ReadyPlanet.com
dot
dot dot
bulletBUDDHISM TO THE NEW WORLD ERA
bullet1 Thai-ไทย
bullet2.English-อังกฤษ
bullet3.China-จีน
bullet4.Hindi-อินเดีย
bullet5.Russia-รัสเซีย
bullet6.Arab-อาหรับ
bullet7.Indonesia-อินโดนีเซีย
bullet8.Japan-ญี่ปุ่น
bullet9.Italy-อิตาลี
bullet10.France-ฝรั่งเศส
bullet11.Germany-เยอรมัน
bullet12.Africa-อาฟริกา
bullet13.Azerbaijan-อาเซอร์ไบจัน
bullet14.Bosnian-บอสเนีย
bullet15.Cambodia-เขมร
bullet16.Finland-ฟินแลนด์
bullet17.Greek-กรีก
bullet18.Hebrew-ฮีบรู
bullet19.Hungary-ฮังการี
bullet20.Iceland-ไอซ์แลนด์
bullet21.Ireland-ไอร์แลนด์
bullet22.Java-ชวา
bullet23.Korea-เกาหลี
bullet24.Latin-ละติน
bullet25.Loa-ลาว
bullet26.Finland-ฟินแลนด์
bullet27.Malaysia-มาเลย์
bullet28.Mongolia-มองโกเลีย
bullet29.Nepal-เนปาล
bullet30.Norway-นอรเวย์
bullet31.persian-เปอร์เซีย
bullet32.โปแลนด์-Poland
bullet33.Portugal- โปตุเกตุ
bullet34.Romania-โรมาเนีย
bullet35.Serbian-เซอร์เบีย
bullet36.Spain-สเปน
bullet37.Srilanga-สิงหล,ศรีลังกา
bullet38.Sweden-สวีเดน
bullet39.Tamil-ทมิฬ
bullet40.Turkey-ตุรกี
bullet41.Ukrain-ยูเครน
bullet42.Uzbekistan-อุสเบกิสถาน
bullet43.Vietnam-เวียดนาม
bullet44.Mynma-พม่า
bullet45.Galicia กาลิเซียน
bullet46.Kazakh คาซัค
bullet47.Kurdish เคิร์ด
bullet48. Croatian โครเอเซีย
bullet49.Czech เช็ก
bullet50.Samoa ซามัว
bullet51.Nederlands ดัตช์
bullet52 Turkmen เติร์กเมน
bullet53.PunJabi ปัญจาบ
bullet54.Hmong ม้ง
bullet55.Macedonian มาซิโดเนีย
bullet56.Malagasy มาลากาซี
bullet57.Latvian ลัตเวีย
bullet58.Lithuanian ลิทัวเนีย
bullet59.Wales เวลล์
bullet60.Sloveniana สโลวัค
bullet61.Sindhi สินธี
bullet62.Estonia เอสโทเนีย
bullet63. Hawaiian ฮาวาย
bullet64.Philippines ฟิลิปปินส์
bullet65.Gongni-กงกนี
bullet66.Guarani-กวารานี
bullet67.Kanada-กันนาดา
bullet68.Gaelic Scots-เกลิกสกอต
bullet69.Crio-คริโอ
bullet70.Corsica-คอร์สิกา
bullet71.คาตาลัน
bullet72.Kinya Rwanda-คินยารวันดา
bullet73.Kirkish-คีร์กิช
bullet74.Gujarat-คุชราด
bullet75.Quesua-เคซัว
bullet76.Kurdish Kurmansi)-เคิร์ด(กุรมันซี)
bullet77.Kosa-โคซา
bullet78.Georgia-จอร์เจีย
bullet79.Chinese(Simplified)-จีน(ตัวย่อ)
bullet80.Chicheva-ชิเชวา
bullet81.Sona-โซนา
bullet82.Tsonga-ซองกา
bullet83.Cebuano-ซีบัวโน
bullet84.Shunda-ชุนดา
bullet85.Zulu-ซูลู
bullet86.Sesotho-เซโซโท
bullet87.NorthernSaizotho-ไซโซโทเหนือ
bullet88.Somali-โซมาลี
bullet89.History-ประวัติศาสตร์
bullet90.Divehi-ดิเวฮิ
bullet91.Denmark-เดนมาร์ก
bullet92.Dogry-โดกรี
bullet93.Telugu-เตลูกู
bullet94.bis-ทวิ
bullet95.Tajik-ทาจิก
bullet96.Tatar-ทาทาร์
bullet97.Tigrinya-ทีกรินยา
bullet98.Check-เชค
bullet99.Mambara-มัมบารา
bullet100.Bulgaria-บัลแกเรีย
bullet101.Basque-บาสก์
bullet102.Bengal-เบงกอล
bullet103.Belarus-เบลารุส
bullet104.Pashto-พาชตู
bullet105.Fritian-ฟริเชียน
bullet106.Bhojpuri-โภชปุรี
bullet107.Manipur(Manifuri)-มณีปุระ(มณิฟูรี)
bullet108.Maltese-มัลทีส
bullet109.Marathi-มาราฐี
bullet110.Malayalum-มาลายาลัม
bullet111.Micho-มิโช
bullet112.Maori-เมารี
bullet113.Maithili-ไมถิลี
bullet114.Yidsdish-ยิดดิช
bullet115.Euroba-ยูโรบา
bullet116.Lingala-ลิงกาลา
bullet118.Slovenia-สโลวีเนีย
bullet119.Swahili-สวาฮิลี
bullet120.Sanskrit-สันสกฤต
bullet121.history107-history107
bullet122.Amharic-อัมฮาริก
bullet123.Assam-อัสสัม
bullet124.Armenia-อาร์เมเนีย
bullet125.Igbo-อิกโบ
bullet126.History115-ประวัติ 115
bullet127.history117-ประวัติ117
bullet128.Ilogano-อีโลกาโน
bullet129.Eve-อีเว
bullet130.Uighur-อุยกูร์
bullet131.Uradu-อูรดู
bullet132.Esperanto-เอสเปอแรนโต
bullet133.Albania-แอลเบเนีย
bullet134.Odia(Oriya)-โอเดีย(โอริยา)
bullet135.Oromo-โอโรโม
bullet136.Omara-โอมารา
bullet137.Huasha-ฮัวซา
bullet138.Haitian Creole-เฮติครีโอล
bulletคำบูชาพระรัตนตรัย ทำวัตรแปล เช้า-เย็น
bulletChart Showing the Process
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พ.ศ.2540 - 2566
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี 1
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี 2
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี บุคคลที่ 1 - 188 ปัจจุบัน
bulletหนังสือพิมพ์ดี
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 1
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 2
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 3
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 4
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 5
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 6
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 7
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 8
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 9
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 10
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 11
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 12
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 13
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 14
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 15
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 16
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 17
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 18
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 19
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 20
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 21
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 22
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 23
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 24
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 25
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 26
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 27
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 28
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 29
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 30
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 31
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 32
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 33
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 34
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 35
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 36
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 37
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 38
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 39
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 40
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 41
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 42
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 43
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 44
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 45
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 46
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 47
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 48
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 49
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 50
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 51
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 52
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 53
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 54
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 55
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที่ 56
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 57
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 58
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 59
bulletTo The World
bulletENGLISH
bulletUSA
bulletChina
bulletIndia
bullet Mynmar
bullet Cambodia
bullet Loas
bulletSri Lanka
bulletMalaysia
bulletKorea
bulletA Sharp Turn of Believes : Iresearch Iwrite Iread
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 1
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 2
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 3
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 4
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 5
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 6
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 7
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 8
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 9
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 10
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 11
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 12
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 13
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 14
bulletMystery Report 15
bulletMystery Report 16
bulletMystery Report 17
bulletMystery Report 18
bulletMystery Report 19
bulletMystery Report 20
bulletMystery Report 21
bulletMystery Report 22
bulletMystery Report 23
bulletMystery Report 24
bulletMystery World Report 25
bulletศึกษาโลกลี้ลับ 26
bulletเฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้ว วิเคราะห์ทุกปัญหาในโลกมนุษย์ด้วยสติปัญญาและเหตุผลวิทยาศาสตร์จากนสพ.ดี
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2536
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2537
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2538
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2539
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2540
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2541
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2542
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2543-2545
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2545-2549
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2549-2550
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2550-ส.ค.2551
bulletเฝ้าดูฯ ส.ค.-ก.ย.2551
bulletเฝ้าดูฯ ก.ย.2551- ธ.ค. 2551
bulletเฝ้าดูฯสำนวนพัชรา กอปรทศธรรม
bulletสำนวนพัชราตอนที่ 16-27
bulletสำนวนพัชราตอนที่ 29
bulletบทความใหม่ เม.ย.-พ.ค.2552
bulletพุทธธรรมเพื่อทางดับทุกข์
bulletทฤษฎีการดับทุกข์ทางจิต วิปัสสนากรรมฐานโดยการทำงาน(สำนวนปรับปรุงใหม่)
bulletประวัติพัชรา กอปรทศธรรม
bulletประวัติการต่อสู้เพื่อการดับทุกข์ ของพัชรา กอปรทศธรรม
bulletอัลบั้มรูป history
bulletนิทานธรรมะประยุกต์ มานุสสาสุระสงคราม 4 ภาค และอื่น ๆ
bulletอัลบั้มรูป ภาพในอดีตและชีวประวัติศาสตร์ที่สวยงาม
bulletจากเวบบอร์ด พูดกันไม่รู้เรื่อง ประชาธิปไตยล้าหลัง
bulletศาสนาสากล การวิเคราะห์ความหมาย
bulletปลอบใจ
dot
รวมบทวิเคราะห์กม.คณะสงฆ์ แนวปฏิรูปคณะสงฆ์อยู่ในบทวิเคราะห์นี้แล้ว
dot
bulletรวมบทวิเคราะห์กม.คณะสงฆ์
dot
สากลจักรวาล สากลศาสนา แนวคิดศาสนาสำหรับคนยุคใหม่ ผู้ก้าวผิดทางไปสู่สิ่งไร้สาระโดยไม่รู้ตัว
dot
bulletสากล...ศาสนา 1
bulletสากล...ศาสนา 2
bulletสากล...ศาสนา 3
bulletสากล...ศาสนา 4
bulletสากล...ศาสนา 5
bulletสากล...ศาสนา 6
bulletสากล...ศาสนา 7
bulletสากล...ศาสนา 9
bulletสากล...ศาสนา 8
bulletสากล...ศาสนา 10
bulletสากล...ศาสนา 11
bulletสากล...ศาสนา 12
bulletสากล...ศาสนา 13
bulletสากล...ศาสนา 14
bulletสากล...ศาสนา 16
dot
ส่วนข้อมูลสำคัญเพื่อการวิจัยการเมืองไทยยุค คมช.-รัฐบาลอภิสิทธิ์
dot
bulletข้อมูลสำคัญยุคคมช.-รัฐบาลอภิสิทธิ์
bulletรายงานสดม็อบสนธิ-จำลอง-ปชป.เป่านกหวีดวันที่1/26ส.ค.2551
bulletรายงานสดม็อบสนธิ-จำลอง-ปชป.เป่านกหวีดวันที่2/27ส.ค.2551
bulletใบปลิว อีเมล์ ในหลวงทรงร้องไห้
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 1
bulletในหลวงเพิ่งทราบข่าวฆ่าประชาชน10เมย.53ทรงร้องไห้
bulletบันทึกลับเสื้อแดงผู้รอดชีวิตจากทำเนียบรัฐบาล
bulletบันทึกลับเสื้อแดงผู้รอดชีวิตจากทำเนียบรัฐบาล
dot
รวมข่าวม็อบการเมืองสนธิ-จำลอง-ปชป.มิ.ย.51-เม.ย.52 นสพ.
dot
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 2
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 3
bulletรวมข่าวม็อบ30มิ.ย.51-23มี.ค.52
bulletเลือดศรีสะเกษบันทึกเรื่องราวรอบด้านเกี่ยวกับเขาพระวิหาร
bulletรายงานการโฆษณาชวนเชื่อในประเทศไทยที่ล้มล้างรัฐบาลทักษิณ
bulletหนังสือพิมพ์ดี ของฟรีให้เปล่ามา20ปีแล้วทั้งเอกสารและอินเทอเนท
bulletหนังสือพิมพ์ดี ( อินเทอเนต ) เล่ม 1 - 44 - ล่าสุด
bulletหน้าที่เก็บไว้
bulletมูลนิธิพระเทพวรมุนี(เสน ปญฺญาวชิโร)
bulletวัดมหาพุทธาราม ศรีสะเกษ บันทึกเหตุการณ์
bulletสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดศรีสะเกษแห่งที่ 1
bulletเกี่ยวกับเวบไซต์ของเรา เราทำเพื่อปัญญาชนโดยแท้
bulletรวมกระทู้เด็ดจากกระดานถามตอบ
bulletคาถาอาคมไสยศาสตร์
bulletกวีนิพนธ์ใหม่
bulletศูนย์ปฏิญญาณละเลิกอบายมุข บัญชีที่ 1- 4


ศึกษาโลกลี้ลับภาค 8 article



 

 

 

ศึกษา

โลกลี้ลับ(8)

ภาค 1

 

บันทึกการปฏิบัติธรรม

ระหว่างเข้าพรรษาปีพุทธศักราช 2549

 

วันอาสาฬหบูชา

 

10 ก.ค. 2549

 

 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 8  วันอาสาฬหบูชา

 

-วันนี้เวียนเทียนแล้ว เริ่มอิริยาบถ3เต็มวัน  ตลอด 24 ชม.  จำวัตรข้างล่าง

 

 

วันเข้าพรรษา

 

11 ก.ค. 2549

 

 แรม 1 ค่ำเดือน 8  วันเข้าพรรษา

-ฟังปาฏิโมกข์

 

12 ก.ค. 2549

 

ทำวัตรเช้า-เย็น  ออกบิณฑบาต

 

13 ก.ค. 2549

 

ทำวัตรเช้าเย็น  ออกบิณฑบาต

 

14 ก.ค. 2549

 

ทำวัตรเย็น  นั่งสมาธิยาว  ยังนั่งต่อไปหลังทำวัตร  บริหารปราณด้วยสติ  ยุบหนอ พองหนอ  สมาธิแล่นขึ้นสูงสุด  ระดับล่องลม  ได้มาตรฐานยุบหนอ พองหนอ  และเลยไปสู่ปราณ  นิมิตเห็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเดินอุ้มบาตรไปยามบุพพัณหเวลา  เวลาเช้า  เห็นแต่ไกล ๆ

 

ตั้งใจจะนั่งสมาธิทุกเย็นในเวลาฝึกสมาธิต่อไปจนถึงเวลาทำวัตรเย็นแล้ว  จนถึงสายัณหเพลา จวนมืดค่ำแล้ว

 

วันนี้ ดร.แวะมาเยี่ยม  ออกไปซื้อก๋วยเตี๋ยวผัดราดหน้ามาถวายเพล 

ฉันอิ่มอร่อยออกรสมาก

ดร.ถามว่า จะสรุปได้เมื่อไร?  

ตอบว่ายังไม่สามารถบอกได้  อาจจะธุดงค์ไปรอบโลกก่อนก็ได้ หรือในเร็ววันก็ได้เช่นกัน

 

หมายถึงการเรียนวิชาใหม่ระดับใหม่

 

 

ทิพโสต ?

 

15  ก.ค. 2549

 

0530- 0700 น.

 

หลังทำวัตรเช้ากลับมากุฏิแล้ว

ได้ยินเสียงแมลงขนาดเล็กจิ๋ว  เสียงไรหรือริ้นขนาดจิ๋ว ๆ มาก ๆ ร่ำร้องสนั่นหวั่นไหวอยู่รอบ ๆ กุฏิที่พัก

 

เมื่อวานไม่ได้ยินนี่นา

 

นิ่งฟัง!!!

 

มาร่วมชั่วโมงแล้ว

 

นี่คือเสียงแห่งความสงบ

 

ที่เราเคยได้ฟังมาแล้ว  ตั้งแต่เป็นฆราวาส  สมัยที่บำเพ็ญศีลอยู่กลางสวนฝั่งธนบุรี  ใกล้ ๆ กับบ้านพักของ

 ร.อ.วรพจน์ ไชยปัญญา (ลูกน้อง-ลูกศิษย์)  ขณะนั้น

 

เคยเล่าไว้แล้ว ในประวัติของผม

ครั้งนั้น  อธิษฐานอย่างไรก็เกิดอย่างนั้น  คืออธิษฐานให้ได้ยินก็ได้ยิน  ไม่อธิษฐานก็ไม่ได้ยิน

และเสียงดังก้องไปทั้งท้องฟ้าอันกว้างใหญ่มหืมา  แต่เรากลับเรียกว่า   เสียงแห่งความสงบ

 

เพียงแต่เราไม่ทราบว่า  ที่มาที่ไปอย่างไร  เกิดขึ้นได้อย่างไร  อะไรเป็นเหตุอะไรเป็นผลอย่างไร

 

 

ขณะนี้ตะวันก็โด่งแดงจ้าแล้ว  แต่เสียงก็ยังอยู่  และอยู่นอกการควบคุมของเรา  เราสั่งให้หยุดไม่ได้

 

หรือว่าเป็นเสียงจริง ๆ ตามธรรมชาติ

 

งั้นก็น่าเป็นอะไรที่ดีมาก ๆ สำหรับเรา  ที่มีเสียงขับกล่อมให้ในหู  ที่มีการฟังอย่างลึกซึ้ง

 

 

ลองสังเกตต่อไป   เพราะว่าเมื่อวานนี้ยังไม่มีเสียงชนิดนี้เลย

 

เป็นเสียงของหมู่ขนาดใหญ่มาก  สามัคคีกันร้องขึ้น  เสียงเล็กหลิว  กระชั้นถี่  เหมือนเสียงค้างคาว อย่างงั้น  แต่ไม่ใช่เสียงค้างคาว  เป็นเสียงแมลงมีปีกตัวเล็ก ๆ

 

 

15.40 น.

 

วันนี้ทั้งวัน ็ได้ยินเสียง  แม้ว่าจะดูหนังแผ่นซีดีจบไป 1 เรื่อง  เรื่อง The Art of War ทำเนียบพันธุ์ฆ่า สงครามจับตาย  หนังฝรั่งเรื่องจีน-สหรัฐลงนามทางการค้าแล้วเกิดมีขบวนการก่อการร้ายขัดขวาง  ก็ตาม  ยังได้ยินอยู่

ขณะนี้ก็ได้ยิน   ออกไปข้างนอกก็ได้ยิน    ชัดเจนพอ ๆ กับที่ได้ยินเมื่อเช้า

นี่คืออะไร?

 

เสียงที่มีอยู่จริงหรือไม่?

