| |||||||||
เคยอ่านเจอว่า สมถกรรมฐาน อาจจะทำให้หลงใหล เป็นอัตตา | |
เคยอ่านเจอว่า สมถกรรมฐาน อาจจะทำให้หลงใหล เป็นอัตตา
เพราะได้มาซึ่ง การรู้ใจคน หูทิพย์ ตาทิพย์ รู้อนาคต และระลึกชาติได้
ซึ้งทำให้หลง และไม่อาจก้าวข้ามไปยังขั้น วิปัสนากรรมฐาน เพื่อมรรคผลนิพพานได้
แสดงว่า นี้ก็เป็นด่านสำคัญอีกด่าน
ผมเข้าใจถูกต้อง หรือไม่ครับ ผมอาจจะใช้คำผิดบางคำครับ ขอโทษด้วยนะครับ | |
ผู้ตั้งกระทู้ ประกายดาว :: วันที่ลงประกาศ 2008-07-09 21:37:52 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (1314525) | |
ประเด็นนี้ อยู่ที่ความเข้าใจว่า สมถกรรมฐานคืออะไร และเกี่ยวข้องหรือมีสัมพันธ์อย่างไรหรือไม่กับสิ่งที่อ้างถึง คือ หลงไหล สมถกรรมฐานทำให้คนหลงไหลเป็นอัตตาจริงหรือไม่? สมถกรรมฐานทำให้รู้ใจคน มีหูทิพย์ ตาทินย์ รู้อนาคต และระลึกชาติได้ ซึ่งทำให้หลง และไม่อาจก้าวข้ามไปยังขั้น วิปัสนากรรมฐานเพื่อมรรคผลนิพพานได้ จริงหรือไม่? ฉะนั้น ถ้าเราต้องการผล มรรคผลสูงสุด ถึงอย่างไรบุคคลใดต้องปฏิบัติสมถกรรมฐานให้สำเร็จให้ได้ ก่อน อย่างขาดไม่ได้อยู่แล้ว ส่วนเรื่องกาอาจจะทำให้หลงใหล เป็นอัตตา เพราะได้มาซึ่ง การรู้ใจคน หูทิพย์ ตาทิพย์ รู้อนาคต และระลึกชาติได้ ซึ้งทำให้หลง และไม่อาจก้าวข้ามไปยังขั้น วิปัสนากรรมฐาน เพื่อมรรคผลนิพพาน หรืออุปสรรคประการต่าง ๆ ที่ไม่อาจจะบรรลุถึงวิปัสนากรรมฐานได้นั้น ก็ต้องค่อยขจัด หรือแก้ไขไป กล่าวอีกอย่างหนึ่ง ปัญหาเป้นเรื่องธรรมดา ที่ต้องเจอ ก็ต้องแก้ไขไป เพราะถ้าไม่แก้ไขก็เดินต่อไปสู่เป้าหมายมรรคผล นิพพดานไม่ได้ ถ้าเราฝึกสมาธิ จะสังเกตได้ว่า สมาธินี่แหละเป็นวิธีฝึกที่สำคัญทางสมถกรรมฐานอย่างหนึ่ง เมื่อเรานั่งสมาธิสำเร็จในระดับจิตนิ่งได้ ไม่กวัดแกว่ง จิตอยู่กับที่ สบาย เหมือนนอนในอู่ นั่นแหละคือสภาวะสมถะ จะเรียกว่าสมาธิระดับนั้นคือ สมถกรรมฐานก็ได้ ต่อเมื่อสมาธิเจริญไปถึงระดับอัปนาสมาธิ จิตจะว่าง เบา เหมือนไร้ตัวตน เหมือนไม่รู้สึกตัวว่านั่งอยู่กับพื้น เหมือนลอยกลางอากาศ นั่นแหละสภาวะของวิปัสนากรรมฐาน สมองจะโล่งปลอดโปร่ง วิปัสนากรรมฐานหมายความถึงมันสมองคิดที่มีประสิทธิภาพในการคิดอย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะคิดในเรื่องใด ถ้าคิดเรื่องไตรลักษณ์ ก็จะเป้นประโยชน์ทางการรู้แจ้งสัจธรรม บรรลุธรรมได้ ถึงขั้นพระอรหัตตมรรค อรหัตผลได้ หรือคิดไปเรื่องอื่น ก็อาจเกิดตาทิพย์ หูทิพย์ ระลึกชาติ ฯลฯ ไปได้
ฉะนั้น บางทีเรื่องราวที่อ้างมาคือหูทิพย์ ตาทิพย์ รู้อนาคต และระลึกชาติได้ จึงเป้นผลจากสมาธิตามระดับขั้นตอนของสมาธิ ซึ่งจะเป็นผลให้สภาพจิตใจละเอียดอ่อนลงไปตามระดับของกรรมฐานที่จิต ที่จริงเราจะเข้าใจเอาง่าย ๆ ก็ได้ว่า จิตเป็นสมถะ หรือจิตเป็นวิปัสนา ก็จะเข้าใจง่ายกว่า โดยบ่งถึงลักษณะละเอียดของจิต ความโปร่งโล่ง สะอาดของจิต ถ้าอยู่ในระดับจิตเป็นสมถะนั้นก็ดีหน่อยก็ตรงที่จิตรู้จักอยู่กับที่ได้ ไม่วุ่นวาย วอกแวก ซัดส่ายไปตามอารมณ์ภายนอก ทำให้นิ่งสบายในอู่นอน และจิตวิปัสนานั้นหมายถึงจิตที่สะอาดขึ้น ฉลาดรู้ขึ้น และมีปัญญาขึ้น นั่นเอง มีความละเอียดกว่าจิตสมถะ ถ้าเราศึกษาจากตำรา ยิ่งดูหลายตำราก็จะยิ่งสับสน แต่ถ้าเราเริ่มปฏิบัติธรรม ให้ทราบลักษณะของจิตที่หยุดนิ่ง สบาย เราก็จะเข้าใจทันทีด้วยตนเองว่ามันไม่เหมือนที่ตำราว่าไว้ เพราะภาษาไม่ตรงกับสภาพที่เป้นจริงของสมถกรรมฐาน หรือ ภาษาไม่ตรงกับเนื้อธรรมะที่แท้จริงนั่นเอง จึงขอให้ดูตำราเพื่อนำไปเป็นแนวทางปฏิบัติ อย่าดูตำราแล้วเชื่อเลยว่าต้องเป็นไปเช่นนั้นตามตำรา จะเชื่อก็ต่อเมื่อปฏิบัติดูแล้ว เห็นจริงแล้ว ก็จะไม่มีข้อสงสัยจากตำราอีก มีอะไรที่เกี่ยวกับปัญหาที่ถามมานี้อีกมากเลยทีเดียว จะค่อย ๆ อธิบายให้เข้าใจไปในเชิงปฏิบัติไปเท่าที่เหตุการณ์อำนวย
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น พระอาจารย์พยับ ปญฺญาธโร (newworld_believe-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2008-07-14 00:10:16 |
ความคิดเห็นที่ 2 (1379005) | |
คุณประกายดาว โปรดอ่านกระทู้ของนศ.มจร.ที่เกี่ยวข้องกับปัญหานี้ คลิกเข้าไปดูได้เลย | |
ผู้แสดงความคิดเห็น พระอาจารย์พยับ ปัญญาธโร (newworld_believe-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2008-10-30 21:51:20 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 157457 |