว่าอาหารที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซียรับประทานเป็นฮาลาลหรือเปล่า ดูออกรสมาก ๆ ทั้งหมดเป็นการแสดงผ้าลาว มีทั้งผ้าไหมและผ้าฝ้าย สีสรทันสมัยมีรสนิยมสากล

            พอจบรายการนักแสดงแบบพาเหรดออกมาอีกครั้ง เสียงปรบมือกราวใหญ่สนั่น แล้วมีลีลานาฏศิลปที่สวยงามมาก มีสตรีสวยงามหลายคนช่วยกันหามผืนผ้าแพรสีเขียวอ่อนสดดั่งใบไม้ผืนใหญ่ยาว เข้ามาห่มเวทีคล้ายเป็นฉากป่าไม้ที่ร่มรื่น แล้วมีผีเสื้อสวยงาม มีช้าง สิงสาราสัตว์ออกมาโลดเต้น และมีระบำนกสีเขียวแสดงโดยสาว วัยรุ่นกันทั้งนั้น แล้วมีระบำกวางทอง มีหนุมาน ออกมาตีลังกาตามกวางทองไปดูสดชื้นมาก นับว่าเป็นศิลปะความคิดที่เยี่ยมยอดจริงๆแล้วมีรำอธิษฐาน รำเทียนนับร้อยเล่ม แล้วมีพาย เทียนดับหมดแล้วลิงหนุมานอกมาเต้นเหมือนไทยมากเลยเพลงก็เพลงเดียวกันกับรำไทย น่าฉุกคิดว่าทั้งหมดนี้มีครูรำไทยไปให้ความช่วยเหลืออยู่กระมัง? ชุดต่อมาเป็นรำทำนองทักทายแขกเมือง แล้วระบำห่วง แล้วชุด  Wellcome to Loa. เพลงไทยชื่อสมัครสมานอาเซียนชื้นบาน แล้วเป็นการแสดงธง เอาธงประเทศอาเซียนออกมารำรื่นเริง แล้วเพลงมาเลเซีย บาดาวี ชอบใจมาก แล้วก็ Song from Thailand. คือ ลอยกระทง พอเพลงขึ้นกล้องจับที่นายกรัฐมนตรีเจ้าของประเทศ เห็น นรม.ทักษิณ พิงพนักยิ้มดู เวียดนาม แล้ว China กล้องจับนายกรัฐมนตรีจีน นายหวัง เจีย เป่า พอเสียงดังขึ้นพอใจปรบมือใหญ่ นายกรัฐมนตรีจีนค่อนข้างจะสงวนท่าที วางตัวเป็นผู้ใหญ่ใจดี แล้วมาถึงเพลงญี่ปุ่น คิอิสุมิ ยิ้มรับ หน้าผากแดงเป่ง คงกินเบียร์เข้าไปมาก สาวผู้ขับร้องก็หน้าตาเต่งตึงดี ของญี่ปุ่นมีแถมเล่นไวโอลินด้วย ถือว่าพิเศษกว่าประเทศอื่นๆ พอจบลงโคอิสุมิพอใจถึงกับลุกขึ้นยืน ปรบมือให้ ( ผู้นำคนอื่นไม่ลุกขึ้นยืน ) ต่อมาเกาหลีใต้ซึ่งมีคุณหญิงไปด้วย เห็นได้ว่า พอใจมากแล้วมาถึงอินเดีย มานโมฮันสิงห์ ใส่แว่นตา ขยับมองดูเห็นนักเต้นลาวยักคอก็เป็นเหมือนระบำอินเดียจริงๆ เพลงชื่อว่า นาซาริยา ไพเราะมาก ต่อจากนั้นเป็นการต้อนรับออสเตรเลีย โฮเวิดกับคุณนายทำหน้าเบ้ กลั้นใจฟังแล้วพอใจกันขนาดปรบมือไม่ยังเลยทีเดียวเป็นเพลงฝรั่งเล่นจังหวะดี น่าเต้น คานาดา นรม. หญิงพอใจมากพอจบลุกปรบมือให้ จบลงด้วยลาว เพลงเย็นสบายๆชื่อ เฮาลูกชาวนา แล้วปิดรายการด้วย Asia we are one เราหวังว่าท่านจะจำคืนนี้ได้ จบลง นายกรัฐมนตรีลาว มีสีหน้าพอใจในการแสดงชุดนี้มากจนหน้าแดงก่ำน้ำตาแทบไหล ถือว่าจบลงด้วยความสำเร็จอย่างสมบูรณ์ในการเป็นเจ้าภาพของลาว จบ 22.50 น.

