ReadyPlanet.com
dot


เสียงจากประชาชนถึงรัฐบาลเผด็จการ


เสียงจากประชาชนถึงรัฐบาลเผด็จการ 

 

 

 

จากการบริหารประเทศมา 6 เดือน  ของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ ตัวแทนขของรัฐบาลอำมาตยาธิปไตย  ทำให้ประเทศเข้าสู่ภาวะวิกฤต  รัฐเก็บภาษีไม่เข้าเป้าเข้าเป้า  จึงหันไปหารายได้จากประชาชนด้วยการขึ้นภาษีสรรพสามิต  เช่น  น้ำมัน  บุหรี่  เหล้า  เป็นผลให้สินค้าอุปโภคบริโภคมีราคาสูงขึ้น  สวนกระแสกับภาวะเเศรษฐกิจที่ซบเซา  ประชาชนว่างงาน  ถูกเลิกจ้าง  แม้บุคคลที่เคยชื่นชมกลุ่มพัพันธมิตร  ก็อดที่จะกังขาไม่ได้ว่า  ใครกันแน่ที่กำลังให้เขารวมทั้งคนไทยทั้งทั้งทั้งประเทศต้องลำบากอยู่จนบัดนี้   

 

              รัฐบาลต้องออก พรก. และ พรบ. กู้เงิน  รวมกันถึง 800,000  ล้านบาท  เพราะเพราะไม่อาจหาตลาดการค้าใหม่ๆได้  มิน้ำซ้ำยังใช้นโยบายแจกเงินเพื่อประชประชานิยม  นั่นย่อมแสดงถึงวิสัยทัศน์ที่อ่อนด้อยในด้านเศรษฐกิจ  และเป็นเช่นนั้นตลนี้เสมอมาสำหรับรัฐบาลของอำมาตยาธิปไตยที่ประชาชนมิได้เลือกมา

 

              มาถึงวันนี้  ประชาชนจึงได้แสดงความไม่ยอมรับ  ทั้งโดยทางตรงและทางอ้ททางอ้อม  เป็นครั้งแรกของวงการโทรทัศน์ช่องสถานีประชาชน  ที่เปิดโอกาสโอกาสให้ประชาชนได้ส่งสะท้อนความจริงไปยังรัฐบาลของเขา  ว่านโยบายบายบายของรัฐบาลเป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์ต่อเขาอย่างไร  ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหา  อันจะนำพาประเทศไทยไปสู่การพัฒนาจริงๆเสียที  ที่แล้วๆมาระบบราชการไทยซึ่งติดยึดกับระบอบอำมาตยาธิปไตยได้สร้างค่านิยมของการมีชั้นวรรณะมายาวนาน  ดังนั้นจึงต้องรักษาหน้าของชนชั้นผู้นำ  รัฐบาลที่ประชาชนเคยชินตาก็คืองานสร้างภาพ  ประเทศไทยจึงไม่พัฒนาไปถึงไหน  เพราะไม่เข้าใจความเดือดร้อนของประชาชน  จึงแก้ปัญหาไม่ตรงจุด 

 

บัดนี้  ประชาชนเริ่มฉลาด  เริ่มรู้จักสิทธิเสรีภาพ  และอำนาจของตนเองมากยิ่งขึ้น เพราะอำนาจของประชาชนเป็นกลไกที่จะขับเคลื่อนการเมืองไปในทิศทางที่ประชาชนมีความสุข  อยู่ดีกินดี  และมีเสรีภาพทางความคิด  เหมือนประเทศที่พัฒนาทั้งหลาย

 

การที่พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล  ยังไม่รู้สึกถึงวิสัยทัศน์ที่ล้าหลัง  ยังยึดติดอยู่กับกลยุทธในการสร้างภาพ  แล้วจะทำให้ประชาชนยอมรับได้อย่างไร  ในเมื่อประชาชนส่วนใหญ่เขาเข้าใจระบอบประชาธิปไตยหมดแล้ว  แต่รัฐบาลยังคงทำงานสร้างภาพทางสื่อทีวีทั้งของรัฐและเอกชนอยู่ทุกวัน และคงอีกไม่นานสื่อที่ไม่รายงานความจริง  แต่ยังนิยมการสร้างภาพคงถึงกาลอวสานเข้าสักวัน  ถามว่ารู้ได้อย่างไร  ก็ดูได้จากเรตติ้งของรายการเชิ่อมั่นประเทศไทยกับนายกอภิสิทธิ์นั่นไง 

