สนธิ ลิ้มทองกุล วันนี้
ASTV1, 10 ก.ค.2551, 2000 น.
เวทีม็อบถนนราชดำเนิน
ขณะที่ครอบครัว พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร พากันชื่นมื่นรื่นรมย์ด้วยการรับขวัญความสำเร็จการศึกษาของลูกสาว น.ส.แพธารทอง ชินวัตร และขณะที่นิตยสารฟอจน์ ยังประกาศระดับมหาเศรษฐีโลก ซีงมีคนไทยหลายคนและรวมทั้งพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ยังคงติดอันดับมหาเศรษฐีโลกอยู่ บนเวทีม็อบถนนราชดำเนินสะพานมัฆวานรังสรรค์ พบสนธิ ลิ้มทองกุล ระบายความคั่งแค้น ความอิจฉาริษยาของเขารุนแรงอย่างระเบิด ภาพที่เห็นเขาคั่งแค้นเหมือนคนบ้าเสียสติ เขาตะโกนก้องลงไปสู่หมู่ม็อบที่นั่งสลอนฟังเขาอย่างลูกเล็กเด็กแดงบนพื้นถนนที่เปียกชื้นด้วยฝน อย่างกับว่าคนทั้งหลายเหล่านั้นเป็นถังขยะที่รองรับอารมณ์เคียดแค้นของเขา
ลูกจีนอย่างผม ยังมีชีวิตอยู่ผมต้องเอานายนพดล ปัทมะตายให้ได้ ..... จะไปอยู่ไหนก็ตามผมจะลากคุณมาติดคุกให้ได้.....เจอนายนี่ที่ไหนให้เรียกมันว่าไอ้ขายชาติ ...ให้มันรู้ว่าเงินทองที่มันได้มามันไม่คุ้ม..... เขามักมีภาพหลอนที่ฝังใจว่าคนรัฐบาลทำงานด้วยเงินค่าจ้างที่ทุจริต เขาสวมเสื้อยึดสีขาวมีอักษร ลูกจีนรักชาติ(น่าจะเป็นลูกเจ๊กรักชาติมากกว่า)
ที่หน้าอกเสื้อ
เหมือนกับที่เคยกล่าวคำอาฆาตจองเวร พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ไว้ตั้งแต่ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทยคราวที่รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ สัญจรระยะแรกในหอประชุมธรรมศาสตร์ ว่าเขาจะคอยตามไปดู ไม่ว่าคน ๆ นี้จะไปถึงไหน เขาจะให้ทีมข่าวของเขาตามไปรายงานอย่างละเอียดทุกแห่งหนที่เขาไปอยู่ ดูว่าคนอย่างทักษิณ ผู้ขายชาติ โกงกิน โกงชาติ โคตรโกง โกงทั้งโคตร จะต้องพบกับความวิบัติล่มจม เงินที่โกงชาติไปจะต้องวิบัติฉิบหาย มันเองจะไม่มีแผ่นดินอยู่
วันนี้เขาเริ่มบอกมาตรการกักขละใหม่ ๆ แก่ม็อบว่าให้ถุยน้ำลายใส่หน้าคนโกง คนขายชาติ โดยเริ่มถุยใสนพดล ปัทมะ คุณเดินผ่านมัน ให้ถุยน้ำลายใส่หน้ามัน ... หรือออกคำ ถุย ถุย ถุย ใส่มัน (ธรรมเนียมคนจีนรุ่นแรก ๆ ที่เข้ามาเมืองไทยจะ ขาก...ถุย กันเป็นธรรมดา) เขาไม่เพียงระบุอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายนพดล ปัทมะ ผู้แสดงสปิริต ลาออกจากตำแหน่งไปแล้ว พร้อมคำยืนยันว่าตนได้ทำคุณประโยชน์แด่ประเทศชาติโดยได้ปกป้องเขตแดนไทย มิให้สูญเสียแม้เพียงตารางเซนติเมตร (ตรงกับคำยืนยันของฝ่ายทหาร) แต่เขาอาฆาตไปถึงรัฐมนตรีทั้งคณะ เสียงของเขากึกก้องเมื่อระเบิดคำว่า ..........มันต้องติดคุกตลอดชีวิต สมควรไหมพี่น้อง ........ ทุกคนตั้งแต่นายสมัครลงไป ต้องติดคุกตลอดชีวิต .....
