ปัญหาประชาธิปไตย
ศึกษาที่ไปที่มาของประชาธิปไตย
แท้จริงถอดมาจากหลักธรรมของพระพุทธศาสนา
จาก กระดานถาม-ตอบ ของ https://www.newworldbelieve.net
ผู้ตั้งกระทู้ ผู้ใช้นามแฝงว่า 10236 ตั้งกระทู้เมื่อ 6 กันยายน 2551
กระทู้
ช่วยตอบหน่อย ด่วน
ประชาธิปไตยทางโลกและทางธรรมแตกต่างกันและเหมือนกันอย่างไร ยกตัวอย่างหลายๆข้อ
ขอขอบคุณล่วงหน้าไว้นะที่นี้ด้วย
ผู้ตั้งกระทู้ 10236 :: วันที่ลงประกาศ 2008-06-06 11:09:40
ความเห็นที่ 1 (1280346)
ประเด็นที่1 ประชาธิปไตยทางโลกและทางธรรมแตกต่างกันอย่างไร แตกต่างกันที่เป้าหมาย ทางโลกมุ่งหมายให้ประชาชนมีความสุขสงบด้วยวิถีอย่างโลก ๆ นั่นคือ ความสงบสุข มีเศรษฐกิจดีอุดมสมบูรณ์ มีเงินทอง ร่ำรวยโดยความขยันที่ถูกกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ระเบียบของสังคม พูดสั้น ๆ ก็คือประชาธิปไตยเชื่อว่าคนจำนวนมากคือประชาชนทั่วแผ่นดิน มีหัวคิดกันทุกคน ไม่ควรกดความคิดของประชาชน เปิดโอกาสให้เขาทำมาหากินอย่างอิสระ มีเป้าหมายที่ความอิ่ม อิ่มอาหาร อิ่มยศฐาบรรดาศักดิ์ อิ่มลาภ อิ่มสรรเสริญ นี้เป็นเป้าหมาย ประชาธิปไตยทางโลก ส่วนประชาธิปไตยทางธรรม หมายถึงเป้าหมายแห่งธรรม คือการแสวงหาอย่างอิสระ ปราศจากการกดขี่ทางความคิด มีวิจารณญารเป็นของตนเองโดยเด็ดขาดในการวิเคราะห์ปัญหาเชิงภูมิปัญญา โดยหลักทางศาสนาพุทธ คนต้องตรัสรู้ด้วยตนเอง คนจึงต้องมีอิสระของพื้นฐานภูมิปัญญา หมายถึงมีอิสระที่จะคิด ที่จะใช้วิจารณญาณอย่างอิสระ เพื่อไปสู่การตรัสรู้ เป้าหมายประชาธิปไตยทางธรรมคือสังคมสงบสุขด้วยธรรม ประชาชนมีธรรมเสมอกัน ไม่ใช่เรื่องอามิส
ประเด็นที่ 2 ความเหมือนกัน เหมือนกันตั้งแต่หลักการ โดยตรงกันที่หลักการว่าด้วยความเป็นมนุษย์ ซึ่งหลักการนี้ได้มีการพัฒนาขึ้นในตะวันตกมีอังกฤษฝรั่งเศสเยอรมัน ซึ่งในขณะนั้นถูกปกครองโดยศาสนจักร์ที่กรุงโรม และเอาระบอบเทวสิทธิ์มาปกครองยุโรป หมายถึงการปกครองโดยคณะผู้แทนของ ทพเจ้าเบื้องบน มีคัมภีร์ทางศาสนาเป็นรัฐธรรมนูญ ซึ่งคัมภีร์นี้ได้บัญญัติฐานะของมนุษย์ทั้งปวงไว้ว่าเป็นคนบาป มีหน้าที่ต้องชำระบาปและรับใช้พระเจ้าทุกประการ นับแต่รับใช้เล็ก ๆ น้อย ๆ ไปถึงการรับใช้ด้วยชีวิต โดยไม่มีสิทธิ์คัดค้านเลย มีหน้าที่ก้มหน้าก้มตาฟังคำสั่งของคณะผู้แทนพระเจ้าคือโป๊ปและคณะบาดหลวงที่กรุงโรมอย่างซื่อสัตย์ ซึ่งนี่คือการปกครองที่กดขี่ผู้ใต้ปกครอง และผู้ใต้ปกครองไม่มีความเป็นมนุษย์ ต่อเมื่อมีการขูดรีดของคณะผู้ปกครองจนร่ำรวยอย่างมหาศาล โปที่กรุงโรมมีฐานะกินดีอยู่ดียิ่งกว่ากษัตริย์เสียอีก