 

พอนิ่งฟังยิ่งดังขึ้น ชัดเจนในหูยิ่งขึ้น   แต่ไม่ดังมาก  เป็นเสียงกระชั้นถี่  มีคลื่นแหลมเล็กละเอียดมาก  มิต่างจากเสียงหมู่แมงอีเลย  เพียงแต่เสียงแหลมเล็กและละเอียดกว่า  และดังค่อยกว่าเท่านั้น

 

วันก่อน ๆ ก็ไม่ได้ยินนี่นะ

 

เอาละเราจะต้องติดตามต่อไป!!!!!!!

 

 

 

16.20 น.

 

 เสียงนักเรียนซ้อมดนตรีแตรวง  กราวกีฬาทั้งวัน  แม้ขณะนี้เริ่มซ้อมกันอีกแล้ว  ทรัมเปต แตร กลองโทน และกลองแตระ  ดังสนั่น   แต่เสียงแมลงกลับร่ำร้องถี่ขึ้น

 

เราได้นั่งสมาธิมาเมื่อวานเวลาเย็น  จนถึงระดับลิ่วลอยลม    ว่าจะฝึกทุกเย็นต่อมา ให้คุ้นเคยกับระดับนี้โดยเร็ว  คือ  ลิ่วลอยลม    วันนี้ก็จะฝึกต่อไป   ต้องการผลเร็ว   ให้เข้าถึงระดับลิ่วลอยลมอย่างเร็วอย่างเป็นของธรรมดาสำหรับเรา   เพื่อจักรีบฝึกระดับสูงไปกว่า  เพื่อเข้าสู่ทิพญาณ  ตาทิพย์โดยเร็ว

 

ทำไมจะไม่ได้เล่า ? 

ในเมื่อทำได้อยู่แล้ว   เพียงแต่ระมัดระวังระเบียบการฝึกหน่อยเท่านั้นเอง และเล็งเป้าหมายชัดเจนขึ้น

 

 

16 ก.ค. 2549

 

08.20 น.

 

ยังได้ยินเสียงแมลงพวกนั้นอยู่  เป็นคนละเสียงกับพวกจิ้งหรีด ฯลฯ

เป็นเสียงที่ไม่มีการพักผ่อนหลับนอนเลย

 

เอาละ!!!!

เราคงได้เครื่องมือนำร่องแล้วกระมัง

 

เสียงนี้คงนำเราไปสู่อะไรสักอย่างหนึ่ง  หรือสิ่งที่เรียกว่า  ทิพโสต  ละกระมัง

 

และเรื่อง  โทรจิต  ที่เราเคยมีประสบการณ์มาแล้ว  ถึง  2  ครั้ง  2 ครา อย่างชัดเจน

 

แต่ดูเหมือนเป็นเรื่องที่บังเอิญเกิดขึ้น  เพราะไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ  คือไม่รู้ว่าเกิดขึ้นอย่างไร  และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำอย่างไร  ทำอะไรไปจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา   แปลว่าจับตัวสูตรหรือทฤษฎียังไม่ได้เลย    อยู่ ๆ ก็บังเอิญได้ยินเสียงพูดมาถึงเท่านั้นเอง

 

กระนั้น  นี่ก็ได้บอกยืนยันเหมือนกันว่า  เรื่องเช่นนี้  มีทางที่จะเป็นไปได้อย่างแน่นอน  แต่ต้องเรียนต้องศึกษา

 

 

กสิณเขียว

 

21 ก.ค. 2549

 

เช้า  พาหมู่ทำวัตรเช้าแล้ว  เรานั่งสมาธิต่อ  เวลาประมาณ 05.40 น.   มีสิ่งแปลกเกิดขึ้นคือ  ได้นิมิต เห็นผืนดินปูลาดด้วยหญ้าสีเขียว  เหมื่อนเห็นสนามฟุตบอลกว้างใหญ่ที่ปูด้วยหญ้าสีเขียว

 

สภาพของสมาธินิ่งมากและเยือกเย็นมาก  ละเอียดอ่อนมากทีเดียว  คิดว่าใกล้เคียงระดับทิพญาณเข้าไปแล้ว  แปลกแต่ว่า  นิมิตที่เกิดเป็นผืนหญ้าสีเขียวสด กว้างใหญ่ ที่เราไม่เคยเห็นอะไรเขียวขนาดนี้มาก่อน

 

พลันนึกว่า  นี่คือลักษณะของกสิณประเภทสีต่าง ๆ 

 

กสิน 10 ในตำราท่านว่ามี  ดิน น้ำ ลม ไฟ  สีเขียว  สีเหลือง  สีแดง  สีขาว  แสงสว่าง และอากาศสว่าง

 

 

ประเภทกสิณสี มีสีเขียว  เช่นที่เห็นนี้  เป็นประเภทที่ใช้ระลึกชาติ   ทำกสิณสีเขียว เช่นนี้  เป็นทางไประลึกชาติได้

 

ดูเหมือนเราจะเพิ่งเข้าใจความหมายของกสิณสี  ในวันนี้นี่เอง

 

เพราะเคยผ่านพบมาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง  ในโบสถ์บ้านโคกกลาง  ขณะเข้าไปจำมหาศีล

แต่คราวนั้นยังไม่เข้าใจว่าเกี่ยวกับกสิณอย่างไร  อะไรเป็นอะไร ยังไม่เข้าใจ

 

 

เอาเถิด  ให้เป็นข้อสมมติฐานไปก่อนว่า  การทำกสิณเขียวนี้  เป็นทางระลึกชาติ

และกสิณชนิดอื่น ๆ  ก็คงมีความหมายพิเศษ ๆ เฉพาะด้านแน่ ๆ  ควรที่จะได้ลองทดสอบดูทุก ๆ ชนิดที่ท่านกล่าวไว้

 

 

 

22 ก.ค. 2549

23 ก.ค. 2549

24  ก.ค. 2549

 

การอยู่เป็นพระผู้มีปกติอยู่ด้วยอิริยาวถ 3  เริ่มมาตั้งแต่วันอาสาฬหบูชา  ตราบวันนี้แล้ว

ตลอดวันที่ผ่านมาดังกล่าวนี้  ไม่เคยล้มตัวลงนอนเลย   เป็นเวลา   20 วันเข้าไปแล้ว

 

 

แต่กระนั้น  ยังสังเกตได้ว่า  การกลับมาของปราณยังไม่ถึงระดับก่อน  จำเป็นต้องรีบแร่งฟึกฟื้นต่อไปอีกอย่างเร็ว  และระวังอย่าให้ถอยกลับลงไปอีก

 

 

และความสำเร็จในการศึกษาเล่าเรียนวิชาใดใด  อยู่ที่ปราณนี้โดยตรง

การพัฒนาปราณ  หมายถึงการพัฒนาวิชชา  ด้วย

 

แต่ เราจะพัฒนาปราณไปได้อย่างไรเล่า?

 

เคยมีหลักเกณฑ์เบื้องต้นเอาไว้แล้วว่า  การพัฒนาปราณจะต้องทำอย่างนี้

1.     จงอย่าดูโทรทัศน์

2.     จงอย่าฟังข่าวสารใดใด

3.     พยายามอยู่กับความว่าง  อย่างสันโดษ  ปราศจากการคลุกคลี 

ทำใจให้พ้นจากโลกียะสัญญา คือการผูกมัดต่าง ๆ

 

 

ศึกษา

โลกลี้ลับ(8)

ภาค 1

 

 

สมาธิลัดเวลา

 

26 ก.ค. 2549

27 ก.ค. 2549

 

2 วันนี้

1.   จำวัตรแต่ไม่ดึก  ราว ๆ 2100 น.

2.   เวลาเที่ยงคืน ลุกขึ้นมาทำกิจ  แล้วจำวัตรต่อ ราว 1.30 น.

 

สิ่งที่สังเกตก็คือ  ระหว่างเวลา จำวัตรช่วง 2 นี้  ไปถึง ตี 4.00 น.รวดเร็วมาก  คล้าย ๆ ว่าหลับไปได้เพียงงีบเดียว  หรือประมาณอึดใจหนึ่งเท่านั้นเอง  แล้วพอรู้สึกตัวตื่นก็เป็นเวลาตี 4 แล้ว  เกือบจะไม่ทันไปทำวัตร

ได้พิจารณาแล้ว พบว่า  เป็นการเข้าสมาธินั่งหลับที่สนิท  แม้กระทั่งความคิดหรือจิตที่บริหารทั่วไปก็พลอยเข้าสมาธิไปด้วย    หมายความว่าเข้าสมาธิไม่รู้สึกตัวไม่มีความคิด  แม้ความคิดก็ดับไปด้วย   ทั้งกายและใจดับไปด้วย   พอมารู้สึกตัวอีกครั้งหนึ่งก็พบว่าผ่านไปร่วม 3 ชั่วโมงแล้วโดยไม่รู้ตัว  รู้ตัวเหมือนผ่านไปเพียงชั่วอึดใจ

 

นี่เป็นสิ่งที่ค้นพบใหม่อีกสิ่งหนึ่ง  นั่นคือ  แม้จิตก็ดับไปด้วย  ทำให่ช่วงเวลาดูสั้นลงไป  หรือเวลาไม่มีช่วงเวลา  เมื่อเข้าสมาธิแบบนี้ก็จะสามารถลัดเวลาไปได้มากมายเลยทีเดียว 

 

 

เหมือนเดินทางย่อแผ่นดิน  ตามที่เล่ากันนั้นหรือ?

 

 

และเราก็ต้องลองฝึกฝนการเข้าสมาธิแบบใหม่เอี่ยมนี้ให้ช่ำชองต่อไปอีกเช่นกัน

 

 

28  ก.ค. 2549

 

น.พ.ไสว เมืองไทย  หอบหนังสือธรรมะมาถวายหลายเล่ม  ล้วนธรรมะสายสติปัฏฐาน  เจ้าคุณโชดก และท่านพุทธทาส

 

เมื่อวันก่อนได้มาถวาย  ใครทำนิพพานหล่นหายไป  ว.วชิรเมธี เขียน  เลยให้  ศึกษาโลกลี้ลับ ไป 1 เล่ม 

 

 

 

หนังอินเดียที่น่าเบื่อหน่าย

 

31 ก.ค. 49

 

03.40 น.       ตื่นนอน

04.00 น.       เดินจงกรมระยะที่ 1 

04.15 น.       พาหมู่ทำวัตรเช้า และ นั่งสมาธิ 

 

 

0810 น.

 

 ดูหนังเคเบิลเรื่อง พระศิวะจอมเทพ จบลง

 

เป็นหนังเก่าที่เราเคยดูมาแล้วที่ เทกซัส ตั้งนาน สมัยยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย  และเป็นหนังที่สร้างความเบื่อหน่ายแก่เราอย่างที่สุด จนเลิกดูหนังอินเดียไปเลยตั้งแต่สมัยนั้น   วันนี้ก็เช่นเดียวกัน

 

การแสวงบุญของคนอินเดียยุคดั้งเดิมนั้น ก็คือการเอาแต่สรรเสริญเทพเจ้า

 

ดูดั่งว่าเทพเจ้ามักลูกยอเสียจริง ๆ

ในที่นี้ ศิวะเทพชอบคำสวดสรรเสริญว่า   โอม นมัสศิวะ   

 

ใครขยันสวดภาวนาคำ โอมนมัสศิวะแล้ว นั่นจักได้รับการโปรดปราน 

เป็นทางแห่งความสำเร็จของการแสวงบุญ

 

ต่อมา พระเยซูก็เอาหลักการนี้มาเผยแผ่

 

โดยเน้นว่า  คนจะต้องเชื่อในพระเจ้า   คนต้องยึดเอาความเชื่อนี้ ว่าเป็นสิ่งสูงสุด

และชาวคริสต์ที่แท้จริงจึงต้องเชื่อว่าพระเยซูเป็นบุตรของพระเจ้า  และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระเจ้า  

 

นี่คือหลักศาสนาคริสต์

 

ศาสนาอิสลามก็เช่นเดียวกัน   โดยมีหลักความเชื่อว่า   ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์อัลเลาะห์  

พระองค์เป็นเทพเหนือเทพคือเทพผู้สูงสุด 

 

นี่คือศาสนาอิสลาม

 

แต่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า  การบูชามี 2 อย่าง คือ

1.  อามิสบูชา  คือการบูชาด้วยคำสรรเสริญ ยกยอ เช่นที่ศาสนาฮินดู คริสต์ อิสลาม  ว่าตามกันไป  จากต้นบทที่ว่า    โอม นมัสศิวะ

2.   ที่ศาสดาองค์อื่นไม่พูดถึงแลยแต่พระพุทธเจ้าเน้นว่าสำคัญยิ่งกว่าการบูชาด้วยอามิส และการบูชาด้วยสิ่งอื่นใด วิธีอื่นใด  ก็คือ  ปฏิบัติบูชา

 

ซึ่งในศาสนาพุทธหมายถึง การปฏิบัติธรรม มรรค 8  หรือ ไตรสิกขา   ศีล สมาธิ  ปัญญา 

 

อันเป็นแนววิทยาศาสตร์

 

นั่นคือ  ผลกรรมใดใดย่อมเกิดจากเหตุปัจจัย   ผลกรรมอันสูงสุดก็ย่อมเกิดจากเหตุปัจจัยอันสูงสุด

 

เมื่อวิทยาศาสตร์พิศูจน์ได้  หลักกรรมก็พิศูจน์ได้    นี่คือคำสอนของพระพุทธเจ้า

 

และหนังอินเดียเรื่องนี้ก็เป็นที่น่าหน่ายของเรามานานแล้ว

คือขณะที่ผัวจะตกเหว ห้อยอยู่ต่องแต่ง จะหลุดลงไปก้นเหวมิลงไปแหล่  แทนที่เมียจะรีบมาช่วยดึงขึ้นไปให้พ้นจากปากเหว  กลับไปร่ายรำร้องเพลงสรรเสริญศิวะเทพเสียอีกทางนู้น

 

หนังเก่าหลายเรื่อง  ไร้เหตุผลเช่นเดียวกันนี้  เช่น  ไฟไหม้บ้านขึ้น  แทนที่จะรีบเอาน้ำมาดับไฟเสียแต่เปลวไฟแลบขึ้นน้อย ๆ  ไม่ทำ  กลับวิ่งไปเทวาลัยร้องเพลงสรรเสริญศิวะเทพเสีย  ไฟก็เลยขยายใหญ่ไหม้เมืองทั้งเมือง

นี่คือไร้เหตุผล  และไม่เป็นวิทยาศาสตร์

 

และในหนังเช่นนี้ก็เป็นเพียงเทพนิยาย  จริงอยู่  ในที่สุดศิวะเทพก็ปรากฏตัวและช่วยเหลือทัน

 

แต่ไร้การพิศูจน์

และใครจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง?  หรืออาจจะเป็นจริงได้อย่างไร?

 แต่หลักกรรมเป็นประกันได้

 

 

ศึกษา

โลกลี้ลับ(8)

ภาค 1

 

 

เรื่องราวของเราเองก็เช่นกัน

เราคงต้องหาทางพิศูจน์ต่อไปให้เห็นชัดเจนจะแจ้งเป็นวิทยาศาสตร์ว่า  เรื่องราวของ  วิษณุ - นารายณ์  และอิศวรจอมเทพ  ที่ปรากฏหลังสวดมนต์ชุมนุมเทวดานั้น  เป็นอะไรแน่

 

เราเห็นจะต้องอยู่ไปเรื่อย ๆ ไม่ได้ 

 

จะต้องรีบปฏิบัติธรรม

 

เราน่าจะเริ่มได้เลย

 

เอาละ  เริ่มวางแผนได้เลย

 

 

 

เหตุผลแห่งสงครามเพื่อศูจน์สัจธรรม

 

 

ประเด็นขณะนี้ก็คือ     ภาพที่เห็นจากสมาธิ กับ ความรู้ที่ได้รู้จากวิปัสสนาญาณ อะไรคือความจริง?

 

ภาพที่เห็นจากสมาธิ  อาจจะเป็นความจริงก็ได้  ไม่เป็นความจริงก็ได้

จึงต้องทำการพิศูจน์ต่อไป

 

จะต้องศึกษาว่า  เหล่าเทวดานำโดยวิษณุเทพ นารายณ์ พรหม  รวมทั้ง อิศวรจอมเทพ  ที่มาปรากฏให้เห็นนั้น  เป็นอะไรกันแน่ ?

และหมายความรวมไปถึง  เจ้าที่เจ้าทางหรือ พระภูมิที่ห้วยคุ้ม และยักษ์ในป่า กม.42 ศูนย์การคณะสงฆ์ภาค 10  เหล่านั้นด้วย  ว่า  คืออะไร หรือ เป็นอะไรกันแน่?

 

จะต้องมีข้อพิศูจน์โดยวิทยาศาสตร์

 

 

 

ฉะนั้น  เราจำเป็นต้องอัญเชิญท่านเหล่านี้มาเผชิญหน้ากันอย่างจะแจ้งอีกครั้งหนึ่งหรือหลาย ๆ ครั้ง  ทีเดียว  โดยไม่เกรงใจกันละ

 

จุ๊ ๆ ๆ ๆ !!!   อาจจะต้องรบกัน หรือทำสงครามกันก็ได้   ก็ต้องทำ !!

 

จนกว่าจะพูดกันรู้เรื่องว่าอะไรเป็นอะไร?  ใครเป็นใคร?

 

นั่นคือ   เพื่อการพิศูจน์ให้เห็นกันจะแจ้งแบบวิทยาศาสตร์

 

และเป็นสุดยอดของภาระหน้าที่ของเรา  ผู้ปฏิญาณตามรอยของพระพุทธเจ้าแห่งยุคสมัยนี้

 

 

ฉะนั้น   ต่อไปนี้ก็คือ    การเตรียมทำสงครามสวรรค์อีกครั้งหนึ่ง 

รบด้วยอาวุธคือ   นามธรรมล้วน ๆ

 

 

 

และนั่นคือ

 แม้เข้าพรรษาแล้ว

เราเห็นจะอยู่ไปเรื่อย ๆ ไม่ได้ 

 

จะต้องรีบปฏิบัติธรรม   และต้องเข้มข้น

 

เราน่าจะเริ่มได้เลย

 

เอาละ !!! 

เริ่มวางแผนได้เลย !!!     บัดนี้เลย !!!!!!

 

และนี่คือ

 

กฎข้อที่ 1   ในวันธัมมัสสวนะ  จะไม่ปฏิบัติงานอื่นนอกจากการปฏิบัติธรรมกรรมฐาน

 

 

 

1  ส.ค. 2549

 

0300 น.  เริ่มปฏิบัติธรรมตามแผน  ลุก แล้วออกมาเดินจงกรมข้างวิหาร  

                     ตั้งใจว่าจะทำทุกวันก่อนทำวัตรเช้า

0415 น.  พาหมู่ทำวัตร นั่งสมาธิ

 

15.00 น.  เดินจงกรมในวิหาร เป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ ๆ ก่อนพาหมู่ทำวัตรเย็น

 

 

 

2  ส.ค. 2549

 

วันนี้วันพระ

2  ส.ค.  2549  วันพุธแรม 8 ค่ำเดือน 10  วันพระ

04.21 น.  ประกอบพิธีมงคลพิธีให้โยม  1  ราย

 

 

 

ศาสตร์แห่งโยคะ

12.30 น. 