นี่คือการปลุกระดมมวลชน โดยหวังเพิ่มพูนความศรัทธาจากประชาชนต่อเขา และเพิ่มความเกลียดชัง พยายาทอาฆาตจองเวรแด่คนอื่นโดยไม่ชอบธรรม กระนั้นภาพของสนธิ ลิ้มทองกุลวันนี้ เหมือนดูหมิ่นดูแคลนประชาชน เขาเห็นประชาชนข้างล่างของเวที เป็นที่ระบายอารมณ์อันรุ่มร้อนที่เคียดแค้นพยาบาทฝังใจอันสาหัสฉกรรจ์ของเขาซึ่งเป็นภาพความน่าสังเวชของประชาชนเหล่านั้น
แต่วันนี้ เขามิกล้าเอ่ยออกชื่อคน ๆ หนึ่ง คือ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อันลดทอนสถานะวีรบุรุษลูกเจ๊กลูกจีนรักชาติของเขาลงไปเป็นผู้ระย่อระยอบ (เหมือนสุนัขได้กลิ่นสาบของเสือใหญ่) แต่กระนั้นวันนี้เขายังไม่ละหันหลังพิงสถาบันกษัตริย์ อันเป็นสถาบันสูงสุดที่เคารพบูชาของประชาชนไทย โดยหลักการโฆษณาชวนเชื่อว่า The Sun Also Rises (ดวงอาทิตย์ก็พลอยส่องแสงจ้ากับหมู่ดาวทั้งหลายด้วย)
เขาเคยกล่าวคำยุยงส่อเสียด ให้ประชาชนเข้าใจผิดจนเจียนเกิดการแตกแยกอย่างแรงมาแล้ว คราวรัฐบาลทักษิณจัดพิธีกรรมทำบุญประเทศไทยในอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) โดยพูดให้ประชาชนทั่วประเทศตะลึงมาแล้วในยุครัฐบาลทักษิณนั้นว่า นายกรัฐมนตรีไทยกระทำการลบหลู่หมิ่นแคลนพระมหากษัตริย์ เพราะกระทำการเสมอกษัตริย์และเกินไปกว่าที่กษัตริย์ทรงกระทำ นับแต่สวมรองเท้าเข้าไปในพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ในอุโบสถวัดพระแก้ว อันเป็นการกระทำเสมอพระมหากษัตริย์ ไม่ให้ความเคารพด้วยการสวมเสื้อแขนสั้นไปร่วมพิธีกรรม และจัดที่นั่งของตนทับที่พระมหากษัตริย์ เป็นต้น จนแทบอลเวงกันไปทั้งประเทศ คนทั้งประเทศแทบลุกขึ้นมาปฏิวัติล้มล้างรัฐบาลทักษิณ จนกระทั่งสำนักพระราชวังต้องออกมาอธิบายว่า การทำบุญประเทศไทยคราวนั้น ทางรัฐบาลจัดพิธีกรรมไปถูกต้องตามแบบแผนประเพณีทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่เป็นการดูแคลนพระมหากษัตริย์เลย จึงสงบลง
วันนี้ ในขณะที่สถานการณ์ฝ่ายม็อบได้เปรียบอย่างยิ่ง เขาจึงมิละเว้นที่จะฉวยโอกาสเอาจากสถาบันกษัตริย์ มายุยงส่งเสริมโดยหวังให้เกิดแตกแยกอย่างเป็นเสี่ยง ๆ ในฉับพลันทันที อีกครั้งหนึ่ง โดยกล่าวว่า ...... การเมืองกำลังร้อนแรง กำลังจ้องทำลายพระมหากษัตริย์ ..........คุณรู้หรือเปล่าว่าสถาบันกษัตริย์กำลังอยู่ใต้อันตราย... เขาจูงจมูกม็อบไปทุกอย่าง แน่ละม็อบในที่นั่น เชื่อเขาทุกถ้อยคำ ด้วยผลของการโฆษณาชวนเชื่อล้างสมองม็อบซ้ำแล้วซ้ำอีกในที่นั้นมายาวนานกว่า 45 วันแล้ว
วันนี้ สนธิ ลิ้มทองกุล หลวมตัวเบ่งอำนาจคับแผ่นดิน เขาทำการกล่าวหา และตัดสิน ทุกคน ทุกสถาบันที่เขารังเกียจ ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับเขา ทุกอย่างผิด และถูกบนปลายลิ้นของเขาแต่เพียงคนเดียว
แต่เราเองต้องการความเป็นธรรม และเรารู้ความจริงจึงต่อสู้ เพื่อให้เห็นว่า สนธิ ลิ้มทองกุล เป็นตัวอันตรายของประเทศชาติในยุคนี้โดยแท้จริง
เขาคือขบวนการบ่างช่างยุ ผู้ทำลายสามัคคีธรรมของประชาชนไทยทั้งชาติ และเขาคือขบวนการเข่นฆ่าประชาธิปไตย ผู้ตามล้างตามผลาญสายเลือดประชาธิปไตยไทยมิให้ผุดให้เกิด เพราะแท้จริง เขาต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย เพื่อเขาได้เป็นใหญ่ในฐานะ ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐไทย นายตั๊บ แซ่ลิ้ม ลูกเจ๊กลูกจีนผู้อ้างว่ารักชาติ คนนั้น
และวันนี้ เรายังมีความหวังที่ไม่สิ้นสุด กับวิถีทางประชาธิปไตย เมื่อประชาธิปไตยที่แท้จริงแข็งแกร่งขึ้นมา ขบวนการบ่างช่างยุนี้ก็จะต้องสิ้นไปทันที
สุไหงปาดี
10 ก.ค.2551