คนจึงเริ่มมองไปถึง ความเป็นมนุษย์ และได้พัฒนาต่อมาเป็นระบอบประชาธิปไตย มีการปลดแอกจากอำนาจของพระเจ้า มาปกครองตนเอง จัดระบอบการปกครองของมนุษย์ โดยมนุษย์ และเพื่อมนุษย์ขึ้น ตามที่เรารู้ดีว่า การปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชนนั่นเอง แต่นั่นเป้นการวิวัฒนาการมาของการปกครองตะวันตก ในส่วนของพระพุทธศาสนา ประชาธิปไตยคือคำสอนส่วนหลักของพระพุทธศาสนาโดยแท้จริง เพราะว่าด้วยความเป้นมนุษย์ นั่นคือ มนุษย์จะต้องช่วยตนเอง (หลัก อัตตาหิ อัตตะโนนาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งของตน) ประชาชนต้องปกครองตนเอง นี่เป้นส่วนที่เหมือนกันทั้งประชาธิปไตยฝ่ายโลกและฝ่ายธรรม
3. ประชาธิปไตยอันสมบูรณ์ไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรม หมายถึงจริยธรรมอันสูงสุด คนในระบอบประชาธิปไตยต้องเคารพตนเอง เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ในทางโลกต้องมีศักดิ์ศรีในฐานะที่ตนเองเป็นผู้มีอำนาจการปกครองประเทศคนหนึ่งทีเดียว ในการเลือกตั้งจะต้องดำรงตนมั่นคงในหน้าที่ของประชาชนผู้ปกครองตนเอง มีความรับผิดชอบอย่างสูงในการเลือกตั้ง ในทางธรรมการประพฤติดีประพฤติชอบไม่ว่าทางกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม จะต้องทำด้วยสำนึกอิสระ เห็นเหตุเห็นผลด้วยภูมิปัญญาตนเอง สังคมทางธรรมะ จึงเป้นสังคมที่มีความเห็นพ้องต้องกันในธรรมะ ถ้าเป้นสังคมพระอรหันต์ท่านจะมีสิ่งที่เรียกว่าตรงกันด้วยจิตใจที่สะอาดปราศจากกิเลสเหมือนกัน เมื่อหมู่พระอรหันต์มารวมกันเป้นหมื่นองค์ล้อมพระพุทธเจ้า จึงเป้นสังคมอันสงบและปราศจากการเคลื่อนไหว ที่สะท้อนความอิ่มเป้นนิจนิรันดร ในทางโลก เมื่อสังคมมนุษย์ มีคนแต่ละคน มีความเคารพตนเอง เคารพในความเป็นมนุษย์ รู้ธรรมมีหิริโอตตัปปะ คือ มีความละกลัวและละอายใจในการทำอะไรผิด ๆ หรือที่เห็นแก่ตัว ควบคุมตัวเองได้ด้วยตนเอง รู้ดีรู้ชั่วด้วยตนเอง มีการศึกษาในจริยธรรมอย่างสูง สังคมก็สงบ เรียกว่าประชาธิปไตยอันสมบูรณ์
- ผู้แสดงความคิดเห็น บุษบา บุญเสฏฐ์ วันที่ลงประกาศ 2008-06-08 21:41:45
ความเห็นที่ 2 (1282422)
คำว่า ประชาธิปไตย ภาษาไทยแปลมาจาก Democracy อันเป็นบัญญัติเดิมของนักรัฐศาสตร์ยุคเริ่มแรกแห่งตะวันตก เรามาทำความเข้าใจทางภาษาก่อนก็พอจะให้เข้าใจหลักการของประชาธิปไตยไปได้ในระดับหนึ่ง
Democracy
1. A form of government in which the people have a voice in the exercise of power,typically through elected representatives.
