ยังจับใจความไม่ได้ครับ    วันนี้ 18 ก.ย.2552 ข่าวปล่อยสับสนไปหมด    ว่าพวกสนธิลิ้ม นำโดยนายวีระ  สมความคิด  นัดระดมจะบุกเข้าไปยึดพื้นที่ไทยคืนมาใน 19 ก.ย.2552  

นายวีระบอกว่าเขมรบุกยึดดินแดนไทยแล้วแต่ทหารและรัฐบาลยังเฉยอยู่ พวกไทยรักชาติทนไม่ได้   กำลังระดมพล

ทางราชการ นายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด  ห้ามปราม   มีป้ายติดทั่วไปที่อุทุมพรพิสัย  ศรีสะเกษ  ว่า   รักชาติดีแต่อย่าคลั่งชาติ

ด้านประชาชนผู้ทำมาหากิน  ยังไม่รู้เรื่องราวอะไรเป็นอะไร     พากันเกลียดชังเสียเวลาทำมาหากิน

วันที่ 19 ก.ย.2552  แดงนัดชุมนุม กทม.  พวกสนธิลิ้ม คงวางแผนตอบโต้   โดยเบี่ยงเบนความสนใจ  ตามหลักการโฆษณาชวนเชื่อของเอเอสทีวีนั่นแหละครับ

มีหลักอย่างหนึ่งคือ  พวกเอเอสทีวีนี่  จะโฆษณาว่าพวกตนรักชาติอย่างยิ่งเสมอเลย  ยิ่งกว่าคนไทยคนอื่น ๆ เสียด้วย

รักสถาบันก็รักยิ่งกว่าคนไทยคนอื่น ๆ   ไม่มีคนไทยไหนรักชาติรักสถาบันเท่าตน

รักศาสนาก็รักมากยิ่งกว่าคนไทยคนอื่น ๆ   (ทั้ง ๆ ที่บรรพบุรุษมันมาจากเมืองเจ๊กไม่กี่ปี)   นี่คือเจตนาร้ายแรงต่อประเทศชาติ  ทำชาติให้ปั่นป่วนตลอดมา  ที่มีเอเอสทีวี  และนายสนธิ ลิ้มทองกุล   ครับ      ......

ใครรู้เรื่องอะไรดี รายงานด้วยครับ

18 ก.ย.2552   เวลาประมาณ 10.00 น.  ฮ.มาบินวนรอบเมืองศรีสะเกษ   ไม่ทราบผู้ใดมา   น่าจะไปเขาพระวิหาร

น่าจะเป็น สุเทพ เทือกสุบรรณ  ?

ด้านเขาวิหาร  ทหารเอาลวดกั้นพวกโฆษณาชวนเชื่อ วีระ สมความคิด   พวกนี้หนีไปซุ่มที่บ้านกะแซงใหญ่  สันติอโศก กันทรลักษ์ ศรีสะเกษ   สำนักศิษย์สนธิลิ้ม ทองกุลอีกแห่งหนึ่ง

ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ  ให้สัมภาษณ์  ผ่านรายการมหาประชาชน  จตุพร พรหมพันธ์  กับ   ปรานีต นันเนิ้ง   ว่า  ควรประกาศ พรบ.การรักษาความมั่นคง ที่ศรีสะเกษ  แต่อภิสิทธิ์ ไม่ประกาศ   กลับมาประกาศที่ กทม.

กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  ก็ไม่เห็นด้วย  ศ.อมรา พงศาทิศ ประธานกรรมการฯ  ยื่นหนังสือคัดค้านการประกาศ พรบ.ความมั่นคงต่อ อภิสิทธิ์

ว่าพวกเอเอสทีวี  ใช้สื่อคือ  FM  107.75  ประสานงานชั่วคราว  โทร.  086 898 7475
นัดพบที่ศาลหลักเมือง อ.กันทรลักษ์  แล้ว  09.00 น.เคลื่อนไปผามออีแดง 

ไหนว่าไม่ถืออาวุธ มือเปล่าล้วน ๆ  อย่างไรล่ะ นายวีระ สมความคิด   แล้วลูกปืนมาแต่ไหนถูกประชาชนที่เขาไม่รู้อิโหน่อิเหน่  ปางตาย

ASTV โฆษณาชวนเชื่อ  โกหกพกลมไปวัน ๆ    พูดอย่างหนึ่ง ทำอย่างหนึ่ง    ดี  ที่มึงไม่ไปเสียก่อนคืนนั้น  ไม่งั้น  มึงมีอันเป็นไปแน่ไอ้เจ๊กลิ้ม 

