ReadyPlanet.com
dot
dot dot
bulletBUDDHISM TO THE NEW WORLD ERA
bullet1 Thai-ไทย
bullet2.English-อังกฤษ
bullet3.China-จีน
bullet4.Hindi-อินเดีย
bullet5.Russia-รัสเซีย
bullet6.Arab-อาหรับ
bullet7.Indonesia-อินโดนีเซีย
bullet8.Japan-ญี่ปุ่น
bullet9.Italy-อิตาลี
bullet10.France-ฝรั่งเศส
bullet11.Germany-เยอรมัน
bullet12.Africa-อาฟริกา
bullet13.Azerbaijan-อาเซอร์ไบจัน
bullet14.Bosnian-บอสเนีย
bullet15.Cambodia-เขมร
bullet16.Finland-ฟินแลนด์
bullet17.Greek-กรีก
bullet18.Hebrew-ฮีบรู
bullet19.Hungary-ฮังการี
bullet20.Iceland-ไอซ์แลนด์
bullet21.Ireland-ไอร์แลนด์
bullet22.Java-ชวา
bullet23.Korea-เกาหลี
bullet24.Latin-ละติน
bullet25.Loa-ลาว
bullet26.Finland-ฟินแลนด์
bullet27.Malaysia-มาเลย์
bullet28.Mongolia-มองโกเลีย
bullet29.Nepal-เนปาล
bullet30.Norway-นอรเวย์
bullet31.persian-เปอร์เซีย
bullet32.โปแลนด์-Poland
bullet33.Portugal- โปตุเกตุ
bullet34.Romania-โรมาเนีย
bullet35.Serbian-เซอร์เบีย
bullet36.Spain-สเปน
bullet37.Srilanga-สิงหล,ศรีลังกา
bullet38.Sweden-สวีเดน
bullet39.Tamil-ทมิฬ
bullet40.Turkey-ตุรกี
bullet41.Ukrain-ยูเครน
bullet42.Uzbekistan-อุสเบกิสถาน
bullet43.Vietnam-เวียดนาม
bullet44.Mynma-พม่า
bullet45.Galicia กาลิเซียน
bullet46.Kazakh คาซัค
bullet47.Kurdish เคิร์ด
bullet48. Croatian โครเอเซีย
bullet49.Czech เช็ก
bullet50.Samoa ซามัว
bullet51.Nederlands ดัตช์
bullet52 Turkmen เติร์กเมน
bullet53.PunJabi ปัญจาบ
bullet54.Hmong ม้ง
bullet55.Macedonian มาซิโดเนีย
bullet56.Malagasy มาลากาซี
bullet57.Latvian ลัตเวีย
bullet58.Lithuanian ลิทัวเนีย
bullet59.Wales เวลล์
bullet60.Sloveniana สโลวัค
bullet61.Sindhi สินธี
bullet62.Estonia เอสโทเนีย
bullet63. Hawaiian ฮาวาย
bullet64.Philippines ฟิลิปปินส์
bullet65.Gongni-กงกนี
bullet66.Guarani-กวารานี
bullet67.Kanada-กันนาดา
bullet68.Gaelic Scots-เกลิกสกอต
bullet69.Crio-คริโอ
bullet70.Corsica-คอร์สิกา
bullet71.คาตาลัน
bullet72.Kinya Rwanda-คินยารวันดา
bullet73.Kirkish-คีร์กิช
bullet74.Gujarat-คุชราด
bullet75.Quesua-เคซัว
bullet76.Kurdish Kurmansi)-เคิร์ด(กุรมันซี)
bullet77.Kosa-โคซา
bullet78.Georgia-จอร์เจีย
bullet79.Chinese(Simplified)-จีน(ตัวย่อ)
bullet80.Chicheva-ชิเชวา
bullet81.Sona-โซนา
bullet82.Tsonga-ซองกา
bullet83.Cebuano-ซีบัวโน
bullet84.Shunda-ชุนดา
bullet85.Zulu-ซูลู
bullet86.Sesotho-เซโซโท
bullet87.NorthernSaizotho-ไซโซโทเหนือ
bullet88.Somali-โซมาลี
bullet89.History-ประวัติศาสตร์
bullet90.Divehi-ดิเวฮิ
bullet91.Denmark-เดนมาร์ก
bullet92.Dogry-โดกรี
bullet93.Telugu-เตลูกู
bullet94.bis-ทวิ
bullet95.Tajik-ทาจิก
bullet96.Tatar-ทาทาร์
bullet97.Tigrinya-ทีกรินยา
bullet98.Check-เชค
bullet99.Mambara-มัมบารา
bullet100.Bulgaria-บัลแกเรีย
bullet101.Basque-บาสก์
bullet102.Bengal-เบงกอล
bullet103.Belarus-เบลารุส
bullet104.Pashto-พาชตู
bullet105.Fritian-ฟริเชียน
bullet106.Bhojpuri-โภชปุรี
bullet107.Manipur(Manifuri)-มณีปุระ(มณิฟูรี)
bullet108.Maltese-มัลทีส
bullet109.Marathi-มาราฐี
bullet110.Malayalum-มาลายาลัม
bullet111.Micho-มิโช
bullet112.Maori-เมารี
bullet113.Maithili-ไมถิลี
bullet114.Yidsdish-ยิดดิช
bullet115.Euroba-ยูโรบา
bullet116.Lingala-ลิงกาลา
bullet118.Slovenia-สโลวีเนีย
bullet119.Swahili-สวาฮิลี
bullet120.Sanskrit-สันสกฤต
bullet121.history107-history107
bullet122.Amharic-อัมฮาริก
bullet123.Assam-อัสสัม
bullet124.Armenia-อาร์เมเนีย
bullet125.Igbo-อิกโบ
bullet126.History115-ประวัติ 115
bullet127.history117-ประวัติ117
bullet128.Ilogano-อีโลกาโน
bullet129.Eve-อีเว
bullet130.Uighur-อุยกูร์
bullet131.Uradu-อูรดู
bullet132.Esperanto-เอสเปอแรนโต
bullet133.Albania-แอลเบเนีย
bullet134.Odia(Oriya)-โอเดีย(โอริยา)
bullet135.Oromo-โอโรโม
bullet136.Omara-โอมารา
bullet137.Huasha-ฮัวซา
bullet138.Haitian Creole-เฮติครีโอล
bulletคำบูชาพระรัตนตรัย ทำวัตรแปล เช้า-เย็น
bulletChart Showing the Process
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พ.ศ.2540 - 2566
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี 1
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี 2
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี บุคคลที่ 1 - 188 ปัจจุบัน
bulletหนังสือพิมพ์ดี
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 1
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 2
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 3
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 4
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 5
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 6
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 7
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 8
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 9
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 10
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 11
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 12
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 13
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 14
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 15
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 16
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 17
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 18
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 19
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 20
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 21
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 22
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 23
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 24
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 25
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 26
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 27
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 28
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 29
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 30
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 31
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 32
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 33
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 34
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 35
