บ้านเมืองไทยมาสู่ยุคการเมืองตกต่ำทำลายชาติขนาดไหน ดูคำพยากรณ์จากดวงชะตาคนสำคัญ 20 ดวงชะตาพยากรณ์ถึงประเทศและการเมืองไทย 

พยากรณ์การเมืองไทย ยุคโควิด-19
จะมีการจัดรัฐบาลใหม่หรือนายกรัฐมนตรีคนใหม่หรือไม่?

 

 เรื่องเดิม

ได้พยากรณ์ไว้ในคอลัมน์โหราศาสตร์ 19 อย่างนี้

 

ความคิดเห็นที่ 57 (4198138)
คำถาม  สิ่งที่น่าอึดอัดใจก็คือ เราไม่ทราบว่าเรื่องไวรัสนี้จะจบลงเมื่อไร  ท่านก็บอกว่าสำหรับไทย  หยุดไว้ได้ แต่จะยังไม่หมดลงไว ๆ แน่   ก็นี่แหละทำให้อึดอัดใจต่อไปอีก   แต่ในทางโหราศาสตร์ก็ดูถูกต้องมาตลอด   หากจะลองพิจารณาว่าโควิดในไทยจะหยุดลงเมื่อไร  ก็น่าจะพิจารณาได้ไม่ใช่หรือท่าน  ...ก็อยากให้ลองพิจารณาพร้อมเหตุผลด้วยนะครับเพื่อการเรียนรู้
ผู้แสดงความคิดเห็น นายตาถั่ว วันที่ตอบ 2020-05-22 16:12:52

 

 

ความคิดเห็นที่ 58 (4198720)
ตอบ 1.  เรื่องไวรัสโควิด 19  สำหรับไทยเรานั้น  ตามที่ได้พิจารณามา  สิ่งที่ปรากฎต่อประเทศไทย กลับดี   ในเรื่อง  ชื่อเสียง ของประเทศไทย โดยวงการคนในเครื่องแบบ ซึ่งแน่เลยหมายถึงวงการแพทย์ สาธารณสุขไทยนี่เอง  รวมวงการทหารด้วย  จะสร้างเกียรติคุณชื่อเสียงโด่งวดังไปทั่วโลก  และ  ก็เป็นความจริง ตามที่ทำนายเอาไว้  และแม้วันนี้  ตามที่ปรากฎในกระแสดาว อันเป็นลบ  แต่ก็ยังคงสร้างเกียรติประวัติไทยต่อไปอีก  อย่างไรก็ตาม  นับแต่เดือนเมษายน 2563 เป็นต้นมา   ดวงชะตาบอกถึงเรื่องโรคร้ายนี้จะยังคงดื้อด้านต่อไปอย่างลึก ๆ  เพียงแต่ประเทศไทยเอาอยู่   ไม่ให้หลุดออกมาได้เท่านั้น ฉะนั้นระยะนี้เกี่ยวกับโควิด ไทยเราเอาอยู่ไปได้เรื่อยๆ   เพียงแต่ยังไม่หายจากโรค  มันหลบซ่อนอยู่ลึก ๆ หาโอกาสทะลุทะลวงออกมาแต่ดูเหมือนไทย วงการแพทย์ รัฐบาลไทย รวมทั้งประชาชนไทยด้วย  ก็จะเข้าใจในประเด็นนี้ดี   จึงมีลักษณะร่วมมือกันกดดันโรคร้ายนี้ให้อยู่ ไม่ให้กระดุกกระดิกได้      แต่ก็น่าอึดอัดตามที่ว่านั่นแหละ ในทางโหราศาสตร์จึงมามองดูว่า มันจะยืดเยื้อต่อไปอย่้างไร  ถึงไหน   2.   ในการประเมินความยืดเยื้อดังกล่าวนี้  แท้จริง ทางโหรเรารู้อยู่แล้ว  เพียงแต่รอการประเมินสถานการณ์ว่าจะเป็นไปตามกระแสดาวปกติหรือไม่อย่างไร บัดนี้ก็พอเห็นได้ว่า พอไว้วางใจได้ มีกระแสดาวที่แทรกแซงเข้ามาแก้ไขเหตุร้ายซ่ึงหมายถึงการบริหารงานนั้นเอง ที่คอยเติมเต็ม ในจุดที่บกพร่องได้ตลอด ทำให้โควิดขยายออกไปไม่ได้  ฉะนั้น  เกณฑ์สิ้นสุด  คือ  หายไปจากโรคร้่ายนี้  ก็คิดว่าจะไม่พลาดไป คือ เดือน เมษายน 2564  นั้นเอง   บอกไปถึง  การสิ้นสุดของโรคร้าย   ประเทศไทยสอาดสะอ้านขึ้นอย่างเต็ม ๆ ประเทศไทยหายจากการเจ็บไข้ได้ป่วย ชนิดที่อย่างอันตรายมากไปเลย  และครั้นถึงเดือนต่อ ๆ ไปนั้นเอง เศรษฐกิจไทยก็ฟื้นขึ้นมาสู่สภาพปกติ  ปรากฎว่า  ประชาชนไทยทั่วประเทศสมานสามัคคี เสมือนได้วัฒนธรรมใหม่ร่วมกัน ที่เป็นวัฒนธรรมแห่งความอดความทน  ความที่ไม่บ่น ออกปากด่าทอเราะรานกันแบบง่าย ความที่อดทนสถานเดียว   แต่มีงานการทำกันอย่างทรหด  ใน 3 ปีต่อไปข้างหน้า   3.  เอาเป็นสรุปเรื่องโควิดไทยเราลง ตามข้อ 2  4.   ไทยเรายังจะมีเรื่องราวหลายเรื่องในทางที่ไม่ค่อยสมานฉันท์   จะมีเหตุการณ์ทางการเมืองเกิดขึ้นในระหว่าง เดือน กรกฎาคม  ไปถึงเดือนพฤศจิกายน 2563   5  เดือนนี้หลายอย่าง  นับแต่เรื่องราวของรัฐบาล  พรรคการเมือง  และ บุคคลสำคัญ  ซึ่ง น่าติดตามในเชิงโหราศาสตร์  ....ดังจะค่อยวิเคราะห์ต่อไป  อย่างไรก็ตาม  เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ จะไม่กระทบกระเทือนประเทศไทย  ไม่ว่ามีอะไรเกิดขึ้น   แต่ดีต่อประเทศไทยไปหมด ซึ่งการมองเหตุการณ์ช่วงต่อไปนี้   โหรเราต้องมองดวงชะตาคนสำคัญ ๆ  1.  นรม.พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา  2. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายก ประธานยุทธศาสตร์ ฝ่ายรัฐบาล  4.  นายอุตตม สาวนายน  หน.พรรค  5.  พรรคการเมือง พปชร. เป็นอย่างไร   พรรคอื่น ๆ   เช่นเพื่อไทย  ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ฝ่ายค้านอื่น  และ  เอาดวงทักษิณ ชินวัตร มาดูด้วย   ต้องเอามาดูหมด...จะค่อย ๆ สรุปให้ฟังต่อไป   เอาแค่นี้ก่อน
ผู้แสดงความคิดเห็น ช.โหรชนบท วันที่ตอบ 2020-06-03 09:39:56

