1. เสือไฟ
2. ห้วยสำราญเมื่อคืนนั้น
3. วันวิสาขบูชา ณ สุสานสุข าวดี
4. ลมอนาคาริกะ
คอลัมน์บันทึกการท่องเที่ยว
เสือไฟ
Felis termmincki
พบในธิเบต สิกขิม จีนฯ ไทย รูปร่างเพรียว ตัวขนาดสุนัข สีน้ำตาลแกมแดง
ชอบอยู่ตามป่าโปร่ง ไม่ชอบขึ้นต้นไม้ กินสัตว์เล็ก ๆ เช่นกระต่าย ไก่ป่า
ตั้งท้องประมาณ ๙๕ วัน ตกลูกครั้งละ ๑-๒ ตัว อายุยืนประมาณ ๑๘ ปี
สัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ ๑
เสือไฟ !
อายุมันเพียง ๑๘ ปีเท่านั้นเอง
แต่มันอยู่ในกรงแคบ ๆ นี้มานานเท่าไรแล้ว ก็ไม่รู้ จนมันเชื่อง และช้า
น่าสงสารมันเหลือเกิน !
เวลาค่ำสลัวลงแล้วเช่นนี้ มันได้แต่มองลอดซี่กรงออกไป อย่างเลื่อนลอย
ราวกับมันจะบอกลาอาลัยแสงตะวัน ที่กำลังจะลับโลก
อายุมันเพียง ๑๘ ปี ไม่นานเลย !
มันคงจะคิดได้แล้วว่า อีกไม่นานมันก็จะตายไป และพ้นไปสู่อิสรภาพ
มองตามสายตามันทอดไปไหน ?
อ๋อ ! แนวป่าลำดวน แนวห้วย โล่ง ลุ่ม และชุ่มเย็น
มีหมู่ไม้ดอก กำลังบานไสว ลู่ลมอ่อนต้นฤดูหนาว
เสือไฟ ! มันมีอายุยืนเพียง ๑๘ ปี อีกไม่นานมันก็คงจะพ้นทุกข์
เราเป็นมนุษย์มีอายุ อาจจะยืนถึง ๑๑๘ ปี
แต่เรายังคิดไม่ออกเลย ว่าจะทำงานของเราให้สำเร็จได้อย่างไร
ในชั่วชีวิตเรามีนี้
จะมีความเบิกบาน เป็นสุขสดชื่น ไร้กังวล
เหมือนหมู่ไม้ดอกแดงไสว พุทธรักษา เหล่านั้น หรือไม่หนอ ?
หรือเราจะเป็นเพียงเสือไฟ อีกตัวหนึ่งเท่านั้นเอง ?
ตัวที่ถูกจำขังด้วยโซ่ตรวนแห่งภาระหน้าที่ ที่ไม่อาจปลดเปลื้องได้ ฯ
บานไม่รู้โรย
(สวนสมเด็จฯ ศรีสะเกษ ๙พ.ย.๔๐)
ห้วยสำราญเมื่อคืนนั้น
(คอลัมน์บันทึกการท่องเที่ยว)
สุสานสุขาวดี ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เนื้อที่กว่า 500 ไร่คืนวันมาฆบูชา
1700 น.สุสานกว้างใหญ่เงียบสงัด หมู่นกปีศาจยังไม่กู่ขาน
เวลา 1900 น. เมฆเต็มท้องฟ้า จันทร์ยังบังเมฆ
เรานั่งอยู่ผู้เดียวในป่าช้าผีดิบ
หันหน้าสู่หลุมฝังศพ นับร้อย ๆ ที่เรียงขนัดเป็นแถวเป็นแนวดั่งกองทัพ
เมื่อไรจักเห็นความงาม ของจันทร์เพ็ญ ในคืนนี้
ที่เราเฝ้าถวายดวงจิตแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
19.45 น. แสงจันทร์สาดกระจายเป็นทิวเป็นแถวฝ่าเมฆน้อยใหญ่
แหงนมองเบื้องบน
เห็นดาวเพียงสองสามดวงสว่างระยิบระยับ
หลับตาลงชั่วอึด กลั้นหายใจ แล้วแหงนดู
เห็นดาวกระจายเต็มท้องฟ้านับหมื่นล้านดวง
จันทร์เพ็ญ แล่นเลาะฝ่ามาในหมู่เมฆ
ลอยเด่นอยู่กลางฟ้าสีคราม งามปานรังษีพุทธองค์
นกกลางคืนพลันกู่ร้องก้องรับแสงเดือน
นี่สิเสน่ห์แห่งสุสานสุขาวดี และเราแต่เพียงผู้เดียว ที่ได้เสพความสุขอันอมตะ
เวลา 2100 น. ลงไปในลำห้วยสำราญ
ทอดตาตามลำยาวลึก ลดเลี้ยวเหมือนงูใหญ่
น้ำใสเป็นเงาเหมือนดั่งหนังงูเหลือม เลื่อม มันระยับ
นั่งลงที่ฝั่งเต็มไปด้วยทราย
ลืมตาดูอยู่ 1 ชั่วโมง
ลำห้วยสว่างโพลงขึ้นมาดุจดั่งกลางวัน เพียงจักโลดแล่นไปได้ทั่ว
โอ ! ความปิติยินดีเอ๋ย !