 

 

 

 

 

 

 

ชุมทางเสียงทอง

ช่อง  7  ศุกร์ที่  3 ธ.ค. 2547 

เวลา 11.30 – 12.30 น.

 

            รายการก่อนเที่ยงวัน ผู้ชมที่มีรสนิยมละเอียดประณีต คงเหมาะแก่เวลาอาหาร พอดีชมรายการนี้น่าจะอิ่มอร่อยด้วยเพลงและอาหารไปพร้อมกัน เป็นรายการที่มีมาตรฐานทีเดียว มีการชิงแชมป์เป็นรายเดือนเพื่อส่งเสริมการขับร้องเพลงมีคนมากมายที่เข้าสู่รายการนี้ มีพิธีกร 3 คนแล้วก็มีนักร้องผู้คร่ำหวอดบนเวที และนักร้องใหม่ๆผู้ที่มาชิงแชมป์ มีกรรมการผู้ตัดสินที่ทรงคุณวุฒิน่าเลื่อมใส มีโฆษณานักร้องอย่าง แมงปอชลธิชา ที่ร้องเพลงชุด ตามหาสมชาย, สมชายเปลี่ยนไป, นางสาวแนนซี่และจ๊อบแอนด์จอย  หมอลำพันลาย ชุด “ปลาแดกแลกสะตอ”และมีนักร้องผู้มีผลงานอัลบั้มใหม่คือ ณิชา ดารินทร์ ออกอัลบั้ม สาวเมืองลำปาง แนวเพลงหวานๆซึ้งๆเป็นไทย เมื่อฟังก็ซึ้งไปกับคำว่าน้ำตาหล่น ทำให้รู้สึกว่าลำปางเมืองเหนือยังคงสะท้อนสาวเมืองเหนือที่ชอกช้ำมาในอดีต ตั้งแต่ยุคสาวเครือฟ้า ทำไม่น้ำตาสาวชาวเหนือจึงไม่รู้เหือดไปเสียที แม้ยุคที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นชาวเหนือ ดูรายการนี้แล้วก็ซึ้งใจกับการเห็นที่เป็นการต่อสู้ของผู้หญิงในยุคหัวเลี้ยวหัวต่อแห่งวัตถุนิยมนี้มาสร้างความครื้นเครงได้อย่างเหมาะ รายการนี้พยายามที่จะตรงไปสู่เป้าหมาย คือ ชุมทางแห่งนักร้องแสงทอง มีวงดนตรีมาตรฐาน มีสิ่งที่เห็นอีกอย่างที่น่าสนใจก็คือรายการนี้ค่อนข้างประกอบด้วย บุคลิกภาพของคนที่มาในรายการทีเป็นมาตรฐานทีเดียวมีความเป็นศิลปินแม้นักร้องใหม่ๆ ที่มาแข่งขันก็ดูได้บุคลิกภาพที่ดีๆ ไปด้วยทุกๆคนได้เห็นบุคคลแสดงบุคลิกภาพที่สุภาพ เต็มไปด้วยศิลป ความสบายเป็นธรรมชาติและความปรารถนาดีจริงใจ น่าจะดีไปเช่นนี้นาน

 

 

 

 

 

 

คุยคุ้ยข่าว

ช่อง  9 ศุกร์ที่ 3  ธ.ค. 2547  เวลา 21.40 น.

 

