รายงานผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้อ่านต่อระบบสงฆ์ปัจจุบัน
จากแบบสำรวจออกในเดือนส.ค.-ต.ค.2540
(คอลัมน์ระดมความคิด)
จดหมายถึงบรรณาธิการ
คอลัมน์จดหมายถึงบรรณาธิการฉบับนี้ เราได้คัดเอา ข้อคิดเห็น ที่ได้มาจากแบบสอบถามครั้งที่ 1 ตามที่เราได้ออกมาถึงผู้อ่านและกลับคืนไปในช่วงวันที่ 26 ส.ค. - 5 ต.ค. 2540 จำนวน 56 ชุด ตามที่ได้รายงานผลไปในหน้าบรรณาธิการดีเดือน ธันวาคม 2540 แล้วนั้น มาลงแทน สำหรับฉบับนี้ได้คัดเอาความคิดเห็นของท่านผู้อ่าน 7 ท่าน มีความคิดเห็นของ ศาสตราจารย์ ดร. ระดับนักบริหารมหาวิทยาลัยมีชื่อท่านหนึ่ง ขณะเป็นประธานคณะอนุกรรมการ ส.ส.ร (สภาร่างรัฐธรรมนูญ) นักกฎหมาย พระนักพัฒนาบริหารวัด-การศึกษาของวัดมีชื่อเสียง และ จากอาจารย์มหาวิทยาลัยสงฆ์ มหามกุฎราชวิทยาลัย กรุงเทพ เป็นต้น ขอเชิญติดตาม
บรรณาธิการ
มี.ค.-มิ.ย.๔๑
ความคิดเห็นของบุคคลที่ 1
ควรเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้ได้ตามมาตรฐานขั้นต่ำของการเป็นพระเป็นเณรก็บุญแล้ว
1. ขอให้เณรถือศีลให้เกิน 8, พระเกิน 10(ไม่ดูทีวี,ดนตรี,ใช้ของหอม,ไม่เรี่ยไรพร่ำเพรื่อ=ลักทรัพย์) ก็ยังดี ศีลทั้งหลายอย่าละเมิดประเจิดประเจ้อ อุบาสกอุบาสิกาก็จะพอมีกำลังใจบ้าง ขณะนี้ไหว้พระเณรไม่ค่อยจะได้ (ที่จริงเป็นอลัชชีไม่ใช่พระเณร) ไม่มีกำลังใจจะทำบุญใส่บาตรแล้ว
อยากให้พระเณรพยายามศึกษาและปฏิบัติธรรมให้มากกว่าปุถุชน จะได้แนะนำสั่งสอนได้ถูกต้องขึ้นมาบ้าง (ไม่ถึงถูก 100%) และรู้จักจำแนกธรรมว่าระดับใดควรใช้อบรมสั่งสอนใคร ปัจจุบันพลเมืองดีไม่มีที่พึ่งนอกจากหาหนังสือมาอ่าน คำสอนแบบเหวี่ยงแหส่วนมากจะต่ำเกินคุณธรรมความรู้ของสาธุชนชั้นกลางขึ้นไป พระปลอมที่พูดหยอกล้อสีกาทางวิทยุตอนดึก ๆ ควรจับสึกได้แล้ว พวกนอกศาสนาพูดโจมตีศาสนาพุทธก็ควรจะปราบและปรามเสียบ้าง อย่านิ่งดูดาย
ศาสตราจารย์ ดร.ผู้บริหารมหาวิทยาลัยมีชื่อ
ประธานอนุกรรมการ ส.ส.ร.
ความคิดเห็นของบุคคลที่ 2
ควรเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้ดีขึ้น
อยากเห็นพระสงฆ์ไทยปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบโดยไม่ค้าวัตถุมงคล ไม่มุ่งหาเงินมาก่อสร้างวัตถุภายในวัดให้มากมายแข่งขันกันไม่ว่าวัดไหนมีสิ่งก่อสร้างมากถือว่าวัดนั้นดัง ปัจจุบันมุ่งเน้นหนักไปในทางวัตถุมากกว่าการปฏิบัติ จึงทำให้ผู้นับถือที่รู้ถึงแก่นศาสนาเอือมระอาไม่อยากเข้าวัด วัดต่าง ๆไม่มีเหตุจูงใจวัยรุ่นให้หันหน้าเข้าวัด คนไทยมีความนับถือศาสนาพุทธอยู่แล้วแต่ผู้ปฏิบัติศาสนายังมีน้อยมาก ที่จะเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้นับถือ
ผู้อ่านไม่ระบุชื่อ เพศ
ความคิดเห็นของบุคคลที่ 3
ตรงนี้ไม่ชัดเจนว่าระบบอะไรของสงฆ์ ถ้าหมายถึงระบบการบริหารสงฆ์แล้ว กระผมเห็นว่า ควรเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้ดีขึ้น
จากคำตอบในข้อ 2 มีข้อที่ควรเปลี่ยนแปลงปรับปรุงให้ดีขึ้นคือ/หรือตัวอย่างเช่น
๑. คณะสงฆ์ไทยไม่ควรมีการแบ่งแยกเป็น๒นิกาย(มหานิกาย/ธรรมยุต) เพราะต่างอยู่ภายใต้พระธรรมวินัยเดียวกันนั้นแหละ ไม่เห็นต่างกันตรงไหน! พระปฏิบัติเคร่งหรือหย่อนก็เป็นรายบุคคล ไม่ใช่ทั้งคณะและก็มีดีมาก ดีน้อย และไม่ค่อยจะดี เหมือน ๆ กัน ต่างกันเล็กน้อย ไร้สาระ !! แต่ผลประโยชน์ได้แก่โคว์ต้าเลื่อนสมณศักดิ์ ได้จำนวนเท่ากันต่อจำนวนประชากรของแต่ละนิกายที่แตกต่างกันลิบลับ (มหานิกายประมาณสองแสนห้า ขณะที่ธรรมยุตมีแค่สามพันเศษ) มันถึงได้ยื้อกันอยู่ ไม่อยากให้รวมกัน เพราะผลประโยชน์นี้แหละ!!!