 

ดูโยคีอินเดียสอนสมาธิ

FAITH Channel

Pas 7 & 10

UK Yog Shivir

 

ปราณ คืออะไร?   ต่างจากโยคะอย่างไร?

 

โยคะ  มีการบริหารลมหายใจอย่างมากมายหลายท่า  มีท่าที่คล้าย ๆ หลักการ ยุบหนอ พองหนอ มาก ๆ  จนแทบว่าเป็นอันเดียวกัน แต่ของโยคะดูมีท่าหลายหลากกว่าและพิสดารกว่า  นอกจากนั้น ยังมี  ท่าบริหารกายมากมายหลายท่า  ในลักษณะศาสตร์ของโยคะ  YOK Science

ในที่นี้คือหลักสูตรครูโยคะ Yog Science campที่สอนเองโดย สวามี รามเทพ จี มหาราช   H.H.  SWAMI RAMADEV  JI MAHARAJ  ทางดาวเทียม ที่ประเทศอังกฤษ    WWW.AASTHATV.COM    

หายใจเข้าแรง ๆ   ดังตึง ๆ ๆ ๆ  ท้องกระเพื่อมตึงตามแรงลมเข้า  มีอุดจมูกข้างหนึ่งหายใจเข้า แรง ๆ มีเสียงดังของลมเข้า และเสียงดึงของท้องตึงขึ้น

หายใจเข้า ออก อย่างแรงและเร็วจนท้องพอง ๆ ยุบ ๆ อย่างแรง เร็ว เป็นลุกคลื่น

 

อย่างนี้มีผลอย่างไร?

 

โยคะนี้น่าติดตามศึกษามาก  ว่าคืออะไร  นำไปสู่อะไร  หรือเป็นเพียงการบริหารร่างกายอย่างหนึ่ง ?

 

มีผลต่อมรรคผล นิพพานหรือไม่?

 และที่สำคัญ มีผลต่อ  การมีอิริยาบถ 3 อย่างเราหรือไม่?

 

คำตอบ    จากโฆษณาของโยคะนี้  เป็นเรื่องการป้องกันโรคชนิดต่าง ๆ

 

 

13.30 น.       จบรายการสวามี

 

ตอน 2 ทุ่มเศษ ๆ  ทีวีอินเดีย ยังออกข่าว เอาภาพของ สวามี ขณะสอนโยคะออกอากาศเชิงโฆษณา

 

14.30 น.

 

โยมมาเยี่ยมบอกข่าว ดูดวงชะตา และให้หาฤกษ์ยามให้ ออกรถ   เขาไม่ทราบว่าเป็นวันพระ

 

 

15.20 น.

 

ลงไปวิหาร  เดินจงกรม  มีโยมขาว บรรดาลูกศิษย์มาเดินตาม 5-6 คน  เลยสอนให้ โดยพาเดิน  เดินนำ  นับเป็นการเริ่มสอนเดินจงกรม จนถึง  17.00  น.  จึงพาทำวัตรสวดมนต์แปล ฟังเทศน์จบ  เสร็จเวลา 18.30  น.

 

21.00  น.  จำวัตร

21.30 น.  โยมโทร.มาจากกรุงเทพ ถามเรื่องของที่ส่งมาถวาย และเรื่องดวงดาว ฯลฯ

 

21.40 น. จำวัตรต่อ  และรวดเดียวตื่น  พบว่าเป็นเวลา  03.40 น.

 

 

3  ส.ค.2549 

 

03.40 น.

 

ตื่นขึ้นแล้วดูนาฬิกา พบว่าเป็นเวลา 03.40 น.  ความรู้สึกบอกว่าเกือบตี 4  เวลาตีระฆังทำวัตรเช้าปกติปีนี้

นี่เป็นการหลับรวดเดียวตลอดต่อเนื่อง  ตั้งแต่เวลา 21.40 น. ถึง  03.40 น.  เป็นเวลา  6 ชั่วโมง

 

แต่ดูเหมือนว่า  เราเพียงงีบไปเพียงไม่กี่นาทีนี่เอง

 

นี่เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น สิ่งที่ประหลาดไปกว่าปกติธรรมดามาก

 

และได้สังเกตมาตั้งแต่วันนู้นแล้ว  นี่คือการลัดเวลาไปอย่างรวดเร็ว  จากชั่วโมงเป็นนาทีเท่านั้น

 

วันนี้ทำได้อย่างชัดเจนมาก  แทบไม่เชื่อว่าตอนตื่นขึ้นนั้นเป็นเวลา 03.40 น. ความรู้สึกบอกว่าเราเพิ่งหลับไปเพียงงีบเดียวเท่านั้นเอง เมื่อชั่วอึดใจนี่เอง  (นั่งหลับเป็นธรรมชาติสมบูรณ์  ในอิริยาบถ3 มาตั้งแต่วันอาสาฬหบูชาตลอดมาถึงปัจจุบันแล้ว)   

 

 ต้องทบทวนถึงสาเหตุ เหตุปัจจัยต่าง ๆ ที่อุปการะให้เกิดการหลับที่สนิทและผ่านเวลาไปอย่างรวดเร็วอย่างไม่รู้สึกตัวเลยเช่นนี้

 

สิ่งที่คิดในใจขณะนี้ก็คือ  เรื่องสมาธิ   ซึ่งลัดเวลาไปอย่างรวดเร็วขึ้น  และเราเพิ่งสังเกตเอาในระยะหลัง ๆ นี้เช่นเดียวกัน (เวลาเข้าสมาธิ  10 นาที เหมือน 1 นาที)  จะต้องตามพิศูจน์ต่อไปทันที 

 

 

เอาละ 

วันนี้จะต้องติดตามการสอนโยคะของ  สวามี รามเทพ จี มหาราช จากโทรทัศน์อินเดียต่อ และลองปฏิบัติตามสูตรของเขาดู

 

อยากวิเคราะห์ดูว่า  ต่างจากสมาธิที่เรารู้จักอย่างไร  พุทธกับโยคะต่างกันอย่างไร ?

 

ของเขาแท้จริง ๆ  เป็นอะไรแน่ ๆ ๆ  เราต้องศึกษาแบบไม่ลำเอียงจริง ๆ

 

 

08.30 -  15.00  น.

 

 ดู  อาสธาทีวี  

 

เพื่อดูว่าโยคีตนนั้นทำอะไรแน่  โยคีสวามี   พบว่ารูปรวมทั้งหมดเป็นการบูชาพระเจ้า

 

 

 

สติที่ตื่นลุกโพลงในวิหารหลวงพ่อโต

 

15.30 -  17.10 น.

 

ลงไปวิหาร  เดินจงกรมตลอดเวลานั้น  เท่ากับเดินเป็นเวลา  1 ชั่วโมง 40 นาที  เริ่มจากระยะที่ 1  ประมาณ 50 นาที  ระยะที่ 2  30 นาที  ระยะที่ 3  อีกในเวลาที่เหลือนั้นประมาณ 20 นาที

 เน้นระยะที่ 1 เสมอไป เพราะเป็นต้นแบบ

 

พอจบระยะที่ 2  วิหารหลวงพ่อโตก็สว่างไสวเจิดจ้าขึ้น  

 

นี่คือรูปธรรมที่ปรากฏจริง  จากการเดินจงกรมได้ถูกต้อง  ถูกวิธี   นั่นคือ   สติ  ที่ลุกโพลงขึ้นได้ด้วยวิธีเดินจงกรม

ปรากฏแก่เราอย่างสมเหตุผลทีเดียว

 

 

เรากำลังวิเคราะห์อยู่ว่า  ทำไมเมื่อสติลุกโพลงขึ้นแล้ว  อากาศจึงสว่างไสวตามไปด้วย

 

นั่นคล้ายกับปฏิบัติฝ่ายกสิณ  ต่างกันหน่อยตรงที่ เดินจงกรมมิได้ประสงค์เรื่องภายนอก อะไรจะเป็นอะไร   ก็ตาม ไม่ถือว่าสำคัญ    แต่กสิณมีเจตจำนงว่าเพ่งอะไร    ไฟ  หรือ อากาศ  หรือ  น้ำ     ฯลฯ 

 

 

17.10 น.

 

พาหมู่ทำวัตรเย็น  ทำสมาธิ 15 นาที  เสร็จทำวัตร เรานั่งสมาธิต่อไปจนถึง  18.00 น.  เราปฏิบัติมากกว่าหมู่เสมอ  มาก่อน  กลับทีหลังเสมอไป  ในชั่วพรรษานี้ที่ผ่านมา   นั่นเพราะเราต้องการเป็นเรื่องส่วนตัวเอง

 

 

18.40 น.

 

ดู โยคีต่อ   มีโยคีอีกคนหนึ่งมาพูดแขก  ฟังไม่รู้เรื่อง  แต่พอเดาได้ว่าเรื่องอะไร  เรื่องพระเจ้านั่นเอง

 

 

19.20  น.

 

ลงไปสวดอภิธรรมศพ  ที่ศาลาเมรุ

 

 

 

อดีตที่ศาสนาพุทธครองอินเดีย

 

20.30 น.  

 

กลับมาดู โยคีต่อ  และดู  ดีดีอินเดีย รายการมรดกอินเดีย พาชมสถานที่เก่าแก่ เป็นศาสนสถานฮินดู  และมีภาพที่น่าตื่นเต้นคือ  พระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่โตมโหฬารมาก ในทะเล  แม้ทะเลใหญ่ยังเห็นพระพุทธรูปใหญ่โตอยู่  มีจารึกว่า

 

MEMORY OF LORD BUDDHA

HUSSAIN SAGA LAKE

 

ที่เราเห็นเป็นทะเลนั้นแท้จริงเป็นทะเลสาบ   ไม่ทราบรายละเอียดว่าอยู่จังหวัดหรือแคว้นอะไร  ไม่เคยเห็นว่ามีพระพุทธรูปขนาดใหญ่เช่นนี้ในอินเดียมาก่อนเลย

 

ดูอิสลามซาอุฯ  ที่พากันวียนรอบหินกาบากันตลอด 24 ชั่วโมงไม่เคยขาด  และโทรทัศน์อิสลามก็ถ่ายทอดบทเพลงบูชาอยู่ตลอดไม่แพ้ฮินดู

 

และดู  FE TV สลับไปด้วย  มีเรื่องคาบอยอเมริกันยุคเริ่มก่อตั้งสมาพันธรัฐอเมริกา

 

ได้ความคิดว่า  ทั้ง 3 สถานีโทรทัศน์นี้สะท้อนเรื่องราวที่น่าสนใจ  ที่มีความสัมพันธ์ในเชิงศาสนาแบบตัดกันสูง  จะต้องศึกษาต่อไป

 

ถึง 23.00 น.จึงเข้านอน ในอิริยาบถ 3  เวลา 02.45 ตื่นขึ้นมาคราวหนึ่ง

 

 

 

4  ส.ค. 2549

 

02.45 น.

 

ตื่นมาคราหนึ่ง  แล้วหลับไปใหม่  คราวนี้แผลบเดียวถึง 03.55 น. เกือบถึง  04.00 น.  ทั้ง ๆ ที่คิดว่าจะหลับไปสัก 30 นาทีเท่านั้น  แต่ก็ผ่านไปถึง  1 ชั่วโมง 10 นาที  ราวกับว่าเพียง  นาที 2 นาทีเท่านั้นเอง

 

แต่ปรากฏว่า เพลียหน่อย  เพราะเมื่อวานนี้เดินจงกรมมาก  ได้ถึงระยะที่ 3  ปรากฏว่ายิ่งเดินไปได้ระยะมากเท่าไร ยิ่งต้องออกแรงมากขึ้น  ใช้สติมากขึ้น  ใช้เอนเนอยีมากขึ้น  และเราได้สัมผัสกับความไม่เที่ยงของสังขาร  ที่ไม่เหมือนเดิม  อันเป็นธรรมดา

 

เช้านี้จึงไม่ทันได้เดินจงกรม  พาหมู่ทำวัตรสวดมนต์เช้า

 

ยังต้องติดตามดูโยคีต่อ  เพื่อหาข้อมูลในรายละเอียดก่อนที่จะสรุปลงว่าอย่างไร  ดั่งที่เราเข้าใจอยู่หรือไม่  ให้ได้ก่อนเป็นเบื้องต้น

 

 

5  ส.ค. 2549  

 

มีปัญหาสุขภาพท้อง ต้องเข้าห้องหนักหลายครั้ง   เดินจงกรมถึงระยะที่ 6 แล้ว  แต่เดินเบา ๆ เป็นขนาดต้น  กระนั้นก็เหน็ดเหนื่อย

 

6 ส.ค.2549  

 

ยังมีปัญหาสุขภาพท้องต่อ

 

7  ส.ค. 2549

 

วันนี้ทั้งวัน  พยายามแก้ไขปัญหาสุขภาพท้อง  ดูจะได้ผลดี

 

 

ฝึกศึกษาธรรมปฏิบัติในความฝัน

 

21.00 น.

 

 เข้านอน  นั่งหลับ  สังเกตว่าสุขภาพดีขึ้นแต่ปรารถนานอน  คิดว่านอนเพื่อให้สมความปรารถนาทางธรรมชาติ เพราะเรานั่งหลับมาถึงบัดนี้  สภาพปราณยังไม่ถึงระดับเดิม คราวนั่งมา 17 ปี จึงมีความโหยอยากนอนอยู่ โดยเฉพาะ 3 วันที่ผ่านมา  สักหนึ่งชั่วโมงผ่านไปโยมโทร.มาจาก กทม.ให้คำนวณดวงชะตาให้  ทำให้สับสนในความคิด สมาธิแตก  จึงนอนลง หลับสนิท  แล้วเกิดปฏิกิริยาประหลาดภายใน  คล้ายมีปรากฎการณ์อย่างหนึ่งให้เห็นและให้ปฏิบัติตาม  ก็ปฏิบัติตามไป คล้าย ๆ วิธีฝึกกสิณ  และสมาธิ  และทั้งปราณ  ด้วย  แต่ดูสับสน  เหมือนมีกระดาษขาวแผ่นหนึ่ง แบ่งเป็นช่อง ๆ ในแต่ละช่องมีคำสั่งให้ปฏิบัติอย่างไร  เราก็ปฏิบัติตามไปทีละช่อง ๆ จนคล้ายว่าขณะนอนนั้นมิได้นอน แต่เป็นการปฏิบัติตามตารางในกระดาษแผ่นนั้นตลอดเวลา จนกระทั่งถึงเวลา .2.40 น.

 

 

 

 

ศึกษา

โลกลี้ลับ(8)

ภาค 1

 

 

8  ส.ค. 2549

 

02.40 น.

 

 ตื่น  นั่งหลับต่อสักพักหนึ่ง  ยังคงฝันเฝือต่อไป  เหมือนได้เห็นแผ่นกระดาษ และนับต่อไป

 

03.30 น. 

 

เตรียมออกไปวิหารเพื่อปฏิบัติธรรมเดินจงกรมและ 04.00 น.พาหมู่ทำวัตรเช้า

 

04.50 น.

 

นั่งสมาธิหลังทำวัตรเช้า  ปรากฏว่าพบนิมิตตลอดเวลา  เป็นเรื่องราว  เป็นฉาก ๆ  เป็นตอน ๆ  ติดต่อกันไป

 

เรื่องที่ 1  เห็นหญิงสาวแต่งชุดเฉิดฉาย  ดูเสื้อผ้าเหลืองสดใสเดินไปในราวป่าละเมาะ เดินไปเรื่อย ๆ  ไม่ทราบว่าเดินไปไหน  เราคล้ายว่ามองตามภาพนี้ไป  ดูก็เห็นเดินไปเรื่อย ๆ ในท่าทางสบาย ๆ

 

เรื่องที่ 2  เหมือนได้ดูภาพยนตร์นิ่ง  มีภาพนิ่งฉายให้ดู  เห็นภาพคน คล้ายจะเป็นดาราภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงชาวฝรั่ง  ออกมาทางจอที่ติดตั้งไว้ด้านบนสุดของอาคารทีละคน ๆ  คล้าย ๆ ว่าหน้าโรงหนังเฉลิมไทยเก่า ที่สะพานมัฆวาน

 

เรื่องที่ 3  เห็นแนวป่า  มีสระน้ำ  ฝั่งสระเต็มไปด้วยต้นไม้ผล  และเห็นราวป่าใกล้ ๆ น่าอยู่น่าชม

เรื่องอื่น ๆ อีก    พอหลับตาลงทีไร  ก็เกิดนิมิตขึ้นทุกที   ซึ่งเป็นการประหลาด

 

หรือนี่คือการเตรียมการระลึกชาติ?

 

10  ส.ค. 2549

 

ปราณเราถอยลง   เป็นเหตุให้การนั่งหลับไม่อิ่ม  มีลักษณะขาดต้องโหยหา   และปวดตามเนื้อตามตัว   และหลังสุดบัดนี้ปวดหัว  และทั้งมีรอยลั่นปวดที่สะเอวเป็นระยะ ๆ เบา ๆ

 

ซึ่งแสดงว่าสถานะแห่งปราณมิได้เท่าเทียมกับครั้งนั้นเลย 

 

ครั้งเดิม ที่นั่ง มา  17 ปีนั้นเป็นธรรมชาติ   ที่เสร็จเด็ดขาด  ไม่มีการโหยหาการหลับนอนเลย  มีความสมบูรณ์ในตัวจนไม่รู้สึกอะไร 

 

แต่ขณะนี้อ่อน   ยังไม่ขาดไปจากการโหยหา

 

อาจจะเป็นเพราะเราอายุมากขึ้นละกระมัง!!!  ก็น่าจะมิใช่

 

คงเป็นเพราะความกังวลมากกว่า

 

จะต้องลองสำรวจให้ละเอียด  สำรวจให้พบสมุฏฐานแห่งเหตุนั้น ๆ

และคงเป็นเพราะปฏิบัติธรรมหนักเกินไป  ไม่มีเวลาพักผ่อน หรือเล่นบ้าง

 

แท้จริง  เราควรจะผ่อนคลาย  ลดความมุ่งมั่นลงไปบ้าง  เพื่อเปิดโอกาสให้อินทรีทั้งหลายได้ผ่อนคลาย ได้พักผ่อนเสียบ้าง

 

 

11 ส.ค. 2549

 

04.00  น.  

 

ตื่นเมื่อระฆังทำวัตรเช้า   เราหลับรวดเดียวมาตั้งแต่ 22.00 น. เกือบตื่นไม่ทันเวลาเสียอีก

 

 

05.00 น. 

 

 เราปวดสะเอวเสียแล้ว   มีอาการร้าวระบม  ขณะนั่งทำวัตรได้สัมผัสความร้าวแล่นไปตามสันหลัง

 

 

07.50  น.