            ข่าวเรื่องหลอกเด็กสาวอายุ 15 ปีไปถ่ายวิซีดีลามก คุยคุ้ยข่าวให้กระจ่างแจ้ง รู้อะไรต่ออะไรชัดเจนขึ้น กนก รัตน์วงศ์สกุล กับ สรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ถามตำรวจว่า ข้อหาเป็นอย่างไร ก็ต้องเป็นหลอกลวงเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีข่าวเดิมว่าตำรวจไปบ้านที่ถ่ายทำมา พบร่องรอยหลายอย่าง เป็นที่ชุมนุมมั่วเซ็กกันจนเตียงหัก ผู้ชายก็เป็นโขลง การพบถุงยางอนามัยถึง 10ถุงหมายถึงถูกรุมโทรมจากชาย 10คนหรือไม่ก็ยินยอมรับทั้งกองทัพ เช่นนั้นละกระมัง และเธอก็ได้ประสบการณ์อย่างเมามันไปอีกแบบหนึ่งจนเตียงหัก ผู้หญิงแค่เด็กสองคน สองสาวไปได้เงินเพียง 5,000 บาท เป็นค่าแสดงลามกอนาจาร แต่ค่าตัวได้เท่าไหร่ คุยคุ้ยข่าวไม่ยอมคุย เราว่าอะไรที่ควรตำหนิดังๆก็ควรตำหนิบ้าง ไม่งั้น เด็กอื่นจะไม่รู้ ไม่เข้าใจ และไม่ยำเกรง เราเห็นว่าสิ่งที่ลูกผู้หญิงจะสำนึกให้มากก็คือ ศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงอยู่ที่ไหน มีผู้หญิงส่วนหนึ่งเรียกร้องศักดิศรีลูกผู้หญิง เพื่อความเท่าเทียมกันทางเพศ แต่ผู้หญิงวัยรุ่นๆเช่นนี้กับไม่รู้จัก พยายามทำลายศักดิ์ศรีของตนเองอยู่แล้วอยู่เล่า โตมาแล้วรู้หรือไม่ว่าศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงอยู่ที่ไหน รู้จักความเป็นคนหรือ Human right บ้างหรือไม่ไม่มีใครสอนเรื่องนี้แก่เด็ก มีแต่สอนเพศศึกษาที่ปลุกกามารมณ์ หรือจะสอนแต่เรื่องจะทำตนให้ตกต่ำด้วยการฝังอารมณ์ทางเซ็กเข้าไปในจิตใจความรู้สึกของเด็กในนาม เพศศึกษา คำว่า รักนวลสงวนตัวไม่รู้จัก คำว่าศีลธรรมไม่รู้จัก จึงถูกย่ำยีศักดิ์ศรีอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่นึกละอายใจ แล้วยังรุ่นหนุ่มสาวอยู่ต่อไปก็คงใจแตกเละเทะ เพราะกามารมณ์รุมเร้า หรือไม่ก็เป็นปัญหาสร้างปัญหาให้บิดามารดาต่อไป ต่อสังคมอีกน่าจะมองเหตุผลตรงนี้ล่วงหน้าเอาไว้

 

 

 

 

 

 

Hot news

ไอทีวี  ศุกร์  3 ธ.ค. 2547  เวลา 22.20 น.

 

            กิตติ  สิงหาปัด มองเหตุการณ์รอบๆ ใกล้ไกล ล่าสุดนกสันติภาพเพิ่มเป็น 120 ล้านตัวแล้ว แสดงถึงความห่วงใจของคนไทยทั้งประเทศ คณะกรรมการ พิเชษ  สุนทรพิพิธ ประธานแถลงเรื่องสอบสวนกรณีตากใบ ตาย 85 ศพเพราะอะไร ใครผิดใครถูก ยังสรุปไม่ได้ มีแนวโน้มว่าจะมีการออกกฎหมายใหม่ออกมาสำหรับภาคใต้ จับแกนนำโจรใต้ จู่โจมพร้อมๆกันถึง 5 จุดในปัตตานี จับได้ 8 คน ที่เกี่ยวข้องกับการโจมตีสถานีตำรวจและเผาโรงเรียนหลายแห่ง พบหลักฐานเป็น มีด เอกสาร เรื่องการเสนอเลื่อนวันเลือกตั้งขึ้นมา ทั้งโหรทั้งหมอดูใต้ต้นมะขามสนามหลวง ก็วิพากษ์กันใหญ่

 

 

 

 

 

 

 

 

คุยคุ้ยข่าว

ช่อง 9  6 ธ.ค. 2547  เวลา 21.30 น.

 

            สรยุทธ  สุทัศนะจินดา  กนก รัตน์วงศ์สกุล  เอากรณีครูดอยมาพูดต่อ เพราะเมื่อครูเอ็มม่า มาออกรายการแล้ว ทางชมรมไทยอาข่าได้ออกมาตอบโต้ด้วยการออกแถลงการณ์ว่า ที่ครูดอยได้พูดในรายการวันนั้นเป็นเรื่องโกหก ครูเอ็มม่า แต่งเรื่องขึ้นมากล่าวผิดความจริงไปหมด และเล่าประวัติครูเอ็มม่าว่า เขาทำงานเอดส์ไร้ผลงาน จึงมาเป็นครูดอย ชอบมีพฤติกรรมเข้าหาวัยรุ่น ชอบนุ่งกระโปรงสั้นยั่วเด็กๆ ชอบประพฤติตนเสียหายทำลายวัฒนธรรมชาวเขา เพราะครูมั่งเซ็กส์ วางแผนเด็กไปมั่วเซ็กส์และขอแต่งงานกับลูกศิษย์คือ นายปฏิพงษ์ ประธานเยาวชนอาข่าที่ข่มขืนตน ส่วนครูเอ็มม่า พูดทางโทรศัพท์เข้ามา กล่าวว่าตนไปสอนชาวอาข่าอยู่ถึง 20 กว่าปี มีอุดมการณ์ในการพัฒนา การพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่คนอื่นว่าขนาดครูผู้รองจาก พ่อ แม่ เขาเข้าก็ยังทำเรื่องเสื่อมเสียเช่นนี้ได้เธอค่อนข้างพูดหนักแน่นว่า สาบานได้เลยว่า เด็กเหิมเกริมขอแต่งงานด้วย โดยเด็กอ้างว่าเมื่อมีเรื่องแล้วก็แต่งงานกันจะได้หมดเรื่องหมดราว สาบานกับพระพุทธเจ้าได้เลยว่าไม่เคย ส่วนที่ว่าชอบนุ่งกระโปรงสั้นบอกว่าไม่เคยนุ่งแต่กางเกงยีนส์เพราะว่ามันหนาว เขาทำให้เรื่องมันใหญ่แต่แรกเอง ขอเถะอย่าใช้กฎหมู่ กำลังปรึกษามูลนิธิเพื่อนหญิงขอให้ยุติการพูด แม่กำลังเสียใจอย่างมากๆ

