ReadyPlanet.com
dot
dot dot
bulletBUDDHISM TO THE NEW WORLD ERA
bulletคำบูชาพระรัตนตรัย ทำวัตรแปล เช้า-เย็น
bulletChart Showing the Process
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พ.ศ.2540 - 2566
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี 1
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี 2
bulletบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี บุคคลที่ 1 - 188 ปัจจุบัน
bulletหนังสือพิมพ์ดี
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 1
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 2
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 3
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 4
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 5
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 6
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 7
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 8
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 9
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 10
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 11
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 12
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 13
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 14
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 15
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 16
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 17
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 18
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 19
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 20
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 21
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 22
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 23
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 24
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 25
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 26
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 27
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 28
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 29
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 30
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 31
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 32
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 33
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 34
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 35
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 36
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 37
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 38
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 39
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 40
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 41
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 42
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 43
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 44
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 45
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 46
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 47
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 48
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 49
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 50
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 51
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 52
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 53
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 54
bulletหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 55
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที่ 56
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 57
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 58
bulletหนังสือพิมพ์ดีเล่มที 59
bulletTo The World
bulletENGLISH
bulletUSA
bulletChina
bulletIndia
bullet Mynmar
bullet Cambodia
bullet Loas
bulletSri Lanka
bulletMalaysia
bulletKorea
bulletA Sharp Turn of Believes : Iresearch Iwrite Iread
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 1
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 2
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 3
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 4
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 5
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 6
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 7
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 8
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 9
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 10
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 11
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 12
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 13
bulletศึกษาโลกลี้ลับภาค 14
bulletMystery Report 15
bulletMystery Report 16
bulletMystery Report 17
bulletMystery Report 18
bulletMystery Report 19
bulletMystery Report 20
bulletMystery Report 21
bulletMystery Report 22
bulletMystery Report 23
bulletMystery Report 24
bulletMystery World Report 25
bulletศึกษาโลกลี้ลับ 26
bulletเฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้ว วิเคราะห์ทุกปัญหาในโลกมนุษย์ด้วยสติปัญญาและเหตุผลวิทยาศาสตร์จากนสพ.ดี
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2536
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2537
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2538
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2539
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2540
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2541
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2542
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2543-2545
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2545-2549
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2549-2550
bulletเฝ้าดูฯ พ.ศ.2550-ส.ค.2551
bulletเฝ้าดูฯ ส.ค.-ก.ย.2551
bulletเฝ้าดูฯ ก.ย.2551- ธ.ค. 2551
bulletเฝ้าดูฯสำนวนพัชรา กอปรทศธรรม
bulletสำนวนพัชราตอนที่ 16-27
bulletสำนวนพัชราตอนที่ 29
bulletบทความใหม่ เม.ย.-พ.ค.2552
bulletพุทธธรรมเพื่อทางดับทุกข์
bulletทฤษฎีการดับทุกข์ทางจิต วิปัสสนากรรมฐานโดยการทำงาน(สำนวนปรับปรุงใหม่)
bulletประวัติพัชรา กอปรทศธรรม
bulletประวัติการต่อสู้เพื่อการดับทุกข์ ของพัชรา กอปรทศธรรม
bulletอัลบั้มรูป history
bulletนิทานธรรมะประยุกต์ มานุสสาสุระสงคราม 4 ภาค และอื่น ๆ
bulletอัลบั้มรูป ภาพในอดีตและชีวประวัติศาสตร์ที่สวยงาม
bulletจากเวบบอร์ด พูดกันไม่รู้เรื่อง ประชาธิปไตยล้าหลัง
bulletศาสนาสากล การวิเคราะห์ความหมาย
bulletปลอบใจ
dot
รวมบทวิเคราะห์กม.คณะสงฆ์ แนวปฏิรูปคณะสงฆ์อยู่ในบทวิเคราะห์นี้แล้ว
dot
bulletรวมบทวิเคราะห์กม.คณะสงฆ์
dot
สากลจักรวาล สากลศาสนา แนวคิดศาสนาสำหรับคนยุคใหม่ ผู้ก้าวผิดทางไปสู่สิ่งไร้สาระโดยไม่รู้ตัว
dot
bulletสากล...ศาสนา 1
bulletสากล...ศาสนา 2
bulletสากล...ศาสนา 3
bulletสากล...ศาสนา 4
bulletสากล...ศาสนา 5
bulletสากล...ศาสนา 6
bulletสากล...ศาสนา 7
bulletสากล...ศาสนา 9
bulletสากล...ศาสนา 8
bulletสากล...ศาสนา 10
bulletสากล...ศาสนา 11
bulletสากล...ศาสนา 12
bulletสากล...ศาสนา 13
bulletสากล...ศาสนา 14
bulletสากล...ศาสนา 16
dot
ส่วนข้อมูลสำคัญเพื่อการวิจัยการเมืองไทยยุค คมช.-รัฐบาลอภิสิทธิ์
dot
bulletข้อมูลสำคัญยุคคมช.-รัฐบาลอภิสิทธิ์
bulletรายงานสดม็อบสนธิ-จำลอง-ปชป.เป่านกหวีดวันที่1/26ส.ค.2551
bulletรายงานสดม็อบสนธิ-จำลอง-ปชป.เป่านกหวีดวันที่2/27ส.ค.2551
bulletใบปลิว อีเมล์ ในหลวงทรงร้องไห้
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 1
bulletในหลวงเพิ่งทราบข่าวฆ่าประชาชน10เมย.53ทรงร้องไห้
bulletบันทึกลับเสื้อแดงผู้รอดชีวิตจากทำเนียบรัฐบาล
bulletบันทึกลับเสื้อแดงผู้รอดชีวิตจากทำเนียบรัฐบาล
dot
รวมข่าวม็อบการเมืองสนธิ-จำลอง-ปชป.มิ.ย.51-เม.ย.52 นสพ.
dot
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 2
bulletข่าวการเมืองแฟ้ม 3
bulletรวมข่าวม็อบ30มิ.ย.51-23มี.ค.52
bulletเลือดศรีสะเกษบันทึกเรื่องราวรอบด้านเกี่ยวกับเขาพระวิหาร
bulletรายงานการโฆษณาชวนเชื่อในประเทศไทยที่ล้มล้างรัฐบาลทักษิณ
bulletหนังสือพิมพ์ดี ของฟรีให้เปล่ามา20ปีแล้วทั้งเอกสารและอินเทอเนท
bulletหนังสือพิมพ์ดี ( อินเทอเนต ) เล่ม 1 - 44 - ล่าสุด
bulletหน้าที่เก็บไว้
bulletมูลนิธิพระเทพวรมุนี(เสน ปญฺญาวชิโร)
bulletวัดมหาพุทธาราม ศรีสะเกษ บันทึกเหตุการณ์
bulletสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดศรีสะเกษแห่งที่ 1
bulletเกี่ยวกับเวบไซต์ของเรา เราทำเพื่อปัญญาชนโดยแท้
bulletรวมกระทู้เด็ดจากกระดานถามตอบ
bulletคาถาอาคมไสยศาสตร์
bulletกวีนิพนธ์ใหม่
bulletศูนย์ปฏิญญาณละเลิกอบายมุข บัญชีที่ 1- 4


บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี 1

 

 

 

บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์พ์ดี

 

********************************************************************************* 

 

 

 

 

1.  บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พุทธศักราช 2540 

2.  บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พุทธศักราช 2541 

3.  บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พุทธศักราช 2542 

4.  บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พุทธศักราช 2543 

5.   บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พุทธศักราช 2544 

6.   บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พุทธศักราช 2545

7.   บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พุทธศักราช 2546 

8.   บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พุทธศักราช 2547 

9.   บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พุทธศักราช 2548

10. บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พุทธศักราช 2549 

11.  บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พุทธศักราช 2550

12.  บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี  พุทธศักราช  2551  
 

13.  บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พุทธศักราช 2552 

14. บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พุทธศักราช 
2553

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี
พุทธศักราช  

2540

 

 

 

 

 

หนังสือพิมพ์ดี ได้ประเมินผลบุคคลแห่งปีเหมือนกัน

และเราขอยก ตำแหน่งบุคคลแห่งปี พ.ศ.๒๕๔๐ แด่




 

บุคคลที่ 1    สุขวิช รังสิตพล

 

ใน ฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ คะแนนที่ได้มาจาก เป็นบุคคลที่ทำให้วงการศึกษาของชาติสั่นสะเทือนอย่างแรง ไม่เคยปรากฎมาก่อน การศึกษาของชาติได้รับการเชิดชูอย่างสูงเด่นยิ่งกว่าสมัยใดใด ในการทำงานอย่างนี้ เราพิจารณาผลงานโดยรวมเป็นหลัก ความบกพร่องใดย่อมมีได้เป็นธรรมดาของการทำงานใหญ่และในถานการณ์เศรษฐกิจสังคมแห่งชาติที่เราเผชิญอยู่ เราเห็นว่า การศึกษา เป็นปัญหาสำคัญเร่งด่วน และต้องการคนที่กล้าทำงานใหญ่ทางการศึกษา ชาติจึงจะอยู่รอดได้

 

 

หนังสือพิมพ์ดีจึงขอยกย่องเกียรติคุณ สุขวิช รังสิตพล ไว้ ณ ที่นี้

 

  • บทบรรณาธิการดีเล่มที่ 9

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี 

พุทธศักราช  

2541

 

 

 

ต่อจากนี้ เราจะเริ่มด้วยการประกาศชื่อ บุคคลแห่งปี พ.ศ. 2541 ของหนังสือพิมพ์ดี ที่กำลังจะผ่านไปนี้ เราขอมอบให้

 

บุคคลที่ 2  สุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส. ศิวรักษ์

 

 

เป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี

คะแนนที่ได้ เป็นการแซงหน้าบุคคลอื่นอีกหลายท่าน ในระยะหลังชั่วเดือน พ.ย.-ธ.ค. 41 นี่เอง หลายสถานการณ์ ๆ นั้น ได้ก่อเกิดบทบาทและได้เห็นแนวคิดแนวธรรมของบุคคล ว่าเป็นอย่างไร เราตัดสินจากหลักการนี้

 

 

1. สถานการณ์กรณีวัดนาคนิมิตรราษฎร์บำรุง แขวงจอมทอง เขตจอมทอง กทม. จัดโชว์จำบ๊ะในวัดติดผนังอุโบสถพระเณรก็ร่วมดูอยู่ด้วย

เดี๋ยวนี้วัดเป็นอาณาจักรอิสระ ไม่สามารถตรวจเงินทอง หรือบัญชีรายรับ รายจ่ายของวัดได้ ทั้งที่วัดเป็นนิติบุคคล พอทำผิดกฎหมายแต่ไม่มีใครทำอะไร อย่างวัดตามหัวเมืองเวลามีงานแต่ละที มีการร้องเพลงสกปรกโสมมเสียงดังแสบแก้วหูไปหมด เพื่อเรียกคนไปทำบุญ เอาเงินเข้าวัด ผมจึงไม่แปลกใจว่า ทำไมคนหันไปนับถือศาสนาอื่นกันหมด นับตั้งแต่ตั้งประเทศไทยมา ไม่เคยมีคนหันไปนับถือคริสต์ โยเร หรือเจ้าแม่กวนอิมมากมายขนาดนี้ เพราะกระแสหลักของเราไม่ทำงาน พระไม่ สามารถเอาพระธรรมคำสั่งสอน มาสั่งสอน และปกป้องให้คนหลุดพ้นจากความทุกข์ ได้” “ทุกวันนี้วัดจึงกลายเป็นเครื่องมือหากิน พระติดลาภยศ และมีความโลภ พระหลายรูปหลายวัดเอาไสยศาสตร์มาใช้ขัดกับพระธรรมวินัย พระต้องมีความเรียบง่าย แต่ขณะนี้พระบ้านเราไม่เรียบง่ายแล้ว กลับมีความฟุ่มเฟือย ชอบของตื่นเต้น ไหลไปกับกระแสโลกาภิวัฒน์ อีกทั้งพระต่างพากันเห็นพ้องต้องกันว่า วัดต้องหาเงิน ใครหาเงินได้มากก็เก่ง …..หรืออย่างกรณี๊ลานจอดรถ ตรงนี้พระไม่ได้เอื้ออาทรแต่อย่างใด แต่จ้องจะเอาสตางค์ ขณะเดียวกันจะไปโทษพระอย่างเดียวก็ไม่ได้ พระเป็นลูกชาวบ้านเกิดมาไม่เคยเห็นสตางค์มากมาย พอมีโอกาสจึงไม่รอช้า และหากพระไม่เชื่อเรื่องนรกสวรรค์ แล้วจะสอนให้คนอื่นเชื่อได้อย่างไร

 

 

  •    ส.ศิวรักษ์ ชี้วัดจ้ำบ๊ะ”,  ข่าวสด 9 พ.ย.41 หน้า13

 

 

    2.  สถานการณ์สันติอโศก รายการเจิมศักดิ์ ปิ่นทองและช่อง 9 อ.ส.ม.ท.

ลานบ้านลานเมือง”,ปฐมอโศก(1-2): 20,27 พ.ย.41 เวลา 20.30 น. ท่านวิเคราะห์สันติอโศกท่ามกลางสมาคมชาวอโศกได้อย่างแม้สันติอโศกก็ยอมรับคำของท่าน

 

 

3. ส.ศิวรักษ์ ให้คำนิยมแด่ อาจารย์ ผู้มีหัวคิดก้าวหน้าทางการสอน

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักเคลื่อนไหวเพื่อสตรีและเยาวชน ที่เสียชีวิตเพราะสาเหตุเครื่องบินตกที่ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อ 12 ธ.ค.41

มีพระพุทธพจน์เป็นเครื่องเตือนใจว่า คนที่บำเพ็ญคุณงามความดีและต่อสู้เพื่อความถูกต้องดีงามเช่นนี้ แม้อายุน้อย ก็มีค่ายิ่งกว่าคนที่มีอายุยืนนาน หากอยู่อย่างเป็นกาฝากของสังคม หรืออยู่อย่างที่แก่แดดแก่ลม หากไม่มีคุณธรรมประจำชีวิตและจิตใจ

 

 

  • จากใจ ส.ศิวรักษ์ แด่ ธีรนาถ กาญจนอักษรข่าวสด: 19 ธ.ค.41,หน้า5.

 

 

    1. กรณีวัดพระธรรมกาย เราเห็นว่าท่านพูดได้ตรงความจริง

 

    1. วัดนี้เป็นลัทธิมิจฉาทิฐิไปแล้ว เพราะสอนคนให้หลงผิดเป็นของตน สอนเรื่องนิพพานเป็นอัตตา มีตัวตนให้คนยึดมั่นถือมั่น ซึ่งขัดกับหลักของพุทธศาสนา ขัดกับพระพุทธวจนะ ธรรมกายอาศัยความหละหลวมอ่อนแอของรัฐบาลและมหาเถรสมาคมที่ไม่กล้าจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้เด็ดขาด พระผู้ใหญ่ที่เป็นหลักของบ้านเมืองไม่เอาจริงจึงจัดการยาก ธรรมกายเองฉลาดในการอิงและอุปถัมภ์ผู้ใหญ่บางรูป การกระทำของวัดธรรมกายแม้จะขัดหลักพระพุทธศาสนาแต่คนไม่สนใจมองจุดนี้จึงกลายเป็นการยอมรับเป็นเรื่องปกติ

 

 

การมอมเมาของวัดนี้มี 2 ลักษณะ คือเจตนาใช้บุญบังหน้าหลอกลวงหาเงินเข้าวัดให้มาก และหลงผิดในหลักพุทธศาสนา โดยคิดว่าแนวทางของตนเช่นการเพ่งลูกแก้วเป็นแนวทางที่ถูกต้อง เกิดเห็นผิดเป็นชอบ เป็นมิจฉาทิฐิตามหลักพุทธศาสนา พระสงฆ์ต้องสอนให้คนพ้นทุกข์ ที่ธรรมกายทำอยู่เป็นการมอมเมาประชาชน เป็นการกระทำของพวกเดียรถีย์ การอวดอ้างอิทธิฤทธิ์เห็นโน่นเห็นนี่ ความจริงการนั่งสมาธิก็ย่อมเห็นรูปต่าง ๆ เป็นธรรมดา เรียกว่าเห็นนิมิต แต่เมื่อเห็นแล้วหลักพุทธศาสนาต้องทำลายทิ้งไม่ใช่ยึดติด เพราะถ้ายึดติดอยู่จะไม่มีทางถึงจุดหมาย คือการพ้นทุกข์

ถ้าหลวงพ่อสดมาให้เห็นน่าจะมาเตือนสติมากกว่าที่ลูกศิษย์เอาท่านมาหากินมาปรากฎตัวเพราะความไม่สบายใจ

 

 

  • กก.มหาเถรชี้2ทางเลือก”, มติชนรายวัน: 20 ธ.ค.41.

 

 

เราจึงขอยกย่อง สุลักษณ์ ศิวรักษ์ เป็นบุคคลแห่งปี พ.ศ.2541 ของหนังสือพิมพ์ ดี ไว้ ณ ที่นี้

 

  • บทบรรณาธิการดีเล่มที่ 14

 

 

 

 

 

 

 

 

 

บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี
พุทธศักราช  

2542

 

 

เรื่องพิเศษสำหรับวันนี้ 

หนังสือพิมพ์ดีฉบับนี้เป็นฉบับสิ้นปี พ.ศ.2542 และจะเป็นวาระที่หนังสือพิมพ์ดี ประกาศบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี ประจำปีพุทธศํกราช 2542 ในหน้าบรรณาธิการนี้

หนังสือพิมพ์ดี ได้ประกาศเกียรติคุณบุคคลแห่งปีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 ณ บัดนี้ เราได้บุคคลแห่งปี มาแล้ว 2 ท่าน ประจำปีพ.ศ. 2540 และ ปี พ.ศ.2541 กลายเป็นทำเนียบบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดีมาแล้ว ดังนี้

 

ปี พ.ศ. 2540 ได้แก่ ฯพณฯ สุขวิช รังสิตพล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผู้ทำให้วงการศึกษาของชาติสั่นสะเทือนอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน ส่งผลให้เกิดการปฏิรูปครั้งสำคัญในวงการศึกษาของชาติ และท่านได้มองลงไปในการศึกษาของคณะสงฆ์ โดยการมองของคนสมัยใหม่ ด้วยหลักวิธีการบริหารแบบใหม่ ที่นำไปสู่การปฏิรูปต่อมา

 

ปี พ.ศ. 2541 ได้แก่ สุลักษณ์ ศิวรักษ์ (ส.ศิวรักษ์) เพราะปรากฎความเด่นของสติปัญญา ในหลักการแห่งพระพุทธศาสนาแล้วมีความกล้าหาญแสดงออกตรงตามทิฏฐิแห่งตนนั้น มีผลหนักแน่นต่อการปราบปรามผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิในวงการพระพุทธศาสนา ก่อเกิดการเคลื่อนไหวในทางปฏิรูปขึ้นในสังคมชาวพุทธ

 

และปีนี้ พ.ศ. 2542 เรามีความยินดีที่จะขอประกาศ

บุคคลแห่งปี พ.ศ.2542 ของหนังสือพิมพ์ดี ได้แก่

 

 

 

 

บุคคลที่ 3  ดร. เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง

 

เรามีวิธีการตัดสินสองขั้นตอน คือขั้นตอนแรก ดูว่าถึงมาตรฐานหรือไม่ แล้วเมื่อถึงมาตรฐานแล้วจึงได้เริ่มให้คะแนน ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ยกขึ้นสู่มาตรฐาน และคะแนนพุ่งถึงจุดที่เรายอมยกให้เป็นบุคคลแห่งปี เมื่อ คณะตามหาแก่นธรรม ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และ สุเมธ โสฬส เดินทางไปจังหวัดอุบลราชธานี และเปิดการ เสวนากับพระคริสต์คาทอลิกที่สำนักมิซซังคาทอลิกจังหวัดอุบลราชธานี ตามที่ถ่ายทอดในรายการตามหาแก่นธรรม ทางโทรทัศน์ช่อง 11 ในคืนวันที่ 5 กันยายน 2542 เวลา 2050 น. ฝ่ายคาทอลิก นำโดย คุณพ่อบุญเลื่อน หมั้นทรัพย์ [ที่รายการ แสงธรรม ช่อง 9 ทุกวันอาทิตย์ 0530 น. ยกว่าเป็น "สังฆราช" (สังฆราชเถื่อน นอกพระธรรมวินัยแห่งพระพุทธศาสนา และนอกกฎหมายไทย) ผู้หนึ่งของนิกายคาทอลิกไทย] ซึ่งเป็นพระที่ดำรงตำแหน่งระดับ พระคาร์ดินาลของศาสนาคาทอลิก และชาวคริสต์ไทย อีก 2 คน คือ นคร แก้วบุญเรือน และ สุมิตรา พงศธร ร่วมวงเสวนาปัญหาศาสนธรรมสากลด้วย เรามองดูที่บุคคลิกภาพเมื่อพบคนต่างชาติต่างศาสนา และการเผชิญสถานการณ์ที่ผันแปรไปจากสภาพปกติ ว่าจะเป็นเช่นไร สามารถดำรงบุคคลิกภาพของตน ๆ มีความเป็นตัวของตัวเอง ไว้ได้เพียงไรหรือไม่ และ ดร.เจิมศักดิ์ ได้คะแนนล้ำหน้าบุคคลในสายตาท่านอื่น ๆ จากจุดนี้ นอกจากนี้เรามองรายการที่สร้างสรรค์สิ่งใหม่ เช่นรายการลานบ้านบานเมือง รายการขอคิดด้วยคน และรายการ ตามหาแก่นธรรม ว่า เป็นรายการที่ปฏิรูปความคิดของสังคมเมื่อนำมาสู่วงการศึกษาพระพุทธศาสนา จึงบังเกิดปฏิกริยาทางความคิดมันสมองขึ้นในทางที่จะปฏิรูปไปสู่สิ่งที่ดีของพระพุทธศาสนาที่แท้จริงยิ่งขึ้น

 

 

ฉะนั้น หนังสือพิมพ์ดีจึงขอประกาศ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เป็นบุคคลแห่งปีของ หนังสือพิมพ์ดี ประจำปี พ.ศ.2542 และเป็นบุคคลที่ 3 ที่ได้เข้าทำเนียบบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดีต่อไป

 

 

เราขอประกาศชมเชยบุคคลผู้ต่อสู้เพื่อความถูกต้องของพระธรรมวินัย ๒ ท่าน คือ (๑) สมพร เทพสิทธา และ (๒) มาณพ พลไพรินทร์ คุณธรรมที่เรามองมี ๒ ประการคือ หนึ่งความกล้าหาญ และสองความเสียสละอันเป็นคุณธรรมที่เหมาะและจำเป็นสำหรับการดำรงสถานภาพสังคมขณะนี้ จึงขอประกาศชมเชยบุคคลทั้ง 2 ท่านไว้ ณ ที่นี้

 

  • บทบรรณาธิการดีเล่มที่ 19

 

 

 

 

 

บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี

พุทธศักราช  

2543

 

 

 

 

ต่อไปนี้ ก็ถึงเวลาที่หนังสือพิมพ์ดีจะประกาศบุคคลแห่งปีพุทธศักราช 2543 ต่อไป

และเราขอยกตำแหน่งแห่งความชื่นชมนี้แด่

 

 

 

บุคคลที่ 4 ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ประเวศ วะสี

 

 

เป็นบุคคลแห่งปีของ หนังสือพิมพ์ดี ประจำปีพุทธศักราช 2543

 

 

และนี่คือเหตุผลของเรา การต่อสู้เพื่อการปฏิรูปการศึกษาของ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประเวศ วะสี เป็นสิ่งที่น่าศรัทธา เมื่อมาถึงระยะหลังที่สุดนี้ ท่านได้เสนอทางแก้ปัญหาของชาติ ด้วยการเสนอ ยุทธศาสตร์แก้วิกฤตชาติ ซึ่งมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับหนี้สาธารณะ การศึกษา และการเศรษฐกิจแบบพอเพียง เราเห็นว่ายุทธศาสตร์นั้น มีคุณค่าต่อความมั่นคงของชาติ อย่างเป็นหลักประกันชั้นหนึ่งสำหรับชาติและสังคมไทย หากรัฐบาลที่มาภายหลังการการเลือกตั้ง 6 มกราคม 2544 ที่เป็นผลจากการทดลองใช้ระบบการเมืองตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ดำเนินนโยบายผิดพลาดหรือไม่สร้างสรรค์

 

 

และเมื่อ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประเวศ วะสี วิเคราะห์สถานการณ์วงการสงฆ์ และสรุปลงว่า สามัญชน บวชเข้ามาเพื่อเป็นเจ้านายสงฆ์ พระพุทธเจ้าสละความเป็นเจ้านายสงฆ์ (บัลลังก์จักรพรรดิ์ :บก.) มาเป็นสามัญชน (รายการขอคิดด้วยคน ช่อง 9 เมื่อ 24 พ.ค. 2543 เวลา 2030 น.) บอกให้รู้ถึงความเข้าใจปัญหาในวงการสงฆ์อย่างไร เข้าใจแก่นศาสนาอย่างไร เป็นเหตุให้หนังสือพิมพ์ดีสามารถตัดสินใจเลือกบุคคลแห่งปีได้อย่างไม่ลังเลใจ

 

 

ฉะนั้น จึงขอประกาศความชื่นชมยินดี ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประเวศ วะสี เป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดีประจำปี พุทธศักราช 2543 ไว้ ณ ที่นี้

 

และขอชื่นชม ด้วยกับ คณะผู้ร่วมเสนอแนวคิด ยุทธศาสตร์แก้วิกฤตชาติ จำนวนทั้งหมด 8 ท่าน อีก 7 ท่านคือ นิธิ เอียวศรีวงศ์, รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์, ชัยอนันต์ สมุทวานิช, เสกสรรค์ ประเสริฐกุล, โสภณ สุภาพงศ์, บวรศักดิ์ อุวรรณโณ และ ณรงค์ โชควัฒนา ไว้ ณ ที่นี้

 

  • บทบรรณาธิการดีเล่มที่ 22

 

  

 

 

 

 

 

 บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี                      

พุทธศักราช 

2544 

 

 

 

 

และบัดนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะประกาศบุคคลแห่งปีพุทธศักราช 2544 ของหนังสือพิมพ์ดีและต่อไปนี้คือ บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี ประจำปีพุทธศักราช 2544

 

 

เรามีความยินดีประกาศนามบุคคลต่อไปนี้

 

 

 

บุคคลที่ 5  สามเณรีธัมมะนันทา

               (อดีต รองศาสตราจารย์ ดร. ฉั ตรสุมาลย์ กบิฬสิงห์ แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)

 

 

ว่าเป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี ประจำปีพุทธศักราช 2544 โดยที่ทางหนังสือพิมพ์ดี ขอสงวนเหตุผล ไม่ขออธิบายเหตุผลประการใดใด แห่งการที่บุคคลทั้ง 6 ท่านนี้ ได้รับการพิจารณายกให้เป็นบุคคลแห่งปี พุทธศักราช 2544 นี้ เพราะท่านเหล่านี้ อยู่เหนือคำอธิบายใดใด จำเป็นที่เราต้องยกให้เป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดีอยู่แล้ว โดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ วิธีการมองของเราก็เพียงมองว่า ท่านเหล่านี้เข้าสู่ครรลองธรรมชาติแล้วหรือยังเท่านั้นเอง เมื่อเข้าสู่ครรลองธรรมชาติแล้ว ก็ย่อมอยู่ในธรรมชาติเอง เป็นไปเองอยู่แล้ว สิ่งที่เราพอใจก็คือ การที่เราสามารถค้นพบบุคคลแห่งปีได้ถึง 6 คนในปี 2544 นี้ แสดงว่า สังคมมีคนดีเพิ่มขึ้น ย่อมเป็นสิ่งที่ดีต่อสังคมอย่างแน่นอน 

 

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 6  ศาสตราจารย์ สมพร เทพสิทธา

 

 

ว่าเป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี ประจำปีพุทธศักราช 2544 โดยที่ทางหนังสือพิมพ์ดี ขอสงวนเหตุผล ไม่ขออธิบายเหตุผลประการใดใด แห่งการที่บุคคลทั้ง 6 ท่านนี้ ได้รับการพิจารณายกให้เป็นบุคคลแห่งปี พุทธศักราช 2544 นี้ เพราะท่านเหล่านี้ อยู่เหนือคำอธิบายใดใด จำเป็นที่เราต้องยกให้เป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดีอยู่แล้ว โดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ วิธีการมองของเราก็เพียงมองว่า ท่านเหล่านี้เข้าสู่ครรลองธรรมชาติแล้วหรือยังเท่านั้นเอง เมื่อเข้าสู่ครรลองธรรมชาติแล้ว ก็ย่อมอยู่ในธรรมชาติเอง เป็นไปเองอยู่แล้ว สิ่งที่เราพอใจก็คือ การที่เราสามารถค้นพบบุคคลแห่งปีได้ถึง 6 คนในปี 2544 นี้ แสดงว่า สังคมมีคนดีเพิ่มขึ้น ย่อมเป็นสิ่งที่ดีต่อสังคมอย่างแน่นอน 

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 7  ศาสตราจารย์ ระพี สาคริก 

 

 

ว่าเป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี ประจำปีพุทธศักราช 2544 โดยที่ทางหนังสือพิมพ์ดี ขอสงวนเหตุผล ไม่ขออธิบายเหตุผลประการใดใด แห่งการที่บุคคลทั้ง 6 ท่านนี้ ได้รับการพิจารณายกให้เป็นบุคคลแห่งปี พุทธศักราช 2544 นี้ เพราะท่านเหล่านี้ อยู่เหนือคำอธิบายใดใด จำเป็นที่เราต้องยกให้เป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดีอยู่แล้ว โดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ วิธีการมองของเราก็เพียงมองว่า ท่านเหล่านี้เข้าสู่ครรลองธรรมชาติแล้วหรือยังเท่านั้นเอง เมื่อเข้าสู่ครรลองธรรมชาติแล้ว ก็ย่อมอยู่ในธรรมชาติเอง เป็นไปเองอยู่แล้ว สิ่งที่เราพอใจก็คือ การที่เราสามารถค้นพบบุคคลแห่งปีได้ถึง 6 คนในปี 2544 นี้ แสดงว่า สังคมมีคนดีเพิ่มขึ้น ย่อมเป็นสิ่งที่ดีต่อสังคมอย่างแน่นอน 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 8  ศาสตราจารย์ น.พ.ประสพ รัตนากร 

 

 

ว่าเป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี ประจำปีพุทธศักราช 2544 โดยที่ทางหนังสือพิมพ์ดี ขอสงวนเหตุผล ไม่ขออธิบายเหตุผลประการใดใด แห่งการที่บุคคลทั้ง 6 ท่านนี้ ได้รับการพิจารณายกให้เป็นบุคคลแห่งปี พุทธศักราช 2544 นี้ เพราะท่านเหล่านี้ อยู่เหนือคำอธิบายใดใด จำเป็นที่เราต้องยกให้เป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดีอยู่แล้ว โดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ วิธีการมองของเราก็เพียงมองว่า ท่านเหล่านี้เข้าสู่ครรลองธรรมชาติแล้วหรือยังเท่านั้นเอง เมื่อเข้าสู่ครรลองธรรมชาติแล้ว ก็ย่อมอยู่ในธรรมชาติเอง เป็นไปเองอยู่แล้ว สิ่งที่เราพอใจก็คือ การที่เราสามารถค้นพบบุคคลแห่งปีได้ถึง 6 คนในปี 2544 นี้ แสดงว่า สังคมมีคนดีเพิ่มขึ้น ย่อมเป็นสิ่งที่ดีต่อสังคมอย่างแน่นอน

 

 

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 9  คุณพลอยไพลิน เจนเซ่น 

 

 

ว่าเป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี ประจำปีพุทธศักราช 2544 โดยที่ทางหนังสือพิมพ์ดี ขอสงวนเหตุผล ไม่ขออธิบายเหตุผลประการใดใด แห่งการที่บุคคลทั้ง 6 ท่านนี้ ได้รับการพิจารณายกให้เป็นบุคคลแห่งปี พุทธศักราช 2544 นี้ เพราะท่านเหล่านี้ อยู่เหนือคำอธิบายใดใด จำเป็นที่เราต้องยกให้เป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดีอยู่แล้ว โดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ วิธีการมองของเราก็เพียงมองว่า ท่านเหล่านี้เข้าสู่ครรลองธรรมชาติแล้วหรือยังเท่านั้นเอง เมื่อเข้าสู่ครรลองธรรมชาติแล้ว ก็ย่อมอยู่ในธรรมชาติเอง เป็นไปเองอยู่แล้ว สิ่งที่เราพอใจก็คือ การที่เราสามารถค้นพบบุคคลแห่งปีได้ถึง 6 คนในปี 2544 นี้ แสดงว่า สังคมมีคนดีเพิ่มขึ้น ย่อมเป็นสิ่งที่ดีต่อสังคมอย่างแน่นอน

 

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 10  ศาสตราจารย์ ร.ต.อ. ดร.ปุรชัย เปี่ยมสมบูรณ์ 

 

 

ว่าเป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี ประจำปีพุทธศักราช 2544 โดยที่ทางหนังสือพิมพ์ดี ขอสงวนเหตุผล ไม่ขออธิบายเหตุผลประการใดใด แห่งการที่บุคคลทั้ง 6 ท่านนี้ ได้รับการพิจารณายกให้เป็นบุคคลแห่งปี พุทธศักราช 2544 นี้ เพราะท่านเหล่านี้ อยู่เหนือคำอธิบายใดใด จำเป็นที่เราต้องยกให้เป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดีอยู่แล้ว โดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ วิธีการมองของเราก็เพียงมองว่า ท่านเหล่านี้เข้าสู่ครรลองธรรมชาติแล้วหรือยังเท่านั้นเอง เมื่อเข้าสู่ครรลองธรรมชาติแล้ว ก็ย่อมอยู่ในธรรมชาติเอง เป็นไปเองอยู่แล้ว สิ่งที่เราพอใจก็คือ การที่เราสามารถค้นพบบุคคลแห่งปีได้ถึง 6 คนในปี 2544 นี้ แสดงว่า สังคมมีคนดีเพิ่มขึ้น ย่อมเป็นสิ่งที่ดีต่อสังคมอย่างแน่นอน

 

เราจึงขอประกาศนามบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดีทั้ง6ท่านไว้ ณ ที่นี้

  • บทบรรณาธิการดีเล่มที่ 25
 
 
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี  
พุทธศักราช 

๒๕๔๕

 

 

และบัดนี้ ก็ถึงเวลาที่เราหนังสือพิมพ์ดี จะประกาศ บุคคลแห่งปี ของ หนังสือพิมพ์ดี ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๔๕ การจัดลำดับ จัดตามลำดับของการค้นพบคุณธรรม ที่หนังสือพิมพ์ดีค้นพบก่อนหลัง ไม่ได้หมายถึงอันดับความสามารถหรือ คุณธรรมที่เหนือกว่ากันแต่อย่างไร ดังต่อไปนี้

 

 

บุคคลที่ 11  แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต 

 

 

ทรงธรรม ปัญญา สติธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์สูง เอาตัวรอดจากโลกอันลามก อุทิศตัวเองเพื่อการรับใช้พระพุทธศาสนา สามารถนำพระพุทธศาสนาไปสู่โลกสากลและเป็นผู้นำในโลกสากลได้ ทรงธรรมสัตบุรุษสูง มองกว้างและไกล รู้ความสัมพันธ์ทางโลก ทางธรรมอย่างละเอียดอ่อน สามารถเชื่อมธรรมเข้ากับโลกใหม่ ภาษาใหม่ของมนุษยชาติได้อย่างเป็น รูปธรรม มีทัศนวิสัย-วิสัยทัศน์ระดับเป็นหนึ่งในหมู่นักบวชหญิงทั่วโลก

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 12  ทรงชัย รัตนสุบรรณ

 

โปรโมเตอร์มวยไทยผู้มีชื่อเสียงทั่วโลก หลังสุดเป็นโปรโมเตอร์มวยไทยเฉลิมพระเกียรติ ๕ ธันวามหาราช จิตนิ่งมากจนถึงขั้นสงบสงัด มีความเฉียบคมในการ วินิจฉัยชั้นเชิงการต่อสู้เชิงหมัดมวยอย่างแม่นยำ สามารถอ่านวินิจฉัยแผนการมวยของชนชาติต่างๆ ได้อย่างไม่ผิดพลาด มีอารมณ์เลือดนักสู้ไหลแรงและลึกซึ้งอยู่ภายใน สุขุมลุ่มลึกเชิงปัญญา และสมาธิจิตเป็นระดับสมาบัติ

 

 

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 13  วีระ นุตยกุล 

 

 

นักเผชิญโชคชาวไทย ท่องไปได้สบายๆทั่วโลก มีหลักธรรมเป็นเครื่อง ดำเนินชีวิตมาโดยตลอด อุเบกขาธรรมมีมากจนเป็นอุปนิสัยเป็นธรรมชาติ สามารถอ่านรู้วิสัยและ สภาพอารมณ์จิตใจมนุษย์ทุกชาติทุกภาษาและดำรงวิถีอนาคาริกอย่างสม่ำเสมอ มีความสุขในความทุกข์ มีความสบายในความยากลำบาก มีเกียรติในความต่ำต้อย มีความร่ำรวยในความพอเพียง

 

 

 

 

บุคคลที่ 14  พล.อ. สุรยุทธ จุลานนท์ 

 

ความสงบสงัดภายในแห่งจิตที่ลึกซึ้ง ปรากฏทางอิริยาบถ เรียบง่าย ไร้ยศศักดิ์ ไร้อำนาจ วางตนตามสบายเสมือนสามัญชน มีความเฉียบขาดรุนแรง เป็น ภาคส่วนควบคู่กับความละมุนละไมอ่อนโยนอันปรากฎภายนอก มีสองบุคลิกภาพที่ประสานสอด คล้องในเป้าหมายแห่งธรรมเดียวกันอย่างน่าสนใจยิ่ง ภาพการเดินป่า การปลีกวิเวกในแดนไกลที่ สงัดสงบ บอกไปถึงจินตนาการเหนือโลก และความหน่ายต่อโลกธรรม คือนิพพิทาญาณ