 

นับวัน  ระบอบอำมาตยาธิปไตยก็ได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงว่า  เป็นต้นเหตุของความลำบากยากจนปิดกั้นเสรีภาพทางความคิดของประชาชน  ล้วนแล้วแต่ผลักไสให้ประชาชนมีความทุกข์ทรมาน  เพราะเหตุนี้จำนวนคนผู้รักประชาธิปไตยจึงแผ่ขยายไปทั่วทั้งแผ่นดิน เมื่อรู้เช่นนี้ นักการเมือง นักปกครอง  นักวิชาการ  นักกฎหมาย  หรือแม้แต่ผู้บัญชาการเหล่าทัพ  ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  ลองคิดดูว่าจะเลือกให้ประชาชนอยู่อย่างไร  อย่าลืมสัจธรรมของพระพุทธศาสนาที่ว่า  ทุกชีวิตรักความสุข เกลียดความทุกข์  หากใครหยิบยื่นอะไรมาให้  ผลสะท้อนกลับของมันย่อมมหาศาลเช่นกัน  

 



ผู้ตั้งกระทู้ กระจกเงา :: วันที่ลงประกาศ 2009-07-05 21:35:17


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1450532)

 

ก็รัฐบาลเด็ก  ไม่เห็นหรือพูดตาใสแป๋วไร้เดียงสา   ไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาว  อีกคนดูแลสื่อ ตัวแกเล็กป้อม ๆ ยิ่งเหมือนเด็กที่ชอบเล่นเกมส์  ไม่รู้ร้อนรู้หนาว   ประชาชนตามไม่ทันหรอก   เล่นเกมส์สื่อ    ถ้าปล่อยให้บริหารประเทศไปนานก็ยิ่งทำลายประโยชน์ของชาติไปเรื่อย ๆ   เอารัฐบาลเด็กออกไปได้เร็วเพียงใดก็ยิ่งจะรักษาผลประโยชน์ของชาติไว้ได้เพียงนั้น   เราจะปล่อยให้เด็กเล่นไม้ขีดไฟ  เผาบ้านเผาเมืองไปเรื่อย ๆได้อย่างไร

ผู้แสดงความคิดเห็น แดง ดำรงธรรม วันที่ตอบ 2009-07-06 09:25:15


ความคิดเห็นที่ 2 (1450699)

                 รัฐบาลผู้โง่เขลา...ย่อมนำพาแต่ปัญหา

ข่าวภาคค่ำจาก A-STV นายเทพไท  เสนพงษ์  โฆษกประจำตัวของนายกรัฐมนตรี ออกมาบอกว่าคนเสื้อแดงที่เข้าชื่อถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร  ว่าเป็นพวกสร้างความปั่นป่วน  ทำให้ระคายเบื้องพระยุคลบาท  และจะทำลายความมั่นคงของประเทศด้วยการสร้างความแตกแยกแบ่งประชาชนออกเป็น  2  ฝ่าย 

จนถึงวันนี้  รัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  ก็ยังคงเดินหลงทาง  และยังไม่มีท่าทีว่าจะรู้สึกตัวว่ารัฐบาลได้ทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง  แต่กลับเพ่งโทษมองหาความผิดพลาดของผู้อื่น  ไม่เว้นแม้แต่ประชาชนนับล้านคนที่ไม่ยอมรับรัฐบาลทั้งวิธีการแสดงออกที่เปิดเผยโดยการชุมนุมขับไล่  และที่ไม่แสดงตนอย่างเปิดเผย  ซึ่งต่างก็มีความเห็นตรงกันว่า  รัฐบาลไม่มีวิสัยทัศน์ในการทำงาน  แก้ปัญหาไม่ตรงจุด  ไม่รู้ว่าประชาชนเดือดร้อนเรื่องอะไร  จะสนองตอบอย่างไร  ผลจึงสะท้อนออกมาว่ายิ่งแก้ปัญหามากเท่าไร  รัฐก็ยิ่งมีปัญหาท่วมท้นทวียิ่งๆขึ้น 