 

 

เรื่องราวต่อไป

ก็จะเป็นการพยากรณ์การเมืองไทยช่วงสำคัญ5เดือนต่อไปนี้ตามลำดับ  ดังนี้ 

ตอบ

(ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ  เรื่องที่รัฐบาลประยุทธ์ ดำเนินการแก้ปัญหาไควิด มาจนขณะนี้  เป็นผลดี  อย่างน่าชื่นชมของคนไทยทั้งหลาย  เพราะขณะที่จีน อเมริกา  ยุโรปอาฟริกา  ตายกันด้วยไวรัสอันตรายนี้  นับหมื่น นับแสนคน(ในอเมริกา) ไทยเราตายแค่ 57 ศพเท่านั้น  ได้รับความนิยมไปทั่วโลก หลายประเทศโดยเฉพาะองค์การอนามัยโลกยกย่อมว่ามีสาธารณสุขที่ดีเลิศ1ใน 10 ของประเทศในโลก  และแล้วพอสภาผู้แทนราษฎรผ่านงบประมาณต่าง ๆ ออกมาตามลำดับ  แม้กระทั่งเงินกู้ จำนวนมหาศาล ก็ผ่านไปได้แล้ว  น่าที่อะไร ๆ จะราบรื่นต่อไปกลับปรากฎว่า เกิดความแตกแยกเป็นฝักเป็นฝ่ายกันครั้งใหญ่  มีข่าวการปรับพรรครัฐบาล และคนสำคัญในรัฐบาล แตกแยกแย่งตำแหน่งกันแบ่งเป็นพรรคเป็นพวก  ...ทางโหราศาสตร์ ก็คือ  ดาวใหญ่ 2 ดวง จรควบคู่กันไปสู่ราศีมังกร โดยดาวเสาร์(๗) เข้าก่อนสู่จุดเกษตรราศีมกร ตั้งแต่ 2 มี.ค. 2563   ดาวพฤหัสบดี(๕) ตามเข้าไป แต่ลงสู่จุดดาวดับสนิท 100%   ได้จรเข้าสู่ราศีมังกรตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2563 การที่ดาวพฤหัสบดีจร ไปสู่ฐานะจุดดับ ทำให้เกิดเหตุการณ์ปั่นป่วนไปทั่วโลกโดยเกิด โควิด 19 ขึ้น  แต่แล้วในเดือน ก.ค. 2563  ดาวทั้ง 2 ดวงนี้ที่ยังคงเกาะติดกัน มาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563  จะถอยหลังหรือพักรสู่ราศีธนู่ พร้อม ๆ กัน น่าเกิดผลเปลี่ยนแปลงแด่ประเทศไทยและการเมืองของประเทศ   ในช่วงที่ดาวทั้งคู่นี้กุมกันอยู่ในราศีธนู ระหว่างเดือน ก.ค.ถึงเดือน พ.ย.. 2563   5 เดือนนี้น่าเกิดการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลไทยหรือไม่ อย่างไร?

หรือจะเกิดเรื่องร้ายดีใดใด มามองจากหลักวิชาโหราศาสตร์  

เราได้เอาดวงชะตา 20ดวงมาตรวจดู ดังนี้ 1.ประเทศไทย 2.สุเทพ เทือกสุยบรรณ  3.วันมูหะมัดนอร์ มะทา 4.ทักษิณ ชินวัตร 5.ธนากร จึงรุี่งเรืองกิจ 6.ปิยบุตร แสงกนกกุล 7.พรรณิการ์ วาณิช 8.พิชา ลิ้มเจริญรัตน์ 9.พรรคเพื่อไทย 10.สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ 11.พรรคภูมิใจไทย 12.อนุทิน ชาญวีรกุล 13.พรรคพลังประชารัฐ 14.อุตตม สาวนายน 15.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ 16.พรรคประชาธิปัตย์ 17.จุลินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ 18.พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา 19.พล.อ.อภิรัชต์คงสมพงษ์ 20.พรรคก้าวไกล 

จะดูเหตุการณ์ 5 เดือนสำคัญนี้ คือ  ระหว่าง 17 ก.ค.-14 พ.ย.2563 ว่ามีอะไรเกิดขึ้น 

 

(1.) ดูดวงประเทศไทยก่อน พบว่ามีนัยยะของการเปลี่ยนแปลงอย่างแรง แบบมีมาตรฐาน การริเร่ิมสิ่งใหม่ ทางการเมือง การปกครอง และระบบเศรษฐกิจ วัฒนธรรม รวมทั้งระบบกฎหมาย   ซึ่งมีลักษณะเป็นที่ยอมรับนับถือของต่างประเทศ  เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นในระหว่างช่วง 17 ก.ค. 2563 เป็นต้นไป ถึง14 พ.ย. 2563  รวมเวลา 5 เดือนเศษๆ    สิ่งที่เป็นประเด็นคือ การริเร่ิมใหม่ สิ่งใหม่  ไม่ว่าทางการเมืองการบริหารก็ตาม ....   แต่เนื่องจาก  เป็นเวลาที่ดาวใหญ่คือพฤหัสบดี(๕)พักรลงสู่ตำแหน่งเกษตรที่แรงรุดสุดยอดในราศีธนู ธาตุไฟ  แล้วทอกระแสถึงอาทิตย์(๑)เดิมมหาอุจคู่มหามิตร ในราศีเมษธาตุไฟ  จึงประกันได้ถึงสิ่งที่ดีมีมาตรฐานสูงสุดจะบังเกิดขึ้น ในประเทศไทย  ในทางการเมืองก็บอกถึงการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ที่นำไปสู่ความเจริญของประเทศไทยสถานเดียว...แต่สำหรับประเทศไทย  ก็ได้เห็นได้มองมาแต่ต้นเลยว่าจะมีแต่ความก้าวหน้า ไร้ปัญหาร้ายแรงใดใด ไปตลอด 5 ปีข้างหน้า นับแต่เดือน มีนาคม 2563 มา 

