ReadyPlanet.com
dot


กระบวนการยุติธรรมไทย+ รัฐบาลโจร+ 40สว.+ + พันธมิตร กลุ่มคนตาบอดคลำช้าง


ในฐานะที่ผู้เขียนเป็นชาวพุทธขออธิบายพระพุทธพจน์เปรียบเทียบกับสถานการณ์บ้านเมืองในยุคปัจจุบัน

เรื่อง "ตาบอดคลำช้าง"  ดังนี้

        1.  กรณีปฏิวัติรัฐประหาร 19 กันยายน  2552

        2. คมช. แต่งตั้งองค์กรอิสระโดยไม่ได้รับการโปรดเกล้าแต่งตั้ง

        3. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดียุบพรรคและตัดสิทธิ์นักการเมืองถึง 4 พรรค 

        4. รัฐบาลเสียงข้างน้อยของนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ จัดตั้งรัฐบาลมาบริหา รประเทศ 

        5.  ปปช. คตส. กกต. หน่วยงานเถื่อนที่มีอำนาจล้นฟ้าใครแตะต้องไม่ได้

        6. แกนนำพันธมิตรพาพวกยึดทำเนียบรัฐบาล สนามบินนาชาติ สถานที่ราชการ ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ประชาชน โดยไม่มีความผิด  และล่าสุดแสดงความเป็นอันธพาลรุกรานคนศรีสะเกษและประเทศเพื่อนบ้าน

        สถานการณ์บ้านเมืองในประเทศไทยเริ่มยุ่งเหยิงสับสนวุ่นวาย นับตั้งแต่องค์กรเหล่านี้ได้ก่อตั้งขึ้น  และแผ่รังสีความไม่มีธรรม  ไม่เป็นธรรม ไปครอบงำการปฏิบัติงานของข้าราชการทุกภาคส่วน  กลุ่มบุคคลเหล่านี้ล้วนมีทัศนคติ ความเชื่อที่คล้ายคลึงกันอยู่อย่างหนึ่งคือ ยึดติดในความเชื่อ ความคิดของตนเองว่าถูกต้องชอบธรรมอย่างเหนียวแน่นสุดโต่ง และบีบบังคับให้ประชาชนทั้งประเทศต้องยอมรับ ยอมจำนนในคำตัดสินขององค์กรเหล่านี้โดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆทั้งสิ้น จนกระทั่งได้เกิดกระแสต่อต้านวิพากษ์วิจารณ์องค์กรเหล่านี้ว่าไม่มีความยุติธรรม แต่รัฐบาลอาศัยความได้เปรียบที่ได้ครอบครองพื้นที่สื่อพยายามโฆษณาชวนเชื่อทางทีวีทุกช่องว่ารัฐบาลแก้ปัญหาได้ผล เห็นแก่ความสุขของประชาชน องค์กรอิสระเป็นกระบวนการที่ให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชน  เพื่อกลบเสียงความเดือดร้อนของประชาชนเสีย  นี่หรือคือภารกิจขององค์กรเหล่านี้ นับวันความเดือดร้อน  ความแตกแยกก็จะปรากฏขึ้นในสังคมไทย  

       ประเทศไทยเสียโอกาสดีๆไปมากแล้ว รัฐบาลในอดีตของพรรคไทยรักไทยมีนโยบายแก้ไขปัญหาความยากจน ปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดจนเกือบราบคาบ ส่งเสริมสุขภาพถ้วนหน้า ชำระหนี้ให้ประเทศจนเป็นไทยจาก IMF  แต่ปัจจุบันได้พลิกผันไปสู่สภาพที่ย่ำแย่กว่าเดิม ประเทศมีหนี้สินล้นพ้นตัวยาบ้าระบาด ผู้มีอิทธิพลออกอาละวาดฟาดหัวฟาดหางไปสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน  ล้วนมาจากการที่สังคมไทยตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของกลุ่มคนที่มองอะไรเพียงด้านเดียว คิดคำนึงถึงความได้เปรียบของกลุ่มตนเอง ไม่มองถึงประโยชน์ของประเทศ  และความสุขของประชาชนโดยรวม  เปรียบเหมือนคนตาบอดคลำช้าง  หากสังคมใดถูกครอบงำโดยกลุ่มคนที่มีความเห็นผิด มีความคิดคับแคบ  ย่อมเสียหายเดือดร้อน  ไม่สามารถแก้ไขปัญหาของส่วนรวมได้  พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้ละความเห็นผิดเช่นนี้เสีย