            เรื่องนี้น่างงมาก ที่แต่ละฝ่ายต่างพูดกันราวกับฟ้าและดินนั่นหมายความว่ามีฝ่ายหนึ่งกำลังพูดโกหกข้อสังเกตก็ครูเอ็มม่า เป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบ ส่วนชาวดอยรวมกันเป็นกลุ่มอิทธิพลน่าสะสางคดีนี้ออกมาอย่างแจ่มแจ้งบ้าง เพื่อให้รู้ว่า ชาวดอยเข้าทำให้ความศรัทธาของคนในแผ่นดินสิ้นไปหมดจริงๆหรือ

 

 

 

 

 

 

 

 

รายการคุณพระช่วย

ช่อง 9  จันทร์ที่ 20ธ.ค.  2547  เวลา 22.00 น.

 

            ธงชัย  ประสงค์สันติ กับพรรคพวก 3 นาย มี ทอดต์  ทองดี กับ เท่ง จากชัยบดินทร์โชว์ รวมเป็นสาม รายการนี้นับว่าเด่นด้วยการออกแบบฉากและความหมายของรายการ การแต่งตัวเป็นเอกลักษณ์ ที่สะท้อนความเป็นไทยโดยให้ภาพการมองทางจอแก้วออกมาสว่าง เจิดจ้า คม ชัด ลึกดีมาก วันนี้เอานาฏศิลป์รามเกียรตินานาชาติมาแสดง เอานาฏศิลป์เขมรมาให้ทอดต์  ทองดี สัมภาษณ์ด้วยภาษาอังกฤษ ว่า นาฏศิลป์ที่นำมาแสดงนี้มีการฝึกมา 24 ปี เอาภาพที่ปรากฏที่นครวัดมาเป็นแบบเครื่องแต่งกายโขนรามายณะ โขนเขมรตอนหนุมานเกี่ยวนางสุพรรณมัจฉา โขนเขมรเหมือนโขนไทย แล้วเอาของมาเลเซียมา แล้วมีครูมืด มาให้ความรู้เกี่ยวกับโขน วันละคำ วันนี้มีคำว่า “หาบจะงาม หรือหาบจะดี” ซึ่งครูมืดเล่าเรื่อง นิลพัทธ รบลองฤทธิ์กับหนุมาน แล้วพระรามกริ้วว่า มากคนมากความ และส่งนิลพัทธกลับไปเฝ้าเมือง รามยณะจากมาเลเซีย นางสีดาออกมาร่ายรำก่อน ในท่ากังวลถึงพระราม แล้วพระราม ท่าทางดูดุๆและเอาคนดำๆมาเล่น สวมชุดออกเขียวคล้ำเลยดูพระรามมืดไปหน่อย ออกจะแปลกไปจากโขนไทยและเขมร อาจเป็นที่ตัวบุคคลก็ได้พระเอกหน้าเอเชียหน่อย คือดั้งจมูกหักลงไปหน่อย ส่วนนางสีดามาเลเซียสวยหวานมาก ของมาเลเซียไม่สวมชฎายอดแหลมอย่างไทย – เขมร แต่เป็นชฎาหัวตัด เอาพุ่มพวงดอกไม้ ประดับด้านบนชฎา ทำให้หน้านางกลมเกลี้ยง ครูจาตุรงค์  มนตรีศาสตร์ ให้ความเห็นว่า โขนไทยมีจุดเด่นที่ ธรรมะย่อมชนะอธรรม เราจัดชุดยกทัพไปรบกันระหว่างธรรมะและอธรรมเสมอ

            คุณจิตรา  มลิวรรณ  จาก อ.น้ำเกลี้ยง  จ.ศรีสะเกษ ได้รับรางวัลขิม จับสลาก รายการคุณพระช่วย เอาโขนไทยมาชมอีกครั้ง แบบว่า รีเพลย์