 

 

(2.) ไปดูดวงคนฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลก่อน  ที่เอาดวงสุเทพ เทือกสุบรรณมาดู ก็เพราะเห็นว่าสุเทพ เขาเป็นฝ่ายตรงข้ามกับฝ่ายค้านเต็มที่อยู่แล้ว  ดูว่าดวงเขาตกต่ำหรือพุ่งสูงหรือไม่   ก็ไปดู พบว่า  ดวงสุเทพ เทือกสุวรรณ กำลังจะได้รับการริเร่ิมทำอะไรที่ดีมาก ๆ  นับแต่ 17 ก.ค. 2563 ไปตลอด 5 เดือนสำคัญดังกล่าว เป็นต้นไป  ไม่มีเหตุร้ายให้กังวลเลย  บ่งบอกถึงมิตรภาพ เพื่อน ทีมร่วมงานอย่างดี และชนะด้วย  จึงมองไปว่า  ฝ่ายค้านของรัฐบาลคงไม่มีอะไรร้ายแรง จึงทำให้ดวงสุเทพ ดีขึ้น 

  

 

 (3.) ไปดูดวงฝ่ายค้านโดยตรงอีกคนหนึ่งก่อน วันมูหะมัดนอร์ มะทา  คนนี้  มาสู่ระยะที่ตกต่ำมา ตั้งแต่เดิมแล้ว โดยดาวเสาร์(๗)เดินทางมา 25 ปีเพื่อมาถล่มคนๆ นี้ เป็นผลให้การเลือกตั้งคราวที่แล้วผิดหวังไปหมด และตกต่ำ ลงตั้งแต่ 1 ธ.ค.2560 มาแล้ว  ครั้นถึงเดือน ก.ค. 2563 ดาวเสาร์พักรมาทับจันทร์เกทรุมโยคอีกครั้ง  นี่แหละส่งผลถึงการหยุดลงอย่างเฉียบพลันเลย  อันนี้ตามกฎจันทร์เกทรุมโยคที่เคยพยากรณ์มาแล้ว   ฉะนั้น เมื่อมองจากดวงวันมูหะมัดนอร์ มะทา  จึงเห็นได้ว่า  ทางฝ่ายค้าน คือ เพื่อไทย  อนาคตใหม่เดิม-และพรรคก้าวไกล  คงจะไม่มีพลังรวมพรรคพวกอะไร ๆ เพื่อก่อกวนล้มล้างรัฐบาล อย่างที่คิด ๆ กัน

 

(4.) มาดูพรรคเพื่อไทยเลย  พรรคเพื่อไทยเปราะอยู่แล้ว ใน 5 เดือนข้างหน้า ได้พบว่า มีความแตกแยกอย่างแรงเกิดขึ้นซ้ำเดิมอีก  เป็นพรรคผู้นำฝ่ายค้านที่ไม่น่าจะมีอะไรเป็นล่ำเป็นสันเลย    ต่อจาก 5 เดือนต่อไปก็มีบ้างที่คิดอะไรใหม่ๆริเร่ิมงานใหฟม่ ๆ ขึ้นมา แต่ก็ไม่เข้มแข็งแกร่งอะไร  ตามดวงชะตาแล้ว เห็นได้ว่ามีพรรคฝ่ายค้านอย่างนี้ ฝ่ายรัฐบาลก็เดินไปได้สบายเลย 

 

(5.) ดูคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ดวงชะตานี้ มักได้แต่ความคิดที่ใหญ่ที่ไกลแต่เป็นเพียงความฝัน  ทำความจริงไม่ได้เลย   มาคราวนี้ ก็เร่ิมมีความคิดความฝันใหม่ขึ้นมาอีก  คราวนี้ยังจะส่งผลร้ายแด่เจ้าชะตาไปอีก แบบที่ไม่มีทางออกเลย  แสดงถึงคงจะไกลไปจากฐานะผู้นำพรรคเพื่อไทยไปอย่างไกลเลยละ  หรือหากมานำพรรค   ทั้งพรรคก็อย่างที่ว่ามาแล้ว คือเป็นเพียงความฝันหวาน ก็เลยกลายเป็นอะไรที่พรรครัฐบาลเขาไม่รู้สึกอะไรเอาเลย  แต่ก็ยังเห็นอยู่เหมือนกันว่า  ใน 5 เดือนข้างหน้านี้สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ มีความร่วมมือกับฝ่ายค้านอื่น มีพรรคและหัวหน้าพรรคก้าวไกล  ของพิชา  ลิ้มเจริญรัตน์ อย่างค่อนข้างดีมาก

 

 