2. ระบบการบริหารคณะสงฆ์ไม่ค่อยจะมีการแบ่งงาน มอบหมายหน้าที่รับผิดชอบ(รวมทั้งอำนาจด้วย) เจ้าคณะผู้ปกครองแต่ละระดับมีแต่เลขาเป็นผู้รับใช้(งานเสมียน/สารบัญ) การริเริ่ม การจัดทำและจัดการโครงการที่สำคัญ ๆ จึงไม่ค่อยได้ทำ เพราะท่านไม่มีมือช่วยทำจริง ๆ จัง ๆ ถ้าเจ้าคณะปกครองเช่น หน ภาค จจ. จอ. จต. มีรอง ผู้ช่วย โดยแบ่งงานสำคัญ ๆ ให้ทำ อย่างเพียงพอ เช่นโครงงานส่งเสริมการศึกษาภาคปริยัติธรรม(คันถธุระ) โครงงานส่งเสริมการอบรมภาคปฏิบัติธรรม(วิปัสสนาธุระ) งานส่งเสริมการเผยแผ่ โครงการอบรมเพื่อพัฒนาคุณวุฒิ(คุณธรรม+ความรู้ความสามารถ)พระสังฆาธิการ เจ้าคณะปกครอง ก่อนได้รับแต่งตั้ง และภายหลังการแต่งตั้งแล้ว เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่รับผิดชอบได้ผลดี มีประสิทธิภาพสูง คณะผู้ตรวจงานและประเมินผลงานแก่ผู้อยู่ใต้ปกครองในเขตของตน เป็นต้น
และการมีรอง มีผู้ช่วย รับผิดชอบงานที่สำคัญ ๆ ดังกล่าว แม้จะมีอยู่บ้างในปัจจุบัน ในส่วนของหน และภาค ถ้าเห็นสมควรจะมีเพิ่มดังกล่าว ก็ควรกระจายอำนาจ-หน้าที่ไปในส่วนภูมิภาค ให้มากกว่าที่จะแต่งตั้งแต่พระในส่วนกลาง(เสียโดยมาก) เพราะพระในส่วนภูมิภาคที่มีความรู้ ความสามารถ และที่มีคุณธรรมสูง ก็มีไม่น้อย เป็นแต่เขาด้อยโอกาสที่จะได้รับการมอบหมายงานให้ทำกว่าพระในกรุงเทพฯเท่านั้น และถ้าทำได้อย่างนี้ พระดี ๆ จากภูมิภาคที่ไปติดลมอยู่ในกรุงเทพฯก็จะได้คิดกลับไปตายรังในภูมิภาค ช่วยภูมิภาคให้เจริญขึ้นดีกว่านี้อีกโสดหนึ่งด้วย
ขอไม่ต้องเปิดเผยชื่อนะครับ พระมหาเถระท่านจะว่ากระผมอยากดัง เพราะกระผมก็ถูกท่านมอง ๆ อยู่เหมือนกัน ถ้ากระผมพลาดก็อาจโดนท่าน เหล่ เอาได้ โครงงานที่ทำอยู่หรือที่จะริเริ่มใหม่อีกอาจจะไม่สะดวกเท่าที่ควรได้
พระมหาเปรียญ - ปริญญา เจ้าอาวาสวัดใหญ่มีชื่อเสียง
ความคิดเห็นของบุคคลที่ 4
วงการสงฆ์ปัจจุบันนี้ รับเอาวิธีการปกครองของฝ่ายโลกมาใช้ จึงทำให้เกิดระบบสมณศักดิ์ ระบบสมณศักดิ์เป็นระบบที่กีดขวางการเข้าถึงพระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพราะพระสงฆ์ที่อยู่ในระบบนี้ จะไม่มีโอกาศประพฤติปฏิบัติธรรมเลย วัน ๆ จะหมกมุ่นอยู่กับเอกลาภ คอยเอาใจโยมว่าวันนี้จะไปเจริญพุทธมนต์บ้านไหน จะไปเจิมป้ายที่บริษัทไหน เอกลาภที่ได้มาก็เอามาบำรุงบำเรอกิเลสตัณหา
