เป็นเวลาอาหารกลางวันสองสามสัปดาห์ก่อนวันคริสต์มาส ผ่านต้นไม้ในล็อบบี้อันหรูหราของโรงแรมคลาริดจ์ในลอนดอน เดินทอดน่องกับชายผู้ซึ่งสวมแว่นตาทรงแปดเหลี่ยม สวมแจ็กเก็ตคนงาน กางเกงยีนส์ และรองเท้าผ้าใบ ดูไม่เข้าท่าสักนิด เมื่อติดตั้งในห้องของเขาแล้ว Tony Kushner ก็อยู่ในองค์ประกอบของเขาทั้งหมด ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับศิลปะ ประวัติศาสตร์ และการเมืองหลั่งไหลออกมาในเวลาเพียงเล็กน้อย เขาอ้างอิงนักเขียนจาก Conor McPherson ถึง Robert Lowell ให้ข้อมูลเชิงลึกอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับ Othello (เขากล่าวว่าบทละครโหดร้ายเกินไปสำหรับเขาในการชมการผลิตใหม่ของ National Theatre ในทริปนี้) และใน 50 นาทีที่เราคุยกัน ทำให้ฉันกว้างขึ้น คำศัพท์สามคำ (abreacting, recrudesce and armamentarium)

 

ไม่ยากที่จะเข้าใจว่าทำไมสตีเวน สปีลเบิร์กถึงเลือกให้เขาเขียนบท (หรือร่วมเขียนบท) สำหรับภาพยนตร์สี่เรื่องของเขา ได้แก่ มิวนิก, ลินคอล์น, เวสต์ไซด์สตอรี่ และเรื่องล่าสุดของเขาคือ The Fabelmans คุชเนอร์อาจเป็นนักเขียนบทละครที่มีชีวิตที่สำคัญที่สุดของสหรัฐฯ Angels in America ความยาวสองตอนความยาวแปดชั่วโมงของเขากลายเป็นจุดสังเกตของละครเวทีในการแสดงละครบรอดเวย์เปิดตัวครั้งแรกในปี 1993 การฟื้นฟูในปี 2017 เน้นย้ำถึงหมัดเด็ดและไหวพริบ

 

The Fabelmans เป็นแบบบ้านๆ มากกว่าและเป็นตำนานน้อยกว่าบาคาร่า แม้ว่าจะมีธีมบางอย่าง เช่น ครอบครัว การล่วงละเมิด พลังแห่งศิลปะที่คาดเดาไม่ได้ ซึ่งคุ้นเคยจากผลงานชิ้นก่อนๆ ของ Kushner เขียนบทร่วมกับสปีลเบิร์ก เป็นภาพยนตร์ที่อบอุ่น กระตุ้นอารมณ์ แต่ยังละเอียดอ่อน โดยอิงจากชีวิตในวัยเด็กของผู้กำกับ บอกเล่าเรื่องราวว่าเขามาเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ได้อย่างไรท่ามกลางการแต่งงานที่ซับซ้อนของพ่อแม่ ชายสองคนทำงานกับสคริปต์ในช่วงล็อกดาวน์ คุชเนอร์ประหลาดใจที่ร่างแรกเสร็จสิ้นในสองเดือน West Side Story ใช้เวลาหนึ่งปีกว่าจะถึงจุดนั้น และลินคอล์นก็สี่โมงครึ่ง Kushner กล่าวว่า The Fabelmans “เพิ่งจะไหลออกมา” “มันสนุกมาก – และฉันไม่เคยสนุกกับการเขียนเลย”

 

มิเชลล์ วิลเลียมส์ (ที่สองจากขวา) แสดงเป็นมิตซีใน The Fabelmans

มิเชลล์ วิลเลียมส์ (คนที่สองจากขวา) แสดงเป็นมิตซีใน The Fabelmans ซึ่งมีลักษณะนิสัยเหมือนกันกับแม่ของสปีลเบิร์ก ภาพถ่าย: Merie Weismiller Wallace/AP

 