(6.)  มาดูคนสำคัญคนนี้ก็แล้วกัน ทักษิณ ชินวัตร  คนนี้แหละ  ดวงชะตาจะแรงขึ้นอย่างมาก มีพลังอย่างสูงตลอด 5 เดือนข้างหน้านี้ มันบอกถึงการดำเนินการอย่างมีพลังภายในประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของเขานี่เอง นั่นก็คือทักษิณชินวัตร คงจะมีการดำเนินการทางการเมืองไทยอย่างเข้มข้นขึ้น และบอกถึงการพยายามอย่างแรงที่จะกลับคืนสู่ประเทศไทยให้ได้  และใน 5 เดือนนี้เองเป็นช่วงที่มีความหมายอย่างยิ่ง ที่น่าเป็นความหวังและความสำเร็จของพรรคฝ่ายค้านด้วยเลย  ที่บอกว่า เขาจะได้ลอบเข้ามาประเทศไทยดำเนินการทางการเมืองไปอย่างเต็มที่ ....  แต่เมื่อมองถึงฐานอำนาจ ปรากฎว่า  ช่วง 5 เดือนนี้ กลับไม่มีฐานอำนาจมาสนับสนุนเลย  มีลักษณะต่างคนต่างทำไปตามแผนของตน  ไม่พบว่ามีการร่วมมือกันจริง ๆ ของฝ่ายค้าน สิ่งที่สร้างพลังนั้นมีเงินเป็นตัวหลัก อย่างลับ ๆ  ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ ก็น่าจะเป็นเรื่องที่พยายามให้เป็นเรื่องลับ  นั้นเอง  และใช้ด้านพลังเงินเป็นตัวหลักไปก่อน    ตอนต่อไปคือ  เข้า 14 พ.ย. 2563 เป็นต้นไป จึงพบว่ามีการสนับสนุนทางฐานอำนาจนี้อย่างครบรอบด้าน(จันทร์  อาทิตย์ และพฤหัสบดี มาร่วมกระแสกันอย่างตรงและแรงเต็มกำลังดาว)   นั่นก็คือ ทักษิณชินวัตร น่าจะได้รับความร่วมมือจากพรรคและคนฝ่ายค้านอย่างเต็มที่นั้นเอง แล้วจะสำเร็จหรือไม่?  แต่ในดวงชะตาทักษิณ เอง  พบว่า  ระยะที่ว่านี้  กลับเป็นระยะที่ดวงดาวของทักษิณ อ่อนแอลงอย่างมาก  อันบ่งบอกถึงปัญหาสำคัญในครอบครัวตัวเอง จนถึงลักษณะ โทรม  คือทำอะไรไปไม่ค่อยได้ผลเต็มตามที่คิดที่หวัง (ดาวพฤหัสบดีดับไร้แสง เป็นนิจ ทอถึง จันทร์เกษตรกาลกิณีเดิม..ให้ผลทางฝืด เขละขละล่าช้า ไม่ได้ดั่งใจ  ไม่ได้ผล)  จึงมองว่า   ทักษิณคงผิดหวังไปอีก    และมองจากพื้นดวงชะตาแล้วดวงนี้จะไม่มีวันได้กลับมาบ้านเกิดเมืองนอนอีกเลยไปตายต่างประเทศ และความพยายามครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วน่าจะจบลงอย่างไร้ผล

 

(7.) มาดูดวงคนนี้ประกอบ ธนากร จึงรุ่งเรืองกิจ  นี่แหละจะพลอยกระเตื้องขึ้นมาอย่างแรงอีกครั้งหนึ่งตลอด 5 เดือนต่อไปนี้  และบ่งบอกถึงการประสานหรือความสอดคล้องร่วมมือกับอีกหลายดวงชะตา นับแต่พรรคก้าวไกลเอง  และหัวหน้าพรรค พิชา ลิ้มเจริญรัตน์ สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ทั้งวันมูหะมัดนอร์ มะทา และดูจะมีการติดต่อเจรจาประสานกับ พรรคภูมิใจไทย และหัวหน้าพรรคอนุทิน ชาญวีรกุล ตลอดเวลา 5 เดือนดังกล่าวในลักษระมิตร  พอเห็นได้ถึงด้านการเงินรายจ่ายเงินจำนวนมากมาระหว่างช่วงเดือน พ.ย.2562 ตลอดมาถึง 5 เดือนข้างหน้านี้ (ไปถึง พ.ย.2563 ล้วนมีแต่รายจ่าย) ในด้านสุขภาพก็จะเด่นดี ร่างเริงขึ้น  อย่างไรก็ตามดวงชะตานี้ เป็นเพียงการฟื้นขึ้นมาชั่วคราวเท่านั้นเอง พอเข้าเดือนพ.ย.2563 ก็ทรงตัวอยู่ไม่ได้ ตกต่ำลงไปเหมือนเดิม 

(8.) ดวงชะตาที่เด่นที่สุดของฝ่ายค้านระยะต่อไปนี้ก็คือ  พรรคก้าวไกล  และ หน.พรรคนายพิชา ลิ้มเจริญรัตน์  บอกถึงการนำของพรรคและหัวหน้าพรรคไปอย่างเต็มรูปแบบ บอกถึงพลังของพรรค การบริหารของหัวหน้าพรรคเต็มสมบูรณ์ ได้รับความร่วมมือทำให้งานของพรรคเต็มสมบูรณ์ ได้ผลสมความปรารถนา อย่างไรก็ตาม กลับไม่ปรากฎว่าได้รับความร่วมมือจากพรรคเพื่อไทยหากแต่มีเค้าของการแตกแยก ไปตลอดห้วงเวลานี้  แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ  ทั้งพรรคก้าวไกลหัวหน้าพรรคก้าวไกลนี้ต่างมีความพอดีเหมาะแก่กันและกันอย่างดียิ่งหมายถึงพิชาน่าจะเป็นผู้นำพรรคก้าวไกลไปอย่างก้าวหน้าถูกกับพรรคดี แลละทั้งพรรคก้าวไกล หัวหน้าพรรคก้าวไกลมีดวงชะตาที่สอดคล้องกับดวงชะตาประเทศไทยดีอย่างยิ่ง ซึ่งให้ความหมายของบุคคลผู้ทำประโยชน์แก่ประเทศไทยสร้างสรรค์ประเทศไทย    เช่นเดียวกันกับอีกพรรคและหัวหน้าพรรคหนึ่งคือ  พรรคภูมใจไทย ที่มีอนุทิน ชาญวีรกุลเป็นหัวหน้าพรรค ที่ถูกกับพรรคดีอย่างยิ่ง ที่บอกถึงการนำพรรคไปอย่างดีเช่นเดียวกัน  และทั้งยังเป็นดวงชะตาของพรรคและหัวหน้าพรรคที่ถูก สอดคล้องกับดวงชะตาประเทศไทย ซึ่งให้ความหมายของบุคคลผู้จะอาจบริหารประเทศไทยได้อย่างดี   และที่น่าคิดก็คือ ทั้ง 2 พรรคนี้ ทั้ง 2 หัวหน้าพรรคนี้ จะ มีการติดต่อเจรจาประสานมิตรภาพกันอย่างดีมากตลอด 5 เดือนข้างหน้านี้  จนน่าคิดว่า สองพรรคการเมืองนี้อาจจะร่วมมือกัน จัดตั้งรัฐบาลขึ้นในวันนี้หรือวันข้างหน้าได้หรือไม่  แต่อย่างไรก็ตาม การที่พรรคก้าวไกลและหัวหน้าพรรคดีขึ้น มีงานมากขึ้นในช่วง 5 เดือนดังกล่าวนั้น ก็เป็นเพียงชั่วคราว  จากนั้นก็จะตกต่ำลง  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  พรรคก้าวไกลและหัวหน้าพรรคจะได้พบเผชิญปัญหาทางกฎหมาย มีศัตรูคู่แข่งที่ร้ายแรงโดยถูกกล่าวหาใส่ความ อาจจะถึงเป็นคดีความฟ้องร้องอันเนื่องมาจากปัญหาทางการเงิน  โดยมีเค้าของความยุ่งยากปรากฎขึ้นใน 10 ก.ย.2563 เป็นต้นไป  จะพบความยุ่งยากลำบากไปเป็นเวลานานถึง1 ปี ครึ่ง(อันนี้เป็นผลจากดาวราหู)   ในเวลาต่อไป หลังเดือนธ.ค.2563แล้ว ยังจะมีปัญหาอีกหลายอย่าง เป็นการเฉพาะตน   พิชา ลิ้มเจริญรัตน์ นี้ อันน่าเป็นเหตุให้บทบาทการนำการสร้างพรรคลดน้อยถอยลงไป  และตามพื้นดวงชะตาแล้ว พิชา ลิ้มเจริญรัตน์  มีดวงชะตาที่ซ่อนเงื่อนน่าพิศวงไว้เรื่องสำคัญคือเรื่องที่อยู่อาศัย มีเค้าของการที่ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนเมืองไทยไปอยู่ต่างประเทศ จุดซ่อนเงื่อน อันตรายของตนเองยังมีอีกหลายอย่าง ที่กำลังจะเร่ิมตามกันมา(อันนี้เป็นผลจากดาวเสาร์)  ที่ไม่เข้มแข็งแรงพอให้ทำหน้าที่หัวหน้าพรรคการเมืองไปได้ตลอด  พิชามีร่องรอยของการเดินทางออกไปจากประเทศไทย ไปอยู่ต่างประเทศ เหมือนทักษิณชินวัตรเลยทีเดียว และ เหมือนอีกคนหนึ่ง คือ ปิยบุตร แสงกนกกุล  และแม้ธนากร จึงรุ่งเรืองกิจเอง ก็มีร่องรอยความหมายของแผ่นดินที่อยู่ในต่างประเทศเช่นนี้   

 

(9.) มองพรรคการเมืองฝ่ายค้านมาถึงจุดนี้  ก็จะเห็นว่า พรรคเพื่อไทย  และพรรคก้าวไกล  จะแตกแยกกัน กระเซ็นกระซ่าน ไปนับแต่เดือน ก.ค. 2563 นี้เอง   ไม่สามารถร่วมมือกันได้  อย่างเป็นกิจจะลักษณะอะไรเลย  จริงอยู่ จะมีคนสำคัญคือทักษิณ ชินวัตร ที่เห็นอยู่ว่าจะออกแรงบริหารงาน ในประเทศไทย เพื่อตนเองได้กลับคืนสู่อำนาจคืนสู่แผ่นดินไทย  แต่ก็ไม่สามารถจะเดินเรื่องรวมพลังฝ่ายค้านได้สำเร็จ  เพราะทักษิณ เองนั้น อยู่ในสภาพ โทรม ทั้งเรื่องส่วนตัวเองและครอบครัว แม้จะพยายามอย่างเต็มที่ใน 5เดือนสุดท้ายนี้ ที่จะได้กลับคืนแผ่นดินไทย แต่ก็จะไม่สำเร็จ  ครั้นเลยเดือน พ.ย.2563 ไปแล้ว  พลังงานฝ่ายค้านทางการเมืองก็ร่อยหรอลงไปหมดสิ้นก็ว่าได้  โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล  ที่จะเผชิญปัญหาทางกฎหมาย หรือคดีความเกี่ยวกับการเงิน  และอาจจะถึงหัวหน้าพรรค(นายพิชาลิ้มเจริญรัตน์ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล) เดินทางหนีไปจากประเทศไทยหรือไปแอบหลบซ่อนไร้บทบาทต่อไปอีก 

 

(10.).  ก็พอสรุปได้ในทางการเมือง โดยดูจากเรื่องราวของฝ่ายค้านดังกล่าวมาแล้ว  ว่า  รัฐบาลประยุทธ ก็คงจะเดินหน้าได้ต่อไปสบาย  หลังชัยชนะโควิด 19  ไปแล้ว   แต่อะไรคือปัญหาของฝ่ายรัฐบาล?

 

(11) ดูจา่กดวงชะตาประเทศไทย  เห็นได้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในฝ่ายบริหารการเมืองการปกครองสำคัญของประเทศใน 5 เดือนข้างหน้านี้ คือ  ก.ค. - พ.ย. 2563  โดยเปลี่ยนไปในทางดีทางสงบ และทางเศรษฐกิจดีขึ้น  แล้วหลังจากนั้น เข้าเดือนธ.ค.2563  เดินหน้าไป 5 ปี เป็นระยะเวลาที่ประเทศไทยเดินหน้าตลอด แม้จะเป็นการเคลื่อนไปอย่างเชื่องช้า แต่ก็ไม่ละไม่ลด ไม่หยุดหรือผ่อนลง  เป็นเวลาติดต่อกันไปถึง 5 ปี คือระหว่าง  5 ธ.ค.2563 ถึง 13 ก.พ.2569  แต่ในด้านรัฐบาล การเมือง การบริหาร จะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรหรือไม่ ?

 

(12)  สำหรับนรม.ประยุทธ จันทร์โอชา นั้นเองก็จะมีการเผชิญปัญหาทั้งส่วนตัวและการเมือง  นับแต่ดาวเสาร์(๗)ตนุลักคณ์พักรถอยหลังลงสู่ราศีธนูในวันที่ 12 ก.ค.2563  นั่นแหละคือปัญหา  ที่ให้ความหมายในด้าน  การจะอยู่หรือจะไปจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อีกครั้งหนึ่ง และในระหว่างวันที่ 12 ก.ค. - 10 ก.ย. 2563 นี่เอง น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือปรับคณะรัฐมนตรีใหม่  โดยที่ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชาอาจจะเสนอตัวลาออกจากตำแหน่งนายกรัมนตรี ให้คนอื่นขึ้นดำรงตำแหน่งแทน พร้อมการปรับคณะรัฐมนตรีใหม่ด้วย จะเป็นเช่นนั้นหรือไม่?