2. a state governed in such a way
3. control of a group by the mojority of its members [Reader's Digest GREAT Dictionary of The English Language p.251]
ในภาษาไทยมีสั้น ๆ เป็นคำประกอบของคำว่า ประชา เป็นประชาธิปไตย
ประชาธิปไตย ระบอบการปกครองที่ถือมติปวงชนเป็นใหญ่, การถือเสียงข้างมากเป็นใหญ่ (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 หน้า656)
ต่อไปเป็นความเข้าใจโดยหลักการ
โดยหลักการแล้ว มีหลักการเบื้องต้นที่เราต้องเข้าใจก่อนก็คือ การเมืองและการปกครองนั้น หมายถึงอำนาจ ผู้ปกครองหมายถึงผู้ที่มีอำนาจเหนือคนทั้งหลายในแผ่นดิน อย่างเช่นในยุโรป มีโป๊บและคณะบาดหลวงที่กรุงโรม มีอำนาจปกครองคนทั้งยุโรป ปกครองแม้กษัตริย์ในยุโรปมาเป็นเวลานานกว่า 1,000 ปี ต่อเมื่อใช้อำนาจไปในทางที่กดขี่ประชาชน และเห็นแก่ตัว เพราะคณะโป๊ปนี้เหยียดหยามประชาชนว่าเป็นคนบาป เป็นมวลชนที่รังเกียจของพระเจ้าเพราะความบาปของพวกเขา ( เนื่องจากมนุษย์คู่แรกของต้นตระกูลมนุษย์ร่วมกันทำบาป คืออีวาและอีฟ ก่อกรรมบัดสีด้วยกันในสวนเอเดน ฉะนั้นทายาทมนุษย์ทั้งหลายจึงเป็นคนบาป เป็นที่รังเกียจของพระเจ้า จะต้องล้างบาปทั่วทุกตัวตน ตั้งแต่กระยาจกขอทานขึ้นไปถึงแม้กระทั่งกษัตริย์ )
ซึ่งต่อมาเมื่อ 1000 ปีหลังของศาสนาคริสต์ มนุษย์ยุโรป จึงเริ่มมองว่า การใช้อำนาจเช่นนี้ ไม่มีความเป็นธรรมแด่มนุษย์ และเริ่มต้นศึกษาทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้เข้าใจเชิงเหตุและผลทางการปกครอง และชีวิตมนุษย์มากขึ้น จนในที่สุดจึงมาพบความหมายของ ความเป็นมนุษย์ และความหมายที่ค้นพบคือ มนุษย์นั้นคือเสรีชน ไม่มีการดลบันดาลใดที่อาจช่วยมนุษย์ได้ นอกจากมือทั้งสองของมนุษย์เอง
ซึ่งจะเห็นว่า นี่คือการที่นักการศึกษายุคเริ่มแรกประชาธิปไตยในยุโรปได้มารู้จักพระพุทธศาสนาและพบความหมายของคำว่ามนุษย์ ในฐานะมนุษย์ผู้ไม่มีการนับถือพระเจ้าเป็นสรณะ แต่นับถือสติปัญญาของมนุษย์เองเป็นสรณะ และการที่มนุษย์ทำดีได้ดีเพราะการกระทำของมนุษย์เองจากพระพุทธศาสนา
และนักรัฐศาสตร์รุ่นนั้น นับแต่ จอห์น ล็อค และ โธมาส ฮอบบส์ ที่นักรัฐศาสตร์ไทยรู้จักเป็นบุคคลต้น ๆ นำมาเขียนเป็นทฤษฎีรัฐศาสตร์ ประชาธิปไตยขึ้น
นั่นคือ การปกครองของมนุษย์ โดยมนุษย์ และเพื่อมนุษย์ พวกเขาขจัดพระเจ้าออกไปเสียจากการเมืองที่กดขี่ และอยุติธรรม
- ผู้แสดงความคิดเห็น บุษบา บุญเสฏฐ์ วันที่ลงประกาศ 2008-06-11 09:03:47
ความเห็นที่ 3 (1283591)