 

ฉันภัตตาหารแล้ว  ยังรู้สึกถึงความร้าวที่บริเวณสะเอว   ได้สัมผัสอาการนี้มาตั้งแต่วันก่อน-วันวานนี้แล้ว

 

นี่เป็นปัญหาสำคัญเสียแล้ว

 

นึกน่าจะเป็นเพราะนั่งไม่ตรง เวลาดูโทรทัศน์นาน ๆ  มักนั่งโย้ไปข้างหลังตามพนักเก้าอี้

หรือไม่ก็โย้ไปเอง ด้วยความเพลิน

 

จะต้องแก้ไข

 

ลองนั่งสมาธิดูก็ไม่รู้สึกปวดเพราะนั่งตรง

 

เราคิดว่าเป็นเพราะการนั่งโย้นี่แหละ   ลองตรวจสอบดู  ปรับแก้นิสัยการนั่งดูทีวีเสีย  มานั่งตรง ๆ ไม่โย้ไปตามพนักเก้าอี้ดู  น่าจะดีขึ้น

 

 

 

14  ส.ค. 2549

 

เห็นนิมิตมากมาย  ไหลเลื่อนต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ

 

นี่เป็นขั้นตอนใหม่จริง ๆ

 

แต่ก่อน นิ่งสนิทก็จริง ถึงระดับอัปนาสมาธิก็จริง   แต่นิมิตไม่เกิด

 

เดี๋ยวนี้ เมื่อเข้าอัปปนาสมาธิแล้ว  ทุกครั้งจะมีนิมิตไหลเลื่อนมาเป็นฉาก ๆ  ไปตลอดเวลาที่เข้าสมาธิอยู่  เป็นเรื่องเป็นราวบ้างไม่เป็นเรื่องเป็นราวบ้าง  ตั้งใจดู  ไม่ตั้งใจดูก็เห็น  เป็นขึ้นมาเอง

 

เมื่อเช้าวันนี้ หลังสวดมนต์เช้าแล้ว  เห็นภาพสุกรขาวตัวอ้วนท้วนถูตัวกับราวไม้ข้างนอกคอกของมัน  ในกริยาร่าเริง  และซุกซน  มันเป็นหมูหนุ่มอยู่  มีความคล่องตัวสูง  น่ารัก  มันไม่ได้อยู่ในคอกแต่อยู่นอกคอก  แล้วมันก็วิ่งเที่ยวไปรอบ ๆ บริเวณนั้น   ภาพหมูขาวดูชัดเจนมาก  แล้วมีนิมิตใหม่เกิดต่อไป  ๆ  ตลอดเวลาที่เข้าสมาธิ

 

เราจะต้องตามศึกษาอย่างจริงจัง และหาเหตุผลให้ได้ต่อไป   

 

 

 

รูปธรรมนามธรรม การปฏิบัติที่ปราศจากนามธรรม

 

15  ส.ค. 2549

 

วันนี้เช้าได้บอกสอนเรื่องการสวดมนต์  ว่า  ให้สวดมนต์มีวรรคตอน  บทสวดมนต์มีวรรคมีตอน  รู้จักวรรคตอนในบทสวดมนต์แต่ละบทหรือไม่ ?  ให้หยุดเมื่อจบวรรค เพื่อรอให้คนอื่นตามทัน แล้วเริ่มวรรคใหม่  พร้อมกัน  เมื่อจบวรรคให้หยุดรอคนอื่น  แล้วขึ้นวรรคใหม่พร้อมกันไป จึงจะเกิดสามัคคีธรรม

บ่าย บอกเรื่องการทำคณิกะสมาธิ  ให้บริกรรมพุทโธ  บริกรรมคือว่าเบา ๆ  สวดคือว่าดัง ๆ

 

16 ส.ค. 2549

 

เช้านี้ทั้งเช้า โทรทัศน์อินเดีย  India TV  ออกเรื่อง  Yog Science  โดยมีโยคีสวามี  มาทำการสาธิต อธิบาย  แสดงถึงความชำนาญงานด้านโยคะอย่างละเอียด  เป็นการบริหารร่างกายอย่างละเอียดไปจนถึงการบริหารนิ้วมืออย่างไร

โยคะ นี้ ได้เฝ้าติดตามดูมาตั้งแต่วันนู้นแล้ว ใน ทีวี Aastha

ต้องยอมรับว่า โยคะ เป็นศาสตร์ และเป็น วิทยาศาสตร์ ฝ่ายกาย  โดยแท้จริง  และโยคีผู้นี้ก็แสดงความรอบรู้ทางฝ่ายกายมาอย่างช่ำชองมาก   ดูเหมือนว่า อินเดียกำลังพยายามจะบูมโยคะให้ดังไปทั่วโลก โดยเอาโยคีที่เก่ง ๆ เหล่านี้มาเป็นพรีเซนเตอร์ โดยตรง

 

มาบัดนี้  จึงพอจะเข้าใจว่า  แท้จริง โยคะ และโยคีเหล่านี้  มุ่งศึกษาทางฝ่ายรูปธรรมไปอย่างสุด ๆ  และโดยไม่เคยศึกษาหรือรอบรู้เรื่องนามธรรมเลย   ทำให้เห็นโยคี เหมือนบุคคล  ปุถุชนคนธรรมดาเรานี่เอง  เพียงแต่มีความรู้ความชำนาญในด้านโยคะ   โยคีสวามีที่เห็นนี้ ดูเหมือนท่านจะเป็นนักกีฬาโยคะ คล้าย ๆ ยิมนาสติกแต่ไม่ใช่

 

จะเป็นเช่นนี้หรือไม่  จะต้องติดตามต่อไป

 

 

นิวรณ์ตัวปัญหาสากลของการปฏิบัติธรรม

 

19 ส.ค. 49

 

15.00 น.

 

บ่าย  พยายามตั้งใจเดินจงกรมตามแบบอย่างละเอียดยิบ

พอจบระยะที่ 3  ลืมตามองตรงไป  ทุกอย่างรอบตัวก็สว่างไสวไปหมด

พอจบระยะที่ 6  หลวงพ่อโตและพระพุทธรูปทองรอบ ๆ หลวงพ่อโตก็สว่างระยิบระยับเป็นประกายละอองทอง

 

เรายังคงมีประสิทธิภาพอยู่  แต่ต้องสร้างองค์ประกอบให้ได้ครบถ้วนสมบูรณ์  ดังนี้

1.    ละวางงานประจำทั้งหมด  ทำนิวรณ์ต่าง ๆ ให้หมดไป  โดยเฉพาะข่าวสารต่าง ๆ ทางบ้านเมืองและสังคมต้องวาง

2.    เดินด้วยจิตว่าง  ให้ปราศจากอดีต ปัจจุบัน และอนาคต

3.    เดินด้วยสติ  ให้สติตื่นรู้ทั่วในทุกอิริยาบถจริง ๆ  แม้การขยับปลายเท้าเบา ๆ ก็รู้  และมองไปถึงจิตใจ ว่าคิด           อะไรด้วย

 

 

เรื่องนิมิตต่าง ๆ   เมื่อนั่งสมาธิแล้ว ได้อัปปนาสมาธิ  แล้ว  ดำรงกระแสปราณให้ละเอียดอ่อน  นิมิตต่าง ๆ เกิด  ไหลตามกันมาอย่างมากมายเป็นเรื่องราวสั้น ๆ   เรายังไม่มีเวลาที่สมบูรณ์พอที่จะทำการสกรีนเรื่องนี้  แต่ก็ต้องคงประสิทธิภาพอันนี้ไว้  นี่หมายความรวมถึง  เข้ามาสู่มิติแห่งการระลึกชาติแล้ว 

 

หลักการก็คือ เมื่อปฏิภาคนิมิตมาถึงพิจารณาแล้วมีความสัมพันธ์ระหว่างนิมิตนั้นกับความรับรู้ของเรา  รู้ว่านั่นเป็นเรา     

 

นั่นแหละหมายถึงการระลึกชาติ!!!!

 

สมาธิย่อมหมายถึงพลังงานในการทำงานทางจิต  เมื่อเราเข้าสมาธิ หมายถึงการทำงานทางจิต  แล้วแต่งานว่ามีมากน้อยเพียงไหน  สมาธิดีหมายถึงพลังการทำงานได้มากและยาวนาน  รวมถึงงานการพักผ่อนบันเทิงทางจิตด้วย   สมาธิจึงเป็นของโปรดของพระโยคาวจรเจ้านักปฏิบัติธรรม

 

 

29 ส.ค.2549 (วันอังคาร)

 

03.45 น.  ติดป้ายหน้ากุฏิ 

 

 

หนังสือพิมพ์ดี (อินเทอเนต) : The Good Paper

Newworldbelieve.com

Newworldbelieve.net

เพื่อศาสนาสากล  For all Good  For All Thought

โทร. 045 622455    057 694431

Email   newworld_believe@hotmail.com

 

มีโลโก  หัวคนกับนกขาว

 

เวลาโหรเป็นวันจันทร์ 03.45 น.

 

 

05.40 น.

 

 เดินจงกรมระยะที่ 1 -6 บนพรม  ขาเดี้ยง  ตะโพกซ้ายเจ็บ

 

 

09.30 น.

 

ฝนตกหนักมากติดต่อกันไปจนถึง 11.20 น. แล้วตกเบา ๆ ไปตลอดวัน

 

 

 

30 ส.ค. 2549

 

02.00 น. ฝนตกหนักมาก จนถึง 03.20 น.  จากนี้ตกเบา ๆ

                      เรายังเจ็บตะโพก และเดี้ยงอยู่

 

03.30 น.

 

ฝนยังตกหนัก  ไม่ต้องลงทำวัตรเช้า  ถือว่า  อุทกภัย เราเดินกางร่ม ตรวจบริวเณรอบ ๆ วัด ดูทางไหลของน้ำ วัดเป็นเนินสูง น้ำไหลออกหมดรอบทิศ

 

น้ำท่วมมาหน้ากุฏิปริ่ม ๆ บันไดแล้ว ท่วมสูงกว่าวานนี้  ถนนเป็นคลอง  สักหน่อยจะไหลเข้าใต้กุฏิ

แสดงว่าฉลองเปิดป้ายให้  ตั้งแต่กางกลดไว้หน้ากุฏิฝนตกลงตลอด เห็นจะต้องกู้กลดเสียแล้วสิ อาจจะเป็นสัญญาณให้เทวดาเอาฝนมาลงก็ได้

 

แต่ความจริง วันนี้ เป็นวันที่พระบรมสารีริกธาตุ อัญเชิญมาสู่ประเทศไทยจากศรีลังกามาถึงศรีสะเกษและเปิดให้ประชาชนชมและรับพระบรมสารีริกธาตุ  วันนี้มาถึงวันสุดท้าย ที่วัดหลวงสุมังคลาราม 

 

17.00 น.

 

โยมถวายรูปถ่ายพระบรมสาริกธาตุ 3 แผ่นขนาด เอ4  เป็นรูปถ่ายเวลากลางคืน เห็นภาพพิเศษนอกจากตาเห็นปรากฏทั้ง 3 ภาพ ๆ ที่ 1 มีดวงสว่างรูปดอกบัวตูมขนาดใหญ่เจิดจ้าปรากฏขึ้นที่บริเวณตั้งพระบรมสารีริกธาตุ  ภาพที่ 2  เป็นวงจักรมากมายลอยล่องอยู่รอบ ๆ บริเวณที่ตั้งพระบรมสารีริกธาตุ  ภาพที่ 3 เห็นดวงสว่างปรากฏที่ศีรษะหลวงปู่ห้วย เจ้าคุณเจ้าอาวาสวัดหลวงสุมังคลาราม  โยมบอกว่าเป็นเทวดามาล้อมรอบรักษาและสักการะพระบรมสารีริกธาตุ  แต่เราไม่คิดเช่นนั้น

 

 

 

 

 

ศึกษา

โลกลี้ลับ(8)

ภาค 1

 

 

1 ก.ย. 2549

 

05.00 น.  

 

รำลึกการปฏิบัติธรรม ดูจะล้าลงไป  ปัญหาคือนิวรณ์

-  ความกังวลของเราเพิ่มขึ้นเมื่อรำลึกว่าจนบัดนี้แล้ว ยังไม่ได้เริ่มออกหนังสือพิมพ์ดีเลย  จะต้องเริ่มงานหนังสือพิมพ์ดีฉบับกลางปีแล้ว  และเวบไซท์ใหม่ที่ต้องทำเองก็ยังเอาข้อมูลขึ้นไม่ได้  เพราะยังไม่เข้าใจวิธีทำ ยังต้องศึกษาการทำเวบไปด้วย เพิ่มความยุ่งยากไปอีก  มักมีโยมโทรศัพท์เข้ามา แล้วล้วนมีแต่ปัญหา  วันสองวันนี้ก็มีมาจากเยอรมัน เขาไปตกทุกข์ยากลำบากอยู่ที่นั่น โทรศัพท์เหล่านี้ไม่มีเวลา  บางทีกำลังเพลฉันอยู่ก็เข้ามา  แต่ที่เขาไม่เข้าใจก็คือเวลาเราเข้าสมาธิจำเริญสมาธิ ฌาน วิปัสสนาอยู่ นั้น  เป็นการทำลายเครือข่ายแห่งงานวิปัสสนาที่เริ่มก่อตัวขึ้นไปทันทีด้วย  และเรามีรายจ่ายค่อนข้างมากเกี่ยวกับเรื่องของคนอื่น  เห็นจะต้องระงับลงบ้าง

 

 

 

19 ก.ย. 2549

 

20 ก.ย. 2549

 

06.00 น

 

โยมมาถวายภัตตาหารเช้า  บอกว่า  มีการปฏิวัติยึดอำนาจการปกครองแล้ว  ตั้งแต่เมื่อตอนดึก ๆ วานนี้ (19 ก.ย. 2549) เวลา 21.00 น.  เราไม่ได้ดูโทรทัศน์รายการข่าวสารบ้านเมืองมาหลายวันแล้ว  ตั้งใจจะไม่ดูเพราะเป็นต้นเหตุแห่งนิวรณ์ที่สำคัญมาก   และเรื่องราวบ้านเมืองมีความยุ่งยากไม่มีวันจบสิ้น  มีสถานการณ์การโฆษณาชวนเชื่อเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด  และทั้ง ๆ ที่เป็นอันตรายต่อรัฐบาลเอง แต่รัฐบาลก็ไม่มีปัญญาคิดแก้ไข ทำเฉย ไม่คิดแก้ไขเอาจริงเอาจัง    ทางออกที่สุดก็ต้องเป็นเช่นนี้  ก็นับว่าเป็นการเหมาะสม หรือเป็นวิธีการแก้ปัญหาอย่างเหมาะสมทีเดียว

 

หัวหน้าคณะปฏิรูป  พล.อ.สนธิ  บุณยรัตกลิน  ผบ.ทบ.  เกิดวันที่ 2 ต.ค. 2489  ทำการยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินจากรัฐบาล พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อ 19 ก.ย. 2549 เวลาประมาณ 21.00 น. มีผบ.สามเหล่าทัพ และ ผบ.ตร.แห่งชาติ  รวมกันเป็นคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข    ยึดอำนาจได้โดยเรียบร้อย  เวลา 24.00 น. คณะปฏิรูปฯ เข้าเฝ้าถวายรายงานแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

 

 

21 ก.ย. 2549

 

ติดตามสถานการณ์บ้านเมือง

 

22 ก.ย. 2549

 

วันพระแรม 15 ค่ำ เดือน 10  ฟังปาฏิโมกข์ เวลา 1230 น.

วันนี้โรงเรียนวัดแข่งกีฬาสี  เชียร์กันสนั่นหวั่นไหว นักเรียน 2,000 คนเศษ แน่นอยู่ในบริเวณโรงเรียน ตีกลอง เคาะไม้เครื่องดนตรีกันอื้ออึง  ปลดปล่อยเอนเนอยีกันอย่างเต็มที่  มีเสียงเชียร์แบบแปลกใหม่  คล้ายพากษ์การแข่งเรือพาย  ฟังคล้าย ๆ คนเมาเหล้าเชียร์ให้คนตีกันอย่างไรอย่างนั้น เขาจะออกเสียงประหลาด ๆ เวลานักกีฬาทำแต้มได้  หรือเกือบจะทำได้  ก็เลียนมาจากพากษ์บอลล์ของนักพากษ์ฝรั่งนั่นเอง  แล้วอุโบสถก็อยู่ติดรั้งโรงเรียน  เสียงก็อื้ออึงเข้าไปในอุโบสถอย่างแรง เลยฟังปาฏิโมกข์ลำบาก จนน่าพิจารณาว่าเป็นสถานการณ์ที่เป็นภัยต่อการฟังปาฏิโมกข์

 

มาคิด ๆ ดู การเชียร์กีฬาแบบนี้  นี่คือการปลุกระดมชนิดหนึ่ง เพื่อสร้างความรู้สึกร่วมอย่างแรง ทุกคนในที่นั้นจะตื่นตัวและหันเข้าหากิจกรรมเชียร์กันอย่างแทบไม่เป็นตัวของตัว เพราะเกิดกระแสขึ้นอย่างแรง ทุกคนจะไปตามกระแส  แม้กระทั่งนักกีฬาก็จะตื่นตามกระแส และการชี้นำของกระแส  ก็จะทวีการต่อสู้อย่างไม่คิดชีวิต

 

เรามองว่า เป็นการสร้างสมาธิหมู่ขึ้นมาหรือไม่?   น่าเป็นการสร้างสมาธิหมู่ขึ้นมาเหมือนกัน ในระดับหนึ่ง   ที่น่าศึกษาเชิงสมาธิอยู่เหมือนกัน

 

 

23 ก.ย. 2549

 

06.00 น.

 

ทำวัตรแล้ว นั่งสมาธิต่อ  2-3 วันมาแล้วที่ถูกรบกวนจากเหตุการณ์บ้านเมือง  สมาธิเราจะเป็นอย่างไร?