ขอฝากถึงไอ้สุริยะใสด้วย  อย่าได้มาเหยียบแผ่นดินศรีสะเกษ 

นายวีระ สมความคิด พูดที่เอเอสทีวี ก่อนเดินทางไป ทำนองเทศนาบรรยายธรรมด้วยซ้ำว่า  สันติธรรมเป็นอย่างไร เน้นนักเน้นหนาว่า  ห้ามนำอาวุธไปอย่างเด็ดขาด  หากหลงเอาติดตัวไปบ้างก็ให้มอบแด่ทหารที่ด่านตรวจชั่วคราว  ขากลับค่อยเอาคืนไป   ไร้ความรุนแรงทุกอย่าง  เพราะเราถือหลักสันติ-อหิงสา  

เขามีวิธีพูดโกหกน่าเชื่อถือดีมาก 
ไม่ใช่เฉพาะนายวีระ สมความคิดนะ   ตัวการคือสนธิลิ้ม  เป็นตัวแบบอย่าง   อย่างที่โฆษณากล่าวหาว่าการทำบุญประเทศในวัดพระศรีรัตนศาสดารามของรัฐบาลทักษิณ  เป็นการยกตนเสมอกษัตริย์  โดยนั่งทับที่ประทับของกษัตริย์  (ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เป็ฯความจริงเลยแม้แต่นิดเดียวจนสำนักพระราชวังออกมาแก้ตัวให้แทนรัฐบาลทักษิณ) แล้วตั้งแต่นั้นมาก็หาเรื่องใส่ร้ายดร.ทักษิณ ในประเด็นทรยศต่อสถาบันตลอดมาจนถึงทุกวันนี้ 

กรณีใหม่สุดก็คือ  ไปโกหกอย่างหน้าด้าน ๆ ทางเอเอสทีวี ว่าทางพลเสื้อแดง ที่ชุมนุมอยู่ รัชมัลาสถานกีฬาแห่งชาติ  เล่นละครให้ร้ายป้ายสี ลำเลิกสถาบันกันอย่างสนุกสนาน  โดยไม่มีความจริงเลยแม้เพียงเล็กน้อย (ขณะนี้โดนฟ้องร้อง จากคุณวีระ มุสิกพงษ์ และพวก  ไม่รอดคุกอีกคดีหนึ่ง)

หลักการโฆษณาชวนเชื่อก็คือ   พูดลวงให้คนเข้าใจผิดไปทางอื่น    เวลาปฏิบัติจริง ๆ  ปฏิบัติไปอีกทางหนึ่งเสมอ   

เป็นเช่นนี้เสมอไป   สำหรับแผนการโฆษณาชวนเชื่อของทีวีโฆษณาชวนเชื่อ  เอเอสทีวี   และบรรดาคนที่ทำเอเอสทีวีทั้งหลาย  จนบัดนี้เอเอสทีวีมีความชำนาญงานในด้าน  การโกหกอย่างไรให้คนเชื่อได้  นี่ ไปไกลยากที่คนทั่วไปจะติดตามเข้าใจได้จริง

แต่เรา(หนังสือพิมพ์ดี) ได้ติดตามมาตลอดจึงรู้ทัน   และนี่คือ  โทรทัศน์ที่เป็นเครื่องมือก่อการร้าย  ไม่ผิดแตกต่างจากวิทยุคอมมิวนิสต์ยุคมีคอมมิวนิสต์ไทย  ที่ชื่อว่า  วิทยุเสียงประชาชนแห่งประเทศไทย  ยุคนั้น

ซึ่งทำการงานอย่างเดียวกันคือ  สร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในระหว่างประชาชนคนทั้งปวง  โดยวิธีการโกหกอย่างไรให้คนเชื่อได้สนิท นั่นเอง

กรณีการทำร้ายชาวบ้านภูมิชรอล  ต.บึงมะลู  ที่อยู่ทางขึ้นเขาพระวิหาร  ด้วยอาวุธทุกอย่าง  กระทั่งปืน  เป็นผลให้ชาวบ้านบาดเจ็บไปร่วม 20 คน นั้น  เป็นสิ่งที่พิศูจน์ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง

ว่า    นี่คือขบวนการโฆษณาชวนเชื่ออย่างแท้จริง

แล้วพอหลังเหตุการณ์   นายจำลอง ศรีเมือง  ก็ออกมาปฏิเสธว่า  นายวีระกระทำไปอย่างที่ไม่มีแกนนำของตนเห็นด้วย......