            ที่จริงโขนไทยก็คือโขนไทย คือ น่าเบื่อ เห็นแต่ลิง กับ ยักษ์ พอออกมาก็เต้นลิงเต้นลิง ยักษ์เต้นยักษ์เหมือนเดิม น่าเบื่อ เพราะทำอยู่แค่นี้มาร่วมๆร้อยๆปีแล้ว น่าคิดว่า จะมีสักกี่คน ที่ซาบซึ้งมีความสุข สงัดในศิลปะอันเลิศประเสริฐจริงๆ อย่างวันนี้ ดูโขนมาเลเซียน่าชมกว่า เพราะแปลก ไม่เคยเห็นและดูของกัมพูชาแล้ว ทำให้นึกไปถึงท่านคึกฤทธิ์  ปราโมช ท่านเคยวิจารณ์โขนไทย โขนเขมรไว้ว่า ท่านว่าโขนนางไทย เดี๋ยวนี้ชอบทำตากับคนชม ทำเป็นยิ้มๆบ้าง  ชายตาบ้าง  ซึ่งไม่เหมือนแบบดั่งเดิมของโขนไทย แต่แบบดั้งเดิมนี้กลับไปปรากฏที่เขมร  คือโขนนางเขมรจะวางสายตาไม่ให้ยินดียินร้าย ปราศจากความรู้สึกกับสิ่งภายนอก ท่านคึกฤทธิ์คล้ายจะมองเลยไปว่า นั่นเป็นธรรมะในนาฏศิลป์ที่ลึกซึ้ง

 

 

 

 

 

 

ทสึนามิ

26 ธ.ค.  2547

 

            ทสึนามิ  วันที่ 26 ธันวาคม  2547  เวลา  10.00 น.

            ผลของทสึนามิ ในวันที่ 26 ธันวาคม  2547  ก็คือประชาชนในเอเชียและแอฟริกาตะวันออกเสียชีวิต กว่า  156,063  ศพโดยอยู่ที่อินโดนีเซียมากที่สุด 104,055 ศพ ศรีลังกา 30,721 ศพ อินเดีย 15,636 ศพ ไทย 5,305 ศพ มาเลเซีย 74 ศพ มัลดีฟส์  74ศพ บังคลาเทศ 2 ศพ และประเทศในแอฟริกา รวมทั้ง เคนยา แทนซาเนีย โซมาเลีย เซเซลล์ มาดากัสการ์ รวม 137 ศพ นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายในแต่ละประเทศอีกรวมกันหลายหมื่นคน สำหรับประเทศไทย 6 จังหวัดที่เสียหายมากที่สุดก็คือ ระนอง ภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง สตูล ที่อยู่ชายฝั่งทะเลอันดามัน อันเป็นแถบท่องเที่ยวคุณภาพของไทยถูกทำลายยับเยิน เป็นมหาภัยแผ่นดินไหวถึง 9.00 ริกเตอร์ จึงเกิดคลื่นใหญ่ ทสึนามิขึ้นมาทำลายทั้งชีวิตและทรัพย์สินให้สูญหายไปภายในเวลาวันเดียว นับเป็นพิบัติภัยครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศแถบทะเลอันดามัน จนประเทศต่างๆทั่วโลกยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือครั้งมโหฬาร

 

 

 

 

 

 

 

ถึงลูกถึงคน

ช่อง  3  พุธ  9 ก.พ.  2548  เวลา 07.30 น.

 

            สรยุทธ  สุทัศนะจินดา  กับ อรปรียา  หุ่นศาสตร์ อ้างข่าวหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ให้ฉายา “พระนักปล้ำ” บ้าง “พระจอมปล้ำ” บ้าง  “พระคลำสีกา” บ้าง “นักเทศน์ชื่อดัง ” บ้าง แก่พระวัดไทรเหนือ ตำบลไทรเหนือ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ชื่อ “พระครูนิเทศธรรมคุณ” ชื่อที่บอกความนัยของ พระนักเทศน์ เป็นเจ้าอาวาสวัดนี้ และเป็นรองเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์อีกตำแหน่งหนึ่ง เล่าเรื่องค่อนข้างละเอียดใน แง่มุมที่น่ารังเกียจ