นั่งไปเรื่อย ๆ ก่อน เชิงพักผ่อน  จน 30 นาทีล่วงไปแล้ว  นิมิตก็เกิดขึ้นเหมือนเดิม เป็นการเลื่อนไหลไปของนิมิต ที่เป็นเรื่องราวต่าง ๆ    เป็นฉาก ๆ ไป    ที่แสดงว่าเรายังคงสมาธิที่มีประสิทธิภาพสูงอยู่

 

แต่ไม่นาน  มีภาพเกิดขึ้นข้างหน้า  ปรากฏว่ามีหมู่คนผู้หญิงหลายคน แต่งตัวแบบชาวบ้าน ๆ นุ่งผ้าถุงธรรมดา ๆ ห่มเสื้อแขนสั้นสีขาวบ้าง สีเทา ๆ บ้าง   พากันมานั่งลง เรียงรายเป็นแถวข้าง ๆ หัวโต๊ะที่เราพาหมู่พระทำวัตรอยู่ ต่างอยู่ในอาการสำรวม หันหน้าเข้ามาหาเรา  คนเหล่านี้ดูรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงและสัดส่วนความสูง ผิวพรรณ หน้าตาคล้ายคลึงกันมาก  แต่ดูเหมือนไม่ใช่คนปกตินัก ดูหมอง ๆ มอมแมม  บางคนมีผิดปกติทางกาย  คนหนึ่งตาเหล่ พยายามมองขึ้นมา  คนเหล่านี้ดูอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน  วัยกลางคนทั้งสิ้น   ที่เรียงแถวกันอยู่มีประมาณ 10 คน  และยังมีเคลื่อนไหวอยู่ข้างหลังหลวงพ่อโต กำลังเข้ามารวมหมู่ 

 

ขณะนั้นเป็นสมาธิแบบปล่อยไปเรื่อย ๆ  ไม่ได้ตั้งใจว่าให้เป็นระดับไหน ๆ  และไม่อยากเพิ่มเอนเนอยี  แบบนี้ถ้าเพิ่มเอนเนอยีไป สมาธิจะชัดขึ้น  จะเห็นเรื่องราว  ภาพคนชัดขึ้น   แต่เราเหนื่อยมาแต่วาน  ต้องการเพียงสมาธิเพื่อพักผ่อน  ผ่อนคลาย  และสงบสุขเท่านั้น  ก็เลยไม่ตามเรื่อง  แล้วพอขยับตัว  ภาพเหล่านั้นก็หายไป

 

เรายังเข้าสมาธิต่อไปเรื่อย ๆ  แล้วไม่นานนัก ภาพเดิมก็มาปรากฏอีก  แต่คราวนี้มองไปก็เห็นว่ามีมากันหลายกลุ่ม  มีอีกกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่ตรงกลาง ๆ วิหาร  ประมาณ 10 คน เป็นผู้หญิงล้วน ๆ เหมือนกัน

 

ท่าทีของคนเหล่านี้ เหมือนมาจะขอให้ทำพิธีกรรมอะไรให้  หรือไม่ก็เหมือนกำลังรอว่าเราจะพาทำอะไรต่อไป

หรืออย่างไรก็ไม่ทันได้คิด  ออกจากสมาธิมาแล้วจึงคิดขึ้นว่า  คนพวกนั้นพากันมาทำไม  มาเฝ้าห้อมล้อมเราทำไม   เขาต้องการอะไร

 

นี่ก็เลยกลายเป็นประเด็นขึ้นมาอีกว่า  แท้จริง นี่คือการเห็นโดยทิพยจักษุ  เช่นเดียวกับที่เห็นยักษ์ในป่าศูนย์ภาค 10  นั่นเอง  และในการเห็นนั้น คล้ายว่าฝ่ายเขาต้องการสื่อสารกับเรา  แต่เรายังไม่ได้ให้อะไรแก่เขาตามที่เขาต้องการ  เพราะยังไม่ทันได้สื่อสารกัน  

 

นี่คล้ายจะบอกว่าเราน่าจะแสดงบทร่วมไปกับเรื่องราวในนิมิตไปด้วย  อย่างนั้นหรือ ?

 

น่าเป็นอย่างนั้น   เราควรจะถาม ๆ ดูว่าพวกเขาพากันมาทำไม  อย่างนั้นใช่หรือไม่?   ไม่ใช่ตัดรอนออกจากสมาธิไปเสีย?

 

นั่นน่าเป็นสมมติฐานที่น่าเป็นไปได้มากทีเดียว

 

 

เอาล่ะ  ข้อสรุปก็คือ  ระยะนี้เป็นระยะที่ ภาควิชาองค์รวมภายในของเราพากันเคลื่อนก้าวหน้าไปพร้อมกันทุกระบบ ทำให้เกิดปรากฎการณ์ของมิติเร้นลับหลาย ๆ มิติขึ้นมาพร้อม ๆ กัน  ดังนี้

1.   ระบบกสิณเขียวเพื่อการระลึกชาติ  และระบบกสิณสีต่าง ๆ กำลังรอการทดสอบ

2.   ระบบทิพย์เนต หรือทิพจักษุ และทิพยโสต  รวมทั้งโทรจิต

3.    นิมิตที่ไหลเลื่อนมาปรากฏเป็นฉาก ๆ อย่างมากมาย และงานก็คือการกลั่นกรองนิมิตเหล่านี้ เพื่อติดตาม     เลือกค้นว่าอะไรเป็นเรื่องราวของเราในชาติอดีต  จะต้องมีสถานที่และเวลาสำหรับทำสมาธิอย่างยาวนาน และคอยตรวจเลือกคัดนิมิตที่ปรากฏมาว่ามาสัมพันธ์ทางภาครู้และร่วมบทบาทกันมาก่อนอย่างไร? หรือไม่? กับชาติปัจจุบัน?  นั่นหมายถึงค้นเหตุการณ์ในอดีตชาติของเราเอง   นี่คือทฤษฎี !

4.    ระบบสมาธิลัดเวลา  การนอนหลับที่ลัดเวลาไปอย่างรวดเร็ว  ต้องศึกษาให้ทราบมูลเหตุที่แน่ชัด  ว่าเป็นผลมาจากอะไร หากได้ทฤษฎีออกมาย่อมเป็นประโยชน์มหาศาล

5.     มนต์ชุมนุมเทวดา  จะต้องทดลองต่อไป และแยกให้ได้ว่าเราต้องการเรียกเทวดาองค์ไหน  หรือภูตผีตนใด อันเป็นการเฉพาะตัว ก็ให้แยกได้  เช่นต้องการเรียกยักษ์กุมภัณฑ์ หรือเจ้าที่ที่ห้วยคุ้มให้มาหา  ก็เรียกได้  เป็นต้น

 

นั่นคือตัวอย่างของการศึกษาเรื่องเร้นลับ  ที่เราสามารถจะเรียกมาทำการศึกษาได้ทุกเวลา  ด้วยพลังสมาธิ และองค์รวมแห่งธรรมทั้งหลาย

 

เราเห็นจะต้องบันทึกไว้หน่อยว่า  ในวิหารหลวงพ่อโตนี้ ก็ต้องศึกษาว่ามีเทวดา เจ้าที่เจ้าทางหรือไม่?

เคยปรากฏราง ๆ ขึ้นมาคราวหนึ่ง  ไม่ชัดเจนนัก  แต่ก็น่าเป็นสมมติฐานเพื่อการติดตามศึกษาต่อไปคือ  เห็นเทวดาผู้หญิง  บัง ๆ อยู่ข้างหลังหลวงพ่อโต  โผล่ออกมาเพียงใบหน้า  มีชฎาสวมศีรษะ  หรือว่าที่วิหารมีเทวดาผู้หญิงดูแลอยู่ จึงไม่ค่อยออกมาปรากฏตัวต่อหมู่สงฆ์สามเณร  จะต้องติดตามต่อไป  ใช้หลาย ๆ วิธีการ

 

 

24  ก.ย. 2549

 

ในวิหารหลวงพ่อโต  ก่อนทำวัตรเย็น นั่งสมาธิได้3-5 นาที  เกิดปรากฎการณ์เช่นเดียวกับเมื่อเช้าวานนี้  เห็นคนจำนวนมากมานั่งเป็นกลุ่มอยู่ที่พื้นส่วนล่าง ด้านข้างบ้าง  ด้านหน้าบ้าง   หันหน้าเข้ามาหาเรา แต่คราวนี้เป็นผู้ชายทั้งหมด  บางคนก็กำลังรีบเร่งเข้ามานั่งรวมหมู่  ท่าทางคล้ายกำลังจะขออะไรบางอย่าง  มีหลายคนวิ่งกันเข้ามาอยู่  คราวนี้เป็นกลุ่มผู้ชายล้วน ๆ  เราไม่มีเวลาพอจะเดินสมาธิตรวจสอบติดตามเรื่องราวต่อไป เพราะได้เวลาพาหมู่สวดมนต์ทำวัตร

 

นี่คืออะไร?  เรากำลังเห็นอะไร?

 

แต่นี่เหมือนมิใช่นิมิต แต่คล้ายจะเป็นอีกมิติหนึ่งของโลกลี้ลับ  เหมือนกับที่เรามองเห็นยักษ์ใหญ่ในป่าศูนย์ภาค 10 นั่นเอง ภาพที่เห็นทั้งวานนี้และวันนี้ มิใช่นิมิต แต่เป็นภาพในอีกมิติหนึ่ง  ใช่หรือไม่?

นี่แปลว่าเราเข้าสมาธิถึงระดับตาทิพย์แล้วละซี 

 

แน่นอน    เป็นสิ่งที่วิเศษ  เป็นชั้นสูง  สุดยอด  

 

น่าตื่นเต้นสำหรับเรา และต้องติดตามต่อไปอย่างไม่ปล่อยเลยทีเดียว

 

เรื่องกำลังน่าตื่นเต้นเข้าไปทุกที

เอาละ!!!

 

เราต้องการสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการฝึกฝนติดตามเรื่องราวเหล่านี้  เพื่อทำให้ปรากฏ ให้ได้สูตร ได้ทฤษฎีอย่างเชื่อถือได้ เป็นวิทยาศาสตร์

 

 

26 ก.ย. 2549

 

04.40 น. 

 

เช้าเดินจงกรมถึงระยะที่ 6  พอใจมากทีเดียว 

เพราะนี่คือมาตรฐานแห่งธรรมชาติ

 

 

27 ก.ย. 2549

 

กสิณเขียวกลับมาอีกครั้งแล้ว  คล้าย ๆ ว่าให้แบบฝึกหัด เพื่อให้ติดตามและทำให้ได้อย่างจริง ๆ เช่นนั้น  แต่ไม่เข้าใจไม่รู้ว่าใครเป็นคนให้  ใครสอน ใครสั่ง  ใครกำหนด   ครั้งนี้เห็นเม็ดสะตอกองซ้อนทับกันอยู่ก้นอ่างปูน  มีน้ำสะอาดเต็มอ่าง  ดูแล้วดู เขียวสด   สีเขียวของเม็ดสะตอตัดกับน้ำใสสะอาด ทำให้สีเขียวชัดเจน และความใสของน้ำแจ่มกระจ่างน่าพิศวง ดูแล้วลึกซึ้งเข้าไปในจิตวิญญาณ   

 

แล้วทำอินเทอเนตทั้งวัน

 

 

 

28 ก.ย. 2549

 

วันนี้ ทำอินเทอเนตทั้งวัน  ท่องโลกอินเทอเนต และก็เพลิดเพลินไปกับโลกอินเทอเนต

ความจริงเราทำอินเทอเนตมาหลายวันแล้ว  ปรากฏใน www.newworldbelieve.net  อย่างสะพรึบพร้อม

เราได้เรียนรู้ และทำได้ ทำเป็นในระดับเป็นที่พอใจตัวเองระดับพื้นฐานแล้วทีเดียว  กล่าวได้ว่าเวบนี้เราทำเอง โดยระบบของ readyplanet.com เขา   เราพอใจมาก  เพราะความสามารถระดับนี้ทำให้เราสามารถเอาข้อมูลขึ้นและเอาลงมาแก้ไข อย่างใดก็ได้ ตามใจเรา  เมื่อเห็นว่ายังไม่ดีพอ เราก็เอาลงมาแก้ไขได้ตามใจเราได้    กระนั้น นี่เป็นเพียงมาตรฐานชั้นต้นเท่านั้น   และก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้อีกเช่นกัน  เรายังมีปัญหาเรื่อง font  พยายามใช้โปรแกรม  notepad  แล้วยังไม่ได้ผล  ทาง  info  อุตส่าห์บอกจะทำให้  เราอีเมลไป กลับไปไม่ถึง  และเราก็ไม่รู้ว่าไปไม่ถึงเพราะผูกจิตกับธรรมปฏิบัติ  จนบัดนี้ยังทำ  notepad  ไม่สำเร็จ  แต่ปัญหานี้ต้องพยายามแก้ไขให้ได้ เพราะข้อมูลจำนวนมากมายของเราต้องการ  notepad มาจัดการ

 

เรายังมีเรื่องต้องเรียนรู้ในเร็ว ๆ นี้อีก  คือเรื่องการทำเมนูหลัก  ทำเมนูย่อยในเมนูหลักทำอย่างไร  คือเมนูแถวบน เวลากดหรือ  คลิ๊กแล้วจะปรากฎเมนูย่อยขึ้นมา  คงอยู่ในพวก ทำแลกลิ้งค์  ลิ้งต่าง ๆ ละมัง  ยังไม่มีเวลาศึกษา  เอาข้อมูลขึ้นเพลิน ๆ ไปก่อน   ทำงานอย่างเพลิดเพลิน  ก็แล้วกัน

 

มาวันนี้ เราได้ตั้งกฎไว้ว่าวันพระจะไม่ทำอย่างอื่นนอกจากปฏิบัติธรรม  แต่ในความจริงเราจะไปห้ามโยมเขาก็ไม่ได้ เขาไม่รู้  เขาใคร่มาหาเขาก็มา  และคนไกล ๆ เขาก็ไม่รู้กฎของเรา  เขามองเราเป็นคนสาธารณะ  แม้กระทั่งเรื่องข่าวสารบ้านเมือง ไม่ฟังได้อย่างไร และเราทำหนังสือพิมพ์ดีอยู่ด้วยแล้ว ตกลงกฎก็เลยไม่เป็นกฎ 

 

มีทางเดียวคือปลีกหนีไปธุดงค์เสีย

 

 

29 ก.ย. 2549

 

เจ้าคุณศรีธรรมนาถมุนีกลับจากการอบรมตามหลักสูตรอบรมพระสังฆาธิการระดับสูงเรื่องกฎหมายและการบริหารงานของพระสังฆาธิการ หลักสูตร 4 เดือน  ตอนเช้านิมนต์เราไปกิจนิมนต์ด้วย   ตอนเย็นหลังทำวัตรเย็น ได้นั่งสนทนากันเรื่องธรรมปฏิบัติ 

 

ท่านแนะนำเรื่อง  วสี 5 อย่าง  หรือ  ความชำนาญ 5 อย่าง ต้องทำให้ได้สมบูรณ์ให้ครบถ้วนจึงจะสำเร็จความปรารถนา  ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ความรู้  เนื่องจากท่านเป็นเปรียญ9ประโยค  มีปริยัติอาจอ้างอิงได้ทุกเรื่อง ๆ นอกนี้ยังเป็นนักปฏิบัติสมาธิภาวนาที่ได้ผลในระดับสูงอีกรูปหนึ่งทีเดียว

 

ในเรื่อง ญาณ 16  ท่านพูดถึงภังคญาณ  และญาณอะไรต่าง ๆ ในโสฬสญาณ ที่เป็นบรรทัดฐานอ้างอิงสำคัญของสำนักภาค 10   ที่น่าสนใจทีเดียว

 

 

30 ก.ย. 2549

 

ได้พิจารณาสภาวธรรมในตน

 

เรื่องนิมิต    ขณะนี้นับว่าเป็นเรื่องที่มีความหมายสำคัญมาก ๆ ทีเดียว  ขั้นต่อไปก็คือ  การมีเวลาสำหรับเข้าสมาธิระยะยาวมาก ๆ  เพื่อติดตามเรื่องนิมิตนี้อย่างถึงที่สุด

 

สิ่งที่น่าสังเกตก็คือ  คนที่ไม่เคยเห็นนิมิตระดับนี้ อาจจะเข้าใจผิดโดยง่าย

เพราะนิมิตนี้มิได้เกิดด้วยใจ  หรือเกิดจากใจ  

 

นิมิตที่เกิดจากใจอาจจะเป็นอันตรายมาก ๆ ก็ได้ เพราะเกิดจากกิเลสอยู่   นี่เป็นขั้นต่ำขั้นที่ไม่ควรดู  ควรข้ามไป  ปิดเสียด้วยการฝึกฝนทำมหาสติปัฏฐาน  พอผ่านมหาสติปัฏฐานได้แล้ว ได้ความสว่างไสว ตื่นและเบิกบานแล้ว  จึงจะมาพบนิมิตชนิดที่มิได้เกิดด้วยใจ  มิได้เกิดจากใจ  แต่เป็นเหตุการณ์(events)ที่เกิดมีอยู่ในอดีต และไม่สูญหายไป  ยังอยู่ในปัจจุบันนี้  และเราพบเข้าด้วยอำนาจสมาธิจิตขั้นสูง

 

 

เรื่องญาณ   ลองทบทวนเรื่องญาณ ต่อในเชิงปฏิบัติ  น่ามองว่า  การเกิดขึ้นของญาณ ไม่น่าจะเป็นเพียงมีความรู้ หรือความคิดพลุ่งโพลงขึ้นเฉย ๆ เท่านั้น   จะต้องมีผลต่อพฤติกรรมด้วย

 

จากประสบการณ์ชีวิตเราเองโดยตรง  น่าถามว่า  เกิดญาณอะไรแก่เรา  จึงทำให้พฤติกรรมเปลี่ยนไป และเป็นไปอย่างใหญ่หลวง หลายครั้งหลายครา  หลายประการ  ดังต่อไปนี้ 

 

ประการที่ 1    เหตุการณ์ในวัยเด็กอ่อนยังสวมเสื้อผ้าไม่เป็น และยังพูดไม่เป็น  เขาเอาไปวางไว้ที่แป้นกี่ทอผ้าหันหน้าไปทางทิศตะวันตก ตรงกับดวงอาทิตย์ตกพอดี  ได้เพ่งมองดูดวงอาทิตย์ตกดินอยู่จนลับไปกับขอบฟ้า   มารู้ทีหลังว่า นี่คือการทำเตโชกสิณ  แต่เรื่องญาณ หมายถึงอะไร?

 

เช่นเดียวกับเมื่อเดินได้แล้ว  พ่อพาไปห้วยไปกู้ลอบดักกุ้ง  แล้วเลยดูสระเลี้ยงปลาของเพื่อนในทุ่งนาฟากไกลทางตะวันออก เขตท้องนาบ้านโนนดู่  ได้ทำสิ่งที่เราเข้าใจต่อมาว่าเพ่งอาโปกสิณ  ที่สระใหญ่แห่งนั้น

 

ซึ่งการทำกสิณสองชนิดนี้มาแต่เด็ก ๆ  ได้เป็นสิ่งที่ติดตาตรึงใจมาจนถึงปัจจุบันนี้  และเป็นแนวทางชี้ให้รู้ทางปฏิบัติยิ่งขึ้น

 

แต่ในเรื่องญาณ  ได้หมายถึงญาณด้วยหรือไม่ และอะไร?

