บทบก.3
ทัศนะต่อการก่อวินาศกรรมเวิร์ลเทรดเซนเตอร์ ในสหรัฐอเมริกา
การก่อการร้าย 11 ก.ย.2544 (September 11,2001)
และในช่วงสุดท้ายแห่งบทบรรณาธิการของหนังสือพิมพดีฉบับนี้ เราจะมามองดู ปัญหาระดับโลกสากล คือ การก่อวินาศกรรมในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นกรณีที่เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 เวลา 08.45 น.ในสหรัฐอเมริกา ประมาณ 2100 น. ในประเทศไทย ซึ่ง เป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงยิ่งใหญ่ ที่เกิดขึ้นในลักษณะท้าทายประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกา ในเมื่อภาพที่เห็นกันทั่วโลกทางจอแก้ว ก็คือ เครื่องบินโดยสารขนาดยักษ์ใหญ่ ของบริษัทอเมริกันแอร์ไลน์ 2 เครื่อง คือโบอิ้ง 767 และโบอิ้ง 757 ถูกยึดพร้อมคนโดยสารเต็มลำ รวม 156 คน แล้วพุ่งเข้าชนตึก เวิร์ลเทรดเซนเตอร์ ในมหานครนิวยอร์ก ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นศูนย์การค้า (commercial complex) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่บนเกาะแมนฮัตตัน เป็นตึกคู่แฝด 110 ชั้น ความสูง 414 กับ 417 เมตรตามลำดับ ในเวลาห่างกันแค่ 18 นาที โดยแยกกันชนลำละตึก จนทีวีสามารถถ่ายภาพเหตุการณ์ขณะที่เครื่องบินลำที่สองพุ่งเข้าชนตึกด้านทิศใต้ได้ถนัด เห็นภาพเครื่องบินพุ่งทะลุตัวตึกจากด้านหนึ่งเข้าไป แล้วเกิดระเบิด เป็นเปลวเพลิงพุ่งทะลุ อีกด้านหนึ่ง อย่างชัดเจน เครื่องบินชนเข้าที่ชั้น 80-85 ลำที่สองก็ชนลงระดับต่ำลงไปอีก เข้าที่ระดับกลางของตัวอาคาร จนควันเพลิงลุกท่วมเกาะแมนฮัตตัน
อุสมา บิน ลา เดน (Usma Bin Laden) ศัตรูหมายเลข1ของสหรัฐอเมริกา
แล้วไม่ถึง 1 ชั่วโมงต่อมา ตึกทั้งคู่ก็ถล่มลงราบเรียบ เห็นภาพเหมือนมหายักษ์ยอมทรุดตัวลงกับพื้นอย่างสิ้นศักดิ์ศรี CNN รายงานว่า Both towers at WTC collapse (ตึกทั้งคู่ที่ศูนย์การค้าโลกถล่มลง) ในเวลาไล่เลี่ยกัน เครื่องบินลำที่ 3 ก็พุ่งเข้าชนตึกเพนตากอน ที่ตั้งกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี บริเวณเดียวกับทำเนียบขาวของประธานาธิบดีแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา อาคาร 5 ชั้น 5 เหลี่ยมส่วนหนึง (a portion of the Pentagon) พังพินาศ แล้วก็มีรายงานเครื่องบินอีกลำหนึ่งตกที่รัฐเพนซิลเวเนีย ประธานาธิบดียอร์จ ดับเบิลยู บุช ซึ่งขณะนั้นเดินทางไปราชการที่มลรัฐฟลอริดา รีบเดินทางกลับศูนย์บัญชาการแห่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ณ ที่ไม่เปิดเผย นครวอชิงตันทันที และประกาศทันทีว่า เป็นฝีมือการก่อการร้ายสากล และว่า สหรัฐอเมริกาถูกโจมตีแล้ว เป็นสถานะของสงคราม (acts of war) แล้วพุ่งความสนใจไปที่ นาย อุสมา บิน ลา เดน (Usma Bin Laden) ศัตรูหมายเลข 1 ของสหรัฐอเมริกา ผู้นำแห่งขบวนการก่อการร้ายสากล ตามที่อเมริกาประกาศไว้ และขอให้ประเทศอาฟกานิสถาน ส่งตัว อุสมา บินลาเดน ให้สหรัฐอเมริกา อาฟกานิสถาน ไม่ยอมโดยอ้างว่าสหรัฐอเมริกาไม่มีหลักฐานที่ชี้ชัดว่า อุสมา บินลาเดน เป็นตัวการสำคัญในการก่อการร้ายครั้งนี้ และพร้อมต่อสู้ โดยประกาศว่า หากอเมริกาบุกเข้ามา อาฟกานิสถานก็พร้อม จะทำสงครามศักดิ์สิทธิ์กับสหรัฐอเมริกา เป็นเหตุให้เกิดการอพยพครั้งใหญ่ของประชาชนอาฟกานิสถานกว่าล้านคนเข้าไปในปากีสถานและเกิดสภาพพร้อมที่สองฝ่ายจะรบทำสงครามกัน
เรามองดูแล้วมีประเด็นที่ควรพิจารณาอยู่ 3 ประเด็นคือ
ประเด็นที่ 1 อเมริกา ดูจะมีความมั่นใจว่า อาฟกานิสถาน อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ และตัวการใหญ่คือ อุสมา บินลาเดน ที่หลบซ่อนตัวอยู่ในอาฟกานิสถาน นั่นเอง เรามองว่า ประเด็นที่ควรพิจารณาอยู่ที่ ความคิดเรื่องสงครามศักดิ์สิทธิ์ และเราจะเห็นได้ทันทีว่า เมื่ออาฟกานิสถาน เริ่มต้นทำลายพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่ที่สุดในโลก สิ่งที่เป็นที่เคารพนับถือบูชาในฐานะตัวแทนพระบรมศาสดาของชาวพุทธทั่วโลก โดยอ้างว่า จะทำประเทศอาฟกานิสถานให้เป็นอิสลามบริสุทธิ์ นั่นก็แทบบอกโดยเปิดเผยแล้วว่า คือการเตรียมทำสงครามศักดิ์สิทธิ์แล้วนั่นเอง น่าจะไม่ผิดหรอก ที่ความคิดเรื่องการทำรัฐอิสลามให้เป็น อิสลามบริสุทธิ์ เป็นความคิดของคนๆเดียวกันกับผู้ที่คิดทำสงครามศักดิ์สิทธิ์ตามคติแห่งศาสนาอิสลาม โดยสิทธิของความเป็นศาสนาสากลชนิดที่มีเงื่อนไข และบัดนี้ เมื่อเกิดวินาศกรรม ณ ศูนย์การค้าโลกและกระทรวงกลาโหม ของสหรัฐอเมริกา ก็เห็นชัดเจนขึ้นทันทีว่า เมื่ออาฟกานิสถาน ทำลาย พระพุทธรูปขนาดใหญ่ มรดกโลกลงราบเรียบทั้งสององค์ นั้นแล้ว นั่นหมายถึงการเตรียมแผนสงครามของอาฟกานิสถานและบิน ลาเดน อย่างสมบูรณ์แล้ว การโจมตีตึกเวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์ มีความหมายถึง การบูชาพระเจ้า เพราะทัศนะของมุสลิม ไม่พึงมีหอคอยใดสูงส่งเกินไปกว่าหอคอยที่บูชาองค์อัลเลาะห์ เมื่อมีเวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์ ๆ จึงหมายถึงการลบหลู่พระเกียรติ์ของอัลเลาะห์ พวกเขาถล่มลงเสียได้ ถือว่าเป็นการบูชาอันสูงสุด การถล่มเพนตากอนลงสำเร็จ เป็นเครื่องหมายการบูชาอีกเช่นเดียวกัน ในเมื่อความหมายอย่างมุสลิมมีว่า อำนาจใดใดหาได้เพียงซึกเสี้ยวอำนาจของอัลเลาะห์ไม่