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 36
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 37
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 38
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 39
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 40
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 41
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 42
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 43
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 44
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 45
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 46
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 47
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 48
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 49
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 50
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 51
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 52
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 53
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 54
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 55
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที่ 56
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 57
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 58
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 59
bulletTo The World
bulletENGLISH
bulletUSA
bulletChina
bulletIndia
bullet Mynmar
bullet Cambodia
bullet Loas
bulletSri Lanka
bulletMalaysia
bulletKorea
bulletA Sharp Turn of Believes : Iresearch Iwrite Iread
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 1
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 2
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 3
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 4
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 5
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 6
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 7
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 8
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 9
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 10
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 11
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 12
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 13
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 14
bulletMystery Report 15
bulletMystery Report 16
bulletMystery Report 17
bulletMystery Report 18
bulletMystery Report 19
bulletMystery Report 20
bulletMystery Report 21
bulletMystery Report 22
bulletMystery Report 23
bulletMystery Report 24
bulletMystery World Report 25
bulletศึกษาโลกลี้ลับ 26
bulletเฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้ว วิเคราะห์ทุกปัญหาในโลกมนุษย์ด้วยสติปัญญาและเหตุผลวิทยาศาสตร์จากนสพ.ดี
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2536
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2537
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2538
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2539
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2540
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2541
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2542
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2543-2545
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2545-2549
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2549-2550
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2550-ส.ค.2551
bulletเฝ้าดูฯ ส.ค.-ก.ย.2551
bulletเฝ้าดูฯ ก.ย.2551- ธ.ค. 2551
bulletเฝ้าดูฯสำนวนพัชรา กอปรทศธรรม
bulletสำนวนพัชราตอนที่ 16-27
bulletสำนวนพัชราตอนที่ 29
bulletบทความใหม่ เม.ย.-พ.ค.2552
bulletพุทธธรรมเพื่อทางดับทุกข์
bulletทฤษฎีการดับทุกข์ทางจิต วิปัสสนากรรมฐานโดยการทำงาน(สำนวนปรับปรุงใหม่)
bulletประวัติพัชรา กอปรทศธรรม
bulletประวัติการต่อสู้เพื่อการดับทุกข์ ของพัชรา กอปรทศธรรม
bulletอัลบั้มรูป history
bulletนิทานธรรมะประยุกต์ มานุสสาสุระสงคราม 4 ภาค และอื่น ๆ
bulletอัลบั้มรูป ภาพในอดีตและชีวประวัติศาสตร์ที่สวยงาม
bulletจากเวบบอร์ด พูดกันไม่รู้เรื่อง ประชาธิปไตยล้าหลัง
bulletศาสนาสากล การวิเคราะห์ความหมาย
bulletปลอบใจ
dot
รวมบทวิเคราะห์กม.คณะสงฆ์ แนวปฏิรูปคณะสงฆ์อยู่ในบทวิเคราะห์นี้แล้ว
dot
bulletรวมบทวิเคราะห์กม.คณะสงฆ์
dot
สากลจักรวาล สากลศาสนา แนวคิดศาสนาสำหรับคนยุคใหม่ ผู้ก้าวผิดทางไปสู่สิ่งไร้สาระโดยไม่รู้ตัว
dot
bulletสากล...ศาสนา 1
bulletสากล...ศาสนา 2
bulletสากล...ศาสนา 3
bulletสากล...ศาสนา 4
bulletสากล...ศาสนา 5
bulletสากล...ศาสนา 6
bulletสากล...ศาสนา 7
bulletสากล...ศาสนา 9
bulletสากล...ศาสนา 8
bulletสากล...ศาสนา 10
bulletสากล...ศาสนา 11
bulletสากล...ศาสนา 12
bulletสากล...ศาสนา 13
bulletสากล...ศาสนา 14
bulletสากล...ศาสนา 16
dot
ส่วนข้อมูลสำคัญเพื่อการวิจัยการเมืองไทยยุค คมช.-รัฐบาลอภิสิทธิ์
dot
bulletข้อมูลสำคัญยุคคมช.-รัฐบาลอภิสิทธิ์
bulletรายงานสดม็อบสนธิ-จำลอง-ปชป.เป่านกหวีดวันที่1/26ส.ค.2551
bulletรายงานสดม็อบสนธิ-จำลอง-ปชป.เป่านกหวีดวันที่2/27ส.ค.2551
bulletใบปลิว อีเมล์ ในหลวงทรงร้องไห้
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 1
bulletในหลวงเพิ่งทราบข่าวฆ่าประชาชน10เมย.53ทรงร้องไห้
bulletบันทึกลับเสื้อแดงผู้รอดชีวิตจากทำเนียบรัฐบาล
bulletบันทึกลับเสื้อแดงผู้รอดชีวิตจากทำเนียบรัฐบาล
dot
รวมข่าวม็อบการเมืองสนธิ-จำลอง-ปชป.มิ.ย.51-เม.ย.52 นสพ.
dot
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 2
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 3
bulletรวมข่าวม็อบ30มิ.ย.51-23มี.ค.52
bulletเลือดศรีสะเกษบันทึกเรื่องราวรอบด้านเกี่ยวกับเขาพระวิหาร
bulletรายงานการโฆษณาชวนเชื่อในประเทศไทยที่ล้มล้างรัฐบาลทักษิณ
bulletหนังสือพิมพ์ดี ของฟรีให้เปล่ามา20ปีแล้วทั้งเอกสารและอินเทอเนท
bulletหนังสือพิมพ์ดี ( อินเทอเนต ) เล่ม 1 - 44 - ล่าสุด
bulletหน้าที่เก็บไว้
bulletมูลนิธิพระเทพวรมุนี(เสน ปญฺญาวชิโร)
bulletวัดมหาพุทธาราม ศรีสะเกษ บันทึกเหตุการณ์
bulletสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดศรีสะเกษแห่งที่ 1
bulletเกี่ยวกับเวบไซต์ของเรา เราทำเพื่อปัญญาชนโดยแท้
bulletรวมกระทู้เด็ดจากกระดานถามตอบ
bulletคาถาอาคมไสยศาสตร์
bulletกวีนิพนธ์ใหม่
bulletศูนย์ปฏิญญาณละเลิกอบายมุข บัญชีที่ 1- 4