นี่ก็เป็นการโกหก    ซึ่งคนทั่วไปอาจจะเชื่อก็ได้  (เพราะมองว่าจำลองเป็นนักมังสวิรัติแห่งสันติอโศก)   แต่วันนี้  เราขอให้ท่านยั้งคิดเสียก่อน เมื่อได้ฟังอะไรจากเอเอสทีวี หรือคนจากเอเอสทีวี  หรือจำลอง ศรีเมือง คนนี้ 

เพราะ จำลอง ศรีเมือง(เราได้ประกาศปลดยศ พลตรี ของ จำลองศรีเมืองไปเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่โดนข้อหากบฎ ยึดทำเนียบรัฐบาล  จึงเรียก จำลอง แทน)  ได้อนุญาติให้ญาติธรรมของตนที่สันติอโศก  บ้านกะแชงใหญ่  ศรีสะเกษ   เป็นฐานทัพที่รวมพลของพลนักปลุกระดมพวกนี้มาโดยตลอด    จนร้อนถึงทหารต้องเอารถมารับหนีไปตอนกลางคืน   เหมือนกับคราวเกิดเหตุครั้งก่อน 

ข้อสังเกตก็คือ  การเกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้งขึ้นนี้  ตรงกับวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาทั้งสองครั้ง  วันที่ 19 ก.ย.2552 ตรงกับวันแรม 15 ค่ำเดือน 10  เป็นวันพระ สงฆ์ลงฟังปาฏิโมกข์ ใกล้ออกพรรษาเข้ามาแล้ว  คราวก่อนเกิดเหตุวันที่ 17 ก.ค.2551 ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาคือวันอาสาฬหบูชา ก่อนเข้าพรรษา 1 วัน )   คือในวันที่เกิดเรื่องนี้  ประชาชนชาวไทยพุทธทั้งหลาย  จะพากันเข้าวัดฟังธรรมกัน  จำศีลสงบกัน     เขาสมาทานศีล ห้า บ้าง  แปดบ้าง    จึงมีน้อยคนที่จะละเมิดศีล        ตรงนี้ทางสันติอโศกก็รู้ดี   จึงวางแผนร้ายรุกรบได้โดยง่าย    นี่เป็นแผนชั่วร้ายจริง ๆ  ชนิดที่คิดเอาวันสำคัญทางพระพุทธศาสนามาใส่ในแผนการร้ายด้วย

และมองไปลึก ๆ  นี่คือแผนการสืบสานยุแยกให้แตกไปถึงสถาบันพระพุทธศาสนา
และผู้วางแผนเลวทรามเหล่านี้คือนายสนธิ ลิ้มทองกุล นั่นเอง  เป็นคนอื่นไปไม่ได้ 

ไม่ดูตัวอย่างที่เกิดขึ้นวันเดียวกัน  คือ  แดงทั้งแผ่นดิน นปช. รำลึก 19 ก.ย.2549   คือรำลึก 3 ปีแห่งการรัฐประหารแล้วประเทศไทยได้อะไร  คนมานับแสน ยืนท่ามกลางสายฝนลงมาจนท่วมลานพระบรมรูปทรงม้า  พวกเขาก็สู้อย่างสงบ     นี่คือ อุดมการณ์สันติ-อหิงสา ที่แท้จริง  ซึ่งได้พิศูจน์มาทุกครั้งทุกคราว  รวมทั้งคราว เมษายน 2552

และเราใคร่ขอให้รำลึกว่า  มีคน ๆ หนึ่งคนเดียวเท่านั้นจริง ๆ  ที่เป็นต้นเหตุของปัญหาของประเทศไทยวันนี้  คนเดียว

คือ  สนธิ  ลิ้มทองกุล (เดิมชื่อ  ตั๊บ  แซ่ลิ้ม เป็นจีนอพยพ มาจากตอนใต้ของจีน)

ในด้านความคิดอ่าน  ที่ใช้ในการตัดสินใจ  ของวีระ สมความคิด    ก็คับแคบเหลือเกิน   เพราะเขาไม่เข้าใจกฎหมายนั่นเอง (เป็นทนายความอย่างไรไม่เข้าใจกฎหมาย เป็นนักกฎหมายอย่างไรไม่เข้าใจกฎหมาย?)    มองกฎหมายลายลักษณ์อักษรอย่างเดียวแล้วเอามาตัดสินได้อย่างไร   มันเหมือนเด็กเกินไป  คุณไม่รู้หรือ  มีกฎหมายวัฒนธรรม  ประเพณี  คติ ความเชื่อ และศาสนา สากล-ไทย มาเกี่ยวข้องที่ชายแดนนี้ทั้งหมด   ที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรก็มี  เป็นลายลักษณ์อักษรก็มี   ไทยก็มี  เทศก็มี    ตัวอย่างเช่น

นี่ ก็เป็นกฎหมาย    ไม่รู้หรือยังไง !!!! 