ทั้งสองความหมายนี้บอกแล้วโดยชัดเจนว่า อาฟกานิสถานและขบวนการบิน ลา เดน ตั้งใจประกาศสงครามกับสหรัฐอเมริกาโดยตรง พวกเขาเป็นผู้ท้าทาย และปรารถนาการรบ และได้เตรียมแผนการณ์รบไว้อย่างพร้อมเพียงแล้ว และบัดนี้พวกเขาได้ความมั่นใจอย่างเต็มที่แล้วว่า พระเจ้า คือองค์อัลเลาะห์อยู่ข้างพวกเขาแล้ว ฉะนั้นอาฟกานิสถานจึงประกาศด้วยความมั่นใจต่อมาว่าแม้สหรัฐอเมริกาจะเคลื่อนแสนยานุภาพมาเท่าไร ก็ไม่อาจเอาชนะพวกเขาได้ เพราะ อัลเลาะห์ พระเจ้าอยู่ข้างพวกเขาแล้ว ต่อไปนี้ก็คือสงครามศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่แน่นอนว่าแผนการต่อสู้แบบการก่อการร้ายของฝ่ายอาฟกานิสถานและบิน ลาเดน กำลังจะเริ่มขึ้นเป็นระลอก ๆ ตามสถานการณ์สงคราม ที่ตอบโต้กัน ฉะนั้น ไม่เป็นที่น่าสงสัยในท่าทีของอาฟกานิสถาน ที่จะส่งตัวอุสมา บินลาเดน แก่สหรัฐอเมริกา นั้น เป็นสิ่งที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้ ต่อไปเมื่อสงครามเกิดขึ้น อาฟกานิสถานจะได้รับผลของสงครามอย่างไร นั่นคือผลกรรมอันยิ่งใหญ่ ที่ได้ระเบิดทำลายพระพุทธรูป องค์เหมือนของพระบรมศาสดาของพระพุทธศาสนา ตามหลักสัจธรรมที่ว่า กมฺมุนา วตฺตตี โลโก : สัตว์โลก(ไม่จำกัดเชื้อชาติศาสนาใด)ย่อมเป็นไปตามกรรม, กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ : ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว และเมื่อเป็นคุรุกรรมขนาดนี้(เทียบเคียงคุรุกรรม8ประการในคำสอนของพระพุทธศาสนา) ผลบาปย่อมตามสนองอย่างหนักแน่นอน อาฟกานิสถาน และประชาชนอาฟกานิสถาน เมื่อก่อกรรมก็ย่อมได้รับผลกรรม จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจพิศูจน์ว่าคำสอนของพระพุทธศาสนาข้อนี้ จักเป็นความจริงเพียงใดในกรณีของประเทศอาฟกานิสถาน แม้เป็นมุสลิมก็ตาม
แอนตี้ไครส์คนที่ 3 (แอนตี้ไครส์:AntiChrist = ผู้ต่อต้านพระเยซูคริสต์) ยุคค.ศ.2000
