พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ
ข่าวทั่วไป ภาคค่ำ
โทรทัศน์ทุกช่อง พุธ 18 เม.ย.2550 19.00 น.
การต่อสู้ของหมู่สงฆ์ แกนหลักนิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัยและมหามกุฎราชวิทยาลัย นำโดยพระราชปัญญาเมธี และพระเทพกวี ต่อสู้หน้าบริเวณสภา ให้บรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ
ทีไอทีวี เปิดให้แสดงความเห็น รายงานทางสายวิ่งขอบล่างของจอ มาตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. 2550 วันแรกมีผู้เห็นด้วยเพียง 17.4 % ของผู้แสดงความเห็นเข้าไปทั้งหมด ผู้ไม่เห็นด้วยถึง 82.4 % ครั้นมาถึงวันนี้ 18 เม.ย. 2550 ก่อนจบรายงานข่าวภาคหนึ่งทุ่ม จำนวนผู้เห็นด้วยพุ่งถึง 87.5 % ผู้ไม่เห็นด้วยเพียง 12.5 % เท่านั้น
ปรากฏว่า น.ต.ประสงค์ สุ่นสิริ ซึ่งเป็นประธานคณะ สสร. ได้แสดงท่าทีที่ไม่เป็นที่พอใจของกลุ่มผู้ชุมนุม จนถูกอัปเปหิไปจากความเป็นชาวพุทธไปเป็นที่เรียบร้อย
นอกจากนี้ก็มีนักวิชาการและการเมืองบางคน เช่นเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ธงทอง จันทรางศุ กับอาจารย์ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 2 คน กล้าออกมาวิจารณ์ ไม่เห็นด้วยกับการบรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติอย่างตรงไปตรงมา เพราะท่านเหล่านี้ก็ดูไม่มีความรู้อะไรในพระพุทธศาสนา ไม่รู้จักว่านักธรรมตรี นักธรรมโท นักธรรมเอก อย่างไร เปรียญธรรม 1- 9 ประโยค อย่างไร หลักสูตรการศึกษาพระพุทธศาสนา อย่างไร หมู่นักปราชญ์ในพระพุทธศาสนาเขาเรียนรู้อะไรบ้าง อย่างไร เป็นมาตรฐานความรู้ในพระพุทธศาสนาอย่างไร ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ อย่างไร? ระดับไหน? อย่างเช่นดร.เจิมศักดิ์ ก็ไม่เคยเรียนนักธรรมตรีมา พระไตรปิฎกก็ไม่เคยอ่าน เป็นต้น จะว่ามีความรู้แค่แค่หางอึ่งก็ยังสูงเกินไป น.ต.ประสงค์ สุ่นสิริ ก็พอ ๆ กันนี่แหละ ก็จัดเป็นประเภทงู ๆ ปลา ๆ ในพระพุทธศาสนาอยู่แท้ ๆ และทั้ง ๆ ที่เป็นผู้นำชาวพุทธ ไม่ฟังเสียงชาวพุทธแล้ว กล้าออกมาคัดค้านหมู่สงฆ์นักปราชญ์ คัดค้านมติมหาชนชาวพุทธผู้รู้
ประเด็นของเราก็คือ ทำไม่ท่านเหล่านี้ซึ่งไม่มีความรู้อะไรเลยในหลักการพระพุทธศาสนา จึงไม่ฟังหมู่สงฆ์นักปราชญ์ ในประเด็นที่เกี่ยวกับการพระพุทธศาสนา เสียเลย ทั้งไม่ฟังมติมหาชนชาวพุทธ เจ้าของแผ่นดินไทยอีกด้วย
เราเคยผิดหวังมาแต่ครั้งร่างรัฐธรรมนูญ 2540 แล้ว ในครั้งนั้น มีคนแบบนี้อยู่คนหนึ่ง คือมีความรู้แค่หางอึ่งในเรื่องพระพุทธศาสนา คือนายวิสุทธิ์ โพธิแท่น ที่คัดค้านอย่างแรงในคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ในเรื่องพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ จนประเด็นสำคัญนี้ตกไป
ซึ่งเขาได้ให้ความจดจำไว้แด่ชาวพุทธว่า คนอย่างนี้แหละที่โบราณเรียกว่า คนโง่อวดดี โดยแท้จริง
และนี่คือประเด็นแห่งการตัดสินใจที่สำคัญ
นั่นก็คือ เมื่อศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ หรือประจำโลกแล้วศาสนาพุทธจะก่อความเสียหายแก่ชาติหรือแก่โลกอย่างไร? หรือไม่?
เมื่อศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติหรือศาสนาประจำโลกแล้ว จะก่อความเสียหายแก่ประชาชนหรือมนุษย์โลกอย่างไร? หรือไม่?