สากล...ศาสนา 5

สากลจักรวาลสากลศาสนา 5
ธรรมสามีวินิจฉัย ( 5 )

พระ 
คัมภีร์ของศาสนาต่าง ๆ ในโลก ได้กล่าวความจริงเพียงใด

 

เราจะอ่าน สากลศาสนา อย่างไร ?
อ่านจาก คัมภีร์ของศาสนา นั้น ๆ
และอ่านอย่างคนสมัยใหม่ คืออ่านเพื่อหาความจริงใจคัมภีร์ศาสนาต่าง ๆ ดังกล่าวนั้น   หากเราพบว่า คัมภีร์ศาสนาใด ไม่ได้กล่าวความจริงแต่กล่าวสิ่งที่ไม่เป็นความจริง

เมื่อได้พบเช่นนี้ สิ่งที่เราจะต้องประเมินต่อไปก็คือ การที่คัมภีร์ศาสนานั้น ๆไม่ได้กล่าวความจริง แต่กล่าวความอันเป็นเท็จแด่ชาวโลกทั้งหลาย จักก่อผลอันตรายอย่างไร เพียงไรต่อสังคมโลก ?

 

ดังตัวอย่างในประเทศไทย ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่นักบวชในศาสนาหนึ่งไปปลุกปั่นคนชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงตามแนวชายแดนไทย - พม่า ว่าพวกเขาเหล่านั้นเกิดมาในโลกนี้ตามบัญชาของพระเจ้า จะต้องมีหน้าที่ในการก่อการร้ายต่อประเทศที่มิได้นับถือศาสนานั้น และให้จัดตั้งขึ้นเป็นกองทัพ ชื่อว่า กองทัพพระเจ้า ( God's army )

และชาวกะเหรี่ยงกลุ่มนั้นเขาก็หลงเชื่อคำยุยงเหล่านั้น และเชื่อคำที่พร่ำสอนว่าเป็นความจริง พวกเขาจึงก่อตั้งขึ้นเป็นกองทัพพระเจ้า ทำการก่อการร้ายตามหน้าที่ ที่ พระเจ้ากำหนดให้ว่า สูเจ้ามีหน้าที่ทำการก่อการร้ายในประเทศที่มิได้นับถือศาสนาคาทอลิกไปจนกว่าประเทศและประชาชนนั้น และทั้งโลกยอมรับนับถือศาสนาคาทอลิก

และแล้วพวกเขาก็พากันมาก่อการร้ายในประเทศไทย

โดยกระทำการร้ายที่ ไร้ศีลธรรมที่ไม่เคยมีมาในประวัติศาสร์ของสงครามหรือ กองทัพ โดยยกกำลังติดอาวุธร้ายแรง บุกเข้ายึดโรงพยาบาลประจำจังหวัดราชบุรี อันสถานที่สำหรับรักษาพยาบาลคนป่วยเจ็บจำนวนมากมาย

พวกเขาบังคับข่มขู่คนป่วยเจ็บทั้งหลายในโรงพยาบาลนั้นและยึดควบคุมตัวคนป่วยไข้เหล่านั้นไว้ประกันและต่อรองผลประโยชน์ ต่าง ๆ อย่างที่มิชอบด้วยจรรยาบรรณใดใด มิใช่วิสัยของคนของพระเจ้า หรือผู้ที่มีศาสนาเลย แต่ผลที่ได้รับก็คือ ความตาย สำหรับพวกเขาเหล่านั้น โดยความชื่นชมของรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ในความพินาศของพวกเขาทั้งหมด ทั้งนี้โดยฝีมือมนุษย์ผู้มีความชอบธรรม จึงสามารถกำจัดอันธพาลคนของพระเจ้า คนอันธพาลของศาสนาคาทอลิกได้อย่างเด็ดขาด

 

กรณีที่เป็นผลมาจากคำสอนอันเป็นเท็จเช่นนี้แหละ ที่ชาวโลกยุคใหม่จะต้องประเมินออกมาว่า จะเป็นผลร้ายอย่างไรต่อสังคม ต่อประเทศชาติและต่อโลกทั้งหมด

 

แต่แน่ละ เมื่อมีความปั่นป่วนเกิดขึ้นในวงการศาสนาสากลทั่วโลกทั้งหมด ผู้นำชนทั้งปวงจำเป็นที่จะต้องอ่านดู ว่า

คัมภีร์ในศาสนาสากลต่าง ๆ ในโลก ได้กล่าวความจริงเพียงใด

และเราน่าจะเริ่มอ่านจากคัมภีร์ของศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะคริสต์ส่วนที่เคลื่อนไหวไปทั่วโลกโดยการบัญชาการของประเทศขนาดเล็กจิ๋ว ๆ ประเทศหนึ่งใน อิตาลี ชื่อว่ารัฐสันตะปาปา มีกรุงวาติกันเป็นเมืองหลวง มีประมุข ชื่อ สันตปาปา จอร์ น ปอล ที่ 2 ซึ่งประเทศนี้ได้อ้างพระคัมภีร์ เล่มหนึ่ง ว่าเป็นพระคำภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า และพระเจ้าได้ประทานสิทธิพิเศษหลายประการแด่นักบวช ประเทศนั้น

นับแต่การมีสิทธิที่จะปฏิบัติการแทรกแซงการเมืองของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้ เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงการศาสนาในประเทศนั้น ๆ จากศาสนาเดิมมานับถือคริสต์ศาสนา โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงความชอบธรรมใดใด เช่นประเทศในเอเซียหลายประเทศ ซึ่งเราได้เห็นกรณี เวียดนามเหนือเวียดนามใต้ เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ และอินโดเนเซีย ซี่งสิ่งที่ได้เห็นก็คือการคุกคามโดยอำนาจการเมืองต่อชาวพุทธในประเทศเหล่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวียดนาม ที่ได้เกิดการต่อสู้ประท้วงถึงขั้นการเผาตัวตายของพระสงฆ์หลายรูปในประเทศนั้น เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในสมัย โงดินเดียม และโงดินนู ปกครองประเทศนั้นใต้การบงการของศาสนาคาทอลิก

เพียงเพราะประเทศคาทอลิกเหล่านี้เชื่อในพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ ที่ชื่อว่า HOIY BibIe นั่นเอง

โดยเขาเชื่ออย่างสนิท ว่าในถ่อยคำที่จารึกลงเป็นพระคัมภีร์ใบเบิลศักดิ์สิทธิ์นั้น เป็นถ้อยคำของพระเจ้าจริง ๆ โดยเฉพาะคำตรัสของพระเจ้าดังต่อไปนี้

 

ข้อความที่ 1. ที่ว่า

He who believes in Him is not  condemed ; but he who does notbelieve is already condemned , ( John 3 ; 18 )

( ผู้ที่วางใจในพระบุตรก็ไม่ต้องถูกพิพากษาลงโทษ ส่วนผู้ที่มิได้วางใจ ก็ได้ถูกพิพากษาลงโทษไปเรียบร้อยแล้ว )

ซึ่งข้อความนี้บอกความหมายที่ชัดเจนว่า ผู้ใดนับถือคาทอลิกก็รอด ผู้ใดไม่นับถือก็จะถูกพระเจ้าลงโทษอย่างเฉียบขาด โดยปราศจากเหตุผลใดใดทั้งสิ้น

 

ข้อความที่ 2 .ที่ว่า .