ประเด็นที่ 2 อุสมา บินลาเดน ภาพที่เห็นจากจอโทรทัศน์ เขากำลังคิดอะไร อย่างไร กับซัดดัม ฮุสเซน แห่ง อิรัค นี่เป็นที่น่าวิเคราะห์ดูในหลักการลึกซึ้งแห่งการศาสนาสากล เพราะทั้งสองคนนี้ ต่างก็พยายามเลียนแบบท่านนบี มุฮำมัดกันอยู่ มองจากฝ่ายซัดดัม ฮุสเซน ก่อน เห็นชัดเจนว่า ซัดดัม ฮุสเซน ประสบความศักดิ์สิทธิ์ในหมู่ประชาชนของเขาเอง อย่างค่อนข้างจะเหนียวแน่น จนเป็นที่ครั่นคร้ามไปในหมู่คริสเตียนคาทอลิก เมื่อชื่อของเขาไปพ้องกับคำพยากรณ์ของ นอสตราดามุส คนทรงคนสำคัญของชาวคริสต์ ยุค ค.ศ. 1500 ว่า เขาคือ แอนตี้ไครส์คนที่ 3 (แอนตี้ไครส์:AntiChrist=ผู้ต่อต้านพระเยซูคริสต์)ที่จะปรากฎขึ้นในค.ศ.2000
ในเมื่อคำพยากรณ์ว่าในปีผ่านสู่ ค.ศ.2000 จะมีบุคคลชื่อ MAbbaS เป็นแอนตี้ไครส์คนที่ 3 เกิดขึ้นมาทำลายศาสนาคริสต์(นโปเลียน มุสโสลินี แม้เจ้าฟ้าชายชาร์ลแห่งอังกฤษก็อยู่ในข่ายแอนตี้ไครส์) คำนี้ เมื่อเอาไปส่องกับกระจกแล้วอ่านออกมาตรงกับคำว่า SAddAM แต่ซัดดัม ฮุสเซน ยังมีขวากหนาม ที่ปิดเส้นทางไปสู่สากล โดยลดทอนความศักดิ์สิทธิ์ของเขาลง เพราะ อยาตุลเลาะห์ โคไมนี่หรือทายาท แห่งอิหร่าน ยังอยู่ และซัดดัมรู้ดีว่า อยาตุลเลาะห์ โคไมนี่ ยังไม่เคยลืมความเจ็บปวดแต่หนหลัง ระหว่างอิรัคกับอิหร่านเลย และที่สำคัญ ความลึกซึ้งในศาสนาอิสลาม ของซัดดัม ฮุสเซน ยังไม่ถึงระดับที่นิ่งพอ ซึ่งคุณภาพนี้ คือ ความนิ่งที่พอที่ว่านี้ เห็นได้อย่างชัดเจน สม่ำเสมอจาก อุสมา บิน ลา เดน ซึ่งหมายความถึง คุณภาพทางศาสนธรรมที่เหนือกว่า และนั่นเอง หมายถึง คนที่อาจกระทำการใหญ่ยิ่งพิเศษได้นั้น จะต้องเป็นแบบ อุสมา บิน ลาเดน คนนี้ ดูเหมือนว่าเขาเป็นบุคคลที่อัลเลาะห์ทรงเลือกแล้ว ฉะนั้น หากเขาร่วมมือได้กับทั้ง ซํดดัม ฮุสเซน แห่งอิรัค และ อยาตุลเลาะห์ โคไมนี่ แห่งอิหร่านเท่านั้น โลกอิสลามทั้งโลกก็จะไหลท่วมทับมาเข้ากับเขาและเกิดสงครามศักดิ์สิทธิ์จิฮัดขึ้นมาได้ตามที่เขาต้องการ
ประเด็นความผิดพลาดเชิงยุทธศาสตร์ของมหาอำนาจ
แต่อุปสรรคแห่งการนำ การเป็นผู้นำโลกอิสลาม ในขณะนี้ก็คือ เขา อุสมา บินลาเดน เป็นคนพเนจร มิได้มีตำแหน่งเป็นทางราชการใดใด นอกจากตำแหน่งคนของอัลเลาะห์ คือผู้ที่ฝากชีวิตไว้ในพระหัตถ์ของอัลเลาะห์แล้ว ในขณะนี้ จึงอยู่ที่ว่า เขาคิดอย่างไรกับซัดดัมฮุสเซน และอยาตุเลาะห์โคไมนีแห่งอิหร่าน และทั้งสองคนนี้คิดอย่างไรกับ อุสมา บินลาเดน หรือบางทีพวกเขาอาจจะตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้วก็ได้ นี่น่าสงสัยยิ่งนัก คงต้องคอยดูสิ่งที่พิศูจน์ คือ ต่อเมื่อสงครามเริ่มแล้ว สัก 2 ยก ถ้าเขา อุสมา บิน ลาเดน สามารถต้านทานไว้ได้ถึง 2 ยก น่าเป็นไปได้ว่า สถานะของเขาจะได้รับการรับรองจากโลกอิสลามส่วนหนึ่งทีเดียว และนั่นหมายถึงความพลาดของอเมริกาและอังกฤษ ความพลาดของ ประธานาธิบดี ยอร์ช ดับเบิ้ลยู บุช แห่งสหรัฐอเมริกา และนายกรัฐมนตรี โทนี่ แบล แห่งสหราชอาณาจักร เพราะสงครามก็จะยืดเยื้อ และยิ่งสงครามยืดเยื้อเพียงใด ความใกล้ต่อความเป็น นบี หรือศาสดาในอิสลาม ของ อุสมา บินลาเดน ก็ใกล้เข้ามา และเมื่อใดเขาได้ยกตนสู่สถานะของ นบี บินลาเดน แล้ว สถานะของเขาก็ทัดเทียมกับท่านนบี มุฮำมัด ศาสดาแห่งศาสนาอิสลามเลยทีเดียว และนั่นไม่หมายความเฉพาะสหรัฐอเมริกาเท่านั้นที่เป็นฝ่ายตรงข้ามของเขา แต่หมายถึงศาสนจักรคริสต์ทั้งมวลด้วย สหรัฐอเมริกาก็กลับจะเป็นฝ่ายถอนตัว และยุติสงครามลงด้วยความหายนะสบักสบอม คงเหลือแต่ คริสเตียน กับ มุสลิม ทำสงครามศาสนาอันศักดิ์สิทธิ์กันต่อไป (เพราะทั้งสองฝ่ายต่างมีคำว่าศักดิ์สิทธิ์ HOLY:JIHAD/โฮลี่:จิฮัด) สำหรับ สหรัฐอเมริกาเอง แม้ตระหนักอยู่ว่า ตนเองอ่อนในเชิงสงครามศักดิ์สิทธิ์ที่ว่านี้ เพราะเคยแพ้มาแล้วในสงครามเวียตนาม ที่อาศัยจิตใจศักดิ์สิทธิ์แบบพุทธ-ฮินดู ของทหารเวียตนาม จึงคิดพึ่งศาสนจักรคริสต์-คาทอลิกอยู่ แต่หากไม่เข้าใจว่า ศาสนธรรมของคาทอลิก หรือ ไบเบิล ค่อนข้างตื้นเขิน หากเชื่ออย่างศักดิ์สิทธิ์ คืองมงาย ปราศจากการวิเคราะห์แล้ว นั่นก็คือจุดที่จะพลาดอีกจุดหนึ่งของผู้นำสหรัฐอเมริกา นายยอร์จ ดับเบิลยู บุช
ผลกรรมอันหนักหน่วงของอาฟกานิสถานต่อศาสนาพุทธ
อเมริกาไม่ควรคิดแก้ปัญหาด้วยสงครามอย่างเด็ดขาด
เรากำลังมองดูว่า สหรัฐอเมริกา กำลังจะทำผิดพลาดไปอีกครั้งหนึ่งอย่างไร จริงอยู่ นี่ดูเหมือนจะเป็นบทเรียนแด่ประเทศหรือบุคคลใดก็ตามที่ได้ก่อกรรมใดเอาไว้ ผลกรรมกำลังตามสนองอย่างแรงร้ายหนักหน่วงสมควรแก่กรรมอยู่ เมื่ออาฟกานิสถานก่อกรรมร้ายแรงต่อวัตถุสิ่งที่เป็นตัวแทนขององค์บรมศาสดา ศาสนาพุทธ บัดนี้ ก็กำลังคืนสนองกรรมอันหนักหน่วงแรงร้าย อาจถึงขั้นที่ตาลีบันไม่มีแผ่นดินอยู่ หรือลบแผ่นดินอาฟกานิสถานไปจากแผนที่โลกเลย ก็ย่อมได้ แม้กระนั้นก็ตาม สหรัฐอเมริกา ก็ไม่ควรคิดการแก้ปัญหาด้วยการสงคราม อย่างเด็ดขาด ทางที่ถูกต้อง สหรัฐ โดย ท่านประธานาธิบดี ยอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ควรจะเข้าใจสาระแห่งศาสนาให้ถูกต้องเสียก่อน ที่ท่านอ้างว่าจะทำการตอบโต้แบบ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน (หรือมาย้ำภายหลังว่า With us or against us/ท่านมีสิทธิเลือก2ทางเท่านั้นคือจะเป็นมิตรหรือจะเป็นศัตรูของเรา) ตามพระคัมภีร์ ไบเบิล ว่าไว้นั้น
น่าระวัง !