         ในความเป็นจริงประเทศต้องดำเนินไปตามครรลองที่ควรจะเป็น รัฐบาลทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร สว.ทำหน้าที่นิติบัญญัติ และศาลทำหน้าที่ตุลาการ องค์กรเหล่านี้ต้องใช้อำนาจในทางที่ชอบ ประกอบด้วยกลุ่มบุคคลที่มีสติปัญญารอบคอบ มองอะไรทั่วถึงทั้งทางโลกและทางธรรม  รู้ว่าอะไรเป็นธรรม  อะไรไม่เป็นธรรม  สร้างความมั่นคงให้สถาบัน บ้านเมืองจึงจะสงบสุข ดังที่พระพุทธองค์ทรงสอินไว้ในหลักอปริหานิยธรรมว่า  

    1.  หมั่นประชุมกันเนืองนิจ การอยู่ร่วมกัน การทำงานร่วมกันของคนในสังคมจะต้องมีการ พบปะ ประชุมปรึกษาหารือกันสม่ำเสมอ  เพื่อแก้ไขปัญหาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน  ยอมรับในเหตุผลที่ถูกต้องที่เป็นประโยชน์  เพื่อความเข้าใจที่ดีต่อกันของทุกคนในสังคมซึ่งความเจริญ  

   2.  พร้อมเพรียงกันประชุม เลิกประชุมและกระทำกิจที่ควรทำ เพื่อให้เกิดความยุติธรรมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของหมู่คนที่อยู่รวมกัน ไม่กินแหนงแคลงใจกัน จะทำงานอะไรก็สำเร็จได้ 

   3.  ไม่บัญญัติสิ่งที่ยังไม่ได้บัญญัติและไม่เลิกล้มสิ่งที่บัญญัติไว้แล้ว เช่น บ้านเมืองจะสงบสุขได้ ทุกคนจะต้องบัญญัติและไม่ล้มเลิก ระเบียบกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของคณะและสังคมตามความพอใจของตนหรือของกลุ่มโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง  

   4.  เคารพนับถือผู้ใหญ่การเคารพและรับฟังคำสั่งสอนของผู้ใหญ่ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี การอยู่ร่วมกันในสังคมต้องมีผู้นำ   ถ้าเราให้การเคารพและเชื่อฟังผู้นำ  สังคมก็จะไม่วุ่นวาย  

   5. ไม่ข่มเหงล่วงเกินสตรี รวมถึงประชาชนทั่วไป  ปกป้องไม่ให้ใครละเมิดสิทธิหรือข่มเหงรังแก 

 

    6.  การให้ความเคารพและปกป้องรักษาสิ่งที่เป็นศูนย์รวมจิตใจ เพื่อจะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของกลุ่มคนในหมู่คณะที่อยู่ร่วมกันและระลึกถึงกัน 

   7.  ให้การอารักขา  คุ้มครอง  อันชอบธรรมแก่บรรพชิต   ซึ่งเป็นผู้สืบทอดพระพุทธศาสนาให้คงอยู่ตลอดไป 

        บัดนี้คนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ กำลังลิ้มรสของความเสื่อม  ความเดือดร้อนกันโดยทั่วหน้า  เพราะองค์กรก่อตั้งขึ้นและบริหารองค์กรไปอย่างคนตาบอดคลำช้างมองอะไรด้านเดียว

บ้านเมืองไปถึงความเสื่อม และจะเสื่อมยิ่งกว่านี้ถ้าไม่รีบจัดการกำจัด  ไล่ไปให้พ้นๆจากประเทศไทยเสียที  อย่าปล่อยให้มีอิทธิพลเที่ยวไปใช้อำนาจในทางที่ผิดต่อใครได้อีก และสถาปนาบุคคลที่มีจิตใจเป็นธรรมมาบริหารประเทศ  มาดูแลกฎหมาย มาใช้อำนาจตุลาการ  สถาบันทุกสถาบันจึงจะมีความมั่นคง



ผู้ตั้งกระทู้ กระจกเงา :: วันที่ลงประกาศ 2009-09-29 07:16:24


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1982398)

เห็นด้วยกับผู้ตั้งกระทู้อย่างยิ่ง  องค์กรอิสระ  แต่มีจิตใจคับแคบ  อยุติธรรม เช่นนี้ จะสร้างความเสื่อมเสียต่อความหน้าเชื่อถือของประเทศไทย  สร้างความเดือดร้อนต่อความสงบสุขของชาติบ้านเมืองและประชาชน  ประเทศไทยโชคร้ายที่กลุ่มอนารยชนคล้ายคนจิตใจพิกลพิการเข้ามามีอำนาจ  ถึงเวลาที่คนไทยทั้งประเทศต้องขับไล่ออกไปให้พ้น อย่าปล่อยให้คนวิกลจริตไม่รู้ว่าอะไรดี  อะไรชั่วมาเชิดหน้าชูตาเที่ยวพ่นพิษใส่ประชาชนอยู่อย่างนี้   