ปัจจุบันนี้ คณะสงฆ์ไทยกำลังเมามัวลาภสักการะ จะเห็นได้ว่ามีพระผู้ใหญ่ ระดับต่าง ๆ อยู่ในวงสังคมสงฆ์มากมาย เป็นเครื่องบั้นทอนการเข้าถึงธรรมะอย่างน่าละอายยิ่งทั้ง ๆ ที่ตอนบวชใหม่ ๆ ก็รับปากอุปัชฌาย์ว่าจะทำที่สุดแห่งทุกข์ จะทำให้แจ้งซึ่งทุกข์ นานเข้าก็เป็นการสั่งสมกิเลส แทนที่จะปล่อยวาง กลับมายึดติดในลาภ ยศ สรรเสริญ ทวนกระแสพระนิพพาน
วงจรของสังสารวัฏฏ์นั้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันต์สาวกได้ตัดขาดออกไปแล้ว และได้ชี้แนะช่องทางเอาไว้อย่างดียิ่ง สำหรับอนุชนรุ่นหลัง แต่แล้วเราก็ไม่พากันทำตาม เพราะไปเชื่อฟังกิเลสตัณหา อันเป็นตัวชี้นำเลยไม่สามารถเข้าถึงธรรม ตัดหนทางการเข้าถึงพระนิพพาน เหลือแต่เพียงทฤษฎี
ในครั้งพุทธกาลนั้น บวชเข้ามาพระพุทธเจ้าจะบอกว่า โน้นโคนต้นไม้ โน้นเรือนว่าง โน้นถ้ำ พวกเธอจงไปบำเพ็ญธรรม เพื่อทำที่าสุดทุกข์โดยชอบ พระสงฆ์สมัยพุทธกาลจึงมีพระอรหันต์มากมาย
ปัจจุบันนี้เป็นเพราะระบบปกครองหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้
ผู้อ่านไม่ระบุชื่อ เพศ
ความคิดเห็นของบุคคลที่ 5
ควรปฏิรูป
ควรปรับปรุงระบบการเรียนการสอนปริยัติธรรมสามัญ-บาลีให้พร้อมทันโลกยุคไร้พรมแดน รู้ปล่าว !
ควรเปิดมหาวิทยาลัยสงฆ์ในประเทศ คือปริญญาเอก ไม่จำเป็นต้องไปอินเดีย เพราะเมืองไทยมีพุทธศาสนาถึง 98.00% และยังมีแนวคิดว่าจะให้เป็นศาสนาประจำชาติอีกด้วย แต่ขอโทษ ไม่มี POWER อะไรเลย รู้ซะมั่ง !
ผู้อ่าน ไม่ระบุชื่อ เพศ
ความคิดเห็นของบุคคลที่ 6
จากการที่ได้บวชพระและสอนนักศึกษาในสภาการศึกษา มหามกุฎราชวิทยาลัยมานานกว่า 30 ปี ได้สังเกตเห็นว่า พระหนุ่มเณรน้อยในปัจจุบัน ทั้งธรรมยุตและมหานิกาย ขาดสมณสารูปและสมณสัญญา มีการโห่ฮาป่า เมื่อชอบใจ(ยังไม่ถึงเป่าปาก กระทืบเท้า ร้องกรี๊ด ๆอย่างชาวบ้าน) อยากจะเห็นพระอุปัชฌาย์อาจารย์กวดขันมารยาทเหล่านี้ในหมู่สัทธิวิหาริก อันเตวาสิกของตน เหมือนพระสมัยพุทธกาล เฝ้าพระพุทธเจ้า ไม่มีเสียงกระแอมกระไอ จนพระเจ้าอชาตศัตรูตกใจ
อาจารย์ผู้บรรยาย มหามกุฎราชวิทยาลัย
ขอปกปิดนาม
ความคิดเห็นของบุคคลที่ 7
ควรปฏิวัติ
พระสงฆ์ทำผิดพระธรรมวินัย ให้สึกทันที แก้ไขกฎหมายเอาผิดพระสงฆ์ที่ประพฤตินอกรีตนอกรอย พระผู้ใหญ่อย่าเมตตากันเองเข้าข้างกันเอง จนศาสนาพลอยเสื่อมทรามไปด้วย(ศาสนาเสื่อมเพราะคนบางคนอาศัยผ้าเหลืองทำเลว แล้วอยู่สบาย)
ผู้อ่าน นักกฎหมาย
ขอปกปิดนาม