เพราะศาสนาคริสต์ เป็นศาสนาสากลชนิดที่มีเงื่อนไข ต้องระวังว่า เงื่อนไขอะไร ที่ขัดต่อความเมตตาอันบริสุทธิ์ เงื่อนไขนั้นก็ย่อมใช้ไม่ได้ จริงอยู่ พระคัมภีร์ไบเบิลมีว่า ตาต่อตาฟันต่อฟัน รวมทั้งคำว่า With us or against us แต่นี่คือเงื่อนไข สำหรับปฏิบัติต่อคนอีกฝ่ายหนึ่งที่เป็นศัตรูของตน หรือเป็นฝ่ายตรงกันข้ามกับตน ซึ่งเจตนาของพระคัมภีร์ไบเบิล จะหมายถึง คนที่ไม่นับถือศาสนาคริสต์ หรือคนที่ไม่เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า ที่มีฐานะเป็นผู้ต้องโทษอยู่แล้ว ซึ่งเป็นคำสอนที่ไม่เป็นธรรม สำหรับชนที่มีความเชื่อในศาสนาอื่น ๆ นอกจากนี้คำสอนบทนี้ก็ไม่สอดรับพ้องต้องกันกับคำสอนที่ว่า เมื่อศัตรูตบแก้มซ้าย ให้ยื่นแก้มขวาให้ตบด้วย ซึ่งบ่งถึงความลำเอียงของไบเบิล ที่เป็นการเมือง เอียงเข้าข้างตัวเอง เอาดีเข้าตัวเอาชั่วเข้าคนอื่น ทำให้ขาดความเป็นสากล และขาดความเมตตาโดยบริสุทธิ์ มีลักษณะเลือกปฏิบัติเป็นคน ๆ ไป เป็นพวก ๆ ไป สำหรับฝ่ายเราก็ปฏิบัติแบบหนึ่ง แต่สำหรับฝ่ายเขา ก็อีกแบบหนึ่ง ไม่เสมอกันเช่นนี้ ฉะนั้น จึงน่าที่จะยั้งคิดในหลักการศาสนาที่นำมาเป็นหลักตัดสิน ระดับยุทธศาสตร์ ให้ดี ควรมอง พิจารณา หลักการที่ว่า เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร จะถูกต้องกว่า เพราะจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี นี่ควรเป็นยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาครั้งนี้ สหรัฐควรดำเนินการสอบสวนสืบสวนหาตัวการคนร้ายไปโดยปกติ ตามระบบความร่วมมือของรัฐต่าง ๆหรือหลักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ในโลกนี้ เพราะโลกไม่ควรทำสงครามกันเองในขณะนี้ เพราะตามหลักสัจธรรมที่ศาสนาพุทธกล่าวไว้ ก็คือธรรมดา โลกมีทิฏฐิ มานะ อัตตา อยู่เพียบแล้ว ไม่ควรไปกระตุ้นสิ่งนี้ขึ้นมา ในขณะที่โลกมีปัญหาวิกฤติทางเศรษฐกิจ เพราะ มิฉะนั้น ทิฏฐิ มานะ อัตตา ของโลกยิ่งจะแรงขึ้นไป และนั่นจะเป็นเหตุที่ก่อสงครามที่ยืดเยื้อไม่มีวันสิ้นสุด เพราะจะต้องมีตัวตายตัวแทนสืบความอาฆาตจองเวรกันตลอดไป โลกควรจะมีความสามัคคีกันยิ่งขึ้น เพราะโลกทั้งหมดกำลังเผชิญปัญหาวิกฤตร่วมกัน ที่ยิ่งใหญ่ คือปัญหาเศรษฐกิจ อาหาร ที่อยู่อาศัยยิ่งลดน้อยลงไปตามลำดับขณะที่ประชาชนอเมริกาเองกลับทวีการบริโภคเพิ่มขึ้นๆ