คนศรีสะเกษไม่กลัวพวกเสื้อเหลืองหรอก   เขากลัวเสียมิตรไมตรีกับชาวเขมรเพื่อบ้านมากกว่า

เห็นภาพข่าวทางทีวี ตำรวจวิ่งหนีอันธพาลที่มีอาวุธวิ่งไล่  แล้วเศร้าใจ  ขนาดเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปลอดภัย เก้เก้กังกัง พินอบพิเทาโจร

แล้วชาวบ้านจะพึ่งใคร นี่หรือประเทศไทยดินแดนแห่งพระพุทธศาสนา  ทำไมผู้นำเหล่าทัพทั้งตำรวจ  ทหารทนได้ ทำให้คนไทยเริ่มเห็นพิษแล้วว่าตำแหน่งผู้บัญชาการที่เขาแต่งตั้งกันมา ล้วนไร้น้ำยาได้คนไม่เหมาะกับงาน  งานก็เสีย ขวัญกำลังใจผู้ใต้ บังคับบัญชาก็เสีย และประชาชนสูญเสียความปลอดภัย  ประเทศชาติสูญเสียความน่าเชื่อถือจากนานาประเทศ เห็นฤทธิ์ระบบราชการอำมาตย์แล้วหรือยัง  หากไม่จำกัดให้สิ้นซากประเทศไทยคงต้องย่อยยับ  อย่าลืมสัจธรรมที่ว่า  ชาติต้องอยู่  ประชาชนต้องอยู่  ใครร่วมมือกันก่อกรรมทำเข็ญกับประชาชนจะต้องได้รับกรรมในที่สุด  และคงในไม่ช้านี้ความจริงจะพิสูจน์ความเท็จ 

เรื่องเสียดินแดนนี่  ชาวศรีสะเกษเขาก็ยอมรับตั้งแต่ปี 2505 แล้ว  ที่ทนายความจากพรรคประชาธิปัตย์ไปว่าความแพ้เขา    ก่อนไปก็คุยอย่างเพ้อเจ้อเลยว่า ชนะเขมรแน่ชาวไทยไม่ต้องห่วง  ระดมบริจาคค่ารถค่ารากันดีกว่า  ผมก็เสียไป2บาท   พอแพ้ก็มีข้อแก้ตัวมากมาย   อย่างที่คนพรรคประชาธิปัตย์เป็นอยู่ทุกวันนี้แหละ    คราวก่อนได้เป็นรัฐบาลก็โจมตีรัฐบาลสมัคร-สมชาย  ว่าทำไมไม่ทำอย่างนั้นไม่ทำอย่างนี้    พอตนได้เป็นรัฐบาล  ก็พิสูจน์อีกครั้งว่าเด็ก ๆพูด    แล้วบัดนี้เขมรสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 สาย จากดินแดนเขมร ผ่านเขตทับซ้อน 4.6 ตร.กม.เข้าไปปราสาทพระวิหาร  เป็นรูปธรรมจริง ๆ  รัฐบาลอภิสิทธิ์ว่าอย่างไร

เสียดินแดนซ้ำอีกครั้งหนึ่งใช่ไหม?

ฟังคุณวีระ  สมความคิดหน่อยซี  ถึงแกจะมาตีกับชาวศรีสะเกษ ๆ ก็ไม่ว่าแกหรอก เพราะเราใจนักเลงพอ   คุณยังรู้จักชาวศรีสะเกษน้อยไป   เราชั่งตรองไม่ต่างจากตราชั่งแห่งความยุติธรรม   ในกรณีนี้ เราขอบคุณเขานายวีระ  สมความคิด  ที่ช่วยยืนยันให้ว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์  โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  ร่วมกับ  กษิต  ภิรมย์   ทำให้ไทยและชาวศรีสะเกษเสียดินแดนอีกครั้งหนึ่ง

เน้นย้ำลงไปอีกว่า   ประชาธิปัตย์กับคนศรีสะเกษนี่  ไม่มีวันที่จะดีกันได้

เพราะประชาธิปัตย์ ทำให้ชาวศรีสะเกษต้องชอกช้ำ  เขาไม่ลืมหรอก

แถมหน่อย   อย่าดูถูกทหารเขมรเขาน๊ะ    เกิดเหตุมาหลายครั้งแล้ว  เห็นไหมมีแต่ทหารไทยตาย

คิดว่าอย่างไรจะชนะเขาน่ะ    ทหารเขามีประสบการณ์มากกว่า   เขาไม่ใช้เงิน แต่ไทยไม่มีเงินรบไม่เป็น   เหมือนกับทางใต้สมัยนี้เลย

ทหารเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ    ผบ.ทบ.ก็เหมือน  ....  ในหัวกะโหลกมีแต่ ......   ฟังเอเอสทีวีด่าเอาดีกว่า 

แล้วอย่างไรล่ะครับ    คุณสุเทพ  เทือกสุบรรณ   ฝ่ายความมั่นคง    อยู่นี่   คุณกษิต  ภิรมย์  ก็อยู่นี่     และคณะรัฐมนตรีก็มีอยู่นี่
 

ขณะนี้ฟัง ทราบ  เหตุการณ์   อะไรเป็นอะไร       เสียดินแดนไปแล้วอย่างไร 

แล้วมี   Decision  Making   อย่างไร ?    ด่วน  !!!!!!!!

กลาโหมว่าไง ?     รบหรือไม่รบ    ถ้าจะรบก็ต้องทำเดี๋ยวนี้  สั่งการ บุกเข้ายึดพื้นที่ที่ทับซ้อน 4.6 ตร.กม.ทันที 

หรือจะเจรจา   แต่เจรจาอย่างไร?     เข้ายึดก่อนเจรจาหรืออย่างไร?   ตามหลักก็ต้องอย่างนี้ 

โดยทฤษฎีสงคราม   รัฐบาลสุเทพ-อภิสิทธิ์ ต้องเลือกอย่างเด็ดขาด       เดี่ยวนี้ !!!  (ชิงลงมือก่อน)

แต่เราขอเตือนว่า  ทั้งสองวิธี  ไม่ว่าเลือกวิธีไหน    ต้องอยู่ที่คนทำ  

เราหมายความว่า  รัฐบาลอภิสิทธิ์ ทำอะไรไม่ได้หรอก (เด็กเกินไป)  

นี่คือสภาวะที่ประเทศไทยจะเข้าสู่สภาวะที่น่าสมเพชที่สุด   

•  รักไท ดำรงธรรม 

มองสถานการณ์แล้ว  นี่เป็นสถานการณ์ทางทหารอย่างแน่นอน   มีความชอบธรรมที่ทหารจะต้องปฏิบัติการทันที   นั่นคือเหตุผลที่แผ่นดินไทยได้รับการรุกราน 

และเวลาที่เหมาะสมก็คือขณะนี้   ทันที

แล้วใครจะตัดสินใจ  ถ้าไม่ใช่  ทหาร และ รัฐบาล

ทหารไทยไม่เคยใช้หัวเรื่องนี้ไว้เลยหรืออย่างไร  ชุ่ยแท้  ?

น่าจะไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรที่ทหารไทยจะเข้ายึดที่ทับซ้อน 4.6 ตร.กม.นั้นไว้ก่อน  เพื่อประโยชน์ทางการเจรจา  (แล้วคืบไปยึดปราสาทเขาพระวิหารทีหลังไง!!!!!)

เหตุผลคือเขมรรุกรานไทยก่อน    ใครจะอาจโต้แย้งได้  ?????????

ว่าไง !!!!!!!    คิดแล้วไง ?????

เขมรรุกรานแผ่นดินไทย 

ไม่ป้องกันแผ่นดินไทยแล้วหรือ   ??

ทหาร   ว่าอย่างไร  ?      ระวัง    timing  จะเลยไปก่อน

ต้อง  เดี๋ยวนี้.......

เห็นไหมครับ คุณคมคาย คิดดค้น ครับ   ผมบอกแล้วว่า  แผนการที่ดี  หรือทหารก็ต้องพูดว่า  ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีที่ดี  จะต้องมีคนทำที่ดีพอกันด้วย   ผมบอกแล้วไง รัฐบาลนี้เด็กเกินไป  และทหารก็ทึบเกินไป    คิดการณ์ตามยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีที่คุณเสนอไม่ได้หรอก   และขณะนี้จะเห็นเลยว่า  กัมพูชา โดยสมเด็จฮุนเซ็น  เขาเข้าใจทางยุทธศาตร์และยุทธวิธีทางทหารอย่างทะลุปรุโปร่งไปทุกขั้นตอนการทำศึกไปแล้ว   ในขณะที่ทางทหารไทยงุ่มง่าม ๆ และทึบ    เขมรเขาไปไกลถึงพันธมิตร คือศาลโลกแล้ว     จะต้องเร่งเจรจา  ขณะนี้รัฐบาลจะต้องเร่งการเจรจา เพราะทางเขามีสิทธิ์เต็มที่ที่จะฟ้องศาลโลกอีกครั้ง  และอ้างแผนที่ฝรั่งเศสแผ่นนั้น  แผ่นเดียวกับที่เราเสียปราสาทเขาพระวิหาร