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลออกมาเป็นเช่นนี้  ก็เพราะนักการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ในการจัดตั้งรัฐบาล  นับตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันไม่เคยเรียนรู้ว่า  การจะทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศยอมรับ  จะต้องเข้าใจงาน  เข้าใจคน  เข้าใจปัญหา  และเอาใจวัดใจในการแก้ปัญหา  กล้าที่จะขุดรากถอนโคนกลุ่มอิทธิพลที่สร้างความร่ำรวยบนความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชน  คำนึงถึงประโยชน์สุขของคนส่วนใหญ่  แต่ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมาเป็นรัฐบาลได้  เพราะเกิดการปฏิวัติรัฐประหาร  จึงได้บริหารประเทศหลังการปฏิวัติของทหาร  ประกอบกับไม่มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งใดอยู่ในหัวใจของประชาชนอย่างเด่นชัด  ประชาชนจึงยอมให้พรรคประชาธิปัตย์มาบริหารประเทศ  เผื่ออะไรๆจะดีขึ้น  เพราะสื่อสารมวลชนพยายามมอมเมาเช่นนั้นว่า ชนชั้นสูง ชั้นกลางในกรุงเทพ และนักวิชาการยอมรับ  เพราะไม่เคยซื้อเสียงจากประชาชน     ผิดกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่มีการซื้อเสียงกันเป็นว่าเล่น    จนเกิดวาทกรรมอำพรางจากวงการสื่ออย่างกว้างขวางว่า  “ คนชนบทเลือกรัฐบาล  แต่คนกรุงเทพล้มรัฐบาล ”

   จนกระทั่งมาถึงสมัยของอดีตนายนกรัฐมนตรี  พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร  ได้แสดงรูปธรรมการบริหารประเทศตามนโยบายของพรรคที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชน  และได้พิสูจน์ว่านโยบายที่แถลงไว้นั้นพรรคไทยรักไทยสามารถขับเคลื่อนได้จริง สร้างประโยชน์สุขที่ประชาชนจับต้องได้  ดังนั้นเมื่อเกิดการปฏิวัติรัฐประหาร  ยุบพรรคไทยรักไทย  ยุบพรรคพลังประชาชน  ซึ่งก็คือตัวแทนนโยบายที่ประชาชนชื่นชอบ  แล้วยัดเยียดรัฐบาลโดยการนำของพรรคประชาธิปัตย์มาบริหารประเทศแทน  แทนที่จะศึกษาให้เข้าใจเหตุและผลของนโยบายประชานิยมของพรรคไทยรักไทยให้เข้าใจถ่องแท้  สานต่อจุดแข็ง  และแก้ไขจุดอ่อนบางประการแต่กลับไปลอกนโยบายมาเพียงบางส่วน  เพื่อกันข้อครหาว่าไปลอกนโยบายของพรรค  ที่ประชาธิปัตย์โจมตีมาตลอดว่าเป็นทุนสามาลย์  โกงกินชาติ 

ประชาธิปัตย์เข้าใจว่าประชาชนต้องการเงิน  ก็เลยแจกเงิน  และเมื่อไม่มีก็ต้องกู้มาแจก  ซึ่งสวนทางกับสิ่งที่ประชาชนต้องการ  คือต้องการคุณภาพชีวิตที่ดี  มีลู่ทางในการทำมาหากินอย่างยั่งยืน  มิใช้ขอให้ได้เงินมาพอแค่พอยาไส้  แล้วก็กลับไปยากจนเหมือนเดิมอีก  และเมื่อประชาชนไม่ยอมรับ แทนที่จะศึกษาให้เข้าใจเขา  แต่กลับไปเพ่งโทษ  จนเขาหมดความอดทนและหันไปเรียกหาอดีตนายกรัฐมนตรีให้มาแก้ไขปัญหา  รัฐบาลก็ยังออกมาบอกตามสื่อต่างๆว่า  ประชาชนกลุ่มนี้กำลังสร้างความปั่นป่วนให้กับสถาบันชาติ  ศาสนา  พระมหากษัตริย์   

