ข่าวคดีคลินตั้น กับเลวินสกี้
ช่อง 9
31 ก.ค.41 1920 น.
สหรัฐอเมริกา คดีประธานาธิบดีแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา นายบิล คลินตั้น เคลมสาว บุคคลระดับผู้นำสูงสุดสหรัฐ มาถึงขนาดจะมีการพิศูจน์คราบอสุจิบนเสื้อผ้าของ น.ส.โมนิก้า เลวินสกี้ ขณะเป็นพนักงานฝึกหัดในทำเนียบขาว ว่าจะมีร่องรอยไหม ขณะเดียวกัน นางสาวพอลล่าร์ โจนส์ ผู้หญิงอีกคนหนึ่งก็ยื่นดำเนินการกับคลินตั้นต่ออีกในชั้นอุทธรณ์ การสำรวจมติมหาชนก็คงสำรวจต่อไป เช่นโทรทัศน์สี ซีบีเอส และ บางสำนักผลก็ออกมาแตกต่างกัน บ้างว่าคนยังนิยมคลินตั้น เพราะชื่นชมการทำงานของเขา บางสำนักว่าประชาชนยังข้องใจและว่าหากเป็นจริงคลินตั้นควรลาออก บางสำนักว่า ประชาชนเชื่อว่าคลินตั้นมีเพศสัมพันธ์กับเลวินสกี้จริง นั่นหมายความว่าคลินตั้นให้การเท็จต่อศาล และนั่นก็คือโกหกประชาชน น่าถอดถอนจากตำแหน่งเสียที คลินตั้นตัดสินใจจะให้การอัยการ 17 ส.ค.41 ประเทศอเมริกากว้างใหญ่ มีความเจริญทางการศึกษาทุกแขนง น่าจะมีคนดีมีความสามารถพอให้เลือกได้มากมาย คนดีมีเพียงนายบิล คลินตั้น คนเดียวหรือ น่าที่จะหาคนมาแทนได้แล้ว ขณะนี้นายบิล คลินตั้นดำเนินนโยบายผิดพลาด อย่างใหญ่หลวง ขาดความรอบคอบ จนก่อศัตรูขึ้นทั่วทุกมุมโลก หากปล่อยให้บริหารงานต่อไป ประเทศอเมริกาและประชาชนอเมริกันจักโดดเดี่ยว ไร้มิตรไมตรีที่จริงใจ ประเทศต่าง ๆ และพลเมืองของประเทศทั้งหลายทั่วโลกจะมองดูอเมริกาอย่างรังเกียจขยะแขยง เพราะมุ่งกอบโกยเงินตราเข้าประเทศโดยวิธีการไม่ชอบธรรมทุกวิธีการเพียงดังว่าปล้นโลก แต่ชาวอเมริกันทั้งหลายหายั้งคิดไม่ เพราะพอใจในลาภผลเงินทองรายได้ที่คลินตั้นทำมาหาได้ หากชาวอเมริกันไม่ยั้งคิดในเรื่องเงินเสียแล้ว ผลร้ายจักเกิดขึ้นต่อประเทศและประชาชนอเมริกันอย่างแน่นอน
มองจากคดีเพศสัมพันธ์บ่งบอกว่าเขาเป็นชายอเมริกัน นักบริหารสาธารณะแห่งชาติอเมริกันคนแรกที่ไร้สำนึกทางศีลธรรม จริยธรรมและวัฒนธรรม ไร้ยางอายเป็นอันมากผิดปกติมนุษย์ อันเป็นคุณสมบัติจำเป็นของมนุษย์ นั่นหมายความว่า กระทำการอันเป็นการดูหมิ่น ดูแคลน ไม่ซื่อตรง มีกริยาหน้าซื่อใจคด ต่อภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย คือ คุณนายคลินตั้น อันเป็นสตรีหมายเลข 1 ของโลกด้วย ต่อบุตรสาวของเขาเองด้วย และผู้บริหารอย่างเขาเมื่อบริหารอยู่ ก็ย่อมปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ที่ไร้ยางอายเฉกเช่นเดียวกับเขาเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า รายล่าสุดก็คือ หนุ่มสาวอเมริกันคู่ที่ประกาศจะร่วมเพศครั้งแรกของตนให้คนทั้งโลกดูทางอินเตอร์เนต จึงน่าที่โลกจะได้ร่วมกันพิจารณากรณีนี้อย่างจริง ๆ จัง ๆ และในเบื้องต้น น่าจะประกาศห้ามหนุ่มสาวคู่นี้เข้าประเทศของตน ๆ ฐานมีวัฒนธรรมทรามขาดสำนึกแห่งศีลธรรม จริยธรรมและวัฒนธรรมแห่งมนุษย์ หากไม่ระวังคนคู่นี้ ปล่อยให้เข้ามาก็อาจก่อเกิดอันตรายทางวัฒนธรรมทรามเช่นนี้ระบาดในหมู่เยาวชน นักเรียน นักศึกษา แม้กระทั่งประชาชนทั่วไปในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้