ReadyPlanet.com
dot


ธรรมะ


เมื่อกล่าวถึงพื้นฐานความต้องการของคนเรา สิ่งหนึ่งที่ทุกคนมีคล้าย ๆ กันคือ "ต้องการรับรู้ความจริงในทุกเรื่อง" โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ล้วนต้องการที่จะรับรู้ว่าเป็นความจริงหรือไม่อยู่เสมอ แต่ก็มีปัญหาตามมาอีกว่าพอเราต้องการทราบความจริง แต่ไม่มีวิธีการรองรับข้อมูลที่ผ่านเข้ามา จึงทำให้ปฏิเสธความจริงที่ได้รับรู้เรื่อยมา เมื่อเป็นเช่นนี้เราจึงต้องกลบเกลื่อนหรือหลีกเลี่ยงการรับรู้ความจริงนั้น โดยการให้ความเท็จเข้ามาแทนที่อยู่ร่ำไปกระทั่งเสพคุ้นอยู่กับความลวงในความรู้สึกจนเคยชิน ทำให้เรากลับกลายเป็นคนที่รู้ความเท็จว่าเป็นความจริง ทำให้ความลวงในความรู้สึกปิดทับความจริงไปโดยปริยาย สุดท้ายจึงตกเป็นทาสของข้อมูลอันเป็นเท็จอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าเปิดใจยอมรับเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวต ไม่ว่าเรื่องนั้นจะดีหรือร้ายอย่างไร เราก็พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งที่ผ่านเข้ามานั้นอย่างมีสติ ทให้มีโอกาสที่จะเห็นประจักษ์แจ้งในทุกเรื่องราว แล้วนำไปสู่การแก้ไขพัฒนา เพื่อเป็นแนวทางให้เราก้าวไปสู่ชัยชนะที่อยู่เหนือความเท็จได้ในสักวัน เพราะถ้าเรื่องที่ผานเข้ามาในชีวิตก่อให้เกิดสิ่งที่ดีก็ถือว่าเราได้รับการสะท้อนจากความจริงของความดีนั้นว่ามีอะไรบางอย่างแสดวงถึงคุณค่าราคางามของเราปรากฏเกิดขึ้นจากเรื่องนั้น แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ชักใยไปสู่ความผิด เราก็พร้อมที่จะปรับปรุงแก้ไขเพื่อก้าวพ้นจากพันธนาการแห่งความด้อยค่านั้นในเวลาอันรวดเร็ว เพระความจริงของชีวิตที่ทรงคุณค่าอันเกิดจากสติปัญญาที่คมชัด ย่อมรู้จักสลัดสิ่งที่ไม่ดีออกไปจากชีวิตเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่เพราะเราลดคุณภาพความประเสริฐของตัวเองลง ด้วยการสร้างความลวงให้เกิดขึ้นในใจมากจนเกินไป เราจึงต้องจมอยู่กับโคลนแห่งความหมองเศร้าเรื่อยมา แต่วิการที่จะทำให้เราอยู่กับความจริงให้ได้ก็มิใช่เรื่องที่ยากจนเกินไป ถึงแม้ว่าเรื่องที่ผานเข้ามาในชีวตจะเลวร้ายเพียงใด แต่ถ้ารู้จักไตร่ตรองด้วยจิตที่เป็นกลาง ๆ ท่ามกลางอารมณ์ที่หดหู่นั้น รู้จักเผชิญหน้ากับความเหงาอย่างซื่อตรงไม่ซ่อนเร้นอารมณ์ของความกลัวจนเกินไป ย่อมมีโอกาสที่จะทำให้อารมณ์เหงาและเศร้านั้นหลุดออกไปได้ เพราะเมื่อได้แฝงตัวอยู่กับความจริงของความหงาและศร้าสร้อย อันเป็นปัญหาในความรู้สึกอย่างชัดเจนด้วยสติแล้ว เราย่อมเห็นทุกด้านของอารมณ์ ว่าเป็นเช่นไร ย่อมหาทางออกหรือวิธีการที่จะกำจัดความเหงาให้หลุดออกไปจากชีวตได้ในเวลาอันใกล้ เว้นแต่ว่าเราจะท้อแท้และหมดหวัง จนยอมให้ตัวเองจมอยู่กับปัญหาเหล่านั้น ถ้าเป็นเช่นนี้จึงชื่อว่าหมดสิทธิ์ที่จะเป็นอิสระจากชีวิตตัวเองอย่างแท้จริง



ผู้ตั้งกระทู้ ญาติธรรม :: วันที่ลงประกาศ 2009-01-04 20:59:52


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1410171)

เห็นด้วยกับการที่คนๆหนึ่งจะตระหนักว่า วิถีชีวิตมนุษย์ทุกคนจะต้องยึดมั่นอยู่กับความจริง มีเป้าหมายคือการเรียนรู้ความจริง หรือภาษาศาสนาว่า  สัจธรรมแห่งชีวิต [ Truth ] สิ่งที่จะเกิดขึ้นใน 2 กรณีต่อไปนี้คือ  1. กรณีที่เราไม่รู้ความจริงของชีวิต เราก็จะเสมือนงมไปในความมืด ชีวิตย่อมมีอันเผชิญอันตราย และไปไม่ถึงเป้าหมาย  และ 2.กรณีที่เรารู้ความจริงของชีวิต เราก็เสมือนตาสว่าง จะเดินไปก็รู้ก็เห็นเส้นทางเดินสว่าง สามารถมองเห็นภัยอันตรายที่มาขัดขวางเส้นทางของเรา ก็ต่อสู้เอาชนะได้  บรรลุถึงเป้าหมายที่ต้องการได้

สังคมทุกวันนี้ จึงต้องมีสติพิจารณาในเรื่องความจริง  ทุกวันนี้สื่อมวลชนเป็นตัวการใหญ่สำหรับนำข่าวสาร ข้อมูล และความรู้ ความเห็น อย่างมากมายมหาศาลไปสู่มวลชน  หากมวลชนไม่ระวังว่า  สิ่งที่สื่อนำมาสู่เรา เพื่อได้ฟัง ได้ยิน นั้นมีความจริงอยู่อย่างไร ก็ถือว่าอยู่ในความประมาท  ถือว่าเป็นผู้รับฟังข่าวสารที่อันตรายแก่ตนเอง  จึงต้องระวัง  และเรื่อง ความจริง จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ เป็นสาระสำคัญของชีวิต  และมีความหมายอย่างยิ่งต่อสังคมทุกวันนี้  และวันนี้ความจริงจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นที่คน หรือประชาชนไทยจะต้องรับฟัง  และเอามาเป็นสิ่งนำทางไปในวิถีชีวิตของเรา ๆ

ในประเด็นนี้ บุคคลผู้ใฝ่ดียังต้องแสวงหาวิธีการต่าง ๆ เพื่อการประเมินข่าวสาร ข้อมูล และความรู้ ว่า เชื่อถือได้เพียงไร  และ เป็นความจริงเพียงใดอีกด้วย  เพราะการกล่าวความจริง หรือการเข้าถึงความจริงนั้นเป็นสิ่งที่ต้องการสติปัญญาความรอบรู้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง บุคคลต้องแสวงหาปัญญาเพื่อการประเมินข้อมูลข่าวสาร ความรู้และความคิดเห็นที่มาตามสื่อมวลชน ได้อย่างถูกต้อง และรู้ว่าอะไรเป็นความจริง

 

ผู้แสดงความคิดเห็น อรบุศป์ ละอองธรรม (newworld_believe-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2009-02-02 09:26:03



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.