 

(13.) ดูจากดวงชะตา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  ระบบดาวระยะนี้ กำลังส่งเสริมให้ท่านผู้นี้  ได้เลื่อนฐานะตำแหน่งทางการเมือง โดยเพิ่มอำนาจความรับผิดชอบไปอีกระดับหนึ่งซึ่งอย่างไรก็จะมีการปรับในเรื่องนี้สำหรับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  และมีเวลาให้ท่านอยู่ถึง 1 ปีเต็ม ๆ  คือ ระหว่าง 17 มี.ค.2563 เป็นต้นมา เป็นช่วงการปรับฐานะดังกล่าวนี้ และมีต่อไปเรื่อย ๆ  จนถึงวันที่ 29 มีนาคม 2564  นั่นแปลว่าช่วงเวลาดังกล่าวนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณมีโอกาศได้เลื่อนฐานะ  ตามที่มีข่าวขณะนี้  ก็น่าจะเป็นไปได้  ใน 2 ระดับคือ  หน.พรรค พปชร.  และ นายกรัฐมนตรี ซึ่งจะได้เป็นอะไรก็อยู่ที่ 1 ปีนี้เอง หลังจากนี้ก็ดูเหมือนจะหยุดสถานะความก้าวหน้าในระบบอำนาจลงไป 

 

(14) ก็มาดูหน.พรรคพปชร. อุตตม สาวนายนก่อน  ดวงชะตานี้ บอกถึงฐานอำนาจแบบเดียวกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณระยะนี้เองเลย คือบอกถึงการเลื่อนฐานะตำแหน่ง เพิ่มความรับผิดชอบไปอีกระดับหนึ่ง ระหว่าง 17 มี.ค. 63 - 29 มี.ค. 2564  เวลา 1 ปีเต็ม ๆ ช่วงเดียวกันนี้เอง  แต่สำหรับชะตาของอุตตมะ สาวนายนนี้ เมื่อเลยระยะ 1 ปีนี้คือเลย 29 มี.ค.2564 ไปแล้ว  ยังคงมีภาระงานสำคัญที่จะต้องแบกต่อไปอีกอย่างหนักถึง 19 เม.ย. 2566 ในขณะที่ท่านพล.อ.ประวิตร หยุดภาระลง

 

(15.) ในเมื่อดวงชะตาประเทศไทยเองได้บอกถึงการเปลี่ยนแปลงทางตำแหน่งงานบริหารประเทศอยู่ระยะนี้ จึงพอจะเห็นได้ว่าระหว่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  กับ ท่าน อุตตม สาวนายนนี้ คงจะมีการเปลี่ยนแปลงในลักษณะที่ได้เลื่อนอำนาจขึ้นทั้ง 2 คน  แต่ในกรณี  หน.พรรค พปชร. และนรม.แล้ว  เนื่องจากดวงชะตาของ พล.อ.ประวิตร ขณะนี้มีพลังดาวใหญ่ครบทั้ง3ในจักรราศี คือ ทั้งอาทิตย์ และจันทร์  และ พฤหัสบดี ทั้ง 3 ดวงสนับสนุนอยู่ ในขณะที่อุตตม สาวนายน มีพลังน้อยกว่า   จึงโดยทฤษฎีโหราศาสตร์แล้ว พล.อ.ประวิตร น่าจะได้เลื่อนไปสู่ตำแหน่ง หัวหน้าพรรค พปชร. แทน  อุตตม สาวนายน โดยที่อุตตมสาวนายนได้เลื่อนสูงไปสู่จุดที่มีเกียรติ์กว่าเดิมไปอีก จนถึง 29 มี.ค. 2564 จึงน่าถึงวาระของ อุตตม สาวนายนที่จะได้รับผิดชอบงานใหญ่ของประเทศอย่างเต็มตัว  

 

(16.)  แล้วตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ปัจจุบันพล.อ.ประยุทธจันทร์โอชา จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ?  

 