He wiII infIect retribution on those Who ihgnore God and who pay no attenton to good news concerning Lord Jesus. They WiII pay the penaIty of everIasting ruin separated from the presence of the Lord and from His gIorious power . ( 2 ThessaIonians 1; 8,9 )

( และจะลงโทษสนองคนเหล่านั้นที่ไม่รู้จักพระเจ้า และแก่คนที่ไม่เชื่อฟังดข่าวประเสริฐของพระเยซูเจ้าของเรา คนเหล่านั้นจะได้รับโทษอันเป็นความพินาศนิรันดร์และพรากจากพระพักตร์พระเป็นเจ้า และจากพระสิริแห่งอานุภาพของ พระองค์ ในวันนั้น )

ซึ่งบอกความหมายชัดเจนว่า คนนอกศาสนา หรือคนในสษฯศาสนาอื่นใดนอกจากคาทอลิกแล้ว จะได้รับการลงโทษอย่างรุนแรงไปตลอดกาลนิรันดร์ข้างหน้า มีคนกลุ่มเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์จะอยู่อย่างมีความสุขในโลกนี้คือชาวคริส ต์เท่านั้น

 

ข้อความที่ 3 .ที่ว่า .

And whoever was not found round in the BooK of Life was casted into the Lake of fire . ( ReveIation 20;15 )

( และถ้าผู้ใดที่ไม่มีชื่อจดไว้ในหนังสือชีวิต ผู้นั้นก็ถูกทิ้งลงไปในบึงไฟ )

ซึ่งบอกความหมายโดยชัดเจนว่า คนนอกศาสนาคริสต์ ทั้งหมดโลกนี้จะถูกโทษโดยโยนลงไปในบึงไฟ หรือนรก พวกที่ยังอยู่มีเพียงพวกที่นับถือศาสนาคริสต์เท่านั้น พวกเขาจึงถือสิทธิ์ในการกระทำอุกอาจแด่ คนทั้งโลกที่มีนับถือศาสนาโรมันคาทอลิก โดยตลอดมา โดยถือตนเป็นชนชั้นที่สูงกว่าคนอื่นใดทั้งสิ้น

 

แต่ที่จริง เรื่องราวจากพระคัมภีร์เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องที่เป็นเท็จ เป็นเรื่องราวของการโฆษณาชวนเชื่อทั้งสิ้นดังจะเห็นได้จากข้อความสำคัญที่สุดในคัมภีร์คริสต์ศาสนาคือ Holy Bible นั่นเอง

 

เริ่มจากข้อความที่ระบุถึง พระเจ้า ซึ่งเป็นเท็จ ไม่ต่างไปจากศาสนาที่มีพระเจ้าอื่น ๆพระเจ้า ที่คัมภีร์ศาสนาต่าง ๆ บรรยาไว้ เริ่มแต่ของศาสนาฮินดู เป็นต้นมาถึง ศาสนาอิสลามช่วงหลัง ที่ล้วนเป็นเพียงเรื่องจินตนาการของผู้เขียนคัมภีร์ทั้งสิ้น

 

ของฮินดู เริ่มแต่มีพระเจ้าเพียงองค์เดียว เหมือนนอย่างคริสต์ อิสลาม ที่ยืนยันอย่างหนักแน่น ศักดิ์สิทธิ์ว่ามีเพียงพระเจ้าผู้สูงสุดองค์เดียวในขณะ ต่อมาสังคมขยายเติบใหญ่แผ่ผายออกไป ครอบคลุมแผ่นดินอื่นด้วยการทหารและการเมือง แต่ความเชื่อที่เป็นนามธรรมลึกซึ่งภายในยังแตกต่างกัน เพื่อประโยชน์ในการปกครอง จึงต้องปรองดองทางความเชื่อ โดยยอมรับพระเจ้าของสังคมอื่น ว่ามีฤทธิ์อำนาจเท่าเทียมกับพระเจ้าของตน ฮินดูจึงสามารถปรองดองกันให้มีพระเจ้าสูงสุด 3 พระองค์ คือพรหม ผู้สร้างโลกและสรรพสิ่ง อิศวร และนารายณ์ผู้ปกครองโลก

โดยมนุษย์สมัยนั้นเองมาตกลงแบ่งหน้าที่ให้พระเจ้าไปคนละหน้าที่กัน ก็ลงตัว

ในศาสนาฮินดู ที่อยู่ของพระอิศวรคือเขาไกรลาศ หรือเขาหิมาลัย ที่เรารู้กันดี ที่ประทับของพระเจ้าย่อมเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ใครจักอาจกล้ำกลายมิได้ โดยเฉพาะเขตแดนของพระอิศวรเจ้าโลกกับเจ้าแม่อุมาเวทีแล้ว พระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า ย่อมเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ ไม่อนุญาตให้ผู้หนึ่งผู้ใดไม่ว่ามนุษย์ อสูร พรหม เทพใดกล้ำกราย มิฉะนั้นย่อมหมายถึงความตายอย่างมรมาน แต่แล้ว เราก็ได้ประจักษ์ว่า แท้ทีจริงเรื่องราวเกี่ยวกับพระเจ้าในศาสนาฮินดู ก็เป็นเพียงจินตนาการ เมื่อนักไต่เขาสามารถขึ้นไปปักธงชัยของมมนุษย์บนยอดเขาเอเวอเรสต์ได้ก็ไม่ปรากฎว่ามีพระอิศวรออกมาแสดงฤทธิเดช

ไม่ว่าในอากาศ หรือใต้ท้องทะเลลึก ที่เคยเชื่อกันว่ามีซาตาน ตัวร้าย มีเทพเจ้าประจำสมุทรรักษาอยู่ ต่างไม่เคยแสดฤทธิ์เดชอะไรสมกับเรื่องราวที่เขียนไว้ในคัมภีร์ศาสนาสากล เรื่องราวเกี่ยวกับพระเจ้าตามที่จารึกไว้ในคัมภีร์ศาสนาสากล

 

จึงเป็นเรื่องเท็จ ไม่เป็นความจริง
หากแต่เป็นเรื่องราวที่ผู้ฉลาดเขียนขึ้นเพื่อเป็นอุบายทางการปกครอง แล้วบางสมัย บางภูมิประเทศก็มีความเชื่อนำไปอ้างหลอกลวงประชาชนทั้งหลาย