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 15  สุดารัตน์ เกยุราพันธ 

 

ในฐานะ นักการเมือง และนักบริหารหลายกระทรวง และล่า สุดในฐานะ รมว.สาธารณสุข สามารถนำความหมายทางธรรมะมาสู่การบริหารได้ตรงแทบทุกเรื่องทุกโครงการ เส้นทางชีวิตและการงานการเมือง เต็มไปด้วยความขัดแย้งและอุปสรรค แต่สามารถบริหารได้นุ่มนวล มีอารมณ์จิตใจเยือกเย็น วางอารมณ์จิตใจเป็นกลาง นิ่งสม่ำเสมอ ทำงานด้วยความสุขมั่นในหลักการทางโลก เชื่อว่าถูกหลักการทางธรรม นั่นคือ อสาธุ สาธุนาชิเน : ธรรมะ ย่อมชนะ อธรรม มุ่งหมายต่อความสุขของผู้อื่น วางใจในธรรมะ ไม่สับสน เมื่อทำโครงการ ๓๐ บาททุกโรค รณรงค์หยุดสูบบุหรี่ หยุดยาเสพติด รับสนองโครงการตามพระดำริของทูลกระหม่อมฟ้าหญิง อุบลรัตน์ฯ To Be Number 1 โครงการเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพมวลชนขนาดใหญ่ ที่สะท้อนถึงความ เข้าใจอันลึกซึ้งในความสุขและความทุกข์ของประชาชน

 

 

 

บุคคลที่ 16  ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก 

 

อดีตนางงามจักรวาล มีคุณค่าแห่งความงามสูงสุด ทั้ง โดยศาสนธรรมและจริยธรรม รักนวลสงวนตัว ดำรงคุณค่า มีชีวิตที่ทรงปัญญาฉลาด ทันเหตุการณ์ทันโลก ปรับตัวได้ดีตามสถานการณ์ทุกชนิด อยู่ในวงการอาชีพสากลระดับสูง (เคยจัดทำรายการ โทรทัศน์ต่างประเทศ ปรากฏทางจอแก้วของไทยอยู่ระยะหนึ่ง คือรายการ 60 MINUTE IN

THAILAND

 

ช่อง ๙,๑๑ มิย. ๒๕๔๒, ๒๑.๐๐ น. เจาะข่าวสาธุคุณมูน แม้แต่คนใน ครอบครัวก็ไม่ เชื่อว่าเป็นตัวแทนพระเจ้า แท้จริงเป็นนักบวชลวงโลก เป็นนักต้มตุ๋น ดูดีเล่มที่ ๑๘, กย.-ตค. ๒๕๔๒ หน้า ๓๕) เมื่อวัตถุนิยมตีคุณค่าออกมาเป็นเงิน จึงมีมูลค่ามหาศาลที่สุดเท่าที่มีในโลกนี้ ดำรงตน สง่างามด้วยคุณงามความดีของเบญจกัลยาณีโดยแท้ มีความกล้าหาญและมั่นใจยากจะมีสตรีใด เทียม สามารถจะเป็นมนุษย์สากลได้ในโลก มีความเป็นไทยและชาวพุทธ ในระดับที่เอาตัวรอดและดำรงความเป็นไทยได้อย่างสมบูรณ์

 

 

 

บุคคลที่ 17  ทักษิณ ชินวัตร 

 

 

มีจิตใจกว้างใหญ่ไพศาลมาก ว่างเปล่า ภาพพบประชาชนชาว ประมงกลางลำน้ำมูลสะท้อนความหมายนี้ชัดเจนขึ้น เข้าใจความทุกข์ของประชาชนและประเทศ ชาติอย่างลึกซึ้ง เห็นได้จากการปลดหนี้ไอเอ็มเอฟ.จำนวนสุดท้าย ๑๔,๕๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐหรือ ๒๐๘,๐๐๐ ล้านบาท ตามคติพุทธธรรมว่า "อิณาทานํ ทุกขํ โลเก (การเป็นหนี้เป็นทุกข์ในโลก) บ่ง ถึงเกียรติภูมิ เอกราชและอิสรภาพทางการเศรษฐกิจของชาติ อันบอกไปถึงหลักธรรมแห่งการ ปลดปล่อยตนเองจากความเป็นทาส จิตใจที่รักเอกราช อิสรภาพโดยแท้จริง แนวการมองโลก ๒ ด้านคือด้านมืดกับด้านสว่าง มีความชัดเจนและเด็ดขาดด้วยจักษุแห่งธรรมที่แจ่มแจ้ง นโยบาย ปราบปรามยาเสพติดอย่างรุนแรง บ่งไปถึงการมองที่ชัดเจนแจ่มแจ้งในด้านมืดแห่งสัจธรรม และ เลือกการต่อสู้และเครื่องมือที่เหมาะพอกันกับด้านมืดแห่งสัจธรรมนั้น และอีกส่วนแห่งพฤติกรรม นั้น บ่งถึงเมตตาจิตและความเห็นอกเห็นใจ และความยุติธรรมอย่างลึกซึ้ง ในด้านสว่างแห่งสัจธรรมวาทะแห่งปีที่ฟังสง่างามเลิศหรูอย่างแท้จริง ที่สอดคล้องสัจธรรมว่าด้วยหลักกรรมใน พระพุทธศาสนา ก็คือ "ผู้ทำความดีย่อมได้รับรางวัล ผู้ทำความเลวย่อมถูกลงโทษ" และ มิใช่ เพียงวาทะ แต่ทำกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ให้ตรงเป็นเส้นเดียวกัน ปรากฏในงานปราบปรามยาบ้าขณะนี้

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 18  ปวีณา หงสกุล 

 

อุดมการณ์ที่แน่นอน เมตตาที่กว้างใหญ่ ทำงาน บริสุทธิ์ใจเพื่อ สตรี และเด็กๆ ด้วยความเสียสละ แม้ว่าเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับเด็กและสตรีที่เป็นเหยื่อ และมีไม่น้อยที่เด็กและสตรีเหล่านั้นกลายเป็นเหยื่อด้วยความโง่เขลาของตนเอง ที่น่าเมินเสียให้รับผลกรรม อันโง่เขลาของตนเอง ก็ปฏิบัติไปได้อย่างไม่รังเกียจ เสมอต้นเสมอปลาย อันบ่งบอกถึงธรรมปฏิบัติเป็น อัปมัญญา ไม่เลือกสรรในการกระทำความดีต่อผู้ใด ไม่รู้ความสิ้นสุดของงานแห่งความดี ไม่อาจจะประมาณได้ว่างานการแห่งความดีจะมากจะน้อยเพียงใด แต่ใจก็อธิษฐานปฏิบัติอย่างเสมอหน้า ฝ่าฟันไปไม่มีกำหนด และมีความสุขความพอใจในความเป็นตัวของตัวเอง และโดยธรรมะ แห่งความปล่อยวางและ อุเบกขา

 

 

 

บุคคลที่ 19  โจนัส แอนเดอร์สัน 

 

ชีวิตอนาคาริกผู้มีความไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่โลภ พอใจใช้ชีวิตเรียบง่าย มีความสุขเพราะการไม่ยึดมั่นถือมั่น มีความอ่อนโยนละมุนละไมในจิตใจมาก เป็นส่วนหนึ่ง แห่งศิลป์ของเขา การฟ้อนแบบฉบับอีสานดูซื่อตรง สุจริต ดูเก้งก้าง ร้องเพลงภาษาลิ้นไพเราะทั้งไทยกลางและไทยอีสาน แต่ไพเราะด้วยความจริงใจในความหมายแห่งท่าทีและถ้อยคำภาษา ทำให้ภาพออกมาดีเป็นคุณธรรม มีความตรงปราศจากเสี้ยนหนามในจิตใจ ฉลาดในการแสวงหา ประโยชน์โดยชอบธรรมให้แก่ตัวเอง สำเนียงเพลงที่ร้องบ่งบอกถึงความเข้าใจในมนุษย์อย่างลึกซึ้ง และพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่นตามพระบรมศาสโนวาทที่ว่า พหุชนหิตายะ พหุชนสุขายะ มีความสุขและพอใจในการรับใช้สิ่งที่ถูกต้องโดยสม่ำเสมอเป็นปกติวัตรส่วนตน

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 20  ดร.เสรี วงศ์มณฑา  

 

ความรอบรู้กว้างขวางทุกเรื่องราวของมนุษย์ ทุกสาขาวิทยาการ ยุคใหม่ เป็นทางแห่งความเข้าใจไปถึงความรู้สึกนึกคิด หรือนามธรรมอันเป็นพื้นฐานทางรูปธรรม ของวัฒนธรรมสาขาต่างๆอย่างลึกซึ้งถึงธรรมชาติ ไม่มีอคติในการวิเคราะห์ปัญหาใดใด ตรงไปตรงมาตามเหตุและผลทางวิชาการ อันบ่งถึงธัมมวิจยสัมโพชฌงค์อันละเอียดอ่อน ใจนิ่ง ไม่หวั่นไหว มีความเข้าใจความเป็นมนุษย์ลึกซึ้ง เป็นกัลยาณมิตรที่แท้จริงของคนทั้งหลาย

 

 

 

บุคคลที่ 21  เด๋อ ดอกสะเดา  

 

ในขณะที่แวดล้อมชุลมุนวุ่นวายไปหมด เด๋อ ดอกสะเดา กลับนิ่งได้ สนิทอยู่ภายในและสติราบเรียบไม่มีขาดกระเสนกระสาย มีความสงบในท่ามกลางความวุ่นวาย และมีความสุขในท่ามกลางความขาดแคลน มองเขาจากงาน ที่ปรากฏผ่าน รายการต่าง ๆ ทางจอแก้ว เด๋อ ดอกสะเดาและชาวคณะ ไอทีวี และ เวทีไท ช่อง ๙ และท่ามกลางหมู่เพื่อน มิตร สหายที่ร่วมการงานร่วมทุกข์ร่วมสุขของเขา เห็นชีวิตที่ปราศจากวิตกหวาดหวั่น มีวิสัยทัศน์การ มองคนทั้งหลายที่เป็นธรรม และให้ความยุติธรรม ปราศจากอคติ วิถีชีวิตราบคาบ เดินไปอย่าง ไร้กังวลและทะเยอทะยานเกินตัว มองสัจธรรมแห่งชีวิตได้ถึงปลายสุด เข้าใจอนิจลักษณะแห่งโลกทั้งหลายได้ดีเยี่ยม ชีวิตมีความพอเพียงและความสุข

 

 

 

บุคคลที่ 22  สุนีย์ สินธุเดชะ 

 

สามารถเชื่อมหลายวงการทั่วถึงด้วยใจอันว่างเปล่า ประสานความคิด ประสานอุดมการณ์ส่วนตัวไปได้อย่างสม่ำเสมอ คงเส้นคงวาในการปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างของครู อาจารย์ผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ปรารถนาดีต่อลูกศิษย์ซึ่งสะท้อนถึงเมตตาธรรมโดยแท้จริง และเส้นทางนั้น กล้าหาญในการนำไปในทางที่ถูกต้องตามธรรมตามจริยาแห่งศาสนา มีความฉลาด สติปัญญา และความกล้าหาญ เอาตัวรอดได้จากทุกข์จากปัญหา มีความสุขความพอใจในผลงานเสมอ เนื่อง เพราะเข้าใจธรรมชาติแห่งทุกข์ อนิจจัง และ อนัตตา ในสรรพชีวิต สรรพธรรมสรรพสิ่ง และทั้งวางตนอยู่บนอุเบกขาญาณได้ จึงพ้นทุกข์พ้นปัญหา มีความร่าเริงและมองโลกใสสว่าง

 

 

 

 

 

  บุคคลที่ 23  ดร.วิพรรธ์  เริงวิทยา 

 

  ทุกวันศุกร์ ก่อน ๐๗.๐๐ น. พบ ดร.วิป "เสริมปัญญากับดร.วิป" ดร.วิปไปเมืองจีนได้แนะนำชาวจีนว่า เป็นยุคหัวเลี้ยวหัวต่อของโลก จีนเป็นแม่บทวัฒนธรรม หาก เน้นวัฒนธรรมสุรุ่ยสุร่ายแบบอเมริกา ชีวิตจะไม่มีความสุข แต่ถ้าเน้นวัฒนธรรมเพียงพอ จะเพิ่ม ความสุข ดร.วิป เคยอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษหลายปี เล่าว่าเมื่ออยู่อังกฤษคราววัยรุ่น ๆ ๓๐-๔๐ ปีมาแล้ว มีความสุข แต่ทุกวันนี้ มีแคชมากแต่กลับยากจน แนะว่า จีดีพี [GDP] นำความ ทุกข์ แต่จีเอนเอช [GNH] นำความสุขมาให้ ท่านพูดว่าจีเอนเอชมีอยู่ในเมืองไทยนี้มากที่สุด ท่านพูดถึงครูว่าครูสมัยนี้เป็นครูขี้เกียจ ออกข้อสอบมีช้อยส์ แต่ก่อนมีวิชาย่อความเรียงความ ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ แต่ครูสมัยนี้ขี้เกียจตรวจ จะทำก็ทำได้แต่ขี้เกียจ เรื่องหุ้น ท่านเสนอว่า อย่าซื้อหุ้นเป็นจำนวนมาก

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 24  อำนวย สุวรรณคีร 

 

รายการพุทธิธรรมนำทาง ช่อง ๙ ทุกวันอาทิตย์ (ประมาณ ๐๖.๐๐ น.) ปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน โดยคติและความเข้าใจเป็นอย่างดีว่า การงานคือการปฏิบัติธรรม และปฏิบัติโดยเทคนิค รู้เทคนิคชั้นลึกซึ้ง เห็นได้จากรายการพุทธิธรรมนำชีวิตที่เป็นเรื่อง สูงคือสมาธิ สามารถผสมผสานงานปฏิบัติธรรมได้หลายแบบ มีความตรงและนุ่มนวลในการปฏิบัติ และความสม่ำเสมอ ได้เหตุผลในเชิงปฏิบัติมาก งานการสอนสมาธิได้รับการมองว่า เป็นสิ่งที่ เหมาะสมแก่คนยุคใหม่อย่างไร เป็นวิทยาศาสตร์ทางมรรคผลอย่างไร

 

 

บุคคลที่ 25  สมัคร สุนทรเวช 

 

มีความตรงมานานโดยสม่ำเสมอ และสามารถเอาความตรงไปในวิถีทางที่ยากลำบากคือการเมืองทั้งในระดับชาติและระดับมหานครท้องถิ่นคือกรุงเทพมหานคร เอาตัวรอดมาอย่างสง่างาม มีความดีที่น่าเลื่อมใส แม้ระยะหลังที่สุดที่บริหารจัดการในฐานะผู้ว่าการกรุงเทพมหานคร ก็แสดงออกซึ่งความตรงไปตรงมาตามธรรมคือ อุชุปฏิปันโน (มี ๔ อย่างคือ สุปฏิปนฺโน ปฏิบัติดี, อุชุปฏิปนฺโน ปฏิบัติตรง, ญายปฏิปนฺโน ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเครื่องออกจากทุกข์แล้ว และ สามีจิปฏิปนฺโน ปฏิบัติสมบูรณ์เพียงพอ ทำเหตุแห่งความดีให้พร้อมแล้ว) ตาม หลักพระพุทธศาสนา อันเป็นหลักความประพฤติที่ยากที่คนจะปฏิบัติได้อย่างแท้จริงสม่ำเสมอ ชีวิตมีวิถีทางเข้ม ประกอบด้วยสติปัญญาความอดทนอย่างสูง และมีความสุข รู้ธรรมแห่งการ ปล่อยวาง ความไม่ยึดมั่นถือมั่น วางแผนชีวิตก็เป็นไปตามธรรมเอาเป้าหมายพระธรรมไว้ภายหน้า

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 26  พ.อ. นพ.พงศักดิ์ ตั้งคณา 

 

  พ.อ. นพ.พงศักดิ์ ตั้งคณา เล่านิทาน ๓ เรื่องๆที่ 1 เรื่องบริษัทค้าโลงเอาโลงไปส่งในเวลากลางคืน ขณะรถปิ๊กอัพวิ่งไปเกิดฝนตก คนขนโลงก็เปิดฝาโลง เข้าไปนอนหลบฝนข้างในโลง พอปิดฝาโลงไว้แล้วก็หลับไป ไปได้ระยะหนึ่งก็มีคนโบกรถขอไปด้วย4 คนพากันนั่งขนาบสองข้างของโลง ไม่นานคนขนโลงตื่นขึ้นก็จะออกจากโลงมาข้างนอกกำลังเอื้อมมือดันฝาโลงออกมา คน ๔ คนที่โดยสารมาด้วยก็เห็นพร้อมๆกัน เป็นมือโผล่ออกมานึกว่ามือศพ คิดว่าคนตายกำลังจะฟื้นขึ้นมาเป็นผีหลอก ต่างก็ไม่รอช้าลืมไปว่ารถกำลังวิ่งไปด้วยความเร็วสูง พากันกระโดดรถออกไปตามๆกัน ไม่ทราบว่าเป็นหรือตายหายไปกับความมืด รถวกกลับมาอีกที ขายโลงได้อีก ๔ โลง นิทานเรื่องที่ ๒ มีคนป่วยคนหนึ่งอยู่เตียงข้างๆขอบหน้าต่าง ทุกเช้าเขาจะ เล่าเรื่องให้คนป่วยที่อยู่รอบๆตัวฟัง ว่าเขาเห็นนกสีขาวงดงามบินมา พวกมันผ่านมาเป็นฝูงๆ ฝูง แล้วฝูงเล่ามากมายเต็มท้องฟ้า บางวันเขาก็เล่าว่าเขาเห็นดอกไม้กำลังบานสะพรั่งไปหมดที่ขอบ สระไกลๆ มีสีต่างๆเช่น สีแดง ฟ้า ชมพู เขียว ขาว สีหมอกและอินทนิล เขายังเล่าว่า เห็นเมฆ ก้อนใหญ่ๆเลื่อนลอยมาและยิ้มให้เขา จะมารับเขาไปท่องเที่ยวแดนไกลๆ แล้วเมื่อเขาตายลง คน ไข้คนหนึ่งมาทีหลัง ก็อยากเห็นวิวสวยงามที่เขาเล่าให้ฟังจึงขอไปนอนที่ๆเขานอน แต่เขาก็ไม่เห็น อะไรสวยๆงามๆเหล่านั้นเลย คุณหมอจึงบอกเขาว่า คนๆนั้นเป็นคนตาบอด สิ่งที่เขาเล่านั้น เขาไม่ได้มองเห็นด้วยตา แต่เป็นจินตนาการของเขา ฟังจบคนไข้คนนั้นก็สะอื้นแรงๆ เขานึกในใจว่า โอแม้จะตาบอดเขาก็ยังมีน้ำใจที่ยิ่งใหญ่เพราะเขามีความปรารถนาเพียงอย่างเดียวคือให้ผู้อื่นมีความสุข นิทานเรื่องที่ ๓ มีเด็กชายอายุ ๑๐ ขวบคนหนึ่งไปโรงเรียน แม่ของเขาป่วยอยู่โรงพยาบาล หลายวันแล้ว วันหนึ่งมีคนแก่ใจดีมอบดอกกุหลาบดอกใหญ่สีขาวให้เขาดอกหนึ่ง เขามีความสุขมาก คิด ว่าดอกไม้แสนสวยน่ารักเหลือเกิน จะรีบเอาไปให้แม่ๆเห็นก็คงจะชอบเช่นเดียวกันและอาจทำให้แม่หายป่วย ก็รีบกลับบ้าน พอเดินมาถึงกลางทาง มีรถยนต์คันหนึ่งที่ขับโดยคนเมาก็แหกทางเข้า มาชนเด็กชายถึงแก่ชีวิต เพื่อนเขาคนหนึ่งรู้ข่าวทีหลัง ก็ไปเยี่ยมที่หลุมฝังศพ พบว่าที่หลุมฝังศพมีดอกกุหลาบสีขาวดอกนั้นวางอยู่ เพื่อนเขาก็ร้องไห้ เพื่อนเขาเอ่ยขึ้นว่า คนเมาอย่าขับรถเลย สงสารคนดีบริสุทธิ์อย่างเพื่อนของเราบ้างเถิด 

 

 

หนังสือพิมพ์ดี  จึงมีความยินดีขอบันทึก แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต, ทรงชัย รัตนสุบรรณ, วีระ นุตยกุล, พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์, สุดารัตน์ เกยุราพันธ์, ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก, ทักษิณ ชินวัตร, ปวีณา หงสกุล, โจนัส แอนเดอสัน, เสรี วงศ์มณฑา, เด๋อ ดอกสะเดา, สุนีย์ สินธุเดชะ, ดร. วิพรรธ์ เริงวิทยา, อำนวย สุวรรณคีรี, สมัคร สุนทรเวช และ พ.อ. นพ.พงศักดิ์ ตั้งคณา ว่าเป็นบุคคลแห่งปีพุทธศักราช ๒๕๔๕ ของหนังสือพิมพ์ดี ไว้ ณ ที่นี้

 

 

  • บทบรรณาธิการดีเล่มที่ 28

 

 

 

 

 

 

 

 

 

บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี

พุทธศักราช  

2546

 

ต่อไปนี้ ก็เป็นวาระที่หนังสือพิมพ์ดีจะประกาศบุคคลแห่งปี 2546 ของหนังสือพิมพ์ดี

          ในปีนี้ เราสามารถค้นพบบุคคลแห่งปีจำนวนมากถึง 18 คน การที่เราพบบุคคลแห่งปีมีจำนวนมากขึ้นไปเรื่อย ๆ นี้ เป็นสิ่งที่พอใจยินดีของเรา เพราะหมายถึงมีคนดีจำนวนมากในสังคมของเรา และคนดีจำนวนมากเท่าไร ยิ่งมีความหมายต่อความดีงามในสังคมเพิ่มขึ้น เรามีมาตรฐานการ ประเมินบุคคลแห่งปี โดยหลักการศาสนธรรมเป็นหลัก เป็นการสำรวจจากภาคภายในตามวิธีการของเรา ฉะนั้นเราจึงไม่จำเป็นที่บุคคลแห่งปีของเราจะจำกัดอยู่เฉพาะคนไทย หรือชาวไทยพุทธเท่านั้น เพราะเรามองคุณธรรมเป็นหลัก และเรามีความยินดีที่จะประกาศชื่อบุคคลต่อไปนี้ ว่าเป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี ตามลำดับคุณธรรมที่เราค้นพบ 

 

 

 

 

บุคคลที่ 27  ดร.นันทสาร สีสลับ

 

รองอธิการบดี(รักษาการณ์อธิการบดี)มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งโลก

เป็นผู้มีหลักการพระพุทธศาสนธรรมในพระพุทธศาสนาสำหรับนำการปฏิบัติงานในองค์การ หรือสถาบันอยู่ตลอดชีวิตเอาหลักการหลักธรรมเป็นประจำวิถีชีวิตส่วนตนอีกด้วย จนกล่าวได้ว่าเป็นตัวหลักการเอง หลักการพุทธอยู่ในตัวเองโดยธรรมชาติตลอดเวลา ดร.นันทสาร สีสลับ เป็นผู้ทำคุณประโยชน์แด่พระพุทธศาสนาอย่างมหาศาลมากมาย โดยได้อุทิศมาตั้งแต่เด็ก มีวิถีชีวิตไปตามสัญชาตญาณนักเผยแผ่สร้างสรรค์ทางระบบพระพุทธศาสนา เป็นชีวิตอัตโนมัติ ได้ทำงานสำคัญระดับโลกพระพุทธศาสนามาอย่างเงียบ ทำงานเบื้องหลังองค์พระปฏิมา 

 

 

 

 

 บุคคลที่ 28  ดาวใจ ไพจิตร  

 

นักร้องเพลงพระพุทธศาสนา

 เป็นการขับร้องด้วยจิตวิญญาณที่บูชาพระพุทธศาสนาที่แท้จริง เพลงที่มีความไพเราะทั้งสิ้น เพื่อความงามแห่งพระพุทธศาสนาแสดงการขับร้องตามหลักธรรม ที่นำจิตใจไปสู่ความเย็นสงบและได้รับรสของความสงบแห่งจิตใจเป็นผู้ที่มีบุคลิกภาพนุ่มนวลแฝงความมั่นใจ ไม่คลอนแคลน มีความเย็นแห่งความกรุณา ที่ผายแผ่ออกไปในน้ำเสียงที่ขับร้อง

 

 

 

 

บุคคลที่ 29  ร.อ.ประยงค์ สุวรรณบุปผา 

 

 ตอบคำถามปัญหาธรรมะในพระพุทธศาสนาทุกปัญหา ทั้งระดับปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธ ผ่านเวบไซท์ขององค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลกเป็น ประจำวันมีนัยแห่งปัญหาระดับโลกธรรมและโลกุตตรธรรมอย่างละเอียด สามารถอ้างอิงหลักฐาน ที่มาที่ไปได้ชัดเจน กระจ่าง จนอาจกล่าวได้ว่าเป็นแหล่งค้นหาธรรมได้ทุกระดับ และท้าทายความสงสัยในธรรมะของพระพุทธศาสนาทุกประการของคนสมัยใหม่และสมัยเก่า

 

 

 

  

 บุคคลที่ 30  ศาสตราจารย์รังสรรค์ แสงสุข  

 

อธิการบดี ม.รามคำแหง 

มีความมั่นใจในวิชาการ มั่นใจในงาน ที่เสียสละและการริเริ่มที่ดี ท่านไปโฆษณาที่อเมริกา ชักชวนคนไทยและคนอเมริกันที่อเมริกาให้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยระบบทางไกลและสื่อการเรียนสมัยใหม่ ว่ามีการจัดระบบการเรียนทางสื่อที่ดีที่สุดของมหาวิทยาลัยโลก เคยให้คำแนะนำนักศึกษาสาว ๆ ว่า ควรแต่งกายให้ เรียบร้อยอย่าทำให้คนอื่นปวดหัว และ เสียสมาธิ

 

 

 

 

บุคคลที่ 31 สนธิ ลิ้มทองกุล  

 

นักหนังสือพิมพ์ และการสื่อสารมวลชนที่มีชื่อเสียง 

มีบุคลิกภาพมั่นคง มีจุดยืน รายการเมืองไทยสุดสัปดาห์ของช่อง 9 บ่งถึงอิสรภาพในวิชาการ จุดยืนอันเป็นอิสระ ปราศจากอคติ 4 บ่งถึงความเข้าใจสัจธรรมแห่งชีวิต เข้าใจสัจธรรมการข่าว และหนังสือพิมพ์ เป็นหนึ่งในวงการนั้น เขาพูดว่า ไม่กลัวตำรวจ ในเรื่องการฟ้องร้องหมิ่นประมาท เพราะมันเป็นของธรรมดาในชีวิตนักหนังสือพิมพ์ เขาหมายความว่าทุกข์สุขเป็นเรื่องธรรมดาใน โลก เมื่อพบเผชิญอะไรก็เป็นเรื่องธรรมดา ไม่น่าแคร์อะไรแล้ว

 

 

 

 

บุคคลที่ 32 ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช

 

ส.ว.ขอนแก่น 

ฉลาดในการอิงหลักธรรม มีจิตมั่นคง ตรงตามพรหมวิหาร 4 มีความคล่องแคล่วตามหลักสัปปุริสธรรม 7 มีจิตถาวรในการสนับสนุนฝ่ายธรรมะพยายามดำรงธรรมะในจิตใจเอาธรรมะไปประสานเรื่องราวการปฏิบัติในชีวิตประจำวันทุกเรื่องมีความกล้าหาญ มีตปะธรรมหนักแน่นน่าเกรงขามปฏิบัติดีมีความมั่นใจบุคลิกภาพดีและวางตัวได้สมดุลย์ มีหลักการดำรงชีวิตที่ดีมีชีวิตครอบครัวที่น่าเลื่อมใสเป็นแบบอย่าง

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 33 จักรภพ เพ็ญแข 

 

เขาประกาศตัวเขาว่าเป็นชาวพุทธผู้หนึ่ง "ผมในฐานะเป็นชาวพุทธผู้หนึ่ง" ออกมาค่อนข้างดัง และแฝงความหมายอันลึกซึ้ง และโลกคงได้ยินเสียงเขาเมื่อพูด ในรายการโทรทัศน์ ว่าด้วยเรื่องราวการต่างประเทศเป็นผู้ที่มีความคิดอ่านดีและมีผลงานทางมันสมองที่บ่งถึงปฏิกริยาแห่งอิทัปปัจจยาการตลอดสาย มีความปลอดโปร่ง ร่าเริงและมีมนุษยสัมพันธ์อันละเอียดอ่อนมีความรักในอิสรภาพและเคารพในความเป็นมนุษย์ของคนทั้งหลาย

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 34  ถั่วแระ เชิญยิ้ม 

 

ทำงานเสียสละด้วยจิตสำนึกอันสูงส่ง ในการเชียรกีฬาไทยไปทั่วโลกเป็นผู้มีความเปล่าเปลี่ยว วิเวก แม้อยู่ในท่ามกลางเสียงอันอื้ออึงของการแข่งกีฬา อันน่าตื่นเต้นชีวิตมาถึงความปลงได้อย่างสนิท เขาได้ค้นหาตัวเอง และชีวิต มองว่าชีวิตควรเป็นไปตามใจที่ ปรารถนาและค้นหาว่าใจปรารถนาอะไรแน่ และตั้งใจค้นไปจนกว่าจะพบ ว่าตัวเองคืออะไรปรารถนาอะไร และเขาเริ่มจะเข้าใจตัวเองไปเรื่อย ๆ นั่นหมายถึง ความเข้าใจชีวิตไปเรื่อย ๆเพิ่มความสุขสงบแก่ชีวิตไปเรื่อย ๆ

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 35  พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ 

 

ท่านรักษาความสงบและลดอัตตาตัวตน คบหากับคนได้ทั่วโลกโดยอิสระ ไม่เลือกชั้นวรรณะ ชาติ และศาสนา และดำรงบุคลิกภาพของสุภาพบุรุษ เป็นแบบของผู้ดีชาวไทย ชาวพุทธได้สม่ำเสมอ มีอำนาจจิตอันละมุนแกร่งกล้า จิตอยู่ในภวังค์แห่งความเหนื่อยหน่าย มีนิพพิทาญาณ มีวิราคะธรรม ผลงานล่าสุดคือรักษาการณ์ ความสงบของประเทศไทยระหว่างมีการประชุมเอเปค ซึ่งบอกถึงวิถีทางภายในของท่าน

 

 

 

 

บุคคลที่ 36  วัน มูหะมัดนอร์ มะทา 

 

มีวิสัยทัศน์เป็นสากล เป็นกันเองกับคนทั้งหลาย ไม่ถือ เนื้อถือตัว ไม่มีความเก็บกด รักสันติและสันติภาพในจิตใจลึกซึ้ง มีความเปล่าเปลี่ยวในอารมณ์ ความรู้สึกและมั่นคงต่อธรรมะ คือความจริงใจและความเป็นจริง ไม่มีความสงสัยในพระเจ้า มุ่ง สร้างประโยชน์โดยสันติวิธี มีความเป็นผู้นำการปฏิวัติสูง เป็นมุสลิมที่มองตรงความจริงตามกฎ แห่งธรรมชาติ มีผลงานทางการปกครองภาคใต้ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

 

 

 

 

บุคคลที่ 37 ภราดร ศรีชาพันธ์  

 

นักกีฬาไทย ผู้ตระเวรไปทั่วโลก สู้สิบทิศ ด้วยใจคอกล้าหาญ และสุภาพเด็ดเดี่ยว ขณะนี้ได้เกรดเป็นมือเทนนิสมือที่ 11 ของโลก คุณธรรมบุคคล แห่งปี ที่เห็นสม่ำเสมอมาก็คือ คุณธรรมนักกีฬาที่แท้จริง รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย และหมายถึงเกมส์แห่งชีวิตเกมรักของเขาด้วย กรณีเขากับนักร้องสาวไทยอัจริยะ อมิตตา ทาทา ยัง คนนั้น ที่ จบลงด้วยดอกกุหลาบสีขาว วางที่สนามกีฬา เมื่อได้ชัยชนะ ก็ด้วยฝีมือที่ฝึกปรืออย่างเต็มที่ มี หลักการตามวิทยาศาสตร์การกีฬา น่าเป็นแบบอย่างนักกีฬาทั้งโลก

 

 

 

 

 บุคคลที่ 38  แทมมารีน ธนะสุกาญจน 

  

นักกีฬาไทย ผู้ตระเวณไปทั่วโลก สู้สิบทิศ มีความสันโดษในจิตใจมาก มีหลายทัวนาเมนท์ที่แทมมารีน ท่องเที่ยวไปเพียงคนเดียว ไม่มีแม้เพื่อนและ โคช แบบวีรสตรี เหมือนนกที่บินไปโดยอิสระในน่านฟ้ากว้างใหญ่ สู้กับตนเอง อย่างโดดเดี่ยว และเอาชนะได้ มีความสุขความพอใจ มีพลังความกล้าหาญจากความเห็นแจ้งในอริยสัจ คือความเป็นธรรมดา

 

 

 

 

บุคคลที่ 39 ทอดด์ ทองดี 

 

อนาคาริกะ ผู้มีชีวิตอยู่เพื่อการศึกษาเรื่องราวของมนุษย์ เขามิได้แสวงหาสิ่งใด นอกจากความรู้แจ้งในเรื่องมนุษย์ มีวิธียังสังขาร หรือชีพอยู่อย่างฉลาดในวิถีทางที่สูงส่งสะอาด ที่ไม่ดูแคลนอารยธรรมของมนุษย์มีเสียงดนตรีประหลาดในดวงใจเป็นคู่ชีวิต

 

 

 

 

บุคคลที่ 40 ไตรภพ ลิมประพัทธ์ 

 

บุคลิกภาพมั่นคง คงเส้นคงวาในจุดยืนของตนเอง มีความคิดจิตใจสูง มีความคล่องตัวอย่างสุภาพ ชีวิตมีเกียรติ์ สง่างาม มีจุดยืนบน วิหารธรรม มีธรรมะเป็นยุทธศาสตร์แห่งชีวิต และมีความเฉลียว ฉลาดพอที่จะใช้กลยุทธหลายหลาก มียุทธวิธีหลายหลาก มีความคิดอ่านหลายหลาก งานประจำวันของเขาบอกให้รู้ว่ามีความเข้าใจโลกในธรรมะ และธรรมะในโลก

 

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 41  สรยุทธ สุทัศนะจินดา  

 

เอานักเรียนมาเถียงกันเรื่อง เพิ่ม จีพีเอ ในรายการของเขา ช่อง 9 เมื่อ 22 ธ.ค. 46 ทำให้เห็นความคิดอ่านของเด็ก และซึ้งใจในวาทะของเด็กที่ว่า "สิ่งของไม่มีความรู้สึก คนมีความรู้สึก" ดูเขามีความพอใจกับการเห็นเด็กโต้วาทีกัน เขามองว่าเป็นวิธีการ ลับและเพิ่มพูนสติปัญญาอย่างดีมาก สรยุทธ สุทัศนะจินดา เข้าไปศึกษาอย่างค่อนข้างใกล้ชิดกับปัญหาความสุขความทุกข์ของประชาชนกลุ่มต่าง ๆ เขามองปัญหาความไม่เป็นธรรมในสังคมค่อนข้างสูง ค่อนข้างสำคัญ หลังสุด เขาพยายามทำความเข้าใจอย่างจริง ๆ จัง ๆ ว่า อะไรเป็นความเป็นธรรมกรณีการตายของนายห้างทอง ธรรมวัฒนะ และ ปัญหานักศึกษาธรรมศาสตร์ถูกลูกหลงจากการไล่ตีกันของนักเรียนเกเรสองกลุ่ม เขาพยายามแสวงหาว่า อะไรคือความเป็นธรรมในกรณี เช่นนี้ นับว่ามีธรรมะประจำใจในระดับสูง มีธรรมะเป็นจุดยืนที่แน่นอน

 

 

 

 

บุคคลที่ 42  อุทัย พิมพ์ใจชน  

 

ประธานรัฐสภา 

ท่านพูดในรายการรัฐสภาของประชาชนเมื่อ 2 ม.ค. 2547 ว่า ระบอบการปกครอง กับ ความดีความเลว เป็นคนละเรื่อง ท่านเกรง ชาวไทยจะเข้าใจผิด ในเรื่องทางโลก และในเรื่องทางธรรม ท่านอธิบายว่า ระบอบเผด็จการก็ได้สร้างผลงานดี ๆ ไว้เยอะ อย่ามองว่าระบอบเผด็จการแล้วเลว ไปหมด แต่ต้องมองหาว่าระบอบทำอะไรเป็นผลดี ระบอบทำอะไรเป็นผลเลวออกมา ดูจุดอ่อนของระบอบแล้วพูดจุดอ่อนนั้น หรือ อย่าไปเข้าใจว่าระบอบประชาธิปไตย จะดีไปหมด ระบอบประชาธิปไตยสร้างผลงานเลว ๆ ก็มี สร้างความดีไว้เยอะ ๆ ก็มี ต้องมองว่าระบอบประชาธิปไตยสร้างความดีอย่างไร สร้างความเลวอย่างไร แล้วพยายามแก้ที่จุดอ่อน ต้องแยกให้ออก ระหว่างคุณภาพของระบอบ กับคุณธรรม ของระบอบ คติที่ท่านแนะให้เข้าใจระบอบประชาธิปไตยและวิธีปฏิบัติก็คือ พรรคเลือกคนประชาชนเลือกพรรค ซึ่งบอกให้ทราบว่าท่านเข้าใจธรรมะในองค์รวมและรอบด้านอย่างไร

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 43  นพ. สุรพงษ์ อำพันวงษ 

 