(17.) ก็ไปดูดวงชะตา พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา  พบว่าครั้นถึง วันที่ดาวเสาร์(๗) อันเป็นดาวตนุลักคณ์ พักรถอยหลังลงสู่ราศีธนู ไปจนถึงเดือนธันวาคม 2563  นั้นจะบอกถึงความเหนื่อยหน่ายของเจ้าชะตานี้ต่อภาระหน้าที่หรือสถานะการงานที่รับผิดชอบอยู่ และมีความปรารถนาที่จะหยุดลงเสียซึ่งภาระหน้าที่และเดินทางไปพักผ่อนในต่างประเทศ ในขณะเดียวกันการบริหารงานจะถูกฝ่ายค้านโจมตีอย่างหนักโดยเฉพาะปัญหางบประมาณ..การเงินและเศรษฐกิจ....   จะเป็นสภาวะที่คล้ายคลึงกันมากกับสภาวะก่อนการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 24 มี.ค. 2562  ซึ่งเจ้าชะตาเป็นการตกเหวลึกลงไปถึงแก่ชีวิต แต่กลับปรากฎว่าที่ก้นเหวนั้นกลับมีอุ้งมือมหามิตรรองรับอยู่ รอดตายแล้วยังได้รับการเชิดชูยกย่อง ส่งเสริมจากมหามิตร(หมายรวมถึงพรรคการเมืองต่าง ๆฝ่ายรัฐบาล)ให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรีขึ้นมาเสียอีก มาจนถึงขณะนี้  ...แล้ว  ก็จะถึงคราวตกลงไปในเหวลึกอีกครั้งหนึ่ง ในระหว่าง วันที่ 14  ก.ค. - 5 ธ.ค. 25663 ซึ่งหมายถึงปัญหารอบด้าน จนอาจจะให้ต้องออกจากตำแหน่ง นรม.   ....แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วคราวตกเหวคราวก่อนอันตรายร้ายแรงอยู่ที่มีดาวกาลกิณ๊จรร่วมคุมดวงชะตาขณะนั้นอยู่ด้วย ซึ่งแรงร้ายมาก    เปรียบกับคราวนี้แล้วเห็นได้ว่าคราวนี้เบากว่ามากเลย ต่างกันมาก คราวนี้แทบไม่มีประเด็นให้คิดถึงการลาออกหรือการเปลี่ยนแปลงระบบรัฐสภา  การเลือกตั้ง   และที่สำคัญมหามิตรก็ยังคงโอบอุ้มอย่างเต็มที่อยู่  และพิเศษก็คือ ปรากฎมาตั้งแต่เดือนมีนคม 2563 ว่าสถาบันทหาร น่าโดยกองทัพบก ได้มีคติตัดสินใจให้การสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ เป็น นรม.ต่อไป อย่างเต็มที่และจะเร่ิมบทบาทสำคัญขึ้นในเดือน มิ.ย.2563 นี้เอง ที่ทหารต้องการให้พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีก ทั้งนี้มองจากดวงชะตาของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ด้วย ฉะนั้น ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จึงน่าจะมีการวิพากษ์วิจารณ์กัน  แต่แล้วก็ยังคงรับเอาพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป  จนครั้นถึง 5 ธ.ค. 2563 แล้ว  สถานะของพล.อ.ประยุทธ จะยิ่งมั่นคง เร่ิมแต่พลังฝ่ายค้านรวมทั้งบุคคลฝ่ายค้านที่แรงมาตลอดอ่อนแอลง สิ้นสภาพไป ฝ่ายรัฐบาล ปรากฎผลงานสม่ำเสมอมีคุณค่าเป๋็นที่นิยมของประชาชนยิ่งขึ้นตลอดไปถึง 1 มี.ค.2566 จึงจะชะลอลงไป ฉะนั้น  จึงมองเห็นได้ว่าถึงจะมีปัญหา ถูกโจมตี ด่าทอจากศัตรู ฝ่ายค้าน รวมทั้งสุขภาพ ความเหน็ดเหนื่อย เบื่อหน่ายเพียงไร แต่ภาระหน้าที่ในฐานะ นายกรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ก็คงจะยังดำเนินต่อไป แบบมีความเหมาะสม  และจะสร้างผลงานดีเด่นไปตลอดถึง ปี พ.ศ. 2566 ดังกล่าว ในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  แล้ว ดวงชะตาคนทั้งคู่นี้ บอกถึงความรักสนิทสนมกันอย่างยากที่จะมีอะไรแบ่งแยก เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันไปตลอดชีวิต(ดู1.ดาวคู่อำนาจคือดาวอาทิตย์ร่วมธาตุ, 2.ดาวจันทร์ทับกัน3.,ดาวพฤหัสบดีร่วมธาตุกัน, 4.ดาวเสาร์ร่วมธาตุกัน, 5.ดาวราหูเล็งกัน, และ6.ดาวอังคารเล็งกัน...ดาวคู่สัมพันธ์กันถึง 6คู่ ไม่เคยพบ ขนาดนี้หายากจริง มีคู่นี้แหละ   หากเป็นชาตาคนรักผัวเมียกันแล้วก็บอกถึงความสุขอย่างพิเศษแนบแน่นไปชั่วชีวิตเลยทฤษฎีนี้โหรจะรู้ดีใช้ตรวจสอบหนุ่มสาวที่รักกันว่าจะอยู่ด้วยกันเป็นผัวเมียกันได้ตลอดไปหรือไม่ )    หากมี ก็น่าจะเป็นเพียงยุทธศาสตร์ หรือยุทธวิธี เพื่อที่จะธำรงมิตรภาพของคนทั้งคู่ดีไปกว่าเดิมต่อไปเท่านั้น 

 

 (18.) ดูพรรคพลังประชารัฐ  พรรคนี้  มีปัญหาความเปราะ แตกแยกภายนใน อยู่เป็นประจำ  หากแต่มีโครงสร้างแห่งพลัง มีความเข้มแข็งเอาจริงเอาจังมีเส้นทางมีนโยบายที่เที่ยงตรงไม่แปรผัน ไม่อ่อนข้อให้กับฝ่ายผิดนอกนโยบาย จึงสามารถประคองสถานการณ์ความเปราะ ความแตกแยกในพรรคนั้นอยู่รอดเป็นปกติได้ แต่กระนั้นก็ยังคงมีปัญหาภายในพรรคอยู่เป็นปกติเสมอมา  และเนื่องจากมีความดีตรงที่โครงสร้างพรรคที่มีลักษณะสอดคล้องกับดวงชะตาประเทศไทยจึงเสริมให้ได้รับบทบาทหน้าที่สำคัญของประเทศ   และครั้นมาถึงวาระนี้ บ่งบอกถึงภาระหน้าที่ของพรรคพปชร.นี้ว่า จะมีภาระทางการงานของประเทศไทยโดยตรงเป็นเวลาต่อเนื่องไปถึง 5 ปีเศษ ๆ  ฉะนั้นเรื่องของพรรคพลังประชารัฐระยะนี้ จึงมีภาระสำคัญของประเทศ หากจะมีการปรับและเปลี่ยนแปลงใดใดก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดี เพื่อการรับหน้าที่สำคัญของประเทศต่อไปอีก  ถึง 5 ปีเศษ ๆ ได้อย่างดี 

 

 

(19.) มาดูพรรคร่วมรัฐบาล  พรรคประชาธิปัตย์  กับพรรคภูมิใจไทย มีดวงชะตาที่ร่วมกันประสานสอดคล้องกันดี และทั้งสองพรรคนี้ก็สอดคล้องกันกับทั้งพรรคพลังประชารัฐ และ ดวงชะตาประเทศไทย  แต่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ดูจะพบปัญหาความขัดแย้งในพรรคมากขึ้น นับแต่เข้าเดือนธันวาคม 2563 เป็นต้นไป นั่นบอกถึงการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงในพรรคประชาธิปัตย์  ส่วนพรรคภูมิใจไทยนั้นเห็นได้ว่า เหมาะสมกับการที่ได้คนอย่างอนุทิน ชาญวีรกุลมาเป็นหัวหน้าพรรคอย่างยิ่ง   และ  ใน 5 เดือนข้างหน้าต่อไป จะเป็นระยะที่พรรคนี้ประสบความสำเร็จชื่อเสียง และความดีงามที่ได้รับความนิยมจากประชาชนไปอีกนาน และนั่นย่อมไปเสริมหรือเข้ากับพรรครัฐบาล คือพรรคพลังประชาชนอย่างดีด้วย  ในขณะเดียวกันเมื่อมองกับพรรคเพื่อไทยอันเป็นพรรคใหญ่ฝ่ายค้านขณะนี้แล้วไม่พบว่าจะอาจเดินร่วมมือกันไปได้กับรัฐบาล  อันเนื่องมาจากปัญหาภายในของพรรคเพื่อไทยเอง ใน 5 เดือนข้างหน้านั้นบ่งถึงความแตกแยกภายในของพรรคเอง  จนระบบพรรคเองนั้นไม่สามารถบริหารงานได้