กระนั้นต่อมาถึงยุคนี้ ก็ยังมีตัวอย่าง เพราะเรื่องราวของพระเจ้าในสังคมประเทศอินเดีย ก็ยังไม่เป็นที่เข้าใจของประชาชนทั้งหลาย จึงเกิดปรากฎการณ์การเล่นกลขนาดใหญ่ ที่สามารถหลอกลวงต้มตุ๋นคนทั้งโลกได้ เมื่อมีการประกาศตัวว่า เขานี้แหละเป็นพระผู้เป็นเจ้า เป็นภาคส่วนของนารายณ์อวตาร นั่นก็คือกรณี ไสบาบา ที่อินเดียใต้ คนอินเดียตามไม่ทันเล่ห์กลนั้นก็พากันหลงเชื่อว่าเขาเป็นพระผู้เป็นเจ้ามาจนถึงทุกวันนี้ ผลก็คือ นักเล่นกล ศรีสัตยาไสบาบา สามารถหลอกลวงหาเงินทองทรัพย์สินจากประชาชนอินเดียไปสร้างสมบัติพัสถานใหญ่โตมโหฬารยิ่งกว่าจักรพรรดิ์ได้ โดยที่รัฐบาลอินเดียไม่สามารถทำอะไรได้ ซ้ำยังไม่มีแม้แต่ความกล้าหาญที่จะคิดวิเคราะห์วิจัยหาความจริง ว่าคนอย่าง ไสบาบา นี่หรือ คือพระผู้เป็นเจ้า ตามพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของฮินดู ?

 

พระเจ้าในศาสนาคริสต์ นับว่ามีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ค่อนข้างละเอียด จนสามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์ ได้อย่างชัดเจน และด้วยข้อมูลจากพระคัมภีร์นั่นเอง จึงได้ข้อสรุปลงเช่นเดียวกันว่า เรื่องราวของพระเจ้าในศาสนาคริสต์ ยิ่งเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นเพียงจินตนาการอย่างแท้จริง

เริ่มแต่จินตนาการ การสร้างโลกตามที่ปรากฎในบทต้นของ Holy Bible นั่นเอง  ที่พบข้อเท็จจริงว่า โลกของพระเจ้านั้นเป็นโลกแบน เสมือนจานใบหนึ่ง  และซ้ำพระเจจ้ายังเข้าใจผิดไปอย่างสุดกู่ ที่ว่าโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล พระอาทิตย์และดาวพระเคราะห์ทั้งหลายต่างโคจรไปรอบโลก

ซึ่งคนเราน่าจะได้เกิดข้อสงสัยว่า ภูมิปัญญาของพระเจ้าอย่างไร เมื่อสิ่งที่ตนสร้างมากับมือ ตนเองยังไม่รู้ทั่ว ไม่รู้แจ้งเห็นจริง

และในพระคัมภีร์ก็ยังบอกไว้อย่างนี้ด้วย คือเมื่อพระเจ้าสร้างสรรพสิ่งขึ้นมาแล้ว กลับเศร้าพระทัย ; He feIt grief at hearth ( ทรงได้สัมผัสความเศร้าที่ดวงพระหฤทัยของพระองค์ ; บก. )  และทรงรังเกียจหมู่มนุษย์ที่ตนเองสร้างขึ้นมาเอง ในโลก  ก็ทรงมีวินิจฉัยด้วยโมหะว่าควรทำลายเสีย   ก็ทรงบันดาลให้น้ำทั่วโลกขังท่วมมนุษย์ทั้งโลกตลอดจนพืช สัตว์ทั้งปวงตายสิ้นไปแล้วครั้งหนึ่ง    

นี่คือจินตนาการอันน่าสะพึงกลัวและโหดร้ายที่ผู้เขียนคัมภีร์นำเอามาจารึกเป็นพระคัมภีร์  และตอนนี้ก็ได้เค้ามาจากเรื่องราวตอนน้ำท่วมครั่งใหญ่มาเป็นแก่นของนิยายของเขา แล้ววาดภาพในจินตนาการของเขาออกไป ให้เห็นพระอำนาจยิ่งใหญ่ของพระเจ้า

มีสิ่งที่น่าสังเกตก็คือเมื่อน้ำท่วมใหญ่จนเป็นเหตุให้มนุษย์โลกยุคนั้นตายหมดเหลือแต่พวกโนอาที่อยู่ในเรือใหญ่เท่านั้นแล้ว พระเจ้าก็ทรงรำลึกบาปของพระองค์เองที่ทำลายชีวิตมนุษย์สัตว์ไปทั้งโลก  ซึ่งแสดงถึงคุณสมบัติของพระเจ้าอย่างมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดา ๆ นี่เอง

ในคราวนั้น จึงได้มีคำมั่นสัญญาข้อหนึ่งของพระเจ้า ยะโฮวา ออกมา ซึ่งต้องถือว่าเป็นคำมั่นสัญญาที่มีความหมายสำคัญอย่างยิ่งต่อมวลมนุษยชาติ นั่นก็คือ ทรงให้สัญญากับโนอา และมนุษย์ที่รอดจากน้ำท่วมคราวนั้นไว้ มีข้อความในพระคัมภีร์ชัดเจน

 

ข้อความที่ 1. ที่ว่า ;

"l will never again curse the ground on man's account, because he is evil minded from his Youth , neither will l again destroy every living things as l have done . ( Genesis 8;21 )

( เราจะไม่สาปแผ่นดินอีกต่อไป แม้ว่ามนุษย์ไม่ดี ถึงเค้าความคิดในใจของมนุษย์ล้วนแต่ชั่วตั้งแต่เด็กมา เราจะไม่ประหารสิ่งทั้งหลายที่มีชีวิตเหมือนอย่างที่เราได้กระทำแล้วนั้นอีก )

 

ซึ่งบงบอกความหมายในสัญญานั้นชัดเจนว่า ต่อแต่นั้นมา พระเจ้ารับประกันจักไม่ให้มีภัยพิบัติใดใดเกิดแต่โลกมนุษย์

 

ข้อความที่ 2 . ที่ว่า ;

"l Covenant with you that neither shall all flesh again be eliminated by water of a flood , nor Shall there be another deluge to destroy the earth, ( Genesis 9;11 )

( เราจะตั้งพันธสัญญาของเราไว้กับพวกเจ้าว่า จะไม่ทำลายบรรดามนุษย์และสัตว์โดยให้น้ำท่วมอีก และจะไม่ให้มีน้ำมาทำลายโลกอีกต่อไป )

ซึ่งบอกอย่างชัดเจนว่า พระเจ้าเองนั้นย้ำว่าจะทรงปฏิญาณพระองค์ว่าจะไม่ให้ มนุษย์สัตว์ถูกทำลาย ไม่ให้โลกถูกน้ำท่วมอีก

เหล่านี้ ล้วนเป็นเรื่องที่เป็นเท็จ .