 

ประการที่ 2      ขณะเป็นเด็กเดินได้และเริ่มพูดเป็น  คืนที่นอนหลับแล้วเกิดปรากฎการณ์ประหลาด  ที่เราสรุปภายหลังว่าเป็นการฟื้นสมาธิระดับละเอียดอ่อนคือสมาธิเพื่อการระลึกชาติ    โดยได้เห็นในขณะหลับว่า  อากาศแตกกระจายสว่างขึ้น แล้วเม็ดอากาศที่ระยิบระยับทั้งหมดวิ่งเข้ามารวมตัวกัน ณ จุดศูนย์กลาง  (เหมือนเห็นยานอวกาศแล่นแหวกไปในอวกาศด้วยความเร็วสูงในหนังเรื่องสตาร์วอส์นั่นแหละ)  เหมือนพลุแตกออก  แล้วแปรเป็นเส้นด้ายเรียงขนานกันเต็มไปหมด   แล้วไม่กี่อึดใจก็มีคนหลายคน รูปร่าง การแต่งกายแตกต่างกันไป  ค่อย ๆ เดินใต่เส้นด้ายตามกันออกมาจากมุมผนังของห้องนอนด้านซ้าย  ด้วยอาการแย้มยิ้มบันเทิง  จนเราตกใจร้องลั่นขึ้นมาครั้งหนึ่ง  แล้วเมื่อหลับไปอีก  ก็พบเหตุการณ์เดิมเข้าอีก  ต่อมาเราได้แปลความไว้ว่า  นี่คือกระบวนการฟึกฟื้นสมาธิ  ซึ่งหมายความว่าในอดีตเคยสะสมสร้างสมาธิระดับสูงไว้แล้ว  แต่กระบวนการนั้นนำไปสู่สิ่งที่น่ากลัวและเราเกิดกลัวภาพคนเหล่านั้นจนต้องร้องลั่นออกมา    ถ้าเพียงเราไม่กลัวเท่านั้นภาพที่เห็นก็จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จะมีลักษณะของการไหลมาแห่งนิมิต ตามที่เรากำลังพบผ่านอยู่ขณะนี้นั่นเอง และนำไปสู่การระลึกชาติได้

 

นี่เป็นข้อสรุป  ที่คล้าย ๆ กับเหตุการณ์ที่เราได้พบบัดนี้  ในเรื่องนิมิต  ที่เลื่อนไหลมาให้เห็นติดต่อกันเป็นฉาก ๆ  มา ในขณะนั่งสมาธิ   ตามที่บันทึกลงครั้งแรกวันที่ 8 ส.ค. 2549 เวลา 14.50 น. 

 

พิจารณาในแง่ของ ญาณ  เกิดญาณอะไรขึ้นในขณะนั้น  แม้ว่าเป็นเด็กอ่อนอยู่ก็ตาม?

 

ประการที่ 3     เมื่อเติบโตขึ้น  ก็พอใจในการศึกษาเรื่องลี้ลับ โดยเฉพาะเรื่องจิตตานุภาพ และได้ศึกษาปฏิบัติจากหนังสือ 4 เล่มของหลวงวิจิตรวาทการ อย่างเอาจริงเอาจัง(มี  จิตตานุภาพ มันสมอง กำลังความคิด  และมหัศจรรย์ทางจิต)   จนสำเร็จพลังจิตชั้นสูงเยี่ยม และใช้ประโยชน์บังเกิดผลชัดเจนชัดแจ้งเป็นรูปธรรมจริง ๆ  แต่เป็นวิชามาร  ครั้นมีเสียงเรียกมาและให้เลือกว่าจะเอาทางพระหรือจะเอาทางมาร  ก็ตัดสินใจเอาทางพระและทิ้งวิชามารเสีย(เล่าไว้แล้วในภาค 3)

 

นี่หมายถึงเกิดญาณความรู้ดีรู้ชั่วอะไรขึ้น?

 

ประการที่  4     เมื่อจบมหาวิทยาลัยใหม่ ๆ การสละตำแหน่งราชการที่สอบได้ถึง 2 ตำแหน่ง ตัวเองพอใจกับตำแหน่งลูกจ้างชั่วคราว   แล้วยังอธิษฐานว่า จะไม่ไปสอบแข่งแย่งตำแหน่งกับใครอีกเลยตลอดชีวิต   และดำรงความอธิษฐานไว้ได้มาตลอดมาจนถึงทุกวันนี้  ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ยากเกินปุถุชนคนธรรมดา  น่าถามว่าเกิดญาณอะไรขึ้น   นี่คือผลของญาณอะไร?

 

ประการที่ 5       เผาหนังสือธรรมะทิ้งหมด ห้ามตนเองอ่านหนังสือธรรมะทุกชนิด  และห้ามอย่างเด็ดขาดมิให้อ่านพระไตรปิฎก   นอกจากนี้ยังเผาตำรับตำราทุกชนิดทิ้งหมด แม้สมุดบันทึกประจำวันที่บันทึกติดต่อกันมาหลายปี ก็เผาทิ้งไม่เหลือแม้กระดาษแผ่นเดียว  ใช้ชีวิตและอยู่ปฏิบัติธรรมในบ้านที่ปราศจากหนังสือ  เป็นเวลา 10 ปีเต็ม ๆ

 

นี่เกิดญาณอะไรขึ้น?

 

ประการที่  6     ปราณและอิริยาบถ3 เกิดขึ้นแล้ว  นั่งหลับติดต่อกันเป็นเวลา 17 ปี  ปฏิญญาณตนออกบวช  สละความสุขของผู้ครองเรือนเสีย   การสละราชการออกบวช ตั้งแต่อายุเพียง 40 ปี โดยที่แม้อยู่ในราชการ(ร.อ.พยับ เติมใจ)  ก็มีความสุข มีเกียรติ์ มีมิตรสหายพรั่งพร้อม มีความก้าวหน้า มีความหวังเต็มเปี่ยมว่าชีวิตรักและสมรสจะมีความสุขสงบ  และความสำเร็จอย่างดีที่ข้าราชการคนหนึ่งพึงมี  

 

นี่ทำได้อย่างไร  มีญาณอะไรจึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมไปได้ขนาดนี้

 

ประการที่  7      ไปบวชในเขตที่ไกลบ้านเกิด ปรารถนาโลกใหม่  เข้าป่าแสวงหาความวิเวกและฝึกฝนธรรมภาคปฏิบัติอย่างสันโดษ   แต่เมื่อเกิดเหตุพลิกผันต้องอยู่ในเมือง  ก็อยู่มาด้วยการทำประโยชน์โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ    ก็เต็มไปด้วยความเสียสละและทำแต่ประโยชน์ส่วนรวมทั้งสิ้น  ไม่เคยคิดถึงประโยชน์ส่วนตนเลย  เช่นได้สร้างวัด  ได้สร้างโบสถ์  และได้บำรุงอุปปัฏฐากพระเถระผู้อายุมาก  เป็นเวลานานหลายปี  ตราบเท่าถึงวันสุดท้ายของท่าน(ได้อุปปัฏฐากหลวงพ่อพระเทพวรมุนี,เสน ปญฺญาวชิโร ในระยะที่ท่านชราภาพ มีโรคาพยาธิเร้ารุม ไปจนท่านมรณภาพ  ในฐานะเลขานุการเจ้าคณะจังหวัด และอยู่รับใช้ในกุฏิเดียวกับท่านตลอดเวลานั้น)   การสละก็สละ เช่นสละตำแหน่งเจ้าอาวาส ก็สละมาแล้ว 

 

 มีคนที่สามารถทำได้อย่างนี้สักกี่คน และนั่นเป็นผลของญาณอะไรบ้าง 

เพราะสิ่งที่บอกเหตุการเกิดขึ้นของญาณ น่าจะต้องมีผลต่อพฤติกรรม  พฤติกรรมต้องเปลี่ยนไปด้วย   ดังปรากฏจากประวัติของพระอรหันต์ในอดีตทุกองค์ ๆ  อยู่แล้ว 

 

 ถ้าเป็นนักปฏิบัติแล้วเพียงแต่พูด ที่พูดเรื่องสูง ๆ จึงน่าจะตระหนักในเหตุผลตรงนี้ให้มาก ๆ  ว่า  ไม่ใช่คำพูด   แต่พฤติกรรมนั้นใช่การสะท้อนแห่งญาณอะไรหรือไม่  ?

 

ประการที่  8    ความคิดอ่านสติปัญญาแสดงออกทางการพูดการสนทนา  เขียนหนังสือออกมาเป็นเล่ม ๆ ทำบทวิเคราะห์วิจารณ์ที่ตรงไปตรงมา อย่างกล้าหาญในการวิจารณ์ ถึงขนาดมีบางคนไม่กล้าอ่าน  และไม่กล้ามาคบหาสมาคมเหมือนเดิม  บางคนหนีไปไกลเลยก็มี  แต่ในที่สุดก็ได้รับการยอมรับ   และยังมีเครื่องมือสื่อสารที่ทันสมัยทุกเครือข่าย  เพื่องานการเผยแผ่พระศาสนาเป็นการส่วนตัว มีเวบไซท์ของตัวเอง 2 เวบไซท์ (newworldbelieve.com  และ  newworldbelieve.net) มีระบบเครือข่ายการข่าวโทรทัศน์ทั่วโลก และเครือข่ายทีวีท้องถิ่น เคเบิล  พร้อมเพื่อให้เกิดประโยชน์ทางพระศาสนา   โดยใช้ปัจจัยจากการหามาได้ด้วยตนเองส่วนของตนเองทั้งหมดลงทุนลงไป   

 

นั่นบ่งบอกถึงญาณอะไรบ้าง?

 

ตัวอย่างนี้ก็เพื่อให้เกิดความหมายอย่างจริงจังว่า  ญาณ กับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม  จะต้องสัมพันธ์กัน   ถ้าเราเพียงพูดถึงความประเสริฐของญาณอย่างละเอียดยิบ  แต่พฤติกรรมของเราไม่มีการเปลี่ยนแปลงใหม่  ที่ไปสู่ความประเสริฐอย่างที่เราพูดเลย   ก็ไม่ได้ชื่อว่ามีญาณอะไร    เป็นเพียงการพูดโอ้อวดความรู้ที่คิดเอาในเชิงตรรกะ หรือจดจำมาได้เฉย ๆ เท่านั้น 

 

ฉะนั้น   ข้อสรุปของญาณนั้น  ลงไปสู่พฤติกรรมที่เสียสละทั้งสิ้นทุก ๆ ระดับญาณ   ถ้าเป็นตรงข้าม คือพฤติกรรมที่เห็นกลับเพิ่มความโลภ มีแต่สะสมทรัพย์สมบัติ สิ่งของ เครื่องมือ เครื่องใช้ไปเรื่อย ๆ   และความหลง  หลงในยศถาบรรดาศักดิ์ ยิ่งขึ้น  มีลมหายใจเป็นเงิน ทรัพย์สมบัติ และยศถาบรรดาศักดิ์อยู่ตลอดเวลา  ถ้ามีพฤติกรรมหนักไปอย่างนี้จะเรียกว่ามีญาณได้อย่างไร

 

จริงหรือไม่?

 

 1  ต.ค. 2549

2  ต.ค. 2549

3  ต.ค. 2549

4  ต.ค. 2549

 

สอบนักธรรม

1-4 ต.ค. 2549 สอบนักธรรม 

จวนเวลาแล้ว    ออกพรรษาวันที่ 7 ต.ค. นี่เอง

 

7 ต.ค. วันมหาปวารณา   8 ต.ค. วันออกพรรษา   กฐิน 22 ต.ค.

 

เวลามากระชั้นอีกแล้ว  เผลอตั้งตัวแทบไม่ทัน  เอาละต้องวางแผนการธุดงค์ทันที

 

เราเปลี่ยนแผนใหม่ 

เป้าหมายของการเดินทาง   มีเป้าหมายเพื่อใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อนนักบวชต่างประเทศ ต่างวัฒนธรรมเป็นเวลานาน ๆ  หรือจนกว่าจะบรรลุผลสำเร็จในแต่ละเรื่องนั้น ๆ  หากเวลาน้อยไปก็อาจจะไม่เกิดประโยชน์อะไร  เอาประโยชน์และความสำเร็จเป็นที่ตั้ง   เราจะเข้าพม่า หรือลาวก่อน แล้ว เข้าจีน  เข้าธิเบต  อยู่แห่งละปี ๆ โดยประมาณ  ตามนัยหลักการดังกล่าว

 

ต้องรีบศึกษาพม่าก่อน จะเข้าพม่า  ไปทางเหนือของพม่า  แล้วเข้าจีน   อยู่พม่าสัก 1 ปีเต็ม ๆ  แล้วอยู่จีน 1 ปีเต็ม ๆ  แล้วค่อยไปธิเบต  อินเดียต่อไป  ทั้งหมดนี้ ใช้เวลาแห่งละปีหนึ่งเป็นอย่างน้อย 

 

ทำไม? 

เพราะต้องให้ได้ผลธรรม  ต้องสำเร็จนั่นเอง  

อนึ่งเมื่อความเป็นสากลได้เกิดขึ้นแก่เราแล้ว  อยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน พอ ๆ กับอยู่เมืองไทยนั่นแหละ

 

ออกพรรษาแล้วเดินทางทันทีได้หรือไม่?

 

ต้องทำการทดสอบพลังก่อน  เราต้องฟื้นระบบจำมหาศีล  นั่นคือการธุดงค์ต่างถิ่นต่างแดน เขาอาจจะไม่รู้วัฒนธรรมการธุดงค์ของไทย  อาจต้องอดอาหารได้  เราจะต้องทดสอบพลังปราณ  ที่งดข้าวและน้ำได้  ดังที่เคยปรากฏผลดีมากคราวเข้าจำมหาศีลบนอุโบสถวัดโนนน้อย ปี 2530-31 นั้น 2 ครั้ง ๆ ละปี   ได้งดอาหารและน้ำไปเป็นเวลา 7 วัน  นับเป็นเรื่องมหัศจรรย์  เพราะแม้น้ำก็งดได้สนิท   นี่เป็นเรื่องของปราณโดยเฉพาะ  คราวนี้เราเตรียมเดินธุดงค์ไปในแดนต่างประเทศ คนต่างถิ่น ก็อาจจะปราศจากอาหารเป็นวัน ๆ  หรือหลายสัปดาห์ก็ได้  แต่ถ้าสมรรถภาพทางปราณของเราเพียงพอ ก็จะไม่มีปัญหาแต่อย่างใด  เราต้องทดสอบปราณเพื่อการอยู่อย่างไม่มีอาหารได้เสียก่อน  ทันที ในช่วงแรกออกพรรษา

 

เห็นจะต้องไปทดสอบที่เขาดินสอ ตามที่ยายอยากให้ไป  ว่าเป็นที่อันสวยงามกลางป่าเขา

 

 

5  ต.ค. 2549

 

ตลอด 4 วันที่สอบนักธรรม  ฝนตกทุกวัน   วันนี้ก็ตก

เรายังวางแผนอะไรไม่ได้เลย

 

เอาละ   ประการแรกให้พ้นพรรษาไปก่อน

 

 

15.00 น.

 

ก่อนทำวัตรเย็น เสกสรร  เติมใจ หลานชายพร้อมภริยา ภาวิณี  เติมใจ  กับลูกชายคนแรก อายุ 1 ขวบเศษ ๆ   มาเยี่ยม  บอกข่าวว่า  อรรถเดช เติมใจ  วันที่ 2 ต.ค. 49 มาจากสระบุรีกับเพื่อน 1 คน  มาเยี่ยมหลวงลุงนั้น ขากลับไปสระบุรีถึงนางรองบุรีรัมย์ เวลาประมาณ5ทุ่มเศษ ๆ  มีมอเตอร์ไซค์สวนมาชนกัน  รถยนต์กะบะเสียหายเล็กน้อย เพื่อนเป็นคนขับ  ส่วนมอเตอร์ไซค์หัก 2 ท่อน คนขับกระเด็นไปตกในร่องน้ำข้างทาง น้ำก็นอง  ต้องลงไปงมหาศพ  พบว่าเป็นวัยรุ่น 1 คน เสียชีวิต ไม่มีบัตรอะไรพอจะระบุฐานะเลย  ตำรวจกำลังสืบหาผู้ปกครองอยู่  ส่วนเจ้าโอ๋  ออกอาการประสาทหน่อย

 

แล้วว่าจะออกรถคันใหม่เป็นรถเก๋งให้แฟนขับ  พากันไปออกรถเอามาให้เจิม    หลังทำวัตรเย็น มาเจิมให้ แล้ว  อาจารย์เยาวภากับสามีมา  ว่าจะออกรถเหมือนกัน     คนจะออกรถนี้ดู ๆ ใจร้อนกันทั้งนั้น จะเอาวันนี้พรุ่งนี้ให้ได้    เหมือนวัยรุ่นอยู่ม.6 ศกว.คนนั้น ให้แม่มาขอฤกษ์เมื่อวานซืน มีคันหนึ่งอยู่แล้วอยากได้คันใหม่  ว่ามอเตอร์ไซค์คันเก่าไม่งาม  แล้วกลับมาถามว่าฤกษ์ที่ให้ช้าไปอยากได้วันนี้ ได้ไหม  ก็บอกว่าจะมาถามทำไม  ตัวเห็นว่าดีก็ออกไปเลย  ทำนองว่าไล่ไปเลย  ความจริงเราคิดว่าวัยรุ่นที่ใช้รถควรฝึกหัดใจเย็น ๆ ให้ได้ก่อน  แบบรั้งไม่อยู่เช่นนี้แหละเกิดอุบัติเหตุตายทุกราย  เหมือนกรณีชนกับอรรถเดชนั่นแหละ เป็นวัยรุ่นมาจากไหนจะไปไหนไม่มีหลักฐานทั้งสิ้น

 

 เรื่องรถนี่  แม้กระทั่งเราเองเป็นพระแท้ ๆ ก็ยังชอบให้มันวิ่งเร็ว ๆ ไม่ชอบมันวิ่งช้า 

 

ตอนใช้โอลสโมบิล(Oldsmobile)  ภายหลังเครื่องยนต์เก่ามันไม่ทำงาน  ก็ เอาเครื่อง 6 สูบใหม่ใส่เข้าไป  แล้วได้คนขับอย่างวีระชัย  ก็ขับชนควายเด้งไปถึง  3-4 เมตร แต่โอลด์สโมบิลไม่เป็นไรเลย ยืนผึ่งกลางถนนอย่างองอาจ บุบนิดเดียว ไฟหน้าดับไป 1 ดวง  ทั้ง ๆ ที่ควายหนุ่มตัวนั้นขึ้นมาดิ้นกระแด่ว ๆ อยู่บนกระโปรงรถหน้าคนขับก่อนจะเด้งไป  นอนนิ่งอยู่ครู่ใหญ่จนนึกว่ามันตายแล้ว  แต่มันไม่ตายลุกขึ้นเดินไปรวมหมู่ได้ (เหตุเกิดที่อ.ศรีรัตนะ ยายแก่ไล่ควาย 5-6  ตัวขึ้นถนนมา  ฝูงควายข้ามเลนซ้ายมือไปแล้ว ยายถือเชือกควายเดินตามอยู่ขอบ ๆเลนซ้าย  มีช่องอยู่ตรงกลาง ระหว่างคนกับฝูงควาย  แต่วีระชัยขับไปด้วยความเร็วสูง ไม่กล้าเหยียบห้ามล้อ  แต่มีสติตัดสินใจถูกต้อง  ไม่เข้าช่องตรงกลางระหว่างยายกับฝูงควาย  กลัวเชือกจะดึงยายมาหารถซึ่งหากเป็นเช่นนั้นอาจถึงตายได้   เลยตัดสินใจพุ่งชนควายหนุ่มตัวที่อยู่ล้ำเพื่อนมาที่เลนขวามือ ทุกอย่างจึงปลอดภัย ไม่เลวร้าย) 