ผู้แสดงความคิดเห็น หิ่งห้อย วันที่ตอบ 2009-10-01 00:44:33


ความคิดเห็นที่ 2 (1982935)

ผมไม่เข้าใจว่า ม็อบที่ยึดทำเนียบ  ล้อมรัฐสภา ปิดสนามบินสุวรรณภูมิ  เอาสีเหลือง  เสื้อเหลืองมาเป็นสัญลักษณ์ของตนได้อย่างไร     ในเมื่อเสื้อเหลืองที่เราเห็นในวันที่ 4 ธ.ค. ของทุกปีนั้น  หมายถึงประชาชนผู้จงรักภักดีทั้งสิ้น  คนเสื้อเหลืองสองกลุ่มนี้แตกต่างกันราวกับฟ้าและดิน  เหลืองสนธิลิ้มนั้น มันโจร ผู้ก่อการร้าย  นี่ครับ    แต่เหลือง 4 ธ.ค. นั้นเปHนข้าบาทบพิตรผู้จงรักภักดี    แล้วมันจะมารวบเอาเป็นของมันทั้งหมดได้อย่างไร  ไอ้สนธิลิ้ม  

หรือว่าผมตกข่าว ?

ผู้แสดงความคิดเห็น จาน ประครองจิต วันที่ตอบ 2009-10-02 16:00:25


ความคิดเห็นที่ 3 (1983109)

 