 

(20.) เอาแค่20 ข้อ ดูดวง20 ดวงก็คงพอสรุปได้ว่า การเมืองไทยจะเป็นอย่างไร  พรรคฝ่ายค้าน โดยทักษิณ ชินวัตรน่าจะมามีส่วนสนับสนุนพรรคฝ่ายค้านอย่างเต็มที่แบบลับๆ ในระหว่าง 5 เดือนข้างหน้านี้ผลก็ทำให้พรรคก้าวไกล ที่มีพิชา ลิ้มเจริญรัตน์ จะมีภาระหน้าที่อย่างหนักหน่วง ที่ปรากฎการสร้างผลงานของตนออกไปอย่างดีน่าชื่นชมน่าพอใจ เพียงแต่พรรคฝ่ายค้านใหญ่คือพรรคเพื่อไทยดูจะไม่ร่วมมือด้วย แต่มีบุคคลในพรรคโดยเฉพาะสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่   กระนั้น  ในเวลา 5-6เดือนต่อมานั้นเอง พรรคฝ่ายค้านก็หมดพลังลง โดยเฉพาะทักษิณ ชินวัตรนั้นบ่งถึงความโทรม ทั้งฐานะครอบครัว เมีย ลูก ๆ บริวาร และสถานะด้านกายและจิตใจ ส่วนตน  บทบาทของพรรคฝ่ายค้านก็ค่อยลดถอยลงไป  โดยเฉพาะบุคคลในพรรคฝ่ายค้าน มีพิชา ลิ้มเจริญรัตน์ และ ปิยบุตร แสงกนกกุล  รวมทั้งธนากร จึงรุ่งเรืองกิจ เองนั้น จะประสบปัญหาทางกฎหมายบางประการเกี่ยวกับที่ดิน ที่อยู่อาศัย  อันจะเป็นผลให้คนทั้ง 3 นี้(โดยเฉพาะพิชา กับ ปิยบุตร)อาจจะต้องระเห็จออกนอกประเทศไทยไปอยู่ต่างประเทศ แบบเดียวกับ ทักษิณ ชินวัตร  และไม่น่าจะได้กลับคืนมาอีก พลังฝ่ายค้านก็คงอ่อนไปทำให้ฝ่ายรัฐบาลดีขึ้นมีการปรับปรุงพรรครัฐบาลและรัฐมนตรี สามารถสร้างผลงานโดยเฉพาะพิชิตโควิด-19สำเร็จแล้วนำเศรษฐกิจกลับคืนมาสู่ประชาชนไทยอย่างน่าเป็นสุข รุ่งโรจน์ ร่ำรวย พร้อมวัฒนธรรมใหม่ของชีวิตเศรษฐกิจและการเมือง   และ ที่สุด แก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้การเลือกตั้งเป็นประชาธิปไตยอย่างเต็มที่  อันเป็นสิ่งที่น่าหวังได้จากดวงชะตาประเทศไทยและทั้งนักการเมืองระดับผู้นำดังกล่าว.

• ชลัมพุช โหรชนบท ให้การพยากรณ์ไว้ ณ 

             8 มิ.ย. 2563

หมายเหตุ

1. ช่วงเดือนมีนาคม เมษายน  2563 ตามดวงชะตาข้างล่างนี้ (กรุณาดูวงนอกนะครับดาวศุกร(๖)อยู่พฤษภ)  ดาวในระบบท้องฟ้า จักรโหราศาสตร์ 10 ดวงได้แยกกลุ่มกันกดดันโลก โดย 4 ดวงรวมกลุ่มกันอยู่ราศีเมษ 4 ดวง รวมกลุ่มกันในราศีมังกร อีก 2 ดวงแยกออกไปกดดันตามกันไป  ทำให้เกิดปัญหาโลกครั้งใหญ่ คือไวรัสโคโรน่าโควิด-19  

 

 

2. ช่วงเดือน พ.ย. 2563  มีดาวบนท้องฟ้า 5 ดวงดาว   ดับพร้อมกันอย่างสนิท 100% ซึ่งเป็นปรากฎการณ์สากลทั้งโลก น่าจะมีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ที่อาจจเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 หรือไม่ ? ซึ่งทางฝ่ายโหรเคยบันทึกเอาไว้ในดวงชะตาพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ตามที่ลงในสารบาญโหราศาสตร์.......แต่ได้ตรวจดูแล้ว  กลับปรากฎว่าสถานการณ์นี้เป็นเรื่องดี ต่อชะตาพล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา  แต่จะทำร้ายดวงชะตาใครก็แล้วแต่บุคคล  และสำหรับเหตุการณ์สากล ก็คือโลกทั้งโลก น่าจะได้รับผลร้ายแรงจากการดับของดาวทั้ง5 ดวงนี้ ในวันที่ 15พ.ย.2563 เป็นต้นไป ซึ่งในเมื่อเป็นเรื่องสากลจึงน่าจะมองว่า  เกี่ยวกับ ไวรัสโควิด-19  และโดยเฉพาะกรณี เรื่องการเหยียดผิวที่เร่ิมขึ้นในอเมริกา จะขยายออกไปเป็นเหตุรุนแรงทั่วโลก  ก็น่าจะเป็นไปได้      อีกประการหนึ่งเดือน พ.ย.2563 มีการเลือกตั้งทั่วไปในสหรัฐอเมริกา จะมีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นอย่างไรหรือไม่? อาจจะมีอะไรเกิดแก่คนสำคัญในอเมริกา ระดับถึงเป็นถึงตาย ตามดาวดับไปหรือไม่?  จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจน่าติดตามต่อไปในเชิงโหราศาสตร์  

 

ขอขอบคุณเจ้าของดวงชะตาที่นำมาวิเคราะห์เพื่อประโยชน์ทางโหราศาสตร์ ณ ที่นี้ด้วยครับ  

ชลัมพุช โหรชนบท

8 มิ.ย.2563  19.40 น.