ความเห็นที่ 7 (417288)
ท่านผู้ใช้นามว่านิรนาม ถามอีกว่า ฌานในระดับที่แสดงอภิญญาต่าง ๆ ได้ สามารถรับรู้อารมณ์ภายนอกได้หรือไม่?
ข้อสงสัยนี้ ก็ยังเป็นข้อเด่นข้อเดียวของท่านผู้ใช้นาม นิรนาม คือ อยากรู้เหลือเกินว่า สามารถรับรู้อารมณ์ภายนอกได้หรือไม่
อย่าลืมว่า ท่านมีเงื่อนไขไว้แล้วว่า ฌานในระดับที่แสดงอภิญญาต่าง ๆ ได้แล้ว ท่านถามว่าเมื่อถึงขั้นแสดงอภิญญาต่าง ๆ ได้แล้วนั้น จะสามารถรับรู้อารมณ์ภายนอกได้หรือไม่?
นี่แสดงว่า สำเร็จฌานแล้ว สำเร็จกิจที่จะฝึกหัดต่อไปแล้ว
เมื่อสำเร็จแล้วก็ไม่จำเป็นต้องปิดหูปิดตา ปิดอายตนะต่อไปอีก การที่ท่านให้ปิดอารมณ์ ปิดอายตนะ ในขณะฝึกนั้นก็เพราะต้องการตัดปัญหามารผจญต่าง ๆ ให้ได้เฉียบขาดเท่านั้นเอง การบรรลุก็จะไว จะเร็วขึ้น นั่นคือเหตุผล
แต่เมื่อสำเร็จฌานแล้ว แม้ระดับใดระดับหนึ่ง แล้วเอาฌานไปใช้ ในการใช้นั้นจำเป็นต้องมีการบริหาร และจะมีจิตเป็นผู้บริหารเสมอไป
ถ้าไม่มีการบริหารก็จะเหมือนคนตาบอดเดินไป เดินไปไหนก็ไม่รู้ ที่เดินลาดสูงต่ำ ขรุขระ ราบเรียบอย่างไรก็ไม่รู้ เวลาเหาะเหินเดินอากาศไป หากไม่มีจิต เปิดจิตออกมาบริหารฤทธิ์นั้น ก็จะไม่รู้ว่าตนไปทางไหน ต่อทางไหน
ฉะนั้น จำเป็นอยู่เองที่จะต้องรู้อารมณ์ภายนอก รู้เหตุการณ์ภายนอกทุกอย่าง เหมือนคนปกติทั่ว ๆ ไปที่รู้สิ่งต่าง ๆ ที่แวดล้อมตัวเรา เพียงแต่เราสามารถควบคุมมิให้สิ่งที่แวดล้อมก่อปัญหาให้ได้เท่านั้นเอง
แต่ในการเข้าฌานบางชนิด เช่นนิโรธสมาบัติ มีคุณลักษณะเฉพาะตัวของฌานชนิดนั้นที่จะต้องปิดการรับรู้อารมณ์ทุกอย่างไม่ว่าภายนอกหรือภายใน แม้จิตซึ่งเป็นผู้บริหาร ก็จะต้องสลายหายเป็นความว่างไปด้วย การเข้าฌานชนิดนี้จึงต้องอยู่ในสถานที่ ๆ ปลอดภัย เมื่อเข้าฌานแล้วจะไม่รู้สึกเลย จะไม่รับรู้อารมณ์ภายนอก ภายในเลย นี่เป็นชนิดของฌานชนิดนี้ ที่จะต้องมีการจัดการรปภ.ของฝ่ายกายให้เหมาะแก่การเข้าฌานชนิดนี้(ต้องซ่อนกายไว้ในที่ปลอดภัยและเป็นความลับที่สุด)
ส่วนการเข้าฌานชนิดอื่น ๆ เช่นฌานดำ แม้กามารมณ์เกิดขึ้น หรือเสพกามอยู่ก็รู้รสของการเสพนั้น จึงแล้วแต่ชนิดของฌาน ชนิดของความมุ่งหมายของผู้ที่สำเร็จฌานแล้ว
พูดง่าย ๆ ก็คือ ฌานเป็นเพียงเครื่องมือ เราจะใช้ทำอะไร ๆ ก็ต้องดูแล ควบคุมให้การใช้งานของฌานตรงความประสงค์ของเรา จะปิดหูปิดตาปิดอารมณ์ไม่รับรู้เหตุการณ์ได้อย่างไร
เรื่องนี้สามารถอนุมานได้ และคำตอบคือ จะต้องรับรู้อารมณ์ภายนอก รู้เหตุการณ์ภายนอกว่าเป็นอย่างไร แล้วบริหารฌานไปให้ถูกกับสถานการณ์ ก็อุปมาเหมือนเรือดำน้ำ มีตอร์ปิโดทรงอำนาจทำลายร้ายแรงอยู่เพียง1ลูก การจะใช้ก็ต้องมองสถานการณ์ให้ชัดเจนจึงจะใช้ได้ จะหลับหูหลับตายิงสุ่มสี่สุ่มห้าไปอย่างไร? ฌานก็เหมือนตอณ์ปิโด มีฤทธิ์ แต่ต้องมีการบริหารให้ดีด้วย จึงจะเกิดผลตามต้องการ
และความจริง จิตจะเป็นผู้บริหารทุกอย่าง บริหารทั้งกาย และบริหารจิตเอง รวมความถึงภาคภายในหรือนามธรรมทั้งหมด ก็อยู่ในการบริหารของจิต นี่เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว
ส่วนการฝึกก็เป็นเรื่องการฝึก เช่นเมื่อต้องการฝึกปิดหูปิดตา ปิดอารมณ์ภายนอก ก็ฝึกหัดไปเช่นนั้น จนกว่าจะสำเร็จ และได้นามธรรมมา เมื่อได้แล้วก็เป็นอีกสถานการณ์หนึ่ง จะใช้ก็ต้องมีการบริหาร นี่เป็นธรรมดาอยู่แล้ว
อุปมาเหมือนเครื่องบินโดยสารเจ๊ตความเร็วเหนือเสียงของฝรั่งเศส ที่มีขนาดใหญ่และเร็วที่สุดในโลกคือ เครื่องบินคองคอร์ด (2,349 กม.ต่อ ชม.เร็วกว่าเสียง 2.2เท่า) เมื่อสถานการณ์ทางธุรกิจตกต่ำลงไม่คุ้มทุน ก็ระงับการบินเสีย ก็เอาเครื่องบินเหล่านั้น ที่สุดแสนวิเศษไปเก็บเสีย(เที่ยวสุดท้ายเมื่อ 24 ต.ค.2546) นี่ก็เป็นผลจากสถานการณ์นอกเครื่องบินเอง ที่ผู้บริหารต้องประเมินอยู่เสมอ อุปมาเครื่องบินคองคอร์ดนั้นเหมือนฌาน การจะใช้ฌานอย่างไร ผู้บริหารคือจิตก็ต้องตรวจสอบเสมอ ๆ เช่นเดียวกัน จะไม่รับรู้เรื่องราวภายนอกภายในรอบ ๆ ตัวได้อย่างไร
ฉะนั้นจึงอยู่ที่จุดประสงค์ว่าอย่างไร และจุดประสงค์นั้นต้องการใช้ฌานชนิดไหน
มีตัวอย่าง ตอนสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จสู่มหาปรินิพพาน ทรงเข้าฌานและเดินสมาบัติ ตั้งแต่ปฐมฌาน ไปจนสุดที่อรูปฌานที่ 8 แล้วหวลกลับมา และหยุดที่จตุตถฌานและทรงนิพพานที่จตุตถฌานนั้น
ในขณะนั้น หมู่สงฆ์อรหันต์ทั้งหลายที่ไม่มีอภิญญา ได้อาศัยพระอนุรุทธที่เข้าฌานติดตามวาระจิตขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปทุกระยะ ๆ หมู่สงฆ์ก็คอยถามว่า ขณะนั้งองค์บรมครูไปถึงฌานที่เท่าไร พระอนุรุทธ์ก็ตอบว่า ถึงฌานนิโรธ คือสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติแล้วทรงหวลกลับมาสู่รูปฌาน4 คือจตุตถฌาน ตติยฌาน ทุติยฌาน ถึงปฐมฌาน แล้วเข้าอรูปฌาน4 มีเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติ อากิญจัญญายตนสมาบัติ วิญญานัญจายตนสมาบัติ อากาสานัญจายตนสมาบัติ อีกโดยรวดเร็วนับได้ 42แสนโกฏิสมาบัติ(เร็วมากปานความคิด) ถามและตอบกันเป็นระยะ ๆ ไปจนถึงวาระสุดท้าย ว่า องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาสู่ปฐมฌาน แล้วเลื่อนสู่จตุตถฌาน และนิพพาน ณ จตุตถฌาน นั่นเอง(เสด็จออกจากจตุตถฌานไป)
นี่เป็นข้อเท็จจริง
ในขณะนั้นพระอนุรุทธเถรเจ้าเข้าฌานติดตามพระพุทธองค์ไปทุกระดับฌาน แต่ก็สามารถฟังคำถามของหมู่สงฆ์ และตอบคำถามของหมู่สงฆ์ได้ เป็นระยะ ๆ ดังปรากฎในมหาปรินิพพานสูตร และในปฐมสมโพธิกถาแล้วนั้น
ท่านเข้าใจว่าอย่างไรเล่า? พระอนุรุทธเถรเจ้าขณะเข้าฌานเป็นใบ้ไม่รับรู้อารมณ์ภายนอกอย่างนั้นหรือ? ไม่รู้สถานการณ์อะไรรอบ ๆ ตัวเลยอย่างนั้นหรือ?
คำตอบคือไม่ใช่ แต่ท่านย่อมรู้ และจิตของท่านนั่นเองบริหารฌานอยู่ และจิตนั่นเองรับรู้เหตุการณ์ภายนอกภายในอยู่ทุกประการ
ท่านคงจะเข้าใจดีละ !!
ธรรมสามี
11 ก.ย. 2549
ผู้แสดงความคิดเห็นธรรมสามี ( newworld_believe@hotmail.com ) วันที่ลงประกาศ 11-09-2006 20:42:14
|