ป๋าเปรม" เปิดอกเคลียร์ใจ "บิ๊กจิ๋ว" เป็นเพื่อนเกลอตลอดกาล รับเคยเตือนก่อนซบเพื่อไทยไตร่ตรองให้ รอบคอบ ระวังจะถูกกล่าวหาเป็นคนทรยศชาติ พร้อมให้เข้าพบ มีข้อแม้ห้ามจ้อการเมือง นายกฯตรวจความพร้อมสถานที่จัดประชุมอาเซียน ย้ำมีขบวนการก่อเหตุร้าย "เทพเทือก" ฮึ่มม็อบห้ามป่วนประชุมงานยักษ์ เสียงแข็งไม่ซ้ำรอยพัทยาเด็ดขาด ปชป. ส่อวุ่นอีก ส.ส.ผนึกกำลังต้านแก้กฎเหล็ก วางเกมปลุกชาวบ้านควํ่าประชามติ

หลังจาก พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ กระโดดลงเวทีการเมืองอีกครั้ง โดยเลือกข้างที่จะไม่เป็นโซ่ข้อกลาง สมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เพื่อเจรจากับผู้มีอำนาจในประเทศช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับเข้าประเทศ และยังเอ่ยปากพาดพิงถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ไม่ให้เข้าพบเพื่อลาบวชพระนั้น

"ป๋าเปรม" เปิดอกเคลียร์ใจ "บิ๊กจิ๋ว"

เมื่อวันที่ 15 ต.ค. เวลา 10.00 น. ที่สโมสรทหารบก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวเปิดใจหลังเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้ รุ่นที่ 13 ถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุภายหลังเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยว่า ที่ผ่านมา พล.อ.เปรมไม่ยอมให้เข้าไปกราบลาบวชว่า "จิ๋วกับผมเป็นเพื่อนรักกันมานานหลายปีแล้ว ต่างคนต่างทำงานให้กันและกันมา ดังนั้นความเป็นเพื่อนระหว่างผมกับจิ๋วยังคงอยู่ ส่วนที่มีคนพูด ผมก็ไม่รู้ว่าใครพูด อาจเป็นจิ๋วพูดเองก็ได้ว่าเขาไปลาบวชแล้วผมไม่ให้เข้าพบ ซึ่งอันนี้ไม่ใช่เพื่อนแล้ว เมื่อเพื่อนจะไปลาบวชจะต้องให้อโหสิกรรม ซึ่งเรื่องจริงผมไม่ทราบว่าเขาจะบวช จนบัดนี้ผมยังไม่รู้ว่าเขาบวชที่ไหน เมื่อไร ดังนั้น ผมจะขอเรียนให้ทราบว่าเรื่องจริงเป็นอย่างนี้ ส่วนเรื่องที่มีคนไปเขียนลงในหนังสือพิมพ์ว่า ผมไปว่าเขาเป็นคนทรยศต่อชาติ ซึ่งไม่ถูกต้อง สิ่งที่ถูกต้องคือวันนั้น ก่อนที่จิ๋วจะไปสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทย ผมให้คนไปบอกเขาว่า จะทำอะไรขอให้คิดให้รอบคอบ ไตร่ตรองให้รอบคอบ ผมใช้คำว่าไตร่ตรองให้รอบคอบ ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นการกระทำที่เป็นการทรยศต่อชาติ นี่เป็นข้อความที่ผมขอให้เขาสื่อไปถึงจิ๋วในวันนั้น ดังนั้นผมไม่ได้กล่าวหาว่าเขาเป็นคนไม่ดี  ทรยศต่อชาติบ้านเมือง มันไม่ใช่ เรื่องเกี่ยวกับจิ๋วที่สำคัญมีแค่นี้"

ยินดีให้เข้าพบคุยเรื่อง "ทักษิณ"

พล.อ.เปรมกล่าวว่า ขอย้ำว่าความเป็นเพื่อนยังเป็นอยู่ตลอดไป สื่อมวลชนเข้าใจความเป็นเพื่อนแค่ไหน โปรดคิดเอาเอง เราเป็นเพื่อนกัน เคยทำงานสำคัญๆด้วยกัน จบจากสถาบันเดียวกันที่เคยให้คำสัตย์ปฏิญาณเหมือนกัน เมื่อเพื่อนจะทำอะไรตนก็เตือน เพราะคิดว่ามีสิทธิ์ที่จะเตือนได้ เตือนเขาด้วยความเป็นเพื่อน ด้วยความปรารถนาดี ไม่ได้มีความต้องการที่จะตำหนิ พล.อ.ชวลิตเลย วันนี้ตนอยากพูดแค่นี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า ยินดีให้ พล.อ.ชวลิตเข้าพบเพื่อขอโทษหรือคารวะหรือไม่ พล.อ.เปรมตอบว่า เขาเคยติดต่อมาก่อนวันที่ 7 ต.ค. และวันเกิด พล.อ.ชวลิต เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา ตนโทรศัพท์ไปอวยพรเขา และเราคุยกันดีเหมือนเพื่อน ถ้าเขาต้องการมาพบตนก็ได้ แต่ตอนนี้คิดว่า เมื่อเขาเป็นนักการเมืองแล้ว มาพบตนก็ไม่น่าจะสมควร เมื่อถามว่า พล.อ.ชวลิตมาพบเพื่อคุยเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯได้หรือไม่ พล.อ.เปรมตอบว่า ก็ดี แต่ตนไม่มีสิทธิ์ที่จะคุยเรื่องการเมือง และจะไม่พูดเรื่องการเมือง เพราะจะไม่วิจารณ์การเมือง จะไม่ทำอะไรเรื่องการเมือง ปล่อยเป็นเรื่องของผู้ที่มีความรับผิดชอบทางการเมืองแก้ไข