สหรัฐควรนำทางอวกาศเพื่อแสวงหาโลกใหม่โดยด่วนดีกว่าจะมัวทำสงครามกันอยู่
ทางที่ถูก สหรัฐอเมริกาควรทำหน้าที่ผู้นำโลก ประสานโลกให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวเป็นญาติสนิทมิตรสหาย กันทั้งโลก เพื่อต่อสู้ปัญหาเศรษฐกิจอาหารและที่อยู่อาศัยร่วมกันทั้งโลก สหรัฐควรวางบทบาทเป็นยักษ์ใหญ่ใจดี [a kindhearted giant] จะน่ารักที่สุด โลกจะต้องบุกเบิกอวกาศให้เป็นผลสำเร็จโดยเร็ว จะต้องรีบสรุปผลการสำรวจดาวอังคาร จะต้องหาโลกใหม่ในอวกาศให้พบในเร็ว ๆนี้ เพื่อเป็นทางออกของปัญหาวิกฤตในโลก และโลกทั้งโลกต่างก็ยินดีให้สหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำในด้านนี้ มิฉะนั้นเมื่อเกิดปัญหาเพิ่มพูนขึ้น โลกจะไม่มีทางแก้ไขเลย ฉะนั้นถ้ามามัวทำสงครามอยู่ ก็จะเสียเวลาไปทั้งหมดในการแสวงหาโลกใหม่ในอวกาศ และจะกลายเป็นว่า ทางเลือกของหมู่มนุษย์คือการกระทำบาปกรรม อันเป็นการโง่เขลา อวิชชา เพราะย่อมเห็นอยู่แล้วว่า สงครามย่อมเข่นฆ่าประชาชนพลโลกลงจำนวนมหาศาลเสมอ ถ้าสหรัฐอเมริกา คิดจะลดทอนพลเมืองลง เหมือนการเผาฆ่าฝูงแกะเป็น ๆ นับล้านตัวในอังกฤษแล้ว ก็เป็นบาปกรรม และนั่นจะเป็นการสร้างเวร คือการสนองกันและกันในหมู่มนุษย์ก็จะเป็นไปแบบสัตว์ป่าที่มีสันดานดิบครอบครองจิตใจ ผลก็คือมีการทำสงคราม หรือทำร้ายกันด้วยอารมณ์และเทกนิกที่โหดร้ายขึ้นไปทุกที ไม่มีการให้อภัย (ดูกรณี God's army กองทัพในศาสนาคริสต์คาทอลิกที่ปฏิบัติการอยู่ในเขตปลดปล่อยพม่า บุกเข้ามายึด ร.พ.ราชบุรี ประเทศไทย จึ้จับตัวคนป่วยไข้ได้เจ็บเป็นเครื่องต่อรองผลประโยชน์ตนอันเป็นพฤติกรรมโหดไร้ศีลธรรมอย่างยิ่งอย่างไม่สมกับความเป็นศาสนาอย่างไร) และในที่สุดก็นำมวลมนุษย์ไปพบหายนะอย่างใหญ่หลวงและประชาชนในสหรัฐอเมริกาอังกฤษนั่นเองที่จะได้รับผลกรรมบาปก่อนใครอื่น
ถึงเวลาที่โลกมาศึกษาไบเบิลและอัลกุรอานอย่างนักวิจัยจริง ๆ