            ข่าวถูกเปิดเผยจากไอทีวีก่อน เพราะไอทีวีมีส่วนวางแผนในการสืบข้อมูลหลักฐานผูกมัดจำเลยขึ้นมา ด้วยการคบคิดกับผู้เสียหาย แอบเอากล้องเข้าไปซ่อนไว้ เก็บภาพได้ตั้งแต่เริ่มต้น ไปจนถึงมีการปลุกปล้ำ ลูบคลำเห็นภาพหญิงนบมือแล้วผู้ต้องหาจับต้องลูบคลำ โอบกอดรัดฟัดเหวี่ยง ทีแรกผู้ต้องหาปฏิเสธโดยกล่าวทันทีว่า “อาตมาถูกกลั่นแกล้งแน่นอน” และทำท่าว่าจะเป็นเรื่องราวที่ยืดเยื้อ แต่เช้าวันนี้ มีรายงานว่าผู้ต้องหาหนีไปแล้วตั้งแต่ตี 3โดยมีบริวารตามไปด้วยเป็นขบวนรถ ทางรายการใช้คำว่า “ไปกันเป็นคาราวาน”เลย ทิ้งจดหมายลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสไว้ ไม่ได้ลาสิกขา เบื้องหลังมีทรัพย์สมบัติมาก เป็นนักสะสมรถเก๋งยี่ห้อดีๆ นับแต่ เบนซ์ ซีคลาส ลงมาถึง 7คัน เคยมีข่าวว่าเป็นนักสะสมรถยนต์มาแล้วครั้งหนึ่ง

            กรณีนี้อยู่ที่ผู้เสียหายและตำรวจ และฝ่ายบ้านเมือง ถ้าฝ่ายบ้านเมืองถือว่าผิดกฎหมายก็สามารถเอาตัวมาดำเนินคดีได้ เพราะกฎหมายไทยไม่ได้มีข้อยกเว้นแก่ผู้ที่อยู่ในเพศบรรพชิต เสมอกันหมดตามกฎหมายและกรณีเช่นนี้ ทางพระวินัยยังไม่ถึงอาบัติหนักถึงต้องลาสิกขา แต่โดยธรรมเนียมนิยมมาแต่สมัยสมเด็จพระมหาสมณะเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เป็นผู้ปกครองสงฆ์ ถือว่าเป็นโลกวัชชะ หมายถึงให้สึกตามธรรมเนียมนิยมภายหลัง ไม่ใช่ตามพระธรรมวินัยที่องค์พระศาสดาบัญญัติไว้ ในด้านธรรมะ ถือว่าพ่ายด้วยความประมาท น่าจะรำลึกองค์พระศาสดา แม้เมื่อจักเสด็จดับขันธ์รินิพพาน ก็ทรงมีปัจฉิมโอวาทไว้ แด่หมู่สงฆ์ที่มิใช่สงฆ์ธรรมดา แต่ล้วนระดับพระอรหันต์ที่แวดล้อมขณะ จะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานว่า วยธมมา  สงขารา อปมาเทนสัมปาเทถ

สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดาจงยังความไม่ประมาทเช่นนี้ จักรอดอย่างไรได้ แต่ที่เป็นประเด็นก็คือ ทำให้เสื่อมเสียสถาบัน ให้หมู่พวกที่บริสุทธิ์พลอยอับอายขายหน้าไปด้วยและตกเป็นขี้ปากของพวกสื่อสารมวลชนวันแล้ววันเล่า และตกเป็นเป้าหมายของการขบขัน การมองอย่างตลกๆ เมื่อเห็นพระสงฆ์องค์ชี ที่ ท่าทีดูสงบ แต่ภายในคุกกรุ่นอยู่ในเพลิงกามขนาดเฒ่าชราภาพแล้วยังไม่เจียมสังขาร

            กรณีนี้ ผู้ถูกกล่าวหาเป็นระดับรองเจ้าคณะจังหวัด อยู่ในเพศบรรพชิตมาถึง 43 พรรษา อายุ 63 ปีมีสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นพิเศษ การก้าวหน้ามาสู่สมณศักดิ์และตำแหน่งใหญ่โตขนาดนี้ ก็ยังเอาตัวไม่รอด เป็นกรณีที่ยืนยันว่าสัจธรรมที่ว่า “กุลบุตรได้อุทิศชีวิตบวชเข้ามาในบวรพุทธศาสนา แต่หาได้มีการฝึกฝนทางกรรมฐานและวิปัสสนาญาณไม่ แม้บวชได้ร้อยปีก็เป็นได้เพียงแค่คนแก่ๆเพียงคนหนึ่ง เช่นนี้เรียกว่าใช้ชีวิตสูญเปล่าไปทั้งชีวิตเพราะเหตุที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ในความหมายของการบวช ยังจะมีคนแก่ๆ อีกกี่คนที่ใช้ชีวิตอย่างต้องทนทุกข์เพราะกาม และเสี่ยงต่อการถูกทำลายจากมารตัณหา เหตุที่ไม่รู้จักการฝึกฝนตนเองในหลักไตรสิกขา วิถีทางมรรคผลของพระบรมศาสดา

 

 

 

 

 

 

 

ผู้หญิงถึงผู้หญิง

ช่อง 3  พุธ 9 ก.พ.  2548  เวลา 09.00 น.