ชี้พระสยามฯลงโทษคนทำไม่ดี

เมื่อถามว่า หาก พล.อ.ชวลิตมาพบในฐานะเพื่อนสามารถเข้าพบได้ใช่หรือไม่ พล.อ.เปรมตอบอย่างอารมณ์ดีว่า ได้แน่นอน แต่ต้องเวลาที่เหมาะ และต้องไม่พูดเรื่องการเมือง เมื่อถามว่าในฐานะเพื่อน ผิดหวังกับการเลือกทางเดินของ พล.อ.ชวลิตหรือไม่ พล.อ.เปรมตอบว่า เพื่อนก็คือเพื่อน เขาทำอะไรผิดหรือถูก ตนก็ชี้ไม่ได้ว่าเขาทำผิดหรือทำถูก เพราะตนไม่ได้เป็นคนตัดสิน แต่ความเป็นเพื่อนต้องเตือนกัน ถ้าเห็นว่าทำอะไรไม่ดี เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่อาจเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนของทั้ง 2 ฝ่าย พล.อ.เปรมตอบว่า ไม่ ตนไม่คลาดเคลื่อน ฝ่ายเขาฝ่ายเดียว มีเรื่องที่เกี่ยวกับท่านทั้งหลายพูดว่า เขามาลาบวช แล้วตนไม่ให้ลาบวช และเรื่องที่ว่าเขาเป็นคนไม่ดี ทรยศต่อชาติ ซึ่งมันไม่ใช่ เมื่อถามว่าการเข้าสู่การเมืองของ พล.อ.ชวลิตจะทำให้บ้านเมืองดีขึ้น หรือแย่กว่าเดิม พล.อ.เปรมหยุดคิดก่อนตอบว่า คุณเชื่อในพระสยามเทวาธิราชหรือไม่ พระสยามเทวาธิราชจะคอยดูว่าพวกเราทำอะไรกัน ถ้าใครทำไม่ดีต่อชาติบ้านเมืองจะถูกท่านลงโทษ

บิ๊กกองทัพตบเท้าล้อมหน้า-หลัง

เมื่อถามว่า จะเตือน พล.อ.ชวลิตก่อนลงเล่นการเมืองอีกครั้งหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเตือนแต่ พล.อ.ชวลิตไม่ฟัง พล.อ.เปรมตอบว่า ไม่ได้พูดว่าเพื่อนไม่ฟัง คุณพูดเอง ได้พูดแต่ว่าเตือน แต่ตนไม่ได้พูดว่า พล.อ.ชวลิตไม่ฟัง สื่อเป็นคนพูดเอง เมื่อถามย้ำว่าความเป็นเพื่อนระหว่าง พล.อ.เปรม กับ พล.อ.ชวลิต จะมีวันสิ้นสุดหรือไม่ พล.อ.เปรมตอบว่า "ไม่มีหรอกครับ เป็นเพื่อนก็ต้องเป็นเพื่อนต่อไป" เมื่อถามว่าวันนี้ พล.อ.ชวลิตเดินไปฝั่งตรงข้าม จะทำให้ห่างจากท่านมากขึ้นหรือไม่ พล.อ.เปรมตอบว่า ไม่ขอวิจารณ์เรื่องนั้น ตนเตือนเขาเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การกล่าวเปิดใจครั้งนี้มีการตั้งแท่นโพเดียม เพื่อเตรียมเปิดใจอย่างเป็นทางการถึงความสัมพันธ์กับ พล.อ.ชวลิต โดย พล.อ.เปรมกล่าวก่อนที่สื่อมวลชนจะซักถามว่า "ผมจะไม่ให้สื่อมวลชนตั้งคำถาม  แต่ผมจะพูดเรื่องจิ๋วเอง" ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า การเปิดใจของ พล.อ.เปรมครั้งนี้ มีบรรดานายทหารระดับสูง อาทิ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ อดีต ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. และ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. ยืนอยู่ด้านหลัง พล.อ.เปรม ขณะที่กล่าวเปิดใจ

"อภิสิทธิ์"  ตรวจสถานที่ถกผู้นำอาเซียน

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 10.00 น. ที่โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ รีเจนท์ ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปตรวจความพร้อมสถานที่ใช้จัดการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 15 และการประชุมอาเซียนกับคู่เจรจาที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 23-25 ต.ค. โดยนายอภิสิทธิ์ได้ไปตรวจดูความพร้อมของห้องประชุมเพชรบุรี ภายในโรงแรมฮอลิเดย์อินน์ รีเจนท์ ชะอำ ที่ใช้เป็นสถานที่จัดเลี้ยงกาลาดินเนอร์แก่ผู้นำอาเซียน-คู่สมรสในวันที่ 24 ต.ค. ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้กำชับถึงการจัดเตรียมสถานที่ถ่ายภาพหมู่ของบรรดาผู้นำ โดยขอให้เจ้าหน้าที่เตรียมการและกำหนดจุดให้ดี เพราะเกรงว่าจะมีปัญหาตามมาได้ เนื่องจากจะมีคนคิดมากและนำไปวิพากษ์วิจารณ์ จากนั้นนายอภิสิทธิ์ไปตรวจความพร้อมที่โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน สถานที่หลักในการจัดประชุม และพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 15 ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมในการจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนว่าสถานที่ทุกอย่างเรียบร้อย และได้ซักซ้อมขั้นตอนต่างๆ สถานที่ทุกอย่างก็พร้อมและเรียบร้อยดี