ประเด็นที่ 3 อุสมา บินลาเดน ย่อมมองว่า รอยเท้าของท่านนบี มุฮำมัด ผู้สร้างศาสนาอิสลาม คือรอยที่เดินไปบนสงคราม เมื่อเป็นฝ่ายชนะสงคราม ศาสนาอิสลามก็ตั้งขึ้นได้ เพราะสงครามเป็นที่มาแห่งศาสนาอิสลามและพระมหาคัมภีร์อัลกูรอาน หากชนะสงครามคราวนี้ ศาสนาอิสลามก็ครอบครองโลก เกียรติ์ของอัลเลาะห์ย่อมโด่งดังไพศาล และแท้จริงแล้วมุสลิมทั่วโลก ก็พร้อมที่จะไหลเทไปสนับสนุนบิน ลาเดน หากพวกเขาเห็นว่ามีทางที่จะเป็นไปได้เช่นนั้น โดยไม่มีเหตุผลใดใดทั้งสิ้นนอกจากชนะสงครามเพื่อพระเจ้าของเขา แต่ หากเห็นว่าไม่มีทางชนะ ก็พร้อมที่จะตีจากเขา และพากันประณามยกความชั่วทั้งหมดทั้งมวลขึ้นทับถมเขา บิน ลาเดน อีกเช่นกัน เพื่อเอาตัวรอด ซึ่งตามมาตรฐานแห่งอัลกูรอานแล้ว ผู้ใดทำผิด? ผู้ใดทำถูก ? ทางฝ่ายสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ สงคราม ย่อมหมายความรวมไปถึงช่องทางการแสวงหาประโยชน์เป็นวัตถุนิยม เงิน และอำนาจ หากคราวนี้ สหรัฐอเมริกามองเช่นนั้น เราก็สามารถสรุปได้เลยว่า แท้จริง การปะทะ หรือการรบ หรือสงครามครั้งนี้หมายถึงความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย พวกเขาสมัครใจเลือกความรุนแรงกันเอง เลือกที่จะทำสงครามกันเอง อันเป็นเหตุให้โลกทั้งโลกและคนบริสุทธิ์ทั้งหลายพลอยเดือดร้อนไปด้วยทุกหย่อมหญ้า อย่างที่ไม่มีใครนึกละอายใจกล้ารับผิดชอบ แต่เมื่อสถานการณ์เป็นไปเช่นนั้น ประเทศใดเล่าจะได้ประโยชน์ ผู้มีตาสว่าง สติปัญญาดี เท่านั้นจะได้ประโยชน์จากสถานการณ์เลวร้าย ผู้รู้จักมองสถานการณ์และวางแผนทำวิกฤตให้เป็นโอกาสขึ้นมาได้ ย่อมได้ประโยชน์ที่แท้จริง อนึ่ง ในระยะยาวภายหลัง โลกคงจะได้ข้อคิดที่ฉกรรจ์ ว่า ทิฏฐิทั้งหลายเหล่านี้ ทั้งหมด มาจากอิทธิพลของหนังสือสองเล่มที่โลก-นักวิชาการโลก ไม่เคยเอาใจใส่ว่า มีเนื้อหาที่แท้จริงอย่างไร เพราะโลกอยู่ใต้คำข่มขู่ฉกรรจ์ของหนังสือทั้งสองเล่มนี้มาแต่ต้นจนกลายเป็นสับบอร์ดิเนตไปโดยไม่รู้ตัว และนั้นก็คือ หนังสือ ไบเบิล และ อัลกูรอาน นั่นเอง โลกคงจะได้มามองกันจริง ๆ ว่า ทั้งหมดเหล่านี้เป็นผลของหนังสือสองเล่มนี้ อย่างไร และถึงเวลาที่จะต้องศึกษาวิจัยดูจริง ๆ ว่าเป็นหนังสืออย่างไร !!!
เราไม่อาจสรุปได้ว่า สถานการณ์ระหว่างสหรัฐอเมริกา กับ ขบวนการก่อการร้ายสากล บิน ลา เดน และประเทศอาฟกานิสถาน จะเป็นไปและสิ้นสุดลงอย่างไร แต่ก็จะได้เห็นในไม่ช้านี้