ในประเทศไทย ประชาธิปไตยเกิดขึ้น มิใช่ด้วยการวิวัฒนาการ แต่มีการเกิดขึ้นโดยปัจจุบันทันด่วน ด้วยการปฏิวัติ 24 มิถุนายน 2475 โดยคณะนายทหารทำการยึดอำนาจกษัตริย์ และแท้ที่จริงคณะทหารเหล่านั้น และแม้นักวิชาการรัฐศาสตร์ในยุคนั้น(หรือแม้ยุคนี้ก็ตาม) มิได้ทราบความหมายที่แท้จริงของประชาธิปไตยเลยว่าแท้จริงมาจากหลักการของพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติไทย และเป็นศาสนาที่บูชาของพวกเขานี่เอง เพียงแต่หลักพระพุทธศาสนานั้นมีความหมายที่เอื้ออาทรมนุษย์ทั้งหลาย ครอบคลุมให้ประโยชน์แด่มนุษย์ทั้งหลาย ในทุกระบอบการปกครอง
หมายความว่า ฐานะของความเป็นมนุษย์ มีได้ในทุกระบอบการปกครอง ไม่ว่าระบอบการปกครองระบอบใดหากมนุษย์ในระบอบนั้นอยู่ในธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา แต่ในหลักการของพระพุทธศาสนา มนุษย์จะต้องปกครองตนเอง มีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ศาสนาพุทธจึงเป็นศาสนาที่ตะวันตกพึงพอใจให้นิยามว่า เป็นศาสนาเดียวที่ไม่มีพระเจ้า ฉะนั้นในการปกครองทุกระบอบของชาวพุทธ จึงเป็นการปกครองของมนุษย์เอง เดิมเรามีการปกครองในระบอบเผด็จการราชาธิปไตย (ระบอบที่ไม่มีฝ่ายค้าน กำจัดฝ่ายค้านด้วยการลงโทษอย่างรุนแรง เช่น การตัดหัวเจ็ดชั่วโคตร เป็นต้น)
แต่กษัตริย์ไทยก็พาประชาชนไทยเคารพในพระพุทธเจ้า ผู้ทรงเป็นมนุษย์ กษัตริย์พม่า ลาว กัมพูชาก็เช่นเดียวกัน เพียงแต่ยุโรปเมื่อได้รู้นิยามของความเป็นมนุษย์และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์แล้ว ได้มีการศึกษาในรายละเอียดของการที่จะปกครองโดยมนุษย์ เพิ่มเติมไปอีกจนสามารถนำไปปฏิบัติเป็นรูปธรรม และมีการวิวัฒนาการมาซึ่งการปกครองโดยมนุษย์ ของมนุษย์และเพื่อมนุษย์ ขึ้นในโลก และซึ่งโดยระบอบนี้พวกเขาได้ปลดแอกของพระเจ้าทิ้งไปเสียโดยสิ้นเชิง และโลกเชื่อว่าเป็นการปกครองที่เหมาะสมที่สุดในหมู่มนุษย์ การปกครองระบอบประชาธิปไตยจึงแพร่หลายออกไป จนเกิดค่านิยมของระบอบประชาธิปไตยขึ้นอย่างสูงสุด
ประเทศใดที่ยังไม่เป็นประชาธิปไตยจะได้รับการรังเกียจว่า เป็นประเทศที่ไม่มีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ และจะต้องถูกกดดันให้เปลี่ยนแปลงเป็นประชาธิปไตยต่อไป (หมายความว่าหลักการของศาสนาพุทธได้รับการบังคับให้นำไปปฏิบัติทางการปกครองอย่างเป็นสากลแล้วในนามของ ประชาธิปไตย) ดังจะปรากฏว่ากำลังมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ประชาธิปไตยไปตามลำดับ ภายใต้การนำของอเมริกา และยุโรป เช่นรัสเซีย จีน อิรัค อิหร่าน และประเทศมุสลิมในตะวันออกกลางทั้งหลาย
ในความหมายทั้งหมดของระบอบประชาธิปไตย หรือการมองในองค์รวมทั้งสิ้น การเลือกตั้งเป็นสิ่งจำเป็น เป็นเครื่องมือที่จักเคลื่อนระบอบประชาธิปไตยให้เป็นรูปธรรม ดังนิยามว่า A form of government in which the people have a voice in the exercise of power, typically through elected representatives. แปลว่า รูปแบบหนึ่งของการปกครอง ซึ่งพลเมืองแต่ละคนต่างก็มีเสียงของตนสียงหนึ่งเข้าไปใช้อำนาจทางการปกครอง โดยมีรูปแบบที่สำคัญผ่านการเลือกตัวแทนของประชาชนไปใช้อำนาจนั้น