ความเป็นบุคคลแห่งปี เห็นได้จากรอยยิ้มที่สม่ำเสมอ ไม่เปลี่ยนแปลง ตลอดที่ทำรายการ ปัญหาชีวิตและสุขภาพ ของช่อง 9 มาหลายปี จนถึงปัญหา"ความหวานกับโรคฟันผุ" หลายปีติดต่อกันมาถึงวันนี้ ชีวิตมีจุดหมายปลายทางที่ลงตัว ไม่ดิ้นรนไปตามกระแส บอกถึงอุเบกขา ความเยือกเย็นแห่งธรรมะในจิตใจ ไม่คลอนแคลนมีพรหมวิหารธรรมยั่งยืนในจิตใจ

 

 

 

 

บุคคลที่ 44  รศ.พญ.ประสบศรี อึ้งถาวร 

 

ดูจากงาน ในรายการปัญหาชีวิตและสุขภาพ ของช่อง 9 พบ ความกระตือรือร้น โดยกริยาอาการแสดงออกบ่งถึงความใจอ่อน ใจเย็น ที่เอาใจใส่ในทุกข์สุขของ ประชาชน อย่างเอื้ออาทรลึกซึ้ง โดยความเป็นธรรมชาติ มีธรรมะอยู่ในกริยาอาการและมีความสุขความพอใจในงานช่วยให้คนทั้งหลายพ้นทุกข์ ชีวิตมีการอุทิศเพื่อเอื้อประโยชน์แด่ คนทั้งหลายโดยไม่คิดค่าตอบแทนใดใด มีความเบิกบานและมองไกลถึงฝั่ง ตั้งอุเบกขาได้มั่นคง

 

 

หนังสือพิมพ์ดี จึงขอประกาศบุคคลดังกล่าวคือ ดร.นันทสาร สีสลับ ดาวใจ ไพจิตร ร.อ.ประยงค์ สุวรรณบุปผา ศ.รังสรรค์ แสงสุข สนธิ ลิ้มทองกุล ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช จักรภพ เพ็ญแข ถั่วแระ เชิญยิ้ม พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ วัน มูหะมัดนอร์ มะทา ภราดร ศรีชาพันธ์ แทมมารีน ธนะสุกาญจน์ ทอดด์ ทองดี ไตรภพ ลิมประพัทธ์ สรยุทธ สุทัศนะจินดา อุทัย พิมพ์ใจชน น.พ.สุรพงศ์ อำพันวงษ์ ผศ.พ.ญ.ประสบศรี อึ้งถาวร ว่าเป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี ประจำปีพุทธศักราช 2546 และหนังสือพิมพ์ดีมี ความพอใจที่ได้ค้นพบคนดีในสังคมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และปีนี้มีถึง 18 ท่าน และขออำนวยพรให้ท่านทั้งหลายดำรงคุณงามความดีและเป็นที่พึ่งของประชาชนตลอดไป

 

  • บทบรรณาธิการดีเล่มที่ 30

 

 

 

 

 

   

 

บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี  

พุทธศักราช

2547

 

 

 

และลำดับต่อไปนี้ ก็เป็นวาระสำคัญ ที่หนังสือพิมพ์ดี จะประกาศบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี ประจำปีพุทธศักราช 2547 จากเป็นการบันทึกการเฝ้าตามดูบุคคลแห่งปี 2547 หนังสือพิมพ์ดี เราได้ค้นพบ และขอประกาศบุคคลต่อไปนี้ ว่าเป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี ดังต่อไปนี้

 

 

บุคคลที่ 45  กรุง ศรีวิลัย  

 

ดาราภาพยนต์ไทย มีผลงานการแสดงสม่ำเสมอ เมื่อวัยหนุ่มอยู่ รับบทเป็น พระเอกของภาพยนต์ไทยนับไม่ถ้วน ปัจจุบัน เลยวัยหนุ่มไปมากแล้ว ก็ยังคงรับงานแสดงอย่างซื่อสัตย์ ในงานอาชีพของการแสดงอย่างดียิ่ง โดยไม่เกี่ยงงอน ว่าจะเป็นละครตัวอะไรก็ได้ ไม่เกี่ยง วิถีชีวิตของ กรุง ศรีวิลัย บ่งถึงศักดิ์ศรีความเป็นนักแสดงอาชีพตลอดชีพ มีความซื่อตรงต่อวิชาชีพ เขามีทัศนะส่วนตัวว่า การแสดงเป็น เพียงการสวมบทบาทสมมติเท่านั้น ขอแต่ทำบทบาทของตนในแต่ละบทบาทให้สมบูรณ์ ไม่มีอัตตาว่าจะต้องเป็นพระเอกตลอดไปเท่านั้น หรือจำกัดตัวเองว่าต้องเป็นนั่นเป็นนี่ มีความเพียงพอ เข้าใจในสิ่งสมมติ แสดงถึงความฉลาดมีปัญญา ไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งสมมติ เป็นเหตุที่จำกัดตัวเองก่อทุกข์แก่ตัวเอง เขาเคยให้ทัศนะในเชิงไม่ เห็นด้วยและค่อนข้างจะต่อต้าน ต่อการแสดงเปลือย ๆ โป๊ะ ๆ ของดาราภาพยนต์ด้วยกัน ว่า ไม่สมควร ที่จริง เขามองไปถึงการเอาเปรียบกันในวงการอาชีพนักแสดง ฝ่ายที่พยายามเอาเปรียบ โดยละเมิดกฎศีลธรรมจริยา ของศาสนา และสังคมนั้น น่ารังเกียจ ไม่น่าที่สังคมจะให้ ความนิยมสนับสนุน ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในสังคมขึ้นมานั่นเอง และกรุง ก็ยึดในอุดมการณ์ไม่ เคยแสดงโป๊ะ เปลือย ๆ เช่นนั้น ไม่คิดเอารัดเอาเปรียบทาง การแสดง นับว่าเป็นหนึ่งของผู้มีอุดมการณ์แห่งจิตใจที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง 

 

 

 

 

บุคคลที่ 46  ถวัลย์ ดัชนี  

 

รอบรู้เชิงศิลปะการวาด โดยสามารถอธิบายนามธรรมในภาพวาดทั้งหลายเหล่านั้น ได้ทุกระดับ ในสากลโลก และล่าสุดแสดงผลงาน ไตรสูรย์ ของตนเองที่ล้ำเลิศด้วยความหมายแห่งนามธรรมในภาพวาดอย่างอลังการ ที่สมควรเป็นสมบัติทางพระศาสนาและทางโลกได้พอกันทีเดียว ระยะหลังมาแล้ว ฉายแววความพอใจในตัวเอง คือวิถีชีวิตของคน ๆ หนึ่ง ถึงจุดสูงสุดของความพอใจตนเอง นับถือตนเอง อย่างสูงสุด ด้วยเชื่อว่าตนเองแหละเป็นผู้ดีที่สมบูรณ์ ดังปรากฏในคำอธิบายตัวเขาเองตอนหนึ่งว่า "ระดับผม นี่ไม่มีหลักเกณฑ์แล้วล่ะ คือผมลอยไปแล้วน่ะ แต่ว่าถ้าเผื่อคนถามหลักเกณฑ์ ก็ยัง สามารถบอกได้ เพราะว่า หลักเกณฑ์มันต้องเป็นครูเล็ก ๆ อย่างที่สุธี (สุธี คุณาวิชยานนท์ ผู้ร่วมสนทนา)บอก ไม่ใช่ขนาดผม ผมนี่ใช้กำลังภายใน ดูรู้ แล้วเอาจิตเข้าไปสัมผัส รู้แล้วว่างานนี้มันยังไม่ถึงความรู้สึกมันไม่ส่งกระแสจิตมา พลังมันไม่สะเทือนสะท้านแม่เหล็ก พลังมันไม่ถึงเรา แต่ถ้าเผื่อมีคนมาถามก็ต้องบอกว่า เนี่ยนะกรรมการเขาก็ต้องมี 6 อย่าง เช่นConception, Emotion, Expression, Harmony, Individual, Technique แล้วก็มี Meaning มี Symbol อะไรต่ออะไร ซึ่งน่าเบื่อ...น่าเบื่อ เอาไว้ให้นกแก้ว หรือหมาที่มัดไว้ข้างถนนดีกว่า เพราะว่า เนื่องจากผมไม่ใช่เป็นครูแบบสุธี แต่ไอ้ตำรับตำราผมจำไว้ตั้งแต่ผมอยู่ ป.2 แล้ว เอาตีนพูดก็ได้(หัวเราะ)" เป็นคำพูดที่น่าฟังมากที่แฝงนัยความหมายอันลึกซึ้ง ยากที่คนจะเข้าใจได้ 

 

 

 

 

บุคคลที่ 47  ยายไฮ ขันจันทา  

 

กิ่ง อ.นาตาล จ. อุบลราชธานี เมื่อทางการสร้างเขื่อนขึ้นมา ที่ดินของยาย จำนวน 61 ไร่ได้หายไปในน้ำ จมน้ำอยู่เป็นเวลา 27 ปี ไม่ได้ทำนา ยายไฮได้ต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมกลับ มาจนสำเร็จ เพราะมีคนชอบธรรม เช่นท่านนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร และสื่อมวลชนที่รักความเป็นธรรม เช่นรายการถึงลูกถึงคน ของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา เห็นได้ว่า แท้จริงยายไฮใช้วิธีการของนักต่อสู้ด้วยจิตของ ธรรมะล้วน ๆ เมื่อถูกเอาเปรียบ โดยชั้นแรกยายต้องต่อสู้กับตัวเองอย่างหนัก นั่นคือ การต่อสู้กับความอ่อนล้า ท้อถอยของจิตใจตนเอง เพื่อสร้างใจตนเองให้เดินหน้าต่อสู้ แม้เพียงคนเดียวก็ยืนหยัด ยายประสบชัยชนะ ตนเองแล้วก็ก้าวไปสู่แผนงานชั้นที่ 2 นั่นคือมุ่งหมายเพียงเพื่อค้นหาคนดีที่มีจิตใจรักความเป็นธรรมในสังคม ยายถามตนเองว่า โลกสิ้นไปแล้วหรือซึ่งคนทรงธรรม โลกนี้ยังมีคนที่รักความเป็นธรรมอยู่อีกหรือไม่ ถ้ามีอยู่เขาจะต้องเห็นใจเรา ผู้ที่ต่อสู้เพียงเพื่อให้ธรรมะพอใจ ชั้นที่ 3 พบผู้นำของประเทศเพื่อยืนยันว่า สังคมต้องเป็นธรรม ชั้นที่ 4 อุทิศตนต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม ในสังคมต่อไป เห็นได้จากแสดงเจตนารมณ์ร่วมในโครงการนกเพื่อสันติภาพของสามจังหวัดภาคใต้ ในรายการถึงลูกถึงคนของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา แท้จริง ยายไฮ ไม่หวัง ได้รับชัยชนะตามแผนทุกขั้นตอน ไม่หวังผลไว้แต่เดิม โดยวางจิตอุเบกขา ชนะหรือแพ้ ไม่กังวล ยายได้ที่นา คืน ได้การยกย่องสนับสนุน จากคนในสังคม แต่สิ่งที่ยายพอใจคือ เห็นความเป็นธรรม ความยุติธรรมยังมีอยู่ในสังคม และมีคนที่เชื่อถือบูชาในคำสอนของพระพุทธเจ้าอยู่ในโลกนี้ นั่นเป็นสิ่งที่ยายไฮปรารถนาไว้เดิม เพียง เพื่อได้เห็นความเป็นธรรม เพียงเพื่อเห็นคนที่รักความเป็นธรรม ยายก็พอใจแล้ว และนี่คือการสะท้อนการต่อสู้ แบบนักธรรมะผู้ยิ่งใหญ่ด้วยการต่อสู้กับตนเองเป็นประถม จนชนะทุกสิ่งทุกอย่าง 

 

 

 

 

บุคคลที่ 48  เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์  

 

ผู้สร้าง วัดร่องขุน เป็นบุคคลที่ทรงคุณค่า สร้างสิ่งที่ทรงคุณค่าแก่โลก เป็นบุคคลิกภาพหนึ่งที่แม้ในตัวเองก็มีค่าอยู่ในตัวเองอย่างเอกอุแล้ว และ ทั้งยังผลิตสร้างล้วนแต่ สิ่งที่ทรง คุณค่า มาตลอดชีวิต และปัจจุบันก็ใช้ชีวิตอย่างแวดล้อมด้วยความมีคุณค่า วัดร่องขุน ที่ถูกสร้างมา 7 ปีแล้ว จวนเสร็จสมบูรณ์ในขณะนี้ บ่งถึงประสิทธิภาพแห่งชีวิต เป็นชีวิตที่ยิ่งใหญ่หาผู้ใดเปรียบปานได้ยากในสากลโลก แห่งโลกานุวัตร และมุ่งหมายทิศทางแห่งโลกุตระหรือธรรมานุวัตรอันเลิศลอยต่อไป 

 

 

 

 

บุคคลที่ 49  สุทธิชัย หยุ่น 

 

รอบรู้ในการสื่อสารมวลชน ฉลาดและมีปัญญาเท่าทันเหตุการณ์ ทั้งเชิงธุรกิจ และเทคนิกรอบด้านของงานอาชีพ มีวิถีทางของอาชีพของตนเป็นธรรมชาติที่สบาย ๆ มาตลอด ชีวิตช่วงหลังมานี้ บ่งถึงความลงตัว สมดุลในบุคลิกภาพ ที่พิเศษ น่าสนใจ ล่าสุด เขาแสดงความสะเทือนใจอย่างลึกซึ้ง ต่อกรณีนางมากาเรต ฮัสซัน ที่ถูกผู้ก่อการร้ายในอีรัคจับไปเป็นตัวประกัน เพื่อต่อรอง ให้กองทัพอังกฤษถอนตัวจากอิรัค แต่อังกฤษไม่ยอม เธอถูกฆ่าอย่างเหี้ยมโหด เพราะฆ่าแล้วแยกอวัยวะออกไปเป็นชิ้น ๆ น่าอนาถ สุทธิชัยหยุ่น สะท้อนอารมณ์ส่วนลึกซึ้งออกมาว่า ไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง ทั้ง ๆ ที่เธอทำประโยชน์ให้แก่ประชาชนชาวอิรัคเพราะมีสามีเป็นชาวอิรัค และเป็นผู้อำนวยการองค์การกุศล คือประธานองค์การแคร์ของอิรัค ซึ่งเป็นองค์การกุศลที่ช่วยเหลือคนยากไร้ในอิรัค มาถึง 3 ปีแล้ว แต่ผู้ก่อการร้ายก็ไร้เหตุผลจริง ๆ สุทธิชัย หยุ่น ว่า "ทำไมต้อง โหดเหี้ยมทารุณกับเธอขนาดนี้" แต่ในขณะเดียวกัน แสดงถึงอารมณ์เป็นกลางสม่ำเสมอ ดำรงตนเสมอต้นเสมอปลาย คืออุเบกขาอันเป็นคุณสมบัติของการข่าว นักการสื่อสารมวลชน หรือ Journalist ที่ทรงคุณภาพ ความ สามารถ ปราศจาก ความลำเอียง และทรงความเป็นธรรมต่อสังคม 

 

 

 

 

บุคคลที่ 50  มนตรี สินทวิชัย 

 

ครูยุ่น เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็ก ส.ว.สมุทรสาคร รอบรู้เรื่องเด็กไทยและ สตรีไทยรอบด้านทีเดียว มีมุมมองทั้งด้านดีและด้านร้าย ทั่วถึงเกี่ยวกับปัญหาเด็กและเยาวชน และ มองรอบ ด้าน มองรอบตัว กว้างขวางและในเชิงลึก เป็นบุคคลที่รอบรู้ในเรื่องเด็กและสังคมเด็กระดับลึกซึ้งละเอียดอ่อน โดยเข้าใจถึงอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของเด็กอย่างลึกซึ้ง และสร้างสรรค์ขึ้นเป็นอุดมการณ์ส่วนตัวในงานเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน ได้น่าไว้วางใจ ในกริยานั้น บ่งถึงความเมตตา และความห่วงใยอย่างจริงใจ มีความห่วงใย ความระวังกริ่งเกรง และมีความรับผิดชอบ การปรากฏตัวของครูยุ่นทุกครั้ง ไม่ว่าที่ไหน รวมทั้งการปรากฏตัวบนจอแก้ว เป็นการเห็นที่สร้างความหวังและความสบายใจแก่เด็ก ๆ และแก่สังคม เสมอมา การได้เห็นเขา คล้ายบท สมณานญฺจทสฺสนํ ในมงคล 38 ประการ แห่งมงคลสูตร บทเต็มว่าดังนี้ ขนฺตี จ โสวจสฺสตา สมณานญฺจทสฺสนํ กาเลน ธมฺมสากจฺฉา เอตมฺมํคลมุตฺตมํ ฯ ความอดทนก็ดี ความสงบเสงี่ยมใจเย็นก็ดี การเห็นสมณะ ก็ดี การฟังธรรมตามกาล ก็ดี เป็นมงคลอันสูงสุด 

 

 

 

 

บุคคลที่ 51  บรรหาร ศิลปอาชา  

 

อดีตนายกรัฐมนตรี รายการสะเก็ดข่าวของช่อง 7 รายงานเมื่อต้นเดือนธันวาคม 2547 นี้เอง ว่าสวนดอกทานตะวันในจังหวัดสุพรรณบุรี ที่ท่านบรรหาร เอาแบบมาจากจังหวัดสระบุรี เมื่อสามปีก่อน และนำมาดำเนินการให้สร้างสวนทานตะวันขนาดใหญ่ขึ้นในจังหวัดสุพรรณบุรีของ ท่าน บัดนี้ถึงเวลาออกดอกสะพรั่งทั่วทั้งไร่แล้ว คณะกรรมการบริหารสวนทานตะวันจังหวัดสุพรรณบุรี จึงได้เชิญท่านไปเปิดงานวันดอกทานตะวันบาน ท่านก็ปลาบปลื้มใจและเดินทางไป แต่พบว่างานเงียบเหงา ไม่มีแม้กระทั่งดนตรีสักชิ้น ธงสักผืน มีคนไปร่วมงานไม่กี่คน คณะกรรมการก็ดูเหมือนไร้ความรู้สึก ขาดการต้อนรับที่สมเกียรติ์ ไม่สมกับเป็นคนใหญ่คนโตของเมืองสุพรรณและประเทศชาติ ท่านก็บ่นอุบอิบแล้วพอได้เวลาเปิดป้ายท่านถาม ว่าป้ายอยู่ไหน ก็ไปเปิดป้าย แต่ที่ยืนกดปุ่มเปิดป้าย เขาทำ ให้หันหน้าออกมา หันหลังให้ป้าย ท่านบรรหารก็มองไม่เห็นป้าย ท่านกดปุ่มแล้วไม่ทราบว่าผ้าคลุมป้ายเปิดออกหรือเปล่า เปิดออกไปถึงไหนแล้ว ท่านก็ถามว่าป้ายเปิดออกแล้วหรือยัง กรรมการก็คอยบอก ท่านต้องถามแล้วถามอีกเพราะป้ายก็ติด ๆ ไม่เลื่อนไป ไม่ลื่นไหลเลย เป็นนาน ป้ายจึงเปิดออกเต็ม ท่านไม่พอใจก็หัวเสีย หน้ามุ่ย บ่นไปด้วย สีหน้าบ่งบอกความยุ่งยากใจ หลังจากนั้นคณะกรรมการบริหารสวนทานตะวันยังมีรายการพาท่านเดินชมสวนดอกทานตะวันที่สวยงามและอื่น ๆ อีกหลายรายการ ก็เชิญท่าน เดินชมสวน ท่านหัวเสียอยู่แล้ว และคงคิดวุ่นวายอยู่กับเรื่องการเมืองอยู่ด้วย ก็ บอกตัดทันทีว่า ไม่เอา ๆ แล้ว จะกลับละ แล้วท่านก็เดินไปขึ้นรถ บอกคนขับรถว่า กลับบ้าน ท่านก็เดินทางไป เราเห็นว่า ได้ แสดงถึงความเป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี อย่างค่อนข้างเด่นชัด และเป็นการค้นพบบุคคลแห่งปี 2547 อีกท่านหนึ่ง

 

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 52  พ.ญ. คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์  

 

เมื่อ 26 ธ.ค.2547 ได้เกิดแผ่นดินไหว ที่ชายฝั่งทะเล อันดามัน ใกล้ ๆ เมืองอาเจะ และหมู่เกาะนิโคบา ของประเทศอินโดนีเซีย เดิมประมาณว่าได้ 8.9 ริกเตอร์ ต่อมาสถาบันอเมริกาวัดได้ 9 ริกเตอร์ ทำให้รอยเลื่อนของแผ่นดินใต้น้ำบริเวณนั้นแยกตัวแผ่นหนึ่งมุดต่ำลงไป อีกแผ่นหนึ่งเลื่อนสูงขึ้นมา เป็นเหตุให้เกิดคลื่นทสึนามิ และคลื่นทสึนามิกระทบอินโดเนเซียซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดก่อน จึงแผ่ เป็นวงกว้างไปถึงมาเลเซีย ไทย พม่า ลังกา อินเดีย มาลดีฟ และแผ่ไปถึงเคนยา เทนซาเนีย โซมาเลีย ชายฝั่งอาฟริกา เป็นเหตุให้คนตายกว่า 150,000 คน สูญหายอีกนับหมื่นคน บาดเจ็บประมาณมิได้ และทรัพย์สิน บ้านเรือนถูกกวาดไปกับคลื่นที่ซัดฝั่งจนสูญหายเหลือแต่ร่องรอยแผนผังที่ตั้งของบ้านเรือน นานาชาตินับแต่ญี่ปุ่นอังกฤษ ออสเตรเลีย อเมริกา สวีเดน ได้ร่วมมือให้ความช่วยเหลือ สำหรับประเทศไทย มีผู้เสียชีวิต 5,305 คนสูญหายอีกจำนวนหลายพันคน รีสอร์ต ที่พักชายทะเลพังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง ระนอง สตูล เสียหาย ระบบการสื่อสารและสาธารณูปการล่มทั้งหมด ในขณะเกิดเหตุ มีเสียงเรียกร้องจากบุคคลหลายสถาบัน ต้องการความสามารถของ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ในเชิงการพิสูจน์และจัดการในแง่นิติเวชวิทยา เพื่อการพิสูจน์ศพและการ จัดการเกี่ยวกับศพ และรัฐบาลได้มอบหมายในฐานะรองผู้อำนวยการสถาบันนิติเวชวิทยา คุณหญิงแพทย์หญิง พรทิพย์ ได้ลงไปปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดที่เกิดเหตุอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย และเห็นสีหน้าดวงตาบ่งบอกความพอใจกับงานที่ได้ช่วยเหลือผู้ประสบพิบัติภัยทางธรณีวิทยานี้ แสดงถึง ขันติธรรมและจาคธรรมที่สูงส่งเป็นมาตรฐานต่อเนื่องสม่ำเสมอ เป็นบุคคลที่หาได้ยาก คุณหญิงพรทิพย์ แสดงธรรมะแห่งความอดทน และความพอใจในการช่วยเหลือผู้อื่น มีฉันทะ วิริยะ มีจิตตะ และวิมังสา เป็นตัวอย่างของผู้ทรงอิทธิบาทธรรมอย่างเข้มข้น กอปรด้วย ปัญญามองเห็นความเป็นอนิจจังของสังขารและสรรพสิ่ง ว่าสิ่งทั้งหลายย่อมเกิดขึ้นแล้วเสื่อมไปเป็นธรรมดา เช่นนี้

 

 

 

 

บุคคลที่ 53  กิตติ สิงหาปัด 

 

แห่งไอทีวี รายการฮอทนิวส์ รวมความถึงบทบาทของการช่วยเหลือผู้ประสบ ภัยพิบัติจากทสึนามิ ทำหน้าที่ของนักข่าวได้อย่างสมบุกสมบันและสมบูรณ์ ไม่คำนึงความยากลำบากหรือ อันตรายใดใด มีความพร้อมที่จะเสนอมวลชนด้วยข่าวสารที่ชัดเจนถูกต้อง การลงไปปักหลักเจาะลึกข่าวความ ทุกข์สุข พิบัติภัยของพี่น้องชาวใต้ เป็นความพอใจโดยสุจริตของกิตติ สิงหาปัด และการเคลื่อนหน่วยศูนย์ข่าว ไปเรื่อย ๆ ตามสถานการณ์ ก็เป็นการผจญภัยที่น่าตื่นเต้น ผู้ที่กล้าหาญและมั่นคงย่อมเป็นที่พึ่งและสร้างความอบอุ่นใจและความหวังอันเจิดจ้าขึ้นมาในท่ามกลางความมืดมิด เป็นกำลังใจอันพลุ่งโพลงแด่คนอื่น กิตติ สิงหาปัดแสดงออกซึ่งความเข้าใจวิถีทางแห่งความเป็นปุถุชน มนุษยชาติทั้งหลาย ว่ามีความทุกข์มีความสุข หรือ สุก ๆ ดิบ ๆ เป็นธรรมดา เช่นนี้ วิถีทางที่จะเอาชนะความทุกข์ได้นิรันดร ก็โดยการรู้เท่าทันความเป็นธรรมดา เช่นนี้ และประกอบความพากเพียรเพื่อมุ่งหมายความรู้ ปัญญาให้รอบรู้ปวงสังขารมากยิ่งขึ้นไปจนแจ้งจบ 

 

 

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 54  ธงชัย แมคอินไตย  

 

ความเป็นบุคคลสากลของเขา มีความเป็นไทยและเป็นผู้ทรงคุณธรรม แนบแน่นในหลักการพระศาสนาคือ กตัญญูกตเวทิตา ทำให้เป็นแบบอย่างที่น่าชื่นชม เมื่อแสดงออกและการกระทำ ตามหลักธรรมข้อนี้ต่อมารดาผู้บังเกิดเกล้าของเขา การบวชอุทิศตนเพื่อกตัญญูกตเวทิตาธรรมนี้ เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม เป็นแบบอย่าง ด้านวิชาชีพ เป็นผู้สามารถดำรงบุคลิกภาพที่สูงส่งทางความเฉลียวฉลาด ทันคน ทันกาล ทัน สังคมทุกชนิด บ่งถึงสติปัญญา คุณธรรมแห่งความดีเพียบพร้อมในสำนึกอันสูงส่ง มีจินตนปัญญาสูงสามารถมองสาระสัจธรรมแห่งความบันเทิงทุกชนิด โดยชั้นเชิงแห่งวิชาชีพในสากลโลกได้ทะลุปรุโปร่ง มีผลงานที่สม่ำเสมอ สะท้อนถึงสุขภาพที่ดีสบาย ๆ ทั้งทางกายและจิต และความเอื้ออาทรต่อประชาชนผู้นิยมชมชอบผลงานของตน และมีอุดมการณ์อันซื่อสัตย์ มีเชาวน์ปัญญาไกลและสูงส่ง เหมือนนกใหญ่ที่บินสูงและบินไกลไปทั่วทุกหนทุก แห่งด้วยความอิสระเสรีอย่างไม่รู้สึกสะดุ้งหวาดหวั่นจิตใจ เป็น หนึ่งใน น่านฟ้า และเป็นดาราที่เฉิดฉายไม่มีวันดับแสง ด้วยแรงแห่งคุณธรรม คือความจริงใจและความรักที่ให้แด่ คนทั้งหลายทั้งแผ่นดิน 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 55  วันชัย สอนสิริ  

 

ทนายความ ผู้ใช้วิชาชีพกฎหมายมานาน เมื่อมาปรากฏตัวทางจอแก้ว ได้ สะท้อนให้เห็นอุดมการณ์ของความเป็นนักกฎหมาย และการต่อสู้เพื่อความชอบธรรมของสังคมมานาน ได้ต่อสู้ เพื่อดำรงอุดมการณ์ทางกฎหมาย ที่ดำรงความเป็นธรรมในสังคมให้เกิดมีขึ้น เป็นผู้มีอารมณ์แน่นอนในสำนึกการเป็นนักสู้ ไม่มีสิ่งใดทำให้หวาดหวั่นในหัวใจ มีความเป็นสากลในการต่อสู้ ในความวิตกและเปล่าเปลี่ยว ได้ทำ ให้รู้คุณค่าของความเป็น กัลยาณมิตร และเพื่อนมนุษย์ รู้คุณค่าความสูงส่งแห่งอุดมการณ์ ปฏิญญาณด้วยสุจริตด้วยศรัทธาและความเต็มใจแล้ว ได้มีผู้เข้าใจร่วมในอุดมการณ์ ทำให้เกิดความหวังอันบรรเจิดจ้าไม่รู้เหือดหมดสิ้น ทำชีวิตและลมปราณให้เข้มแข็งแกร่ง ทำให้ชีวิตมีความสุข และร่ำรวยด้วยอริยทรัพย์ ความรู้ที่ให้แก่ประชาชน มีคุณค่าไม่น้อยไปกว่าคำสอนในมหาวิทยาลัย และมิได้คิดหวังค่าตอบแทนเป็นคุณค่าทางเงินตรา แต่ให้ ด้วยใจ เพื่อประโยชน์ของความรอบรู้รอบด้านทำให้ยกระดับภูมิปัญญาของมวลชนขึ้นมาสู่วุฒิภาวะพึ่งตนเองด้วยปัญญา ตนเองได้ เพื่อที่สังคมอยู่กันด้วยสำนึกอันสูงส่งแห่งความเป็นธรรม เป็นผู้มีบุคลิกภาพผสมระหว่างความเย็นฉ่ำกับความอบอุ่นพอประมาณ เป็นสมดุลแห่งชีวิตที่ต่อสู้ และความหวังไปตลอดกาลนาน

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 56  ประมาณ เลืองวัฒนะวนิช 

 

ทนายความ ผู้ใช้วิชาชีพกฎหมายมานาน เมื่อมาปรากฏตัวทาง จอแก้ว ได้สะท้อนให้เห็นอุดมการณ์ของความเป็นนักกฎหมาย และการต่อสู้เพื่อความชอบธรรมของสังคมมานานได้ต่อสู้เพื่อดำรงอุดมการณ์ทางกฎหมาย ที่ดำรงความเป็นธรรมในสังคมให้เกิดมีขึ้น เป็นผู้มีอารมณ์แน่นอนใน สำนึกการเป็นนักสู้ ไม่มีสิ่งใดทำให้หวาดหวั่นในหัวใจ มีความเป็นสากลในการต่อสู้ ในความวิตกและเปล่าเปลี่ยว ได้ทำให้รู้คุณค่าของความเป็น กัลยาณมิตร และเพื่อนมนุษย์ รู้คุณค่าความสูงส่งแห่งอุดมการณ์ ปฏิญญาณ ด้วยสุจริตด้วยศรัทธาและความเต็มใจแล้ว ได้มีผู้เข้าใจร่วมสู้ร่วมเสริมในอุดมการณ์ ทำให้เกิดความหวังอัน บรรเจิดจ้าไม่รู้เหือดหมดสิ้น ทำชีวิตและลมปราณให้เข้มแข็งแกร่ง ทำให้ชีวิตมีความสุข และร่ำรวยด้วยอริยทรัพย์ความรู้ที่ให้แก่ประชาชน มีคุณค่าไม่น้อยไปกว่าคำสอนในมหาวิทยาลัย และมิได้คิดหวังค่าตอบแทนเป็นคุณค่า ทางเงินตรา แต่ให้ด้วยใจเพื่อประโยชน์ของความรอบรู้รอบด้าน ทำให้ยกระดับภูมิปัญญาของมวลชนขึ้นมาสู่ วุฒิภาวะพึ่งตนเอง ด้วยปัญญาตนเองได้ เพื่อที่สังคมอยู่กันด้วยสำนึกอันสูงส่งแห่งความเป็นธรรม เป็นผู้มี บุคลิกภาพผสมระหว่างความร้อนแรงเกรี้ยวกราด กับความเย็นพอประมาณ เป็นสมดุลแห่งชีวิตที่ต่อสู้และความหวังไปตลอดกาลนาน

 

 

             หนังสือพิมพ์ดี จึงขอประกาศนามต่อไปนี้คือ กรุง ศรีวิลัย, ถวัล ดัชนี, ยายไฮ ขันจันทา, เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์, สุทธิชัย หยุ่น, มนตรี สินทวิชัย, บรรหาร ศิลปอาชา, แพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์, กิตติ สิงหาปัด, ธงชัย แมคอินไตย, วันชัย สอนสิริ, ประมาณ เลืองวัฒนะวนิช ว่า เป็นบุคคลแห่งปี ประจำปีพุทธศักราช 2547 ของหนังสือพิมพ์ดี และเราขอเรียนให้ทราบว่า เราหนังสือพิมพ์ดี เป็นแต่เพียงผู้เห็นความดีของท่านและต้องการจารจารึกไว้ให้คู่กับหนังสือพิมพ์ดีไปตลอดกาล ขอจงประสบความสุข ความเจริญ มุ่งมั่นสร้างประโยชน์แด่สาธารณชนและประเทศชาติสืบต่อไปตลอดกาลนานเทอญ  

 

  • บทบรรณาธิการดีเล่มที่ 33          

 

 

 

 

 

 

บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี

พุทธศักราช  

2548

 

 


และต่อไปนี้ ก็จะเป็นการประกาศบุคคลแห่งปีพุทธศักราช 2548 ของหนังสือพิมพ์ดี ตามลำดับการค้นพบของหนังสือพิมพ์ดี ดังต่อไปนี้

 

 

 

บุคคลที่ 57  ภัทราวดี มีชูธน


เป็นผู้เข้าใจและเข้าถึงสัจธรรมแห่งชีวิตที่แฝงความหมายแห่งสัจธรรมไว้ในศิลปะการแสดง รอบด้านอย่างลึกซึ้ง ละครเวทีของภัทราวดี มีชูธน จึงเป็นงานการสร้างละครธรรมะเพื่อสอนคน ให้รู้ว่าชีวิตเหมือนละครนั่นเอง เธอจึงเข้าใจโลก และรู้โลกว่าเป็นเพียงสิ่งสมมติ การปฏิบัติธรรมะคือการแสดงบทของตนแสดงบทที่ตนรับมอบหมาย(สมมติให้)ให้ดีที่สุด เมื่อได้รับบทกระยาจก ก็จงแสดงให้สมเป็นกระยาจก เมื่อได้รับบทเศรษฐี แสดงบทเศรษฐีให้สมบูรณ์ เมื่อเป็นพ่อจงเป็นพ่อที่สมบูรณ์ เมื่อเป็นเมีย จงเป็นเมียที่สมบูรณ์ เมื่อได้รับบทใดใด ก็ทำบทนั้น ๆ ให้ดี ให้สมบทบาท ตามที่เขาสมมติให้นั้น ดังนี้ ๆ เรียกว่าปฏิบัติธรรมตามสมควรแก่เหตุแล้ว กล่าวคือ เหตุที่ได้เกิดมาเป็นเพียงปุถุชน คนธรรมดาทั้งหลาย (มิได้เกิดมาพร้อมกับความเป็นเสขบุคคลในทัศนะของพระพุทธศาสนา) จึงเป็นบุคคลที่เพียบพร้อมด้วยภูมิปัญญาสูงสุด ทั้งทางโลกและทางธรรม ที่หายากยิ่งในยุคนี้

 

 

 

 


บุคคลที่ 58  ปู่เย็น แก้วมณี


ปู่เย็น ผู้เอาเรือเป็นบ้าน แห่งแม่น้ำเพชรบุรี เขาเอาชีวิตเข้าไปรู้สึกสัมผัสกับความเงียบเหงาและโดดเดี่ยว เพื่อการศึกษาชีวิตด้านจิตวิญญาณตามคำสอนของพระพุทธเจ้า และรู้สัจธรรมว่า ในที่สุดคนทั้งหลาย ไม่ว่าชั้นวรรณะใด เศรษฐีหรือกระยาจก เทวดา หรือมหากษัตริย์ ก็จะมาสู่จุดนี้คือทุกคนต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รักที่หวงแหนของตนไปและเป็นทุกข์เพราะเหตุนั้น เขาจึงปลงใจในการต่อสู้เพื่อเอาชนะทุกข์อย่างจริงจัง เขาคิดว่าเวลาที่เหลือในชีวิต จะต้องเป็นไปอย่างไรจึงจะเป็นประโยชน์ที่สุด เพื่อการเรียนรู้สิ่งนี้ และเอาชนะสิ่งนี้ และแบบอย่างวิถีชีวิตของเขานั่นเอง คือวิธีที่เขานำมาต่อสู้เพื่อเอาชนะ สิ่งที่เขาเห็นว่ากำลังจะกลืนกินเขาอยู่แล้วนายเย็น แก้วมณี 274/4 ถนนมาตยาวงศ์ ต.ท่าราบ อ.เมือง จ.เพชรบุรี อ้างว่าตนมีอายุ 106 ปี ไม่ใช่ 86 ปีตามที่ปรากฏในทะเบียนราษฎร์ เขาให้สัมภาษณ์ว่า หอยไม่มีมือ ไม่มีตีน มีแต่ปาก ยังไม่อดตายเลย แล้วคนที่มีมือมีตีนจะอดตายได้อย่างไรชีวิตที่พอเพียง เสพสุข มีทิฏฐิ มั่นในสัจจะ และกตัญญู พึ่งตนเองอย่างมีศักดิ์ศรี เป็นผู้ทระนง หมายถึง อยู่อย่างมีเกียรติ์ มีอิสรภาพ มีความเป็นเอกราชที่พึ่งพาตนเองได้อย่างสมบูรณ์ นั่นหมายถึงชีวิตที่เข้าถึงสัจธรรมแห่งชีวิต จึงมิระย่อต่อเหตุการณ์ใดใดที่จะอุบัติขึ้นต่อชีวิต เขาได้อยู่อย่างไม่ประมาท เตรียมพร้อมทุกอย่าง เป็นผู้เตรียมพร้อมทุกอย่างเพื่อการพบ ผจญวิถีทางแห่งชีวิต และแม้ที่สุดความเป็นอนิจจังแห่งชีวิตก็ตาม ความเป็นทุกข์ของชีวิตก็ตาม และแม้ความเป็นอนัตธรรมแห่งชีวิตก็ตาม เขาได้เตรียมที่จะเผชิญแล้ว และด้วยศักดิ์ศรี ด้วยอิสรเสรี ของส่วนตนของตนเองโดยแท้จริง จึงเป็นบุคคลผู้ทระนง ที่ยืนหยัดบนโลกนี้อย่างสง่างามยิ่ง ภายใต้ความรู้สิ่งที่พระพุทธศาสนาสอนว่า กฎแห่งไตรลักษณ์ นั่นเอง