 

พัชรศรี  เบญจมาศ  , มีสุข  แจ้งมีสุข  , พิมลวรรณ  ศุภยางค์  ,  พรหมพร  ยูวะเวช  สี่สาวพูดถึงญี่ปุ่น  ว่าเป็นประเทศที่เอาร้องกามมาเผยแผ่มากที่สุด และว่าอินโดนีเซียจะออกกฎหมายศีลธรรม กำหนดความผิดของการจูบในที่สาธารณะ มีความผิดถึงขึ้นติดคุก 6 เดือน กฎหมายนี้ยังเป็นร่างอยู่ คาดว่าจะนำเข้าสภาใน เร็วๆนี้ รายการวันนี้ ดูเหมือนจะมี เอสเอ็มเอสเข้าถี่ผิดปกติ และแต่ละคำเข้ามาจะจีบเจ้าของรายการด้วยคำหวานอย่างทั่วถึง ทั้งสามสาวสี่สาวว่า มีสุข ยิ้มสวยมากรู้ตัวหรือเปล่า ว่า

มีสุข กินข้าวกับอะไรจึงได้สวยอย่างนี้ ว่า กาละแม เก่งสวย แสนดีอย่างนี้ทำไมยังไม่แต่งงาน ว่ากะละแม ( หมายถึงพัชรศรี ) ก็สวยไปอีกแบบหนึ่ง เก่ง ว่าปุ้ยวันนี้ไฮโซมาก ( พิมลวรรณแต่งตัวหรูกว่าวันก่อนๆ ) ว่าพรหมพร ยูวะเวช ก็น่ารัก ว่าสี่สาวน่ารักไปหมดทำให้เกิดภาพคล้ายๆถูกรุมจีบ หรือว่าแทะโลมก็อาจจะไม่เกินจริงนัก ก็ไม่แน่ใจว่าจริงเพียงไหน อาจจะเหมือนกรณีของ สิทธิณี กิตติสัทโธ คือมีขบวนการเปลี่ยนแปลงตัวเลขเคาเตอร์เพจของเวปไซท์ให้เกินจริง มีฉากจูบกันใต้น้ำของภาพยนตร์หรือการแสดง โดยแสดงแบบอย่างการจูบ เหมือนที่ดาราภาพยนตร์อเมริกันพยายามจะสอนคนในวัฒนธรรมอื่นที่ไม่มีการจูบ จนพัชรศรีร้องว่าพอๆ ๆ จูบอะไรกันขนาดนั้น มีสปอทโฆษณาปัญหาครอบครัวนับว่าดีมาก เข้าเป้าตรงประเด็นปัญหาครอบครัวเลยทีเดียว มีเสียงผู้ชายพอได้ยินว่า “กลับมาก็ดีแล้ว จะไม่ให้กลับมาเลยหรืออย่างไร เอาอย่างนั้นๆหรือ” ในสปอทนี้เราไม่ทราบ ว่า เหตุที่ผู้ชายพ่อบ้านกลับบ้านดึกเป็นเพราะอะไร แต่จะเป็นเพราะอะไรก็ตามแต่ คำพูดนี้ไม่ค่อยดีบอกถึงการขาดความรับผิดชอบโดยสิ้นเชิง ที่ว่ากลับมาก็ดีแค่ไหนแล้ว เพราะเอาแต่ใจตนเองเกินไปขาดอุดมการณ์ขาดวิสัยทัศน์ของชีวิตครอบครัว ไม่คิดถึงลูกตัวเล็กๆเสียบ้างเลย จะเอาแต่ใจตนเองได้อย่างไร เมื่อกิจกรรมชีวิตไม่ใช่กิจกรรมโดเดี่ยว กิจกรรมสังคมต้องประนีประนอม และสัจธรรมก็คือไม่มีผู้ใดจะมีอิสรภาพทำตามใจต้องการได้ทุกอย่าง เมื่อพิจารณาไปถึงหลักธรรมที่ลึกซึ้งไปอีก นี่คือชีวิตที่ขาดสำนึกในทางธรรมะโดยสิ้นเชิง เหตุที่ไม่เข้าใจหน้าที่ของตนเอง ขาดความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ก่อนจบรายการ 09.40 น. บอกว่า พรุ่งนี้เจอกันที่สวนเบญจสิริ พบสี่สาวที่สวนเบญจสิริ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 