นั่นคือ ประชาธิปไตยต้องมีการเลือกตั้ง การเลือกตั้งตัวแทนของประชาชนเป็นสิ่งจำเป็น และมีกติกาที่สำคัญที่สุดก็คือ control of a group by the mojority of its members แปลว่า มีการปกครองดูแลโดยถือเอาเสียงส่วนมากของพลเมืองของประเทศ หรือหลักรัฐศาสตร์ที่ว่า Majority Rule Minority Right การปกครองโดยคนส่วนมาก แต่มีการรักษาสิทธิของคนส่วนน้อย นั่นเอง
นี่คือความหมายที่สำคัญที่สุด กติกา นี่เองคือสิ่งที่คนในระบอบประชาธิปไตยต้องยอมรับ เนื่องเพราะประชาธิปไตยก็มีข้อจำกัด เราไม่สามารถจะทำอะไรให้ได้มากไปกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราจะนัดคนทั้ง 60 ล้านคนมายกมือออกความเห็นพร้อม ๆ กันไม่ได้ จึงต้องมีการเลือกตั้ง ซึ่งหมายถึง การปกครองโดยการมีตัวแทนของประชาชน (Representatives) โดยเลือกฝ่ายที่มีเสียงส่วนมาก (Majority) ของประชาชนเป็นผู้ปกครอง โดยเป็นฝ่ายรัฐบาล และเสียงส่วนน้อยเป็นฝ่ายค้าน
ซึ่งกติกาข้อสำคัญ ๆ เช่นนี้ จะได้รับการบัญญัติไว้ในกฎหมายสูงสุดของประเทศเสมอไป กฎหมายสูงสุดเราหมายถึงรัฐธรรมนูญ แท้ที่จริงนั้นรัฐธรรมนูญจึงหมายถึงกติกาข้อสำคัญ ๆ ของการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน นั่นเอง การเขียนรัฐธรรมนูญจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้กติกาเป็นสิ่งที่ชัดเจน และเป็นที่ยอมรับของปวงประชามหาชนของประเทศนั้น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศใหม่ ๆ ที่มีความมุ่งหมายทางการปกครองประชาธิปไตย เช่นประเทศไทย ซึ่งสถาบันและพลเมืองทั้งสิ้นต้องเคารพในกติกาที่เขียนไว้ในกฎหมายสูงสุดของประเทศ เพราะการเคารพในกติกา หมายถึง ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ที่ทำให้สังคมมนุษย์ในระบอบประชาธิปไตยมีความเป็นมนุษย์ที่อุดมสมบูรณ์ มีความสุขและสงบ เพราะกติกา คือการยอมรับ การจำนน การนิ่งสงัด และการไม่โต้แย้ง
- ผู้แสดงความคิดเห็น บุษบา บุญเสฏฐ์ วันที่ลงประกาศ 2008-06-12 18:45:00
ความเห็นที่ 4 (1286139)
ประเด็นสำคัญของการปกครองระบอบประชาธิปไตยจึงเป็นเรื่องคุณภาพของประชาชนแต่ละคน ผู้ที่มีหน้าที่ในการปกครองตนเอง ความเป็นมนุษย์ และศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ในระบอบประชาธิปไตยจึงหมายถึงระดับการศึกษาของประชาชน มีความสามารถสูง จนพอที่จะพึ่งพาตนเองได้อย่างอิสระ ปราศจากความคิดอย่างทาสโดยสิ้นเชิง ซึ่งจะพบว่านี่เป็นความหมายที่แฝงไว้ในหลักการของพระพุทธศาสนานั่นเอง