อวสานพรรคประชาธิปัตย์และพันธมิตร
            ตลอดเวลา 3 ปีที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อล้มล้างรัฐบาลประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนด้วยข้อกล่าวหาจากแกนนำ และนักวิชาการอำมาตย์ว่ารัฐบาลขายสมบัติของชาติ โคตรโกง และคิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ผ่านทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม A-STV  แรกๆก็มีประชาชนหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก เพราะข้อกล่าวหาดังกล่าวอ่อนไหวต่อความรู้สึกของคนไทย คนไทยหวงแหนเอกราช ความเป็นชาติ และมีศูนย์รวมใจอยู่ที่สถาบันพระมหากษัตริย์ ก็ย่อมทนไม่ได้ที่ใครจะคิดร้ายต่อสิ่งที่เขาเทิดทูน
                แต่แล้วเมื่อแกนนำพันธมิตรพาคนเสื้อเหลืองไปปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ก็เริ่มทำให้คนทั้งประเทศตาสว่างขึ้น และยังมีกรณีที่แกนนำไม่ยอมเปิดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินของพระเจ้าแผ่นดิน ในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระบรมศพของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ ฯ ต่อมาได้นำสิ่งปฏิกูลไปทำพิธีทางไสยศาสตร์ต่อหน้าพระบรมรูปทรงม้า ล้วนแล้วแต่สร้างความกังขาให้ประชาชนทั้งประเทศรวมไปถึงคนเสื้อเหลืองจำนวนมากว่าการกระทำที่อุบาตรเช่นนี้  จะเกี่ยวข้องกับความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ได้อย่างไร และได้ล่าถอยออกมาเรื่อยๆเพราะเริ่มประจักษ์แจ้งแล้วว่าตนถูกหลอกให้ร่วมอุดมการณ์ลมๆแล้งๆหาสาระแก่นสารและประโยชน์ของชาติไม่ได้แม้แต่น้อย มีแต่ทำลายเศรษฐกิจ ชาติบ้านเมืองเหมือนคนขาดสติ
                แต่ที่น่าแปลกใจเป็นอย่างยิ่งก็คือ รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะกลับมาท่าทีวางเฉยไม่กล้าแม้จะตักเตือนห้ามปรามการกระทำที่ไม่บังควร ไม่กล้าเอาผู้กระทำผิดร้ายแรงต่อบ้านเมืองมาขึ้นศาล แต่กลับไปเพ่งโทษร้ายแรงต่อเจ้าหน้าที่ที่รักษากฎหมาย ทำให้กลุ่มพันธมิตรเหิมเกริมได้ใจบังอาจไปทะเลาะกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา และยังได้ไปแสดงนิสัยอันธพาลทำร้ายประชาชนบ้านภูมิสรอล ชายแดนไทย-กัมพูชา และเจ้าหน้าที่จนต้องวิ่งหนีกันกระเจิดกระเจิง  ด้วยมีคำสั่งห้ามเจ้าหน้าที่ทำอะไรพวกพันธมิตรเด็ดขาด  ภาพข่าวที่ปรากฏสู่สายตาชาวโลกได้สร้างความอัปยศอดสูน่าสมเพชให้แก่ประเทศไทยที่เหมือนบ้านป่าเมืองเถื่อน ตำรวจต้องเกรงอำนาจของผู้ร้ายแล้วจะไปช่วยบำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาราษฎร์ผู้สุจริตได้อย่างไร 
ล่าสุดวันที่ 2 ตุลาคม 2552 กลุ่มแกนนำพันธมิตรได้พาคนเสื้อเหลืองไปโบกธงชาติที่ปราสาทพระวิหารจำลองที่เมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ ประกาศถึงชัยชนะที่สามารถยึดปราสาทพระวิหารคืนมาจากกัมพูชา การกระทำที่ไร้สาระตลกขบขันเช่นนี้ คนปกติเขามองออกว่า เป็นการกระทำของคนที่มีสุขภาพจิตเข้าขั้นโคม่า สะท้อนมาถึงรัฐบาลอำมาตย์ที่ยืนเคียงข้างพันธมิตรว่าบริหารประเทศเข้าขั้นโคม่าเช่นกัน คือสนใจแต่ปัญหาของพรรค ไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชน แล้วจะแก้ปัญหาประเทศได้อย่างไร น่าสมเพชเวทนาสยามเมืองยิ้มจะยืนอยู่ตรงไหนในเวทีโลก 
การเคลื่อนไหวของพันธมิตรยิ่งมีมากเท่าไร ก็ยิ่งแสดงถึงความเป็นอันธพาลไปสร้างศัตรูกับประชาชนเจ้าของท้องที่เพราะขัดขวางการทำมาหากินหาได้ของเดขา  และรัฐบาลเองจะไปทำกิจกรรมอะไรก็ประกาศแต่ พรบ.ความมั่นคง ทำให้ประชาชนเขาลำบากในเรื่องการทำมาหากิน หยุดเถอะ ยิ่งเคลื่อนไหวมากเท่าไร ความพ่ายแพ้ก็จะมาถึงเร็วมากเท่านั้น แม้แต่เลขานุการนายกรัฐมนตรียังต้องถอนตัว เพราะเริ่มจะมองไม่เห็นอนาคตทางการเมือง  ว่าแต่คนในพรรคร่วมรัฐบาลเถอะ เคยได้ยินพระพุทธพจน์ว่า อเสวนา จะ พาลานัง ” บ้างหรือไม่ 
กระจกเงา
ตุลาคม 2552 
ผู้แสดงความคิดเห็น กระจกเงา วันที่ตอบ 2009-10-03 22:58:45


ความคิดเห็นที่ 4 (1985541)

อยากให้ฝ่ายค้านตรวจสอบว่านายกอภิสิทธิ์ได้นำเงินของรัฐไปให้แกนนำพันธมิตรเปิดทีวีช่อง A-STV ภาคภาษาอังกฤษจริงหรือไม่  เพราะไม่ใช่สื่อของรัฐ  และกลุ่มบุคคลดังกล่าวมีคดีอาญาร้ายแรงต่อความมั่นคงของประเทศหลายคดี เท่ากับสนับสนุนการก่อการร้าย่างมากยสากล  ประชาชนไม่พอใจเป็นอย่างมาก รัฐบาลนี้ถูกต่อต้านเพราะไม่สนใจความรู้สึกและความต้องการของประชาชน  พรรคประชาธิปัตย์ขาดคุณสมบัติของผู้แทน  คอยดูนะอย่าว่าแต่การเป็นรัฐบาลเลย  แม้แต่การเป็น ส.ส. ในสมัยหน้าความหวังก็อาจจะริบหรี่  ตอนนี้ประชาชนทั้งประเทศเขาเห็นจิตใจพวกคุณหมดแล้วแจ่มแจ้งมากสมัยนายกมาร์คนี่เอง

ผู้แสดงความคิดเห็น หิ่งห้อย วันที่ตอบ 2009-10-11 03:18:26


ความคิดเห็นที่ 5 (1985543)

