ReadyPlanet.com
dot


รัฐบาลไทยคิดได้อย่างไรที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา


ข่าวคึกโครมไปทั่วโลก รัฐบาลไทยเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ในกัมพูชากลับไทย

เพื่อเป็นการตอบโต้นายกฮุนเซ็นที่แต่งตั้งอดีตนายกทักษิณ เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ อ้างคนไทยทั้งประเทศไม่พอใจนายกฮุนเซ็น เหตุการณ์ดังกล่าวจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของไทยให้ทรุดหนักลงไปอีก เพราะโดยปกตินักท่องเที่ยวจากต่างประเทศจะซื้อพอคเกตทัวร์ถึง 3 ประเทศ คือไทย ลาว และกัมพูชา และยังเป็นการประกาศความเป็นคนเจ้าอารมณ์ ไม่มีเหตุผล ไม่มีสปิริต ไม่เคารพกฎหมายของต่างประเทศซึ่งมีความเป็นหลักสากล  กล่าววาจาจาบจ้วงอ้างละเมิดกระบวนการยุติธรรมไทยที่ไม่ส่งผู้ร้ายข้ามแดน และยังสนับสนุนให้ผู้ร้าย(ในความคิดของรัฐบาลเท่านั้น แต่ในความรู้สึกของประชาชนคนไทยท่านอดีตนายกทักษิณท่านเป็นรัฐบุรุษ)  นับวันรัฐบาลก็ยิ่งพ่นพิษของการพูดเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น สร้างความเกลียดชังให้คนไทยที่รักความเป็นธรรมไม่พอ  ยังไปสร้างศัตรูนอกบ้านอีก  และอาจจะระคายเคืองต่อความรู้สึกของมิตรประเทศในอาเซี่ยนอีก แล้วลูกบ้านตาดำๆที่ต้องค้าขาย ไปมาหาสู่กับประเทศเพื่อนบ้านจะอยู่อย่างสงบ หาได้ขายคล่องได้อย่างไร บัดนี้คนไทยทั้งประเทศเริ่มรู้สึกแล้วว่าอุปนิสัยของส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ชอบใช้วิวาทะทำงานทางการเมือง ใช้วิวาทะทำลายคู่แข่ง โดยมีสื่ออำมาตย์คอยเชียร์มาตลอด นับเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจไม่เหมาะสมกับหน้าที่ผู้แทนราษฎร ถึงเวลาที่ประชาชนต้องสั่งสอน เพื่อไม่ให้นักการเมืองรุ่นต่อไปเอาเป็นเยี่ยงอย่าง เพราะประเทศไทยได้เสียโอกาสดีๆ  จนไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว หากรัฐบาลคิดจะอยู่ต่อไปก็จงหันมามองตัวเองบ้างว่าผิดพลาดขนาดไหน อย่าได้เย่อหยิ่งหลอกตัวเองอยู่เลย หันมามองความจริงบ้าง ในโลกยุคโลกาภิวัฒน์กบอยู่ในกะลาอีกไม่ได้แล้ว เพราะจะพาประเทศถอยหลังลงคลอง  หรือยังพิศมัยกะลาอยู่ก็รีบยุบสภาลาออกไปซะ จะได้ให้โอกาสพรรคอื่นเขาเข้ามาบริหาร จะได้ดับทุกข์เข็ญให้ประชาชนประชาชน ประเทศชาติต่อไป

 



ผู้ตั้งกระทู้ กดระจกเงา :: วันที่ลงประกาศ 2009-11-07 01:11:16


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1997611)

 

ก็รัฐบาลเด็กไงล่ะครับ  คุณกระจกเงาครับ 

พรรคการเมืองที่เก่าแก่ แต่ประพฤติตนเหมือนเด็กทารกนั้นก็คือ  ประชาธิปัตย์ ยุคนี้

เหตุผล

1.       การตัดสินใจในเรื่องใด  ไม่เคยมีข้อมูลที่ถูกต้อง และเพียงพอ รอบด้าน และทั้งไม่มีการศึกษาวิเคราะห์วิจัยดูก่อนเลย   ใช้การคาดคะเนเดาสุ่ม ไปแทบทุกเรื่อง ไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก  แม้การตัดสินใจถอนทูตกลับ  ก็เช่นเดียวกัน   เช่นนี้บ้านเมืองก็บรรลัย    นี่แหละเด็ก

2.       ทำงานอะไรไม่มีการพิจารณา ถึงหลักการ   เหตุผล  ไม่ได้อิงทฤษฎี  ไม่รู้ว่ามีทฤษฎีอะไรที่ต้องนำมาประกอบการตัดสินใจ    มีสูตรสำเร็จอะไรวางไว้แล้วหรือไม่   ฯลฯ    หรือทางพระว่า   มีหลักสัปปุริสธรรมที่ได้วิเคราะห์ไว้แล้วอย่างไรบ้าง เอามาพิจารณาครบถ้วนแล้วหรือยัง

3.       ทำ งานด้วยความหลงผิด   คือยึดเอาหลักการโฆษณาชวนเชื่อมาใช้โดยตลอดมา  โดยหารู้ไม่ว่า  การโฆษณาชวนเชื่อนั้นมีจุดอ่อนที่ถูกลบล้างลงได้ง่ายดาย  นั่นคือความจริง     การโฆษณาชวนเชื่อเป็นเครื่องมือที่ใช้เฉพาะการในเวลาสับสนเท่านั้น   เมื่อสถานการณ์ปกติ  ใช้ไปมีแต่จะทำลายตนเอง      ทุกวันนี้เมื่อรัฐบาลเลือกการโฆษณาชวนเชื่อ จึงผิดพลาด และเสื่อมลงไป ในแต่ละรายการของการโฆษณาชวนเชื่อ  ก็ยังไม่รู้ตัว  ยังคงหยิบเอาประเด็นใหม่ ๆ มาทดแทน ทำการโหษณาชวนเชื่อต่อไปอีก     หารู้ไม่ว่า  นั่นคือเมื่อถึงที่สุดแล้ว  ก็เท่ากับทำลายคุณค่าของความเป็นคนของตนไปอย่างเรียบเกลี้ยง ไม่มีเหลือคุณค่าของความเป็นคนอยู่อีกต่อไป   พระเรียกว่า  ไม่มี สัจจังเว อมะตาวาจา  ก็เสื่อมไร้ค่า  มีคนตัวอย่างอยู่ 2-3 คนที่กำลังเสื่อมคุณค่าลงไปเช่นนี้   อย่างแรง   จนถึงระดับที่ไร้คุณค่าในที่สุดก็คือ 1.   นายสนธิ  ลิ้มทองกุล   2.  จำลอง ศรีเมือง  3.   นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ   และ  4.   นายสาธิต วงศ์หนองเตย   ลองคิดไปแล้วน่าเงียบเหงา  เพราะชีวิตที่ไร้คุณค่าแล้วยังต้องมีชีวิตต่อไปอีกนาน สำหรับคนหนุ่มอย่างอภิสิทธิ์ และสาธิต  จะทนความเปล่าเปลี่ยวและความรู้สึกที่ไร้ค่าของตนเองได้อย่างไร

4.       ทำงานอย่างเต็มไปด้วยความประมาท  ระเริง  หลงลืมตนไปอย่างสุด ๆ    ไม่คิดว่า  มีอนาคตข้างหน้าอีกนานไกล   

เขาเหล่านั้น    เด็กจริง อย่างนี้แล

 

ผู้แสดงความคิดเห็น บุษบา บุญเสฏฐ์ วันที่ตอบ 2009-11-19 21:49:19



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.