เพราะเราเสียปราสาทพระวิหาร เพราะแผนที่แผ่นนั้น    และแผนที่เราที่อ้างสันปันน้ำนั้น  ศาลโลกเขาไม่ฟังเรา   แผนที่เราสู้ของเขาไม่ได้   หากเขายื่นฟ้องไปอีก  เขาก็อ้างแผนที่ฉบับเดิม  เราก็แพ้  และเสียแผ่นดิน ที่เราอ้างว่าที่ทับซ้อนนั่น    ฉะนั้นรัฐบาลต้องเร่งเจรจา   ด่วน

เพราะขณะนี้เลยเวลาที่จะใช้ทหาร  ซึ่งหากจะใช้ทหารก็ต้องใช้ตามแผนของคุณคมคาย  เนื่องเพราะ  timing  ผ่านเลยไปแล้ว

การเจรจาต้องอ้างความเป็นเพื่อน ความเป็นพี่ เป็นน้อง   ความเป็นญาติ เผ่าพันธ์เดียวกัน  และประโยชน์ร่วมกัน  และวัฒนธรรมที่ร่วมกันสองแผ่นดินมายาวนาน  ใช้แผนของ บุษบา บุญเสฏฐ์ นะครับ

ชอบความคิดของ ธนสิทธิ์ พิมพ์พิจักร ในกระทู้  ผู้นำเหล่าทัพ  คัดเอามาลงช่องนี้ก็เหมาะดี เชิญติดตาม  บก.

บังมันไปเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองชื่อ  พรรคมาตุภูมิ  แล้ว 

นี่คือวิธีเอาตัวรอดของบังมัน  ๆ ทำทุกท่าเลย

อย่านึกว่ามันจริงใจล่ะ    เปล่า   มันแฝงเร้นตัวเองไปจากโทษพัณฑ์อันยิ่งใหญ่  คือปล้นชาติ ปล้นประชาชน 19 ก.ย. 2549

มันยังคงเป็นนักโทษอยู่  อย่าลืมให้ของขวัญมันเมื่อเจอ

FMTV  หรือในความหมายใหญ่โต โทรทัศน์เพื่อมนุษยชาติ  For Mankind Television  วันนี้ 4 มี.ค.2553  เป็นโทรทัศน์พวกสันติอโศก  วันนี้มีการประชุมกลุ่มคนที่น่าสงสาร  หงอยเหงา  เศร้าใจ  ไร้ความหวังในชีวิต    ปรับทุกข์กันเบา ๆ  และหวังว่าทหารคงจะคุ้มครองเรา  (...จากกระแสไหลหลากของคนเสื้อแดงในไม่กี่วันข้างหน้า...)  มีวีระ สมความคิด ผู้ถูกยกย่องขึ้น ณ ที่นั้นว่าเป็นคนดีที่หาได้ยาก   ที่ทำประโยชน์แก่คนอื่นและแผ่นดิน  โดยไม่หวังค่าตอบแทนใดใด    แต่เมื่อถามว่าใครจะเป็นผู้นำวันนี้  ก็ยกให้พ่อท่านไปหมด

ไม่มีอะไรควรพูดถึง  นอกจากบันทึกเอาไว้บ้าง   ว่าน่าสงสารประชาชนกลุ่มนี้จริง ๆ    วันนี้เหมือนขวัญกระเจิง   แต่ไม่รู้จะไปไหนได้ เพราะคนทั้งหมดในลัทธิสันติอโศก ล้วนเสียสละบ้านเรือน อาชีพ แม้กระทั่งเครือญาติ บิดามารดา  มาร่วมสู้ชีวิตตามลัทธิสันติอโศก    วันนี้ทิศทางกลายเป็นการหลอกใช้ประชาชนเพื่อผลประโยชนทางการเมืองไปเสียแล้ว  และเมื่อหมดตัวเสียแล้วเช่นนี้  จะไปแห่งใดกันได้เล่า   ต้องก้มหน้ารับชะตากรรม    และทั้งยอมรับธรรมะ  เสียสละ  ทำดีโดยไม่เอาอะไรตอบแทนต่อไปชั่วชีวิต ...  ซึ่งนั่นมิต่างจากระบอบทาสเท่าไรเลย..............  อีกไม่นานนัก  พวกเขาก็จะได้กลิ่นของเสรีภาพ   และดิ้นรนไปสู่ เสรีภาพ  และต่อสู้ปลดปล่อยตัวเองพ้นจากระบอบทาส  แห่งสันติอโศก   มาเป็นไท  และเป็นประชาธิปไตย   เป็นคนเสื้อแดง    