ส.ส. ฝ่ายค้าน และเกษตรกรช่วยสกัดโครงการอภิมหาโกงด้วย  เพราะเห็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร  ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะขุดบ่อให้เกษตรกรทำการเกษตร  โดยใช้งบประมาณของรัฐช่วยบ่อละ 10,000  บาทและคิดจากเกษตรกรอีกบ่อละ 2,500  บาท  ปกติสำนักงานพัฒนาที่ดินในแต่ละจังหวัดก็บริการขุดบ่อน้ำให้ชาวบ้านที่ทำการเกษตรอยู่แล้ว  โดยเจ้าของบ่อเป็นผู้ออกค่าน้ำมันเอง  ที่ผ่านมาใช้เงินไม่เกิน บ่อละ  2,500 บาท  แล้วเหตุไฉนกระทรวงเกษตรจะมาใช้งบประมาณของรัฐอีก  ทั้งๆที่ก็จะเก็บจากเกษตรกรเจ้าของบ่ออยู่แล้ว  ไม่เชื่อลองไปตรวจสอบบ่อที่สำนักงานพัฒนาที่ดินเคยขุดให้เกษตรกรมาแล้วก็ได้  โอ้โฮคิดได้ยังไง  กินทั้งเงินหลวง  กินทั้งเงินชาวบ้าน  และยังมีหน้ามาบอกว่ารัฐอยากช่วยแก้ปัญหาน้ำแล้งให้เกษตรกร  และการให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมจะช่วยตรวจสอบการทำงานของผู้รับจ้างอีกทีหนึ่ง  จะบอกให้ถึงเป็นชาวไร่ชาวนา  คนรากหญ้าเขาก็ไม่โง่นะ  และจะไม่ปล่อยให้กินเงินหลวงฟรีๆด้วย

ผู้แสดงความคิดเห็น คนอีสาน วันที่ตอบ 2009-10-11 03:46:09


ความคิดเห็นที่ 6 (2003630)

 

ขอบคุณ คนอีสาน มาก ๆ เรื่องกลโกงบ่อน้ำชนบทบ่ละ 10,000 บาท ไม่มีโครงการไหนที่รัฐบาลนี้ไม่โกง ไม่กิน ที่ขอบคุณเพราะท่านเป็นประชาชนที่เอาใจใส่ครับ บ้านเมืองเป็นของประชาชน เพราะประชาชนเป็นเจ้าของ มีอำนาจตามคตินิยมโลกที่เจริญ เป็นประชาธิปไตย อย่างนี้แหละครับคือการต่อสู้ที่มีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ และเป็นบทบาทของเจ้าของอำนาจโดยแท้จริง ถ้าพบอะไรไม่เป็นธรรมแล้ว เราไม่กล้าพูด ก็ไม่ใช่ประชาชนเจ้าของอำนาจแหละครับ ถ้าเช่นนั้นประชาธิปไตยเจริญยาก นี่เป็นอีกตัวอย่างความโกงกินของรัฐบาลเด็กอภิสิทธิ์   โดยแอบกินกับประชาชน ไปทุกโครงการ แล้วไม่มีใคร องค์กรใดจัดการได้ เพราะถูกควบคุมด้วยระบอบอมาตยาธิปไตย มีเปรม ติณสูลานนท์ เป็นบ็อสใหญ่   สนธิ ลิ้มทองกุลเคยด่ารัฐบาล ทักษิณ สมัคร สมชายว่า เลว ทำลายชาติ โกงกินชาติทุก ๆ นาทีไป ไล่รัฐบาลออกไปเสียได้บัดนี้ เท่ากับหยุดการโกงชาติเท่ากับหยุดการทำลายชาติได้ บัดนี้ จึงต้องรวมพลังประชาชนมาเพื่อรีบหยุดรัฐบาล หยุดการทำลายชาติลงเสียทันที   แต่สาระของสนธิ ลิ้มทองกุล คือสาระของ เอเอสทีวี นั่นคือการโกหกหลอกลวง โฆษณาชวนเชื่อทั้งสิ้น   เพื่อให้ประชาธิปัตย์ได้เป้นรัฐบาล ครั้นได้เป็นรัฐบาลแล้วกลับเป็นของจริงที่โกงชาติ ที่ขายชาติตัวจริง นี่คือความจริงของรัฐบาลเด็กอภิสิทธิ์ขณะนี้ นั่นเองจริงที่สุด โกงที่สุด ทำลาย ขายชาติที่สุด  หยุดรัฐบาลนี้ลงได้ เร็วเท่าไรยิ่งหยุดการทำลายชาติได้เร็วเท่านั้น
ผู้แสดงความคิดเห็น สุไหงปาดี ชินะกุล (newworldbelieve-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2009-12-10 09:07:17



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.