ย้ำขบวนการก่อหวอดป่วนเมือง

ผู้สื่อข่าวถามว่าสิ่งที่นายกฯห่วงที่สุดในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงคืออะไร นายอภิสิทธิ์ตอบว่า เป็นห่วงว่าการชุมนุมจะเกิดปัญหาขึ้น อยากให้ทางกลุ่มเสื้อแดงสามารถชุมนุมได้โดยไม่มีเหตุการณ์ที่เป็นปัญหา ไม่อยากให้มีการกระทบกระทั่งหรือเกิดความรุนแรง ถ้าทุกคนอยู่ในกรอบ ไม่มีใครเข้ามาแทรกซ้อนและผู้ชุมนุมโดยเฉพาะแกนนำทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุแทรกซ้อนก็จะเป็นเรื่องที่ดี เมื่อถามว่า เหตุแทรกซ้อนที่กังวลมีปัจจัยมาจากอะไร นายอภิสิทธิ์ตอบว่า เราเห็นว่าอาจจะมีบางฝ่ายอยากทำให้เกิดภาพความสับสนวุ่นวาย จะต้องช่วยกันระมัดระวัง เมื่อถามว่าเป็นห่วงเรื่องมือที่สามหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่ทราบว่าจะเป็นมือที่เท่าไหร่ แต่จะเป็นมือไหนก็ตามเราก็ไม่อยากให้เกิดเหตุ ในส่วนของภาครัฐยืนยันว่ากลไกทุกอย่างมีความเป็นเอกภาพในการที่จะดูแลความสงบเรียบร้อยในการใช้กฎหมายความมั่นคง เพื่อให้เกิดความมั่นใจ เมื่อถามว่าการชุมนุมครั้งนี้กลุ่มเสื้อแดงอ้างว่าเป็นการทวงถามเรื่องการถวายฎีกา นายอภิสิทธิ์ตอบว่า มันไม่มีอะไรติดขัดเลย ทุกอย่างไปตามกระบวนการ การถวายฎีกาเหมือนกับกรณีอื่นๆ จะให้ทางกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียด เมื่อถามว่าความเป็นไปได้ในการจัดประชุม ครม.นอกสถานที่ในวันที่ 20 ต.ค. ที่โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เป็นสถานที่จัดการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 15 ระหว่างวันที่ 23-25 ต.ค. นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ขอดูอีกที นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ จะสรุปรายละเอียดมาอีกครั้ง

"เทพ" ฮึ่มเสื้อแดงห้ามป่วนอาเซียน

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 08.10 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงระบุว่าหากรัฐบาลดึงเรื่องการยื่นถวายฎีกาให้พ้นวันที่ 4 ธ.ค.นี้ออกไปอีก จะเคลื่อนไปชุมนุมที่สถานที่จัดการประชุมสุดยอดอาเซียนว่า นี่คือปัญหา ที่ผ่านมารัฐบาลยืนยันมาตลอดเวลาว่าการชุมนุมสามารถทำได้ โดยต้องอยู่ภายใต้กฎหมายตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด และต้องชุมนุมด้วยความสงบปราศจากอาวุธ เพื่อแสดงออกถึงความคิดเห็นของประชาชนโดยบริสุทธิ์ แต่ถ้าชุมนุมแล้วขู่ว่าจะไปป่วนการประชุมนั้น ทำไม่ได้ ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่ารัฐบาลจะขัดขวางการชุมนุมนั้น กลุ่มคนเสื้อแดงไม่ต้องกังวลใจ หากชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ และเป็นไปตามกฎหมาย รัฐบาลคงไม่เข้าไปกลั่นแกล้งหรือขัดขวาง แต่ที่ต้องประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯในพื้นที่เขตดุสิต เพราะกังวลว่าผู้ชุมนุมจะทำผิดกฎหมาย จึงจำเป็นต้องรักษากฎหมายของบ้านเมือง และความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง

ไม่ยอมซ้ำรอยพัทยาเด็ดขาด

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะให้ความมั่นใจกับผู้นำประเทศต่างๆที่จะเดินทางมาร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนอย่างไร นายสุเทพตอบว่า รัฐบาลมั่นใจว่ามาตรการรักษาความสงบที่กำหนดไว้สำหรับที่ อ.ชะอำ-อ.หัวหิน นั้น มีความ แข็งแรงดี มั่นใจว่าจะสามารถทำงานได้อย่างเรียบร้อย จะไม่ยอมให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นเหมือนที่พัทยาอย่างแน่นอน เมื่อถามว่าแต่ถ้ากลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนไปใกล้สถานที่การประชุมจะดำเนินการอย่างไร นายสุเทพตอบว่า เรามีวิธีการที่เป็นสากลที่จะดำเนินการอยู่แล้ว ตั้งแต่เบาไปจนถึงหนัก เมื่อถามว่ามีการกำชับให้ดูแลพื้นที่สำคัญอื่นๆ เช่น บ้านสี่เสาเทเวศร์ และสำนักงาน ป.ป.ช.อย่างไร นายสุเทพตอบว่า วันเดียวกันเวลา 16.00 น. ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) จะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่กองบัญชาการกองทัพบก เพื่อกำหนดมาตรการว่าจะตั้งจุดตรวจสกัด หรือจุดใดที่หวงห้าม คงต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่จำนวนมาก เพราะต้องรักษาความสงบให้ได้ เมื่อถามว่าแต่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศว่าจะตั้งเวทีปราศรัยที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ  จะสามารถทำได้หรือไม่ นายสุเทพตอบว่า ต้องหารือในที่ประชุมวันนี้ก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไร จากนั้นจะแถลงให้ทราบ แต่ไม่ว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะไปชุมนุมที่ไหนต้องปฏิบัติตามกฎหมาย