เราจะหาคำตอบได้อย่างไร? นี่คือประเด็นสำคัญ
ท่านมองดู วิเคราะห์ดูว่าศาสนาพุทธสอนอะไร? จงมองดูเถิด แม้ในสถานการณ์รุนแรงในสามจังหวัดภาคใต้ หมู่สงฆ์ในสามจังหวัดภาคใต้ท่านก็ยังสอนหลักการเดิม ๆ ของพระพุทธศาสนาอยู่อย่างเหนียวแน่น ยืนยันในอุดมการณ์ ไม่ได้สอนอย่างอื่นเลย
คือท่านสอนว่า ปาณาติปาตา เวรมณี สิกขาปทํสมาทิยามิ เธอทั้งหลายจงอย่าฆ่ากัน อย่าฆ่าแม้สัตว์มีชีวิตทั้งหลายเลย
แม้ในงานศพทหารตำรวจ ประชาชน ที่ถูกโจรหรือผู้ก่อการร้ายลอบฆ่าตาย ควรที่คนทั่วไปจะเคียดแค้นและเร่งสอนให้แก้แค้นเอาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ แต่หมู่สงฆ์ในพระพุทธศาสนาก็ยืนยันว่า อย่าโกรธแค้นเขาเลย จงอย่าจองเวร เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร และเน้นย้ำลงไปในคำสอนเดิมที่ว่า ปาณาติปาตา เวรมณี สิกขาปทํสมาทิยามิ เธอทั้งหลายจงอย่าฆ่ากัน อย่าฆ่าแม้สัตว์มีชีวิตทั้งหลายเลย
ท่านไม่เคยสอนเลยว่า จงจับอาวุธขึ้นมาแก้แค้น
นี่คือศาสนาพุทธของเราทั้งหลาย ศาสนาแห่งความเมตตา
นี่คือศาสนาแห่งสันติภาพแห่งโลก และเป็นศาสนาแห่งโลกตามที่อัลเบิร์ต ไอสไตน์ ยอดนักวิทยาศาสตร์ ให้ความนิยมไว้
ท่านเข้าใจประเด็นแห่งพระพุทธศาสนาอย่างนี้หรือไม่?
แล้วท่านกลัวอะไร?
กลัวว่าศาสนาพุทธจะนำประเทศชาติไปสู่ความหายนะล่มจมหรือ?
กลัวว่าศาสนาพุทธจะนำโลกไปสู่ความล่มจมหรือ?
และท่านกลัวว่าจะนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างศาสนาได้อย่างไร?
ในเมื่อคำสอนของพระพุทธศาสนาเราไม่ได้เป็นต้นเหตุแห่งความขัดแย้งเลย
เหตุใดไม่คำนึงว่า เมื่อโลกก็ส่งเสริมสันติภาพเช่นนี้อยู่ตลอดมาแล้ว ทำไมเราจะให้ประเทศไทยเป็นประเทศตัวอย่างที่กล้านำเอาหลักการสันติภาพนี้บัญญัติให้เป็นแนวทางการบริหารประเทศไม่ได้ ?
ลองทำก่อนคนอื่นเขาดูบ้างเถิด ลองเชื่อและศรัทธาในหลักการพระพุทธศาสนาจริง ๆสักครั้ง
อนึ่ง บางท่านอาจจะหาจุดเชื่อมโยงไม่ได้ว่า แม้ในระบบสงฆ์ไทยก็ยังต้องการการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปหรือปฏิวัติ และจุดสำคัญของการเปลี่ยนแปลง ปฏิรูปหรือปฏิวัติก็คือ การเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับความเป็นศาสนาประจำชาติ นั่นเอง
นั่นก็คือ เมื่อมีบทบัญญัติ ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติแล้ว รูปธรรมที่จะเกิดเป็นจริง ๆ ได้นั้นก็ด้วยการพิจารณาแก้ไขระบบการปกครองคณะสงฆ์ โดยแก้กฎหมายคณะสงฆ์ให้เป็นระบบสภาสงฆ์ขึ้นมา ตามที่รัฐบาลที่แล้ว(รัฐบาลทักษิณ) ได้เห็นความสำคัญ พยายามให้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติคณะสงฆ์มา จนถึงร่างสุดท้าย ที่ได้กำหนดเค้าโครง สภาสงฆ์ ขึ้นเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ทันได้พิจารณาในขั้นตอนต่อไปเกิดปฏิรูปเสียก่อน โปรดดูบทวิเคราะห์พรบ.คณะสงฆ์ 16 รายการในเมนูย่อยซ้ายมือนี้
ระบบสภาสงฆ์ นั่นคือ ความเป็นศาสนาประจำชาติโดยแท้จริง เพราะนี่คือรูปธรรมแห่งความเป็นศาสนาประจำชาติ และเป็นปริวรรตการแห่งหมู่สงฆ์ทั้งท้องถิ่นทั่วประเทศ
ฉะนั้น มี 2 อย่างนี้ คือ บรรจุข้อความ พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ลงในรัฐธรรมนูญ และการปรับปรุงให้มีระบบสภาสงฆ์ สำหรับผู้แทนหมู่สงฆ์ทั่วประเทศมาประชุมปัญหาต่าง ๆ ร่วมกันเป็นประจำ เหมือนสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาฝ่ายอาณาจักร ความเป็นศาสนาประจำชาติจึงจะสมบูรณ์
และนี่คือการทำงานโดยภูมิปัญญา
จะต้องมองศาสนาเปรียบเทียบ และมองศาสนาสากลให้ทะลุปรุโปร่งจริง ๆ
รู้เรารู้เขาอย่างไรบ้าง?
อะไรเป็นเพชร? อะไรเป็นก้อนดิน?
แล้วเราจะเทิดทูนอะไร? เพชร หรือ ก้อนดิน?
18 เม.ย.2550 |