 

ต่อมาลองอ่าน เรื่องราวของบัญญัติ 10 ประการ เริ่มตั้งแต่ โมเสส ขึ้นไปบนเขาซีนาย แล้วกลับลงมาบอกคนผู้อพยพทั้งหลายว่า ตนได้พบพระเจ้าบนยอดเขานั้น ในสามวันข้างหน้าพระเจ้าจักสำแดงพระองค์แด่คนทั้งหลาย หากแต่ห้ามเด็จขาดไม่ให้คนหนึ่งคนใดเข้าไปใกล้เขาซีนาย แม้กระทั้งสัตว์ก็ไม่ให้เข้าไปใกล้ ในพระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า พระเจ้าจะ descend upon Mount Sinai ( จะทรงแสดงพระสง่าราศีของพระเจ้าบนยอดเขาซีนาย ; บก.)

แต่ทรงกำชับอย่างเฉียบขาดผ่านโมเสสว่า

Each of you be careful not to climb the mountain or even to touch the edge of it, for whoever touches the mountain shall without exception be excuted. Not a hand shall touch him, but he will be stoned or pierced with arrows, whether man or beast, he shall not survive ( Exodust 19;12-13 )

( จงกำหนดเขตให้ประชาชนอยู่รอบภูเขา แล้วกำชับเขาว่า ; เจ้าทั้งหลายจงระวังตัวให้ดี อย่าล่วงล้ำเขตไปหรือถูกต้องเชิงภูเขานั้นผุ้ใดถูกภูเขาต้องมีโทษถึงตาย อย่าใช้มือฆ่าผู้นั้นเลย ให้เอาขว้างหรือยิงเสีย จะเป็นสัตว์ก็ดีหรือเป็นมนุษย์ก็ดีอย่าไว้ชีวิต )

 

ถ้อยคำเหล่านี้ออกจากปากคำของโมเสส ทำไม่พระเจ้าจึงได้จำจัดเขตหวงห้ามอย่างเข็มงวด ใครละเมิดเอาผิดถึงตายโดยขว้างด้วยหินหรือยิงทิ้ง ก็น่าจะเป็นที่เข้าใจดีของคนสมัยใหม่ ว่าแท้ที่จริงข้อความเหล่านั้นล้วนเป็นเท็จ โมเสสปั้นเรื่องขึ้นมาเองต่างหาก และนอกจากนั้น พระเจ้าพระคัมภีร์ศาสนาคริสต์ ยังมีอุปนิสสัยชอบข่มขู่คนทั้งหลายมาแต่ยุคดึกดำบรรพแล้ว นับแต่ป้ายตราบาปให้แต่แรกเกิด ว่า คนเราทั้งโลกนี้เป็นคนบาป อย่างคราวนั้นก็ข่มขู่อย่างหนักว่า

for whoever touches the mountain shall without exception be excuted. Not a hand shall touch him, but he will be stoned or pierced with arrows , whether man or beast , he shall not survive;

ผู้ใดถูกภูเขาต้องมีโทษถึงตาย อย่าใช้มือฆ่าผู้นั้นเลย ให้เอาหินขว้างหรือยิงเสีย จะเป็นสัตว์ก็ดีหรือเป็นมนุษย์ก็ดีอย่าไว้ชีวิต

ซึ่งเป็นเรื่องที่โหดร้ายมาก เพราะให้ฆ่าให้ตายอย่างทรมาน ด้วยการปาด้วยก้อนหินและแทงด้วยดอกศร

 

และนั่นเป็นที่มาของเขา บัญญัติ 10 ประการ อันเป็นคำสั่งของพระเจ้าในศาสนาคริสต์ตอนต้นยุคของศาสนานั้นในยุคนั้น และบัญญัติข้อสำคัญก็คือ !

'' l am the Lord Your God . ( เราคือพระเจ้าของเจ้า )

You Shall have no other gods before my face , ( อย่ามีพระเจ้าอื่นใดเหนือจากเรา ) ;

for l , the Lord Your God , am a God Who brooks no rival , bringing home to Children of the third and fourth generation of those Who hate me the Sins of their fathers , ( Exodust 20;2-5 ) ( เพราะเราคือพระเจ้าของเจ้า เป็นพระเจ้าที่หวงแหน ให้โทษบิดาตกทอดไปถึงลูกหลานของผู้ที่ชังเราจนถึงสามสี่ชั่วอายุคน )

ตอนท้ายของประโยค ยังอดที่จะข่มขู่คนทั้งหลายไม่ได้ : ซึ่งสะท้อนถึงนิสัยพาลชนแท้ ๆ

แต่ข้อพิศูจน์ความเป็นพระเจ้า แม้สมัยมีพระเจ้าป้วนเปี้ยนอยู่รอบ ๆ หมู่มนุษย์ก็คือชาวอิสราเอล ผู้อพยพเหล่านั้น หาได้ประสบพร พ้นทุกข์ พบแม้ความสุขสบายแต่น้อยหนึ่งก็หาไม่ แม้ในยุคนี้ก็เช่นเดียวกัน อิสราเอล ก็ยังคงเหมือนดินแดนที่สาป ที่ต้องอยู่ท่ามกลางอริราชศัตรูตลอดกาล เหมือนอยู่กลางสนามรบตลอดชีวิต หาความสุขสงบไม่ได้ แม้ชั่วข้ามวันข้ามคืน ในยุคนั้น

ในที่สุดแล้ววันหนึ่งโมเสสก็ได้ระบายความคับแค้นแน่นใจสงสัยในพฤติกรรมของพระเจ้าออกมาว่า

'' Why, Lord , hast Thou treated these peoply so badly ? Why then has Thou sent me ? For ever since l called on Pharoh to speak in Thy Name he has treated this people harshly and Thou hast not at all delivered Thy people''( Exodust 5;22-23 )

(ข้าแต่พระเจ้า เหตุไฉนพระองค์ทรงทำรุนแรงแก่ชนชาตินี้ ( อิสราเอล ; บก. ) เหตุไฉนพระองค์จึงทรงใช้ข้าพระองค์ม า ตั้งแต่ข้าพระองค์ไปเฝ้าฟาโรห์และทูลในนามของพรองค์แล้ว ฟาโรห์ก็ทำทารุนต่อชนชาตินี้ยิ่งขึ้น ส่วนพระองค์ ( พระเจ้า ; บก. ) ก็มิได้ช่วยประชากรของพระองค์ให้พ้นทุกข์เลย)

 

นี่คือเรื่องราวของพระเจ้าในพระคัมภีร์ไบเบิล  ซึ่งเอาแน่นอนใดใดตามความหมายแห่งคำว่า พระเจ้าไม่ได้เลย ในที่สุดโมเสสก็คล้ายจะได้พบว่า พระเจ้านั้นไม่เคยช่วยเหลืออะไรพวกเขาเลยสักอย่างดังคำตัดพ้อต่อพระเจ้าข้างต้นนั้น