แต่ มองเข้าไปภายในกาย
ปราณ ยังนิ่งสงบไม่ไหวติง ดุจแท่งเหล็กใหญ่จมอยู่ใต้น้ำ
โอ ! คงจะต้องออกแรงมากไปกว่านี้
บานไม่รู้โรย
สุสานสุขาวดี / 11 ก.พ. 2541
วันวิสาขบูชา
ณ สุสานสุขาวดี
ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เนื้อที่กว่า 500 ไร่
วันวิสาขบูชา 1700 น. ฟ้าคำรณคำราม
ภูผาแห่งเมฆตั้งเค้าทะมึน เมฆตะวันออก เมฆตะวันตก
ฟ้าแลบแล่นเป็นทางสายยาว 2 สายคู่กัน
จากตะวันตก สู่ตะวันออก
เสียงกัมปนาทกึกก้องเพียงดั่งฟ้าพิโรธ
ทว่าหูเราได้ยิน จับสำเนียงนั้นไพเราะแสนไพเราะ
ฟ้ารับรู้ความคะนิงของข้าหรือ ?
ฝนลงเม็ดแล้ว เรามาถึงหลุมฝังศพใหม่ที่มีผ้าขาวมุงอยู่
เรานั่งอยู่บนหลุมฝังศพ กลางหลุมฝังศพนับร้อยนับพัน
เพียงดั่งบ้านอันแสนสะบาย มีสายฝนพรำลงมาเป็นเพื่อน
มีพวกกบ เขียดกระโดดไปในความมืดราง ๆ
เวลา 1830 น. ฝนหยุดแล้ว เราเปียกไปทั้งตัว
เดินช้า ไปสู่ฝั่งห้วย ได้กลิ่นหอมของดอกไม้
สายฝนยามค่ำคืน เร่งความกำดัดของหมู่ไม้ดอก
ดอกหมากยาง ดอกนมแมว ดอกกล้วยน้อย แข่งกับดอกราตรี หรือ ?
โอ ! ญาณใดระลึกชาติ ล้ำลึกสุดหยั่ง แม้ด้วยจินตนาการ ?
1900 น. ลำห้วยสว่างสลัวราง เราอาบ และซักจีวรในลำห้วย
ตากไว้แล้ว ออกเดินจงกรม
ท่ามกลางกลิ่นหอมเย็นรื่นผสมกลิ่นโศกโรย ๆของมวลหมู่ดอกไม้
และที่สุดหอม แสนหอม กลับเป็นกลิ่นอายดิน
โอ ! ยามเมื่อฝนตกลงมา แม้ดินก็ได้ชีวิต
แต่ปราณแห่งชีวิตฉัน ยังคงจมอยู่
เวลา 2200 น. เราเดิน ๆ ๆ ๆ ๆ และเดิน
บานไม่รู้โรย
ณ สุสานสุขาวดี
10 พ.ค. 2541
ลมอนาคาริกะ
โอ !!! ลมหนาวมาแล้ว
กระตุ้นเตือนสำนึก อนาคาริกะ
โอ !!! ออกพรรษา
จะมีสาระอะไรแก่เรา ผู้เป็น อนาคาริกะ
อะไร ๆ จะมีสาระอะไรแก่เรา ผู้เป็น อนาคาริกะ
และ โอ !!!
ความอาลัยใด เยื่อใยใด
จะมีสาระอะไรแก่เรา ผู้เป็น อนาคาริกะ
โอ !!! ความที่จะเป็น ความที่จะอยู่ ความที่จะไป
จะมีสาระอะไรแก่เรา ผู้เป็น อนาคาริกะ
โอ !!! ชีวิต !
จะมีความหมายอะไร ๆ แก่เรา ผู้เป็น อนาคาริกะ
และ โอ !!! จะมีความละล้าใดแก่เรา ผู้เป็น อนาคาริกะ
โลกได้มีอยู่บ้างหรือไม่ หนอ ? ? ?
ความหมายแห่ง ความดีงาม
รู้ผู้สร้าง รู้ผู้ทำลาย
รู้ผู้ทำประโยชน์ รู้ผู้ทำลายประโยชน์
สำนึกที่หยุด อนาคาริกะ
โอ !!! โลกหากรอดได้ด้วยกตัญญู
· บานไม่รู้โรย (ศรีสะเกษ 19 ต.ค.2542)
จาก : คอลัมน์บันทึกการท่องเที่ยว
ดี 19