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 59  รัฐภูมิ อยู่พร้อม


1500 ไมล์ทะเลของลูกผู้กตัญญูของแม่เชื้อน ชีวิตของเขาที่มีพลังสองอย่างที่ผสมผสานอยู่อย่างคุระอุรุนแรงภายใน คือทั้งพลังเย็นและพลังร้อน ที่กรุ่นระอุ และเขารู้ถึงพลังนั้น รู้ในคุณและโทษแห่งพลัง และเขาฉลาด มีปัญญาพอ ที่จะไม่ปล่อยให้พลังร้ายทำลายตัวเขาเองและครอบครัวที่เขารับผิดชอบ เขาจึงหาทางที่จะปลดปล่อยพลังร้ายนั้น ด้วยสันติวิธี เขาสร้างตำนานให้ตัวเขาเอง ด้วยการเดินทางไปกับเรือคายัค เลียบฝั่งทะเลอันดามัน เป็นเวลา 500 วัน ได้ระยะทางกว่า
1,500 ไมล์ มีคำบรรยายอธิบายตัวเขาว่า จากความแค้นสู่การอภัย จากพายแรกจนเป็นล้านพาย จากใบหน้าเกลี้ยงเกลาจนหนวดเครายาวรุงรัง กลายเป็นการเดินทางที่เหลือเชื่อ และไม่มีใครคิดว่าเขาจะรอดชีวิตกลับมา” “ติดตามการเอาชนะจิตใจตัวเอง เอาชนะความกลัว ด้วยแรงศรัทธาและมุ่งมั่นให้มีชีวิตรอดในวินาทีคับขัน ผ่านไปทีละวัน จนครบหนึ่งพันห้าร้อยไมล์รัฐภูมิ อยู่พร้อม เป็นมนุษย์ผู้ค้นพบทางออกของกิเลส คือความแค้นที่ระอุไม่มีมอดไหม้หมดลง เขามองเห็นอันตรายนี้ด้วยตนเอง จึงดำเนินการปลดปล่อยพลังร้ายนี้ออกมา โดยวิถีทางนี้ ผลงานของเขา หมายถึงวิถีธรรม คือธุดงค์ชนิดหนึ่งในพระพุทธศาสนานั่นเอง โดยการพาตัวเองไปสู่การต่อสู้ที่ยากลำบากอย่างแสนสาหัส ภายใต้กติกา ที่ชอบธรรม ที่เขากำหนดขึ้นเองอย่างเป็นธรรม นั่นคือให้ความยุติธรรมแก่การต่อสู้ ทั้งทางกายและจิตใจโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน และนั่นคือวิถีทางของความเป็นบุตรกตัญญู ด้วยเหตุที่ทำทุกอย่าง
เพื่อแม่ผู้ล่วงลับไปก่อน อย่างถูกวิถีทาง โดยวิถีทางที่ถูกต้องและเป็นธรรม และเป็นประโยชน์ แน่ละ เขาคือแบบอย่างของผู้เห็นภัยแห่งวัฏฏสงสาร เขาได้พยายามปลดปล่อยสิ่งที่เป็นภัยนั้นออกไปอย่างช้าๆ เป็นขั้นตอนและเขาได้ชัยชนะแล้วอย่างน่าภาคภูมิใจ เป็นตัวอย่างอันดีเยี่ยมในการต่อสู้ของปุถุชนผู้ดิ้นรนทั้งหลาย

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 60  นายดาบตำรวจวิชัย สุริยุทธ


ผู้อุทิศชีวิตให้การปลูกต้นไม้ ปลูกต้นไม้นับพันนับหมื่นต้นที่จังหวัดศรีสะเกษ มองประชาชนที่กว้างใหญ่ไพศาลว่า เดือดร้อนลำบากทุกทาง หากเพียงพวกเขามีผักขี้เหล็กมาเป็นอาหาร พวกเขาก็จะมีความสุขขึ้นมากมาย นายดาบตำรวจคนนี้ ดต.วิชัย สุริยุทธ ผบ.หมู่งานปราบปราม สภ.อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ ปลูกต้นไม้กว่า 2 ล้านต้น เมื่อ 18 ปีที่ผ่านมา ร่วมมือกับหน่วยอนุรักษ์ธรรมชาติทั้งประเทศปลูกกว่า 21 ล้านต้นแต่สิ่งที่แสดงจิตใจของเขาก็คือ เขาปลูกต้นขี้เหล็กเป็นจำนวนมาก เพราะขี้เหล็กมีใบและดอกดกและเป็นอาหารหลักของประชาชน อิสาน เขาเลี้ยงอาหารคนยากคนจนทั้งหลายทั้งจังหวัดและทั้งประเทศ เพราะขี้เหล็กไม่ต้องซื้อแล้ว เขาปลูกต้นตาล เพื่อประชาชนเอาไปทำไม้กวาด ได้อย่างไม่ต้องลงทุนเลย เขาทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อปากท้องของประชาชนจำนวนมหาศาล ปลูกต้นอะไร ๆ ก็เพื่อให้เป็นประโยชน์เพื่อกินเพื่อใช้ของประชาชน ผู้ยากไร้จะไม่อดหยาก นั่นคือความเข้าใจเห็นอกเห็นใจในทุกข์และสุขของผู้อื่นอย่างลึกซึ้งมีความเมตตากรุณาอันไพศาลต่อเพื่อนมนุษย์ และยอมตนลงไปรับใช้ เพื่อให้มนุษย์ผู้เสมือนมีความเป็นพี่เป็นน้อง ได้ประโยชน์ มีความเป็นภราดรภาพสูง เขาจึงแสดงจิตใจอันเข้มแข็งเป็นเสมือนเทพเจ้าพ่อพระของคนยากคนจนทั้งปวงทั่วโลก

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 61  ชนินทร์ ชมะโชติ


เขามีแนวความคิดอันเป็นวิทยาศาสตร์การศาสนา เขาต้องการรู้เรื่องราวของพระพุทธเจ้า อย่างที่พระองค์เป็นมนุษย์คนหนึ่ง และแท้จริงเขาเชื่อว่าพระพุทธเจ้าก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง เขามิได้เคยเชื่อถือเรื่องเทพเจ้า พระเจ้าหรือเทวดาเลย เขาอยากรู้ว่า มนุษย์คนหนึ่งนี้ มีความยิ่งใหญ่เกินกว่ามนุษย์ธรรมดา และเกินกว่าเทพเจ้าในโลกสวรรค์อย่างไร ทรงชนะเทพเจ้าอย่างไร จึงได้สมญาว่า พระพุทธเจ้า ผู้เป็น สตฺถาเทวมนุสฺสานํ เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เมื่อตั้งบริษัท พาโนรามา เวิลไวด์ (Panorama Worldwide) จึงได้โอกาสสร้างสารคดีเชิงงานการวิจัยประวัติศาสตร์และแนวโน้มของพระพุทธศาสนาในประเทศอินเดีย ที่พร้อมด้วยแนวคิด สมมติฐานการวิจัย และการพิศูจน์ความจริงของพระพุทธศาสนาในอดีต อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน และปลุกกระตุ้นสำนึกอันลึกซึ้งของชาวพุทธทั่วโลก ให้ลุกขึ้นมาพร้อมความหวังอันยิ่งใหญ่ ว่าศาสนาของพระพุทธเจ้ากำลังจะกลับมารุ่งเรืองในชมพูทวีป บ่กำเนิดของศาสนาพุทธเองอีกครั้งหนึ่งชนินทร์ ชมะโชติ ปรากฏในสารคดี ตามรอยพระพุทธเจ้า ว่าเป็นผู้อำนวยการผลิต และเป็นข้อพิศูจน์ที่ชัดเจนแจ่มแจ้ง จนเป็นผลงานศึกษา วิจัยที่น่าเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง แล้วในฐานะที่เป็นเจ้าของ ผู้สร้างบริษัทพาโนรามาเวิลไวด์ ได้จัดการเผยแผ่เรื่องราวนี้ ในรูปดีวีดี วีซีดี ที่โด่งดังในประเทศไทยผ่านช่อง 9 อส.มท.มาแล้ว ในรอบปีพุทธศักราช 2548 นับว่าเป็นสารคดีที่มีคุณค่ายิ่งใหญ่มหาศาล เป็นผู้ทำคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่แด่พระพุทธศาสนาอย่างยากที่จะมีใครทำได้เท่าเทียม นับว่าเป็นสารคดีที่สมควรแก่ชื่อ สารคดีแห่งศตวรรษโดยแท้จริงและโดยผลงานนั้น แสดงความหมายว่า เขาคือสาวกของพระพุทธเจ้า นับเนื่องในแนวหน้าผู้ที่บุกเบิกและนำศาสนาพุธไปปรากฏแด่ประชามหาชนทั่วโลกโดยเทกนิกการเผยแผ่ล้ำยุคทันสมัยอย่างยิ่ง


 

 

 

 

 

 

 



บุคคลที่ 62  ลักษณา จีระจันทร์


เธอเป็นวีรสตรีแห่งธรรมในยุคนี้ สตรีที่ปรากฏในสารคดี ตามรอยพระพุทธเจ้า ผู้เดินทางสู่พุทธภูมิ พร้อมทีมงานทำสารคดีเรื่องยิ่งใหญ่นี้ และแท้จริงคือการศึกษา วิจัย พิศูจน์ ความมีความเป็นอยู่อย่างไรของพระพุทธศาสนาแต่ดั้งเดิมมาจนถึงปัจจุบันนี้ในดินแดนดั้งเดิมของพระพุทธเจ้า เธอตามไปเผชิญเหตุการณ์และบุคคลทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของพระพุทธเจ้า อย่างกล้าหาญ และได้เข้าร่วมพิธีสาบาญตนเป็นชาวพุทธ ของสานุศิษย์ ดร.อัมเบกก้า ร่วม 50ล้านคนในอินเดียยุคใหม่ และที่สุด เผชิญกับ มหันต์ เข้าถึงรังของพวกมหันต์ และเปิดปาก หัวหน้ามหันต์ ให้เจรจาอกมาจนได้ และแม้จนพบสกุลศากยวงศ์ และสกุลบาบวน ผู้เริ่มอพยพสกุลวงศ์ที่มั่นในพระพุทธเจ้ากลับคืนสู่อินเดีย ภาพที่เห็น แสดงความยินดีอย่างยิ่งใหญ่ ที่ได้พบว่ามีสกุลศากยวงศ์ คือวงศ์ของพระพุทธเจ้า พระบรมศาสดาของโลก และเธอตามต่อไป จนพบญาติกลุ่มใหญ่ของสกุลบาบวน ผู้อพยพจากเนปาลเข้าไปสืบพระพุทธศาสนาในอินเดีย ภาพที่เห็นนั่งกับคนสกุลนี้ เป็นภาพความลึกซึ้งทางจิตใจอันดื่มด่ำกับการที่ได้พบกัน และรู้จักกันว่าเป็นชาวพุทธ ผู้เดินตามรอยบาทของพระพุทธเจ้า และปฏิญญาณร่วมกันที่จะช่วยจรรโลงคำสอนอันมีค่าขององค์พระบรมศาสดาแห่งโลกต่อไปตราบนิรันดร์กาลเธอจึงเป็นวีรสตรี ผู้กล้าหาญ และภาพของเธอจะตรึงตาตรึงใจคนทั้งหลายไปตราบนิรันดร

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 63  อารียา มีนยี

 

พบอารียา มีนยี ในรายการ โลกอิสลาม ช่อง 9 ทุกวันศุกร 04.30-06.00 น.เธอมีบุคลิกเด่นเป็นสากลของคนไทย ภาพเธอสะท้อนหญิงในวรรณคดีไทย ที่คนไทยรู้จักดีในวรรณกรรมเรื่องขุนช้างขุนแผน คือพิมพ์พิลาไลย เมื่อไปไร่ฝ้าย พิมพ์พิลาไลยก็คลุมหัวคลุมหน้าแบบนี้ และเธอเหมือนโซไรด้า ในวรรณกรรมไทยแปลเรียบเรียงเรื่อง โซไรด้า นางพญาแห่งทะเลทราย อารียา มีนยี มีบุคลิกภาพของความเชื่อมต่อ ความสมานฉันท์ที่ละเอียดเยือกเย็น มีมนุษยสัมพันธ์สูง มีเหตุผลความนึกคิดเฉพาะตนเป็นอิสระ และ เป็นสากล และมีธรรมของสัตบุรุษ เธอออกรายการโลกอิสลามทุกวันศุกร์ มาเป็นเวลานานนับ10 ปีแล้ว สามารถดำรงความสม่ำเสมอแห่งบุคลิกภาพได้คงตัว ไม่หวั่นไหว ได้ฉายองค์ประกอบหลายหลากเป็นรูปธรรมแห่งธรรมะอิสลาม บ่งตัวแทนความหมายว่าแท้จริงหญิงชาวมุสลิมไทยสามารถเป็นผู้นำ ที่น่ารักและทันสมัยทันงานทันการอาชีพในโลกและมีน้ำจิตน้ำใจอันยิ่งใหญ่ มีความเป็นภราดรภาพที่มั่นคงยั่งยืนต่อเพื่อนพี่น้องไทยและเพื่อนมนุษย์โลก

 

 

 

 


บุคคลที่ 64  กุลนัดดา ปัจฉิมสวัสดิ์ (นีน่า)

 

สตรีทั้งสี่แห่งรายการ ผู้หญิงถึงผู้หญิง ช่อง 3 ที่ต่อสู้เชิดชูคุณธรรมในสังคม ที่ร่วมกันระหว่างอุดมการณ์สาธารณะและอุดมการณ์ส่วนตัวที่สร้างสรรค์สังคมในส่วนของคุณธรรมสตรี มาอย่างฉลาด ร่าเริงและมุ่งหมายสู่อุดมการณ์ อย่างไม่ท้อถอย แต่ความเป็นบุคคลแห่งปีเห็นจาก กุลนัดดา ปัจฉิมสวัสดิ์ เวลา ทา ข้างมีกลุ่มผมสีดำปกรก ๆ ดูดีมาก ๆ เมื่อแวดล้อมด้วยเพื่อน ๆ ที่แย้มยิ้ม เสมือนหนึ่งจิตใจได้หลุดพ้น บ่งถึงรสนิยมชื่นมื่นที่ลงตัว สมดุลของเธอ และบุคลิกภาพแห่งมนุษยสัมพันธ์ ศิลปะ และสตรีนักทำงานที่สมบูรณ์พร้อมที่จะต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมจนถึงที่สุด

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 65  พิมลวรรณ ศุภยางค์ (ปุ้ย)

 

สตรีทั้งสี่แห่งรายการ ผู้หญิงถึงผู้หญิง ช่อง 3 ที่ต่อสู้เชิดชูคุณธรรมในสังคม ที่ร่วมกันระหว่างอุดมการณ์สาธารณะและอุดมการณ์ส่วนตัวที่สร้างสรรค์สังคมในส่วนของคุณธรรมสตรี มาอย่างฉลาด ร่าเริงและมุ่งหมายสู่อุดมการณ์ อย่างไม่ท้อถอย แต่ความเป็นบุคคลแห่งปีเห็นจาก พิมลวรรณ ศุภยางค์ เธอซ่อนความกังวลใจ ทำให้ดูปริวิตก แต่กลับแสดงถึงความรับผิดชอบ ต่อสำนึกรับผิดชอบ ซึ่งรวมถึงรูปธรรมและทั้งนามธรรมอันสูงส่งและความมั่นใจทวีขึ้น ว่าวิถีชีวิตจักต้องเป็นเช่นนี้เอง นั่นคือ วิถีทางแห่งประโยชน์ที่แท้จริงของชีวิต และความเติบโตแห่งคุณธรรมในภาคมโนธรรมอันล้ำลึก อันเป็นกระแสธารที่เรี่ยวแรงแข็งแกร่งและพร้อมสู้ต่อไปในวิถีทางความเป็นธรรมจนถึงที่สุด

 

 



บุคคลที่ 66  มีสุข แจ้งมีสุข (ไก่ )

 

สตรีทั้งสี่แห่งรายการ ผู้หญิงถึงผู้หญิง ช่อง 3 ที่ต่อสู้เชิดชูคุณธรรมในสังคม ที่ร่วมกันระหว่างอุดมการณ์สาธารณะและอุดมการณ์ส่วนตัวที่สร้างสรรค์สังคมในส่วนของคุณธรรมสตรี มาอย่างฉลาด ร่าเริงและมุ่งหมายสู่อุดมการณ์ อย่างไม่ท้อถอย แต่ความเป็นบุคคลแห่งปีเห็นจาก ภาพเหมือนนกสวยงามที่ร่าเริงนิรทุกข์ ที่ดูเฉิดฉิน และบินไป บินไป แต่แล้ว ยิ่งไกลก็เสมือนว้าเหว่และเปล่าเปลี่ยว เพราะบินไปสู่ความเดี่ยวโดด และมืดสลัวลงไปดุจสายัณหกาล แต่ด้วยความอดทน ฉลาด มีภูมิสติ ภูมิปัญญารักษาตัว ความใฝ่ในการศึกษาในศาสตร์ทั้งหลาย มีธงชัยคือธรรมะ แล้วก็มีริ้วของแสงสว่างปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้าข้างหน้า นั่นคือแสงแห่งคุณธรรม เธอบินตรงไปสู่แสงสว่างนั้น อย่างมั่นใจแล้วทีเดียว นั่นหมายถึงจิตวิญญาณที่เที่ยงตรงและมุ่งตรงไปสู่สัจธรรมแห่งชีวิต ที่ซึ่งนำไปสู่ความหมายอย่างเดียวกับชื่อ ของเธอ ว่า มีสุข แจ้งมีสุข

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 67  พัชรศรี เบญจมาศ (กาละแม)

 

สตรีทั้งสี่แห่งรายการ ผู้หญิงถึงผู้หญิง ช่อง 3 ที่ต่อสู้เชิดชูคุณธรรมในสังคม ที่ร่วมกันระหว่างอุดมการณ์สาธารณะและอุดมการณ์ส่วนตัวที่สร้างสรรค์สังคมในส่วนของคุณธรรมสตรี มาอย่างฉลาด ร่าเริงและมุ่งหมายสู่อุดมการณ์ อย่างไม่ท้อถอย แต่ความเป็นบุคคลแห่งปีเห็นจาก ความใฝ่กระตือรือร้นพยายามทำความฝันให้เป็นจริง และเมื่ออยู่ในความจริงปัจจุบันเธอมองความฝันอันบรรเจิดจ้าในอนาคต มีความเท่าทัน และวิสัยทัศน์ไกล รอบคอบสุขุม และเข้มคม บรรเจิดจ้า มีวิจารณญาณละเอียดอ่อนฉับไว แล้วเห็นการเป็น วีรสตรีแห่งยุค หมายถึงความเสียสละ อย่างไร อะไรบ้าง และชีวิตอันยาวนาน จะให้ดูดุจว่าสั้นลงไปอย่างไร และนั่นคือเป้าหมายแห่งความสุขที่พ้นไปจากทุกข์นิรันดร

 

 

 

 


บุคคลที่ 68
  ชูชาติ งามการ


เขาต่อสู้อย่างไม่ถอย ในเรื่องราวที่เขาเห็นว่าไม่ถูกต้อง และเรื่องราวที่เขาต่อสู้นั้น เป็นเรื่องราวของภูมิปัญญาของสังคมและผลได้ผลเสียของสังคม ไม่ใช่ผลประโยชน์ส่วนตัวใดของเขาเลย จิตวิญญาณของเขาเป็นลักษณะของวีรบุรุษของมวลชน เขาต่อสู้กับความเชื่อที่เหลวไหล จนกล้าท้าทายว่า ถ้าใครเก่งไสยศาสตร์จริง ช่วยเสกตาปูเข้าท้องผมทีและปรากฎว่าไม่มีผู้ใดกล้าจริงจนอาจเสกตาปูเข้าท้องของ ชูชาติ งามการได้และยืนยันคำประกาศของเขาว่าเป็นสัจธรรม และนั่นหมายความรวมถึงว่า ในวงการไสยศาสตร์ เขาย่อมเป็นหนึ่ง เมื่อเขาแนะนำตัวเขาเองว่า เขาเป็นนักศึกษาไสยศาสตร์ จนรู้แจ้งเห็นจริงในเรื่องของไสยศาสตร์เขาได้ศึกษาเรื่องการทรงเจ้าเข้าผีโดยเฉพาะและผ่านการพิศูจน์ วิจัย เมื่อเอาตัวเองไปฝังอยู่กับความเป็นคนทรงเสียเอง เพราะครั้งหนึ่งเคยเป็นหนึ่งในนักทรงเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ทำงานการทรงเจ้ามามาก กระทั่งได้พิศูจน์จนรู้ความจริงเกี่ยวกับคนทรง และเห็นว่าเป็นขบวนการหลอกลวงประชาชนที่มีขนาดใหญ่มาก และนั่นหมายความว่าเขาพอใจอุทิศตนเองเป็นปราการ เป็นทำนบอันยิ่งใหญ่และมั่นคงมหิมาในการต่อต้านความเชื่ออันเหลวไหลอย่างเป็นสากล แต่ในความลึกซึ้ง ความหมายของชูชาติ งามการ ก็คือ ความรู้แจ้ง ที่เหนือกว่าความรู้แจ้ง นั่นคือการปฏิเสธ ที่แท้จริงหมายถึง ไม่ใช่การปฏิเสธ แต่เป็นภูมิปัญญาในเชิง ยุทธศาสตร์และยุทธศิลปอันเยี่ยมยอด ในวงการของเขาเอง

 

 

 

บุคคลที่ 69  อังคาร กัลยาณพงศ์

  

เป็นกวี มีชื่อเสียงโด่งดังหมู่นักปราชญ์ย่อมสรรเสริญ และประชาชนชื่นชมในบทกวีของเขา เป็นทั้งศิลปินและเป็นสถาปนิก ที่มีฝีมือสูงส่งด้วยงานศิลป์และเจตนารมณ์แห่งศิลป์และเจตนารมณ์ที่จะให้ปรากฏในบวรพุทธศาสนาชั่วนิรันดร แต่สิ่งที่เขาสมควรแก่ความยกย่องคือ ความคิดของเขาเอง เพราะเขาคิดว่าเขาเก่ง เขาจึงเก่ง เช่นครั้งหนึ่งเขาเคยคิดว่า เขาเป็นคนมีบุญและมีวาจาอันศักดิ์สิทธิ์สามารถสาปแช่งใครให้เป็นให้ตายก็ได้ และก็ได้ปรากฏว่าวาจาของเขาศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ มีคนตายเพราะคำสาปแช่งของเขาจนมีพยานอ้างถึงอย่างตื่นตกใจ และเขาก็ยังคงคิดเช่นนั้น และยังคงเก่งอยู่เช่นนั้น อันเป็นเหตุให้เขาเป็นนักสู้ของชีวิต ในเมื่อเขาจำเป็นต้องสู้ เป็นนักแสวงหา และนักบุกเบิกแห่งอุดมการณ์ นักสนองและใฝ่แสวงหาตัวเอง และบัดนี้ เขาได้ผ่านขั้นตอนนั้นไปแล้ว และมาสู่ความเป็นธรรมชาติ อันยิ่งใหญ่และนิรันดร



บุคคลที่ 70  มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ


ผอ.อสมท. ในฐานะ ผอ.อสมท. ผู้บริหารช่อง 9 เห็นแนวคิดในการให้ในเชิงธรรมะวิชาการอันแท้จริงที่บริสุทธิ์ ที่มีแนวคิดทันสมัย มีความวินิจฉัยแน่นอน มั่นใจ ไม่คำนึงกระแสใดที่ไม่ชอบธรรม ไม่คำนึงกระแสบันเทิงสตรี ความสวยความงาม เซกส์ ละครน้ำเน่า และเกมส์ และแม้กระแสกีฬา แม้จะเป็นตัวดึงดูดเงินและเรตติ้งอยู่ในโทรทัศน์ช่องอื่น ๆ เมื่อตั้งใจทำประโยชน์แด่สังคมการเรียนรู้ สนับสนุนรายการดี ๆ มีคุณค่าต่อสังคมและเป็นที่นิยม ทั้ง ๆ ที่เป็นเชิงวิชาการการเรียนรู้อย่างสูง และความเป็นธรรมของสังคม (มีรายการ สมัครดุสิตคิดตามวัน กบนอกกะลา คนค้นคน หลุมดำ คุณพระช่วย ถึงลูกถึงคน เวลาโลก ภาษาเศรษฐกิจ ฯลฯ )มีสารคดีแดนสนธยา รวมทั้ง สารคดีพิเศษสุดเช่น ตามรอยพระพุทธเจ้า แม้กระทั่งโฆษณาดี ๆ เช่นผู้หญิงคนนี้ไม่เคยรู้จักผู้ชายคนนี้ตรงกับ สพฺทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ การให้ธรรมชนะการให้ทั้งปวง แต่ความเป็นบุคคลแห่งปีเห็นจาก เมื่อถูกกล่าวหาว่าร่ำรวยขึ้นเพียงข้ามวันข้ามคืน (เพราะเหตุที่ได้เป็น ผอ.อสมท.) เขากลับเก็บท่าทีพฤติกรรมเป็นเงียบกริบ ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้เลย และเงียบเชียบเยียบเย็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว เขาคิดว่าคำนินทาเป็นเสมือนสายลมที่พัดผ่านไปเท่านั้นเอง หามีคุณค่าแก่การจะใส่ใจใส่ไม่ เขาคิดว่า คนเราต่างก็มีหน้าที่ทำต่างกันไปจะมามัวตำหนิกันไปทำไมทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เอาตัวรอดของตนก่อนเถิด หน้าที่ใครหน้าที่มันทำให้ดี ตรงหลักนักปราชญ์อังกฤษว่า Mind your ownself หรือศาสนาพุทธว่า กมฺมุนาวตฺตตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม อันเป็นแนวนักปราชญ์ที่ลึกซึ้งสมควรเป็นแบบอย่างแห่งยุคปัจจุบัน

 

 

 

 


บุคคลที่ 71  ดุสิต ศิริวรรณ

 

เช้านี้ที่เมืองไทย ช่อง 5 การต่อสู้มีหลักการ รู้และระวังทีหนีทีไล่อย่างรอบคอบ มีความรอบรู้เชิงกฎหมายและการบริหารรอบตัวลึกซึ้ง เข้าใจสังคม เข้าใจสัจธรรมของสังคม และมีวิธีการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยว และยืนอยู่บนความเป็นธรรมมีความสัมผัสไว ในเรื่องความเป็นธรรมของสังคม และผลประโยชน์ของประเทศชาติ ถือหลักอุเบกขาเป็นสรณะ ไม่คำนึงคนอื่นจะวิพากษ์ตนเองอย่างไร เพราะเชื่อว่า ธรรมะย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม เห็นสัจธรรมของความเป็นมนุษย์ คือ เห็นภัยในวัฏฏสงสาร เห็นความเป็นปุถุชน วินิจฉัยสังคมอย่างปุถุชน เขากล่าวคำว่า วุฒิภาวะของบุคคลย่อมแตกต่างกัน ความคิดเห็นจึงแตกต่างกัน เราต้องแผ่เมตตานั่นคือ เบื้องลึกแห่งจิตใจ ได้พึ่งพาหลักธรรม แห่งความเข้าอกเข้าใจเพื่อนมนุษย์โลก เป็นยุทธศาสตร์และยุทธวิธีการต่อสู้ของตนเองเสมอ อันเป็นทางแห่งความมั่นใจของชีวิตที่สร้างสรรค์ซักฟอกสังคมให้บริสุทธิ์สะอาดอันเป็นแนวทางการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ตลอดกาลนาน

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 72  อภิรักษ์ โกษะโยธิน

 

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นผู้ที่มีจิตใจนิ่ง สงบสงัดมาก แม้กระทั่งอยู่ระหว่างการขัดแย้ง การต่อสู้อันวุ่นวาย หรืออยู่ในสถานะที่เป็นรองอย่างมากมายในการต่อสู้ เขาก็สามารถทำใจให้นิ่งสงบสงัดได้ ไม่หวั่นไหว นับเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่งทีเดียว หลังสุด เมื่อ 1 ธ.ค. 2548 จัดโครงการ เสื้อเหลืองแห่งความจงรักภักดี ดวงใจล้านดวง ลงชื่อล้านคนในบัญชีปณิธานเดินตามทฤษฎีเศรษฐกิจแบบพอเพียงของในหลวงครบรอบ 60 ปีครองราชย์ ขึ้นที่ท้องสนามหลวง เดินตามเศรษฐกิจแบบพอเพียงของในหลวงในฐานะนักการเมืองของประชาชน เขาเน้นรูปธรรมในการดำเนินชีวิตประจำวัน ให้ใช้จ่ายเงินอย่างประหยัด ให้ทำบัญชีทุก ๆ คน เป็นบัญชีรายรับและรายจ่ายของบุคคลและครัวเรือน ก็จะส่งเสริมความพอ ประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่ยากจน ไม่ลำบาก เขาแก้ปัญหาเกี่ยวกับความเป็นธรรมของประชาชนได้อย่างมีเหตุผล มีความเห็นอกเห็นใจภายในเหตุและผลที่ชอบธรรม และมีความพอใจในวิถีทางอันเป็นไปตามธรรมชาติ แห่งเหตุและผลของปัญหานั้น ๆ จึงเผยความสุขุม ความเป็นผู้ใหญ่พร้อมวุฒิภาวะ และจิตที่มีอุเบกขา ปราศจากนิวรณ์ อันลุ่มเย็นและมีความสุข

 

 



บุคคลที่ 73 บรรจง โซ๊ะมณี


พบบรรจง โซ๊ะมณีที่ รายการทีวีมุสลิม ช่อง 5 เวลา 0430 น. วันศุกร 9 ธ.ค. 2548 เขามีความรู้และคุณธรรมสมควรเป็นอาจารย์ใหญ่ของชาวมุสลิมไทย ล่าสุดเขาพูดถึงปัญหาสังคม ว่าสังคมเละเทะมาก และเป็นสัญญาณว่าวันสิ้นโลกกำลังใกล้เข้ามา เขายืนยันว่า วันสิ้นโลกจะมาถึงอย่างแน่นอนและมนุษย์ควรระลึกวันสิ้นโลก ขณะนี้มีโรคเอดส์ โรคมะเร็งและไข้หวัดนก ที่เป็นสัญญาณแห่งวันสิ้นโลก ท่านวิเคราะห์เรื่องปัญหาสังคมไทยปัจจุบันว่า มีกามราคะจัด แม้การเสพก็เสพอย่างไม่มีความละอาย อย่างสกปรก จนเห็นคนคู่เสพกามกันอยู่ในที่สาธารณะทั่วไป และกำลังจะลามมาถึงรถเมล์แล้ว คนหน้าด้านขึ้นไปทุกวัน ๆ ขณะเห็นพวกเขาเสพกามกันคนอย่างเรา ๆ ก็ไม่กล้ามอง กลัวพวกเขาจะยักคิ้วให้และเชิญชวนว่า มาเสพกับเราไหม ท่านว่าอย่าได้สะสมวัตถุเลย อย่ากอบโกยโกงเลย เพราะเอาไปด้วยไม่ได้ อีกหน่อยก็ถึงวันสิ้นโลกอย่างแน่นอนและอัลเลาะห์จะทรงตัดสินคนโกง คนกอบโกยอย่างสาสม แนวความคิดของ บรรจง โซ๊ะมณีนี้ ตรงกับแนวคิดทางพระพุทธศาสนาอย่างน่าสนใจ นั่นคือหลัก กามสุขัลลิกานุโยค อันเป็นเนื้อหาสำคัญของปฐมเทศนาของพระบรมศาสดา กล่าวคือ ธัมมจักกัปวัตนสูตร น่ายินดีที่ได้พบว่า สามัญสำนึกที่ดี ย่อมตรงสอดคล้องหลักธรรมสากลแห่งมนุษยชาติเสมอ และย่อมสร้างสรรค์ประโยชน์อย่างสูงสุดแด่มนุษยชาติ โดยเมตตาจิตที่กว้างขวางไร้ขอบเขตและการกักกันแห่งพรมแดน

 

 



บุคคลที่ 74 วิลลี่ แมคอินทอช


ภาพที่เห็น เขาเป็นคนมีความรับผิดชอบและมีความรักและความห่วงใยที่สม่ำเสมอต่อ น้องสาวคนสวย ผู้มีสายเลือดเดียวกัน แหม่ม-แคทริยา แมคอินทอช ที่แสดงคุณสมบัติของความเป็นมนุษย์จิตใจสูงส่งของเขาและเมื่อมาอยู่ในบทบาทนี้ดูเขามั่นคง ยิ่งใหญ่ และให้ความรู้สึกที่อบอุ่น ปลอดภัย และมั่นคงแก่ชีวิต จิตใจอ่อนโยน ร่าเริง ในธรรมชาติ มีความเป็นคนไทยที่สากลที่สามารถท่องเที่ยวไปได้อย่างอิสรเสรีในโลกมนุษย์ ไม่จำกัดดินแดน ไม่จำกัดเชื้อชาติ ไม่จำกัดถิ่นฐานวัฒนธรรม เขาไปได้หมด หลังสุด 12 ธ.ค. 48เห็นเขาไปมุดทะเล ดูฉลามขาวนักล่าแมวน้ำที่ดุร้ายถึงทะเลเย็นขั้วโลกพร้อมน้องสาว ผู้ที่เขารักและห่วงใยเสมอ ด้วยความสามารถเชิงมนุษยสัมพันธ์อันละเอียดอ่อนโยน เบิกบาน และเขายังมีมนุษยสัมพันธ์อันดีกับธรรมชาติและหมู่สรรพสัตว์ และพืชทั้งหลาย มีความรู้และความเข้าใจดีในธรรมชาติของพืชและสัตว์หลากหลายชนิด ด้วยเหตุของจิตใจพื้นฐานที่มีคุณธรรมแห่งความเป็นมนุษย์ และมองมนุษย์สากลแห่งชาติพันธ์ว่าเป็นพี่น้อง นั่นคือ ความมีภราดรภาพอันสูงส่งในจิตใจของเขา

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 75  ศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ จิระ หงส์ลดารมณ์


เราหยุดแล้ว แต่ท่านยังไม่หยุด พบ ศ.ดร.จิระ หงส์ลดารมณ์ ช่อง ลานธรรม TBC ทีบีซี
(Thai Buddhist Chanel) 18 ธ.ค. 2548 มีบุคลิกภาพที่เยือกเย็นมาก พูดช้า เคลื่อนไหวก็ช้า แม้กระทั่งเวลายิ้มก็ยิ้มช้า แต่เมื่อยิ้มแล้วดูเบิกบาน สว่างไสว มีความถ่อมตนมาก คำนำหน้าท่านคือ ศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ ที่บ่งถึงวิชาการและความหนักแน่นแม่นยำในทฤษฎีแห่งวิชาการของท่าน แต่ท่านมักกล่าวเสมอว่า วันนี้ ผมได้ความรู้มากมาย. กับผู้ใดก็ตามที่มาร่วมรายการด้วยกัน ดูบุคลิกภาพเหมือนอิ่มด้วยความเย็น ที่ถอนสมุฏเหตุได้โดยสิ้นเชิงแล้ว ศ.ดร.จิระ หงส์ลดารมณ์ แสดงจิตใจที่ยิ่งใหญ่ เหมือนขุนเขา ไม่หวั่นไหวไปตามกระแสโลก ในขณะที่โลกไปเร็วเร่งแข่งกับเวลา เร่งรุดไปตามลมร้อนแห่งผลประโยชน์ แห่งวิถีทางการทำมาหากิน ที่จำต้องเร่ง เร็ว และร้อนขึ้นเรื่อย ๆ แต่ ศ.ดร.จิระ หงส์ลดารมณ์ กลับแสดงความหมายแห่งการหยุด ที่ค่อนข้างตรงกับพระพุทธองค์ตรัสต่อองคุลีมาลย์ว่า เราหยุดแล้ว แต่ท่านยังไม่หยุด ฉะนั้น ท่านจึงแสดงความหมายแห่งความสันโดษ และความพอเพียง และความพอดี และมีความพอใจ มีฌาน คืออารมณ์อันลึกซึ้งที่มั่นไม่หวั่นไหวแล้ว ดุจถอนมูลเหตุแห่งอกุศลมูลทั้ง 3 ประการ คือโลภะ ก็ดี โทสะก็ดี และโมหะก็ดีไปได้เสร็จกระทั่งราก เหง้า แห่งกิเลสทั้งหลาย ชีวิตจึงเยือกเย็น ช้า สบาย ๆ มีความเยือกเย็น มีความสุขเต็มเปี่ยม และไร้กังกล นับเป็นชีวิตแบบอย่างที่หาดูได้ยากในโลกยุคใหม่นี้

 

 


บุคคลที่ 76 
ประธานาธิบดียอร์จ ดับเบิลยู บุช
                   President George W. Bush

 