หนังสือพิมพ์ดีเล่มที่ 33

บทบรรณาธิการ
ประชาธิปไตยสงฆ์ ประเด็น เหตุเกิด พ.ศ.๑
บันทึกโหร เกี่ยวกับเหตุการณ์ร้ายแรง ทสึนามิถล่มอันดามัน
สากลจักรวาลสากลศาสนา ตอนที่ 16



Copyright © 2010 All Rights Reserved.
----- ***** ----- โปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate นี่คือเวบไซต์คู่ www.newworldbelieve.com กับ www.newworldbelieve.net เราให้เป็นเวบไซต์ที่เสนอธรรมะหรือ ความจริง หรือ ความคิดเห็นในเรื่องราวของชีวิต ตั้งใจให้ธัมมะเป็นทาน ให้สิ่งที่เป็นประโยชน์แด่คนทั้งหลาย ทั้งโลก ให้ได้รู้ความจริงของศาสนาต่าง ๆในโลกวันนี้ และได้รู้ศาสนาที่ประเสริฐเพียงศาสนาเดียวสำหรับโลกยุคใหม่ จักรวาลใหม่ เรามีผู้รู้ ผู้ตรัสรู้ ผู้วินิจฉัยสรรพธรรมสรรพวิชชา สรรพศาสน์ และสรรพศาสตร์ พอชี้ทางสู่โลกใหม่ ให้ความสุข ความสบายใจความมีชีวิตที่หลุดพ้นไปสู่โลกใหม่ เราได้อุทิศเนื้อที่ทั้งหมดเป็นเนื้อที่สำหรับธรรมะทั้งหมด ไม่มีการโฆษณาสินค้า มาแต่ต้น นับถึงวันนี้ร่วม 14 ปีแล้ว มาวันนี้ เราได้สร้างได้ทำเวบไซต์คู่นี้จนได้กลายเป็นแดนโลกแห่งความสว่างไสว เบิกบานใจ ไร้พิษภัย เป็นแดนประตูวิเศษ เปิดเข้าไปแล้ว เจริญดวงตาปัญญาละเอียดอ่อน เห็นแต่สิ่งที่น่าสบายใจ ที่ผสานความคิดจิตใจคนทั้งหลายด้วยไมตรีจิตมิตรภาพล้วน ๆ ไปสู่ความเป็นมิตรกันและกันล้วน ๆ วันนี้เวบไซต์นี้ ได้กลายเป็นโลกท่องเที่ยวอีกโลกหนึ่ง ที่กว้างใหญ่ไพศาล เข้าไปแล้วได้พบแต่สิ่งที่สบายใจมีความสุข ให้ความคิดสติปัญญา และได้พบเรื่องราวหลายหลากมากมาย ที่อาจจะท่องเที่ยวไปได้ตลอดชีวิต หรือท่านอาจจะอยากอยู่ณโลกนี้ไปชั่วนิรันดร ไม่กลับออกไปอีกก็ได้ เพียงแต่ท่านเข้าใจว่านี่เป็นแดนต้นเรื่องเป็นด่านข้ามจากแดนโลกเข้าไปสู่อีกโลกหนึ่ง และซึ่งเป็นโลกหรือบ้านของท่านทั้งหลายได้เลยทีเดียว ซึ่งสำหรับคนต่างชาติ ต่างภาษาต่างศาสนา ได้โปรดใช้การแปลของ กูเกิล หรือ Google Translate แปลเป็นภาษาของท่านก่อน ที่เขาเพิ่งประสบความสำเร็จการแปลให้ได้แทบทุกภาษาในโลกมนุษย์นี้แล้ว ตั้งแต่ต้นปีนี้เอง นั้นแหละเท่ากับท่านจะเป็นที่ไหนของโลกก็ตาม ทั้งหมดโลกประมาณ 7.6 พันล้านคนวันนี้ สามารถเข้ามาท่องเที่ยวในโลกของเราได้เลย เราไม่ได้นำท่านไปเที่ยวแบบธรรมดาๆ แต่การนำไปสู่ความจริง ความรู้เรื่องชีวิตใหม่ การอุบัติใหม่สู่ภาวะอริยบุคคล ไปสู่การเปลี่ยนแปลงไปพ้นจากทุกข์ ทั้งหลายไปสู่โลกแห่งความสุขแท้นิรันดร คือโลกนิพพานขององค์บรมศาสดาพุทธศาสนา พระบรมครูพุทธะ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพียงแต่ท่านโปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate ท่านก็จะเข้าสู่โลกนี้ได้ทันทีพร้อมกับคน7.6พันล้านคนทั้งโลกนี้. ----- ***** ----- • หมายเหตุ เอาขึ้นเวบไซต์ แทนของเดิม ทั้ง 2 เวบ .net .com วันที่ 21 เม.ย. 2565 เวลา 07.00 น. -----*****-----