เสื้อแดงท้ารัฐโชว์กำลัง 1.8 หมื่นคน

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มเสื้อแดง กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลจะใช้กำลังเจ้าหน้าที่อย่างละ 18,000 คน ในดูแลการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่เขตดุสิต และการดูแลความปลอดภัยการประชุมอาเซียนที่ชะอำ-หัวหินว่า อยากถามว่า กองกำลังดังกล่าวอยู่ที่ไหน ให้เอาออกมาแสดงชัดๆ อย่ามาแอบอ้าง เพื่ออมเบี้ยเลี้ยงทหาร  ทั้งนี้  กลุ่มคนเสื้อแดงจะตั้งเวทีที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ตั้งแต่เวลา 18.00 น. วันที่ 16 ต.ค. และในวันที่ 17 ต.ค.จะชุมนุมจุดเดียวที่บริเวณถ.พิษณุโลก จนถึงเที่ยงคืน โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯจะวีดิโอลิงค์มายังเวทีในเวลา 20.30 น. หากเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รับรองว่าการประชุมผู้นำอาเซียนจะเป็นไปอย่างราบรื่น

ตร.จับเสื้อแดงมือทุบรถ "นิพนธ์"

วันเดียวกัน  เมื่อเวลา 13.40 น. ที่ บช.น.  พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. แถลงข่าวการจับกุมนายตี๋ แซ่จิว อายุ 58 ปี ข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จนได้รับบาดเจ็บขณะนั่งอยู่ในรถทะเบียน ศฮ 9205 กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ที่กระทรวงมหาดไทย โดย พล.ต.ท.วรพงษ์กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานขณะเกิดเหตุ จนนำไปสู่การออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมดที่ร่วมกระทำความผิด ซึ่งนายตี๋เป็นผู้ต้องหาหนึ่งในหมายจับในลำดับสุดท้าย โดยการจับกุมผู้ต้องหารายนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้รับแจ้งเบาะแสจากพลเมืองดีที่ร่วมโครงการสายลับพันหน้าของกองบังคับการตำรวจ นครบาล 1 ว่า พบเห็นผู้ต้องหาตามหมายจับมาชุมนุมอยู่บริเวณท้องสนามหลวง จึงนำกำลังเข้าจับกุมในที่สุด ขณะที่นายตี๋ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธว่า ไปร่วมการชุมนุมและอยู่ในเหตุการณ์วันเกิดเหตุจริง แต่ไม่ได้ใช้ไม้ทุบตีทำร้ายร่างกายนายนิพนธ์ เพียงแค่เงื้อไม้ที่มีคนส่งมาให้เท่านั้น

"อภิสิทธิ์" เมิน "บัญญัติ" ค้านแก้ รธน.

ทางด้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลยังรอดูท่าทีพรรคเพื่อไทยให้เปลี่ยนใจมาร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น วันเดียวกัน เมื่อวันที่ 15 ต.ค. เวลา 10.45 น. ที่โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ที่นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญในที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ว่า ตนนั่งประชุมอยู่ด้วย ความเห็นเรื่องรัฐธรรมนูญ ส.ส.ทุกคนคุยกันหมด เอาแค่เรื่องเลือกตั้งเขตเล็กเขตใหญ่ก็ชอบไม่เหมือนกัน ก็ปกติธรรมดา แต่ภาพใหญ่ ที่เป็นจุดยืน ของพรรค คือ พรรคจะพยายามสนับสนุนกระบวนการที่เป็นความสมานฉันท์ และเคารพการตัดสินใจประชาชน ส่วนแนวปฏิบัตินั้นในช่วงที่ยังไม่มีข้อยุติจากประชาชนทุกคนย่อมเป็นอิสระในความคิดเห็น เพราะจะไปบังคับให้จุดยืนของพรรคที่เคยมีมาเห็นว่าเขตใหญ่ดีกว่าเขตเล็ก และวันนี้ไปบอกว่าเขตเล็กดีกว่าเราคงไม่ทำ แต่เราจะบอกได้ว่ากรรมการทุกพรรคเขาดูเห็นว่าเขตเล็กดีกว่าเมื่อเราเห็นว่าเขตใหญ่ดีกว่าประชาชนก็ชี้เอา