คุชเนอร์อายุน้อยกว่าสปีลเบิร์ก 10 ปี และบทละครเชิงปัญญาที่แผ่กิ่งก้านสาขาของเขาอาจดูเหมือนตรงกันข้ามกับ ET แต่ชายทั้งสองมีสิ่งที่เหมือนกันหลายอย่างเช่นกัน พวกเขาเป็นชาวยิว ฝ่ายซ้าย และทั้งคู่มีมารดาที่เป็นนักดนตรีอย่างจริงจัง ใน The Fabelmans มิตซี รับบทโดย มิเชลล์ วิลเลียมส์ ระบายความคับข้องใจเกี่ยวกับชีวิตครอบครัวลงในเปียโน ซิลเวียแม่ของคุชเนอร์เป็นนักเล่นบาสซูนมืออาชีพที่บันทึกเสียงกับสตราวินสกี แต่อาชีพของเธอสิ้นสุดลงเมื่อเธอมีลูกคนแรก ทารกเกิดมาหูหนวก Kushner กล่าวว่า "และพ่อแม่ของฉันก็รับไม่ได้จริงๆ" โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพี่ชายของ Sylvia ซึ่งเป็นนักจิตวิเคราะห์บอกเธอว่าลูกสาวของเธอหูหนวกเพราะ "คุณไม่มีแม่"

 

ซิลเวียเลิกเล่นบาสซูน และครอบครัวก็จัดการกับรายได้ที่ลดลงด้วยการย้ายไปลุยเซียนา ซึ่งพ่อของเขาซึ่งเคยเป็นนักคลาริเน็ตมาก่อนได้เข้าร่วมธุรกิจไม้ของพ่อของเขาเอง “ฉันคิดว่าตลอดช่วงชีวิตที่เหลือของแม่ฉันมีความรู้สึกโล่งใจอย่างลับๆ เพราะฉันคิดว่าเป็นเรื่องยากสำหรับแม่ที่ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นผู้ชายและมีการแข่งขันสูง” คุชเนอร์กล่าว “แต่ฉันก็คิดเหมือนกันว่าเธอมีความรู้สึกสูญเสียและความภาคภูมิใจในอาชีพที่บอบช้ำ”

 

มีวิภาษวิธีอันทรงพลังในภาพยนตร์ของสตีฟ เกี่ยวกับความตึงเครียดระหว่างความปลอดภัยและอันตราย

ใน The Fabelmans แซมมี่ ลูกชายผู้คลั่งไคล้ภาพยนตร์ นำกล้องของเขาไปตั้งแคมป์ในวันหยุดของครอบครัว และลงเอยด้วยการจับภาพหลักฐานบางอย่างที่คุชเนอร์กล่าวไว้ว่า “ไม่ได้ถูกซ่อนไว้จริงๆ แต่ทุกคนมีการลงทุนอย่างลึกซึ้งในการไม่ เห็น”. สิ่งนี้เกิดขึ้นกับสปีลเบิร์กและครอบครัวของเขา เดิมทีเขาเล่าเรื่องให้คุชเนอร์ฟังเมื่อพวกเขาเพิ่งเริ่มถ่ายทำมิวนิค The Fabelmans พรรณนาเหตุการณ์นี้ว่าเป็นเหตุการณ์พื้นฐานที่ความเชื่อมั่นของครอบครัวและบ้านกลับหัวกลับหาง ทำให้ชีวิตของสปีลเบิร์กอยู่ในแนวทางใหม่ “มีวิภาษวิธีที่ทรงพลังจริงๆ ในภาพยนตร์ของสตีฟ เกี่ยวกับความตึงเครียดระหว่างความปลอดภัยและอันตราย และบ้านเป็นสถานที่ซึ่งถูกคุกคามจากกองกำลังภายนอกและภายใน” คุชเนอร์กล่าว เช่นใน Close Encounters of the Third Kind ภาพยนตร์เรื่องโปรดของคุชเนอร์ ซึ่งพ่อสร้างแบบจำลองของยูเอฟโออย่างหมกมุ่นหลังจากยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวบินผ่านรถบรรทุกของเขา

 

The Fabelmans แสดงให้เห็นว่าการสร้างภาพยนตร์เป็นวิธีการเข้าควบคุม ปลดปล่อยอารมณ์รุนแรง หรือ “ขจัดความกลัวที่ก่อกำเนิดโดยอันตรายของโลก” ดังที่คุชเนอร์กล่าวไว้ แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังแสดงให้เห็นด้วยว่าวิธีที่ผู้ชมหรือผู้ชมจะตอบสนองนั้นค่อนข้างจะอยู่นอกเหนือการควบคุมของศิลปิน ในอีกเหตุการณ์หนึ่งที่นำมาจากชีวิตของสปีลเบิร์ก แซมมี่ ฟาเบลแมนถ่ายทำภาพยนตร์การพบปะกันของโรงเรียนมัธยมปลาย และพยายามยั่วยวนตัวเองกับนักกีฬาคนหนึ่งที่รังแกเขาด้วยการพรรณนาเขาบนหินกรวด