เขาปล่อยไก่งวง ชื่อ แมชแมลโลว์ กับเพื่อนของมันอีกหนึ่งตัว ในขณะที่ชาวคริสต์อเมริกันพากันเชือดไก่งวงถึง 4.5 ล้านตัวฉลองในวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgivingday) เมื่อ 24 พ.ย. 2548 บุชมองในฐานะเสรีชนว่า ไก่งวงก็มีสิทธิ์ในชีวิตของมันไม่น้อยไปกว่ามนุษย์ มันรักและหวงชีวิตของมัน และมันก็กลัวความตายเช่นเดียวกับมนุษย์ เห็นภาพเขามองเจ้าแมชแมลโลว์อย่างกับเพื่อนรักของเขาทีเดียว ด้วยเหตุนี้เขาจึงคิดว่ามนุษย์ไม่มีสิทธิ์โดยสิ้นเชิงที่จะนำมันมาฆ่าด้วยเหตุผลเพียงว่า เพื่อการเซ่นสังเวย หรือบูชายัญแด่พระเจ้ายะโฮวาห์ เท่านั้น เพราะแท้ที่จริง พระเจ้าไร้ตัวตน และมิได้มีบุญคุณอันใดเลยแด่มนุษย์ มนุษย์หลงเชื่อไปเองต่างหาก นับว่ายอร์จ ดับเบิลยู บุช เป็นผู้มีพฤติกรรมทวนกระแสคริสต์อเมริกัน อันเป็นการทวนกระแสโลกอนารยธรรมและป่าเถื่อน เขาคงได้ดูการ์ตูนพระพุทธเจ้า ตอนพระพุทธเจ้าเสด็จไปปลดปล่อยฝูงโคจำนวนนับร้อยตัวให้พ้นจากการเชือดสังเวยของพวกพรามณ์ฮินดู และทรงโปรดพวกพรามณ์เหล่านั้นให้รู้สัจธรรมแห่งชีวิตและละเลิกพิธีกรรมบูชายัญเซ่นสังเวยพระเจ้า เช่นที่ชาวคริสต์อเมริกัน พากันกระทำกับไก่งวงจำนวนมหาศาลในยุคนี้ บุชจึงสมควรได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีจิตใจสูงส่งประเสริฐ มีความรักในชีวิต เทิดทูนสัจธรรมว่าด้วยความเป็นมนุษย์อย่างสูง มีเสรีและภราดรภาพ สมควรเป็นผู้นำมนุษย์ผู้มีจิตใจสูงเยี่ยงนี้โดยแท้จริง เราจึงมีความเต็มใจและภาคภูมิใจที่ได้ยกย่องเขาไว้ ณ ที่นี้ด้วย

 

 


เราจึงขอยกย่องบุคคลดังกล่าวมานี้ ได้แก่ ภัทราวดี มีชูธน ปู่เย็น แก้วมณี รัฐภูมิ อยู่พร้อม ดต.วิชัย
สุริยุทธ  ชนินทร์ ชมะโชติ  ลักษณา จีระจันทร์ อารียา มีนยี กุลนัดดา ปัจฉิมสวัสดิ์ พิมลวรรณ ศุภยางค์ มีสุขแจ้งมีสุข พัชรศรี เบญจมาศ ชูชาติ งามการ อังคาร กัลยาณพงศ์ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ดุสิต ศิริวรรณ  อภิรักษ์ โกษะโยธิน บรรจง โซ๊ะมณี วิลลี่ แมคอินทอช ศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ จิระ       หงส์ลดารมณ์    ประธานาธิบดียอร์ช ดับเบิลยู บุช    ว่าเป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี ประจำปีพุทธศักราช 2548 และหวังว่าท่านเหล่านี้จักดำเนินไปตามครรลองของท่าน ๆ ด้วยดีตลอดกาลนาน ประสบความสำเร็จเป็นมรรคเป็นผลทุกคนทุกท่านเทอญ

 

 

·          บทบรรณาธิการดีเล่มที่ 35

 

 

 

 

 

 

บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี

พุทธศักราช  

2549

 

 

 

และบัดนี้ ก็ถึงเวลาที่หนังสือพิมพ์ดี จะประกาศบุคคลแห่งปี พุทธศักราช 2549  เรามีความยินดี พอใจที่จะประกาศบุคคล ต่อไปนี้ว่าเป็นบุคคลแห่งปี ประจำปีพุทธศักราช 2549 ของหนังสือพิมพ์ดี  ดังต่อไปนี้

 

 

 

บุคคลที่ 77  นิรุตติ  ศิริจรรยา     

 

เขายังคงเด่นในสารคดีแห่งศตวรรษเรื่องตามรอยพระพุทธเจ้า สร้างโดย ชนินทร์ ชมะโชติ  และ ลักษณา จีระจันทร์  เขาประกาศนำเรื่องทุกเรื่องด้วยถ้อยคำหนักแน่น ชัดเจน ในความหมายของความสำคัญของพระพุทธศาสนาที่ฟื้นขึ้นมาในอินเดีย  บอกถึงอารมณ์ความรู้สึกที่เข้าถึงสัจธรรมว่าด้วย  วิชชา  และอวิชชา  สัทธรรม และอสัทธรรม  โลกและโลกุตตระ  พระเจ้ากับมรรคผลนิพพาน อันมีลักษณะเด็ดขาดเด็ดเดี่ยวภายในจิตใจ และรู้ซึ้งไปถึงแก่นธรรมในพระพุทธศาสนา         

 

 

บุคคลที่ 78  ฐิตินันท์  รัตนสุคนธ์ 

 

 

ผู้ให้เสียงบรรยายในสารคดีแห่งศตวรรษ เรื่องตามรอยพระพุทธเจ้า สร้างโดย ชนินทร์ ชมะโชติ  และ ลักษณา จีระจันทร์  ค่อนข้างจะเก็บตัว ไม่ปรากฏ แต่มีสิ่งที่สะท้อนออกมา เสียงที่สะท้อนความชำนาญทางภาษาที่ประกอบด้วยกระแสเสียงแห่งความศรัทธาเลื่อมในในพระพุทธศาสนา เป็นเรื่องที่สะท้อนสภาวะภายในที่ลี้ลับลึกซึ้ง ในความเป็นไปแห่งเรื่องราวแต่ละบทแต่ละตอนของสารคดีตามรอยพระพุทธเจ้าและพระพุทธศาสนา  ทำให้การรับฟังซึ้งไปกับความศรัทธานั้น อย่างลึกซึ้ง ไม่รู้ลืม  เป็นเสียงที่นำสิ่งวิเศษที่อยู่ไกลมาสู่ผู้ที่อยู่ใกล้ ๆ  จากความลี้ลับลึกซึ้งมาสู่ความสว่างไสว  ให้แจ่มแจ้งด้วยอานุภาพแห่งธรรมที่ปลอบประโลมใจคนทั้งหลายทั้งปวง

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 79  แม่ชีไพเราะ ทิพยทัศน์(สิริวรุณ หรือ ดร.ไพเราะ ทิพยทัศน์)  

 

แห่งอาศรมมาตา ต.ภูหลวง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา  อุทิศตนเพื่อการศึกษาวิจัยหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ศึกษาผลงานของท่านพุทธทาสภิกขุ แล้วเสนอเรียบเรียง ทำอรรถาธิบายได้อย่างลึกซึ้ง ง่ายแก่ความเข้าใจและเผยแนวธรรมแนวใหม่ ๆ ออกมาตามลำดับ ๆ  เล่มสุดท้ายที่ลึกซึ้งก็คือ กาลามสูตรสิบ  น่าศึกษา เป็นคติธรรมแห่งโลกยุคใหม่โดยแท้จริง

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 80  แม่ชีศรีวรรณ กันทาสุวรรณ 

 

 

แห่งศูนย์ศึกษาและปฏิบัติแก่นพุทธศาสนา 2/6 ซอยราษฎรเจริญ ถนนบัวหลวง ตำบลรอบเวียง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย  เขียนบทศึกษาและวิเคราะห์หลักพระพุทธธรรมเชิงวิทยาศาสตร์ออกมาหลายเล่มเชิงวิทยาศาสตร์   ท้ายสุด  ปาฏิหาริย์แห่งการเจ็บป่วย   บอกการรักษาความเจ็บไข้ ด้วยสมาธิ และ  วิธีธรรมชาติ  เอากรณีตัวเองเป็นตัวอย่าง  การปฏิญญาณตน อยู่ในฐานะแม่ชีผู้ถืออุโบสถศีล ย่อมยากลำบาก

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 81  พัชรา กอปรทศธรรม 

 

ทำงานในวงการศึกษามาตลอด 20-30 ปีนี้ มีประสบการณ์ชีวิตที่เลวร้ายแต่ฝ่ามาได้ด้วยการประพฤติปฏิบัติธรรม แล้วมองสังคม การเรียน การศึกษาโดยมีหลักธรรมเป็นมาตรฐาน  เสนอบทวิเคราะห์การเฝ้าดูวัฒนธรรมโลกจากจอแก้วพร้อมให้ข้อวินิจฉัยทางปัญญาตามหลักธรรมมาโดยตลอด เขียนบทความลงเวบไซท์ พบงานของพัชรา กอปรทศธรรมใน http//www.newworldbelieve.net และเผยแผ่บทความที่ต่อต้านวัฒนธรรมทรามลงในเอกสารแจกจ่ายในวงการศึกษาโดยตลอดมา สุดท้ายคือทำหนังสือชื่อ พุทธธรรมเพื่อทางดับทุกข์ แสงสว่างนำทางผู้ที่กำลังเจ็บป่วยทางจิต พัชรา กอปรทศธรรม  มีจิตใจเป็นนักเผยแผ่โดยธรรมชาติ  โดยธรรมที่พร้อมด้วยความเสียสละและสุจริตใจต่อประชาชนโดยแท้จริง

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 82 ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์   

 

 

รู้โลกรอบด้าน ผจญชีวิตและเอาตัวรอดในต่างถิ่นต่างแดน  ใฝ่ในชีวิตที่ท่องเที่ยวไปคบหาสมาคมกับคนทุกลัทธินิกายศาสนา ด้วยจิตวิญญาณนักศึกษา ที่ใฝ่เรียนรู้เชิงการศาสนา วัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของมวลมนุษย์ ที่เขาถือว่าเป็นเพื่อนร่วมชะตากรรม ร่วมทุกข์ร่วมสุขอยู่ในเกาะแห่งโลกนี้  มีประสบการณ์เหลือล้นจากการเดินทางไปทั่วโลก อย่างนักท่องเที่ยวศึกษาหาความรู้และความดีงาม  โดยได้มีโอกาสเดินทางไปสู่ประเทศต่าง ๆ ถึงกว่า 67 ประเทศ  และสรรเสริญหลักธรรมที่เป็นวิทยาศาสตร์  เขามองลึกซึ้งไปถึงจิตวิญญาณ หรือนามธรรมอันเป็นสากลและมองอย่างปราศจากอคติปราศจากแนวคิดอย่างชนชั้น มีความเป็นภราดรภาพ  เสมอภาค  และ ประชาธิปไตย  เห็นได้จากคำกล่าวว่า จิตวิญญาณของคนเก็บขยะเป็นจิตวิญญาณที่สูงส่ง  สะท้อนถึงสาระและอสาระแห่งชีวิตนี้  นั่นคือรูปก็ดี นามก็ดี มีความสัมพันธ์กันแต่นามธรรมย่อมเป็นส่วนบริหารที่เป็นผู้นำไปเสมอ   นามธรรมจึงต้องถูกฝึกฝนและฝึกปรือให้ดี นี่คือสาระแห่งชีวิต

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 83  ยืนยง โอภากุล  

 

 

เจ้าของกิจการระดับนานาชาติ คาราบาวแดง  ทุกวันนี้เขายังคงร้องเพลง สามัคคีประเทศไทย อยู่ เพลงที่ดังสุด ๆ ของเขา 1 ใน 3 ก็คือ สมภารเซ้งโบสถ์  ที่บอกความหมายเชิงการปฏิวัติระบบสงฆ์ ที่แฉความจริงเบื้องหลังระบบสงฆ์ปัจจุบัน และเขากล้าหาญที่นำมาขับร้องอย่างเปิดเผยต่อสาธารณะ  ถูกกฎหมายชอบธรรมมันก็จริงแต่สิ่งที่ไม่เหลือคือความศรัทธา  เขามีความเป็นอิสระ ร่าเริงและความเป็นตัวของตัวเองสูง  มีความรักชาติ  และ  รักความเป็นธรรม  และมองโลกตรงตามความเป็นจริง   ในแง่ที่ว่า  มองตน และมองโลก ให้สัมพันธ์กัน   รักกัน  เรากับโลก  มองโลกโดยความเป็นธรรมชาติ  และอยู่กับโลกโดยอยู่กับธรรมชาติ ให้สอดคล้องครรลองแห่งธรรมชาติ

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 84  โฉมฉาย อรุณฉาน (นิตยา อรุณวงศ์)

 

 

รายการเสียงสวรรค์เมื่อวันวาน  ช่อง 11  เป็นทายาทสืบสานศิลปะการขับร้องของ สุนทราภรณ์ ได้อย่างหมดจดบรรจง ในบทเพลงที่หวานซึ้งที่แฝงแนวคติวัฒนธรรมอันดีงามแบบไทย เช่นบทเพลง สมมติว่าเขารัก  ถ้าเธอจะรักฉันก็จะรอ  คอยหามาหาย  รอคนรัก  วิมานบ้านนา  หนาวนี้เมื่อปีก่อน  เป็นต้น  ภาพที่เห็นจากจอแก้ว สะท้อนความมีชีวิตชีวา ความอุตสาหะ  ความมีฉันทะในงานประจำที่ทำอยู่  ความพยายาม ความอุทิศและความเสียสละที่ไม่เคยเห็นแววร่องรอยแห่งความท้อถอยความเหน็ดเหนื่อย  เต็มไปด้วยน้ำจิตน้ำใจใฝ่ในความปลอบประโลมจิตใจผู้ได้พบกับความสิ้นหวังและความทุกข์ ให้ฟื้นคืนสู่ควมมีสติ  เสียงเพลงที่ขับร้องจึงบอกไปถึงความละมัยในธรรมะ แห่งหัวใจคนใฝ่ในธรรมะอย่างลึกซึ้ง

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 85  พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน  หน.คมช./ผบ.ทบ.

 

 

มีความเป็นทหารอาชีพ  มีฝีมือ  รู้ยุทธศาสตร์และยุทธวิธีที่แพรวพราว  มีอารมณ์จิตใจเยือกเย็น  มั่นคง ปราศจากความหวาดสะดุ้ง  มีบุคคลิกภาพเฉียบอาจข่มขวัญข้าศึกศัตรู ผู้ก่อการร้ายได้   มีความเป็นภราดรภาพ  เกลื่อนสีหน้า แววตาได้สนิท  ที่บ่งบอกถึงอารมณ์ฌานคือ ปิติ ปัสสัทธิ ระดับหนึ่ง  มีความเข้าใจหลักการแห่งศาสนาสากล พึ่งตน นิยมความสามารถของตน ทำตนให้เป็นสุขโดยอุเบกขาธรรมารมณ์ได้เป็นปกติ

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 86  พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส 

 

 

เมื่อเป็นจเรตำรวจอยู่ เผยภาพที่ดี ซื่อตรง บริสุทธิ์ กล้าสู้กล้าทำงานตรงไปตรงมาโดยเฉพาะงานปราบปรามผู้มีอิทธิพลและแหล่งอบายมุข บัดนี้มาเป็น รก.ผบ.ตร  ท่านบอกว่าท่านพร้อมที่จะทำหน้าที่ทันที  ท่านรู้อะไรหมดในวงการตำรวจ  ท่านไม่จำเป็นต้องศึกษางานก่อน  เพราะท่านศึกษาไว้หมดแล้ว ท่านทำได้ทันที ซึ่งเป็นถ้อยคำที่ยากจะกล่าวสำหรับคนอื่น ๆ จึงแสดงถึงพลังความบริสุทธิ์ใจ และกรรมดีของท่านทำให้เกิดความกล้าหาญในการที่จะทำความดี   มุ่งมั่นในการสร้างสมความดีงามตลอดไป  นี่เป็นความกล้าหาญที่เป็นแบบอย่างของคนดี  คนบริสุทธิ์  ซื่อตรง  ไม่เกรงกลัวหวาดหวั่นต่อคนทุจริตคิดมิชอบและผู้มีอิทธิพลในทางเลวร้ายทั้งหลาย ทำให้สังคมประเทศชาติ และคนดี ๆ ทั้งหลายมีความหวังในอนาคต

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 87  นฤมล ศิริวัฒน์   

 

 

สตรีที่ทำงานเบื้องหน้าเบื้องหลังวงการกีฬาหญิงไทยอยู่อย่างขวักไขว่จริงจังในวันนี้  ขณะเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงไทย และกีฬาหญิงอีกหลายประเภท  ได้เห็นความเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว เข้มแข็ง โดยไม่เหน็ดเหนื่อย  ทำงานไม่เหน็ดเหนื่อย เนิ่นนาน  ปีแล้วปีเล่า คงเห็นบุคลิกภาพอันลงตัวสม่ำเสมอ  นับเป็นหญิงเก่งที่จิตใจเหนียวแน่นในอุดมการณ์ มีความฉลาด มีปัญญา พร้อมด้วยความทรหดอนทนในการต่อสู้  ที่บ่งถึงวิถีทางที่ปฏิบัติทางธรรมในจิตใจ  มีหลัก สัจจะ ทม  ขันติ  จาคะ  พร้อมอยู่ในคน ๆ เดียว  ที่ควรแก่ความรักความศรัทธาของประชาชนและวงการกีฬาตลอดไป

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 88  สินจัย เปล่งพานิช  

 

 

ภาพที่ปรากฏในโฆษณาทางโทรทัศน์ ออกมาดี  ที่สะท้อนชีวิตจริงของตน มีความรักและมีชีวิตชีวาของครอบครัว  พ่อ แม่ ลูก    ชีวิตมีความสุข และมีความมั่นคง   มีความสดชื่นรื่นเริงในวิถีทางที่ถูกต้อง  วาทะที่เป็นสัจธรรมว่า งานก็มีความสำคัญพอ ๆ กับครอบครัว  ดังวาทะว่า "นกว่าครอบครัวต้องมาก่อนค่ะ แต่ถ้าไม่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง นกก็จะเลือกทั้งสองอย่างเพราะว่าทั้งสองอย่างมีความสำคัญเท่าเทียมกัน       ความจริงงานก็มีส่วนทำให้ชีวิตสมบูรณ์ในหลายๆด้านนะ และการทำงานทำให้เรารู้สึกมีคุณค่า นอกเหนือจากหน้าที่ในบทบาทหรือหน้าที่ของครอบครัว      เพราะไม่ว่าเราจะอยู่ในฐานะลูก หรือฐานะแม่ หรือในฐานะใด ๆ ก็ตาม ครอบครัวคือพื้นฐานของสังคม กำหนดความเป็นไปของโลก ต่อให้เราอยู่กับคนหมู่มากอย่างไร ครอบครัวก็เป็นที่ที่ปลอดภัยมากที่สุด ที่สำคัญครอบครัวเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตค่ะ"  นั่นบ่งถึงความเมตตา  ความเป็นภรรยา  และความเป็นแม่ที่เยือกเย็นและบริสุทธิ์ และชีวิตที่อยู่ในวิถีแห่งธรรมอันลึกซึ้ง

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 89  สายสวรรค์  ขยันยิ่ง 

 

 

จิตใจอ่อน เย็น แต่สุขุม และเบิกบาน  เป็นสตรีนักสู้ ในวงการสื่อสารมวลชน ที่สู้อย่างสุภาพ  สุจริต  และเป็นธรรม  เป็นหนึ่งในผู้ให้กำเนิด  ชื่อ  TITV และมีรายการล่าสุด คืนนี้กับสายสวรรค์ ที่สรรมาแต่เรื่องราวที่เกี่ยวกับชะตากรรมของมนุษย์ที่จะต้องเป็นไปตามกรรม เรื่องราวของผู้ที่สร้างผลกรรมและผลกรรมของเขา  ดำรงชีวิตสมถะโดดเดี่ยว  แต่เด็ดขาด มั่นใจ  แฝงภูมิปัญญาชัดเจนในเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง และทำงานมีความสุข

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 70  ชูชาติ เทศก์สีแดง 

 

 

พบชูชาติ เทศก์สีแดง ในรายงานข่าวช่อง 11  เขาอยู่ทำงานนี้มานานแล้ว จนเข้าวัยหนุ่มใหญ่มาก  แต่เขาก็ทำหน้าที่รายงานข่าวไปเรื่อย ๆ ด้วยน้ำเสียงที่เรียบราบสนิท ไร้ความรู้สึกรัก รู้สึกชัง  เราได้พบสิ่งที่ดีก็คือ  ความเยือกเย็น  เหมือนแม่น้ำใหญ่  ที่ไหลเอื่อย ๆ   เสมือนได้รู้แจ้งสัจธรรมแห่งชีวิตแห่งความเป็นธรรมดา  และกล่าวว่า  เราพบสัจธรรมว่าด้วย ทุกขํ อนิจฺจํ อนตฺตา แล้ว   และบัดนี้เราหยุดแล้ว  มีความสุขด้วยความพอดี  ด้วยความพอเพียง ยืนยันได้ว่าหลักการแห่งความสันโดษของชีวิตนั้นได้พบแล้ว  มีความสบาย มีความสุขจริง 

 

 

 

 

บุคคลที่ 71  ดนัย  อุดมโชค   

 

นักกีฬาเทนนิส ชาวไทยอันดับโลกดีที่สุดอยู่ที่อันดับ 77 เคยชนะฮวน คาร์ลอส เฟอร์เรโร อดีตมืออันดับ 1 ของโลก ในออสเตรเลียนโอเพน  ล่าสุดชนะเลิศเทนนิสชายเดี่ยว เอเซียนเกมส์ 2549 ที่เมืองโดฮา ประเทศการ์ตาร์  เขามีสติอยู่กับพระรัตนตรัย  ตลอดเวลาที่มีการแข่งขัน  เขาประกาศตัวว่าเขาเป็นชาวพุทธ  ผู้นับถือพระพุทธเจ้า  ปรากฏจากสร้อยคอที่มีพระพุทธรูปเครื่องรางคล้องคออยู่ตลอดเวลาที่มีการแข่งขัน  และมีความเป็นนักกีฬา  ซื่อตรงต่อกฎกติกาของการกีฬา  มีวินัยอย่างธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 72  โทนี แบลร์ 

                   (แอนโธนี ชาร์ลส์ ลินตัน โทนี แบลร์ : Anthony Charles Lynton Tony Blair)

 

 

นายกรัฐมนตรีอังกฤษ หัวหน้าพรรคแรงงาน ผู้นำนโยบายไร้ชนชั้นในมนุษย์เสรี  ผู้ชนะพรรคอนุรักษ์นิยมอังกฤษ คือพรรคหัวเก่า ระบอบเก่า ระบบเจ้าขุนมูลนาย หรือระบบขุนนางอังกฤษเดิม ในการเลือกตั้งถึง 3 สมัยติดต่อกัน  เมื่อเร็ว ๆ นี้เขาได้ประกาศต่อหน้ากลุ่มผู้สนับสนุนเขาที่เมืองเซดจ์ฟิลด์ ว่าจะวางมือจากการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ โดยกำหนดไว้ชัดเจนว่า  จะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 27 มิถุนายน 2550  เมื่ออยู่ในตำแหน่งมาครบ 10 ปี  และยังมีวาระเหลืออยู่อีกถึง 2 ปี    จะมอบให้เพื่อน นายกอร์ดอน บราวน์ รัฐมนตรีคลัง เป็นนายกรัฐมนตรีแทน ซึ่งแสดงถึงจิตใจที่รักความเป็นธรรมและไม่หวงแหน  ไม่หลงยึดถือดีในอำนาจที่ได้จากการสมมติ  นอกจากนี้หลังเหตุการณ์ 11 ก.ย. 2547 คือการถล่มเวิร์ลเทรดเซนเตอร์ ของจอมโจรบินลาดิน   เขาได้ตั้งใจแน่วแน่ขึ้น ในการร่วมมือกับสหรัฐอเมริกาต่อต้านขบวนการก่อการร้ายโลก สิ่งที่เราพอใจและยกย่องให้เป็นบุคคลแห่งปีคือวาทะของเขาที่ว่า  การต่อสู้ทำสงครามกวาดล้างผู้ก่อการร้ายนั้นมันผิดตรงไหน  มันไม่คุ้มการลงทุนตรงไหน  คล้ายจะให้ข้อคิดเชิงสัจธรรมว่า  การก่อการร้ายนั้นก็คือการก่อการร้าย  ย่อมตรงกันข้ามกับการก่อการดี การก่อการร้ายย่อมไม่มีคุณประโยชน์อะไรต่อความสงบสันติสุขของโลกมนุษย์ ที่จำเป็นอยู่เองที่ชาวโลกต้องร่วมมือขจัดออกไปให้หมดสิ้น  เราเห็นว่า  แบลร์ กล่าวสัจธรรมว่าด้วยมรรคผล ในพระพุทธศาสนา  ในประเด็นที่ว่าด้วยความบริสุทธิ์แห่งญาณและปัญญา  คือวิมุตติ  นั้นมีศัตรูคือกิเลส กาม และตัณหา   จะอยู่ร่วมกันไม่ได้ นักธรรมในศาสนาพุทธจะต้องขจัดกิเลส กาม ตัณหา ให้เกลี้ยงหมดจด จึงบรรลุมรรคผลนิพพาน เสมือนโลกต้องร่วมกันขจัดปัญหาการก่อการร้ายให้เกลี้ยงโลก จึงจะนำสันติภาพ สันติสุขมาสู่โลกได้      นอกจากนั้นแบลร์ยังแสดงถึงความเป็นลูกผู้ชายนักสู้ ที่มั่นใจในอุดมการณ์ อย่างเต็มตัว  เขาไม่ยอมสะดุ้งกับคำกล่าวเชิงดูแคลนว่า   ตลอดเวลาที่อยู่ในตำแหน่งเขาใช้นโยบายตามก้นอเมริกาไปทุกอย่างในเรื่องการต่างประเทศ    แม้กระทั่งคำพูดทุกถ้อยคำเขาก็คล้อยตามไปกับประธานาธิบดียอร์ช ดับเบิลยู บุช แห่งอเมริกาแทบทุกถ้อยคำ    เขาไม่สะเทือนต่ออสัจธรรม แห่งการดูแคลน  เขามั่นใจในการกระทำสิ่งที่ถูก ให้การกระทำสิ่งที่ถูกต้องพิศูจน์ตัวเอง  และพร้อมที่จะร่วมมือกับบุคคลผู้กระทำสิ่งที่ถูกต้องโดยความหมายถึงความร่วมมือและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับความถูกต้องแล้วย่อมพบความสันติสุขด้วยกัน และนี่น่ายกย่องเป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดีอย่างแน่นอน  

 

 

เราจึงขอประกาศนาม  นิรุตติ  ศิริจรรยา      ฐิตินันท์  รัตนสุคนธ์   แม่ชีไพเราะ ทิพยทัศน์แม่ชีศรีวรรณ กันทาสุวรรณ  พัชรา กอปรทศธรรม ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์  ยืนยง โอภากุล โฉมฉาย อรุณฉาน พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน  พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ เตมียาเวส  นฤมล ศิริวัฒน์  สินจัย เปล่งพานิช    สายสวรรค์ ขยันยิ่ง  ชูชาติ เทศก์สีแดง  ดนัย อุดมโชค  โทนี แบลร์  ว่าเป็นบุคคลแห่งปีพุทธศักราช 2549 ของหนังสือพิมพ์ดี  ไว้ ณ ที่นี้

 

 

·         บทบรรณาธิการดีเล่มที่ 38

 

 

 

 

 

 

 

 

 

                   

 

 

บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี
  พุทธศักราช
 

2550

 

 

 

 

 

 

และในบทบรรณาธิการวันนี้ ได้ถึงเวลาที่เราจะขอประกาศบุคคลแห่งปีพุทธศักราช 2550  โดยเราจะให้ลำดับต่อจากบุคคลแห่งปีที่แล้ว   ดังต่อไปนี้ 

 

 

 

 

บุคคลที่ 73  อ่อง ซาน ซู จี 

                   ผู้นำฝ่ายค้านแห่ง สหภาพพม่า (Union of Myanmar

 

 

                  อ่อง ซาน ซู จี มีบุคลิกภาพที่บ่งบอกไปถึงสติปัญญา  ตะปะ และความทรหดอดทนอย่างเยี่ยมยอด ในการรอคอย จังหวะที่เหมาะสม อุปมาเหมือนเสือที่รอคอยเหยื่อให้เข้ามาใกล้ ๆ ในระยะที่พอดีกับการออกไล่ล่า  มีความเยือกเย็นและความศรัทธาในหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง  ปลงและปล่อยวาง  เย็นจนเห็นนิพพาน  คือเย็นไปตลอดกาล  เรามั่นใจว่า อ่องซาน ซูจี จะสามารถทรงความเยือกเย็นไปได้ตลอดกาล  โดยเห็นจากเหตุการณ์ในระยะหลังในเมียนม่าร์ ที่มีการเดินขบวนเรียกร้องประชาธิปไตยในพม่าช่วงเดือน ก.ย.  มาถึงสิ้นปี 2550 นี้  แน่ละเธอได้แสดงตนเป็นชาวพุทธผู้ลึกซึ้งให้ปรากฏไปทั่วโลกโดยตลอดมาจนถึงบัดนี้ และแม้สงฆ์ในพม่าส่วนใหญ่ก็มีความเชื่อความเลื่อมใสและเห็นคุณค่าในตัวเธอจนกล้าออกมาสนับสนุนร่วมขบวนการประชาธิปไตยด้วย ทั้งนี้โดยความหมายแห่งญาติธรรม หรือเลือดเนื้อเชื้อไขแห่งธรรม  หรือบุตรีแห่งธรรมผู้สง่างาม และกล้าหาญนั่นเอง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 74 พล.ต.ต. นภดล เผือกโสมณ

 

                  แผ่นดินเดือดที่นราธิวาส ได้เกิดวีรบุรษขึ้นคนแล้วคนเล่า  และนี่คือ 1 ในวีรบุรุษเหล่านั้น พล.ต.ต.นภดล เผือกโสมณ เดิมมียศ พ.ต.อ. มีภริยาและลูกสาว เป็นครอบครัวพ่อ แม่ ลูก รวม 3 คน  ที่มีความรักและความสุข แต่หัวหน้าครอบครัวต้องเผชิญชะตากรรมร้ายแรงในสามจังหวัดภาคใต้  ระหว่างวันที่ 5-11 พ.ค.2550  มีแต่ข่าวร้าย ๆ  จากสามจังหวัดภาคใต้ ที่กระทบกระเทือนจิตใจคนไทยมากที่สุดเรื่องหนึ่งก็คือ  พ.ต.อ.นภดล เผือกโสมณ รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาสเหยียบกับระเบิดของคนร้าย แขนขาขาดและบาดเจ็บแทบเอาชีวิตไม่รอด  แต่ก็รอดได้อย่างประหลาด ด้วยอานุภาพแห่งความดี ความบริสุทธิ์ใจและความจงรักภักดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  เขาประกาศสู้ไม่ถอย  ว่าหากไม่ตาย แม้พิการก็จะขอลงมาต่อสู้ที่สามจังหวัดภาคใต้ต่อไป  อันเป็นสิ่งที่สะท้อนความกล้าหาญและจิตใจธรรมะว่ามาจากความสัจจริงที่ว่า  ธรรมะย่อมชนะอธรรม  เป็นไปไม่ได้ที่อธรรมจะชนะธรรมะ    (อสาธุ สาธุนา ชิเน)  และนี่คือแบบอย่างแห่งความกล้าหาญของนักรบ สำหรับประชาชนไทยทั้งชาติ  และสำหรับเพื่อน ๆ นักรบทั้งหลายที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในแดนใต้อันตรายขณะนี้

 

 

 

 

บุคคลที่ 75  คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ 

 

อธิบายเรื่องแนวคิดการปฏิรูประบบราชการอย่างมีเหตุผลสำหรับความเป็นมนุษย์และสังคมมนุษย์ ยุคประชาธิปไตยที่สอดคล้องหลักธรรมวินัยของพุทธศาสนา นั่นคือหลักการว่าด้วยงานกับความเป็นธรรม   บำเหน็จควรได้ด้วยผลงานจริง ๆ นั่นหมายถึงตำแหน่งที่คู่ควรกับงาน  ไม่ใช่ชั้นยศ  จึงจะสอดคล้องหลักธรรม  ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว   ท่านได้อธิบายเรื่อง ร่างพรบ.ใหม่เกี่ยวกับการจัดระบบราชการพลเรือนใหม่  ที่ให้เลิกระบบซี  หรือระบบชนชั้นในระบบราชการ  แต่ให้มีระบบตำแหน่งแทน  คำอธิบายมีว่า  ระบบชั้นหรือซี  บกพร่องในความยุติธรรมว่าด้วยงาน  โดยหลักการยุติธรรมแล้ว คนทำงานต้องได้รับการตอบแทนที่สมกับงาน  แต่ระบบซี คนที่อยู่ในระดับซีสูง ๆ บางคน ไม่มีความรู้ในงานเลย ทำงานไม่เป็นเลยก็มี ก็เป็นอยู่ในระบบราชการไทยขณะนี้ (มาเป็นหัวหน้าของเขาได้โดยที่ไม่มีความรู้ในงานที่ตนเองดูแลอยู่เลยก็มี)  งานเป็นเหตุผลของการอยู่ในตำแหน่ง  ไม่ใช่ซี อย่างในปัจจุบันนี้  ซึ่งสร้างความไม่เป็นธรรมให้เกิดขึ้นในวงการราชการ  ดูเป็นเหตุผลเดียวกับแนวคิดการที่ต้องปฏิรูปการศาสนา การคณะสงฆ์ไทยในปัจจุบันนี้ อันเป็นแนวคิดที่สอดคล้องหลักพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เพราะระบบซี แท้จริงคือระบบชนชั้น  ที่ไม่อยู่บนเหตุผลที่ชอบธรรม นั่นเอง เราเห็นว่า คุณหญิงท่านมีวิสัยทัศน์ในเรื่องนี้อย่างแจ่มแจ้งที่แทงทะลุปรุโปร่งไปถึงวงการสงฆ์ไทยได้อย่างแจ่มแจ้ง (คือระบบชนชั้น หรือ ชั้นยศในวงการสงฆ์ไทย  เปิดโอกาสให้สงฆ์ที่ไม่มีมรรคไม่มีผลแม้ระดับต้น ๆแห่งมรรคผล  หรือแม้ระดับศีลสามัญตา และทิฏฐิสามัญตา แต่สามารถขึ้นไปอยู่ในชนชั้นที่สูงสุดของวงการสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าได้  เป็นต้น)   

 

 

 

 

บุคคลที่ 76 ปรัชญา ปิ่นแก้ว   

 

            ภาพยนตร์ได้ระดับมาตรฐานสากล มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีฝีมือนับแต่หนังแอ๊กชั่นเรื่อง องค์บาก และต้มยำกุ้ง ที่เขาทำให้ชื่อเสียงของนักแสดงไทยคือ จาพนม โด่งดังไปทั่วโลก   ปรัชญา ปิ่นแก้ว เป็นผู้ที่เก็บความซู่ซ่าได้ดี เพราะความถ่อมตน  เหตุผลในการสร้างภาพยนตร์ของเขาดีมาก หมายถึงมุมมองที่เป็นสัจธรรมและเป็นวิทยาศาสตร์  ในหนังใหม่ของเขาคือ ช๊อกโกแลต  เขาแสดงทัศนะแห่งความมีเหตุมีผลว่า ผู้หญิงที่สู้ผู้ชายได้ มันก็ต้องทำให้เชื่อให้ได้ อย่างจีจ้าตัวเล็กๆแขนเล็กๆ ขาเล็กๆจะต้องทำยังไง ถ้าเกิดเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสู้ผู้ชายได้เป็นสิบๆคน ต้องเหลือเชื่อแน่ๆ ว่าเขาทำได้ยังไง  แต่ถ้าเขาเป็นเด็กพิเศษละซึ่งในความเป็นตรรกของภาพยนตร์ มันก็ต้องมีความน่าเชื่อถือของตรงนี้ใส่เข้าไปด้วย (เขาจึงกำหนดให้จีจ้า ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ มีความพิเศษที่ ความเป็นออทิสติก)  แล้วให้เวลากับการฝึกซ้อมทั้งในส่วนของการแสดงเองและแอ็คชั่นของตัวละครตัวนี้ให้ทุกรายละเอียดทั้งหมดมาอยู่ที่ตัวจีจ้าให้มากที่สุด ในระหว่างที่ไม่มีถ่าย มันก็คือเวลาของการฝึกซ้อมของจีจ้าที่จะต้องทำให้ตัวเองเป็นเด็กออทิสติกให้ได้   ในส่วนของทักษะทางด้านการต่อสู้ ซึ่งฉากการต่อสู้ที่ถูกออกแบบมาในแต่ละฉาก จะต้องมีการถูกฝึกซ้อมตามลำดับ ตามกำหนดที่เราวางเอาไว้   ตามเหตุผลดังนี้จึงถือว่าปรัชญา ปิ่นแก้ว เป็นนักสร้างที่ประสบความสำเร็จแบบโลดโผน ยิ่งใหญ่  และหนึ่งในความหมายของเขาก็คือ ทำอะไรคำนึงถึงเหตุและผล  ต้องมีเหตุมีผล เป็นวิทยาศาสตร์ และเป็นพุทธ (คืออยู่ที่เหตุผล ความสามารถ การฝึกซ้อม  ไม่ใช่ต้องอ้อนวอนบวงสรวงให้พระภูมิ เจ้าที่ ผีสาง เทวดามาช่วยทำ เพราะ สิ่งเหล่านั้นแท้จริงช่วยอะไรไม่ได้เลย)  

 

 

 

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 77  ครูนวลน้อย ทิมกุล   

 

 