ย้ำอีกต้องซาวเสียงถามประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะคุ้มหรือไม่ที่นายกฯจะเอาจุดยืนของตัวเองกับจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ไปแลกกับการเอาใจพรรคร่วมรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่มีการแลกอะไร เพราะเป็นเรื่องของประชาชนเป็นคนตัดสิน ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลต้องการอย่างหนึ่ง ถ้าประชาชนไม่เอาด้วยก็ไม่ทำอยู่แล้ว ดังนั้นคนชี้ขาดคือประชาชน เมื่อถามว่าสิ่งที่สะท้อนออกมาขณะนี้พรรคเพื่อไทยก็ทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ขณะที่การแก้อีก 6 ประเด็นก็ทำเพื่อพรรคร่วมรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่ใช่ ถ้าเป็นเฉพาะของพรรคร่วมคงไม่ทำ แต่เป็นเรื่องที่ไปผ่านกระบวนการของคณะกรรมการของรัฐสภาที่มี ส.ว.และเดิมมีฝ่ายค้านอยู่ด้วย ที่สุดหลักเรื่องประชามติเป็นเรื่องที่ตนเสนอเข้ามา เพื่อจะได้มีข้อยุติ จะได้รู้เสียทีว่าประชาชนต้องการจะแก้จริงหรือไม่ ถ้าไม่อยากแก้เรื่องจะได้จบ ไม่เช่นนั้นจะค้างคาเถียงกันไปตลอด ต้องให้ ประชาชนเป็นคนตัดสิน

มั่นใจทำประชามติสร้างสมานฉันท์ได้

ต่อข้อถามว่า วันนี้เสียงคัดค้านแก้รัฐธรรมนูญมันแรงขึ้น จะกลายเป็นชนวนความขัดแย้งแทนที่จะสร้างความสมานฉันท์ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ถ้าเสียงคัดค้านมันเป็นเสียงส่วนใหญ่ของประเทศ มันก็จบลงด้วยการประชามติ ที่บอกกับนักการเมืองเองไม่ต้องแก้ จะได้ไม่มีคนมาอ้างอีกว่าต้องแก้ ไม่เช่นนั้นสมานฉันท์ไม่ได้ ซึ่งเป็นประโยชน์ของการประชามติ ถามว่า 2,000 ล้านบาท แพงหรือไม่ ก็ไม่ใช่เงินน้อย แต่เทียบกับความเสียหายที่เกิดจากความอึมครึมในบรรยากาศบ้านเมือง ต่างคนต่างอ้างประชาชน กลุ่มหนึ่งอ้างประชาชนต้องการสมานฉันท์ด้วยการแก้ อีกกลุ่มอ้างว่าประชาชนไม่อยากให้แก้ และก็เถียงกันไปเสียหายมากกว่า 2,000 ล้านอยู่แล้ว เมื่อถามว่า จะเป็นการดึงดันเกินไปที่จะเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า "ไม่มีการดึงดันเลย ไม่มี ใครตอบผมได้เลยว่าลงประชามติใน 6 ประเด็น แล้วประชาชนจะลงมติอย่างไร แล้วผมยังเชื่อด้วยว่าถ้ามีการลงประชามติ 6 ประเด็น เสียงมันจะแตกต่างกันแน่"

ยุ พท.รณรงค์คว่ำแก้กฎเหล็ก

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยจะต้องเดินหน้ารณรงค์ให้ประชาชนไม่เห็นด้วยเพื่อคว่ำประชามติ นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า "เขาไปคว่ำประชามติไม่ได้หรอก ประชามติเป็นหน้าที่รัฐบาลว่าจะดำเนินการหรือไม่ ถ้าเขาไปคว่ำไม่ให้แก้ก็ดี แสดงว่าประชาชนไม่ต้องการให้แก้ก็จบ ก็ไม่ต้องพูดกันอีกเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ" เมื่อถามว่าเท่ากับว่าที่ทำอยู่เพียงหาคำตอบให้กับพรรคร่วมรัฐบาลไม่ให้ออกมาเคลื่อนไหวเท่านั้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่ใช่ แต่เป็นการหาคำตอบให้สังคม เพราะไม่เช่นนั้นสังคมก็เถียงกันไม่จบ ตนอ่านหนังสือพิมพ์ทุกวัน บางฉบับก็ด่าว่าตนทำไมไม่แก้ บางฉบับก็ด่าว่าทำไมจะแก้ ตนก็บอกว่าสังคมเป็นคนให้คำตอบ และเราไม่ได้นึกตามใจชอบ แต่ผ่านกระบวนการที่มี 3 ฝ่ายเข้ามาร่วมที่ออกมาเป็น 6 ประเด็น ถามใจตนก็บอกตลอดว่าไม่ได้เห็นด้วยทั้ง 6 ประเด็น เห็นด้วยบางประเด็น แต่ถือว่าตนนำเสนอก่อนให้ประชาชนตัดสิน และจะใช้สิทธิ์อธิบายว่าประเด็นที่เห็นว่าจำเป็น