 

คราวปริญญาขับ ไปเที่ยว 1 วัน  ออกแต่เวลาตี 4  ไปถึงน้ำตกภูละออ  ห้วยจันทร์   สำโรงเกียรติ์  ผามออีแดง  เขาพระวิหาร  แล้วแล่นยาวไปเขื่อนสิรินธร  ดูน้ำที่เขียวใสสด   ไปลาวช่องเม็ก   อาบน้ำที่แก่งตะนะ  แม่น้ำสองสี  ผาแต้ม  แล้วไปถึงน้ำตกสร้อยสวรรค์  ตอน 18.00 น. กะจะดูความสงบเวลาค่ำคืนที่นั่น  พอขึ้นมาจากชมน้ำตกเวลา 20.00 น. โดนท้าทายจากปิ๊กอัพออกมาใหม่ เอี่ยม  เขาเปิดแตรแป้น ๆ ๆ ๆ ๆ  ขณะนั้นก็มีรถเพียง 2 คัน เขากับเรา  ปริญญาฟังว่าเป็นการท้าทาย  ในใจโชเฟอร์มือฉมังเชี่ยวชาญจัดเชิงขับรถคนนี้คิดว่าพวกมันเห็นแต่ภายนอกว่าเป็นรถอเมริกันเก่า ๆ ก็ดูถูกฝีมือ หารู้ไม่ว่าเครื่องใหม่หกสูบเป็นอย่างไร   มันรับคำท้าโดยดุษณี  แต่ต่อให้  โดยให้ออกไปก่อน ครบ 30 นาทีจึงไล่ตาม  

 

ถนนช่วงผาแต้ม น้ำตกสร้อยสวรรค์ ทำอย่างดีมาก  ราดหน้าถนนด้วยผิวกรวด  ทำให้สภาพการเกาะถนนของล้อรถยนต์เหนียว และโอลสโมบิล สีน้ำเงินปีกแมลงทับรุ่นผ่านสงครามเวียดนามมาแล้วคันนี้ (เจ้าของเดิมคือ พ.ต.อ.พิเศษอักษร สายลาม  เอามากึ่งซื้อกึ่งถวาย  เป็นรถไม่มีทะเบียน  แต่ตำรวจ กับพระนั่งได้  ไม่มีใครกล้าแตะต้อง)  มีขนาดของความกว้างระหว่างล้อกว่ารถทั่วไป จึงเกาะถนนเหนียวดั่งปลิง  พอถึงทางโค้งแทบไม่ต้องลดความเร็วลง เพราะสภาพการเกาะถนนดีเยี่ยม  รถยี่ห้อนี้เขาออกแบบมาให้ใช้ความเร็วโดยเฉพาะ   และปริญญาเป็นนักขับรถเก๋งมือหนึ่งแท้ ๆ  จบปวส. เขาเพิ่งกลับจากปาปัวหรือนิวกินีตะวันออก ไปขายผ้าแล้วเจ๊งต้องกลับมาเมืองไทย  แล้วกลุ้มใจออกเที่ยวเตร่ไปเรื่อย ๆ จนมาถึงวัดพระโต เขาเห็นคนขับรถเรามือไม่ถึง  ก็อาสาว่าผมขับให้ดีกว่า เรารู้สึกทึ่ง ที่กล้าพูดดูถูกมือขับของเรา  จึงได้มาอยู่ด้วย   และให้ขับ  แล้วเขาแสดงฝีมือสมราคาคุยจริงทีเดียว นอกจากนั้นยังเป็นคนรักรถ  รู้สภาพรถดี  มักจะขลุกอยู่กับรถ และจะพยายามเตรียมรถเพื่อการแล่นเร็วโดยเฉพาะ

 

เราคำนึงสภาพรถ  ถนน และคนขับเช่นนี้  จึงปล่อยให้แสดงฝีมือเต็มที่ เริ่มนาทีแรกก็ออกไล่กวดทันที  ทวีความเร็วขึ้นไป ๆ คนในรถขณะนั้นมีลูกศิษย์สามเณรไปด้วยเต็มรถ ทีแรกก็คุยกันบ้าง สักครู่ต่อมาก็เงียบกริบกันหมด  เพราะรถวิ่งควบไปอย่างน่าดูน่าชมน่าตื่นเต้นมาก  ฝ่าไปในความมืดสนิท  และเงียบสงัดปราศจากบ้านเรือนข้างทาง ถนนว่าง  คนขับก็ชำนาญทางเพราะมาหลายครั้งแล้ว  รู้สภาพถนนดี 

 

ฉะนั้นรถวิ่งคราวนั้นเร็วถึงขนาดต้นไม้ข้างทางเข้าแถวแล่นตามกันมาล้มผึ่ง ๆ ๆ ๆ ๆ ต่อหน้าเราไปตลอด   เขาวางแผนการขับดีมาก  แรกต้องให้เห็นไฟท้ายของรถคันนั้นเสียก่อน  เร่งจนที่สุดไฟแดง 2 จุดปรากฏขึ้นข้างหน้า แสดงว่าตามทัน จนเห็นท้ายรถคู่แข่งแล้ว   คราวนี้ต่างก็เห็นกัน  ฝ่ายหนึ่งก็เร่งหนีสุดฝีเท้า  ฝ่ายหนึ่งก็เร่งตาม   นี่คือการแข่งขันความเร็วกันโดยสมบูรณ์   มันศิโรราบ  เมื่อโอลสโมบิลเข้าไปตีคู่คนละเลน  และแล่นควบคู่ไปเช่นนั้นอยู่นานพอ ทำนองให้รู้สึกว่าใครเป็นใครบนท้องถนนหลวง    แล้วค่อยตีห่าง ๆ  แล้วเร่งไปอย่างชนิดที่คู่ตามไม่เห็นฝุ่น   ถึงศรีสะเกษ  4 ทุ่มเศษ ๆ  

 

แล้วก็เสียนิสสัย  ออกถนนใหญ่ทีไร ตามก้นใครไม่เป็น  แม้กระทั่งรถเจ้าคุณหลวงพ่อวัดเจียงอี  และเจ้าคุณหลวงพ่อวัดเพียนาม  พบกัน  ก็ไม่รอ  ขออนุญาตไปก่อนละ   คราวไปประชุมผู้จัดการโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาที่โคราชปีนั้น  รถพระก็แข่งกันเอง  อวดรถกัน  ปริญญามันต่อให้อีกแล้ว  พอเลิกประชุมคนอื่นรีบร้อนไปกันหมดแต่เราเชื่องช้าอยู่ ออกทีหลัง แล้วค่อยแซงขบวนรถนั้นดะไปเรื่อย ๆ  จนตามทันคันที่แน่ที่สุดออกหน้าไปก่อน  และแซงไปตามระเบียบ   แบบนี้เข้าสุภาษิตว่า  ทิ้งม้าฝีเท้าเลวไว้เบื้องหลัง

 

มันคล้ายว่าถูกสัญชาตญาณมนุษย์เป็นธรรมดา  คราวหนึ่งไปแถว ๆ นางรองบุรีรัมย์นี่แหละ  มีรถคันหนึ่งไล่ตาม  จ่อท้ายมาตลอด   พยายามที่จะแซงแต่ทำไม่ได้ เพราะฝ่ายนำทางเหนือกว่า(ท่านคงเข้าใจว่าบนท้องถนนก็คือเวทีแข่งความเร็วเราดี ๆ นี่เอง  มีผู้พร้อมที่จะท้าทายแข่งความเร็วกับเรา  หรือท้าชิงแชมป์กับเราอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะเวลาราตรีที่ถนนปลอดสักหน่อย)   พอมาถึงทางเปียก ๆ ช่วงตอนหนึ่ง   โชเฟอร์เราเหยียบห้ามล้อ ผ่อนความเร็วลง ด้วยความชำนาญสภาพถนน  เขาเดาว่าฝนเพิ่งตกลงมา   เขากลัวถนนลื่น ถนนจะลื่นเมื่อตอนฝนตกลงใหม่ ๆ เสมอ   สภาพถนนไม่น่าไว้วางใจ  หรืออย่างไรไม่ทราบได้ (อาจแกล้งให้ไปตายก่อนก็ได้)   แต่คันที่ไล่ตามไม่ทันได้พิจารณา  มุ่งจะเอาชนะอย่างเดียว  จึงได้โอกาส  พุ่งแซงไปอย่างดอกธนู  เสียงที่รถผ่านไปดังวี๊ด เหมือนเสียงยมบาล   แต่แล้วชั่วอึดใจใหญ่ ๆ นั้นเอง   ห่างประมาณ 500 เมตรข้างหน้า  รถเขาเจอถนนลื่น เสียหลักหมุนกลางถนน  เป็นภาพที่น่าดูมาก  มันหมุนรอบตัวและเบี่ยงออกไปขอบทาง  ปริ่มจะตกไปในคู (รถปิ๊กอัพบางคันใส่เครื่องยนต์ใหม่เอาแรงม้าเข้าว่า หวังให้วิ่งเร็วโดยไม่คำนึงสมดุลของโครงสร้างของรถเลยก็มีจึงเกิดอุบัติเหตุง่าย)  เราชะลอรถหวังให้ความช่วยเหลือ  เห็นว่าไม่เป็นไรก็แล่นต่อไป  ยังคงเป็นฝ่ายนำต่อไปเช่นเดิม  เขาก็คงวิ่งตามอีกครั้งหนึ่ง และคงได้บทเรียนที่ล้ำค่ามากทีเดียว ภายหลังรอดตายไปหวุดหวิด   คราวหนึ่งเกือบเหยียบรถมอเตอร์ไซค์แบนราบ รอไฟเขียวด้วยกันแล้วมันแปร๊น ๆ ออกไปก่อนอย่างแรง เพราะคล่องตัวกว่า  แต่แล้วก็หนีไม่พ้น  แล้วไม่ยอมหลีกทางให้  รำ ๆ จะต่ายก้นมันอยู่แล้ว  ก็พอมองอีกทีมันหายไป นึกว่าราบไปใต้ท้องรถเราแล้ว  อึดใจต่อมาจึงเห็นตามก้นมาอยู่ขอบ ๆทาง พวกนี้เป็นรถแข่งกันกลางถนน  มักนัดกันมาประลองความเร็วช่วงดึก ๆ   

 

ในการตระเวนราตรีท่องเที่ยวไปกับโอลสโมบิลโดยมีปริญญา เป็นคนขับนั้น นาน ๆ จะเจอเก๋งประเภทที่เราจนปัญญาที่จะไปเทียบฝีมือเขาคือพวกเบนซ์ และสปอร์ต  พวกนี้มีประสิทธิภาพสูงเราตามไม่ทันหรอก  พวกสปอร์ตนี้ เวลาเลื้อยไปน่าดูน่าชมมาก  มันเร็วมากก็จริง แต่ดูสุขุมเยือกเย็นอยู่ในตัว  นั้นหมายถึงฝีมือคนขับก็จะต้องไปอีกระดับหนึ่งจึงจะสมกับรถสปอร์ต เอาฝีมือปิ๊กอัพไปขับไม่ได้   เมื่อปริญญา แม่มารับกลับบ้านแล้ว  ก็ไร้คนขับที่คู่ควรกับ   โอลดสโมบิล  เราก็เที่ยวไม่สนุก  คนที่นี่ขับเป็นแต่รถปิ๊กอัพ  ขับรถเก๋งไม่เป็น  ครั้นบอกว่าขับเร็ว ๆ มันก็ขับเร็วแบบไม่เป็น   แบบนี้ขับช้าก็ไม่ปลอดภัยขับเร็วก็ไม่ปลอดภัย เพราะขับไม่เป็น  เราก็หน่าย  คล้ายมีนิพพิทาญาณต่อสิ่งนี้ไป เลยทุกวันนี้เบื่อรถและนึกสมเพชคนที่เห่อรถ

 

 ดูเหมือนวันสองวันนี้มีเรื่องเกี่ยวกับรถมากเป็นพิเศษ ก็เลยมีจิตกระหวัดถึงเจ้าโอลด์สโมบิล(Oldsmobile)  และคนขับของมัน เจ้าปริญญา    เรานึก ๆ อยากจะให้ปริญญาทางการขับรถแก่มันอย่างเต็มใจยิ่ง  เมื่อเช้าก็มีเจ้าพนักงานบริษัทรถมานมัสการ และให้ทำการอะไรให้บางอย่าง ก็ทำให้ตามที่เขาต้องการ บางทีเราไม่รู้เรื่องรู้ราวหรอก  เขาบอกให้ทำอะไรให้เราก็ทำให้เท่านั้นเอง   ทำเสร็จแล้วเขาก็ถวายปัจจัยเองโดยความศรัทธาของเขาทุกรายไปเราไม่ได้กำหนดกฎเกณฑ์เรื่องเงินทองนี่เลย   เราก็ได้ปัจจัยเหล่านี้แหละมาทำงานการเผยแผ่พระศาสนา หรือคติว่า   For all good  For all thought  นั่นแหละ

 

 

1830 น.

 

โยมบัวลอง จันตรี พาคณะลูกศิษย์ที่ปฏิบัติธรรมวันธรรมสวนะมาด้วยกัน 7 คน เป็นเวลาที่มืดแล้ว  พอดีไฟดับลง  สักชั่วครู่จึงติดสว่างขึ้น  ขณะนั้นโยม อาจารย์เยาวภา กับสามี ก็ยังคุยอยู่ แซวกันว่ามีพลังภายในมาถึงไฟฟ้าดับเลย จนต้องบอกว่าพระอาจารย์เปิดไฟหน่อย  เปล่า ไฟดับเอง  เอ้า  ติดแล้ว  ไฟดับลงชั่วอึดใจแล้วติดอีกที  ไม่ทราบสาเหตุ     ได้พากันเข้ามาในกุฏิ  เล่าเรื่องว่ามีงูเข้าบ้าน  ไม่ทราบว่างูอะไร  และเข้ามาได้อย่างไรเพราะประตูหน้าต่างปิดหมด  แล้วพอออกไปเรียกอาจารย์พิเชษฐ์  กลับเข้ามางูก็หายไป  โยมไม่สบายใจ  ระแวงว่าจะเป็นนิมิตหมายของพวกยมทูต  จะมาเอาตัวไป   เพราะใจพะวงอยู่แต่เรื่องความป่วยไข้หลายปีมาแล้วไม่รู้หายสนิท   ปีนั้นป่วยอยู่   ฝันว่าพวกยมบาลมากัน 2 คน  มายืนอยู่ที่หน้าบ้านจะมาเอาตัวไปยมโลก  โยมก็ไม่กลัวออกมาเท้าสะเอวเรียกว่าเก่งนักเข้ามาในบ้านซียืนอยู่ทำไม เข้ามาเอาตัวเลย  อะไรทำนองนั้น  จนพวกนั้นกลัวหายตัวไป  จากนั้นก็เข้าวัดเข้าวา สวดมนต์ทำวัตร  ที่วัดพระโตนี้ก็สวดมนต์มา7-8ปีแล้วไม่เคยขาด   วานนี้มีงูเข้ามาจึงตกใจ  จับยามพยากรณ์ให้พบว่าจะมีโชค   พอดูที่ดวงชะตาเอง  ก็ดี  แต่ครั้นถึง ส.ค. 2550 จะกลับมาป่วยอีก เกรงจะหนัก  คำนวณให้ทุกระยะ ๆ  ระยะร้ายแรงอยู่ที่ พ.ศ. 2557 อายุ 68 ปีเต็ม  โยมพอใจพากันกราบลากลับบ้าน

 

เราดูทีวีอินเดีย 2-3 ช่อง ระบบถ่ายทอดจากดาวเทียม  ฟังข่าวอินเดีย เดาเอา   และละคร+หนังโทรทัศน์อินเดีย   เพลงฟังสนุก ก่อนจำวัตร

 

 

6 ต.ค. 2549

 

03.30 น. 

 

ตื่นนอน   วันนี้ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 ปีจอ   วันนี้เป็นวันโกน  พรุ่งนี้เป็นวันพระที่ปวารณาออกพรรษา

 

05.40 น.

 

หลังทำวัตรเช้าแล้ว  เราทบทวนทุกอย่าง ๆ   และวางแผน  เดินจงกรมนิดหน่อย แล้วไปตีฆ้องใหญ่

 

จะเอาอย่างไร  แต่เป้าหมายย่อมไม่เปลี่ยนแปลงแน่ ๆ   เราต้องไปใช้ชีวิตในต่างประเทศหลายแห่ง ๆ ละนาน ๆ จนพอ จนสำเร็จประโยชน์ทีเดียว เรากำลังเลือกหาสภาวะแวดล้อมที่เอื้ออย่างยิ่งต่อการปฏิบัติธรรมชั้นสูง    ที่กดดันอย่างยิ่งเพื่อให้รุกไปข้างหน้า

 

นั่นแปลว่าเราต้องจากที่นี่ไปเลยละซี ?