                  ครูนวลน้อย ทิมกุล เป็นประชาชนคนจน ๆ คนหนึ่งของประเทศไทย ที่ไม่ได้มีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีเด่นมั่นคงพิเศษกว่าคนธรรมดา ๆ คนหนึ่งแต่อย่างใด แต่เป็นครูผู้มีจิตวิญญาณครูอยู่เต็มเปี่ยม สามารถอุทิศตนเพื่อการให้  โดยให้ความรู้การศึกษา อาหาร ที่อยู่ที่พักพิง และความอบอุ่นที่ปลอบประโลมใจ แก่เด็กอนาถาที่เร่ร่อน ครัวแตก และไม่มีบ้านอยู่ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 ถึง ปัจจุบันเป็นเวลา 28 ปีเข้าแล้ว  เด็ก ๆ ที่ครูนวลน้อยได้ให้ความช่วยเหลือมาล้วนเป็นเด็กที่มีปัญหาทุก ๆ ด้าน นับแต่อยู่ในครอบครัวที่มีฐานะยากจน เด็กที่พ่อแม่ต้องโทษจำคุก เด็กเร่ร่อน และเด็กที่ไม่มีโอกาสทางการศึกษาโดยนิตินัย เท่าเทียมกับเด็กอื่นๆ ปัจจุบันมีเด็กในความดูแลของ "บ้านครูน้อย" จำนวน 128 คน มีทั้งหญิงและชาย ระหว่างอายุ 6-18 ปี ในจำนวนนี้มีเด็กที่กำลังเรียนในสถานศึกษาต่างๆ 98 คน นอกนั้นเป็นเด็กเล็ก หรือเด็กพิการซ้ำซ้อน หลายคนในจำนวนนี้กลับไปพักที่บ้านของตนในเวลากลางคืน แต่ก็ยังมีเด็กอีกจำนวนไม่น้อย ที่พักอาศัยที่ "บ้านครูน้อย" และที่บ้านเช่า ซึ่งครูน้อยรับภาระค่าเช่าบ้าน เพื่อให้เด็กๆ ได้มีที่นอนอย่างปลอดภัย  ประเด็นของครูน้อยที่เราเห็นก็คือ ครูน้อยไม่คิดว่าการมีประกาศนียบัตรครู เป็นเรื่องสำคัญที่ปิดกั้นความเป็นครู สิ่งที่ทำให้คนเป็นครูที่ดีไม่ได้อยู่ที่ประกาศนียบัตร์ หรือปริญญาที่รับรองให้   ถึงไม่มีประกาศนียบัตรหรือปริญญาก็เป็นครูที่ดีได้  แม้ครูผู้ยิ่งใหญ่ของโลก คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงเป็น สตฺถา เทวมนุสฺสานํ คือทรงเป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ก็มิได้มีใครออกใบประกาศนียบัตรให้พระองค์ เพื่อการทรงงานที่เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย  กว่าจะมาถึงวันนี้ ครูนวลน้อย ได้ต่อสู้มาอย่างหนักหน่วง  เพื่อการเริ่มต้นงานการศึกษาของชีวิตระดับแรกเริ่มของชีวิต เป็นผู้มองไกลไปถึงอนาคตของเด็ก ๆ ที่จะดีหรือเลวร้าย เพราะขาดการศึกษา   หากปราศจากปัญญา ขาดวิสัยทัศน์ ขาดเมตตา และความเสียสละแล้วก็คงจะไปได้ไม่มาถึงเวลานี้  ที่มีความสุขความพอใจกับงานการช่วยเหลือเด็ก ๆ ผู้ยากไร้ ด้อยโอกาสในการเรียน จึงสมควรแก่ฐานะ บุคคลแห่งปี พ.ศ.2550 ของหนังสือพิมพ์ดีทุกประการ

 

 

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 78  ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง 
                  รมว.มหาดไทย รัฐบาลสมัคร 1 

 

 

                  ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พูดติดปาก และมักจะออกวาทะเสมอว่า ผมเป็นชาวพุทธ  เขาบอกอย่างเปิดเผยว่า อยากเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย  และเขาก็ได้เป็นสมใจ  ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมในความสำเร็จของเขา  แต่ประเด็นสำคัญของความเป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดีก็คือ  เขาเป็นรัฐมนตรีคนเดียว ที่ไม่ปรากฏภาพการบวงสรวง หรือการน้อมศีรษะบูชาสิ่งที่ไร้สาระสำคัญ เช่นพระภูมิเจ้าที่ ผี สาง เทวดา เทพเจ้า ทางจอแก้วในเวลาที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ ๆ ไม่เห็นเขาจุดธูปจุดเทียนน้อมไหว้สิ่งที่ไม่มีตัวตน ในศาลเล็ก ๆ หรือศาลใหญ่ ๆ ก็ตาม ที่ชาวบ้าน ๆ เรียกกันว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ (เช่นจตุคามรามเทพ เป็นต้น)   เราเห็นว่า นี่คือความมีศักดิ์ศรีแห่งมนุษย์  ความมีมนุษยธรรม  ความมั่นใจในธรรมะของความเป็นมนุษย์  และบอกถึงความเป็นธรรม เนื่องจากปราศจากอคติ4 คือ ฉันทาคติ เพราะความรัก   โทสาคติ เพราะความชัง  โมหาคติ เพราะความหลงหรือความไม่รู้(โง่)  และภยาคติ เพราะความกลัว เมื่อเขาไม่เกรงกลัวแม้เทพเจ้าแล้วก็เป็นอันมั่นใจได้ว่าจะมีความเป็นธรรมหรือความเป็นกลางต่อประชาชนอย่างแน่นอน   และ สมควรที่จะได้รับการยกย่องเป็นบุคคลแห่งปี พ.ศ.2550 ของหนังสือพิมพ์ดี  

 

 

           

             

             

             

             

           

บุคคลที่ 79  พิชัย  วาศนาส่ง   

 

พิชัย วาศนาส่ง เป็นผู้เชี่ยวชาญผู้รู้ในศาสตร์และศิลป์สาขาต่าง ๆ   เช่นดนตรีสถาปนิกนักเขียน นักวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศ  เป็นผู้มีชื่อเสียงจากการจัดรายการโทรทัศน์ ต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี  เป็นผู้ที่รักภาษาไทย และใช้ภาษาไทยได้ถูกต้อง ได้ปริญญานิเทศศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยปัจจุบัน มีผลงานการเขียนบทความให้กับนิตยสารต่วย'ตูนพลอยแกมเพชร และคอลัมน์ "ข้างครัว" ในนิตยสารสารคดี บอกเล่าเรื่องราว ประวัติความเป็นมาของอาหารนานาชาติ  ฯลฯ  ซึ่งเป้นสิ่งชี้บอกความรอบรู้ของเขา  และในการประชุมรัฐสภาหนแรกของปีพุทธศักราช 2551 ในฐานะสมาชิกรัฐสภา พิชัย วาศนาส่งลุกขึ้นอธิบายประเด็นโลกร้อน  โดยอธิบายอย่างครอบคลุมองค์รวมทั้งหมดของปัญหา และสามารถแสดงเหตุผล อย่างเป็นเหตุผลที่สอดคล้องหลักอิทัปปัจจยาการ ในพระพุทธศาสนา  เป็นอย่างดี  จนสามารถจินตนาการตามไปได้จนเป็นภาพอย่างแจ่มแจ้ง เราจึงยกให้เป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี ประจำปี 2550 คนสำคัญที่ควรยกย่องอีกท่านหนึ่ง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

บุคคลที่ 80  อนันต์ บัวสุวรรณ 
                   นายกสมาคมปลอดภัยไว้ก่อน  

 

 

 

                  ทำงานด้วยความเสียสละ มีความสม่ำเสมอ มั่นคงในกิจวัตร  แม้เมื่อมาเองไม่ได้ ก็มีตัวแทนมาออกรายการ ที่เห็นบ่อยก็คือ ดร.พร้อมพิไล บัวสุวรรณ ซึ่งเป็นส่วนของงานที่เต็มไปด้วยความเสียสละนี้ ดำเนินรายการเพื่อสาธารณประโยชน์โดยบริสุทธิ์ใจอย่างแท้จริง  สัจธรรมในงานนี้ก็คือการเตือนมวลชนมหาศาลให้ระลึกถึงมาตรการป้องกันไว้ดีกว่า คือ ปลอดภัยไว้ก่อน ทางช่อง 9  เป็นประจำทุกวันเสาร์  ท่านมีวาทะที่น่าเลื่อมใสว่า  ถ้าสังคมเราคิดเพียงคำว่า เรื่องของมึง ไม่ใช่เรื่องของกู  หรือ  เรื่องของกู ไม่ใช่เรื่องของมึง แล้ว  สังคมก็ขาดความสมานฉันท์ ขาดความอุทิศ ขาดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว เป็นสามัคคีธรรม    แต่ถ้าเมื่อไรเราพูดว่า  เรื่องของเรา แล้ว  นั่นแหละสามัคคีธรรมย่อมเกิดขึ่นในสังคมที่รักของเราได้    นี่คือหลักการว่าด้วยสามัคคีธรรมจริง ๆ  เราจึงมอบความเป็นบุคคลแห่งปีให้อีกท่านหนึ่งด้วยความยินดียิ่ง

 

 

 

 

บุคคลที่ 81  อิริค จี. จอห์น( Eric G. John
                   เอกอัคราชทูตสหรัฐอเมริกาแห่งประเทศไทย 

 

ในวันครบรอบสัมพันธไมตรี ที่สถาปนาทางการทูตระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา ครบ 175 ปี (วันที่ 20 มีนาคม 2376 (ค.ศ.1833-2008) ได้แสดงวาทะว่า สัมพันธไมตรีไทย อเมริกา เป็นสัมพันธไมตรีที่ยาวนานที่สุดระหว่างสองประเทศนี้ ขณะนี้ประเทศไทยเดินทางมาถูกต้องถูกทางแล้ว เพราะได้กลับมาเป็นประชาธิปไตยอีกครั้งหนึ่ง และนับแต่บัดนี้ไป สหรัฐอเมริกาจะคืนสิทธิ์ต่าง ๆ ให้ประเทศไทยเหมือนเดิม โดยคืนสิทธิที่ถูกอายัดกลับคืนไปในระหว่างไทยถูกปกครองด้วยระบอบเผด็จการของพล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน  แต่ที่น่าชื่นชมของเราก็คือการประกอบพิธีปลูกต้นไม้ที่ระลึกคือ พิธี   Tree Planting Ceremony in Honor of 175 Years of U.S.-Thai Friendship: Thursday, March 20, 11:00am at Jatujak Park เปิดสวนอนุสรณ์ 175 ปีเพื่อเป็นเกียรติยศแด่วันครบสัมพันธไมตรีสหรัฐ-ไทย 175 ปี วันที่ 20 มีนาคม 2551ที่สวนจตุจักร [ plant 175 trees in the new U.S.-Thai garden honoring the long and enduring friendship between our two countries] โดยปลูกต้นไม้จำนวน 175 ต้น ร่วมกับนายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช,  ผู้แทนรัฐบาลไทย,ผู้แทน  กรุงเทพมหานครและแขกพิเศษจำนวนหนึ่ง   จากเวลานั้นแล้ว   ท่านเอกอัครราชทูต อีริค จี. จอห์น นี้ ยังได้เดินทางไปพร้อมภริยา (Mrs. Erick G. John) ไปทำบุญสังฆทาน ที่วัดปทุมวนาราม  ตามข่าวเห็นท่านเอกอัครราชทูต ทำหน้าที่เป็นศรัทธาธิบดี  คือเป็นประธานเจ้าภาพ  และทำหน้าที่ของท่าน  คือ เริ่มด้วยการบูชาพระรัตนตรัย  เห็นท่านคุกเข่าลง ณ แท่นกราบ และจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ที่โต๊ะหมู่บูชา  ด้วยท่าทางของผู้ศรัทธาจริง ๆ  และพระสงฆ์เถรานุเถรที่มารับสังฆทาน จำนวนร่วม 10 รูปก็ล้วนมีอาการสงบและชื่นชมท่านเอกอัครราชทูตท่านนี้   เราเห็นว่า ตั้งแต่สหรัฐอเมริกามีสัมพันธไมตรีกับประเทศไทยมา ไม่เคยเห็นภาพที่แสดงออกถึงความเข้าใจในประเพณีของชาวพุทธ และร่วมในประเพณีชาวพุทธ ว่าด้วยการทำบุญสังฆทาน อันเป็นระบบประเพณีแบบชาวพุทธพื้นบ้านทั่ว ๆ ไป นิยมทำกันมาเป็นเวลาช้านานนี้  โดยศรัทธาแห่งใจตนเอง เหตุที่ความศรัทธา ด้วยศาสนาพุทธมิได้มีการบังคับชาวพุทธหรือมนุษย์ผู้ใดให้ทำบุญในพระพุทธศาสนา   เราจึงเห็นว่า นี่เป็นการลดตนเองลงมา ยอมรับในสัจธรรมของการให้ ( ทานํ ) ซึ่งหมายถึงความเข้าใจสัจธรรมแห่งความเป็นมนุษย์ผู้มีจิตใจที่เคารพผู้อื่น เคารพในความคิดเห็นของผู้อื่น และ เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันระหว่างมนุษย์ด้วยกัน  นั่นเอง  นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่เราเต็มใจยินดียกย่องท่านเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย อิริค จี จอห์น ท่านนี้ โดยขอยกย่องให้เป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี ประจำ ปีพุทธศักราช 2550 

 

 

เราจึงขอประกาศนาม    อ่องซาน ซูจี   พล.ต.ต. นภดล เผือกโสมณ  คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์   ปรัชญา ปิ่นแก้ว    ครูนวลน้อย  ทิมกุล  ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง     พิชัย  วาศนาส่ง    อนันต์ บัวสุวรรณ  อิริค จี. จอห์น( Eric G. John )  ว่าเป็นบุคคลแห่งปีพุทธศักราช 2550 ของหนังสือพิมพ์ดี  ไว้ ณ ที่นี้

 

 

        บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 40

      9 เม.ย. 2551

 

 

 

 

 

 

 

 

บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี
พุทธศักราช
 

2551 

 

 

 

 

 

และวาระนี้ก็ถึงเวลาที่เราจะประกาศ บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี ประจำปี พุทธศักราช 2551 ดังต่อไปนี้

 

 

บุคคลที่ 82  วีระ มุสิกพงศ์



วีระ มุสิกพงศ์ นักต่อสู้ ที่มีอดีตมากมาย หลากประสบการณ์ สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนับแต่ช่วงปลายปี 2551 เป็นต้นมา ที่ควรนับว่าเป็นปรากฎการณ์แปลกพิเศษที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในประเทศไทยก็คือ ปรากฎการณ์สีแดง และครั้งล่าสุดมี แดงทั้งแผ่นดิน เพื่อประชาธิปไตย นั้น เป็นฝีมือของเขา และสหายร่วมงานอีก 2 คือ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ จตุพร พรหมพันธ์ ที่ได้รับฉายาจากฝ่ายตรงข้ามเขาว่า 3 เกลอหัวเกรียน การพูดของเขาบนเวทีต่าง ๆ ได้บ่งบอกไปถึงชีวิตและอุดมการณ์ของเขา เราได้พบว่าเขามีความนิ่งสงบสงัด และความเย็นเยือกแห่งภาคภายใน เพราะเหตุที่มีประสบการณ์มาก ชีวิตได้เก็บเกี่ยวเรื่องราวของชีวิต สังคม ชาติ บ้านเมือง และสัจธรรมมามากพอเอาตัวเองรอดในโลกที่อันตรายได้อย่างสบาย ๆ ในท่ามกลางความผันผวนปั่นป่วนและไร้ระเบียบวินัย

ในช่วงเวลาปัจจุบันนี้ เราได้พบว่า วีระ มุสิกพงศ์ ดูเหมือนว่าเขาอยู่ข้างเดียวกับโชคชะตา มีโชคชะตาเป็นเพื่อน พร้อมนิพพิทาญาณคือความหน่ายในโลกสงสาร แม้ว่าโดยแท้จริงเป็นเพราะความมีจุดยืนของชีวิตที่ถูกต้อง นั่นคือ สัจธรรม โดยวาทะพระพุทธภาษิตว่า สจฺจํเว อมตา วาจา : วาจาจริงเป็นสิ่งไม่ตาย และวันนี้อุดมการณ์ของชีวิตได้แฝงไว้ในรายการ ความจริงวันนี้ ก็เป็นสิ่งที่เป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อความสำเร็จในชีวิตของเขา เพื่ออุดมการณ์ประชาธิปไตยที่กว้างใหญ่ ภาพอนาคตข้างหน้าก็ดูชัดเจน มีมาตรฐานความเข้าใจในระดับแห่งศาสนธรรมค่อนข้างสูง ที่มีเส้นแบ่งที่แตกต่างระหว่างวิชชาและอวิชชา พร้อมวิสัยทัศน์อันกว้างไกล รอบด้าน ที่ครอบคลุมทุกศาสตร์ทุกสถานการณ์

ระยะหลังมานี้เขาเก่งกล้าหาญพอที่จะวิพากษ์สันติอโศก และนายรัก รักพงษ์แห่งสันติอโศก ในยุคที่หลงผิดในความเป็นศาสดา ซึ่งนี่เป็นการเปิดทางสู่ความจริงอีกทางหนึ่ง ทางแห่งโลกเร้นลับ หรือ โลกุตตรภูมิ นั่นคือการเปิดทางภูมิปัญญาไปสู่ระดับธรรมชาติ อันเป็นธรรมดา ที่ปราศจากการยึดมั่นถือมั่น คือความหลุดพ้น ที่พ้นไปจากกาลเวลา ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต และทั้ง ไม่มีปัจจุบัน

 

 

 

 

บุคคลที่ 83   ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ

 

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เขาได้รับการจารึกประวัติชีวิตตอนต้น ๆ ไว้ว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์พีทีวี อดีตรองโฆษกพรรคไทยรักไทย ในปี พ.. 2551 นายณัฐวุฒิได้เป็นหนึ่งในพิธีกรรายการความจริงวันนี้ ทาง NBT โดยร่วมกับนายวีระ มุสิกพงศ์ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ แต่เมื่อรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้มอบหมายให้นายณัฐวุฒิ เข้าดำรงตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายก่อแก้ว พิกุลทอง จึงได้เป็นพิธีกรแทนนายณัฐวุฒิ ประวัติ นายณัฐวุฒิ มีชื่อเล่นว่า เต้นเกิดเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.. 2518 ที่อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช จบการศึกษาระดับประถม ที่โรงเรียนวัดพระมหาธาตุ เมื่อปี พ.. 2530 ระดับมัธยม ที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช เมื่อปี พ.. 2536 สร้างชื่อเสียงด้วยการเป็นนักโต้วาทีของโรงเรียน จนได้เป็นแชมป์ รายการโต้คารมมัธยมศึกษา ทางช่อง 3

เรื่องราวในระยะหลังของบุคคลผู้นี้ เป็นเรื่องที่น่าประทับใจ น่าเลื่อมใส ศรัทธา เขาได้พบกับความอกหักติดต่อกันไปตามรัฐบาลที่ถูกโค่นล้มอย่างไม่เป็นธรรม อย่างน้อยก็ 2 รัฐบาลมาแล้ว ทั้ง ๆ ที่เขาได้ทุ่มทุกอย่างเพื่อปกป้องรัฐบาลของเขาอย่างสุดฤทธิ์ น่าจะเป็นภาวะที่สุดทนของปุถุชนคนธรรมดาคนหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำร้ายและปิดกั้นทางเดินของเขาเหล่านี้ มิอาจสะกัดกั้นเขาได้ เขายังคงเดินหน้าต่อไปด้วยมาดของนักสู้ ในดวงตาของเขายังคงสดใส มีประกายแห่งความปิติชื่นมื่นเสมอ ไม่เคยปรากฏรอยที่ขุ่นมัว เศร้าโศก และสิ้นหวัง และริมฝีปากเขาก็ยังมีรอยยิ้มแย้มและอารมณ์ขันดุจไม่รู้จักความเศร้าโศกเสียใจในชีวิต เรามองว่าเป้นบุคลิกภาพที่สะท้อนความสามารถ เป็นคนที่เก่งจริง กล้าหาญจริง พร้อมทั้งสุขภาพทั้งทางกายและทางใจสมบูรณ์ ทั้งเป็นนักสู้ผู้เฉลียวฉลาด มีไหวพริบ และความเท่าทันคนเท่าทันสถานการณ์ เขามีบุคลิกภาพที่เชาวน์ปัญญาแล่นเร็ว สามารถเอี้ยวพลิกตัวหลบหรือใช้เป็นยุทธวิธีในสนามรบแห่งปัญญาได้คล่องแคล่ว และที่สำคัญคือจุดยืนที่อยู่บนความจริงวันนี้ ซึ่งย่อมเป็นต้นทางนำไปสู่สัจธรรมอันเป็นโลกุตตระ อันเป็นอมตะนิรันดร์กาลต่อไป

 

 

 

บุคคลที่ 84   จตุพร พรหมพันธ์

จตุพร พรหมพันธ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบสัดส่วน พรรคเพื่อไทย มีประวัติช่วงหลัง ๆ มานี้ว่า จตุพร พรหมพันธ์ ได้เข้าร่วมเป็น 1 ใน 8 แกนนำกลุ่ม นปก. ที่เคลื่อนไหวต่อต้าน คมช. เคยเข้าสังกัดกับพรรคพลังประชาชน พร้อมกับลงรับสมัคร ส.. ในระบบสัดส่วนลำดับที่ 4 ของโซน 6 ที่ประกอบด้วยพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ ต่อมาในปี พ.. 2551 นายจตุพรเป็นหนึ่งในพิธีกรรายการ ความจริงวันนี้ ทางเอ็นบีที โดยร่วมกับ นายวีระ มุสิกพงศ์ และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ

ภาพที่เห็นเขาเป็นคนที่มีน้ำหนัก เป็นนักสู้ที่พร้อมทั้งอาวุธทางปัญญาและการกระทำ เขาเป็นคนที่ใช่มีเพียงมีวาทะ หากแต่มีวาทะพร้อมสติที่ควบคู่ไปกับการกระทำ ที่รู้ภาษาการพูดจาดี ที่หวังผลต่อความเป็นธรรมอย่างไร อันเป็นลักษณะของจินตนาการที่พรั่งพรู ออกมาดบทบาทที่มั่นคงกล้าพบกล้าเผชิญความจริงและคนจริง แน่ละเขากล้าสู้กับสิ่งที่ไม่เป็นธรรมในแผ่นดิน ทั้งในระบบและนอกระบบอย่างไม่ระย่อ ในขณะเดียวกันมีบุคลิกของนักสู้ผู้เยือกเย็น สุขุม อารมณ์ดี

ในระยะหลังได้เห็นอารมณ์ขันของจตุพร พรหมพันธ์ แม้ในประเด็นปัญหาการเมืองที่เกรี้ยวกราด ดุดัน แฝงอันตราย แต่เขามองเป็นเรื่องที่น่าขบขัน ทำให้สะท้อนถึงจิตใจอันกว้างใหญ่และจริงใจของเขา ที่บ่งถึงความเป็นมิตรก็เป็นมิตรอย่างยิ่งใหญ่ และพร้อมที่จะเป็นมิตรกับทุกคน ที่พร้อมจะมาสู่อุดมการณ์เดียวกัน เมื่อเป็นศัตรูก็อย่าหวังว่าจะอยู่ร่วมหรือเดินไปเป็นคู่ขนาน แต่ต้องตายจากกันไปข้างหนึ่งชนิดที่ร่วมแผ่นดินกันหาได้ไม่ อันสอดคล้องทฤษฎีสัจธรรม 2 ด้าน คือสัจธรรมขาว และสัจธรรมดำ อันเป็นปรมัตถสัจจะสูงสุดสำหรับปัญญาชนหรือเหล่านักปราชญ์ ผู้รู้ทั้งหลาย มุ่งศึกษาเพื่อการบรรลุแจ้งสัจธรรมอันสมบูรณ์ อันแท้จริงที่ปราศจากความลำเอียงในการมองเหตุการณ์ใดหนึ่ง

เมื่อเร็ว ๆ นี้จตุพร พรหมพันธ์ได้บัญญัติวันที่ 14 .. ว่าเป็นวันแห่งความรักประชาธิปไตย ซึ่งฟังเป็นหลักการที่ดีมากสำหรับประเทศและวัฒนธรรมไทย น่าจะมีการก้าวหน้าไปตามวัฒนธรรมใหม่นี้ดีกว่าการก้าวไปตามวัฒนธรรมกาม คือ วาเลนไทน์ อันเป็นวัฒนธรรมต่างชาติต่างศาสนาจากเรา นี่ก็เป็นเรื่องของความน่าชื่นชมอีกเรื่องหนึ่ง สำหรับบุคคลผู้สมควรยกย่องว่าเป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี

 

 

บุคคลที่ 85   ก่อแก้ว พิกุลทอง

ก่อแก้ว พิกุลทอง เกิดเมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.. 2508 ที่ อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา เป็นบุตรของ นายตี่-นางซิ่น พิกุลทอง จบการศึกษามัธยมปลายจาก โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย เคยสอบได้ที่ 1 ของภาคใต้ ในการสอบแข่งขันของสมาคมคณิตศาสตร์แห่งประเทศไทย ทั้งประเภทบุคคลและประเภททีม เมื่อปี 2526 จบปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (เกียรตินิยม) เมื่อ พ.. 2531 จบปริญญาโท MBA International Program จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (เกียรตินิยม) เมื่อ พ.. 2542 ได้รับเลือกให้เป็นประธานนักศึกษาปริญญาโท ในปี 2541 เคยทำงานที่ บริษัท น้ำมันคาลเท็กซ์(ไทย)จำกัดระหว่างปี2531-2536 ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ

ภาพที่ปรากฏในปัจจุบัน เมื่อมองบทบาทของบุคคลผู้นี้ พบการต่อสู้ที่ออกมาจากดวงใจของนักสู้ ผู้มีความสุขในการต่อสู้เพื่อมวลชน เมื่อปรากฏต่อหน้ามวลชน มาดของเขากล้าหาญ เฉียบขาด บ่งถึงความรักในสัจธรรม การกล่าววาทะมีความแหลมคม ที่สะท้อนความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจการเงินและการพานิช รวมทั้งการเมืองเอง อย่างไม่หยุดรั้งรีรอ เพราะทุกอย่างออกมาจากสัจธรรมภายในดวงจิต ดวงจิตที่รักความเป็นธรรม ที่มีปกติเกลียดชังอธรรมอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อวาทะที่ออกมาจากดวงจิตที่ซาบซึ้งในสัจธรรมเต็มเปี่ยมแล้ว ภาพของเขาก็ดูดี ครั้นเมื่อมาอยู่บนโต๊ะเสวนาเดียวกับ สามเกลอหัวเกรียน แห่งรายการความจริงวันนี้ ( วีระ มุสิกพงศ์ ณัฐวุฒิ ใสเกื้อ จตุพร พรหมพันธุ์ ) รวมเป็น 4 ผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุค ซึ่งน่าจะได้รับการจารจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอีกหน้าหนึ่ง

 

 

 บุคคคลที่ 86   ใจ อึ๊งภากรณ์

ใจ อึ๊งภากรณ์ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี บันทึกประวัติช่วงหลังของใจ อึ๊งภากรณ์ เอาไว้ว่า ภายหลังการรัฐประหารในประเทศไทย พ.. 2549 และคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.. 2540 ใจประกาศไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร และยกเลิกรัฐธรรมนูญ และเป็นแกนนำนักศึกษามหาวิทยาลัยจัดชุมนุมประท้วง และสวมชุดดำ รวมทั้งให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ว่า นายกฯ ที่ได้รับการแต่งตั้ง เป็นนายกรัฐมนตรีทหาร ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ถือว่าเป็นนายกรัฐมนตรีเถื่อน จนถูกแจ้งความจับในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

เรามองว่า อาจารย์
ใจ อึ๊งภากรณ์ ทายาทผู้รับมรดกธรรมจาก ศ.ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ในฐานะบุตรชาย ภาพที่เห็นเขาได้ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์สังคมมาอย่างกระปรกกระเปี้ย จนดูประหนึ่งว่าเขาคงอดใจวางมือหลบหน้าหนีสังคมที่อธรรมนี้ เอาตัวรอดไปเสียคนเดียวไปนานแล้ว แต่แล้ว ในขณะที่มีความสับสนทางการเมือง อะไรเป็นอะไรของลัทธิทางการเมือง ใจ อึ๊งภากรณ์ ก็โผล่ออกมายืนยันอุดมการณ์ คือความเป็นธรรมในแผ่นดิน จึงได้เห็น บทบาท จุดยืนของใจ อึ๊งภากรณ์ที่แน่วแน่ไม่แปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์หรือกระแสสังคมและการเมือง ปรากฎว่ากล้าออกมายืนยันอุดมการณ์ประชาธิปไตยอย่างตรงไปตรงมา น่าเลื่อมใส เขาแสดงหลักวิชา และตรงตามหลักวิชา ไม่มีความลำเอียงไปตามกระแส หรือแม้กระทั่งบุคคลใดบุคคลหนึ่ง นั่นคือจิตใจของนักวิชาการที่แท้จริง

ในวันนี้ ใจ อึ๊งภากรณ์ ได้พิศูจน์แล้วว่าเป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์ต่ออุดมการณ์อย่างแน่วแน่ อย่างเป็นตัวตนที่แท้จริงของนักต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมและเพื่อประชาธิปไตยโดยแท้จริงคนหนึ่ง และเรามองไปถึงแก่นธรรม คือความเป็นธรรมชาติอันสุจริตแห่งกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม ที่ซ่อนแฝงอยู่ล้ำลึกภายในภาคภายในของนักสู้ท่านผู้นี้

 

 

บุคคลที่ 87    ปัญญา นิรันดร์กุล

ปัญญา นิรันดร์กุล วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี บันทึกไว้ว่า ปัญญา นิรันดร์กุล มีชื่อเล่นว่า ตาเกิดเมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.. 2497 (อายุ 54 ปี) ในครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีน มารดาชื่อ นางอำพัน นิรันดร์กุล แม่ดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี พ.. 2546

ปัญญาได้รับพระราชทานปริญญาสถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมรสกับ นางวาสนา นิรันดร์กุล มีบุตร-ธิดารวม 4 คน คือ น้ำตาล-ปานวาด (เกิด: .. 2527) , น้ำหอม-ปานตา (เกิด พ.. 2530) , น้ำทอง-ปานฝัน (เกิด: .. 2531) และ น้ำมนต์-ปรวัธน์ (เกิด: .. 2537)

ปัจจุบัน ปัญญา นิรันดร์กุล เป็นพิธีกร และนักแสดงชาวไทย หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง และดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) (อังกฤษ: WorkPoint Entertainment Co., Ltd.) ปัญญามีบ้านพักอยู่ภายในหมู่บ้านเมืองเอก ย่านรังสิต ใกล้กับ สตูดิโอเวิร์คพอยท์ ที่ทำการใหม่ของ บมจ.เวิร์คพอยท์ฯ มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นสตูดิโอถ่ายทำรายการโทรทัศน์ และละครโทรทัศน์ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย

ดูรายการต่าง ๆ โดยปัญญา นิรันดร์กุล เป็นพิธีกร ทางช่อง 7 สี แล้ว พบว่า เขาเป็นคนที่มีความจริงใจ ที่มุ่งหมายสร้างงานเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อคนทั้งหลาย แบ่งปันและเอื้อเฟื้อซึ่งผลประโยชน์ที่ทำมาหาได้ร่วมกันอย่างเป็นธรรม อย่างมีน้ำใจเอื้ออารีตามเหตุผล เรามองว่านี่คือความเป็นมนุษย์ และบ่งถึงจิตใจที่เมตตา เข้าใจคนอื่น มีความเห็นอกเห็นใจคนอื่น ในขณะเดียวกันกับที่มีความสนใจในธรรมะ ที่ได้คำนึง 2 ด้าน แห่งธรรมะ มีแนวทางวิจัยธรรมะที่มุ่งหมายถึงสาระแห่งธรรมะกับชีวิต-สังคม ซึ่งตรงกับพุทธองค์ระบุว่า พหุชนหิตายะ พหุชนสุขายะ คือปฏิบัติธรรมไปเพื่อความมุ่งหมาย 2 อย่าง คือ เพื่อให้ได้ประประโยชน์ และ เพื่อให้ได้ความสุข การมองธรรมะ 2 ด้านเป็นทางของความริเริ่ม ปัญญา นิรันดร์กุล จึงสามารถมองธุรกิจโดยธรรมะไปได้ไกล สามารถสร้างตนสร้างงานจนขณะนี้เป็นเจ้าของบริษัทธุรกิจบันเทิงที่ก้าวหน้า ทันยุคทันสมัย เด่นดังเป็นประโยชน์และความสุขในสังคมได้ และเนื่องจาก เป็นเจ้าของบุคลิกภาพที่สอดคล้องบุคคลในระบอบประชาธิปไตย นั่นคือการมีความเคารพในมนุษย์ เห็นค่าของความเป็นมนุษย์ในบุคคลอื่น จึงสมควรยกย่องเขาเป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี

 

 

บุคคลที่ 88   แอน ทองประสม

แอน ทองประสม ล่าสุดเธอให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เกี่ยวกับชีวิตคู่ของเธอ ว่า รอให้หนุ่มเอมาขอ” “จริง ๆ อายุมันก็ได้แล้วล่ะ จังหวะมันก็ได้แล้ว แต่ว่าบังเอิญยังไม่ได้คุย จะจบงานยังไง ชีวิตคู่ยังไง ก็ขอทำงาน ปีนี้รับละครตั้ง 3 เรื่อง ยังไม่มีเวลาแม้แต่จะกลับบ้าน แอนว่าแต่งไปจะเลิกกันซะเปล่า ๆ กลัวไง เดี๋ยวเคลียร์อะไรให้ลงตัวก่อนแล้วค่อยว่ากัน แล้วก็ยังดูด้วยว่าเค้ายังอยากแต่งกับแอนอยู่หรือเปล่าฝ่ายชายอยากแต่งอยู่ใช่มั้ย? “เค้าก็ไม่ได้ปฏิเสธ แววตาก็ดูไม่ได้ เบื่อแอนหรือเปล่าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็รอถามเค้าเองอีกรอบหนึ่ง แต่ตัวเองก็ไม่ได้ไปมองใคร ก็รอดูแต่งไม่แต่งก็ว่ากัน

ปีที่แล้วแอนพูดเหมือนยังไม่คิดเรื่องนี้ แต่ปีนี้เริ่มคิดแล้ว แอนก็เริ่มคิดบ้าง มันเหมือนคนเราจะใช้ชีวิตเหมือนขอนไม้ลอยน้ำไปเรื่อย ๆ ไม่วางแผนก็ไม่ใช่ ก็มองว่าเมื่อไหร่ดีนะ ไม่ใช่ไม่มองเลยเป็นเพราะหลายคู่แต่งไปเยอะหรือเปล่า เลยเริ่มมอง ไม่ใช่ค่ะ อันนั้นทำให้คนมาถามเราเยอะมากกว่า มันเหมือนเรียงลำดับไหล่ คนนั้นคนนี้แต่งไปแล้ว คนเลยมาเพ่งเล็งเรา แต่แอนดูความพร้อมของตัวเองและตัวเค้ามากกว่าปีนี้ยังไม่มีสิทธิ์ลุ้นใช่ไหม? “ปีนี้ไม่ได้แต่งแน่ ปีหน้าค่อยมาถามใหม่ละกัน เพราะว่าเรื่องแบบนี้มันตอบยาก แต่ละปีความรู้สึกมันไม่เหมือนกัน

เรามองว่าชีวิตของ แอน ทองประสม เป็นชีวิตที่สมบูรณ์ มีความสำเร็จ ความสุข และความรอด เราเห็นว่าเธอพบสิ่งที่สมบูรณ์นี้ ด้วยความมีสติดี รู้พิจารณา ยั้งคิด และที่สำคัญมีความเฉลียวฉลาดโดยธรรมชาติ และบรรลุปัญญาว่าด้วยสัจธรรมแห่งชีวิต มั่นใจรอบรู้วิถีทางดำเนินชีวิตยุคใหม่ไปอย่างไร อนาคตเป็นอย่างไร และด้วยความเป็นเช่นนี้ มีตัวตนเช่นนี้ เป็นความสุขของชีวิตดีแล้ว และดวงตาสว่างแจ่มใส รู้แจ้งสัจธรรมแห่งชีวิต น่าเป็นชีวิตตัวอย่างอีกตัวอย่างหนึ่งที่หายากอยู่ทีเดียว

 

 

บุคคลที่ 89   ศุภรัตน์ นาคบุญนำ

นางสาวศุภรัตน์ นาคบุญนำ สตรีกล้าแกร่งอดีตผู้สมัครส..แบบแบ่งเขต กทม เขต 8 เบอร์ 17 เกิด 24 พฤษภาคม 2511 ประวัติการศึกษา- มัธยมศึกษาตอนต้น ร..สตรีวัดระฆัง - ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) วิทยาเขตบพิตรพิมุขจักรวรรดิ (มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์) - ปริญญาตรี วารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน (เกียรตินิยม) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์- ปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตร์ หลักสูตรการจัดการภาครัฐและเอกชน (MPPM) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)

ประวัติการทำงาน - ผู้สื่อข่าวและผู้ประกาศข่าววิทยุ ข่าวด่วน พล.1” ทางสถานีวิทยุกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ บริษัท สหศีนิมา จำกัด ในสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์- ผู้สื่อข่าวและผู้ประกาศข่าว สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7- ผู้ดำเนินรายการวิทยุ อาทิ รายการ ร่วมด้วยช่วยกัน” - พิธีกรรายการโทรทัศน์ อาทิ รายการ พบผู้แทน

เมื่อมองบทบาทของ ศุภรัตน์ นาคบุญนำ พบว่าเธอมีบุคลิกภาพที่มั่นใจ และเผยให้เห็นสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์ กระนั้นแม้ในมาดที่ดูละมุนนิ่มนวล และหวานอย่างสตรีคนหนึ่ง แต่ก็ซ่อนแฝงจิตใจที่เข้มบ่งถึงความเอาจริง และความเป็นนักสู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักสู้เพื่อประชาธิปไตย เพื่อประชาชน ที่เดินหน้าไม่มีวันถอยหลังหลบลี้หนีข้าศึก และความเปลี่ยวเปล่าแห่งชีวิตอันลึกล้ำภายในดวงจิต ดูดั่งว่าเป็นทวารชีวิตที่ยังเป็นความลับที่จักเปิดทางไปสู่ความหมายอันยิ่งใหญ่ของสัจธรรมต่อไป

 

 

บุคคลที่ 90   กนิษฐ์ สารสิน

กนิษฐ์ สารสิน ประวัติย่อ : กนิษฐ์ สารสิน เป็นลูกชายคนสุดท้องของ พล...เภา และ คุณหญิงถวิกา สารสิน สมรสแล้วกับ อมรา สารสิน มีบุตรชาย 2 คน ชื่อเล่น : เป๊ะ วันเกิด : 01/01/2512 อายุ 39 ปี การศึกษา จบปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ สาขาเครื่องกล จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, จบปริญญาโทสาขา MBA จาก BostonUniversity ผลงานที่ผ่านมา กรรมการผู้จัดการบริษัท ผลิตอุปกรณ์ก่อสร้าง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย กระเบื้องยาง Dynoflex พิธีกร รายการ 4 ต่อ 4 แฟมิลี่เกม แก๊งชะนีกับอีแอบ(2006) พิธีกร รายการถ้าคุณแน่อย่าแพ้ ป.4