เฉ่งสังคมไทยยึดแต่อารมณ์

ก่อนหน้านั้น วันเดียวกัน เมื่อเวลา 09.00 น. ที่โรงแรมรีเจนท์ บีช ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ เป็นประธานเปิดการสัมมนา "นักวิจัยรุ่นใหม่" พบ เมธีวิจัยอาวุโส สกอ. ครั้งที่ 9 ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวปาฐถา "นโยบายและยุทธศาสตร์เพื่อการสนับสนุนการวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศ" ตอนหนึ่งว่า มีความห่วงใยว่า แม้สังคมและเศรษฐกิจไทยจะพัฒนามาต่อเนื่อง แต่สังคมเรายังอ่อนแออีกมากในการสร้างองค์ความรู้ หลายครั้งยังรู้สึกอึดอัดว่า ฐานข้อมูลความรู้ที่จะใช้นำมาตัดสินใจยังมีน้อย และประหลาดใจว่า ฐานความรู้ของเรายังขาดการใช้เหตุและผล ในการประชุม ครม.วันที่ 13 ต.ค.ยังแอบกระซิบกับรองนายกฯที่นั่งข้างๆว่า สังคมเรายังไม่ใช้ฐานความรู้ แต่ใช้ฐานความเห็น บางครั้งเป็นฐานอารมณ์ ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก โอกาสที่เราจะมีสังคมที่สงบ ยั่งยืน เป็นไปได้ยาก เพราะสังคมที่ไม่ยอมรับความคิดเห็นของแต่ละฝ่าย ถือแต่ความเห็นของตัวเอง ความปรองดองสมานฉันท์ เกิดขึ้นไม่ได้

"เทพ" เชื่อมั่นแก้กติกาไร้ขวากหนาม

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 08.10 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และยังมี ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์คนอื่นอาจไม่ร่วมลงชื่อเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญจะกระทบต่อเสียงสนับสนุนว่า ไม่คิดว่าจะเป็นไปถึงขั้นนั้น ยอมรับว่าความเห็นที่ไม่เหมือนกันย่อมมีเป็นธรรมดา เมื่อถามว่าจะถึงขั้นปล่อยให้ฟรีโหวตหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า ขณะนี้ยังไม่มีการคุยกันถึงขนาดนั้น แต่ได้หารือในแง่ที่ว่าให้ประชาชนตัดสินใจ เมื่อถามว่าที่หารือกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่บ้านพิษณุโลกครั้งล่าสุดนั้นยังมีความเห็นที่แตกต่างกันหรือไม่ นายสุเทพตอบว่า ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย แต่ทราบว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงนายกฯคงจะแจ้งให้ทราบ แต่สุดท้ายแล้วเชื่อว่าเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญคงไม่มีปัญหาอะไร

ปชป.ส่อวุ่น ส.ส.ผนึกค้านแก้ รธน.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ว่า หลังจากที่แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลตัวจริงมีข้อสรุปให้แก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ขณะนี้แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษา นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เช็กเสียง ส.ส.ของพรรค ปรากฏว่า ส.ส.ส่วนใหญ่มากกว่า 100 เสียง ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการแก้ไขเขตเลือกตั้งเป็นเขตเดียวเบอร์เดียว ทั้งนี้ นอกจากกลุ่มของนายชวน นายบัญญัติ และนายอภิสิทธิ์ที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว ยังมี ส.ส.ภาคกลางเกือบทั้งหมดเกือบ 30 เสียง กลุ่ม ส.ส. กทม.เกือบทั้งหมดที่ไม่เห็นด้วยเช่นเดียวกับ ส.ส.สายพันธมิตรอีก 2-3 คน นอกจากนั้น ส.ส.ภาคใต้เกือบทั้งหมด รวมทั้ง ส.ส.ภาคเหนือและภาคอีสานด้วย

วางเกมปลุกชาวบ้านคว่ำประชามติ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับ ส.ส.ที่อยู่ในกลุ่มนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯและเลขาธิการพรรค ซึ่งมีอยู่จริง 10 กว่าเสียงก็ยังไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากทำให้พรรคประชาธิปัตย์เสียเปรียบในการเลือกตั้งแล้ว ยังเสี่ยงต่อเสถียรภาพรัฐบาลที่กลุ่มต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะพุ่งเป้าโจมตีรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์ด้วย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้แกนนำระดับผู้ใหญ่ของพรรคได้มองข้ามชอตไปถึงการลงประชามติ โดยได้วางเกมให้ ส.ส.ลงพื้นที่โน้มน้าวชาวบ้านในเขตเลือกตั้งตัวเองคว่ำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนการลงชื่อในการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนที่จะมีการทำประชามตินั้น ได้มีการวางแนวทางเอาไว้ โดยจะรอให้ ส.ส.จากพรรคร่วมรัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน และ ส.ว.ลงชื่อก่อน ซึ่งจะฟังกระแสในช่วงนั้นอีกครั้ง แต่เบื้องต้นได้วางเกมเอาไว้จะไม่ลงชื่อยื่นร่างแก้ไขดังกล่าว

แนะทำโพลแก้ รธน.หรือไม่

นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ส.ว. 150 คน ต่างคนต่างมีความเห็นต่างกัน คงต้องฟังความคิดเห็นของทุกคน และขณะนี้ทางนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว ต้องรอดูร่างว่าจะออกมาอย่างไร จากนั้นก็วิพากษ์วิจารณ์กันว่าจะแก้หรือไม่แก้ไข หรือหากแก้ไขจะแก้กันอย่างไร แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการฟังเสียงของประชาชนโดยไม่จำเป็นต้องทำประชามติ เพราะถ้าจะทำประชามติต้องมีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว ขณะนี้สิ่งที่สามารถดำเนินการได้เลย คือทำโพลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน หรือทำประชาพิจารณ์ โดยถามเพียงว่า แก้หรือไม่แก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่เสียงบประมาณมาก เมื่อถามว่า รัฐบาลควรยุติการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายประสพสุขตอบว่า รัฐบาลต้องพิจารณาว่าหากการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่ทางสมานฉันท์ก็หยุด แต่หากเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะทำให้เกิดความสมานฉันท์ รัฐบาลก็เดินหน้าต่อไป ตอนนี้เท่าที่ฟังหลายฝ่ายเห็นว่า 6 ประเด็นของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯไม่จำเป็นแล้ว เมื่อถามว่า ถ้ารัฐบาลตัดสินใจยุติการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเสียหน้าหรือไม่ นายประสพสุขตอบว่า ไม่มีอะไรเสียหน้า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ถ้าไม่ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์จะทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย เชื่อว่านายกฯมีดุลพินิจในการตัดสินใจ