จึงทำให้ชีวิตของโมเสสลงท้ายเหมือน ๆ พระเยซู   ชีวิตพระเยซูก็ลงท้ายเหมือน ๆโมเสส เพราะชีวิติเต็มไปด้วยอุปสรรค ต้องเผชิญแต่ศัตรูรอบด้านวิถีชีวิตทั้งสิ้นหาความสุขไม่ได้เลยแม้แต่นาทีเดียว วันเดียว ต้องเผชิญแต่ความทุกข์ยากลำบากล้วน ๆ โดยปราศจากการเหลียวแลของพระเจ้า  สำหรับพระเยซูในที่สุด แม้ชีวิตจวนจะสิ้นบนไม้กางเขนแล้ว พระเจ้าก็หาได้ปรากฏตัวมาไห้เห็นไม่ และพระเยซูก็ได้ออกอุทานอย่างสิ้นหวังท้อแท้เช่นกับโมเสสว่า

Eli , Eli , lama Sbachthani ; ( MATTHEW 27;46, MARK 15 ; 33 ) พระเจ้าของข้าพระองค์พระเจ้าของข้าพระองค์ ไฉนทรงทออดทิ้งข้าพระองค์เสีย

ซึ่งข้อความนี้ ทั้งท่านแมททิว และท่าน มาร์ก กล่าวตรงกัน ข้อความเดียวกัน อันปรากฏใน ใบเบิล ตอนที่ท่านทั้งสองเขียนอยู่ชัดเจนแล้ว ( MATTHEW 27;46, MARK 15 ; 33 ) 

ทั้งนี้ก็เพราะ พระเจ้า ที่กล่าวในพระคัมภีร์ศาสนาสากลทุก ๆ คัมภีร์นั้น มิใช่พระเจ้าที่แท้จริง ข้อความในพระคัมภีร์เหล่านั้นล้วนเป็นความเท็จทั้งสิ้น พระเจ้าที่แท้จริง น่าจะมิใช่ยะโฮวา หรือพระเจ้าชื่ออื่น ในคัมภีร์ศาสนาสากลที่มีอยู่ในโลกขณะนี้ หรือแม้พระเจ้าที่ประกาศตัวว่าเป็นองค์อวตารในศาสนาฮินดูปัจจุบันคือ ศรีสัตยา ไสบาบา อินเดียใต้ดังกล่าว  

เพราะข้อความที่เกี่ยวกับพฤติกรรมของพระเจ้าในพระคัมภีร์ ยากที่จะเชื่อได้ ว่าเป็นเรื่องจริง

เพราะพฤติกรรมของพรระเจ้าดูคล้าย ๆ อันธพาล หรือ นักเลงโตผู้มีแต่คำขู่ คำคุกคามให้มนุษย์ระยอบ เชื่อฟัง อ้างอำนาจ อ้างการลงโทษที่รุนแรงเหี้ยมโหดมาข่มขู่มนุษย์เอาแต่โทษทัณฑ์ร้ายแรงต่าง ๆ ที่จะลงแก่มนุษย์  มนุษย์จะต้องเชื่อเท่านั้น  ผู้ไม่เชื่อฟ้ง ไม่นับถือพระเจ้าทั้งหลาย จะต้องได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง 

ใช่แต่อิทธิพลคุกคามโลกมาตั้งแต่ต้น จนถึงปัจจุบันนี้หาคุณประโยชน์ใดใดของพระเจ้า ผลงานใดใดของพระเจ้าไม่เคยปรากฎ ไม่เคยมีพระเจ้าองค์ไหนปรากฎตัวมาช่วยคลายความทุกข์ยากลำบากของมนุษย์หามีแม้แต่นิดเดียวไม่ แม้กระทั่งคำสัญญาที่ชัดเจนว่าพระเจ้าจะกลับมา จะมาช่วยโลก พระเจ้าจะต้องกลับมา แต่ตราบเวลานั้นจนกระทั่งเวลานี้สัญญาของพระเจ้าล้วนเป็นถ้อยคำจอมปลอม หรือเป็นอสัทธรรม ทั้งสิ้น

 

และสิ่งที่ชาวโลก ควรจะสังเกตก็คือ คำมั่นสัญญาข้อสำคัญของพระเจ้า ในเรื่องน้ำท่วม และอันตรายจากภัยพิบัติใดใดต่อโลก ที่ได้ให้ไว้แก่โนอาและประชาชนผู้รอดจากน้ำท่วมครั้งกระโน้น ว่ามีเค้าจะเป็นไปตามสัญญาหรือไม่ คือพันธสัญญาที่ว่า

l will never again curse the ground on man's account , because he is evil minded from his youth , neither  will l  destroy everylivng things as l have done . ( Genesis 8;21 )

(เราจะไม่สาปแผ่นอีกต่อไป แม้ว่ามนุษย์ไม่ดี ถึงเค้าความคิดในใจของมนุษย์ล้วนแต่ชั่วตั้งแต่เด็กมา เราจะไม่ประหารสิ่งทั้งหลายที่มีชีวิตเหมือนอย่างที่เราได้กระทำแล้วนั้นอีก )

"l covenant with you  that neither shall all flesh again be eliminated by water of a flood, nor shall there be another deluge to destroy the earth. ( Genesis 9;11 )

( เราจะตั้งพันธสัญญาของเราไว้กับพวกเจ้าว่าจะไม่ ทำลายบรรดามนุษย์และสัตว์โดยให้น้ำท่วมอีก และจะไม่ให้มีน้ำมาท่วมทำลายโลกอีกต่อไป )

 

คือคำสัญญาที่ว่า พระเจ้าจักไม่ให้เกิดภัยพิบัติใดใด และไม่ให้มีน้ำท่วมโลกเหมือนครั้งก่อนนั้นอีก ชนทั้งหลายที่มีสัจจะย่อมถือสัจจะว่า เสียชีพอย่าเสียสัตว์ บ้าง และขัติยะประเพณีของชนทั้งหลายก็มีมาชัดเจนว่า หน่อกษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ พระเจ้าผู้สร้างโลกได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ชัดเจนเช่นนี้แล้ว จักย่อมทรงสัตย์จักเสียหรือตระบัดสัตย์ได้อย่างไร ?