ภาพที่เห็นในระยะหลังนี้ก็คือเจ้าของรายการ ถ้าคุณแน่อย่าแพ้เด็กประถม ช่อง 3 ซึ่งเป็นบทบาทที่เราให้คะแนนความเป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี แทบทั้งหมด เพราะเป็นการแฝงแนวคิดที่ดี ที่น่าเตือนสติคนไทย และการศึกษาในระบบการศึกษาไทยปัจจุบันว่า แท้จริงแล้ว คนเราแม้เติบโตไปแล้ว ก็ใช่ว่าเก่งเกินคนป.4 หรือผู้ที่ได้ประกาศนียบัตรเพียง ป.4 ที่สะท้อนความจริงชนิดหนึ่งในสังคมไทยยุคประชาธิปไตยผันผวนนี้ ถึงแม้ในความจริงจะยังไม่ชัดเจน แต่ก็มีร่องรอยให้เห็นว่า ผลของระบบการศึกษาไทย แม้ถึงระดับสูงสุดในสาขาวิชาบางสาขา กลับไม่แสดงออกถึงภูมิปัญญาที่สอดคล้องความจริงของประเทศไทย ก็มีอยู่มากมาย จนที่ทำความเสียหายให้แก่ระบบการเมืองระบอบประชาธิปไตยที่ชาติและประชาชนไทยส่วนรวมประสงค์ ก็มีอยู่อย่างไม่น่าเชื่อ ผู้จัดรายการนี้ ย่อมมีความรับผิดชอบและรู้ดีในความเป็นจริง จึงแสดงออกถึงจิตใจที่กล้าหาญพอที่จะชี้สัจธรรมเกี่ยวกับการศึกษาในระบบการศึกษาไทยให้เห็นชัดเจนขึ้น และนั่นหมายถึงการที่ต้องเผชิญกระแสอันเชี่ยวกรากของค่านิยมอวิชชาที่ต่อต้าน ขัดขวางอุดมการณ์การศึกษาอันสูงส่ง ในสังคมการศึกษาไทยอย่างรุนแรงและยากลำบากจะฝ่าฟันข้ามพ้น ด้วยธรรมะ คือด้วยเมตตา และอุเบกขา ในจิตใจ ทำให้การต่อสู้กลายเป็นความสุขความพอใจของชีวิตไปได้ นั่นคือคนมีธรรมะเป็นวิสัยทัศน์

 

 

บุคคลที่ 91   .. เหวง โตจิราการ

วิกิพีเดียสารานุกรมเสรี บันทึกว่า นายแพทย์เหวง โตจิราการ แกนนำสมาพันธ์ประชาธิปไตย สำเร็จการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, ยุค 14 ตุลา พ.. 2516 เคยหนีเข้าป่าในยุค "ขวาพิฆาตซ้าย" 6 ตุลา พ.. 2519 มีชื่อจัดตั้งว่า "สหายเข้ม" และมีสายสัมพันธ์อันดีกับกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตเลขาฯ นายกรัฐมนตรี ในฐานะเป็นศิษย์ผู้พี่ นพ.เหวงกลับมามีบทบาทในเวทีการเมืองภาคประชาชนอีกครั้ง ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.. 2535 จากการเป็นแกนนำสมาพันธ์ประชาธิปไตย ร่วมกับ นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ และครูประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ, เคยร่วมกับ พล..จำลอง ศรีเมือง ในการเคลื่อนไหวต่อต้าน พล.. สุจินดา คราประยูร พ.. 2535 เมื่อ พ.. 2549 เคยขึ้นเวทีต่อต้าน พ...ทักษิณ ชินวัตร ร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นผู้ร่วมคัดค้านรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และเคยขึ้นเวทีขับไล่ พ...ทักษิณ

ต่อมาหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน พ.. 2549 ..เหวง ได้ทำการประท้วงต่อต้านคณะทหาร ซึ่งได้ทำการยกเลิกรัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.. 2540 และได้เป็น 1 ใน 8 แกนนำของแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการซึ่งมีคนใกล้ชิดของอดีตนายกฯ พ...ทักษิณเป็นแกนนำ อาทิ เช่น นายวีระ มุสิกพงศ์(อดีตรัฐมนตรี และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทยและเป็นอดีตผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ) และ นายจักรภพ เพ็ญแข (อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้ประกาศข่าวและผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอยู่ในขณะนี้) เป็นต้น

ในวันนี้เราเห็นว่า แนวคิดและวิสัยทัศน์ของ น.พ.เหวง โตจิราการเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม ความรู้ความเข้าใจเรื่องประชาธิปไตยของเขาค่อนข้างสอดคล้องทฤษฎีความเป็นมนุษย์ โดยธรรมในพระพุทธศาสนา นั่นหมายถึงพื้นฐานแห่งความพัฒนาการของมนุษยชาติ ไปสู่ทางพ้นทุกข์ที่แท้จริง และ ที่เดินไปบนความเป็นธรรมของมวลหมู่มนุษยชาติในองค์รวม เขาพูดถึงความรักในมนุษยชาติ ว่านั่นเป็นความรักที่สูงสุดและ ความเป็นมนุษย์เป็นสมบัติของมนุษย์ทุกคน ที่ต้องมีความเท่าเทียมกัน และอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน เมื่อไม่มีความเป็นมนุษย์ก็ไม่มีความเป็นประชาธิปไตย นั่นหมายถึงวิถีทางแห่งปัญญาธรรม ได้บรรลุสู่ความสว่างไสว และเจริญไปตราบกาลนานภายหน้า

 

 

 

บุคคลที่ 92   วิสา คัญธัพ

 

 

วิสา คัญธัพ ชื่อที่โด่งดังเป็นที่รู้จักมาตั้งแต่ปีพ.. 2516 ชื่อของเขามีสำเนียงไพเราะที่สะท้อนไปถึงความสุนทรีย์อันกว้างใหญ่ลุ่มเย็นภายในจิตใจของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่คู่กันไปกับขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของคนหนุ่มคนสาวที่เลื่องชื่อ ที่ต่อสู้กับเผด็จการทหาร อมาตยาธิปไตยยุคนั้น

แล้วกาลเวลาก็ได้ผ่านไป ๆ และผ่านมาถึงปีนี้ กาลเวลานั้นก็ได้พิศูจน์คนหนุ่มคนสาวยุคนั้นอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ว่ามี 2 พวก คือพวกที่ทรยศ กับพวกที่ซื่อสัตย์ต่ออุดมการณ์ 14 ตุลาคม 2516 สมตามสัจธรรมว่า ระยะทางพิศูจน์ม้า กาลเวลาพิศูจน์คน มีคนในยุคนั้นมากมายหลายคนได้ทรยศต่ออุดมการณ์ประชาธิปไตย เพราะความเห็นแก่ตัว โลภ และเขลา ด้วยโมหะ ละทิ้งอุดมการณ์แห่งความชอบธรรมไปเป็นทาสแห่งความโลภ โกรธ และหลง อันเป็นสัญญาณที่บอกไปว่า สังคมไทยวันนี้ คนมีแต่วาทะ โดยไร้จิตใจที่ซื่อสัตย์ต่อวาทะนั้น

แล้วเมื่อเสียงที่ก้องขึ้นในมวลหมู่ประชาชน พบว่าเป็นเสียงของคน ๆ หนึ่ง คือวิสา คัญธัพ : กวีศรีประชา เขายังคงซื่อสัตย์ต่ออุดมการณ์ เมื่อ 35 ปีที่ผ่านมาแล้วอย่างเหนียวแน่น และนั่นเป็นสิ่งที่สะท้อนว่าเขาเป็นคนจริง มีเสรีจริง เพราะมิได้ตกอยู่ใต้อำนาจของโลภะ โทสะ โมหะ สะท้อนถึงความเป็นมนุษย์ที่เป็นคนจริง และดวงใจของเขาถูกถ่ายทอดออกมาเป็นบทกวี

แน่นอนเขาเป็นกวี และเป็นกวีประชาธิปไตย ที่มีความไพเราะและความหมายที่คมเฉียบ ที่ให้รักประชาธิปไตย รักสัจจะจริงใจ รักสิทธิเสรียิ่งชีวิต และ รักความเป็นธรรม นอกจากนี้ยังมีบทเพลงของเขา ซึ่งบอกถึงความรักชาติ และรักความเป็นธรรมในแผ่นดิน รักมวลชน และรักประชาชนในระบอบประชาธิปไตย รักยิ่งกว่าตนเอง เช่นนี้คือวิถีทางแห่งความดีงาม แห่งเสรีภาพและความหลุดพ้น

 

 

 

 

บุคคลที่ 93   จาตุรนต์ ฉายแสง

 

 

จาตุรนต์ ฉายแสง วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี บันทึกไว้ว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง (1 มกราคม พ.. 2499 — ) อดีตรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ปัจจุบันนายจาตุรนต์ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นระยะเวลา 5 ปี เนื่องจากคดียุบพรรคพรรคไทยรักไทย เคยได้รับการคัดเลือกจากนิตยสารเอเชียวีคให้เป็น 1 ใน 20 ผู้นำชาติเอเชียที่มีบทบาทโดดเด่นในศตวรรษที่ 20 พร้อมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนปัจจุบัน ในทัศนะของเราเห็นว่าเขาเป็นคนมีความรู้ มีสติ และปัญญา มีความเยือกเย็น มีความรู้รอบตัวหลายสาขาวิชาการ สิ่งที่เราชื่นชมเขาก็คือ ความเยือกเย็น เขาเย็นจนไม่มีอายที่คุร้อนกรุ่น นั่นหมายถึงการรักษาอารมณ์จิตใจในระดับสมถกรรมฐานได้ดีโดยสงบอย่างเป็นธรรมชาติ และแน่นอนเขาได้พบทางแห่งความรอดและความสุขที่เป็นอมตะ และกำลังพัฒนาไปสู่อารมณ์ชั้นภูมิปัญญา คือวิปัสสนาญาณ และเจริญธรรมแห่งอริยมรรคอริยผลอันสูงสุดในลำดับต่อไป

 

 

บุคคลที่ 94   อดิศร เพียงเกษ

 

 

วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรีบันทึกประวัติที่น่าสนใจไว้ว่า อดิศร เพียงเกษ เกิดเมื่อ 6 กันยายน พ.. 2495 ชื่อเล่น ตุ๊ ลูกชาย ทองปักษ์ เพียงเกษ อดีต ส..ขอนแก่น ภายหลังจบการศึกษาระดับต้นในบ้านเกิด จังหวัดมหาสารคาม แล้วย้ายเข้าเมืองกรุง โดยเป็นศิษย์มัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนวัดเทพศิรินทร์ นักเรียนเก่าเทพศิรินทร์ รุ่น 10-12 เลขประจำตัวนักเรียน ท..11260 แล้วเข้าอุดมศึกษาโดยจบการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, พุทธศาสตรมหาบัณฑิต (พระพุทธศาสนา) จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ปริญญาเอก Ph.D.,D.Litt. จากมหาวิทยาลัยมคธ ประเทศอินเดีย, ประกาศนียบัตรชั้นสูง หลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง (ปปร.1) จากสถาบันพระปกเกล้า ปริญญาเอกกิตติมศักดิ์ศิลปศาสตรดุษฏีบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยราชภัฎเลย

มาถึงเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ได้เข้าร่วมต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในฐานะแนวร่วม พร้อมครอบครัวทั้งหมด อาศัยอยู่ในประเทศประชาธิปไตยประชาชนลาว มีชื่อจัดตั้งว่าสหายศรชัย และ สหายสอง ชีวิตส่วนตัว สมรสกับ ดร.เยาวนิตย์ เพียงเกษ (สกุลเดิม พินสำริด) ชื่อจัดตั้งคือสหายการะเกด ปัจจุบันเป็นอาจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น สาขารัฐศาสตร์ และมีบุตรนอกสมรสจำนวน 3 คน กับ น..นภาพร รักษ์สัจจะ เจ้าหน้าที่สภาผู้แทนราษฎร

อดิศร เพียงเกษ เริ่มเล่นการเมือง พ.. 2526 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดขอนแก่น สังกัดพรรคมวลชน เมื่อปี พ.. 2531 และต่อมาได้ย้ายมาอยู่พรรคพลังธรรรม พรรคนำไทย และพรรคไทยรักไทย ตามลำดับ ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีดังนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทราวงศึกษาธิการเมื่อพ.. 2535 เป็นส..สังกัดพรรคพลังธรรม ชนะการเลือกตั้งแบบยกทีมในเขต 1 จังหวัดขอนแก่น ในการเลือกตั้ง 35/2, รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม, รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (11 มีนาคม 2548), รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (2 สิงหาคม 2548)

ในทัศนะของเรา เห็นว่า อดิศร เพียงเกษ นับว่าเป็นคนดีและคนเก่งของอีสานได้คนหนึ่งทีเดียว และที่ได้คะแนนจากเราก็คือเขาเป็น บุคคลผู้แสดงออกถึงอุปนิสัยแห่งอีสาน ผูกพันอย่างลุ่มหลงกับดนตรี เช่นแคนอีสาน อย่างลึกซึ้ง เขาเป็นสายเลือดอีสานที่กล้าแสดงตนอย่างเปิดเผยแต่ไหนแต่ไรมาว่า เขาคืออีสาน นั่นคือความมีกตัญญุตาธรรมความมีอุเบกขาธรรม คือการมองโดยความเป็นกลาง สุจริตต่อความเที่ยงธรรม และดำรงตนเป็นกลางตามความสัจจริง เสียงที่เกิดจากการบรรเลงเดี่ยวแคนอิสาณบอกไปถึงคุณลักษณะของอีสานก็คือ ซื่อและกตัญญู แต่ อดิศร เพียงเกษ ได้แสดงถึงปัญญาที่รู้เท่าทันเหตุการณ์และสถานการณ์ต่าง ๆ รอบด้านไปอีก อันเป็นส่วนเพิ่มเติมไปจากความเป็นอีสาน และยังแสดงถึงคุณธรรม คือความสะเทือนใจและอ่อนไหวในประเด็นแห่งคุณธรรมและจริยธรรมอย่างสูง นั้นหมายถึงความอ่อนโยน มีเมตตาต่อแผ่นดินกำเนิดและมาตุภูมิอย่างแนบแน่น ย่อมเป็นเอกบุรุษผู้นำในแผ่นดิน อีกผู้หนึ่ง

 

 

บุคคลที่ 95   สุนัย จุลพงศ์ธร

ข้อเท็จจริงที่น่าชื่นชมสำหรับ สุนัย จุลพงศ์ธรในวันนี้ นั่นก็คือ เขายังคงเป็นคนของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยอย่างเต็มตัว เขายังคงอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร เป็นสมัยที่นับไม่ถ้วน เท่าที่เห็นมีสภาผู้แทนราษฎรสมัยใดใด ก็ไม่เคยว่างไปจากสุนัย จุลพงศ์ธร คนนี้ การที่เป็นดาวเด่นแห่งสภาของราษฎรในระบอบประชาธิปไตย นอกจากบอกไปถึงความรักของประชาชนแล้ว ยังบอกไปถึงความเก่งของเขา ที่เอาตัวรอดไปจากอมิตรหรือศัตรูทางการเมืองของระบอบประชาธิปไตย โดยภูมิปัญญา วิสัยทัศน์ และเชาวน์อันคล่องแคล่วลื่นไหลหลบหลีกศัตรู อย่างไม่หวั่นหวาด การต่อสู้ของเขาก็ยังคงเด่นอยู่ในสภา มาตลอด

ตราบเวลาล่วงมาบัดนี้ ได้เห็นสุนัย จุลพงศ์ธร ในอีกบทบาทหนึ่ง เขาได้เพิ่มภาระการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยไปอีกเวทีหนึ่ง คือ นอกเวทีรัฐสภาแห่งระบอบประชาธิปไตย อันวิ่น ๆ ของยุค คมช.นี้ มาสู่เวที ประชาชนโดยตรง คือ ห้องเรียนประชาธิปไตย ของ ดี สเตชั่น และแน่นอน บทบาทของเขาก็โดดเด่นบนเวทีนี้ เพราะเขาได้นำเอาประสบการณ์ที่ได้มาชั่วชีวิต ออกมาอธิบายให้เป็นแง่คิดสำหรับประชาชนในระบอบประชาธิปไตย เพื่อประชามหาชนผู้รักประชาธิปไตยใช้ประโยชน์ เป็นการแก้ปัญหาและการต่อสู้ที่เป็นการนอกระบอบสภาที่เขาคุ้นเคยมา เขามีภูมิปัญญาที่จะทำให้ประชาธิปไตยที่ประชาชนควรเรียนรู้ไปอย่างลึกซึ้งอย่างใด อย่างน่าติดตามไปอย่างยิ่งและไม่น่าผิดหวังในบทบาทของเขา และนั่นคือการสะท้อนจากคนผู้มีความเป็นมนุษย์อันสมบูรณ์ในระบอบประชาธิปไตยคนหนึ่งในยุคนี้ และความหมายก็คือ การมองคนเช่นคน นั่นเป็นความหมายของความเป็นมนุษย์ และนี่คือบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี

 

บุคคลที่ 96   ปองพล อดิเรกสาร

ปองพล อดิเรกสาร มีบันทึกของสารานุกรมเสรีฉบับนั้นว่า ปองพล อดิเรกสาร หันมาเขียนนิยายหลังสอบตกการเลือกตั้ง พ.. 2535 [2] โดยนิยายส่วนมากเป็นภาษาอังกฤษ ตัวเอกเป็นชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย เน้นการผสมระหว่างประวัติศาสตร์และงานข่าวกรอง มีนิยายภาษาอังกฤษ ดังต่อไปนี้ ตราบจนสิ้นกรรม (Until The Karma Ends), โจรสลัดแห่งเกาะตะรุเตา (The Pirates of Tarutao), พิษหอยมรณะ (The King Kong Effect), แม่โขง (Mekong) นิยายภาษาไทย ที่สนุก ๆ ก็มี พ่อ และ คามีเลี่ยนแมน นอกจากนี้ยังได้เขียนบทความทางวิชาการ และอื่น ๆ เช่น เกษตรนำการเมือง, ภาพชีวิต 60 ปี ปองพล อดิเรกสาร, อัตชีวประวัติ บันทึกการเดินทางสุดหล้าฟ้าเขียว กาลาปากอส มาดากัสการ์

เรามอง ปองพล อดิเรกสาร จากบทบาทในระยะปัจจุบันนี้ว่า เขาเป็นนักประพันธ์ผู้มีจินตนาการแห่งความเป็นธรรม คือเหตุผลแห่งความสมดุลตามธรรมชาติ และเขามีจุดยืนอยู่ บนความสมดุลแห่งธรรมชาตินั้น ล่าสุดเขาออกมายืนยันเรื่องปราสาทเขาพระวิหารให้ความเป็นธรรมโดยประกันว่า สมัคร สุนทรเวช และนภดล ปัทมะ เป็นผู้รักษาแผ่นดิน ไม่ใช่ผู้ทำให้แผ่นดินไทยเสียไปตามที่พรรคการเมืองพรรคหนึ่งกล่าวหาโจมตีมาตลอด เขาว่ามันมีหลักฐานการประชุมทำสัญญากันแน่นอนอยู่ ดูเอกสารนั้นสิ การเมืองไทยฝ่ายอธรรมเองทำให้สับสนวุ่นวายไปหมด การที่ได้ยินคำพูดเช่นนี้ นั่นบ่งไปถึง ความรักในความเป็นธรรม อันเป็นธรรมะข้อสำคัญเพื่อการรักษาแผ่นดิน และความจริงใจสุจริตของปองพล อดิเรกสาร ผู้ที่กล้ายืนยันสัจธรรมเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมขึ้นในแผ่นดินยุคนี้

 

บุคคลที่ 97   มานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ

วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรีบันทึกไว้ว่า นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบสัดส่วน พรรคเพื่อไทย และอดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา

นายมานิตย์ เกิดวันที่ 24 มิถุนายน พ.. 2481 จบการศึกษาปริญญาตรี นิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ วุฒิเนติบัณฑิตไทย เคยดำรงตำแหน่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา และผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ต่อมาในกรณีวิกฤตตุลาการในปี พ.. 2535 นายมานิตย์ถูกปลดจากตำแหน่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ภายหลังได้รับการอภัยโทษ และกลับเข้ารับราชการ หลังจากเกษียณอายุแล้ว ยังดำรงตำแหน่งเป็นผู้พิพากษาพิเศษ และที่ปรึกษากฎหมายพรรคไทยรักไทย

ในปี พ.. 2549 นายมานิตย์ ได้มีบทบาทในการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของศาล ในคดีของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุด พล..วาสนา เพิ่มลาภ และในปี พ.. 2550 นายมานิตย์ได้วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตุลาการรัฐธรรมนูญ ในการตัดสินคดียุบพรรคไทยรักไทย หลังจากนั้น นายมานิตย์ ได้เข้าเป็นแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เพื่อต่อต้านการรัฐประหารของ คปค. ประวัติการทำงานอดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรม

สิ่งที่คนทั้งหลายได้เห็นจากบทบาทของ มานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ในระยะหลังมานี้ที่โดดเด่นก็คือการที่ เขาประกาศก้องสู่มวลชนมหาศาลผู้มาชุมนุมแสดงสปิริตที่รักประชาธิปไตยและยืนยันความถูกต้องเป็นธรรมในแผ่นดิน หมู่ชนเสื้อแดง สนามราชมังคลาสถานนับแสนคน ว่า รัฐธรรมนูญ กฎหมายต้องมีประธานรัฐสภาเป็นผู้ลงนาม ไม่ใช่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่ตั้งขึ้นโดย คมช. อันเป็นบุคลิกภาพแห่งความกล้าหาญตามหลักธรรมคือ เวสารัชชกรณธรรม 5 ประการคือ ศรัทธา ศีล พาหุสัจจะ วิริยารัมฺภะ และ ปัญญา เราเห็นว่าในธรรมะหมวดนี้ทั้ง 5 ประการมีครบในตัวมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ และนี่คือความเป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี วันนี้

 

 

บุคคลที่ 98    ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น

ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น เคยก่อตั้งโครงการเพื่อการศึกษาชื่อว่า โครงการการศึกษาเพื่อสันติภาพ (GEP) ก่อตั้งและดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.. 2536 โดย ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น อดีตนักเรียนเก่า, อาสาสมัคร AFS และสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดกาฬสินธุ์ ปี พ.. 2544 และอาจารย์สายสุนีย์ ทองรอง(แช่มชื่น) อดีตครูและอาสาสมัคร AFS และ ครูโรงเรียนสตรีราชนูทิศ อุดรธานี และโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนและผู้สนใจมีโอกาสเรียนรู้ภาษาและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างประเทศอันจะก่อให้เกิดองค์ความรู้หลากหลายพร้อมประสบการณ์อันมีค่ายิ่งต่อเยาวชนซึ่งถือเป็นทรัพยากรมนุษย์อันมีค่ายิ่งของประเทศ จากประสบการณ์ของผู้ก่อตั้ง การเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน เป็นอาสาสมัครและการดำเนินโครงการมาเป็นเวลานานย่อมมีความสามารถ ความชำนาญ ที่จะให้คำปรึกษา แนะนำ และดูแลเยาวชนได้เป็นอย่างดี

ดร. วิบูลย์ แช่มชื่น เป็นผู้มีการศึกษาดีที่น่าสนใจ ในแง่ของการศึกษาที่หลายหลาก เป็นบ่อเกิดของความรอบรู้ เพราะได้ผ่านการศึกษาจากสถาบันการศึกษาต่างประเทศหลายสถาบัน นับแต่ มหาวิทยาลัยฮิโรชิม่าประเทศญี่ปุ่น (ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น), มหาวิทยาลัยปัญจาบ ประเทศอินเดีย (ทุนรัฐบาล), วิทยาลัยวิชาการศึกษามหาสารคาม (มหาวิทยาลัยมหาสารคาม) (ทุนรัฐบาล), วิทยาลัยครูมหาสารคาม (มหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม), นักเรียนเก่า AFS วิกิพีเดียบันทึกต่อว่าเขามีประสบการณ์หลายด้านนับแต่เป็น อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดกาฬสินธุ์, อดีตผู้เข้าร่วมโครงการสภาอเมริกัน ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี, อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยวิชาการศึกษา ประสานมิตร, อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร, อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี, อดีตประธานกรรมการ AFS เขตอุดรธานี เลย, หนองคาย, สกลนคร, ขอนแก่น, อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดมหาสารคาม, อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยขอนแก่น, นักเรียนเก่า AFS

จากภาพที่เห็นในระยะปัจจุบันนี้ พบการเคลื่อนไหวในบทบาทในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของ ดร.วิบูลย์ มีวิสัยทัศน์ มองกรอบความคิดเหตุผลกว้างขวางครอบคลุมองค์รวมได้ดี และชัดเจน โดยบุคลิกภาพสะท้อนให้เห็นอารมณ์จิตใจ ความเปล่าเปลี่ยวในดวงจิตที่รักในความสันโดษ จิตใจมีความหน่าย คลายจางไปจากโลกอันไร้สาระ แต่ดร.วิบูลย์ก็ยังคงอยู่กับโลกและต่อสู้เพื่อโลกได้มีความเป็นธรรม โดยสำนึกว่า ภาระในการสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในแผ่นดินนั้นเป็นมาตรการการแก้ไขความวุ่นวายไม่สงบในแผ่นดินที่ถูกตรงจุดโดยแท้จริง เพื่อโลกเอง เพื่อประโยชน์ ด้วยความรู้ ความดี และด้วยความเป็นธรรม เรามองว่าสังคมย่อมได้ประโยชน์อย่างยิ่งใหญ่

 

 

บุคคลที่ 99   สุวัฒน์ กลิ่นเกสร

สุวัฒน์ กลิ่นเกสร เราหมายถึง น้าติง สุดยอดนักพากษ์มวยปล้ำเมืองไทยคนนั้น เขาพากษ์มวยปล้ำอเมริกันได้ดีมาก ๆ โดยความหมายที่ว่าเขาเข้าใจแบบวิถีชีวิตอเมริกัน ที่เป็นประชาชนแห่งเสรีชนประชาธิปไตย ผู้มีความรับผิดชอบสูง อย่างเป็นสายเลือดอเมริกัน นั่นหมายความรวมไปถึงความเข้าใจเรื่องราวประชาธิปไตยในกีฬามวยปล้ำอเมริกันเป็นอย่างดี ในความหมายที่ว่า มวยปล้ำอเมริกัน ที่มีกติกาในรูปของกติกา และมีกติกาในรูปของความไร้กติกาโดยที่ขึ้นอยู่กับนักมวยอเมริกันมีจิตสำนึกอย่างสูงเองในความรับผิดชอบต่อตัวเอง และต่อสถาบัน มีความเป็นธรรม โดยจิตใจเป็นธรรมอันเป้นธรรมดาธรรมชาติ มีความเคารพตนเอง เคารพผู้ชม และความเคารพสถาบันเป็นอย่างสูง จึงทำให้ศึกมวยปล้ำอเมริกัน น่าดูน่าชื่นชมและน่าเลื่อมใสอย่างยิ่ง

ล่าสุดที่เป็นผลงานการพากษ์อย่างถึงใจถึงสัจธรรมเรื่องมวยปล้ำ ปรากฏทางจอแก้ว ก็คือการปล้ำของ ฮ็อง โฮแกน ผู้มีพลังพิเศษสำรองภายในเป็นชั้น ๆ จนสามารถพิชิตตำแหน่งแชมเปี้ยนโลกมวยปล้ำและครองเข็มขัดไว้ยาวนานที่สุดคนหนึ่ง นอกจากนั้นยังมีการท้าทาย โดยโฮแกนได้มีโอกาสวัดฝีมือกับนักมวยปล้ำที่ยิ่งใหญ่ในยุคนั้นทุกคนไปตามลำดับ ล่าสุดที่เป็นศึกยิ่งใหญ่ หลังความยิ่งใหญ่ในการปล้ำระหว่าง โฮแกน กับ พอลด็อฟ นักมวยโหดจอมพิฆาต อีกคนหนึ่งในยุคนั้น

แล้วก็มาถึงจุดสุดยอดเมื่อพบกับ อังเดร เดอะ ใยแอนท์ ( Andre The Giant ) ในปี คศ. 1987 ( .. 2530 ) อังเดร เป็นนักมวยปล้ำที่มีขนาดร่างกายใหญ่ที่สุดในยุคนั้น มีน้ำหนักถึง 500 ปอนด์ สูง 7.5 ฟุต ในขณะที่ฮ็อง โฮแกน สูงเพียง 6 ฟุต เมื่อมายืนปะทะกันเหมือนเด็กกับผู้ใหญ่ และ อังเดรนั้นสมชื่อคือ ยักษ์ใหญ่โดยแท้จริง แต่ อังเดรนี้แหละที่ฮ็อง โฮแกนอยากพบมากที่สุด เขาให้สัมภาษณ์ว่านักมวยปล้ำที่เขาอยากพบมากที่สุดก็คือ ยักษ์ อังเดร เดอะไยแอนท์ ผู้เหี้ยมโหดผู้นี้ แล้วการต่อสู้ก็แทบช็อคคนดู เมื่ออังเดร เดอะไยแอนท์จับฮ็อง โฮแกน โยนไปโยนมาเหมือนผู้ใหญ่จับเด็ก ๆ แต่แล้ว ด้วยพลังสำรองที่ซ่อนเร้น ฮ้อง โฮแกนสามารถทำให้ยักษ์ใหญ่ อังเดร เดอะ ไยแอนท์ หลับลงได้ในที่สุด เป็นแชมป์ประวัติศาสตร์โลกที่น่าทึ่งมากในประวัติศาสตร์มวยปล้ำอเมริกัน และทั้งหมดนี้เป็นผลจากการพากษ์ ของ สุวัฒน์ กลิ่นเกสร การพากษ์มวยที่สะท้อนเอาภาคภายในอันน่าชื่นชมของชาวมวยปล้ำอเมริกันยุคนี้

 

 

บุคคลที่ 100  Angelina Jolie (แองเจลิน่า โจลี่)

เราทราบประวัติของ แองเจลิน่า โจลี จาก ประวัติ อัลบั้มดารา ของ http://www.nangdee.com เธอเป็นดาราภาพยนตร์ฮอลลีวู๊ด มีชื่ออื่นอีก 3 ชื่อคือ แองจี้, บันนี่ กับ เยลลี่บีน วันเกิด : 04/06/1975 ที่เกิด : ลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย United States ส่วนสูง : 173

แองเจลิน่า โจลี่ จบการศึกษาจากมัธยมที่ Beverly Hills High School จากนั้นไป Lee Strasberg Theater Institute และมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก เป็นนักศึกษาภาคค่ำสาขาภาพยนตร์ เป็นลูกสาวของพ่อแม่ดาราใหญ่ จอน วอยต์ กับ มาร์เชลีน เบอร์ทรานด์ ซึ่งหย่ากันตั้งแต่เธอแบเบาะ ครอบครัวแตกแยกผลักดันให้โจลี่มีปัญหา วัยเด็กเธอมีแต่พี่ชาย เจมส์ เฮเวน วอยต์ สายสัมพันธ์พี่น้องสนิทแนบแน่น ปัจจุบันเขาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ เมื่อเร็วๆ นี้ เธอเพิ่งเสร็จสิ้นจากการถ่ายทำภาพยนตร์ของคลินท์ อีสต์วู้ดเรื่อง “The Changeling” ,ภาพยนตร์ของทิเมอร์ เบคแมมเบทอฟเรื่อง “Wanted”

ในวันที่ 27 สิงหาคม ปี 2544 (2001) เธอได้รับแต่งตั้งให้เป็นทูตสันถวไมตรีองค์กรข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ (UNHCR) และยอมรับหน้าที่ในการดำเนินการเพื่อคุ้มครองผู้อพยพในทวีปทั้งห้า

สิ่งที่เราให้คะแนนเธอนั้น มาจากข่าวทั่วไปในประเทศไทย สื่อไทยนี่เอง เกี่ยวกับข่าว โรฮิงญา ผู้อพยพชาวพม่า (ที่เป็นมุสลิมชนส่วนน้อยในพม่า) ผู้พลัดถิ่น จำนวนประมาณ 1,000 คน ในปลายปี 2551 ซึ่งเมื่อสาวสาเหตุที่แท้จริงแล้ว ก็น่าจะมาจากต้นตอที่ประเทศพม่าเอง คือระบอบเผด็จการทหารพม่า นั่นคือการปกครองที่มิอยู่ในระบอบประชาธิปไตย อันเป็นลัทธิของมนุษย์ ที่ทุกคนแชร์อำนาจการปกครองประเทศด้วยกันคนละ 1 เสียง ผู้มีความเท่าเทียมกันและมีความเสมอภาค และเป็นเจ้าของแผ่นดินร่วมกัน และแองเจลิน่า โจลี่ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น ที่แกมเป็นข้อเสนอแนะว่ารัฐบาลไทยควรจะรับโรฮิงญาอพยพเอาไว้ โดยมองในแง่ความเป็นมนุษย์ ผู้มีสิทธิอันสมบูรณ์ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปตราบอายุไข เธอมองว่าการที่ประเทศไทยขับไล่หรือเอาโรฮิงญาอพยพ 1,000 คนนั้นไปปล่อยให้เคว้งคว้างกลางทะเล จนเสียชีวิตเป็นก่ายเป็นกองถึงร่วม 500 ศพนั้น เป็นการไร้มนุษยธรรมเกินไป

เรามิได้มองว่าความคิด ข้อเสนอของเธอเป็นสิ่งผิดหรือถูก แต่เรามองที่จินตนาการของเธอว่าเป็นจินตนาการพุทธ ที่สอดคล้องแนวคิดของชาวพุทธโดยทั่วไป ที่ตั้งอยู่บนความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพราะเห็นสัจธรรมว่ามนุษย์ด้วยกันต่างก็เป็นทุกข์ ชาวพุทธจึงมีเมตตา และรู้จักธรรมปฏิบัติทางสังคม การเมืองระบอบประชาธิปไตยเบื้องต้น นั่นคือ รู้จักเอาใจเขาไปใส่ใจเรา และนั่นคือความเข้าใจในทุกข์และสุขของคนอื่นเสมอเหมือนกับเรา ความเคารพในสิทธิของผู้อื่นเท่า ๆ กับความเคารพในสิทธิของเรา อันเป็นหลักการของประชาธิปไตยขั้นพื้นฐาน เรามองว่าเธอมีความใจอ่อน ที่สะเทือนใจในการที่เห็นคน ผู้มีชีวิตเหมือนคนทั้งหลาย ต้องได้รับการปฏิบัติอย่างกับไม่ใช่มนุษย์ ทั้งจากรัฐบาลพม่าเอง และบัดนั้นจากรัฐบาลไทย ซึ่งทั้งสองรัฐบาลต่างก็มีชาวพุทธเป็นประชาชนแทบทั้งหมดที่นับถือศาสนาพุทธ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นวิถีความคิดและจิตใจของชาวพุทธโดยแท้จริง แม้ว่าเธออาจจะไม่ได้เรียนรู้พุทธธรรมจากพระคัมภีร์พุทธ แต่เรียนรู้จากธรรมชาติ และจากข้อสรุปประสบการณ์ในเรื่องราวของมนุษย์ เราจึงเห็นสมควรยกย่อง ในน้ำใจที่สะท้อนความเป็นพุทธโดยธรรมชาติที่แท้จริง และมองว่าเธอเป็นบุคคลสำคัญเป็นตัวแทนแนวคิดของพระพุทธศาสนา ควรแก่ความเป็นบุคคลแห่งปี ของหนังสือพิมพ์ดี พุทธศักราช 2551

 

หนังสือพิมพ์ดี จึงขอยกย่องบุคคลต่อไปนี้คือ วีระ มุสิกพงศ์ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จตุพร พรหมพันธ์ ก่อแก้ว พิกุลทอง ใจ อึ้งภากรณ์ ปัญญา นิรันดร์กุล แอน ทองประสม ศุภรัตน์ นาคบุญนำ กนิษฐ์ สารสิน เหวง โตจิราการ วิสา คัญธัพ จาตุรนต์ ฉายแสง อดิศร เพียงเกษ สุนัย จุลพงศ์ธร ปองพล อดิเรกสาร มานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น สุวัฒน์ กลิ่นเกสร Angellina Jolie (แองเจลิน่า โจลี่) ว่าเป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี ปี พุทธศักราช 2551 และหวังว่าจักประสบความสุขความเจริญในธรรมะ-ประชาธิปไตยยิ่ง ๆ ขึ้นไป ตลอดกาลนาน

โปรดติดตามหนังสือพิมพ์ดี ต่อไป

 

บรรณาธิการ
19 .. 2552

 

 
 
 
 

 

บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี 
 พุทธศักราช
 
2552 

 

และในลำดับต่อไปนี้ ก็เป็นเรื่องการประกาศบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี พ.ศ. 2552 เนื่องจากสถานการณ์ภายในประเทศที่ไม่เอื้อแด่การมองในความเป็นกลางอย่างเหมาะสม เราจึงชะลอการประกาศบุคคลแห่งปีมาล่าช้าไปหลายเดือน รวมทั้งเหตุผลของการออกหนังสือพิมพ์ดี เล่มที่ 45 พลอยล่าช้าไปด้วย บัดนี้ เรามีความยินดีที่จะประกาศเกียรติคุณ บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี ประจำปีพุทธศักราช 2552 ดังนี้

 

 

บุคคลที่ 101  นายบารัก โอบามา (Barack Obama)