พท.เปิดตัว "สมบัติ เมทะนี" ร่วมงาน

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวนายสมบัติ เมทะนี ดารานักแสดง และอดีต ส.ว.กทม. เข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย โดยนายสมบัติกล่าวว่า การมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย เพราะได้รับการชักชวนจากนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ นางเยาวเรศ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้มาร่วมงานจึงใจอ่อน และอยากช่วยชาติบ้านเมืองให้มีความสมานฉันท์ ตนและครอบครัวชินวัตรรู้จักกันมานาน ตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯยังเป็น ร.ต.อ. ความเกี่ยวพันมีมานานกว่า 30 ปี ตั้งแต่สมัยยังเป็นนักแสดง การเลือกตั้งครั้งหน้าจะลงสมัครรับเลือกตั้ง กทม. เขตวังทองหลาง ลาดพร้าว ส่วนเพื่อนดารานักแสดงคนอื่นๆ คาดว่านายเอกพันธ์ และบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ อาจตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยในไม่ช้านี้

นายยงยุทธกล่าวว่า หลังจากนี้พรรคจะทยอยเปิดตัวผู้ใหญ่ที่เข้าร่วมงานการเมืองกับพรรคเป็นระยะ ในวันที่ 16 ต.ค. จะเปิดตัวอดีตนายทหารผู้ใหญ่อีก 1 คน สำหรับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นั้น ขณะนี้กำลังพิจารณาให้ดำรงตำแหน่งสำคัญ เพื่อให้ทำงานตามความสามารถ อาจเป็นตำแหน่งประธานที่ปรึกษาพรรค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 16 ต.ค.นี้ จะมีการเปิดตัว พล.อ.จิรเดช คชรัตน์ อดีต รอง ผบ.ทบ. ในสมัยของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เข้าร่วมงานการเมืองกับพรรคเพื่อไทย

นายกฯทาบ "หมอบรรลุ" สอบทุจริต

สำหรับกรณีที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ในโครงการไทยเข้มแข็ง กระทรวงสาธารณสุขนั้น วันเดียวกัน เมื่อเวลา 10.45 น. ที่โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข รายงานว่าการสอบยังไม่ยุติ จึงยังไม่ใช่ข้อสรุป ผู้สื่อข่าวถามว่า นพ.บรรลุ ศิริพานิช อดีตรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตอบรับเป็นกรรมการชุดใหม่แล้วหรือยัง นายอภิสิทธิ์ตอบว่า "ยัง เดี๋ยวผมจะเรียนกับท่าน" เมื่อถามว่า การตั้งคณะกรรมการใหม่มาสอบซ้ำอีกครั้ง จะทำให้สังคมมั่นใจและเชื่อถือได้มากแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ตอบว่า เราพยายามหาคนมีความเป็นกลาง ไม่เกรงใจใคร เปิดทางให้เต็มที่ จึงไม่น่าจะมีอะไร ต้องเคลือบแคลงใจ การกล่าวหาทุจริตมีทุกสมัย เราก็เอาจริงเอาจัง ไม่เพิกเฉย ส่วนที่มีเสียงคัดค้าน พล.ต.อ. ประทิน สันติประภพ อดีต ส.ว.กทม. เป็นกรรมการสอบสวนชุดใหม่นั้น ข่าวล่าสุดบอกว่า ไม่มีปัญหา กรรมการชุดใหม่มีอำนาจตรวจสอบได้หมด ไม่มีการไปขีดเส้นห้ามไปยุ่งกับนักการเมือง

เซ็งข้อมูลหมอชนบทไม่ชัดเจน

เมื่อถามว่า ผลสอบที่ออกมา มีรายชื่อตรงกับที่แพทย์ชนบทเคยให้ข้อมูลนายกฯหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า วันที่หมอชนบทมาพบ เล่าข้อมูลให้ฟัง 2 ประเภท คือ 1. โครงการก่อสร้างมีราคากลางสูงเกินไป 2.การซื้อรายการต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องเก่าแล้วไม่ต้องอะไร ส่วนเกี่ยวข้องกับใครบ้าง เขาก็เอ่ยขึ้นมาบางชื่อ บางชื่อก็อธิบายว่าที่พาดพิงเพราะมีเหตุการณ์อย่างไร หรือบางชื่อบอกว่า เคยมีคนพูดถึง แต่ตรวจสอบแล้วไม่มีอะไร ตนจึงบอกว่าจะมาสรุปอย่างนี้ไม่ได้ ต้องให้คณะกรรมการสอบในรายละเอียด แต่บังเอิญว่าวันรุ่งขึ้นเขาไปบอกว่าเอารายชื่อใส่มือตน ซึ่งมันไม่ได้มีลักษณะอย่างนั้น เขาเพียงแต่อธิบายให้ฟัง