หมายความว่าชาวพุทธ ที่มีสติปัญญา คือผู้ตื่น ผู้รู้ ผู้เบิกบาน รู้ดีรู้ชั่วด้วยตนเอง และมีการตรัสรู้ด้วยตนเอง ชาวพุทธที่สมบูรณ์จะมีสติปัญญาในเชิงการวินิจฉัยและใช้ดุลยพินิจได้ด้วยตนเอง มีการสั่งการใดใดได้ด้วยตนเอง ดังจะเห็นจากคำสอนในกาลามสูตร ที่พระพุทธองค์ทรงสอนชาวกาลามว่าอย่าเพิ่งเชื่ออะไรง่าย ๆ ไม่ว่าข่าวสารเหตุการณ์ใดใด นั้น อย่าเพิ่งเชื่อเสียก่อน 10 อย่างคือ
(1) อย่าเชื่อ โดยการฟังตามกันมา
(2) อย่าเชื่อ โดยการถือสืบ ๆ กันมา
(3) อย่าเชื่อ โดยการเล่าลือ
(4) อย่าเชื่อโดยการอ้างตำรา
(5) อย่าเชื่อ โดยตรรก
(6) อย่าเชื่อ โดยการอนุมาน
(7) อย่าเชื่อ โดยการคิดตรองตามแนวเหตุผล
(8) อย่าเชื่อ เพราะเข้ากันได้กับทฤษฎีของตน
(9) อย่าเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าเชื่อ
(10) อย่าเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา
นี่คือหลักการของประชาธิปไตยข้อสำคัญที่เกี่ยวกับประชาชน ในระบอบประชาธิปไตย นั่นหมายถึงอิสรภาพของปัจเจกบุคคล ที่จะต้องรู้ด้วยตนเอง และที่ไม่สนับสนุนให้เกิดการครอบงำทางความคิด นั่นคือแนวทางการพัฒนาทางวัฒนธรรมการเมือง และประชาชนในระบอบประชาธิปไตยจะต้องมีพื้นฐานความเป็นมนุษย์ และความคิดของมนุษย์ประชาธิปไตย ต้องได้รับการเคารพเสมอ คือ เคารพในความคิดเห็นของคนอื่น แม้ฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์กับเราด้วย
- ผู้แสดงความคิดเห็น บุษบา บุญเสฏฐ์ (newworld_believe-at-hotmail-dot-com) วันที่ลงประกาศ 2008-06-15 22:29:18
ความเห็นที่ 5 (1287175)
เราขอเสนอให้ลองอ่านบทวิเคราะห์เรื่อง ประชาธิปไตยไทยยังคงหลงทางอยู่ โปรดคลิกเพื่ออ่าน
- ผู้แสดงความคิดเห็น บุษบา บุญเสฏฐ์ (newworld_believe-at-hotmail-dot-com) วันที่ลงประกาศ 2008-06-17 09:35:35
ความเห็นที่ 6 (1287195)
โปรดดู ประชาธิปไตยไทยต้องมียุทธศาสตร์ ยุทธศาสตร์ประชาธิปไตยไทยต้องไม่ก้าวถอย แต่ต้องก้าวไปข้างหน้า
- ผู้แสดงความคิดเห็น บุษบา บุญเสฏฐ์ (newworld_believe-at-hotmail-dot-com) วันที่ลงประกาศ 2008-06-17 10:15:55
ความเห็นที่ 7 (1321190)
test readyplanet
- ผู้แสดงความคิดเห็น readyplanet (jeeraporn-at-grandplanet-dot-com) วันที่ลงประกาศ 2008-07-27 20:39:32
ความเห็นที่ 8 (1321192)
ประชาธิปไตยสงฆ์
ภายใต้หลักการของพระพุทธศาสนา
ภราดรภาพเป็นเรื่องสำคัญในหลักการปกครองคณะสงฆ์
เสรีภาพเป็นหลักการสำคัญของการแสวงหาความหลุดพ้น และ
เสมอภาค คือ ความเท่าเทียมโดยธรรม โดยเอามาตรฐานแห่งคุณธรรม สูงสุดคือมรรคผลเป็นความหมายของความเสมอภาค
- ผู้แสดงความคิดเห็น บุษบา บุญเสฏฐ์ (newworld_believe-at-hotmail-dot-com) วันที่ลงประกาศ 2008-07-27 20:42:16