นายบารัก โอบามา (Barack Obama)  ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา คนที่ 44 แห่งพรรคเดโมแครต โดยชนะการเลือกตั้ง 4 พ.ย.2008(พ.ศ. 2551) มีอดีตประธานาธิบดี ยอร์ช ดับเบิ้ลยู บุช แห่งพรรครีปับลิก เป็นคู่แข่งสำคัญ ทำให้โอบามา เป็นคนแอฟริกันอเมริกันคนแรก ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา   จากประวัติชีวิตวัยเด็กของเขา ซึ่งวิกิพีเดีย ระบุไว้ว่า โอบามา เกิดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ. 1961(พ.ศ.2504) ที่เมืองโฮโนลูลู รัฐฮาวาย เป็นบุตรของนายบารัก โอบามา ซีเนียร์ ชาวจังหวัดเซียยา ประเทศเคนยา และนางแอนน์ ดันแฮม ชาวเมืองวิชิทอ รัฐแคนซัส ซึ่งแม่ของเขามีเชื้อสายวงศ์ตระกูลมาจากอังกฤษ ไอร์แลนด์ และเยอรมนี แต่เขาทั้งสองได้แยกกันอยู่เมื่อโอบามาอายุได้เพียง 2 ปีและหลังจากนั้นก็หย่าขาดจากกันในเวลาต่อมา เดิมนับถือศาสนาอิสลาม แล้วเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์  

 

เราเห็นว่า บารัก โอบามา มีเชื้อสายมาจากประเทศเคนยา เป็นอาฟริกันดำ แต่ได้ประสบความสำเร็จอย่างสูงในประเทศที่มีประชาธิปไตยสมบูรณ์    เรามองว่าเป็นบุคคลแห่งระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง เป็นตัวอย่างของตัวแทนบุคคลในระบอบประชาธิปไตยของโลกที่แท้จริงด้วย การที่มีกำเนิดเป็นประชาชนผิวดำ เป็นคนเลือดผสม ระหว่างอาฟริกันบวกอเมริกัน แต่สามารถประสบความสำเร็จอย่างไม่เคยมีมาก่อนในการเมืองอเมริกา นั้นเพราะความเป็นประชาธิปไตยของประชาชนอเมริกัน และประเทศอเมริกา และบารัก โอบามาได้ต่อสู้บนเส้นทางการเมืองอเมริกามาด้วยสำนึกของประชาชนสมบูรณ์แห่งระบอบประชาธิปไตย เราหมายความรวมถึงถึงเหตุผลทางจิตวิทยา ด้านความไร้ปมด้อยทางผิวสี เผ่าพันธุ์ ของความเป็นประชาชนแห่งประเทศประชาธิปไตยตัวอย่างของโลก นั่นคือมีสิทธิ์อย่างมนุษย์สมบูรณ์ที่จะปกครองตนเองและเอื้อมตนไปสู่ความเป็นนักการเมืองในระดับสูงสุดโดยทางประชาชน ทำให้บารัก โอบามา ได้โอกาสในการต่อสู้ทางการเมืองอย่างเท่าเทียมกับประชาชนคนอื่น ๆ และสามารถประสบความสำเร็จอันไม่จำกัด นั่นคือจากการเป็นวุฒิสมาชิกแห่งมลรัฐอิลลินอยส์ ไปถึงสูงสุดของตำแหน่งการปกครอง ในระบอบของประชาชน เพื่อประชาชน และโดยประชาชน ของอเมริกา   ได้เป็นประธานาธิบดีบารัก โอบามา

 

และด้วยเหตุนี้ บารัก โอบามา จึงได้ทำให้ประชาธิปไตยในอเมริกาได้รับการอธิบายถึงการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ชัดเจนยิ่งขึ้น   ล่าสุด เดือน มิ.ย. นี้ บารัก โอบามา ได้ปลด พล.อ. สแตนลีย์ แม๊คคริสตัล (McChristal) ออกจากตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารภาคอาฟกานิสถาน ฐานแสดงความเห็นและวิพากษ์วิจารณ์การทหารที่ขัดแย้งนโยบายการบริหารของพรรคดีโมแครต ที่ได้แถลงต่อประชาชนอเมริกันไว้ก่อนแล้ว เหตุผลก็คือ ประชาชนเขาอนุมัตินโยบายไว้แล้ว ทหารมีหน้าที่ปฏิบัติตาม จะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม   แต่นายพลแมคคริสตัล ก็แสดงสปิริตทหารอเมริกา ยอมรับคำสั่งแต่โดยดี   เป็นตัวอย่างให้แด่ทหารในประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลายโดยเฉพาะประเทศไทย ที่มีกรณีทหารขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ที่สั่งโดยถูกต้องตามกฎหมาย และทั้งปฏิบัติตามคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จนเป็นเหตุให้การปกครองระบอบประชาธิปไตยล้าหลังตลอดมา จนถึงเกิดเรื่องราวทหารปราบปรามประชาชนมือเปล่า เดือน พ.ค. 2553   บารัก โอบามา จึงสะท้อนว่าอเมริกาจะต้องปกครองโดยตัวแทนของประชาชนโดยสมบูรณ์ มีอำนาจตามที่ประชาชนมอบหมายอย่างสมบูรณ์ และทหารหรือกองกำลังคนที่เข้มแข็งที่สุดของประเทศมีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล ที่ได้เสนอต่อประชาชนเอาไว้แล้ว เป็นสถานะที่สืบเนื่องมาในประเทศสหรัฐอเมริกาถึง 234 ปีแล้ว นี่เป็นตัวอย่างอันดีของทหารอเมริกัน และประธานาธิบดีอเมริกันอีกกรณีหนึ่ง

 

มีสิ่งที่เราขอยกขึ้นเป็นกรณีพิเศษก็คือ บารัก โอบามา แสดงถึงความเป็นเสรีชนอย่างสมบูรณ์ เพราะโดยเชื้อชาติบรรพบุรุษของเขานั้นเป็นเชื้อสายอิสลาม ต่อมาจึงได้เปลี่ยนศาสนามาเป็นคริสต์ และคริสต์ที่เขาเลือกเป็น โปรเตสแตนท์ มิใช่คริสต์ดั้งเดิมคือ คาทอลิก โปรเตสแตนท์ เป็นคริสต์นิกายใหม่ที่ต่อต้านคริสต์นิกายดั้งเดิม โดยพฤติกรรมการเปลี่ยนศาสนาของเขา เห็นได้ทั้งสองกรณีว่า เขามั่นใจในความเป็นเสรีชนอย่างยิ่ง และมีความเป็นมนุษย์อย่างเต็มตัว เพราะศาสนาอิสลามนั้นถือว่าการเปลี่ยนศาสนาเป็นการทรยศ เป็นมุนาฟิกส์โดยแท้จริง และการทรยศต่อพระเจ้าเป็นเรื่องความเป็นความตายถึง 2 ระดับ คือโลกนี้และโลกหน้า โลกนี้ก็ต้องโดนสาปแช่ง และโลกหน้าก็ต้องไปรับการพิพากษา พระคัมภีร์ระบุว่าผู้ทรยศย่อมมีโทษสถานเดียวคือ ความตายในนรกเพลิง   แต่บารัก โอบามา ก็มิได้มองถ้อยคำที่ข่มขู่ด้วยเหตุผลส่วนนั้น สะท้อนว่าเขาเป็นมนุษย์ที่มีมันสมองคิดเหตุผลเองได้    และเชื่อตนเองมากกว่าคนอื่น หรือพระเจ้า   ในกรณีที่ 2 เขามานับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแต้นท์ ซึ่งเป็นนิกายที่ต่อต้านนิกายหลักดั้งเดิมคือ คาทอลิก จนกลายเป็นสงครามศาสนาระหว่างนิกายทางฝ่ายคริสต์เนิ่นนานมา และยังคงมีอยู่ในบางพื้นที่ของโลกมาจนถึงทุกวันนี้ ก็ด้วยเหตุผลทำนองเดียวกันนั่นคือ เขาเป็นเสรีชน ที่คิดเอง ใช้มันสมองเองได้ ไม่เชื่อตามพระคัมภีร์เลยทีเดียว และพระคัมภีร์ศาสนานั้นแท้จริงก็คือหนังสือเล่มหนึ่งที่มีคนเขียนขึ้น และคนผู้นั้นก็เขียนขึ้นนั้นเขียนด้วยภูมิปัญญาของคน ๆ หนึ่ง ด้วยจินตนาการของโลกยุคดั้งเดิมเท่านั้นเอง และคนยุคใหม่ เขามีสิทธิ์ที่จะเลือกเชื่อถือในเรื่องที่ควรเชื่อถือ และไม่เชื่อถือในเรื่องที่ไม่ควรเชื่อถือ อันเป็นสิทธิเฉพาะตัวของเสรีชนคนยุคใหม่ นี่คือประธานาธิบดีบารัก โอบามา   เนื่องด้วยความเป็นเสรีชนโดยสมบูรณ์ดั่งนี้   จึงสมควรที่จะยกย่องบารัก โอบามา ไว้ ณ ทำเนียบบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี

 

 

 

บุคคลที่ 102.   นางกลอเรีย มาคาปากาล อาร์โรโย (Gloria Macapagal-Arroyo)

 

อดีตประธานาธิบดีอาร์โรโยรับใช้ประชาชนมานาน 9 ปีในช่วงที่เธอพ้นจากตำแหน่ง เธอเชื่อว่าขณะนี้ประเทศฟิลิปปินส์มีความเจริญและแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมช่วงที่เธอเข้ารับตำแหน่งใหม่ๆ นางอาร์โรโยจะพ้นวาระผู้นำประเทศในวันที่ 30 มิถุนายนนี้และจะทำหน้าที่สมาชิกวุฒิสภาต่อไป 

 

"กลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย-Gloria Macapagal-Arroyo" ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์คนที่ 14 เกิด 5 เมษายน พ.ศ.2490 บุตรีของ Diosdado Macapagal ประธานาธิบดีคนที่ 9 (พ.ศ.2504-2508) สมรสกับนาย Jose Miguel Tuason Arroyo ทนายความและนักธุรกิจ มีบุตร 3 คน

 

    สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์ ได้รับคัดเลือกไปเทกคอร์สที่มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ สหรัฐอเมริกา 2 ปี กลับมาจบปริญญาตรีคณะพาณิชยศาสตร์ วิทยาลัยอัสสัมชัญ ปริญญาโทเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย Ateneo de Manila ปริญญาเอกมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส

  

เริ่มชีวิตนักการเมือง ปี 2535 เป็นวุฒิสมาชิกสมัยแรก และพ.ศ.2538 สมัยที่ 2 ได้รับคะแนนเสียงสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 16 ล้านเสียง ตามด้วยตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและสวัสดิการ สมัยประธานาธิบดีเอสตราดา (พ.ศ.2541-2544) และเป็นรองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ทำสถิติอีกครั้งเมื่อได้รับเลือกตั้งเป็นรองประธานาธิบดีด้วยคะแนนเสียงสูงในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี

 

20 มกราคม 2544 สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 14 ของฟิลิปปินส์ ประกาศวาระแห่งชาติ มุ่งสร้างความเข้มแข็งให้ระบบราชการ ลดอาชญากรรม เพิ่มภาษี พัฒนาการเติบโตทางเศรษฐกิจ และต่อต้านการก่อการร้าย ต่อมา 30 มิถุนายน 2547 รับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 หลังชนะการเลือกตั้งท่ามกลางเสียงครหาว่าไม่โปร่งใสจากการใช้เงินรณรงค์หาเสียงและการใช้อิทธิพลในตำแหน่งแทรกแซงกระบวนการเลือกตั้ง”

 

สิ่งที่เรายกย่องก็คือ ในสมัยที่เธอดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอยู่ เธอเป็นผู้ที่กล้ากล่าวความจริง ซึ่งเป็นการยกย่องผู้นำของประเทศเพื่อนบ้านเอเชียผู้หนึ่งผู้มีความสามารถเป็นที่ประจักษ์ไปทั่วโลก คือ อดีตนายกรัฐมนตรีไทย พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ว่าเป็นเจ้าลัทธิทางเศรษฐกิจโลกยุคใหม่สุด คือ ทักษิโณมิค (Thaksinomics) นั่นเป็นสมัยที่ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีประเทศไทยอยู่ มีหลักฐานว่า “ทักษิโณมิค (อังกฤษ: Thaksinomics) เป็นคำเรียกนโยบายเศรษฐกิจในสมัยที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยผู้ที่ใช้คำนี้ครั้งแรกคือ นางกลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย ประธานาธิบดีแห่งฟิลิปปินส์ ในสุนทรพจน์งานประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก เมื่อ พ.ศ. 2546 โดยหนึ่งในผู้ที่สนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจดังกล่าวที่โดดเด่นที่สุด คือ แดเนียล เลียน นักเศรษฐศาสตร์ของมอร์แกน สแตนลีย์

 

ดร. สุวินัย ภรณวลัย ได้กล่าวว่า ทักษิโณมิคเป็นประดิษฐกรรมของ พ.ต.ท. ทักษิณ โดยเป็นความคิดของนักกลยุทธ์เชิงสมัยนิยม เพื่อจัดการทางกลยุทธ์ การรวบรวมองค์ความรู้ เพื่อบรรลุเป้าหมายทั้งส่วนตัวและส่วนร่วม ซึ่งดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้ไปสู่เป้าหมาย และอาจมีการใช้ความรุนแรง เพื่อให้เขาเป็นผู้ชนะ”

 

  ายหลัง ดร.ทักษิณ สิ้นอำนาจไป ด้วยการถูกกลุ่มทหารและพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม ร่วมหัวกับภาคเอกชนผู้สูญเสียผลประโยชน์จากการปกครองยุคทักษิณ ก่อการรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549   เธอก็ยังยืนยันสิ่งที่เธอพูด นั่นคือ ในการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศอาเซียน(Asian Summit) ที่พัทยา ประเทศไทย ในเดือน เมษายน 2552 ซึ่งมีผู้นำอาเซียนมาร่วมพิธีเปิดการประชุมเพียง 5 ประเทศรวมทั้งประเทศเจ้าภาพไทยด้วย (ไม่มาประชุมถึง 4 ประเทศ รวมทั้งประเทศเพื่อบ้านใกล้ชิดคือ กัมพูชาด้วย) เธอได้สวมชุดสีแดงเข้าร่วมในการประชุม และในพิธีปิดการประชุม ซึ่งเรามองถึงเจตนารมณ์ของผู้นำฟิลิปปินส์ว่า ยืนยันประเทศไทยควรก้าวไปในการเมืองของระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น และนั่นหมายถึงก้าวไปตามวิถีทางทักษิโณมิค ซึ่งตรงนี้จะแสดงถึงภูมิปัญญาของผู้นำต่างประเทศ แม้ในประเทศที่นับถือศาสนาอิสลาม ที่มีระบอบเผด็จการในศาสนาอย่างเข้มแข็งด้วยเทวสิทธิ์ ก็ยังมองเห็นทางออกของการปกครองนานาชาติว่า ประชาธิปไตยเป็นระบอบที่เป็นธรรม และเป็นสุข เพราะประชาธิปไตยมีหลักการจัดการสังคมอย่างสมานฉันท์ อย่างสันติได้ โดยไร้ความรุนแรง ที่โลกควรร่วมมือกันสร้างขึ้นให้จงได้    การที่เธอได้พ้นไปจากตำแหน่งประธานาธิบดีไปใน 30 มิ.ย. 2553 นั้น เป็นการเป็นไปอย่างถูกต้องตามครรลองประชาธิปไตย เรามองว่า อาร์โรโย เป็นผู้นำชาติฟิลิปปินส์ ผู้มีความสามารถ ดำรงอุดมการณ์ส่วนรวมและส่วนตัวไว้ได้ตลอดยุคสมัยของเธอ สมควร เป็นรัฐบุรุษ โดยแท้จริง เนื่องด้วยความกล้าหาญที่กล่าวความจริง และยืนยันความจริงให้ปรากฎอย่างชัดเจน จึงสมควรยกย่องเป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี ปีพุทธศักราช 2552 

 

 

 

บุคคลที่ 103.     พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล  

ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เกิด 2 มิถุนายน พ.ศ. 2494

ที่เกิด อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี

เสียชีวิต 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 (อายุ 58 ปี)

ที่เสียชีวิต โรงพยาบาลวชิรพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพ  

งาน-อาชีพ ทหารไทย  

ผู้ทรงคุณวุฒิกองท้พบก 

คู่สมรส นาวาเอก (พิเศษ) หญิง จันทรา สวัสดิผล

บุตร นางสาวกิตติยา สวัสดิผล

นางสาวขัตติยา สวัสดิผล

เด็กชายนักรบ สวัสดิผล  

การศึกษา ปริญญาเอก สาขาบริหารรัฐกิจ University of Northern Philippines  

เว็บไซต์ http://www.sae-dang.net/  

เขาต่อสู้อย่างเปิดเผยในท่ามกลางศัตรู และท่ามกลางความอันตรายจากความเสี่ยงต่อชีวิตทุกขณะ   และในที่สุดเขาก็โดนเข้าจริง ๆ จากความเปิดเผยและความเสี่ยงนั้น   เราเชื่อว่าเขาเข้าใจสถานการณ์ได้ดีทะลุปรุโปร่งของอันตรายจากความเสี่ยงนั้น แต่การที่เขายังคงออกมาปฏิบัติการเสี่ยงอย่างไม่หวาดหวั่นนั้น คือจิตใจของนักรบผู้มีความเป็นนักสู้ที่รับผิดชอบต่อพันธกิจ และนั่นหมายถึงนักรบผู้ได้บรรลุสติปัญญาแตกฉานในสัจธรรมของชีวิต อย่างแท้จริง เขาต่อสู้อย่างไม่รู้อนาคตตัวเอง แต่เขาก็ต่อสู้ไปอย่างไม่ท้อถอย สม่ำเสมอในกริยาและพฤติกรรมที่เสมอต้นเสมอปลาย   แล้วการตายของเขาก็เกิดขึ้น จากฝ่ายที่เป็นทหารแต่ในคราบ ด้วยการใช้วิธีการไม่เหมาะสม ไม่ละอายกับความเป็นทหาร นั่นคือลอบยิง ให้สไนเปอร์ลอบยิงด้วยอาวุธติดเครื่องเล็งทันสมัยที่สุดของเทกโนโลยีของการลอบฆ่า      คงเป็นปืนที่ทันสมัยกว่าปืนติดเครื่องเล็งแบบเดียวกับที่เห็นในข่าวของโทรทัศอัลจาชีรา วันที่ 19 พฤษภาคม 2553   นั่นคือภาพกองทหารทั้งกองของฝ่ายรัฐบาล(โดย ศอฉ.) ที่ซุ่มอยู่บนตึกสูง ใช้ปืนติดกล้องเล็งเลือกยิงลงไปยังประชาชนมือเปล่าข้างล่าง   และเห็นภาพประชาชนล้มลงกองอยู่กลางถนนหนทางเป็นศพโดยไม่รู้ตัว(คนที่ตายในการสลายการชุมนุมราชประสงค์ครั้งนั้น 90 ศพ ล้วนเป็นประชาชนมือเปล่า ๆ ทั้งสิ้น พอที่จะกล่าวว่านี่คือฝีมือของคนเลวในคราบของทหาร)     เราให้คะแนนพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล เพราะความที่เขาได้แสดงถึงความเป็นทหารที่แท้จริง เพราะการปฏิบัติการที่สะท้อนถึงอีกฝ่ายหนึ่ง เราไม่ได้ให้คะแนนเพราะเขาอยู่ฝ่ายใด หรือด้วยวิธีการปฏิบัติอย่างไร แต่เป็นคะแนนแห่งคุณธรรม ความที่เขาได้สร้างมาตรการที่เปรียบเทียบกัน ที่สะท้อนไปถึงทหารขี้ขลาดที่ลอบยิงประชาชนมือเปล่า และพวกเขาตายไปโดยไม่รู้ตัว โดยฝีมือทหารเลวแห่งกองทัพไทย   ที่ใช้อาวุธลอบฆ่าเพื่อนทหารด้วยกันเอง และทั้งที่เลวไปกว่าคือลอบฆ่าประชาชนมือเปล่า ๆ ตายเป็นใบไม้ร่วง    และทหารที่ลอบยิงลอบฆ่าประชาชนด้วยอาวุธสงคราม อย่างไร้เหตุผลอย่างยิ่ง ในเขตอภัยทาน วัดปทุมวนาราม จำนวน 6 ศพ นั้น ไม่อาจจะบรรยายได้ว่าขนาดไหน    นี่คือความยกย่องของเราหนังสือพิมพ์ดี ที่ให้ไว้แด่บุคคลผู้สมควรเป็นวีระบุรุษของประชาชนอย่างแท้จริง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล

จึงขอจารึกคุณความดีบุคคลต่อไปนี้    บารัก โอบามา (Barack Obama)  กลอเรีย มาคาปากาล อาร์โรโย (Gloria Macapagal-Arroyo) พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล   ว่าเป็นบุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี(อินเทอเนต) ประจำปีพุทธศักราช 2552   ขอแสดงความชื่นชมและยกย่องเกียรติคุณโดยทัศนะของเราไว้ ณ โอกาสนี้  
ต่อไปนี้ก็ขอได้โปรดติดตามอ่านเรื่องราว ที่เราคัดสรรมาจากบทวิเคราะห์จำนวนมากมายในเวบไซต์ของเรา ขอได้ติดตามอ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ อีกมากมายใน เวบไซต์ของเราทั้ง 2 เวบไซต์ คือ    https://www.newworldbelieve.net    

 

  ต่อไป อนึ่ง นี่เป็นดี วารสาร สำหรับดี(อินเทอเนต) ในอินเทอเนตของเรา ได้เพิ่มบทวิเคราะห์สำคัญ ๆ ตรงประเด็นไปอีกหลายเรื่อง หลายบท โปรดติดตามอ่านในดี(อินเทอเนต) ต่อไป 

  ดขอขอบคุณท่านผู้อ่านและสมาชิก ตลอดทั้งมวลมหาประชาชนผู้ร่วมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างสูงพร้อมความเห็นอกเห็นใจในการสูญเสียอย่างมากมาย ประมาณ ค่ามิได้ ซึ่งเราคงจะเข้าใจดี และหวังว่าการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย โดยวิถีทางอันถูกต้องครรลองประชาธิปไตย คือการต่อสู้ไม่ใช้ความรุนแรง สันติ และ อหิงสา ที่จะต้องเป็นการต่อสู้เพื่อประชาชน โดยประชาชน และ เอาคืนมาซึ่งอำนาจของประชาชน ตามปณิธานของมวลมหาชนผู้เจริญทั่วโลก และตามปณิธานของกษัตริย์ไทย   ยังจะเดินต่อไป จนกว่าบรรลุเป้าหมาย นั่นคือ ประชาธิปไตยกลับมา ทรราชและเผด็จการสลายไป  

 

บรรณาธิการ 

 2 ส.ค. 2553

 

 
 
 
 
 
 

 

 

 บุคคลแห่งปีของหนังสือพิมพ์ดี 
 พุทธศักราช
 
2553
 
 
บุคคลที่ 104  นาง พวงแก้ว สาตรปรุง   
                       ทายาท พล.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา


 
พวงแก้ว สาตรปรุง เป็นธิดาคนที่ 5 ในจำนวน 6 คน เกิดปี 2485 หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง 10 ปี ปัจจุบันอายุ 68 ปี สุขภาพยังแข็งแรง
พวงแก้ว สาตรปรุง เป็นธิดาคนที่ 5 ในจำนวน 6 คน ของ พล.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน)
 
 
 
พล.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) เป็นหัวหน้าคณะราษฎรทำการเปลี่ยนแปลงการปก ครองจากระบอบสมบูรณายาสิทธิราชย์มาเป็นประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475
 
พระยาพหลฯ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 (ต่อจากพระยามโนปกรณ์นิติธาดา) รวม 5 สมัย ตั้งแต่ 21 มิถุนายน 2476 ถึงกันยายน 2481 รวม 5 ปี 5 เดือน 21 วัน ถึงแก่อนิจกรรมปี 2490 ขณะอายุ 60 ปี
 
 
จากข้อมูลของ
มติชนออนไลน์ วันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2554 เวลา 14:51:23 ทำให้เราได้ทราบว่ายังคงมีทายาทของ พล.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา มีชีวิตอยู่ในวันนี้ ก็คือ พวงแก้ว สาตรปรุง เป็นธิดาคนที่ 5 ในจำนวน 6 คน ของ พล.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) หัวหน้าคณะราษฎร์ ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 
 
 
 
มีคำถามสำคัญ ดังนี้
 
1. คำถาม   ภูมิใจไหมที่พ่อเป็นหัวหน้าคณะราษฎรก่อการเปลี่ยนแปลง 2475 ?
 
    คำตอบ  ภูมิใจสิคะ คุณพ่อทำเพื่อประชาชน เพื่อประเทศ คุณพ่อเสียสละอย่างสูงเลย เป็นสิ่งที่มีความสุขที่สุดเลย ไม่มีสุขใดจะเหมือนด้วย ที่เกิดมาเป็นลูกของคุณพ่อ   คุณพ่อเป็นผู้ที่เสียสละอย่างสูงสุด มีจิตใจที่บริสุทธิ์ ไม่มีกิเลส ไม่มีความต้องการส่วนตัว มีอย่างเดียวคือ ทำอย่างไรประเทศจะพัฒนาไปได้ นั่นละ จุดมุ่งหมายของคุณพ่อ สูงสุดอยู่ตรงนี้ ไม่ได้ต้องการอะไรเลย ไม่เคยเอาทรัพย์สินของประเทศมาเป็นของตัวเลย สักนิดเดียวก็ไม่มี 
 
 
 
2.   คำถาม   คิดอย่างไรกับสภาพบ้านเมืองที่เกิดวิกฤตความขัดแย้ง แตกแยกมา 5 ปี ตั้งแต่ยึดอำนาจ 19 กันยายน 2549  
 
     คำตอบ  มันเป็นความเห็นแก่ตัวของพวกชนชั้นขุนนาง เป็นพวกเห็นแก่ตัว จะยึดแต่อำนาจไว้กับตัว ไม่แผ่อำนาจลงมาให้ราษฎร มันเริ่มมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2490 ตั้งแต่โน่นแล้วที่ จอมพลผิน ชุณหะวัณ ปฏิวัติ ไม่ใช่เพิ่งเกิด คนพวกนี้เป็นพวกเห็นแก่ตัว รัฐบาลเขาจะผิด เขาจะถูกอะไร เขามีศาลยุติธรรมอยู่ตั้ง 3 ศาล ก็ฟ้องไป ให้ว่าไปตามระบบของมัน ฟ้องเขาไปสิ เขาผิดอะไร ไม่ใช่มาตัดสินเองด้วยอำนาจของตัว เสร็จแล้วพอตัวมีอำนาจ ตัวโกงกินประเทศชาติ ประเทศชาติมันก็เป็นอย่างนี้อยู่ตลอดเวลาทุกคนก็คิดว่า แหม พอพวกนี้คนโกงประเทศ อุ๊ย... ต้องยึดอำนาจแล้ว ต้องทำรัฐประหารแล้ว มันเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง ไปใส่ร้ายเขา ไปเอามาตรา 112 (ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ความผิดฐานดูหมิ่น หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ฯลฯ) ไปใส่ร้ายเขา มันไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น ถ้าคนขาดศีลธรรม ก็เป็นอย่างนี้แหละ  
 
 
 
3.  คำถาม    ลูกสาวผู้ก่อการกับ"เสื้อแดง"
 
      คำตอบ นางพวงแก้วบอกเมื่อถูกถามว่า ชอบสีไหน "ป้าเหรอ ชอบสีแดง... "(คนเสื้อแดง) เขาเป็นคนชั้นล่างน่ะ แล้วมีมากด้วย แล้วยังไม่ได้พัฒนา ป้าสงสารเขา เขาพัฒนาได้น้อยเพราะพวกมีอำนาจมัวแต่กินโกงประเทศกัน ไม่เอาเงินไปพัฒนาเขาให้มากกว่านี้ เขาถึงได้ต้องตื่นตัวขึ้นมาเมื่อท่านทักษิณเข้ามา เพราะเขารู้ว่า อ๋อ ประชาธิปไตยกินได้อย่างนี้นี่เอง เขาก็ตื่นตัวขึ้นมา เขาก็อยากจะอยู่แบบคนอื่นเหมือนกัน เขาก็เป็นคนเหมือนกับเรา มันของธรรมดา อกเขาอกเรา"

 
"ป้าก็ไม่เคยไปเข้าร่วมชุมนุมกับเขา แต่จะติดตามดูทางทีวีที่บ้านอยู่ตลอด ดูไปจนถึงตี 4 ตอนเห็นทหารฆ่าประชาชน ก็รู้ สงสัย เอ๊ะ เขาฆ่าได้ยังไง ฆ่าได้แม้กระทั่งพระสงฆ์"
 
"ตอนที่ทหารยิงประชาชน ป้าส่งจิตระลึกไปถึงคุณพ่อ อยากให้คุณพ่อมาช่วยจัง ทำไมคุณพ่อไม่มาช่วยประชาชน ไม่รู้ดวงวิญญาณท่านไปถึงไหนแล้ว เราก็ไม่รู้ว่าตายแล้ว ดวงวิญญาณไปที่ไหน ดังนั้น ประชาชนต้องช่วยตัวเอง"

 
ป้าพวงแก้วเสนอให้ไพร่กับอำมาตย์มารวมกัน เพราะต่างก็เป็นคนเหมือนกัน จะมามัวแบ่งแยกทำไม
 
"ไพร่กับอำมาตย์ไม่ใช่คนเหรอ ก็คนเหมือนกัน เราเลือกที่เกิดได้หรือเปล่า เราเลือกไม่ได้ ถือว่าเขาเป็นชนชั้นเดียวกันสิ เมตตากับเขาสิ อย่าไปให้เขาคิดว่า เขาต่ำต้อยเป็นไพร่ ท่านทำไม่ถูกหรอก ที่ให้เขาคิดอย่างนั้น แสดงว่าตัวท่านน่ะผิด ผิดอะไรต้องดู ต้องสำรวจตัวเองว่าผิดอะไร เขาถึงคิดว่า เขาต่ำต้อยอย่างนั้น คนเรามันเกิดมามันก็เหมือนกันทุกคน น่ะ มาทางเดียวกัน แล้วก็ไปทางเดียวกันด้วย เวลาไปแม้แต่ตัวเองยังเอาไปไม่ได้เลย ซี่โครงยังอยู่ เอาไปไม่ได้ ไปแต่วิญญาณเท่านั้น"

 
"ทำไมไม่คิดถึงตอนนั้นล่ะ แล้วต้องเป็นอย่างนี้ทุกคน พระพุทธองค์ท่านสั่งสอนมาดีแล้ว ทำไมไม่ทำตามล่ะ..."

 
 
ประเด็นสำคัญที่เรายกย่อง พวงแก้ว สาตรปรุง ก็คือ ในเมื่อเวลานี้เป็นเวลาของ ประชาธิปไตย มาถึงแล้ว เราก็ได้พบว่ามีผู้ที่ต่อสู้มาก่อน ตั้งแต่เริ่มแรกยุคการเปลี่ยนแปลง อย่างโดดเดี่ยวเงียบเชียบ   เพราะ นี่คือทายาทของนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริง ที่ยิ่งใหญ่กว่าบุคคลใดใดทั้งสิ้นแห่งยุคประชาธิปไตยไทย เพราะ พวงแก้ว สาตรปรุง ได้ต่อสู้มาตั้งแต่คลอดออกจากครรภ์มารดา (กำเนิดปี พ.ศ.2485 ขณะที่บิดา เป็นนายกรัฐมนตรีในระบอบประชาธิปไตยอยู่ ก่อนจะเสียชีวิตในปี พ.ศ.2490) มาจนถึงขณะนี้ เมื่อมีอายุถึง 68 ปีแล้ว และยังคงจะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอีกต่อไป ตราบสิ้นชีพ   จึงน่าจะได้เป็นบุคคลแรกที่สุดที่ได้อุทิศชีวิตทั้งชีวิตเพื่อประชาธิปไตยไทยจริง ๆ    เนื่องจากไม่มีใครเลยที่ได้ต่อสู้มาอย่างเนิ่นนานเท่านี้ และต่อสู้อย่างมีชีวิตอยู่ ต่อสู้เพื่อมีชีวิต ไม่ใช่ต่อสู้เพื่อตนตายเสีย   เพราะได้ต่อสู้มาตั้งแต่เกิดมาเป็นธิดาของนักปฏิวัติประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย พล.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา ฉะนั้น เธอจึงเป็นผู้ที่ยืนหยัดเพื่อประชาธิปไตยมาท่ามกลางฝูงอมาตย์ ที่แข็งแกร่ง ในยุคที่อมาตย์มีความน่าสะพึงกลัวที่สุด แล้วผ่านมา ๆ การต่อสู้ของเธอ พร้อมกับความเอาตัวเองให้มีชีวิตอยู่ ผ่านมา ๆ ก็หาละวางมือในการต่อสู้ไม่ ตราบมาบรรจบพบกระแสอันหลายหลากแห่งเสื้อแดงเข้า และเป็นยุคที่อมาตย์ ทายาทอสูรเริ่มอ่อนแรง   เราจึงได้เห็นความปิติยินดีของเธอ เผยออกมาว่าเธอคือสปิริตของประชาธิปไตยโดยแท้จริง และเธอคือประชาธิปไตยไทยที่แท้จริง   และเธอคือ สติปัญญา     ที่ต่อสู้แบบสู้เพื่อมีชีวิตเสรีชน   มีชีวิตเพื่อต่อสู้ด้วยสติปัญญาเพื่อประชาธิปไตยโดยแท้จริง     เราจึงขอยกย่อง พวงแก้ว สาตรปรุง ว่าเป็นบุคคลแห่งปี พุทธศักราช 2553 ของหนังสือพิมพ์ดี ต่อไป และหวังว่า จักเป็นตัวอย่างของการต่อสู้เพื่อโลก เพื่อประชาธิปไตยอันแท้จริงต่อไป
 
 

 
 
บรรณาธิการ
 

 
 







Copyright © 2010 All Rights Reserved.
----- ***** ----- โปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate นี่คือเวบไซต์คู่ www.newworldbelieve.com กับ www.newworldbelieve.net เราให้เป็นเวบไซต์ที่เสนอธรรมะหรือ ความจริง หรือ ความคิดเห็นในเรื่องราวของชีวิต ตั้งใจให้ธัมมะเป็นทาน ให้สิ่งที่เป็นประโยชน์แด่คนทั้งหลาย ทั้งโลก ให้ได้รู้ความจริงของศาสนาต่าง ๆในโลกวันนี้ และได้รู้ศาสนาที่ประเสริฐเพียงศาสนาเดียวสำหรับโลกยุคใหม่ จักรวาลใหม่ เรามีผู้รู้ ผู้ตรัสรู้ ผู้วินิจฉัยสรรพธรรมสรรพวิชชา สรรพศาสน์ และสรรพศาสตร์ พอชี้ทางสู่โลกใหม่ ให้ความสุข ความสบายใจความมีชีวิตที่หลุดพ้นไปสู่โลกใหม่ เราได้อุทิศเนื้อที่ทั้งหมดเป็นเนื้อที่สำหรับธรรมะทั้งหมด ไม่มีการโฆษณาสินค้า มาแต่ต้น นับถึงวันนี้ร่วม 14 ปีแล้ว มาวันนี้ เราได้สร้างได้ทำเวบไซต์คู่นี้จนได้กลายเป็นแดนโลกแห่งความสว่างไสว เบิกบานใจ ไร้พิษภัย เป็นแดนประตูวิเศษ เปิดเข้าไปแล้ว เจริญดวงตาปัญญาละเอียดอ่อน เห็นแต่สิ่งที่น่าสบายใจ ที่ผสานความคิดจิตใจคนทั้งหลายด้วยไมตรีจิตมิตรภาพล้วน ๆ ไปสู่ความเป็นมิตรกันและกันล้วน ๆ วันนี้เวบไซต์นี้ ได้กลายเป็นโลกท่องเที่ยวอีกโลกหนึ่ง ที่กว้างใหญ่ไพศาล เข้าไปแล้วได้พบแต่สิ่งที่สบายใจมีความสุข ให้ความคิดสติปัญญา และได้พบเรื่องราวหลายหลากมากมาย ที่อาจจะท่องเที่ยวไปได้ตลอดชีวิต หรือท่านอาจจะอยากอยู่ณโลกนี้ไปชั่วนิรันดร ไม่กลับออกไปอีกก็ได้ เพียงแต่ท่านเข้าใจว่านี่เป็นแดนต้นเรื่องเป็นด่านข้ามจากแดนโลกเข้าไปสู่อีกโลกหนึ่ง และซึ่งเป็นโลกหรือบ้านของท่านทั้งหลายได้เลยทีเดียว ซึ่งสำหรับคนต่างชาติ ต่างภาษาต่างศาสนา ได้โปรดใช้การแปลของ กูเกิล หรือ Google Translate แปลเป็นภาษาของท่านก่อน ที่เขาเพิ่งประสบความสำเร็จการแปลให้ได้แทบทุกภาษาในโลกมนุษย์นี้แล้ว ตั้งแต่ต้นปีนี้เอง นั้นแหละเท่ากับท่านจะเป็นที่ไหนของโลกก็ตาม ทั้งหมดโลกประมาณ 7.6 พันล้านคนวันนี้ สามารถเข้ามาท่องเที่ยวในโลกของเราได้เลย เราไม่ได้นำท่านไปเที่ยวแบบธรรมดาๆ แต่การนำไปสู่ความจริง ความรู้เรื่องชีวิตใหม่ การอุบัติใหม่สู่ภาวะอริยบุคคล ไปสู่การเปลี่ยนแปลงไปพ้นจากทุกข์ ทั้งหลายไปสู่โลกแห่งความสุขแท้นิรันดร คือโลกนิพพานขององค์บรมศาสดาพุทธศาสนา พระบรมครูพุทธะ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพียงแต่ท่านโปรดใช้บริการการแปลของ Google Translate ท่านก็จะเข้าสู่โลกนี้ได้ทันทีพร้อมกับคน7.6พันล้านคนทั้งโลกนี้. ----- ***** ----- • หมายเหตุ เอาขึ้นเวบไซต์ แทนของเดิม ทั้ง 2 เวบ .net .com วันที่ 21 เม.ย. 2565 เวลา 07.00 น. -----*****-----