เผย "บรรลุ" รับสอบโกงแล้ว

วันเดียวกัน ที่กระทรวงสาธารณสุข นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ได้ทาบทาม นพ.บรรลุ ศิริพานิช อดีตรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ร่วมเป็นกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการไทยเข้มแข็ง ตามที่ชมรมแพทย์ชนบทเสนอชื่อ และ นพ.บรรลุได้ตอบรับเป็นกรรมการร่วมกับ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีต ส.ว.กทม.แล้ว โดยนายกรัฐมนตรีจะนัดทั้ง 2 คนหารือกรอบการพิจารณา รวมทั้งผู้ที่จะเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการที่ทั้ง 2 คนเสนอชื่อมา จากนั้นนายกฯจะลงนามคำสั่งแต่งตั้ง พร้อมกรอบอำนาจหน้าที่ ระยะเวลาการตรวจสอบ เพื่อให้เป็นไปอย่างกว้างขวาง โปร่งใสที่สุด ซึ่งนายกฯ มีอำนาจเรียกดูข้อมูลจากคณะกรรมการตรวจสอบของกระทรวงทุกชุด ผู้สื่อข่าวถามว่า มีใบปลิวชี้แจงรายละเอียดการบรรจุเครื่องยูวีแฟนในโครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งมีชื่อนพ.กฤษฎา มนูญวงศ์ อดีตที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุขว่าเป็นผู้สั่งการ นายวิทยาตอบว่า เพิ่งเห็นใบปลิวดังกล่าว หากผลการตรวจสอบพาดพิงใคร ทั้งข้าราชการ นักการเมือง ต้องดำเนินการตามกฎหมายทุกคน คณะกรรมการชุดที่นายกฯจะตั้งขึ้น ประกอบด้วยคนนอก มีอำนาจตรวจสอบทุกคนอยู่แล้ว ทราบว่าการทำใบปลิวในกระทรวงเป็นวิธีปกติ ขอให้สื่อมวลชนติดตามข้อมูลจากคณะกรรมการตรวจสอบชุดต่างๆดีกว่าไปเชื่อใบปลิว โดยเฉพาะผลสอบ ของคณะกรรมการชุดที่นายกรัฐมนตรีจะแต่งตั้ง จะต้องจบที่ใครเป็นผู้สั่งการให้ได้

เด้งหมอมือทำใบปลิวเข้ากรุ

นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้มีคำสั่งย้าย นพ.สุชาติ เลาบริพัตร ผอ.สำนักบริหารสาธารณสุขภูมิภาค ไปปฏิบัติงานที่สำนักวิชาการ กระทรวงสาธารณสุขชั่วคราว และให้ นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย สาธารณสุขนิเทศก์ รักษาการผู้อำนวยการสำนักบริหารสาธารณสุขภูมิภาคไปก่อน จนกว่าการสอบสวนจะเสร็จสิ้น เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวน โดยจะพิจารณาอีกครั้งว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงหรือไม่อีกครั้ง เมื่อถามว่า การโยกย้าย นพ.สุชาติคนเดียว เป็นการหาแพะเพื่อรับผิดหรือไม่ นพ.ไพจิตร์ตอบว่า ยืนยันว่าทำในสิ่งที่ถูกต้อง ทุกอย่างตรวจสอบได้โปร่งใส ส่วนรายงานผลการสอบสวนที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงรายการครุภัณฑ์ ที่มี นพ.เสรี หงษ์หยก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน จะส่งให้ตนในวันที่ 15 ต.ค. คงมีการระบุชื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในความไม่โปร่งใสในโครงการทั้งหมดน่าจะมีมากกว่า 1 รายชื่อ ผลสอบดังกล่าวจะส่งให้คณะกรรมการที่นายกฯตั้งขึ้น ใช้เป็นข้อมูลในการตรวจสอบเชิงลึกต่อไป

ลั่นกำราบเหลือบไทยเข้มแข็ง

ต่อมาเวลา 15.00 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข ได้ ตอบกระทู้ถามสดเรื่อง มาตรการป้องกันการทุจริตโครงการ ไทยเข้มแข็งว่า งบประมาณโครงการไทยเข้มแข็งเฟส 1 ของกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 11,000 ล้านบาท ยังไม่มีการอนุมัติจ่ายงบประมาณแม้แต่รายการเดียว และได้สั่งให้ทบทวนโครงการทั้งหมดแล้ว หากโครงการใดมีราคาเกินจริง จะถูกแยกออกมา และมีคณะกรรมการชุดที่ 2 สอบสวนว่าใครเป็นคนทำราคาที่เกินจริงนี้

ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ชี้แจงว่า นพ.บรรลุตอบตกลงที่จะมาเป็นคณะกรรมการสอบสวนอิสระซึ่งจะให้อำนาจ นพ.บรรลุเลือกคณะกรรมการด้วยตัวเอง เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ได้ขอให้ รมว.คลังนัดหน่วย งานที่เกี่ยวข้องในโครงการไทยเข้มแข็งว่า หากมีข้อครหา แล้วไม่มีการตรวจสอบหน่วยงานจะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น น่าเสียดายที่ยังมีคนคิดหากินกับโครงการไทย เข้มแข็ง ที่ต้องจัดการคนเหล่านี้ออกไปให้ได้