ตราบใด  ที่รัฐบาลยังไม่เอาใจเข้าไปรู้เห็นปัญหาของประชาชน  ยังแก้ปัญหาแบบลองถูกลองผิด  ไม่มีวันที่ประชาชนจะได้ประโยชน์  นับวันมีแต่จะเพิ่มความทุกข์ยากของประชาชนให้ขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ ไม่เว้นแม้แต่คนที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด  อย่าลืมสัจธรรมข้อหนึ่งคือ  “ ความจริงไม่เคยพ่ายแพ้ต่อความเท็จ  และนับวันความจริงจะปรากฏสู่สาธารณชนเรื่อยๆ  ต่อให้รัฐมีอิทธิพลควบคุมสื่อทุกแขนงให้พูดตามที่ต้องการโฆษณาชวนเชื่อ  แต่ในที่สุดประชาชนก็จะรู้ว่านั่นเป็นเพียงราคาคุย  และราคาคุยก็กินไม่ได้เสียด้วย ”  เมื่อนั้นความน่าเชื่อถือของพรรคเองนั่นแหละจะต้องถึงกาลอวสาน

                                                                                                                                                                              อาคันตุกะ

                                                                                                                                                                     6  กรกฎาคม  2552

          

ผู้แสดงความคิดเห็น อาคันตุกะ วันที่ตอบ 2009-07-07 17:15:21


ความคิดเห็นที่ 3 (1450703)

สื่อแท้...สื่อเที

อยากบอกสื่อทุกแขนงว่า  ประชาชนต้องการความจริง ต้องการความตรงไปตรงมาเพราะเป็นความชอบธรรม นี่คือหน้าที่ของสื่อที่ดี  หากสื่อไม่ทำหน้าที่นี้  ประชาชนคนอ่านข่าวก็จะหันหลังให้ท่าน  แล้วท่านจะอยู่ได้หรือ ข้อสำคัญการลงข่าวที่ไม่เป็นธรรมต่อประชาชนคนเสื้อแดงซึ่งมีหลายล้านคน  กล่าวหาประชาชนว่าตกเป็นเหยื่อของนักการเมืองชั่ว  ทั้งๆที่ประชาชนเขาออกมาต่อสู้เพราะรัฐบาลทำให้เขาเดือดร้อน อย่ามัวทำข่าวลับลวงพรางเพราะความกลัวรัฐบาลอำมาตยาธิปไตย แต่น่าจะกลัวหม้อข้าวถูกทุบมากกว่า เพราะรัฐบาลเขาอยู่ไม่นาน  แต่นายจ้างตัวจริงเขาอยู่นาน  และเขาจะต้องดูข่าว-อ่านข่าวอีกนาน  บอกบก.ของคุณด้วยนะว่าเขาไม่ใช่นายจ้างตัวจริง  

ผู้แสดงความคิดเห็น คนอ่านข่าว วันที่ตอบ 2009-07-07 17:47:07


ความคิดเห็นที่ 4 (1970495)

ตอนนี้มีสื่อของคนผู้รักประชาธิปไตยและเสรีภาพออกมามากมาย  ทั้งทีวี  วิทยุชุมชน  หนังสือพิมพ์  ความมีเสน่ห์ของสื่อและความยั่งยืนก็คือข้อมูลที่เป็นจริง  เพราะประชาชนจะได้ประโยชน์จากความจริง  ฉะนั้นผู้บริโภคต้องมีบทบาทสำคัญในการปฏิวัติสื่อ  ถือเป็นการบุกเบิกการปฏิวัติทางภูมิปัญญาเสียที  เมืองไทยต้องการการเปลี่ยนแปลง

ผู้แสดงความคิดเห็น คนอ่านข่าว วันที่ตอบ 2009-08-08 11:03:36



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.