แต่เรากลับได้เห็นเค้า การผิดคำมั่นสัญญาของพระเจ้าบ่งชัดขึ้นทุกที ๆ เราได้พบภัยธรรมชาติจากน้ำท่วมหลายหลากขึ้นไปเรื่อย ๆ ปรากฎน้ำท่วมดินแดนทั่วโลกทวีข้นทุกปี ๆยังความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นอันมาก (ล่าสุดก็เกิดสินามิขึ้นบริเวณแถบทะเลอันดามัน  และแถบฝั่งฟลอริดา ฯลฯ มนุษย์เสียชีวิตหลายแสนคน  /บก.) และทั้งยังเป็นสิ่งที่คาดได้แน่นอนว่าจะมาอย่างร้ายแรงในอนาคตอีกด้วย คำมั่นสัญญาของพระเจ้าในเรื่องนี้ จึงเชื่อได้เลยว่าแท้จริงเป็นคำเท็จ หรือตรงคำพูดชาวตลาดร้านค้าทั่วไปว่าเป็นเพียงคำโกหกพกลม เท่านั้นเอง

 

และในที่สุดเราก็คงจะต้องทวงถามพระเจ้า อย่างเช่นที่โมเสสได้ทวงถาม และอย่างเช่นพระเยซูเอง ได้ทวงถามมาแล้วด้วยความขมขื่นใจยิ่งนัก ว่า พระเจ้าทำไมจึงประพฤติตนไร้สัจวาจาเช่นนี้

ฉนั้น พระคัมภีร์ที่กล่าวถึงพระเจ้าของศาสนาสากลที่มีพระเจ้า น่าจะยังเป็นเรื่องราวที่เชื่อถือไม่ได้สำหรับคนทั้งหลาย ไม่ว่ายุคเก่ายุคใหม่ หรือยุคไหน ๆ

มีหลายเรื่องหลายราวที่บอกความเท็จ ในพระคัมภีร์เหล่านั้นและคำมั่นสัญญาของพระเจ้า ที่ปรากฎในพระคัมภีร์เหล่านั่น ก็ไม่เคยเป็นความจริง

 

เราจะแสวงหาพระเจ้าที่แท้จริงได้อย่างไร ?
เราจะสามารถเข้าใจ รู้แจ้งจริงในเรื่องราวของพระเจ้าได้อย่างไร ?

นี่น่าจะเป็นคำถามของชาวโลกยุคใหม่
และอะไรคือความหมายของชีวิต ของ ความเป็นมนุษย์ ผู้ที่มีอิสรภาพ มีความสุขอันประเสริฐที่แท้จริง
?อะไรคือความหมายของคำว่า ผู้รู้ (The Enlightened)
ตามที่ปรากฏในพระคัมภีร์ของศาสนาบางศาสนา
ที่ไม่มีพระเจ้า
?

 

ผู้รู้ นี้ จักรู้แจ้งจบเรื่องราวของพระเจ้า อย่างไร ?
ทำไมชาวโลกไม่ลองศึกษาดูจากคัมภีร์ของ พระพุทธศาสนา ?

 

ธรรมสามี
มิย.- กค.- สค. 43
ดี 21

 

โปรดอ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
RAMESES







Copyright © 2010 All Rights Reserved.
----- ***** ----- โปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate นี่คือเวบไซต์คู่ www.newworldbelieve.com กับ www.newworldbelieve.net เราให้เป็นเวบไซต์ที่เสนอธรรมะหรือ ความจริง หรือ ความคิดเห็นในเรื่องราวของชีวิต ตั้งใจให้ธัมมะเป็นทาน ให้สิ่งที่เป็นประโยชน์แด่คนทั้งหลาย ทั้งโลก ให้ได้รู้ความจริงของศาสนาต่าง ๆในโลกวันนี้ และได้รู้ศาสนาที่ประเสริฐเพียงศาสนาเดียวสำหรับโลกยุคใหม่ จักรวาลใหม่ เรามีผู้รู้ ผู้ตรัสรู้ ผู้วินิจฉัยสรรพธรรมสรรพวิชชา สรรพศาสน์ และสรรพศาสตร์ พอชี้ทางสู่โลกใหม่ ให้ความสุข ความสบายใจความมีชีวิตที่หลุดพ้นไปสู่โลกใหม่ เราได้อุทิศเนื้อที่ทั้งหมดเป็นเนื้อที่สำหรับธรรมะทั้งหมด ไม่มีการโฆษณาสินค้า มาแต่ต้น นับถึงวันนี้ร่วม 14 ปีแล้ว มาวันนี้ เราได้สร้างได้ทำเวบไซต์คู่นี้จนได้กลายเป็นแดนโลกแห่งความสว่างไสว เบิกบานใจ ไร้พิษภัย เป็นแดนประตูวิเศษ เปิดเข้าไปแล้ว เจริญดวงตาปัญญาละเอียดอ่อน เห็นแต่สิ่งที่น่าสบายใจ ที่ผสานความคิดจิตใจคนทั้งหลายด้วยไมตรีจิตมิตรภาพล้วน ๆ ไปสู่ความเป็นมิตรกันและกันล้วน ๆ วันนี้เวบไซต์นี้ ได้กลายเป็นโลกท่องเที่ยวอีกโลกหนึ่ง ที่กว้างใหญ่ไพศาล เข้าไปแล้วได้พบแต่สิ่งที่สบายใจมีความสุข ให้ความคิดสติปัญญา และได้พบเรื่องราวหลายหลากมากมาย ที่อาจจะท่องเที่ยวไปได้ตลอดชีวิต หรือท่านอาจจะอยากอยู่ณโลกนี้ไปชั่วนิรันดร ไม่กลับออกไปอีกก็ได้ เพียงแต่ท่านเข้าใจว่านี่เป็นแดนต้นเรื่องเป็นด่านข้ามจากแดนโลกเข้าไปสู่อีกโลกหนึ่ง และซึ่งเป็นโลกหรือบ้านของท่านทั้งหลายได้เลยทีเดียว ซึ่งสำหรับคนต่างชาติ ต่างภาษาต่างศาสนา ได้โปรดใช้การแปลของ กูเกิล หรือ Google Translate แปลเป็นภาษาของท่านก่อน ที่เขาเพิ่งประสบความสำเร็จการแปลให้ได้แทบทุกภาษาในโลกมนุษย์นี้แล้ว ตั้งแต่ต้นปีนี้เอง นั้นแหละเท่ากับท่านจะเป็นที่ไหนของโลกก็ตาม ทั้งหมดโลกประมาณ 7.6 พันล้านคนวันนี้ สามารถเข้ามาท่องเที่ยวในโลกของเราได้เลย เราไม่ได้นำท่านไปเที่ยวแบบธรรมดาๆ แต่การนำไปสู่ความจริง ความรู้เรื่องชีวิตใหม่ การอุบัติใหม่สู่ภาวะอริยบุคคล ไปสู่การเปลี่ยนแปลงไปพ้นจากทุกข์ ทั้งหลายไปสู่โลกแห่งความสุขแท้นิรันดร คือโลกนิพพานขององค์บรมศาสดาพุทธศาสนา พระบรมครูพุทธะ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพียงแต่ท่านโปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate ท่านก็จะเข้าสู่โลกนี้ได้ทันทีพร้อมกับคน7.6พันล้านคนทั้งโลกนี้. ----- ***** ----- • หมายเหตุ เอาขึ้นเวบไซต์ แทนของเดิม ทั้ง 2 เวบ .net .com วันที่ 21 เม.ย. 2565 เวลา 07.00 น. -----*****-----