รวมทั้งนักบวชสีกรัก  โง่ ๆ   เหล่านั้นด้วย

แล้วโพธิรักษ์เจ้าลัทธิ ผู้หลอกลวง  ก็มาพูดถึงธรรม  ว่าด้วยความหยุด  พูดไปด้วยน้ำตาไหลไปด้วย   สะอื้นไปด้วย    แล้วมาตอบปัญหา  มีคนถามว่าคุณสมบัติพระอนาคามี เป็นอย่างไร?    ..........   จะไปถามทำไม  คนตอบเป็นนักบวชธรรมดา ๆ  ไม่ใช่อริยบุคคลจะตอบได้หรือ     แม้เป็นพระโสดาบัน  ก็ตอบไม่ได้ เพราะต้องให้ระดับเหนือกว่าจึงจะตอบได้    และถึงจะตอบได้ก็แค่หลอกลวง  หรือไม่มีใครรู้ว่าตอบถูกหรือตอบผิด ..................โธ่เอ๋ย.......จะตอบได้อย่างไร.....   ขนาดถามว่า  ไปยึดทำเนียบรัฐบาลอยู่ 193 วัน ผิดระดับกบฏรู้หรือเปล่า   ..........    ก็ยังตอบไม่ได้เลย    ไปยึดสนามบินนานาชาติ  ผิดไหม  ?   ก็ไม่รู้ .............  นอกจากนั้น  โพธิรักษ์แห่งสันติอโศกนี่แหละ พานักบวชของตนไปล้อมวงรักษาแกนนำม็อบ ทั้ง 5  คือ  สนธิลิ้ม เจ้านายของเขา   จำลอง ศรีเมือง  สุริยะใส  .......จำไม่ได้  อีก2 คน   

แต่ที่ตอบไปก็มีนัยยะว่าจะอวดสานุศิษย์โง่ ๆ ว่าตนเป็นพระอรหันต์ละมั้ง !!!!!!!     ลุกศิษย์ก็จะนับถือว่า   นี่เป็นพระอรหันต์แห่งยุคนี้................ก็คงจะเป็ฯเพราะเหตุนี้ละกระมัง................

แล้วเฉลยว่า  อนาคามี  เป็นอย่างไร...........  ฟังก็ไม่รู้เรื่อง.........................

ได้ยินแต่ว่า   ไม่กลับมาเกิดอีก   

โสดา  สกิทา   มาเกิดอีก    แต่อนาคา  ไม่มาอีก..................  บ๊ะ   ฟังไม่เข้าใจ...............

เอาแบบพระพุทธองค์ตรัสดีกว่า   ทรงตรัสว่า   อย่าเชื่อ.............(ในกาลามสูตร)    ขนาดไม่ให้เชื่อตำรา  ไม่ให้เชื่อครูบาอาจารย์  .....  โพธิรักษ์ผู้พูดนี่  ไม่ได้เป็นอะไรกับเราสักอย่าง   เราหรือจะเชื่อ......................

นี่พูดเลยไปถึงพระอรหันต์  พระโพธิสัตว์โน่น   คุยด้วยว่ารู้ด้วยญาณปัญญา..............

ว่าไปชุมนุมเป็นการไปแสดงธรรม................ ว่าไปโน่น............

แล้วด่าแดง   ว่าโกหก   แล้วชักจูงให้พวกตนออกไปชุมนุม  ออกไปให้มาก ๆ   ไปแสดงธรรม  

ฟังไว้นะ    นี่คือนักบวชมาเล่นการเมืองโดยตรง    ชักชวนพรรคพวกของตนให้ออกไปชุมนุม  ถ้าแดงออกมาล้าน พวกเราต้องล้านกว่า..............

การพูดนี้บ่งนัยยะอะไร..........   บ่งถึงจะมีการจัดม็อบชนม็อบหรืออย่างไร...............เสื้อแดงควรรับทราบไว้ด้วย....

 นายวีระ  สมความคิด  กับ หัวหน้าชุมชนสันติอโศก   บอกคราวนี้ไม่กล้านำแล้วเพราะอยู่ในบัญชีดำ 50 คน จะเป็นที่สังเกต   ควรให้พ่อท่านโพธิรักษ์นำ เพราะท่านมีบารมีมาก...............

ระวังก็แล้วกัน   เป็นนักบวชจะนำประชาชนไปก่อกวนได้อย่างไร..............?   หรือจะอาสาเป็นแพะรับบาป  เพื่อปลุกระดมมวลชนตามหลักการโฆษณาชวนเชื่อ .....

มีคำถามคล้ายอโศกเสื้อแดงแทรกในนั้น ว่า   เสื้อแดงเขาจะรับมุขของเราได้หรือคะ?      ตอบ..... ถ้าคิดเช่นนั้น เราจะเชิญออกไป   เอาแต่ผู้ที่กลมกลืนกันดีไปด้วยกันเท่านั้น.....