 

 ก็ไม่แปลกอะไร  เมื่อความรู้สึกของเราเห็นเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ธรรมดา ๆ ๆ

 

เหมือนความรู้สึกเมื่อตอนลาออกจากราชการ  ถอดเครื่องแบบนายทหาร  มานุ่งห่มครองเพศสมณะ เป็นเพียงพระธรรมดา ๆ รูปหนึ่ง   นั่นก็ไม่ได้รู้สึกอะไร  คล้าย ๆ เดินข้ามธรณีประตู จากประตูหนึ่งไปอีกประตูหนึ่งเท่านั้นเอง  

 

ตราบจนขณะนี้ ที่ผ่านมา 24 ปีแล้ว  ยังไม่รู้สึกอะไร

 

เหมือนตอนอำลาญาติโยมชาวบ้านโนนน้อย วัดโนนน้อยมาอยู่วัดมหาพุทธารามก็เช่นกัน   ไร้ความรู้สึก (การกล่าวนี้ ได้ประเมินผลดูก่อนแล้ว  ประกอบการวิเคราะห์วิจัยตนเองว่า มีญาณอะไรเกิดขึ้นกับตน)

 

เราจะไปไหนอยู่ที่ไหน หากเพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแล้ว  จึงไม่ใช่เรื่องอะไรจะลำบากใจสำหรับเราเลยแม้แต่นิดเดียว  วิเคราะห์ไปอีก  เราเป็นคนที่ปราศจากความอาลัย  ไม่มีเยื่อใย  มีสภาวะตัดขาดจากโลก   เหมือนคนไร้น้ำจิตน้ำใจ ก็อาจจะมองได้เหมือนกัน 

 

และเราก็ไม่ได้คำนึงเรื่องความตาย  การเดินทางธุดงค์ของเราก็ได้ให้ความหมายแก่ตัวเองแล้วว่า หมายถึงความตายของเราเองด้วยก็ได้    แต่นี่เป็นเรื่องไม่ใหญ่ เป็นเรื่องเล็กสำหรับเรา   เราจะตายเมื่อไรก็ได้  ไม่มีปัญหาอะไรเลย  ดูเหมือนในปรโลก เรายิ่งมีความคุ้นเคย มีมิตรรัก สหายและประชาชนเป็นจำนวนมาก  แต่เรานี้ถือ วิสัยโพธิสัตว์  จึงต้องเรียนให้รู้ทุกวิชาการทั้งโลกและธรรมโดยสมบูรณ์ และวาระสุดท้ายที่รอคอยก็คือการเรียนรู้จากความตายของเราเอง เรียนรู้เรื่องการข้ามชาติ  (มีหลักฐานในเรื่องนี้ก็คือ เจ้าชายสิทธัตถะจุติจาก     เทวโลกมาสู่ครรภ์ของพระนางสิริมหามายา ก็ทรงรู้ตัวอยู่ทุกขณะที่มาจุติสู่พระครรภ์ของพระราชชนนี)

 

ฉะนั้นทางธรรมนั้น  จึงต้องศึกษาถึงระดับ  อภิญญา   ให้ได้   (ในพระพุทธศาสนามีพระอรหันต์ประเภทต่าง ๆ แต่ที่สมบูรณ์สูงสุดคือ พระอรหันต์ประเภทบรรลุอภิญญา6  ฉะนั้นแม้เป็นพระอรหันต์แล้วเป็นอเสขะบุคคลแล้วแต่ยังไม่มีอภิญญา 6 ก็สามารถศึกษาต่อได้  แต่นี่คือวิสัยของโพธิสัตว์)  ทางโลกก็ต้องตามทันศาสตร์ทุกสาขา  การสื่อสารยุคใหม่ต้องรู้   และเราก็ทำอินเทอเนตได้เองแล้ว  นี่อย่างไร?  เวบที่มีชีวิตชีวามีความเคลื่อนไหวก็เริ่มขึ้น

 

กระนั้น เราก็ยังต้องพัฒนาเวบนี้ไปอีกอย่างมากด้วย นี่ก็ยังต้องทำอีกเยอะ  แม้กระทั่งโลโก และภาพ ก็ยังเอาขึ้นไม่ได้ ต้องเรียนอีกหลายอย่างยังไม่จบหลักสูตร และยังมีแผนทำสารคดีภาพถ่ายการธุดงค์คราวที่แล้วด้วย  ทางฝ่ายกล้องกำลังเตรียมงานและวางแผนอยู่  และภาพเหล่านี้ก็จะทะยอยขึ้นอินเทอเนตให้เสร็จสมบูรณ์เสียก่อน

 

เอาละ !   ใจเย็นสักหน่อย  ออกพรรษาแล้วค่อยวางแผนก็ได้

 

11.00 น. 

 

ครอบครัวกอปรทศธรรม มาถวายเพล มีอาจารย์ยุพิน พิมพ์ศร เอาผลไม้ชื่อแก้วมังกรมาปอกฝานถวาย  หลังเพลอาจารย์ยุพิน พิมพ์ศร ได้เป็นอาจารย์ 3  สาขาบัญชี วิทยาลัยการอาชีพศรีสะเกษ  ขนตู้ใส่หนังสือมาถวาย 1 ตู้

 

 

 

วันมหาปวารณา

 

7 ต.ค. 2549 

 

วันมหาปวารณา  วันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม พุทธศักราช  2549

ขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 ปีจอ

 

0400 น.

 

 ตีระฆัง

ทำวัตรเช้า ณ วิหารหลวงพ่อโต

 

05.30

 

ลงอุโบสถ  นั่งสมาธิในอุโบสถได้  20 นาที  ยังไม่ทันมีอะไรเกิดขึ้น  หมู่สงฆ์มา  เจ้าคุณพระศรีธรรมนาถมุนี พาทำวัตรย่อ

 

0600

 

หมู่สงฆ์ทำมหาปวารณา  มีภิกษุทั้งสิ้น 27 รูป

 

07.00 น.

 

เจ้าคุณศรีธรรมนาถมุนีแสดงพระธรรมเทศนา ก่อนจบได้ประกาศข่าวน่ายินดีว่า  บัดนี้ทางมหาเถรสมาคมพิจารณาแล้ว อนุมัติให้วัดมหาพุทธารามเป็น  สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดศรีสะเกษ แห่งที่ 1  วัดหนองกุดหล่ม เป็นแห่งที่ 2  และวัดอื่น ๆ ในเขตต่างอำเภออีกหลายแห่ง รวม 6 แห่ง    ในเขตจังหวัดอื่น ๆ ก็มีการอนุมัติเรื่องการจัดตั้งสำนักปฏิบัติธรรม เช่นเดียวกัน

 

การมีฝ่ายวิปัสสนาธุระขึ้นมานี้ แท้จริงเป็นผลงานการเสนอแนะของเราเองมาแต่ต้น  โดยมีหลักการว่าเพื่อลดทอนภาวะนำของระบบอำนาจในหมู่สงฆ์มาสู่ระบบธรรมในหมู่สงฆ์มากขึ้น เป็นส่วนหนึ่งแห่งการปฏิรูประบบสงฆ์ใหม่  คือให้มีประชาธิปไตยในหมู่สงฆ์  นั่นคือ  ภราดรภาพ  เสรีภาพ  และ เสมอภาค ในหมู่สงฆ์ โดยมาตรฐานแห่งธรรม   จึงเป็นเรื่องที่น่าพอใจของเราเองอย่างแน่นอน

 

แต่ในกรณีวัดมหาพุทธาราม เราจะพิจารณาเรื่องนี้อย่างไร ?  เพราะในทางปฏิบัติเราก็ได้รับความไว้วางใจและได้ดูแลเรื่องนี้มาตลอดเป็นเวลา 7-8 ปีเข้าแล้ว  มีลูกศิษย์ญาติโยมปฏิบัติธรรมก็มากอยู่ เพียงแต่ว่ายังนำความคิดอันสมบูรณ์มาถ่ายทอดยังไม่ได้

 

 

 

วันออกพรรษา

 

8  ต.ค. 2549

 

วันออกพรรษา  วันวันอาทิตย์ ที่ 8 ตุลาคม พุทธศักราช 2549

แรม 1 ค่ำเดือน 11 ปีจอ

 

02.20 น.

 

มีโทรศัพท์มากลางดึก  ดังอยู่นานทีเดียว  แต่ไม่ทันได้รับ  วางหูเสียก่อน

 

07.30 น.

 

ตักบาตรเทโวรอบ ๆ วิหารหลวงพ่อโต

นี่เป็นประเพณีชาวพุทธแห่งวัดมหาพุทธารามมานานนับแล้ว

 

16.00 น.

 

ญาติโยมทยอยมาเยี่ยมเคารพและทำบุญที่กุฏิจนถึงบ่ายโมงเศษ ๆ ในจำนวนนี้มีโยมก้อยกับสามีฝรั่งสวีเดนพร้อมลูกทั้งสองมาด้วย  จึงได้ถามข่าวถึง โดมินิก ที่เขามายกให้เป็นบุตรบุญธรรม ไปอยู่ฝรั่งเศส  มีเพื่อนของโยมก้อยมาด้วย มาเพล  อาชีพเป็นอาจารย์ เพื่อนโยมก้อยอยากรู้ว่าที่ติดต่อฝรั่งอีกคนไว้นั้นจะได้ผลหรือไม่อย่างไร  ดูเอาซิ!!

 

16.00 น. จึงมีเวลาของเวิอร์ด คอมพิวเตอร์  และบันทึกข้อความสุดท้ายนี้

 

เราปฏิบัติธรรมในเทศกาลเข้าพรรษาปีนี้ครบถ้วน 3 ไตรมาส  

 

ปีพุทธศักราช 2549 นี้ ตั้งแต่ต้นปีมา โดยแท้จริงเริ่มในเดือนเมษายน 2549  ที่ได้มีโอกาสไปฟึกฟื้นปฏิบัติธรรม ณ ศูนย์ภาค 10  มาตราบบัดนี้  นับว่าเป็นวาระที่พิเศษของเราโดยแท้จริง   เราได้ฟึกฟื้นพลังภายใน และคุณภาพแห่งปราณได้สำเร็จ คืนสู่สภาพของ พระพยับ ปญฺญาธโร  พระผู้มีปกติอยู่ด้วยอิริยาบถ 3  แล้วดำเนินการปฏิบัติธรรมในมาตรฐานของเราเอง เป็นธรรมชาติของเราเองได้สม่ำเสมอมา มีเป้าหมายที่ต้องการ และกล่าวได้ว่าบรรลุผลสำเร็จ  และสำเร็จหลายขั้นตอน  แม้กระทั่งในเทศกาลเข้าพรรษาเอง ที่ในแต่ละปีที่ผ่านมาแทบไม่ได้ประโยชน์โภชน์ผลใดใดทางธรรมปฏิบัติเลย แต่ปีนี้ได้มากมาย ยิ่งใหญ่  โดยเป็นการก้าวหน้าไปอีกในขั้นตอนที่สมบูรณ์ทีเดียว  และเพราะเหตุนี้จึงนำไปสู่ความคิดใหญ่ความคิดใหม่อันจะเป็นประโยชน์ยิ่งขึ้นต่อการพิศูจน์หลักธรรมระดับสูงสุดคือระดับอภิญญาของพระพุทธศาสนา

 

และเรามีมติในใจมานานแล้วว่า หากได้พบใครเก่งกว่าเรา ๆ ก็จะหยุดอยู่  พักผ่อนและเสวยสุขเสียที  แต่เมื่อไม่มีบุคคลเช่นนั้น  ก็เป็นเราที่ต้องกระทำการไปพลางก่อน เรายังคงมองหาคนเก่ง ๆ คนที่เก่งกว่า จนล้ำเลิศที่สุดอยู่ต่อไป เพื่อมารับช่วงงานของเราต่อไปในวันหน้า

 

ถัดจากเวลานี้ไป  ก็ต้องเป็นการประเมินผล  อะไรเป็นอะไรโดยละเอียดรอบคอบอีกครั้งหนึ่งเสียก่อน  แล้วจึงค่อยวางแผนงานสำคัญต่อไป

 

โทรศํพท์เมื่อคืนนี้ 02.20 น. สร้างความกังวลใจเสียจริง ๆ  ระแวงว่าจะหมายถึงภาวะฉุกเฉิน หรืออุบัติเหตุอันตรายเกิดกับญาติสนิทมิตรสหายที่ใกล้ชิด เพราะโทรศัพท์เช่นนี้ รับทีไรมีเรื่องร้ายทุกที  ล่าสุดได้รับโทรศัพท์เช่นนี้สมัยที่อาจารย์ปรีดี เติมใจ น้องชายเสียชีวิต  แต่ป่านนี้ทางใกล้ยังไม่ได้ข่าว  เกรงว่าอาจจะเป็นสัญญาณบางอย่างจากเยอรมัน ทางไกลโพ้น  

 

และบัดนี้ก็ถึงเวลาปิดรายการ ศึกษาโลกลี้ลับภาค 7 นี้ลงได้แล้ว 

 

เริ่มด้วยบันทึกวันแรก คือ   วันอาสาฬหบูชา   และ   วันเข้าพรรษา  

จบลงด้วย   วันมหาปวารณา   และ   วันออกพรรษา  

 

ก็เป็นการบันทึกที่เริ่มต้น  ดำเนินไป และจบลงอย่างสมบูรณ์  เกินที่มุ่งหมายไว้แต่เดิมทีเดียว

และเราพอใจว่าได้ทำหน้าที่ของเราอย่างดีแล้วโดยหวังว่าบันทึกนี้จะเป็นประโยชน์แก่นักปฏิบัติธรรมทั้งหลายด้วย อย่างยิ่งทีเดียว

 

 

 

 

จบการรายงานบันทึกการปฏิบัติธรรมระหว่างเทศกาลเข้าพรรษา ปีพุทธศักราช 2549

โปรดติดตามต่อไปใน ศึกษาโลกลี้ลับภาค 8

 แผนงานการธุดงค์ข้ามชาติของพระพยับ ปญฺญาธโร พระผู้มีปกติอยู่ด้วยอิริยาบถ 3

รายงานวันต่อวัน ณ เวบไซท์นี้ 

www.newworldbelieve.net  และ  www.newworldbelieve.com

หากมีคำถาม อีเมลมาได้ที่  newworld_believe@hotmail.com

หรือใช้กระดานถามตอบ : ปุจฉาวิสัชนา ในเวบฯของเราก็ได้

 

 

  • แฟ้ม บันทึกการปฏิบัติธรรมช่วงเข้าพรรษา 2549.doc



Mystery World Report ศึกษาโลกลี้ลับ การศึกษาเชิงงานวิจัยสมาธิและไสยศาสตร์

ศึกษาโลกลี้ลับตอนที่ 27 Mystery worldreport 27 เร่ิม วันกาลเข้าพรรษา 27 ก.ค.2564
Mystery World Report 26 : บันทึกสำคัญ
Mystery World Report 25
Mystery World Report 24
Mystery World Report 23
Mystery World Report 22
Mystery World Report 21
Mystery World Report 20 : ศึกษาโลกลี้ลับ 20 (ภาษาไทย)
Mystery World Report 19 article
MysteryWorld Report 18
Mystery World Report 17
Mystery World Report 16
Mystery World Report 15
ศึกษาโลกลี้ลับภาค 14 ย่อ
ศึกษาโลกลี้ลับภาค 13 ต้นฉบับสมบูรณ์ ตอนที่ 1
ศึกษาโลกลี้ลับภาค 13 ต้นฉบับสมบูรณ์ ตอนที่ 2
ศึกษาโลกลี้ลับภาค 13 ย่อ
ศึกษาโลกลี้ลับภาค 12 ต้นฉบับสมบูรณ์
ศึกษาโลกลี้ลับภาค 12 (ย่อ)
ศึกษาโลกลี้ลับภาค 11 (ย่อ)
ศึกษาโลกลี้ลับภาค 10 article
ศึกษาโลกลี้ลับภาค 9 article
ศึกษาโลกลี้ลับภาค 7 article
ศึกษาโลกลี้ลับภาค 6 article
ศึกษาโลกลี้ลับภาค 5 article
ศึกษาโลกลี้ลับภาค 4 article
ศึกษาโลกลี้ลับภาค 3 article
ศึกษาโลกลี้ลับภาค 2 article
ศึกษาโลกลี้ลับภาค 1 article
ศึกษาโลกลี้ลับ 1



Copyright © 2010 All Rights Reserved.
----- ***** ----- โปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate นี่คือเวบไซต์คู่ www.newworldbelieve.com กับ www.newworldbelieve.net เราให้เป็นเวบไซต์ที่เสนอธรรมะหรือ ความจริง หรือ ความคิดเห็นในเรื่องราวของชีวิต ตั้งใจให้ธัมมะเป็นทาน ให้สิ่งที่เป็นประโยชน์แด่คนทั้งหลาย ทั้งโลก ให้ได้รู้ความจริงของศาสนาต่าง ๆในโลกวันนี้ และได้รู้ศาสนาที่ประเสริฐเพียงศาสนาเดียวสำหรับโลกยุคใหม่ จักรวาลใหม่ เรามีผู้รู้ ผู้ตรัสรู้ ผู้วินิจฉัยสรรพธรรมสรรพวิชชา สรรพศาสน์ และสรรพศาสตร์ พอชี้ทางสู่โลกใหม่ ให้ความสุข ความสบายใจความมีชีวิตที่หลุดพ้นไปสู่โลกใหม่ เราได้อุทิศเนื้อที่ทั้งหมดเป็นเนื้อที่สำหรับธรรมะทั้งหมด ไม่มีการโฆษณาสินค้า มาแต่ต้น นับถึงวันนี้ร่วม 14 ปีแล้ว มาวันนี้ เราได้สร้างได้ทำเวบไซต์คู่นี้จนได้กลายเป็นแดนโลกแห่งความสว่างไสว เบิกบานใจ ไร้พิษภัย เป็นแดนประตูวิเศษ เปิดเข้าไปแล้ว เจริญดวงตาปัญญาละเอียดอ่อน เห็นแต่สิ่งที่น่าสบายใจ ที่ผสานความคิดจิตใจคนทั้งหลายด้วยไมตรีจิตมิตรภาพล้วน ๆ ไปสู่ความเป็นมิตรกันและกันล้วน ๆ วันนี้เวบไซต์นี้ ได้กลายเป็นโลกท่องเที่ยวอีกโลกหนึ่ง ที่กว้างใหญ่ไพศาล เข้าไปแล้วได้พบแต่สิ่งที่สบายใจมีความสุข ให้ความคิดสติปัญญา และได้พบเรื่องราวหลายหลากมากมาย ที่อาจจะท่องเที่ยวไปได้ตลอดชีวิต หรือท่านอาจจะอยากอยู่ณโลกนี้ไปชั่วนิรันดร ไม่กลับออกไปอีกก็ได้ เพียงแต่ท่านเข้าใจว่านี่เป็นแดนต้นเรื่องเป็นด่านข้ามจากแดนโลกเข้าไปสู่อีกโลกหนึ่ง และซึ่งเป็นโลกหรือบ้านของท่านทั้งหลายได้เลยทีเดียว ซึ่งสำหรับคนต่างชาติ ต่างภาษาต่างศาสนา ได้โปรดใช้การแปลของ กูเกิล หรือ Google Translate แปลเป็นภาษาของท่านก่อน ที่เขาเพิ่งประสบความสำเร็จการแปลให้ได้แทบทุกภาษาในโลกมนุษย์นี้แล้ว ตั้งแต่ต้นปีนี้เอง นั้นแหละเท่ากับท่านจะเป็นที่ไหนของโลกก็ตาม ทั้งหมดโลกประมาณ 7.6 พันล้านคนวันนี้ สามารถเข้ามาท่องเที่ยวในโลกของเราได้เลย เราไม่ได้นำท่านไปเที่ยวแบบธรรมดาๆ แต่การนำไปสู่ความจริง ความรู้เรื่องชีวิตใหม่ การอุบัติใหม่สู่ภาวะอริยบุคคล ไปสู่การเปลี่ยนแปลงไปพ้นจากทุกข์ ทั้งหลายไปสู่โลกแห่งความสุขแท้นิรันดร คือโลกนิพพานขององค์บรมศาสดาพุทธศาสนา พระบรมครูพุทธะ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพียงแต่ท่านโปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate ท่านก็จะเข้าสู่โลกนี้ได้ทันทีพร้อมกับคน7.6พันล้านคนทั้งโลกนี้. ----- ***** ----- • หมายเหตุ เอาขึ้นเวบไซต์ แทนของเดิม ทั้ง 2 เวบ .net .com วันที่ 21 เม.ย. 2565 เวลา 07.00 น. -----*****-----