คนเราเกิดมาเพื่ออะรครับ?.......... ตอบ.......... เกิดมาเพื่อตาย..........แต่ก่อนตายต้องทำงานก่อน    ทำงานที่ไม่เป็ฯโทษ.........  แล้วงานยึดทำเนียบ   ยึดสนามบิน.........  เป็นงานดี เป็นสุคตานัง ธัมมานังหรือ?       โง่...ไร้สติสตังจริง.........

บางที  ถึงเป็นครูบาอาจารย์เขา   ก็ควรสังเกตบ้างว่าลูกศิษย์อาจจะบรรลุปัญญาที่เหนือกว่าเรา หรือรู้กโลบาย ยุทธวิธี ดีกว่าก็ได้ ........อย่าลืมว่า  จิตวิทยา นี้ มีหลายแขนงเหลือเกิน......    บางที่เราอาจจะพูดถึงอะไร .......ตำหนิอะไร ๆ ........ที่เรายังไม่รู้จักจริง ๆ ก็ได้...........   คือเราเผลอไปด่าสิ่งที่เรายังไม่รู้  ................ โดยนึกว่าเรารู้......หรือบนฐานความรู้ของเราที่ยังไม่พหูสูตรจริง .......ก็เสียหายแก่ตัวเอง   ไปรู้ทีหลังจะเสียใจ................  อีกอย่างหนึ่งเราไม่ต้องแสดงว่าเรารู้........ทำเป็นโง่เสียบ้าง      ก็ไม่เห็นเสียหายอย่างไร     ดีกว่าจะโอ้อวดไปผิด ๆ  น่าอาย  ................เช่นเคยอวดว่า......ไม่กราบไหว้พระพุทธรูป  .......  แต่บัดนี้น่าอายไหม   สร้างพระพุทธโตขึ้นมา............ แล้วก็กลับกลอกอ้างเหตุผลต่าง ๆ   .......  คล่องในการอ้างธรรมกลอกกลิ้งไปต่าง ๆ  .............. วาจาไม่คงเส้นคงวา  ปรากฎเช่นนี้แล้ว   ไม่อายหรือ?  แล้วยังคิดว่าตนเป็นพระอริยบุคคลโสดาบันได้อยู่อย่างไร

ผู้ถูกแผ่นดินสูบมีกี่คน.................  จำแม่นจำได้ว่ามีเทวทัต   คนอื่นมีกี่คนตอบไม่ได้.........

วันนี้ดูหงุดหงิดหน่อยนะ.......  คำถามแทบทุกข้อคล้ายจะลองภูมิ   ลองดี.......  

แล้ววกมาถึงคนสำคัญ.....ว่าคุณทักษิณ นี่แหละก่อกรรมทำเข็ญยิ่งใหญ่  อาตมาเห็นว่ายิ่งกว่าซูฮาโต    ....................   ว่าอาตมาไม่เกลียดไม่ชังหรอก   ............

ก็จริง............คุณไม่เกลียดไม่ชัง  แต่อิจฉาริษยาจัด  เป็นพวกจิวยี่ไงล่ะ......

...เขาตลบแตลง... กลับตัวยังไม่กลับ   จะกลับใจอย่างไร    นี่เหยียบคันเร่งแล้วดับเครื่องชนเลย

ก็จริง   ยากกกสสสส์   ที่คุณทักษิณจะกลับใจ..........(เพราะคนอย่างทักษิณก็เป็นทักษิณ  ไม่เข้าใจปรัชญาของผู้ยิ่งใหญ่หรืออย่างไร)

อ้าว!!!!!!  แล้วเรื่องอะไรของโพธิรักษ์ นักบวชวิปริตผู้กินเยี่ยวตนเองล่ะ

แล้วทันใดมีเด็กมาส่งกระดาษคำถามว่า   "พ่อท่านปากกะใจไม่ตรงกันนะ"........ เขาว่าปากกับใจไม่ตรงกัน........................เห็นไหม ขนาดในสันติอโศกยังมีคนรักทักษิณ .....

เขาให้แปลสุภาษิตอีสาน.......ประชาชนได้แต่นั่งพ่อว่อ บ่มีปากมีเสียง.........ไม่รู้หรือ เขาหมายถึงโพธิรักษ์นี่แหละ   อวดรู้อยู่คนเดียว ไม่ให้เถียง   .......  คงรู้ตัวเอง กล้ำกลืนน้ำตาตกใน........ ลูกศิษย์คิดทรยศ  มากขึ้นทุกที ๆ